Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการปลูกปะการัง(ล่าสุด)_chutapa_เนื้อหา

คู่มือการปลูกปะการัง(ล่าสุด)_chutapa_เนื้อหา

Description: คู่มือการปลูกปะการัง(ล่าสุด)_chutapa_เนื้อหา

Search

Read the Text Version

คู่มอื การปลูกปะการังดว้ ยพวี ซี ี บทที่ 1 ความหมายและความสาคญั ของปะการงั 1.1 สถานการณป์ ะการังของโลกและในประเทศไทย จากการรายงานสถานการณ์ของปะการังทั่วโลกพบว่า มีการสูญเสียปะการังไปแล้วกว่า 50% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าในปี 2050 แนวปะการังอาจตายลงเกือบทั้งหมด อันเนื่องมาจากอุณหภูมิของน้าทะเลที่เพ่ิมสูงข้ึนจากภาวะโลกร้อน (Global warming) ซึ่งก่อให้เกิด ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Bleaching) ท่ีก้าลังสร้างหายนะให้แก่แนวปะการังทัว่ โลก นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ทย เร่งศึกษาความหลากหลายพันธุกรรม เฝ้าระวังปะการังไทยเสี่ยงสูญพันธุ์ และใช้เคร่ืองหมายโมเลกุล (DNA marker) วิเคราะห์ชนิดและหาปะการังทนร้อน (Resilience species) ซ่ึงเป็นหน่ึงในทางรอดของปะการัง ท่ามกลางวิกฤติโลก วันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปีองค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็นวันสากลแห่งความ หลากหลายทางชีวภาพ (International Day of Biological Diversity) เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาคมโลก ต่างตระหนักถึงความส้าคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ แต่นับวันสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติกลับ เลวร้ายลงทุกทีล่าสุดรายงานประเมินสถานการณ์โลก ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศวิทยา ระบุว่า พืชและสัตว์ราว 1 ล้านสายพันธุ์ จากทั้งหมด 8 ล้านสายพันธุ์ทั่วโลกก้าลังเผชิญความเส่ียงต่อการสูญ พันธุ์ กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์โดยตรง เช่น การท้าประมงมากเกินก้าลังผลิตตามธรรมชาติ การใช้เครื่องมือ ประมงและการท้าประมงแบบผิดวิธี การท่องเที่ยว ปัญหาขยะ และมลพิษ จัดเป็นภัยคุกคามท่ีส้าคัญต่อ ปะการัง อกี ทงั้ ยังส่งผลโดยออ้ มที่กอ่ ใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน และ ส่งผลกอ่ ใหเ้ กิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) (ภาพท่ี 1.1) ซ่งึ กา้ ลังสรา้ งความเสียหาย ให้แก่แนวปะการังและระบบนิเวศทางทะเลท่ัวโลกและสถานการณ์ยังคงมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น (National Oceanic and Atmospheric Administration, 2564) สา้ หรบั ประเทศไทยนัน้ มีพื้นทป่ี ะการังรวม 148,955 ไร่ หรือ 238.33 ตารางกิโลเมตร โดยในปี 2559 พบสถานภาพของแนวปะการังฝั่งอ่าวไทยอยู่ใน สถานภาพสมบูรณ์ดีมากร้อยละ 32.5 สมบูรณ์ร้อยละ 12.5 เสียหายร้อยละ 15 เสียหายมากร้อยละ 25 รวม เสยี หายฝั่งอา่ วไทยมากถึงร้อยละ 50 ส่วนฝง่ั ทะเลอันดามัน สมบูรณร์ ้อยละ 11.8 เสยี หายร้อยละ 5.9 เสยี หาย มากร้อยละ 47.1 รวมเสยี หายรอ้ ยละ 53โดยภาพรวมแล้วฝั่งทะเลอันดามนั มีความเสียหายมากกวา่ ฝ่ังอ่าวไทย (กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง, 2560) Coral bleaching 1. อุณหภมู ขิ องนา้ ทะเลท่ีสงู ข้นึ 2. การไหลลงของน้า จดื อยา่ งรวดเรว็ และ มีการพามลพษิ ลงมา ด้วย 3. ความเขม้ แสงที่ เกิดจากอุณหภูมิท่ี สงู ขึน้ 4. การเกดิ ภาวะนา้ ลด อย่างรวดเร็ว (low tide) ภาพท่ี 1.1 ปรากฏการณฟ์ อกขาว (Coral bleaching) ในพ้นื ที่แนวปะการงั อา่ วไทยฝ่งั ตะวันออก ที่มา: ดัดแปลงจากประสาน แสงไพบลู ย์ และคณะ, 2561 1

คู่มอื การปลูกปะการงั ดว้ ยพีวซี ี 1.2 ชวี วทิ ยาและการจดั จาแนกปะการัง ปะการัง (Coral) เป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังท่ีจัดอยู่ในไฟลัมไนดาเรีย (Cnidaria) จัดเป็น ส่ิงมีชีวิตใกล้เคียงกับ แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล ไฮดรา แต่สิ่งท่ีท้าให้ปะการังแตกต่างจากกลุ่มน้ีก็คือ ปะการัง สามารถดึงสารแคลเซียมคาร์บอเนตจากน้าทะเลมาสร้างเป็นโครงสรา้ งแข็ง เพื่อเป็นท่ีอยู่อาศัยได้ ถ้าสังเกตจะ เหน็ วา่ มชี ่องเล็ก ๆ และแต่ละช่องกค็ ือท่อี ยู่ของตัวปะการงั แตล่ ะตัวน่ันเอง ปะการังมขี นาดเล็กแตล่ ะตัวเรียกว่าโพลิปเป็นสัตว์ที่มรี ปู รา่ งทรงกระบอก มโี พรงในล้าตัว และมหี นวด ท่ีมีเข็มพิษ (Nematocyst) อยู่รอบปากเพ่ือใช้ในการจับสัตว์น้าท่ีมักเป็นแพลงก์ตอนหรือสัตว์น้าขนาดเล็ก ป้อนเข้าสู้ปาก และด้วยเหตุที่ปะการังไม่มีทวารหนัก ดังนั้นของเสีย รวมถึงเซลล์สืบพันธ์ุ ไข่ สเปิร์ม หรือตัว อ่อนของปะการังก็จะถูกขับออกทางปากเช่นเดยี วกัน โดยทว่ั ไปแตล่ ะโพลปิ ของปะการังจะอาศัยรวมกันอยู่เป็น กลุ่ม โดยมีเน้ือเย่ือเช่ือมต่อกัน เรียกว่าโคโลนี ท่ีประกอบไปด้วยโพลิปเดี่ยว ๆ จ้านวนมาก เป็นกลุ่มที่สร้าง ลักษณะของปะการงั (สุชนา ชวนชิ ย์ และวรณพ วิยกาญจน์, 2552) ภาพท่ี 1.2 โพลิปของปะการัง ภายในเน้ือเยื่อของปะการงั แข็งโดยทั่วไป รวมทั้งปะการังอ่อนบางชนิด มีสาหร่ายเซลล์เดียวที่เรียกวา่ สาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ร่วมอาศัย สาหร่ายเหล่านี้คอยแบ่งปันพลังงานท่ีสร้างขึ้นจากการ สังเคราะห์ด้วยแสงให้กับตัวปะการัง รวมทั้งให้สีสันท่ีหลากหลายแก่ปะการังน้ัน ๆ ด้วย ปัจจุบันทั่วโลกพบ ปะการังกว่า 800 ชนิด โดยในน่านน้าไทยพบกว่า 280 ชนิด ปะการังที่พบเป็นชนิดเด่น คือ ปะการังเขากวาง และปะการังโขด (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง, 2561) ลักษณะรูปทรงของปะการัง หรือโครงสร้างของ โคโลนี โดยสามารถแบง่ ตามลกั ษณะทเ่ี ห็นออกไดเ้ ป็น 7 กล่มุ คอื 1. ปะการงั ก้อน (Massive coral) : กล่มุ ท่มี ลี ักษณะเป็นก้อนตันคลา้ ยก้อนหนิ เช่น กลุ่มปะการังโขด สกุล Porites 2. ปะการังกง่ิ ก้าน (Branching coral) : กลุ่มที่มีลกั ษณะเป็นกง่ิ ก้าน การเติบโตแตกแขนงคลา้ ยเขา กวาง เชน่ ปะการังเขากวาง สกลุ Acropora 3. ปะการังแผน่ (Plate like coral): กลมุ่ ท่ีมีลักษณะการเตบิ โตเปน็ แผ่นและแผข่ ยายออกไปใน แนวราบคล้ายจานหรือโต๊ะ เชน่ ปะการงั จาน สกุล Turbinaria 4. ปะการังแท่ง (Columnar coral): กลุ่มที่มลี กั ษณะการเติบโตเป็นแท่ง 5. ปะการังเคลือบ (Encrusting coral): กลมุ่ ทมี่ กี ารเตบิ โตขยายไปตามลกั ษณะพื้นทปี่ กคลมุ 2

คู่มอื การปลูกปะการังด้วยพวี ีซี 6. ปะการงั กลีบซอ้ น (Foliaceous coral): กลุ่มท่ีมีลักษณะการเตบิ โตเปน็ แผ่นซ้อนกันในแนวต้ัง คล้ายผักกาด เชน่ ปะการังดอกจอกสกุล Pectinia 7. ปะการงั เด่ียว (Free living coral) ไดแ้ ก่ ปะการังดอกเห็ด (Mushroom coral) จัดเป็นปะการัง กลุ่มเดยี่ วทไี่ มย่ ดึ ติดกับพืน้ แข็ง มลี กั ษณะการอยแู่ บบเดีย่ ว ๆ ไมม่ ีการการอยู่ร่วมกันเปน็ โคโลนี โดยแต่ละตวั มี เพยี งโพลปิ เดียวเท่านัน้ ไมว่ ่าจะมขี นาดเทา่ ใด เชน่ ปะการังเห็ด สกุล Fungia กข คง จฉ ภาพที่ 1.3 ความหลากหลายของปะการังในอ่าวไทยฝ่ังตะวันออก พื้นทด่ี ้าเนนิ การโครงการฟ้ืนฟูปะการัง ก. ปะการังโขด (Porites sp.) ข. ปะการงั เห็ด (Fungia sp.) ค. ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) ง. ปะการังจาน (Turbinaria sp.) จ. ปะการังกาแลกซี่ (Galaxea fascicularis) ฉ. ปะการงั สมอง ร่องยาว (Platygyra sp.) ทีม่ า: สรศักดิ์ นาคเอีย่ ม และคณะ, 2560 3

