Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาการป้องกันสาธารณภัย

วิชาการป้องกันสาธารณภัย

Published by tukata2523, 2020-04-23 05:28:29

Description: วิชาการป้องกันสาธารณภัย

Search

Read the Text Version

แบบเรียนสาระทักษะการดำเนินชีวิต รายวิชาเลือก วิชาการป้องกันสาธารณภยั (ทช02013) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สำนักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดมหาสารคาม สำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศกึ ษาการ



คำนำ แบบเรียน “วิชาการป้องกันสาธารณภัย” ทช 02013 สาระทักษะการดำเนินชวี ิตนี้ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดมหาสารคาม ได้ดำเนินการจัดทำขึ้น เพ่ือสำหรับใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนา ผเู้ รียนให้มคี ุณธรรม จริยธรรมมสี ติปัญญา และศักยภาพในการประกอบอาชีพ การศึกษาต่อ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัว ชุมชน สังคมได้อย่างมีความสุข ในการดำเนินงาน จดั ทำแบบเรียน “วิชาการปอ้ งกันสาธารณภยั ” ได้ค้นคว้าเอกสารการเรียบเรียงเนื้อหาสาระ จากส่ือต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับแบบเรียน “วิชาการป้องกันสาธารณภัย” สำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดมหาสารคาม หวังว่า แบบเรยี น “วิชาการป้องกนั สาธารณภยั ” ชดุ น้ีทดี่ ำเนนิ การเรยี บเรยี งข้นึ จากทมี งาน จะเป็น ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนและเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างแท้จริง จึงขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ สำนักงาน กศน.จงั หวดั มหาสารคาม



สารบญั เรือ่ ง หนา้ คำอธิบายรายวชิ า 6 รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ า 7 บทท่ ี 1 ความหมายของสาธารณภัย 9 ความหมายความสำคัญของการเกิดอัคคภี ัย 11 สาเหตุของอัคคภี ยั 12 การป้องกันและลดความสญู เสยี จากอคั คีภัย 13 แบบฝึกหัดท้ายกิจกรรมท่ี 1 15 บทท ี่ 2 ความหมายของอทุ กภัย 16 16 ชนดิ ของอุทกภัย 18 การป้องกนั อทุ กภยั 19 แบบฝึกหดั ทา้ ยกจิ กรรมท่ี 2 บทท ี่ 3 ความหมายของวาตภัย 20 ชนิดและลกั ษณะของวาตภัย 20 การปอ้ งกนั วาตภัย 23 แบบฝกึ หดั ท้ายกิจกรรมท่ี 3 25 บรรณานกุ รม 26 คณะผู้จดั ทำ 27

6 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย คำอธบิ ายรายวชิ า การป้องกนั สาธารณภัย รหสั ทช02013 จำนวน 2 หน่วยกิต (80 ชว่ั โมง) สาระทักษะการดำเนนิ ชีวติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ มาตรฐาน 4.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติท่ีดีเก่ียวกับการดูแล ส่งเสริมสุขภาพอนามัย และความ ปลอดภยั ในการดำเนนิ ชวี ติ ศ กึ ษาและฝึกทกั ษะเกย่ี วกบั เรอื่ งดงั ตอ่ ไปน ี้ 1. ความหมาย ความสำคญั การป้องกันบรรเทาสาธารณภยั 2. การใชเ้ คร่ืองมอื เครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ และวิธกี ารป้องกนั ภัยประเภทต่าง ๆ 3. การวางแผนปฏบิ ัตงิ าน 4. การชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั เบ้ืองต้น การจดั ประสบการณ์การเรียนร ู้ จดั ให้ผเู้ รยี นฝึกทักษะการปฏบิ ตั ิจริง การซอ้ มแผนปฏิบัตกิ ารโดยการเขา้ ร่วมสถานการณจ์ ำลอง การวัดและประเมนิ ผล - ทดสอบการปฏบิ ัตงิ านในหนว่ ยงาน - การจดั แผนปฏบิ ัตงิ านและการมอบหมายหน้าท่ี

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 7 รายละเอียด คำอธบิ ายรายวชิ า การป้องกนั สาธารณภยั รหสั วชิ า ทช02013 จำนวน 2 หนว่ ยกิต ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานท่ี 4.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติท่ดี เี กยี่ วกับการดูแล ส่งเสรมิ สขุ ภาพอนามยั และความ ปลอดภัยในการดำเนนิ ชวี ติ ที่ หัวเร่อื ง ตวั ชี้วดั เนอ้ื หา (จชำ่ัวนโมวนง) 1. อคั คีภยั 1.1 อธบิ ายเกย่ี วกับ 1.1 ความหมายความสำคัญของการเกดิ อคั คภี ยั 80 การเกิดอัคคีภัย 1.2 องค์ประกอบของไฟ 1.3 ประเภทของไฟ ( เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภยั น้ำมนั ) 1.2 วิเคราะห์สาเหตุแห่ง 1.4 ชนดิ ของการเกิดอัคคีภยั ( เชน่ ฟา้ ผา่ การเผาไหม)้ การเกดิ อคั คีภยั และ - สาเหตุท่ีเกิดอัคคีภยั และการปอ้ งกนั การเกดิ อคั คภี ยั สามารถเลอื กใช้ + ลกั ษณะและปริมาณของไฟ เครอ่ื งมือดับอัคคีภัย - ชนิดของเชอ้ื เพลิงทท่ี ำให้เกดิ อคั คีภัย - ส่วนประกอบของวัตถทุ ใี่ หเ้ กิดอัคคภี ยั - เครอื่ งมอื และวิธกี ารดบั เมอื่ เกดิ อคั คภี ยั + เครื่องใชใ้ นการดับไฟในเบ้ืองต้น + การใชผ้ ้าเปียกคลุม + การใช้ ซ.ี โอ.ท.ู 1.3 มีแนวทางในการ 1.5 การสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจร่วมกบั ชุมชน ปฏิบัตไิ ปสชู่ ุมชม 1.6 การจดั ทำแผนการเผชิญเหตุ โดยวเิ คราะห์ชุมชน และสงั คมเพื่อให้ สร้างกระบวนการมสี ่วนรว่ มกับชมุ ชน เรียนรูแ้ ละปอ้ งกนั การเกิดอคั คีภัย ที ่ หัวเรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนื้อหา (จชำ่วั นโมวนง)

8 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 2. อทุ กภัย 2.1 บอกวธิ ีการปอ้ งกนั 2.1. การปลกู ต้นไมท้ ดแทน นำ้ ทว่ ม 2.2 บอกสาเหตุของ 2.2 การไมต่ ัดไม้ทำลายป่า นำ้ ท่วม 2.3 ชว่ ยเหลอื ชุมชนเม่อื 2.3 การไมเ่ ผาป่าและทำไรเ่ ล่อื นลอย เกิดอุทคภัย 3. วาตภัย 3.1 บอกวิธีการปอ้ งกัน 3.1 การอพยพคนและขนย้าย เมอ่ื เกดิ วาตภัย 3.2 ตดิ ตามขา่ วสาร 3.2 การติดตามข่าวสารของทางราชการ แจง้ เตือนจากกรม อุตนุ ยิ มวทิ ยา