คู่มอื การปลูกปะการงั ดว้ ยพีวซี ี 1.3 พฤติกรรมการกินอาหารของปะการัง กลไกการกนิ อาหารของปะการังมี 4 แบบ ได้แก่ 1. การกินอาหารโดยการล่าเหย่ือ (Predation feeding) โดยใช้เข็มพิษปลายหนวดแทงเหยื่อ และใช้ หนวดจับเหยื่อเข้าปาก หรือวธิ อี ื่นเช่น การปลอ่ ยตาข่ายน้าเมือก ซึง่ จะท้างานสมั พันธ์กับเขม็ พิษ 2. การกินอาหารทแ่ี ขวนลอยในนา้ (Suspension feeding) จะพบในปะการังทีม่ ีโพลปิ ขนาดใหญ่ โดย ส่วนมากจะยน่ื โพลิปเพื่อกินอาหารในเวลากลางคืน เนื่องจากมีแพลงก์ตอนหรืออาหารมากกวา่ ในเวลากลางวัน หรือจะยืน่ ตวั ออกมาเม่อื หิว 3. การกินโดยการดดู ซมึ อาหาร (Osmotic feeding) อาศัยกระบวนการแรงตึงผิว ดดู ซึมสารไนโตรเจน จากโปรตีนทล่ี อยอย่ใู นนา้ โดยการซมึ ผา่ นผิวปะการังโดยตรง และขบั ออกในรปู ของเสยี เช่น แอมโมเนยี 4. การกินอาหารจากการสังเคราะห์แสง (Autotrophic feeding) ปะการังจะได้รับสารอาหารและ พลังงานจากกระบวนสังเคราะห์แสงของสาหรา่ ยซแู ซนเทลลี่ อาศัยอยู่ภายในเนื้อเย่อื ปะการัง ปะการังจะได้รับสารอาหารส่วนใหญ่ (ซ่ึงอาจสูงกว่า 80% ของปริมาณสารอาหารที่ปะการังได้รับ) จากสาหร่ายเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในเนื้อเย่ือของปะการังโดยมีช่ือเรียกว่า ซูแซนเทลลี่ สาหร่ายจะใช้ของเสีย จากการขับถ่ายของปะการัง เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน ในการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร และเพ่มิ จ้านวนเซลล์ โดยปะการงั จะไดร้ ับสารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรทและออกซเจน ซ่ึงเป็นผลผลิตจาก การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายในการเจริญเติบโตและสร้างโครงสร้างหินปูน นั่นท้าให้ปะการังท้ังหลายมีการ ดา้ รงชวี ติ ทีข่ ้ึนตรงตอ่ แสงอาทิตยแ์ ละจะเจริญเตบิ โตไดใ้ นน้าทะเลใสตื้น ๆ 1.4 การสืบพนั ธุ์ของปะการัง การสบื พันธ์ุของปะการงั แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1. แบบอาศัยเพศ วิธีน้ีปะการังส่วนใหญ่ที่เป็นตัว ๆ มากมายประกอบกันเป็นโคโลนีนั้น เม่ือโตเต็มท่ี แล้วก็จะปล่อยไข่หรือสเปิร์มของตัวมันออกมา บางชนิดในโคโลนีเดียวกันจะมีทั้งสองเพศคือ ปล่อยมาท้ัง สเปิร์มและไข่ สเปิร์มและไข่ของปะการังเม่ือออกมาแล้วจะผสมกันเป็นตัวอ่อน เรียกว่า พลานูลา (Planula) เปน็ ทนี่ ่าสนใจวา่ การผสมพันธุ์ของปะการังด้วยวิธีนจ้ี ะเกดิ ขึ้นพร้อม ๆ กันในทะเล ส้าหรบั เมอื งไทยอยู่ในระยะ เดือนมนี าคมถงึ พฤษภาคม ซง่ึ ตวั ออ่ นเหล่านจ้ี ะขึ้นมาลอยอยู่ในน้าทะเลเต็มไปหมด จนบางคร้ังเขา้ ใจผิดว่าเป็น การเพิ่มจ้านวนของแพลงตอนพืช ลุกปะการังตัวเล็กๆ จะล่องลอยไปตามกระแสน้าอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเจอพ้ืนท่ีๆ เหมาะสม จะลงเกาะกับวัตถุที่แข็ง เช่น ก้อนหิน หรือซากปะการัง จากน้ันปะการังก็จะ เร่มิ สรา้ งโครงสร้างแข็งท่ีเปน็ หนิ ปนู ขึ้นมาเปน็ โครงร่าง 2. แบบไม่อาศยั เพศ นัน่ คือ ปะการังจะแตกหน่อออกไปเร่ือย ๆ ขยายออกไปตามลักษณะของปะการัง แตล่ ะชนิด ทา้ ใหโ้ คโลนีมขี นาดใหญข่ นึ้ โพลปิ ขนาดเล็ก แตกออกจากโพลปิ แม่ หนอ่ ใหมจ่ ะแยกตัวออกมาสร้าง โครงสร้างของตัวมันเอง เม่ือเพิ่มจ้านวนมากข้ึนก็กลายเป็นกลุ่มโคโลนี เมื่อจ้านวนโคโลนีเพ่ิมมากข้ึนก็ กลายเป็นปะการังก้อนใหญ่ และในท่ีสุดหินปะการังหลายๆ ก้อนก็กลายมาเป็นแนวปะการัง เมื่อปะการังเก่า ตายลง โพลิปใหมจ่ ะเติบโตบนยอดของโคโลนที่หลงเหลืออยู่ โพลิปท่ีมีชีวติ จะพบได้ในชัน้ นอกสุดของโครงสร้าง ปะการังที่เติบโตเท่าน้ัน และแนวปะการังส่วนใหญ่จะประกอบด้วยโครงสร้างของปะการังท่ีตายแล้ว ซึ่ง ประกอบไปดว้ ยชน้ั ของหินปูน หรอื แคลเซียมคาร์บอเนต โดยช้นั ของหนิ ปนู น้ันเกิดจากการสะสมเพม่ิ มากขึ้นใน แตล่ ะปนี ่นั เอง แนวปะการังสามารถแบ่งได้เปน็ 3 ชนิด ได้แก่ แนวปะการังชายฝ่ัง เปน็ แนวปะการังขนาดเล็กท่ี มกี ารแพรก่ ระจายตามพ้ืนที่ชายฝั่ง แนวปะการังแบบก้าแพง เปน็ แนวปะการังท่ีอยู่ห่างจากชายฝ่ัง มโี ครงสร้าง แบ่งตามเขตน้าต่าง ๆ ในช่วงน้าลง อีกท้ังถูกแยกจากชายฝั่งด้วยทะเลสาบน้าเค็ม และแนวปะการังแบบเกาะ 4

คู่มอื การปลูกปะการังด้วยพีวีซี ซึ่งเป็นแนวปะการังที่ก่อตัวในน่านน้าลึก มีลักษณะเป็นวงแหวนหรือเกือกม้า อาจเกิดจากการที่ภูเขาไฟยุบตัว ส้าหรับการสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศอีกวิธีการหน่ึงก็คือ การหักออกเป็นท่อนของปะการัง (Fragmentation) ซึ่งเกิดจากส่วนของปะการังตามธรรมชาติมีการหักออกจากต้นเดิม อันเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ คล่ืนลมใน ทะเล หรือเกิดจากภาวะการเบียดกันในขณะที่ก้าลังเจริญเติบโต ท้าให้เกิดการหักของปะการัง แล้วมีการ เจริญเตบิ โตเกิดโคโลนขี น้ึ มาใหม่ ดงั ภาพท่ี 1.4 โดยโครงการของมูลนิธเิ นน้ การปลกู ขยายพันธ์ปุ ะการงั ด้วยวธิ ีนี้ ภาพที่ 1.4 ชนดิ ของการสืบพนั ธ์ขุ องปะการัง มที ง้ั การสบื พันธแ์ุ บบอาศยั เพศ และไมอ่ าศัยเพศ ท่ีมา: Coral, 2021 (https://coralreefplease.weebly.com/) 1.5 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมท่มี ผี ลต่อการดารงชวี ติ ของปะการัง ปจั จยั ด้านสง่ิ แวดล้อมประกอบไปดว้ ยปจั จัยทางกายภาพ และชวี ภาพ ดังน้ี 1.5.1 แสง แนวปะการงั ทัว่ ไปพบอยูใ่ นบริเวณน้าต้นื ที่แสงส่องถึงหรือในท่ีท่ีมตี ะกอนหรือแพลงก์ตอน ในปริมาณท่ีแสงสามารถส่องถึงเนื่องจากสาหร่ายซูแซนเทลล่ี (Zooxanthellae) ท่ีอยู่ในเน้ือเย้ือปะการัง ต้องการแสงในการสังเคราะห์แสง ซึ่งสาหร่ายซูแซนเทลลี่นั้น คือ สาหร่ายเซลล์เดียวในสกุล Symbiodinium spp. มีสีน้าตาลอมเหลือง อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังแบบพึ่งพาอาศัยซ่ึงกันและกันกับปะการัง และเป็น แหลง่ พลงั งานหลักของปะการัง (มากกวา่ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของพลังงานที่ปะการังได้รบั ) สาหร่ายซูแซนเทลลี่จะ ใช้ของเสียที่เกิดจากปะการัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการหายใจ และธาตุอาหารต่างๆ จาก กระบวนการเมตาบอลิซึมมาใช้ในการสังเคราะห์แสงท่ีได้ผลผลิตเป็นออกซิเจนและสารอาหารส่งกลับให้ ปะการัง แต่ปะการังบางประเภทสามารถอยู่ในน้าลึกได้ เนื่องจากไม่มีสาหร่ายซูแซนเทลล่ีอยู่ในเน้ือเย่ือ ปะการังกลุ่มนี้มีการเจริญเติบโตช้าและไม่สามารถพัฒนาเป็นแนวปะการัง ดังน้ันจึงพบแนวปะการังตามแนว ชายฝงั่ รอบเกาะหรอื ภูเขาใต้ทะเล และไม่พบแนวปะการงั ในทที่ ลี่ ึกกวา่ 50 เมตร 1.5.2 อุณหภูมิ โดยปกติปะการงั สามารถด้ารงชวี ติ ได้ในท่ีที่มีอุณหภูมนิ ้าทะเลอยู่ในชว่ ง 20-30 องศา เซลเซียส แต่หากอุณหภูมิน้าทะเลมีการเปล่ียนแปลงจากปกติเช่น อุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิสูงสุดที่ปะการัง สามารถอยู่ได้ตามปกติ 1-2 องศาเซลเซียสติดต่อกันเป็นเวลานาน ปะการังจะขับสาหร่ายซูแซนเทลลี่ออกจาก 5