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 9 บทที่ 1 อคั คภี ัย ความหมายของสาธารณภัย สาธารณภัย เป็นภัยท่ีเกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษยชาติ ซ่ึงได้เร่ิมมีการศึกษาเกี่ยวกับสาธารณภัยในครั้งแรก เมือ่ ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) โดยผศู้ ึกษา คือ Samuel H.Prince ศกึ ษาเก่ยี วกบั ผลกระทบทางสังคมจากการระเบดิ ของเรือบรรทุกอาวุธท่ีอ่าวฮาลิแฟกซ์ ในวาสโกเดีย ผลจากการศึกษาดังกล่าวทำให้นักวิชาการรุ่นหลังให้ความสนใจ และใช้เป็นพ้ืนฐานในการศึกษาทางด้านสาธารณภัยต่อมา ปัจจุบันสถานการณ์ด้านสาธารณภัยได้กลายเป็นปัญหา สำคัญของประเทศท่ีกำลังพัฒนา รวมท้ังประเทศไทยกล่าวคือย่ิงมีการพัฒนาประเทศ ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่มากข้ึน เพียงใดสาธารณภัยกย็ ิ่งเพ่ิมความรนุ แรงมากขึ้นเปน็ เงาตามตัวจนเป็นทกี่ ล่าวโดยทว่ั ไปวา่ สาธารณภยั คอื โรคทีเ่ กดิ จาก การพฒั นาประเทศอยา่ งไมเ่ ป็นระบบและไร้ทศิ ทาง ความหมายของสาธารณภยั สาธารณภัย ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายว่า ภัยท่ีเกิดกับคนหมู่มาก เชน่ ไฟไหม้ น้ำทว่ ม ฯลฯ พระราชบัญญัติป้องกันฝ่ายพลเรือน (2522) ให้ความหมายของสาธารณภัยว่า อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ตลอดจนภัยอ่ืน ๆ อันมีมาเป็นสาธารณะไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติหรือมีผู้ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ นอกจากนี้ยังมีคำอ่ืนๆ ท่ีมีความหมาย เก่ยี วข้องกับสาธารณภยั ไดแ้ ก่ ภัยฝ่ายพลเรือน (สำนักงานเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน 2541 : 4 - 5) หมายถึง ภัยพิบัติที่สร้าง ความสูญเสียแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐอย่างกว้างขวางและรุนแรง ได้แก่ สาธารณภัยภัย ทางอากาศ และการก่อวินาศภัย ซ่ึงอาจมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของคนในชาติ จึงจำเป็นต้องได้รับการบำบัด ชว่ ยเหลอื และฟ้ืนฟบู ูรณะให้กลับคืนส่สู ภาพเดิมอย่างรบี ดว่ นโดยหน่วยงานของรฐั ภัย ตามความหมายในพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522 แบ่งภัยออกเป็น 2 ประเภท คือ สาธารณภัย และภัยด้านความมนั่ คง สาธารณภัย ประกอบด้วย อุทกภัย วาตภยั อัคคีภยั แผน่ ดนิ ไหว อาคารถล่ม ภัยจากภยั แล้ง ภัยจากสารเคมี และวัตถุอนั ตราย ภัยจากไฟปา่ ภยั จากอากาศหนาว ภัยจากการคมนาคมและขนสง่ ภัยดา้ นความมั่นคง ประกอบดว้ ย การก่อวินาศกรรมการชมุ นมุ ประท้วง และกอ่ การจลาจล ภยั พิบัติ (ระเบยี บกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2540) หมายถึง สาธารณภัย อันไดแ้ ก่ อคั คีภัย วาตภยั อทุ กภยั ภัยแล้ง ภาวะฝนแล้ง ฝนท้ิงช่วง ฟ้าผ่า ภัยจากลูกเห็บ ภัยอันเกิดจากไฟป่า ภัยจากโรค หรือการระบาดของแมลง หรือศัตรูพืชทุกชนิดอากาศหนาวจัดจนสัตว์ต้องสูญเสียชีวิต ภัยสงคราม และภัยอันเน่ืองมาจากการกระทำของ ผู้ก่อการร้าย ตลอดจนภัยอ่ืน ๆ อันมีมาเป็นสาธารณะไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติหรือมีผู้ทำให้เกิดข้ึน ซ่ึงก่อให้เกิด อนั ตรายแก่ชีวติ ร่างกายของประชาชนหรือความเสียหายแกท่ รพั ย์สนิ ของประชาชนหรอื รฐั