คู่มือการปลูกปะการงั ดว้ ยพีวซี ี เซลล์ และเนอื่ งจากรงควัตถุของสาหรา่ ยชนิดน้เี ป็นส่วนหน่ึงที่ท้าให้ปะการังมีสีต่างๆ ดังน้ันเมือ่ ไมม่ ีสาหร่ายจึง สามารถมองผ่านเน้ือเยื้อใสของปะการังลงไปจนเห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูน ซ้ึงเรียกปรากฏการณ์น้ีว่า ปะการังฟอกขาวสาหร่ายซูแซนเทลลี่ (Zooxanthellae) คือสาหร่ายเซลล์เดียวในสกุล Symbiodinium มีสี น้าตาลอมเหลืองที่อาศัยอยู่ในเน้ือเยื่อของปะการังแบบพ่ึงพาอาศัยซึ่งกันและกันกับปะการังและเป็นแหล่ง พลังงานหลักของปะการัง (มากกว่า 80 เปอร์เซน็ ต์ ของพลังงานท่ปี ะการังไดร้ ับ) โดยสาหร่ายซแู ซนเทลล่ีจะใช้ ของเสียที่เกิดจากปะการัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการหายใจ และธาตุอาหารต่าง ๆ จาก กระบวนการเมตาบอลิซึมมาใช้ในการสังเคราะห์แสงที่ได้ผลผลิตเป็นออกซิเจนและสารอาหารส่งกลับให้ ปะการงั 1.5.3 ความเค็ม ปะการังตอ้ งการความเค็มทคี่ ่อนข้างคงที่ในช่วง 30-36 ดงั นน้ั บริเวณปากแมน่ ้าหรือ ในพื้นท่ีท่ีมีน้าจืดไหลลงมามากจึงไม่พบแนวปะการัง หรืออาจมีปะการังบางชนิดที่ทนน้ากร่อยข้ึนกระจายเป็น หย่อม ๆ 1.5.4 ตะกอน ตะกอนที่มีขนาดเล็กคล้ายดินโคลน (Silt, clay) เป็นอันตรายต่อปะการังมาก เพราะ นอกจากจะลดการส่องผ่านของแสงแล้ว ตะกอนเหล่านั้นอาจปกคลุมอยู่บนก้อนปะการังซึ่งโดยท่ัวไปแล้ว ปะการังสามารถขับเมือกออกมาเพื่อจับกับตะกอนให้ไหลหลุดออกไปได้ และในบริเวณท่ีมีคล่ืนหรือกระแสน้า ไหลเวียนดตี ะกอนจะถูกพัดพาออกไป ปะการังจงึ สามารถอยู่ได้ แต่ในบรเิ วณท่ีมีการตกของตะกอนมากเกินไป จนปะการังไม่สามารถก้าจัดออกไปได้ทันปะการังจะเสือ่ มโทรมลงและตายในที่สดุ 1.5.5 พื้นท่ีลงเกาะ ตัวอ่อนของปะการังส่วนใหญ่จะสร้างฐานหินปูนยึดติดกับพ้ืนท่ีลงเกาะก่อนท่ีจะ เจริญเติบโตขยายขนาดโคโลนีต่อไป พื้นที่ท่ีปะการังสามารถลงเกาะและสามารถเจริญเติบโตได้ดีควรเป็นพืน้ ท่ี แข็งที่มีความม่ันคง ไม่ถูกกระแสคล่ืนลมพัดพาไปโดยง่าย รวมทั้งไม่มีสิ่งมีชีวติ ที่จะมาแก่งแย่งพื้นท่ีกับปะการัง ข้ึนคลุมอยู่ก่อนแล้ว เช่น สาหร่ายขนาดใหญ่ เพรียงหิน ฟองน้า พรมทะเล (Zoanthids) พ้ืนท่ีท่ีปะการัง สามารถลงเกาะได้ดีไดแ้ ก่ ซากแนวปะการงั เก่า กอ้ นหินขนาดใหญ่ แทง่ เหล็ก แทง่ คอนกรตี อิฐบล็อกซีเมนต์ ท่ี จมอยใู่ ต้น้าระยะหน่ึง เป็นตน้ 1.6 บทบาทและความสาคญั ของปะการังต่อระบบนเิ วศและมนุษย์ แนวปะการังเป็นระบบนิเวศทีม่ ีคุณคา่ และประโยชนน์ านปั การ ความสา้ คญั ของแนวปะการังมีดังนี้ 1.6.1 เปน็ แหลง่ ที่อยู่อาศัยของพืชและสตั วน์ านาชนิด ทั้งนเี้ พราะลกั ษณะท่ีมซี อกมโี พรงอยู่ทั่วๆ ไป ท้าให้เหมาะต่อการหลบภัยเป็นท่ีอยู่และหาอาหารหลายชนิดมีค่าทางเศรษฐกิจสามารถที่จะจับมาใช้อย่างถูก วิธี การอนุรักษ์ได้ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา หลายชนิดเป็นท่ีนิยมในการบริโภค ตลอดไปจนถึงการสะสม ท้าให้มี ราคาแพงและเปน็ ที่ตอ้ งการของตลาดมาก 1.6.2 แนวปะการังตามชายฝงั่ มีสว่ นในการชว่ ยลดความรุนแรงของคล่ืนทก่ี ระทาต่อชายฝ่ังได้ เม่อื คลื่นปะทะกบั ปะการงั ท่ขี อบแนวปะการัง คล่ืนจะแตกตัวท้าใหค้ วามรุนแรงที่กระทบหาดทรายลดลง ในหลายๆ แหง่ ซ่งึ ปะการงั ถกู ทา้ ลายไป ชายฝง่ั ทะเลจะถกู กดั เซาะและพงั ทลาย ท้าให้เกดิ ความเสียหายอยา่ งมาก 1.6.3 แนวปะการังเป็นแหล่งท่องเท่ียวใต้ทะเล เนื่องจากความสวยงาม ความหลากหลายของ ส่ิงมีชีวิต น้าที่ใสสะอาดและองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย ท้าให้บริเวณแนวปะการังกลายเป็นแหล่งพักผ่อน หย่อนใจและดึงดูด นักท่องเท่ียวเป็นอย่างดี และขณะนี้จ้านวนนักด้าน้าก้าลังเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศ ไทยและตา่ งประเทศกา้ ลงั นิยมดา้ น้าในประเทศไทยกันมากขน้ึ 1.6.4 ความสาคัญของปะการังและส่ิงมีชีวิตในทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขก้าลังขยาย ตัวอย่างมาก เพราะสามารถสกัดสารเคมีจากสิ่งมีชีวิตเหล่าน้ีไปใช้ประโยชน์กันได้นานัปการ เช่นท้าครีมทา 6

คู่มือการปลูกปะการงั ด้วยพวี ีซี ป้องกันแสง อัลตราไวโอเลตซ่ึงท้าลายเซลล์ผิวหนัง การสกัดสารต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในการทดลองเก่ียวกับ โรคมะเรง็ การคน้ หาสารเพือ่ ขบั ไล่ปลาฉลาม เป็นต้น 1.6.5 ปะการังยังมีคุณค่าในการทาให้เกิดทรายกับชายหาด โดยเกิดจากการสึกกร่อนแตกย่อยของ โครงสรา้ งหินปูน โดยการกดั กรอ่ นจากสตั วท์ ะเลบางชนิด และโดยคลืน่ เปน็ ต้น 1.6.6 ปะการังเป็นดัชนีช้ีวัดคุณภาพของส่ิงแวดล้อมและระบบนิเวศ หากน้าได้รับมลพิษทั้งจาก ชายฝ่งั หรอื จากการท้าประมง การเดนิ เรอื การทอ่ งเทย่ี ว อตั ราสว่ นระหว่างเปอรเ์ ซ็นตก์ ารปกคลุมพ้ืนท่ีของ ปะการังท่ีมีชีวิต (LC) จะน้อยกว่าปะการังตาย (DC) แสดงว่าระบบนิเวศอยู่ในสถานภาพเสียหายมาก (กรม ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2561) 1.6.7 ปะการังช่วยสนับสนุนการทางานของระบบนิเวศหญ้าทะเลในการกักเก็บคาร์บอนไว้ในดิน ตะกอนและมวลชีวภาพ โดยผลการวิจัยก่อนหน้าน้ีพบว่าระบบนิเวศหญ้าทะเลท่ีมีระบบนิเวศปะการังอยู่ ใกล้เคียง จะส่งเสริมหน้าท่ีในการกักเก็บคาร์บอนจากน้าทะเล และชั้นบรรยากาศของระบบนิเวศหญ้าทะเล (Chowdhury et al., 2015) ดงั ภาพท่ี 1.5 ภาพท่ี 1.5 การกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศชายฝ่ัง โดยมีระบบนิเวศปะการังช่วยในการสนับสนุนการท้า หน้าที่เชงิ นิเวศ ทีม่ า: Chowdhury et al., 2015 บทท่ี 2 7

คู่มือการปลูกปะการังดว้ ยพวี ซี ี การเลือกพ้ืนทีป่ ลูกและการอนบุ าลปะการังเพอื่ การฟื้นฟู 2.1 วัตถปุ ระสงค์ของการขยายพนั ธุป์ ะการัง 2.1.1 เพ่ือการอนุรักษ์ปะการัง ระบบนิเวศปะการังเป็นระบบนิเวศที่มีลักษณะเฉพาะตัวและมีความ สวยงามไม่เหมือนระบบนิเวศอื่น ๆ ส่วนประกอบทั้งหมดในระบบนิเวศข้ึนอยู่กับแต่ละส่วนที่เป็นอาหารและท่ี อยู่อาศัย ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าหากส่วนประกอบหนึ่งอันถูกท้าลาย เช่น ปะการังถูกน้าออกไปจากระบบนเิ วศ ก็จะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศท้ังหมด ผลกระทบท่ีเกิดขึ้น เช่น ปลาและสัตว์อื่น ๆ ก็จะไม่มีท่ีอาศัยไว้หลบภัย จากผู้ล่า เป็นตน้ แนวปะการงั มคี วามส้าคัญในแงท่ ่ีเปน็ แหลง่ ทรัพยากรอาหารของมนุษย์ สิง่ มชี ีวติ ตา่ งๆจา้ นวน มากในแนวปะการงั นั้นสามารถกินเป็นอาหารได้ เช่น ปลาชนดิ ตา่ ง ๆ ปลงิ ทะเล หอยสองฝา กุ้ง และหมึก เปน็ ต้น นอกจากแนวปะการังจะเป็นแหล่งอาหารแล้ว แนวปะการังยังมีความส้าคัญในแง่เป็นตัวป้องกันดินชายฝั่ง และเกาะ โดยเป็นแนวกันคลื่นตามธรรมชาติ คลื่นในมหาสมุทรที่มีความแรงและสูงนั้นจะลดขนาดลงในแนว ปะการังเป็นคล่ืนที่มีขนาดเล็กลงก่อนท่ีจะพัดถึงชายฝั่ง ซ่ึงถ้าหากว่าไม่มีแนวปะการงั อยู่บริเวณนั้น คลื่นขนาด ใหญ่จะตชี ายฝั่งทันที 2.1.2 เพ่ือการฟื้นฟูปะการัง ระบบนิเวศปะการังมีความเส่ือมโทรมที่เกิดจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น สภาวะโลกร้อน ลมพายุ เกิดคล่ืนรุนแรงท้าให้ก่ิงก้านของปะการังแตกหัก รวมถึงปรากฏการณ์ปะการัง ฟอกขาว ท้าให้ปะการงั เกิดความเสียหายเป็นวงกวา้ ง และความเสอื่ มโทรมท่เี กดิ จากการกระทา้ ของมนษุ ย์ เชน่ การปล่อยน้าเสีย น้ันจะประกอบด้วยสารอาหารจ้านวนมาก เช่น ไนเตรท และฟอสเฟต การเพ่ิมข้ึนของ สารอาหารในน้าท้าให้สาหร่ายสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สาหร่ายแข่งขันแย่งพ้ืนท่ีกับปะการัง ดังนั้น บางคร้ังสาหร่ายเติบโตครอบคลุมก้อนปะการัง ท้าให้ปะการังตาย การทิ้งขยะ ได้แก่ พลาสติกและโลหะนั้น อาจจะถูกโยนลงในทะเล สัตว์ในทะเลอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าขยะเหล่าน้ีเป็นอาหารและพยายามกินอาหาร เหล่านี้ บางคร้ังสัตว์ก็เข้าไปติดอยู่ในขยะ เช่น พลาสติกท่ีเป็นอวนติดพันกับปลาหรือปะการังไม่สามารถหลุด ออกได้ ท้าให้มันบาดเจ็บหรือตายในที่สุด การท้าประมงมากเกินก้าลัง และการใช้เครื่องมือแบบท้าลายล้าง การทา้ ประมงมากเกินก้าลงั ผลติ เกดิ เม่ือมกี ารจับสัตว์ทต่ี ้องการจา้ นวนมากเกินไป ออกจากแนวปะการัง ท้าให้ ปลาตัวเต็มวัยท่ีเหลืออยู่มีไม่เพียงพอในการสืบพันธ์ุ และคงขนาดของประชากรไว้ สัตว์ชนิดน้ันก็จะกลายเป็น สตั วท์ ่ีหายากหรอื กา้ ลังสญู พันธุก์ ารนา้ อุปกรณท์ า้ ประมง เช่น ตาข่ายไนลอนมาใช้ เปน็ การเพ่มิ จา้ นวนสตั ว์ที่จับ ได้มากขึ้นและยังท้าให้เกิดการท้าประมงมากเกินก้าลังอีกด้วย ส่วนการท้าประมงโดยใช้เคร่ืองมือแบบท้าลาย ล้างเช่น การวางระเบิด และวางยาเบ่ือปลานั้นเป็นการฆ่าสัตว์แบบไม่มีการเลือก การใช้ระเบิด น้ันจะท้าลาย โครงสร้างแนวปะการัง ซ่ึงท้าให้สูญเสียพ้ืนท่ีอาศัยส้าหรับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแนวปะการัง และน้าไปสู่การท้า ประมงเกนิ ก้าลังผลิตตามธรรมชาติ การเก็บปะการัง บางประเทศมีการสะสมปะการังเพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง นอกจากน้ียังมีการใช้ ประโยชน์ปะการังเป็นของที่ระลึกและตกแต่งในตู้ปลา การน้าก้อนปะการังออกจากแนวปะการังน้ันมี ความส้าคัญ ทั้งน้ีเนื่องจากชีวิตสัตว์จ้านวนมากขึ้นอยู่กับปะการังในเร่ืองของอาหารและท่ีอยู่อาศัย นอกจากนี้ การเพม่ิ ขน้ึ ของขนาดประชากรของมนุษย์มผี ลกระทบบางประการ แมว้ ่าจะไม่มคี วามสัมพนั ธโ์ ดยตรงกต็ าม 8