10 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย อุบัติภัย หมายถึง ภัยท่ีเกิดจากอุบัติเหตุ โดยที่อุบัติเหตุหมายถึง อันตรายที่เกิดขึ้นโดยมิได้ตั้งใจมาก่อน อุบัติภัยมาจากคำว่า อุบัติ แปลว่า การเกิดข้ึน กำเนิด + คำว่าภัย แปลว่า สิ่งที่น่ากลัว หรืออันตราย ปัจจุบันคำว่า อุบัติภัยนยิ มใชก้ ันอย่างกว้างขวาง และจะใช้แทนคำวา่ อุบัติเหตุ ซึง่ มีความหมายเหมอื นกนั โดยเปน็ คำทมี่ าจากภาษา อังกฤษว่า accident ซึง่ หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดข้นึ อย่างไมค่ าดคดิ เหตุการณ์ทีเ่ กิดขนึ้ อยา่ งไมต่ ั้งใจ สรุปได้ว่า สาธารณภัย หมายถึง ภัยหรืออันตรายท่ีทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สินและส่ิงอ่ืนๆ อยา่ งรุนแรงประกอบดว้ ยลักษณะ ดังนี้ 1. ภยั ทเ่ี กิดข้นึ กับคนหมู่มาก          2. อาจเกดิ ขึน้ ไดท้ ุกเวลาหรือทกุ สถานทอี่ ย่างกะทนั หันหรือค่อย ๆ เกดิ ข้นึ          3. เปน็ อันตรายตอ่ ชวี ติ และรา่ งกายของประชาชน          4. เกิดความเสียหายแกท่ รัพยส์ นิ ของประชาชนหรือรัฐ          5. เกิดความตอ้ งการในสิ่งจำเปน็ พื้นฐานอยา่ งรบี ด่วนสำหรับผปู้ ระสบภัย ป ระเภทของสาธารณภยั แบง่ ตามลกั ษณะการเกิดหรือสาเหตุ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ สาธารณภยั ธรรมชาติ และสาธารณภัยจากมนษุ ย์ 1. สาธารณภัยธรรมชาติ (Natural Disaster) เป็นสาธารณภัยท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มักเกิดขึ้น ตามฤดูกาลเปน็ สว่ นใหญ่ แตบ่ างครง้ั อาจเกดิ ขน้ึ โดยกะทันหนั ก่อให้เกิดความเสยี หายแก่ชวี ิต รา่ งกาย จิตใจ ทรพั ยส์ ิน และสิง่ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ ซง่ึ ไดแ้ ก่ - อุทกภัย เป็นภยั อนั เกดิ จากภาวะนำ้ ท่วม จากพายุ ฝนตกหนัก พายุหมุน การทำลายป่า การทรุดตัวของ ดนิ ลกั ษณะอาจเป็นน้ำท่วมเฉียบพลัน หรือน้ำทว่ มแบบค่อยเปน็ คอ่ ยไป หรอื แบบไมเ่ ฉียบพลนั - วาตภัย คือ ภัยท่ีเกิดจากแรงลมและพายุ สามารถแบ่งลักษณะของวาตภัยได้ตามความเร็วลม สถานท ี่ ทีเ่ กิดวาตภัย เช่น พายุฟ้าคะนอง พายดุ ีเปรสชัน่ พายโุ ซนร้อน พายุไตฝ้ นุ่ - อัคคีภัย คือ ภัยที่เกิดจากเพลิงไหม้เป็นภัยที่ก่อให้เกิดความสูญเสียท้ังชีวิต และทรัพย์สิน มีแนวโน้มใน การเกดิ ขึน้ บอ่ ยและสรา้ งความสูญเสยี มากขนึ้ ทุกป ี - อากาศหนาวผิดปกติ เช่น ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย ซง่ึ ภูมิประเทศเปน็ ท่ีราบสูง ประกอบกับได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมที่พัดพาความหนาวเย็นจากประเทศจีนเข้าสู่พื้นท่ีดังกล่าวทำให้ ประชาชนซงึ่ อยบู่ ริเวณหบุ เขาและเชิงเขาหนาวมาก ซึง่ พบวา่ ในบางปขี องฤดหู นาวจะมีอุณหภูมิต่ำมาก - คลื่นความร้อน (heat waves ) ก่อใหเ้ กดิ ความร้อนผดิ ปกติ มักพบในประเทศเขตหนาว ทำให้ผูป้ ่วยโรค หัวใจเสยี ชีวิตมากข้นึ - ภยั แลง้ ( droughts ) เปน็ ภัยที่ทำใหเ้ กิดความอดอยาก ขาดแคลน เนื่องจากการขาดน้ำ ในประเทศไทย มกั เกดิ จากขาดฝน ความแหง้ แล้งของพ้นื ที่ก่อใหเ้ กิดผลเสียในการผลติ ผลทางการเกษตร เป็นทุพภิกภัยอยา่ งหนึง่ - แผ่นดินถล่ม ( Land Slides ) ในประเทศไทยมักจะพบแผ่นดินถล่มเกิดข้ึนเนื่องจากมีฝนตกหนักมาก ดินบริเวณภูเขาอุ้มน้ำไว้จนเกิดการอ่ิมตัวและไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้อีกจึงพังทลายลงมา ทั้งนี้คุณสมบัติการอุ้มน้ำของ ดินอาจมีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้องด้วย เช่น โคลนถล่มที่บ้านน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และท่ีอำเภอวังชิ้น จังหวดั แพร่ ซึง่ สว่ นมากจะเกดิ พรอ้ มกับอุทกภัย - การระบาดของโรค เช่น อหิวาตกโรค โรคฉหี่ น ู - ภัยจากฝงู สตั ว์และแมลง

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 11 2. สาธารณภัยจากมนุษย์ เป็นสาธารณภัยท่ีเกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยอาจเกิดจากส่ิงประดิษฐ์ของ มนษุ ยท์ ีป่ ระดษิ ฐเ์ พื่อความสขุ สบาย หรือเพ่ือประหตั ประหารกัน เชน่ 2.1 ภัยจากการจราจร ได้แก ่ 2.1.1 ภัยทางอากาศ เช่น เครอ่ื งบินตก เครอื่ งบนิ ชนกัน เครอ่ื งบินระเบิด ยานอวกาศตก          2.1.2 ภยั ทางบก เช่น รถชนกนั          2.1.3 ภยั ทางน้ำ เช่น เรือล่ม เรอื ชนกัน          2.1.4 ภยั ทางราง เช่น รถไฟชนกัน รถไฟตกราง รถไฟฟา้ ตกราง    2.2 ภัยจากการประกอบอาชีพ ทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม เช่น อุบัติเหตุจากการใช้เครื่องมือ เคร่อื งจักร อบุ ตั ิเหตุจากความร้อน อบุ ัตเิ หตจุ ากการตกจากทสี่ ูง อุบตั ิเหตจุ ากความไมเ่ ป็นระเบียบ เปน็ ต้น 2.3 ภัยจากความไม่สงบของประเทศ เช่น การจลาจล การปฏิวัติ การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย สงคราม ซ่ึงผลท่ีทำให้เกิดสาธารณภัยจากสงครามจะรุนแรงหรือไม่ข้ึนอยู่กับผลร้ายของอาวุธท่ีนำมาประหัตประหาร กนั เชน่ นวิ เคลียร์ เช้อื โรค หรอื สารเคมี เป็นตน้   2.4 ภยั จากไฟฟา้ อคั คภี ยั ทำใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ สญู เสยี ชวี ติ จากแผลไหม้ ความรอ้ น ควนั ไฟ การขาดอากาศ 2.5 ภัยจากวัตถุอันตราย ได้แก่ ภัยจากวัตถุอันตรายท่ีใช้ในอุตสาหกรรม ภัยจากวัตถุอันตรายท่ีใช้ใน การเกษตร สาธารณสุข การอปุ โภคและบรโิ ภค 2.6 ภัยจากความเจริญทางเทคโนโลยี ความเจริญก้าวหน้าดังกล่าวจะมีความเส่ียงสูงมากข้ึนเม่ือเกิด สาธารณภัย เช่น เม่ือเกิดไฟไหม้ของอาคารสูงระบบการเคล่ือนย้ายย่อมช้าและมีความยุ่งยากซับซ้อนกว่าอาคารปกติ รวมทั้งเกิดพิษจากสารเคมีท่ีใช้กับเฟอร์นิเจอร์ของอาคาร หรือแม้กระทั่งเคร่ืองใช้ประจำสำนักงาน เช่น คอมพิวเตอร์, น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ การมีมาตรการความปลอดภัย ที่ดีก็อาจจะเป็นความเสี่ยงเมื่อเกิดสาธารณภัย เช่น ประตูที่ใช้ ระบบเปิดปิดอัตโนมัติหรือลิฟต์ หากมีความขัดข้องก็อาจจะปิดและเปิดไม่ได้ตามปกติ ประชาชนท่ีติดค้างอยู่ก็เสี่ยงท่ี จะได้รับอันตราย และภัยท่ีมาจากข้อมูลข่าวสารในยุคโลกไร้พรหมแดนอย่างอินเตอร์เน็ตท่ีมีภาพลามกอนาจาร หรือ การฝกึ ทำระเบดิ เพือ่ ใชก้ ่อวินาศกรรมทมี่ ีในเวบ็ ไซด์ เปน็ ตน้ สาธารณภยั ที่แบ่งตามลกั ษณะการเกดิ ในบางชนดิ อาจเกิดไดท้ ง้ั ธรรมชาติและจากสาเหตุมนุษย์ เช่น อคั คีภยั อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งการสันดาปขึ้นเองหรือจากการลอบวางเพลิง ไฟไหม้ป่า อาจเกิดจากการเสียดสีของก่ิงไม้ หรือ จากการลอบเผาป่า อุทกภัย อาจเกิดจากฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก หรือการกักน้ำ เช่น การก่อสร้างฝายหรือ เขื่อนปิดกั้นลำน้ำไว้เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง พอถึงฤดูฝนฝายหรือเขื่อนดังกล่าวจะเป็นตัวปิดกั้นทำให้ระบายน้ำ ไม่ทันก่อให้น้ำเอ่อท่วมซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งซ่ึงเกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสภาพ ธรรมชาติ จึงก่อให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือน การระบาดของโรค อาจเกิดจากโรคระบาดเองโดยตรง หรือการใช้สงคราม เชอ้ื โรค ค วามหมายความสำคัญของการเกิดอัคคีภยั อคั คภี ัย หมายถึง ภยั อันตรายอันเกิดจากไฟทข่ี าดการควบคุมดแู ล ทำใหเ้ กดิ การตดิ ต่อลุกลามไปตามบริเวณที่ มีเชื้อเพลิงเกิดการลุกไหม้ต่อเนื่อง สภาวะของไฟจะรุนแรงมากข้ึนถ้าการลุกไหม้ท่ีมีเชื้อเพลิงหนุนเนื่อง หรือมีไอของ เช้อื เพลงิ ถูกขับออกมามากความร้อนแรงกจ็ ะมากยงิ่ ขนึ้ สร้างความสูญเสียให้ทรัพยส์ ินและชีวิต