คู่มอื การปลูกปะการังด้วยพีวีซี ปัญหาจากการท่องเที่ยวในแนวปะการัง การพัฒนาการท่องเท่ียวก็สามารถกลายเป็นอันตรายขนาดใหญ่ ส้าหรับแนวปะการังได้เช่นกัน โรงแรม หรือรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่อยู่บนฝ่ังใกล้กับแนวปะการังน้ัน สามารถ ท้าลายแนวปะการังได้ เนื่องจากน้าเสียที่เป็นอินทรีย์สารนั้นอาจปล่อยลงบนแนวปะการัง เหตุการณ์เช่นน้ี สามารถหลกี เลย่ี งไดโ้ ดยการบ้าบัดนา้ เสยี และปล่อยลงทไี่ กลจากแนวปะการัง การท้าลายอ่ืน ๆ นน้ั เกิดจากการ ไม่มปี ระสบการณ์ หรอื การด้านา้ อย่างไมร่ ะมัดระวังโดยการเหยียบปะการัง การทงิ้ ขยะ การเปล่ียนจุดทนุ่ และ การทอดสมอเรอื (ภาพที่ 2.1) ซ่งึ ทา้ ใหป้ ะการงั แตกหกั และในบางครง้ั ทา้ ให้เกดิ การท้าลายสตั ว์จา้ นวนมากใน แนวปะการงั เพ่ือนา้ มาทา้ เป็นของทร่ี ะลึกขายนักท่องเที่ยว ภาพท่ี 2.1 กิจกรรมที่ส่งผลตอ่ แนวปะการัง ทมี่ า: https://www.catdumb.com/foot-of-death-coral-290/ 9

คู่มอื การปลูกปะการงั ดว้ ยพีวซี ี 2.1.3 เพ่ือการขยายพันธ์ุปะการงั เป้าหมายของความพยายามในการขยายพันธ์ปุ ะการังคือ เพื่อเพิ่ม จ้านวนปะการังให้มีมากขึ้น เน่ืองจากการฟ้ืนตัวของธรรมชาตินั้นใช้เวลาในการฟ้ืนตัวนาน ดังน้ันเราจะใช้ เทคนิคต่าง ๆ ในการช่วยปะการัง เพ่ือเพ่ิมจ้านวนปะการังได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการช่วยในการ สืบพันธุ์ของปะการังตามธรรมชาติ ปะการังที่ปลูกยังช่วยท้าให้แนวปะการังมีมีความหลากหลายช่วยเพิ่มพื้นท่ี ของแนวปะการงั ได้อยา่ งรวดเรว็ 2.1.4 เพื่อการสร้างสต๊อกพันธุ์ปะการัง ปัจจุบันปะการังได้ถูกท้าลายลงไปเป็นจ้านวนมากจาก หลายๆปัจจัย ในการปลูกปะการังเพื่อการฟ้ืนฟูปะการังในพื้นท่ีเสื่อมโทรมแล้ว การจัดท้าโครงการธนาคาร ปะการัง (Coral Bank) ข้ึน โดยใช้ปะการังจากแปลงที่ปลูกในพ้ืนที่ เพื่อเป็นพ่อแม่พันธ์ุ ใช้ส้าหรับการทดลอง ขยายพนั ธ์ตุ ามพนื้ ทต่ี า่ ง ๆ ก็จะสามารถท่ีจะเอากิ่งพันธป์ุ ะการงั ทม่ี ีอยู่ เขา้ ฟืน้ ฟใู นพ้นื ท่ตี ่าง ๆ ได้ทนั ที 2.2 การเลอื กพ้ืนทใ่ี นการปลูกปะการงั การเลือกพื้นท่ีปลูกและฟื้นฟูปะการัง ถือเป็นจุดเริ่มต้นท่ีส้าคัญเน่ืองจากการเจริญเติบโตของปะการัง จ้าเป็นต้องอาศัยความเหมาะสมของปัจจัยด้านส่ิงแวดล้อมเป็นส้าคัญ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองของ อุณหภูมิ ปริมาณ ของแสง ความขุ่นใสของน้า ค่าความเค็ม ปริมาณตะกอน นอกจากน้ียังต้องพิจารณาถึงความส้าคัญในแง่ของ ระบบนิเวศ คือไม่ส่งผลกระทบหรือความเสียหายต่อระบบนิเวศเดิมท่ีเป็นอยู่ รวมถึงความคุ้มค่าของในแง่การ ใช้ประโยชน์และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Suraswadi and Yeemin, 2013) มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ทางทะเลและการอนุรักษ์ โดยความอุปถัมภ์ของ บมจ.วีนิไทย จึงเล็งเห็นการมีส่วนของชุมชนเพ่ือการอนุรักษ์ ทรัพยากรในท้องทะเล จึงมีเกณฑ์ให้กับชุนชนที่สนใจในการเข้าร่วมโครงการปลูกปะการังเพื่อความย่ังยืนใน การอนุรักษม์ ี 8 ขอ้ ดงั นี้ 1) ต้องมีพื้นท่ีเปา้ หมายชดั เจน ตอ้ งมที รพั ยากรแนวปะการังในพื้นที่ - พ้นื ทโี่ ครงการ ตอ้ งอยูไ่ มไ่ กลจากองคก์ รหรือชมรมมากนกั เพ่ือง่ายต่อการดูแลและท้าโครงการฯ - ต้องมีปะการัง ท่ีจะสามารถท้าโครงการฯ ได้โดยแนวปะการังอาจจะมีความเสียหายจาก ภัยธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ 2) เป็นพนื้ ทส่ี าธารณะ ใช้ประโยชนร์ ่วมกนั 3) มีองค์กรหรือชมรมที่จะวางแผนการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ (การศึกษา การใช้ประโยชน์ ปอ้ งกัน เฝ้าระวงั ฟน้ื ฟู) 4) ภายในองค์กรหรือชมรมต้องมีบุคลากรอย่างน้อย 1 คน ด้าน้า Scuba (Open water) และเป็นผู้มี ความรหู้ รือประสบการณใ์ นการทา้ งานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั 5) ตอ้ งมีเรอื เพือ่ ใช้ในการทา้ โครงการฯ อย่างนอ้ ย 1 ลา้ 6) มีองค์กรภาครัฐเป็นผู้รับรองในการด้าเนินงานหรือมีคณะกรรมการบริหารพื้นที่ซ่ึงประกอบด้วย หนว่ ยราชการท่เี กยี่ วขอ้ ง 7) ไม่เสยี ค่าใช้จ่ายในการเขา้ รว่ มโครงการฯ 8) บริษทั วนี ิไทย จ้ากดั (มหาชน) จะพจิ ารณาสนบั สนนุ ค่าใชจ้ ่ายตามความเหมาะสม 10

คู่มอื การปลูกปะการังดว้ ยพีวซี ี 2.3 การเลอื กกง่ิ พนั ธใ์ุ นการปลกู ปะการงั หลักการส้าคัญของการฟนื้ ฟูปะการังโดยการปลูกเพื่อเสริมพื้นทแ่ี นวปะการังธรรมชาตภิ ายใต้ โครงการฟื้นฟูปะการังแบบบูรณาการ ทุกภาคส่วน คือ การลดความสูญเสียของชิ้นส่วนโคโลนีปะการังท่มี ชี ีวติ ที่แตกหักเสียหายด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น พายุ สมอเรือ หรือปะการังท่ีลงเกาะในบริเวณที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเสี่ยง ต่อการโดนทรายกลบทับ หรือถูกคลื่นพัดพาไปในบริเวณท่ีไม่เหมาะสม และตายภายในท่ีสุด (Coral of opportunity) ดังนั้นจึงควรใช้ช้ืนส่วนโคโลนีปะการังทั่งมีชีวิตท่ีมีลักษณะเช่นนี้เป็น “ก่ิงพันธ์ุ” ในการฟื้นฟู ปะการังโดยการปลูกเพ่ือเสริมพื้นท่ีแนวปะการังธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการเพ่ิมโอกาสในการรอดชีวิตให้กับ ชน้ิ สว่ นโคโลนีปะการงั เหลา่ น้ีไวใ้ ห้ไดม้ ากท่ีสดุ (สถาบันวิจยั และพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝ่ังทะเล, 2562) 2.4 แนวทางการปลกู ปะการงั ของมูลนธิ ิกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนรุ ักษ์ 2.4.1 การปลูกปะการังแบบแปลงพีวีซี การทดลองปลูกปะการังด้วยท่อพีวีซี เร่ิมคร้ังแรกใน พ.ศ. 2538 โดยคณะอาจารย์สถาบันราชภัฏร้าไพพรรณี น้าโดย อาจารย์ประสาน แสงไพบูลย์ ร่วมกับนักเรียน โรงเรียนพลูตาหลวงวิทยา ณ บริเวณหาดแสมสาร ใช้แปลงเหล็กข้ออ้อย และท่อพีวีซี เป็นฐานยึดก่ิงปะการัง ต่อมาพัฒนาเป็นแปลงพีวีซี เลียนแบบลักษณะธรรมชาติ แปลงกิ่งพันธ์ุปะการังเขากวาง ท้าด้วยท่อพีวีซีขนาด 60 ซม. × 120 ซม. มีท้ังหมด 3 แถว แถวด้านนอกแถวละ 5 กิ่ง แถวกลางแถวละ 4 กิ่ง รวมปลูกกิ่งพันธุ์ได้ ทั้งหมด 14 กิ่ง (ดังภาพท่ี 2.2) การใช้ท่อพีวีซีมีข้อดีคือ มีความคงทน ท้าได้ง่าย ราคาถูก น้ามาใช้ได้หลายครง้ั และง่ายต่อการปลกู ปะการงั สามารถเก็บคนื ได้เมอ่ื สิ้นสุดโครงการ ภาพท่ี 2.2 แปลงปลูกปะการังของมลู นธิ กิ จิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ 11

คู่มอื การปลูกปะการังด้วยพีวซี ี เร่ิมด้วยการน้าก่ิงพันธุ์ปะการังใส่ในท่อพีวีซี และใช้สกรูขันน็อตเพ่ือให้ปะการังยึดเกาะ โดยให้ก่ิงของ ปะการังโผล่ออกมานอกท่อพีวีซีประมาณ 3-5 เซนติเมตร ต่อมาใช้สกรูขันยึดปะการังไว้ด้วยความแน่น พอเหมาะ จากนั้นนา้ ก่ิงปะการังที่ยึดกบั ท่อปลูกเสียบลงบนแปลงพวี ซี ี เมอื่ ปะการงั มีอายุประมาณ 1 ปี กจ็ ะแยก ก่ิงปะการังออกจากแปลงท่อพีวีซี เพื่อน้าไปวางตามแนวปะการังที่เสียหายหรือถูกท้าลาย ส่วนแปลงท่อพีวีซี และท่อปลกู กส็ ามารถน้ากลับมาใชใ้ หม่ได้ การวางแปลงปะการังควรมีระยะห่างประมาณ 30 เซนติเมตร เพ่ือไม่ให้ปะการังระหว่างแปลงติดกัน จนเกินไป ควรวางแปลงปะการังในแนวปะการังหรือในบริเวณที่เคยมีซากปะการังอยู่ เมื่อวางแปลงปะการัง แล้วควรตอกเหล็กยึดแปลงเพอื่ กนั คลื่นพัดแปลงปะการังเสยี หาย ภาพท่ี 2.3 ลกั ษณะของแปลงปลูกปะการงั ทีน่ า้ ไปฟ้ืนฟูในพ้นื ทีบ่ รเิ วณเกาะกูด จงั หวดั ตราด 2.4.2 การฟื้นฟูปะการังโดยฐานปูนและท่อปลูกพีวีซี การใช้ฐานปูนที่ท้าเลียนแบบรูปทรงให้ดู กลมกลืนเปน็ ธรรมชาตมิ ากท่สี ดุ โดยมรี พู ีวซี ีทส่ี ามารถเสยี บกงิ่ พนั ธป์ุ ะการังได้ เป็นวธี ีทงี่ ่ายต่อการปลกู ปะการัง รวมถงึ ฐานปูนยังมีนา้ หนักซงึ่ เป็นฐานให้ปะการงั เป็นอย่างดี และสามารถวางบนพื้นท่เี ป็นทรายในแนวปะการัง ได้ ภาพที่ 2.4 ลักษณะการฟ้ืนฟูปะการงั โดยฐานปูนและท่อปลูกพีวีซี บรเิ วณเกาะกดู จังหวดั ตราด 12

คู่มอื การปลูกปะการังด้วยพีวีซี 2.4.3 การฟน้ื ฟูดว้ ยกาวอพี ็อกซ่ีกับพ้ืนธรรมชาติ กาวอีพ็อกซ่ี หรือทม่ี ีชือ่ เรยี กตามท้องตลาดว่า กาว ดินน้ามัน หรือกาวสองตัน เป็นกาวที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน มีหลายรูปแบบ โดยท่ัวไปกาวอีพ็อกซี่ที่ใช้ ส้าหรับติดกิ่งพันธ์ุปะการังมีลักษณะเป็นก้อนนิ่มคล้ายดินน้ามัน มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ส่วนประกอบของ อีพ็อกซี่เรซิน (epoxy resin ) และสารเพ่ิมความแข็ง (Hardener) เมื่อผสมกาวท้ังสองส่วนเข้าด้วยกันในอัตรา เท่าๆกัน จะกลายเป็นก้อนแข็งในเวลา 30 นาที การใช้กาวอีพ็อกซี่ติดกิ่งพันธ์ุปะการังเป็นวิธที ี่นิยมใช้กันอย่าง แพร่หลายเน่ืองจากสะดวกในการใช้งาน ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ สามารถใช้ได้กับปะการังทุกรูปทรง บนพ้ืน แข็งในธรรมชาติ แต่มีราคาค่อนข้างแพง และต้องใช้เวลาในการนวดผสมกาวให้เป็นเนื้อเดียวกัน (สถาบันวิจัย และพัฒนาทรพั ยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล, 2562) 2.4.4 การฟื้นฟูด้วยกาวอีพ็อกซ่ีกับฐานอิฐบล็อค การปลูกปะการังบนพ้ืนท่ีแข็งประเภทอิฐบล็อค คอนกรีต เป็นวิธีง่ายต่อการย้ายปลูกปะการัง ใช้ในบริเวณแนวปะการังท่ีมีลักษณะเป็นหย่อมปะการังบนพื้น ทรายเรียบ ในบริเวณท่ีพ้ืนทะเลไม่ลาดชันมากนัก โดยต้องจัดเรียงอิฐบล็อคลงในพื้นที่ท่ีเหมาะสมก่อนท้าการ ย้ายปลูก วิธีน้ีเหมาะสมกับกิ่งพันธ์ุปะการังทุกรูปแบบ การติดกิ่งพันธ์ุปะการังเข้ากับอิฐบล็อคโดยกาวอีพ็อคซ่ี เนื่องจากสามารถติดก่ิงพันธ์ุใต้น้า จึงสะดวกและง่ายต่อการปฏิบัติงาน (สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทาง ทะเล ชายฝง่ั ทะเล, 2562) 13

คู่มือการปลูกปะการงั ด้วยพวี ีซี บทท่ี 3 การบรหิ ารจัดการพ้ืนท่แี นวปะการงั 3.1 สาเหตุความเส่อื มโทรมของแนวปะการัง ในปัจจุบันนี้แนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ทั้งในอ่าวไทยและฝ่ังทะเลอันดามันหลายแห่งก้าลังตกอยู่ใน สภาพที่เสื่อมโทรม ทั้งนี้สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการกระท้าและกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การใช้ระเบิด การใช้สารเคมีต่างๆ เพ่ือที่จะจับปลาในแนวปะการัง การท้ิงขยะลงในทะเล การเหยียบย้่า และการสัมผัสจาก นักท่องเท่ียว การท้ิงสมอเรือ การปกคลุมของตะกอนจากการก่อสร้าง ซ่ึงจะท้าให้น้าทะเลขุ่น ปะการังไม่ สามารถเจริญเติบโตได้ น้าเสียและน้าท้ิงจากการอุปโภคและบริโภคของแหล่งชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากน้ันสาเหตุท่ีปะการังเสื่อมโทรมก็จะเกิดจากธรรมชาติเอง เช่น การเกิดพายุในทะเล ซึ่งความ แรงของคล่ืนและกระแสน้าจะเป็นตัวท้าลายแนวปะการัง การระบาดของดาวมงกุฎหนาม ซึ่งกินปะการังเป็น อาหาร และการเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาวเป็นต้น การใช้ประโยชน์จากแนวปะการังของมนุษย์ ได้ก่อให้เกิด ความเส่ือมโทรมของแนวปะการังในหลายบริเวณ และสภาพความเสื่อมโทรมของแนวปะการังเกือบทุกบริเวณ มีแนวโน้มท่ีจะรุนแรงเพิ่มข้ึน เป็นเหตุในแนวปะการังของประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติ จนท้าให้ต้องมีการ วางแผนท่ีจัดการกับแนวปะการัง การอนุรักษ์ปะการัง และการเร่งฟื้นฟูสภาพปะการังให้มีความอุดมสมบูรณ์ เหมือนเดิม (ประสาน แสงไพบูลยแ์ ละคณะ, 2561) 3.2 การทาทุน่ และปา้ ยประชาสัมพนั ธบ์ อกเขตแนวปะการงั ทุ่นบอกเขตแนวปะการัง หรือทุ่นไข่ปลาวางเขตแนว (Tiny boundary buoy) นอกจากจะเป็น อุปกรณ์ท่ีใช้ในการบ่งชี้เขตแนวปะการังซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีอนุรักษ์และคุ้มครองแนวปะการังแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ ส้าคัญท่ีช่วยลดความเสียหายท่ีเกิดจากเรือชน การทิ้งสมอเรือที่จะเข้าในบริเวณแนวปะการัง ลดการเหยียบยา่้ แนวปะการังจากการด้าน้าแบบผิวน้า (Snorkeling ) รวมท้ังช่วยด้านความปลอดภัยของนักท่องเท่ียวในการ ว่ายน้า หรอื ด้านา้ ในแนวปะการัง ทุน่ บอกเขตแนวปะการังท่ใี ช้ในปจั จุบนั มรี ูปร่างคลา้ ยทรงกระบอกหวั ท้ายมน มีสีฉูดฉาดเพ่ือให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ส่วนใหญ่มีสีเหลือง ผลิตจากเอทีลีนไวนิวอะซิเตต ( EVA) ขนาดของทุนท่ีใช้ส่วนใหญ่คือ เบอร์ 25 มีขนาด 180x147x 28 มิลลิเมตร และเบอร์ 30 มีขนาด 190 × 158 × 33 มลิ ลเิ มตรมีรผู ่านกลางเพื่อใชร้ ้อย เชอื กหลักซึง่ เปน็ เชือกใยยกั ขนาด 20 ม.ม. ระยะหา่ งระหว่างทนุ แต่ละ ลกู จะอยใู่ นช่วง 1 เมตร1.2 เมตร หรือ 1.5 เมตร สา้ หรับทนุ เบอร์ 25 และ 2 เมตร สา้ หรับทุนเบอร์ 30 ขน้ึ อยู่ กบั ความเหมาะสม ทนุ่ แตล่ ะลกู จะถูกยดึ ใหต้ ิดกบั เชอื กหลักด้วยใช้เชือกใยยกั ขนาด 5 มิลลิเมตร การติดต้ังทุ่นจะท้าในแนวขนานกับแนวปะการังให้ห่างจากขอบนอกของแนวประมาณ 30-50 เมตร จากน้ันลากปิดที่บริเวณหัวทุ่นทั้ง 2 ด้าน โดยยึดกับแท่งซีเมนต์ขนาด 1x1 เมตร หรือโขดปะการังขนาดใหญ่ พร้อมติดต้ังเชือกยึดทุ่นหลักด้วยเชือกใยยักขนาด 22 มิลลิเมตร เป็นระยะโดยยึดกับสมอ ฐานคอนกรีต หรือ โขดปะการังตามแนวด้านในและด้านนอกของทุ่นหลักสลับกัน เพื่อไม่ให้แนวทุ่นเคลื่อนไปตามกระแสคล่ืนลม หรอื น้าข้นึ น้าลง ในการติดตั้งทุ่นบอกเขตแนวปะการังเพ่ือแสดงเขตแนวฟื้นฟูปะการังเพ่ือแสดงแนวเขตฟื้นฟูปะการัง หรือเพื่อวัตถุประสงค์อ่ืนๆดังกล่าวข้างต้น ควรด้าเนินการก่อนท่ีจะฟื้นฟูปะการังเพื่อป้องกันพ้ืนท่ีไม่ให้ได้รับ ผลกระทบจากกจิ กรรมตา่ งๆ นอกจากนใี้ นแนวปะการงั ทีม่ ีประโยชนจ์ ากการท่องเท่ียวสว่ นใหญ่จะมีการน้าเรือ มาผูกที่ทุ่นบอกเขตแนวปะการังเพ่ือน้านักท่องเที่ยวมาด้าน้าในบริเวณแนวปะการัง จนบางคร้ังท้าให้ทุ่นได้รับ ความเสยี หาย หรอื มอี ายกุ ารใช้งานสั้นลงเนื่องจากไม่ได้ออกแบบมาเพอื่ การผูกเรือ ดงั น้นั เพือ่ ไม่ให้ทุ่นบอกเขต แนวปะการังได้รับความเสียหายจากการใช้ประโยชน์ผิดประเภท จึงควรมีการติดตั้งทุ่นผูกเรือในบริเวณแนว 14

คู่มือการปลูกปะการงั ด้วยพีวซี ี ปะการังในบริเวณที่มีการใช้ประโยชน์ โดยให้ห่างจากแนวทุ่นบอกเขตแนวปะการังออกมาประมาณ 10-20 เมตร เพ่ือให้นักท่องเที่ยวจากเรือที่ผูกทุ่น ว่ายน้าหรือด้าน้าเข้าในเขตทุ่นบอกเขตแนวปะการังได้อย่างสะดวก และปลอดภัย (สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝัง่ ทะเล, 2562) ภาพท่ี 3.1 การเตรยี มทนุ่ และวางท่นุ ในแนวปะการังบริเวณท่ีมีการฟืน้ ฟู 3.3 การมีส่วนร่วมของชมุ ชนในการอนุรกั ษ์และฟื้นฟแู นวปะการัง มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ โดยความอุปถัมภ์ของ บมจ.วีนิไทย ได้เปิด โครงการวีนิไทย ร่วมใจปลูกปะการัง ในพื้นที่ที่ให้ความส้าคัญและมีความสนใจในการอนุรักษ์และฟื้นฟูแนว ปะการัง เพ่ือให้ความรู้ และสร้างจิตส้านึกให้กับ ชุมชน กลุ่มอาสาสมัคร ประชาชน ผู้ประกอบการ ในการ อนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการัง สามารถปฏิบัติงานในพื้นที่ของตนเองหรือชว่ ยเหลือเจ้าหน้าท่ีในงานท่ีเก่ียวขอ้ ง เช่น งานส้ารวจ ศึกษา วิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูลเบ้ืองต้น รวมถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝั่ง ภาพที่ 3.2 การลงนามความร่วมมอื ของพนั ธมติ รและเครือข่ายในการฟื้นฟแู ละอนุรกั ษป์ ะการงั ในบริเวณเกาะ สีชงั จงั หวัดชลบรุ ี 15

คู่มอื การปลูกปะการงั ด้วยพีวซี ี 3.4 การปลกู จติ สานึกให้กบั เยาวชนและประชาชนทั่วไปในการอนุรักษ์แนวปะการงั ค่ายวิทยาศาสตรท์ างทะเลและการอนรุ ักษ์ เริ่มก่อตั้งจากชุมนุมวิทยาศาสตรท์ างทะเล โรงเรียนพลูตา หลวงวทิ ยาคม โดยท่านอาจารยป์ ระสาน แสงไพบลู ย์ อาจารย์ ด้ารงค์ สุภาษิต และนักเรียน โดยความต้งั ใจให้ นักเรยี นและเยาวชนไดเ้ ขา้ ใจถงึ ผลกระทบของระบบนเิ วศทางทอ้ งทะเลทเ่ี สือ่ มโทรม ตอ่ มาจงึ ได้พฒั นาเป็นค่าย วิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์อย่างเต็มรูปแบบ มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละการอนุรักษ์ จากสถานการณ์จรงิ หรือการจดั หลกั สตู รพฒั นาครวู ิทยาศาสตร์ เก่ยี วกบั การ จัดค่ายและสร้างแหล่งเรียนรู้ หรือประชาชน หน่วยงานของรัฐ เอกชน ที่สนใจการท่องเท่ียวเพ่ือการเรียนรู้ เก่ียวกับธรรมชาติและการอนุรักษ์ทางทะเล รูปแบบการด้าเนินกิจกรรมเป็นการเรยี นรู้ธรรมชาติทางทะเลโดย การด้าผิวน้า (Skin diving) หรือน่ังเรือท้องกระจก การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล เช่น การปลูก ปะการัง การปล่อยพันธุ์สัตว์น้า เย่ียมชมวิถีชีวิตการท้าประมงชายฝั่ง ปฏิบัติการศึกษาความหลากหลายทาง ชวี ภาพ กายวิภาคสตั ว์ทะเล เชน่ หมึกทะเล เมน่ ทะเล และฉลาม ปฏิบตั ิการแพลงกต์ อน โดยจัดกจิ กรรมให้กับ นักเรียน นิสติ นักศกึ ษา หน่วยงานตา่ ง ๆ และประชาชนผูส้ นใจ ภาพท่ี 3.3 กิจกรรมการเผยแพร่ความรู้ในการปลูกปะการังให้กับโรงเรียนและสถานศึกษาในพ้ืนที่เกาะกูด จังหวดั ตราด 16

คู่มือการปลูกปะการงั ดว้ ยพีวซี ี บทที่ 4 พนื้ ทใี่ นการเข้ารว่ มโครงการ วีนไิ ทยรว่ มใจปลกู ปะการัง เร่มิ ด้าเนนิ การปลูกปะการังอยา่ งต่อเน่ือง ใน 8 พ้ืนทีห่ ลกั ได้แก่ ชายฝงั่ แสมสารและ เกาะขาม เกาะ สีชัง จ. ชลบุรี เกาะเสม็ด จ. ระยอง เกาะหวาย เกาะกูด และเกาะหมาก จ. ตราด และเกาะทะลุ จ. ประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับความร่วมมือจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ม.ราชภัฏร้าไพพรรณี กองทพั เรือ สถาบันวจิ ัย ทรัพยากรทางน้า จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั มูลนธิ ิกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและ การอนรุ ักษ์ โดยความอุปถัมภ์ของ บมจ.วีนไิ ทย และชุมชนในแตล่ ะพ้นื ท่ี 4.1 พื้นที่ชายฝง่ั ทะเลแสมสาร จ.ชลบุรี จุดก้าเนิดแนวคิดด้านการขยายพันธ์ุและฟื้นฟูปะการังด้วยท่อพีวีซี เป็นครั้งแรกของโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ความส้าเร็จโครงการฯ ท้าให้เกิดการยอมรับและขยายแนวคิดไปยังพื้นท่ีชายฝั่งอ่าวไทยอื่น ๆ ที่ประสบ ปญั หา สง่ ผลให้เกดิ การฟ้นื ฟูปะการงั ท่ีเปน็ รปู ธรรม ภาพที่ 4.1 จุดก้าเนิดแนวคิดด้านการขยายพันธุ์และฟื้นฟูปะการังด้วยท่อพีวีซี เร่ิมต้นท่ีชายฝ่ังทะเลแสมสาร จ.ชลบรุ ี โดยอาจารย์ประสาน แสงไพบูลย์ 17

คู่มือการปลูกปะการังดว้ ยพวี ีซี 4.2 พืน้ ท่ีเกาะขาม จ.ชลบรุ ี ในการดูแลของกองทัพเรือการสร้างโลกสีครามใต้ท้องทะเล ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม อุดมไปด้วน แนวปะการังน้าตื้น โดยตลอดเวลาที่ผ่านมามีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนท่ัวไป สนใจเข้าเย่ียมชมและ ทา้ กิจกรรมปลกู ปะการงั โดยใช้ท่อพีวีซีอยา่ งต่อเน่ือง 4.3 พนื้ ที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง จากคอลัมน์เล็ก ๆ ท่ีกล่าวถึงการปลกู ปะการงั ด้วยท่อพีวีซีในหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ กลายเป็นแรง บันดาลใจส้าคัญในการพยายามที่จะฟื้นฟูและอนุรักษ์ปะการังในพื้นท่ีเกาะเสม็ด ของกลุ่มอนุรักษ์เกาะเสม็ด และประชาชนในพ้นื ที่ 4.4 พื้นท่ีเกาะทะลุ จ.ประจวบครี ีขนั ธ์ จากการระเบิดปลาและปรากฏการณ์เอลนิโญ่ในอดีตน้าไปสู่แนวคิดในการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการัง อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของชุมชนในพ้ืนท่ี ก่อให้เกิดแรงบันดานใจ ความมุ่งมั่น และ สา้ นกึ ทจี่ ะฟ้ืนฟูอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลของชาวเกาะทะลุ สรา้ งความส้าเร็จในการฟืน้ ฟูทรัพยากรทางทะเล บรเิ วณแนวปะการงั ซ่ึงเป็นแหลง่ พนั ธุกรรมสตั ว์น้า ทา้ ใหเ้ กาะทะลุมคี วามอุดมสมบูรณ์ยิ่งขนึ้ 4.5 พ้ืนท่ีเกาะหวาย จ.ตราด ปะการังท่ีเกาะหวายมีอตั ราการเจริญเติบโตได้ทด่ี ีอย่างน่าชื่นใจ การฟืน้ ฟแู นวปะการงั ด้วยวธิ ีการปลูก ปะการงั แบบทอ่ พีวซี จี งึ เปน็ การกลับคืนมาของระบบนเิ วศที่สมบูรณ์อย่างท่ีไม่เคยมีมากอ่ น 4.6 พื้นที่เกาะกดู จ.ตราด จากความส้าเร็จของโครงการท่ีผา่ นมา ท้าให้ชุมชนคลองมาด เกาะกูด จ.ตราด สนใจเข้าร่วมโครงการ ปลูกและฟื้นฟูปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีส้าคัญในพ้ืนท่ี รวมถึงการสร้างรายได้ต่าง ๆ มากมายให้แก่ ชมุ ชน และเปน็ การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรให้คงอย่ตู ลอดไป ภาพที่ 4.3 ภาพกิจกรรมการฟ้ืนฟูและอนุรักษ์ปะการังจากความร่วมมือของพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกาะ กูด จังหวัดตราด 18

คู่มือการปลูกปะการังดว้ ยพีวซี ี 4.7 พน้ื ที่เกาะสีชัง จ.ชลบรุ ี สถาบันวิจัย ทรัพยากรทางน้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับสถาบันวิจัย ทรัพยากรทางน้า จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษฯ์ ในการปลูกปะการงั เกาะสีชัง ณ หนา้ พระราชวงั พระจุฑาธชุ ราชฐาน เพื่อเปน็ การสต๊อกก่ิงพนั ธ์ุปะการงั ในการฟ้นื ฟูแนวปะการังที่เส่ือมโทรม ในบรเิ วณเกาะสชี ังตอ่ ไป ภาพที่ 4.2 ภาพกิจกรรมการฟ้ืนฟูและอนุรักษ์ปะการังจากความร่วมมือของพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เกาะสชี ัง จังหวัดชลบรุ ี 4.8 พ้ืนท่ีเกาะหมาก จงั หวัดตราด จากผลส้าเร็จในพ้ืนท่ีเกาะกูด โครงการได้รับการติดต่อจากชุมชนเกาะหมาก เน่ืองจากชุมชนมีความ สนใจเข้าร่วมโครงการปลูกและฟื้นฟูปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส้าคัญในพื้นท่ี ก่อให้เกิดกิจกรรมเชิง สร้างสรรคใ์ นการท่องเท่ียว รวมถึงการสร้างรายได้ และภาพลักษณ์ที่ดีใหแ้ ก่ชมุ ชน ภาพที่ 4.4 ภาพกิจกรรมการฟื้นฟูและอนุรักษ์ปะการังจากความร่วมมือของพันธมิตรท่ีเก่ียวข้องในพ้ืนท่ีเกาะ กูด จงั หวดั ตราด 19

คู่มือการปลูกปะการังดว้ ยพีวีซี ชายฝ่ังทะเลแสมสาร เกาะเสเมก็ดาะหมาก เกาะขาม เกาะทะลุ เกาะหวายเกาะกูด เกาะสีชัง ภาพท่ี 4.5 แสดงพนื้ ทีใ่ นการฟื้นฟูปะการังในชมุ ชนชายฝ่งั ของมลู นิธิกจิ กรรมวิทยาศาสตรท์ างทะเลและการ อนุรักษ์ โดยความอปุ ถัมภข์ อง บมจ.วนี ไิ ทย 20

คู่มือการปลูกปะการงั ดว้ ยพวี ซี ี บทท่ี 5 อนาคตปะการงั ประเทศไทย โดย ประสาน แสงไพบูลย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั รา้ ไพพรรณี กับค้าถามที่ว่า ท้าไมจึงต้องมีการบริหารจดั การทรัพยากรปะการังของประเทศ ซ่ึงต้ังแต่อดีตท่ีผ่านมา นั้นเปรียบเสมือนเป็นเป็นทรัพยากรที่ตอ้ งค้าสาป ในที่นี้ความหมายนั้นดูจะไม่ไกลเกินค้าพูดที่กลา่ วไว้เลย เป็น เพราะทรัพยากรชนิดน้ีผูกติดกับด้วยเรื่องของกฎหมายที่เมื่อจะมีการด้าเนินการท้าอะไรสักอย่างน้ัน มักจะมี ผลกระทบในวงกว้างกับผ้ทู ีค่ ดิ จะเร่ิมเปลี่ยนแปลง และดา้ เนินนโยบายเสมอ แตถ่ ้าถามวา่ ไม่ตอ้ งจัดการทา้ อะไร เลยก็คงไม่ได้ เพราะว่าทรัพยากรปะการัง หรือแม้กระทั่งทรัพยากรธรรมชาติอ่ืน ๆ นั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แล้ว เน่ืองจากจ้านวนประชากรของคนหรือมนุษยน์ ้ันมีมากขึ้น ความต้องการในการใช้ทรัพยากรก็มากขึ้นตาม ไปด้วย โดยในอดีตน้ันผู้ที่เข้าถึงทรัพยากรได้ง่ายกว่าก็มักจะเป็นกลุ่มนายทุน ท่ีใช้ประโยชน์จากธรรมชาติท้ัง ทางด้านการท้าประมง และการท่องเท่ียว ส้าหรับการใช้ประโยชนท์ รัพยากรของชุมชนก็จะมีการเข้าถึงได้ยาก กวา่ โดยจะเปน็ การท้าประมงพ้ืนบ้าน และการท่องเท่ียวที่มีขนาดเล็ก ซึง่ เป็นลกั ษณะของการจัดการท่องเที่ยว ที่ฉาบฉวย ปะการังจากอดีต………สูป่ จั จบุ ัน ส้าหรับผู้เขียนนั้น คลุกคลีกับปะการัง ในบริเวณเกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี มากว่า 30 ปี พบการ เปลีย่ นแปลง และปญั หาที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ท้งั ทางอ้อม ไดแ้ ก่ การขดุ เอาทรายสวย ๆ จากชายเกาะ ซากปะการัง และหินก้อนสวย ๆ ออกไปจากชายหาด ก่อให้เกิดการท้าลายโครงสร้างของชายหาด ผลกระทบจากการ ท่องเที่ยวในลักษณะที่ฉาบฉวย ได้แก่ การกางเต๊นท์ การเล่นน้า การตกปลา และการเก็บของที่ระลึกออกจาก ทะเลไปด้วย รวมทั้งผลกระทบท่ีเกิดขึ้นโดยตรง ไดแ้ ก่ การเหยยี บย่า้ ของนักท่องเที่ยวในระหว่างการดา้ น้า การ ทง้ิ สมอเรอื ของผู้ประกอบการ ในบริเวณแนวปะการงั เปน็ ตน้ ซึง่ จะตอ้ งสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับ นกั ท่องเทีย่ ว และผปู้ ระกอบการ จากการท่องเท่ยี วแบบฉาบฉวย เมือ่ มาถงึ ในยุคโลกาภิวตั น์ ซ่งึ เป็นยคุ ปจั จุบัน น้ัน ซ่ึงควรจะเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ผู้เขียนเรียกการท่องเที่ยวในลักษณะแบบนี้ว่า เป็นการท่องเที่ยวเพื่อ การเรียนรู้ โดยการใช้ธรรมชาติเป็นส่ือ เม่ือคนสนใจ ก็จะน้าไปสู่ความรู้ความเข้าใจ ก่อให้เกิดส้านึกรักใน ธรรมชาติ และภาพที่ส่ือสารออกมาจากทะเล (ที่พูดไม่ได้) ก็ชัดเจนมากข้ึน ส้าหรับผลกระทบจากการท้า ประมงท่ีมีผลโดยตรง ได้แก่ การเบ่ือปลา การวางลอบในแนวปะการัง ซึ่งปัจจุบันพบว่าลดลงมาก ชาวบ้านหัน มาประกอบอาชีพการท่องเที่ยวมากขนึ้ รวมท้ังมีการแกไ้ ขปัญหาการทา้ มาหากนิ ของชาวประมงพน้ื บ้านในแนว ปะการงั โดยมีการสร้างปะการงั เทียม และซ้ังปลาข้ึนมา 21

คู่มือการปลูกปะการังดว้ ยพีวีซี ส่ิงที่รัฐบาล หน่วยงาน และผู้ที่มีอ้านาจในการก้าหนดนโยบายในทุกระดับ จะต้องท้า น่ันก็คือ การสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่จะท้าให้ธรรมชาติที่มีอยู่เดิมในท้องถิ่น สร้างให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้เห็นคุณค่าของธรรมชาติ และเกิดความรักความหวงแหน เช่น ที่กรมทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝัง่ กองทพั เรือ กา้ ลังด้าเนนิ การอยูแ่ ลว้ ซ่งึ แหลง่ การเรียนรู้น้นั ไมจ่ ้าเป็นต้องสมบูรณ์ เพราะธรรมชาติน้ันมี ความสมบรู ณอ์ ยูใ่ นตวั ของตวั เองอยู่แล้ว เพราะทรพั ยากรนนั้ อาจจะเพิ่มขึ้นไมไ่ ด้ แต่ก็ไมค่ วรจะเสยี หายมากขึ้น คนจะต้องมาเรียนรู้ จนเกิดความรู้ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และเกิดจิตส้านึก ตามกรอบแนวพระราชด้าริของ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด้าริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท่ีประกอบไปด้วย 3 กรอบ ได้แก่ กรอบการเรียนรู้ทรัพยากร กรอบการใช้ประโยชน์ และกรอบการสร้าง จิตสา้ นกึ ในมุมมองผู้เขียนน้ันในอดีตมองว่าปะการังก็เปรียบเสมือนกับไม้ยืนต้น ที่สามารถอยู่ไปได้ชั่วกาลนาน แต่ปัจจุบันปะการังน่าจะเป็นไม้ล้มลุก คือ มีอายุขัยส้ันลงไปเร่ือย ๆ เช่น ปะการังเขากวาง เมื่อในอดีตนั้นต้น ใหญ่กว่าแขน อายุราว ๆ 20-30 ปี โดยปัจจุบันเหลือขนาดเพียงน้ิวก้อยเท่าน้ัน โดยผู้เขียนมองว่าตัวของ ปะการังน้ันไม่ได้เปล่ียนแปลง หากเป็นสิ่งแวดล้อมต่างหากท่ีท้าให้ปะการังเปล่ียนแปลงไป ดังนั้นหากคนมี สังคม ที่เรียกว่า สังคมแห่งการเรียนรู้ ก็จะท้าให้เกิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม จ้านวนปะการังก็ จะมากขนึ้ รวมทง้ั อายุขัยกจ็ ะมากข้นึ ด้วย ปัจจุบันสภาพสง่ิ แวดลอ้ มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ ทะเลไม่ได้ ขยายขนาดขึ้น พื้นที่ก็มีอยู่เท่าเดิม และปะการังก็หายไปมากแล้ว มนุษย์ควรช่วยเหลือปะการังบ้าง ค่าย วิทยาศาสตรท์ างทะเลและการอนุรกั ษ์ ภายใต้ความรว่ มมือของคณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั รา้ ไพพรรณี และมลู นธิ ิกิจกรรมวิทยาศาสตรท์ างทะเลและการอนุรกั ษ์ภายใต้การอปุ ถัมภ์ของบริษัท วีนิ ไทย จ้ากัด ได้มีการจัดค่ายเพอื่ การบริการวิชาการ ในการสรา้ งจติ ส้านกึ ให้คนไปแล้วกว่า 250,000 คน รวมทั้ง มีโครงการในการฟื้นฟูแนวปะการัง ด้วยการพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ในการฟ้ืนฟู คืนชีวิตให้กับแนวปะการัง เพ่ือ เป็นก้าลังใจให้คนในท้องถิ่นได้มีก้าลังใจในการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูปะการังต่อไป โดยประโยชน์ท่ีได้ ก็คือ ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟู คนในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติท่ีได้มีส่วนร่วมในการท้าเพ่ือทะเลเพื่อปะการงั กจ็ ะไม่ลืมสง่ิ ที่ตัวเองท้า ปะการงั จงึ เป็นส่ือแห่งการเรยี นรู้ และเป็นตวั แทนของความรัก ความหว่ งใยและความ เมตตาต่อทอ้ งทะเลไทย 22

คู่มือการปลูกปะการงั ด้วยพวี ซี ี การสร้างจิตส้านึก จะน้าไปสู่งานฟื้นฟู ซ่ึงปัจจุบันจัดว่าเป็นงานที่ยาก เพราะส่ิงแวดล้อมมีการ เปล่ียนแปลงเร็วขนึ้ จากปรากฏการณ์โลกรอ้ น (Climate change) ซง่ึ ท้าให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง โดย ระยะของการฟอกขาวนั้นพบว่ามีความสัมพันธ์กับระยะเวลาอย่างมีนัยส้าคัญ น่ันคือ เม่ือในอดีตรอบของการ ฟอกขาวของปะการังนั้นจะค่อนข้างห่าง จาก 10-12 ปี น่ันคือ มีการฟอกขาวน้อย มาเป็น ทุก 6 ปี และ ปัจจุบัน 1 ปี ซ่ึงพบว่ามีการฟอกขาวมากข้ึน วิธีในการพัฒนาวิธีการปลูก คือ ใช้แนวทางการคัดเลือกตาม ธรรมชาติ โดยการคัดเลือกสายพันธุ์ท่ีแข็งแรง (resilience species) เอามาฟ้ืนฟู จากน้ันน้าก่ิงพันธ์ุปะการัง จากบรเิ วณแหล่งเพาะพนั ธ์ุกลับไปชว่ ยพื้นที่ทมี่ ีความเสียหายมาก ส้าหรับบริเวณแหล่งเพาะพนั ธ์ุนัน้ จะท้าการ เลือกก่ิงพันธ์ุในธรรมชาติ ท่ีมีความเหมาะสมมาปลกู และขยายพันธ์ุ โดยปะการังเขากวางนน้ั เป็นชนิดท่ีมีความ ละเอียดอ่อน และเป็นดัชนีช้ีวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมท่ีดีมาก เพราะบริเวณไหนท่ีส่ิงแวดล้อมไม่ดี จะไม่พบตัว อ่อน ดังนั้นการท้าธนาคารปะการัง (Coral bank) จึงเป็นการสร้างโอกาสให้ปะการัง เพราะเป็นแหล่งสต๊อค ของสายพันธ์ุในพื้นที่ที่มีอนาคต ซึ่งจะก่อให้เกิดความม่ันคงอย่างถาวรและยั่งยืน เพราะมีปะการังหลายสาย พันธ์ุ สร้างความหลากหลายอย่างถาวรได้ อีกท้ังก่ิงพันธ์ุจะมีความทนทาน เน่ืองจากมีการปรับตัวมาระยะหนึ่ง แล้ว รวมทั้งสามารถน้าปะการังหลงทาง เอาไปติดตาในบริเวณที่มีปะการังโขด เก็บไว้เป็นสต๊อคได้ด้วย เพ่ือ เตรียมพร้อมส้าหรับการแบ่งปัน ในการคืนปะการังสู่ธรรมชาติ อย่างไรก็ตามการน้าปะการังกลับไปยั งพื้นท่ี สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงและความส้าเร็จได้ คือ ถ้า 1 ปี ปะการังตาย สาเหตุท่ีเป็นไปได้ มี 2 ข้อ คือ หนึ่ง สายพันธุ์ของปะการงั น้ันไม่เหมาะสมต่อพื้นที่ และสองคือ สิ่งแวดล้อมบริเวณนั้นไม่เหมาะสม ดังตัวอย่าง ในบริเวณเกาะสะเดด็ มาบตาพุด จังหวัดระยอง ท่ีมีนิคมอุตสาหกรรมยงั มีการพัฒนาโครงสร้าง เช่น ท่าเรืออยู่ ท้าให้ปัจจัยส่ิงแวดล้อมในบริเวณนั้นยังไม่นิ่ง ดังน้ันการปลูกและฟื้นฟูจึงเป็นไปได้ยาก ส้าหรับในบริเวณเกาะ ขาม จังหวัดชลบุรี ซ่ึงมีพ้ืนที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ สามารถบริหารจัดการพื้นท่ีได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ พื้นท่ีส้าหรับ การท่องเทีย่ ว และพนื้ ทสี่ ้าหรับการอนรุ ักษ์ เพ่อื ทา้ ธนาคารปะการัง (coral bank) กลยทุ ธห์ นึ่งท่ีมีความส้าคัญ มากในการจัดการบริหารทรัพยากรปะการังของประเทศคือ การหาพันธมิตร ในการแสวงหาความร่วมมือ ใน การมองท่ีเป้าหมายเดียวกัน ซ่ึงโชคดีมาก ที่บริษัทวีนิไทย โดยคุณสมพจน์ น้ันเห็นว่าบริษัทน่าจะร่วมเป็นสว่ น หน่ึงในการท้างานเพ่ือการอนุรักษ์ปะการังของประเทศไทยได้ ตลอดระยะเวลา 15-16 ปีท่ีผ่านมา แม้จะมี อุปสรรคบ้าง แต่โครงการทุกโครงการท่ีผเู้ ขียนท้าก็ประสบผลสา้ เร็จด้วยดี โดยการร่วมมือท้ังของบริษัทวีนไิ ทย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ กองทัพเรอื ภาคท่ี 1 และมหาวิทยาลัยราชภฏั รา้ ไพพรรณี 23

คู่มือการปลูกปะการังด้วยพีวซี ี ปะการงั จากปัจจบุ ันสู่….อนาคต นโยบายการการสร้างแหลง่ ท่องเท่ยี ว ให้เป็นแหลง่ เรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ในท้องถิ่น เพอื่ การอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างย่ังยืน โครงการหน่ึงท่ีผู้เขียนมีความภูมิใจมาก คือ โครงการคืนปะการังสู่ หมู่บ้านแสมสาร จังหวัดชลบุรี เม่ือใดก็ตามท่ีคนในชุมชนเห็นความส้าคัญ คนจะตระหนักและต้องการเพื่อให้ ปะการังนั้นเป็นส่วนหน่ึงของชุมชนอย่างแท้จริง เมื่อชาวบ้านเดินผ่านสะพานกลางหมู่บ้าน แล้วเห็นปะการัง การสร้างมลภาวะทั้งหลาย เช่น การท้ิงขยะ การท้ิงน้ามัน จะลดน้อยลง ชุมชนจะดูแลปะการัง รวมถึง สภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ อันจะเปน็ การแสดงถึงความรบั ผดิ ชอบตอ่ การท่องเท่ยี วอยา่ งยั่งยืนโดยแทจ้ รงิ การขยายแนวปะการังในสภาพธรรมชาติ ณ ปัจจุบันน้ัน เป็นกลไกที่ช้ามาก ซ่ึงแนวคิดหน่ึงของ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คือ การสรา้ งระบบนเิ วศจ้าลอง จากฝมี ือของมนุษย์ ให้เปน็ แหล่งในการท่องเที่ยว ซึ่งจะ เป็นการลดการรบกวนระบบนเิ วศตามธรรมชาติ รวมทั้งเพม่ิ ระยะเวลาในการฟน้ื ตัวของธรรมชาติให้กลบั คืนมา ดว้ ย โดยพน้ื ทท่ี ตี่ อ้ งการจะพัฒนาการท่องเทีย่ ว หรอื มีความจา้ เปน็ ในเร่ืองของการท่องเทย่ี ว สามารถสรา้ งแนว หินเทียมท่ีมีความกลมกลืนกับธรรมชาตไิ ด้ ร่วมกับการพัฒนาในเรื่องของการฟื้นฟู ดังนั้นธนาคารปะการังจงึ มี ความส้าคัญในการส่งเสริมสนับสนุนกิ่งพันธุ์ เพื่อน้าไปลงในแนวหินเทียม ในการเสริมปรุงแต่ง และพัฒนาให้ เข้ากับความต้องการของคนได้ ดังนั้นในอนาคตปะการังจะเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ น่ัน คอื มลู คา่ จะอยู่ทีค่ วามรู้ ซงึ่ สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของคนในอนาคตน่นั เอง Save Coral Save Our Life โดย มูลนธิ กิ ิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนรุ กั ษ์ โดยความอปุ ถัมภ์ของ บมจ.วนี ไิ ทย 24

คู่มอื การปลูกปะการงั ดว้ ยพวี ีซี เอกสารอ้างองิ 1. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั . (2561, 17 ธนั วาคม). ปะการงั . (ออนไลน์). แหลง่ ทม่ี า : http://www.dmcr.go.th/stationsG/17. 17 ธันวาคม 2561. 2. ประสาน แสงไพบลู ย์, ชตุ าภา คณุ สขุ , ลลิดา เจริญวเิ ศษ และธีรพงษ์ พทิ ักษ์ผล. (2561). รายงานวิจัยฉบับ สมบรู ณ์ เร่อื ง การแพร่กระจายและความอุดมสมบรู ณ์ของสาหรา่ ยทะเล ในบรเิ วณอ่าวยาง และเกาะ นมสาว จงั หวดั จนั ทบุรี. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ร้าไพพรรณี จันทบรุ ี. 3. สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาทรัพยากรทางทะเล ชายฝัง่ ทะเล และปา่ ชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝ่งั . (2562). คู่มอื ฟน้ื ฟแู นวปะการังโดยการปลกู เสริมพื้นทีแ่ นวปะการงั ตามธรรมชาติ. เข้าถงึ ท่ี https://pubhtml5.com/sque/ycla/basic/51-76. วันท่ี 28 มนี าคม 2564. 4. สรศักด์ิ นาคเอยี่ ม, ชุตาภา คณุ สุข. (2560). รายงานวจิ ัยฉบับสมบรู ณ์ เรือ่ งการสารวจความหลากหลาย ทางชีวภาพ เพื่อพัฒนาการท่องเท่ียวเชิงนิเวศ บรเิ วณเกาะนมสาว จังหวัดจนั ทบรุ ี. คณะวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏรา้ ไพพรรณี จันทบุร.ี 5. สุชนา ชวนชิ ย์ และวรณพ วยิ กาญจน.์ 2553. ปะการงั . กรุงเทพฯ: ส้านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . Chowdhury, S.R., Hossain, M.S. Sharifuzzaman, S.M. (2015). Blue carbon in the coastal ecosystems of Bangaladesh. Experiment findings. 6. National Oceanic and Atmospheric Administration. (2021). What is coral bleaching. เขา้ ถงึ ท่ี https://oceanservice.noaa.gov/facts/coral_bleach.html. วันท่ี 28 มนี าคม 2564. 7. Suraswadi, P. and Yeemin, T. (2013). Coral Reef Restoration Plan of Thailand. เขา้ ถึงท่ี https://www.researchgate.net/publication/287861849_Coral_Reef_Restoration_Plan_of_ Thailand. 8. Weebly. (2021). Coral. เขา้ ถึงท่ี https://coralreefplease.weebly.com. วนั ที่ 20 มีนาคม 2564. 25