12 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย สาเหตขุ องอคั คีภยั สาเหตุของอัคคภี ัยจนทำใหเ้ กิดการลกุ ลามเกิดเพลงิ ไหม้ขนาดใหญน่ ้นั อาจเกิดได้ 2 ลักษณะใหญ่ คือ สาเหตุ ของอคั คภี ยั อนั เกิดจากการต้ังใจ และสาเหตขุ องอคั คีภยั อันเกดิ จากการประมาทขาดความระมัดระวงั หรอื มไิ ดต้ ้งั ใจ 1. สาเหตุของอัคคีภัยอันเกิดจากความตั้งใจ เช่น การลอบวางเพลิงหรือการก่อวินาศกรรม ซ่ึงเกิดจาก การจงู ใจอันมีมูลสาเหตจุ ูงใจท่ที ำใหเ้ กิดการลอบวางเพลิง อาจเน่ืองมาจากเปน็ พวกโรคจิต 2. สาเหตุของอัคคีภัยอันเกิดจากความประมาท ขาดความระมัดระวัง ในกรณีนี้พอจะแบ่งเป็นประเด็นหลักๆ ได้ 2 ประเดน็ คือ 2.1 ขาดความระมัดระวังทำใหเ้ ชอื้ เพลงิ แพรก่ ระจาย ในกรณีดังกลา่ วนเี้ กดิ จากการทำใหส้ ่ิงท่ีเปน็ เช้อื เพลงิ ซึ่งเป็นสารลุกไหม้ไฟหรือติดไฟได้แพร่กระจายเม่ือไปสัมผัสกับความร้อนก็จะเป็นสาเหตุของการเกิดอัคคีภัยได้ ตัวอย่างเช่น ในบริเวณท่ีมีไอของตัวทำละลาย หรือน้ำมันเชื้อเพลิงแพร่กระจาย เมื่อไปสัมผัสกับแหล่งความร้อน เช่น บริเวณท่มี จี ดุ สบู บุหรก่ี จ็ ะทำใหเ้ กิดอัคคีภัยได้ 2.2 ขาดความระมัดระวังการใช้ไฟและความร้อน ในกรณีดังกล่าวน้ีก็เช่นกันทำให้แหล่งความร้อนซ่ึงอาจ อย่ใู นรูปแบบและลักษณะต่างๆ กนั เช่น ความรอ้ นจากอปุ กรณไ์ ฟฟา้ การเชือ่ มตัด เตาเผา เป็นตน้ ทำให้แหล่งกำเนดิ ความร้อนน้ันไปสัมผัสกับเชื้อเพลิงในสภาพท่ีเหมาะสม ก็จะเป็นสาเหตุของอัคคีภัยได้ ตัวอย่างเช่น การที่สะเก็ดไฟ จากการเชอ่ื มติดด้วยไฟฟ้า หรือกา๊ ซไปตกลงในบริเวณที่มกี องเศษไม้หรือผา้ ทำให้เกิดการคกุ ร่นุ ลกุ ไหมเ้ กดิ อคั คีภยั แ หล่งกำเนิดอคั คภี ยั แหลง่ กำเนดิ อคั คีภยั เปน็ สาเหตุของการจดุ ตดิ ไฟมสี าเหตแุ ละแหลง่ กำเนิดแตกตา่ งกนั ไปดงั ตอ่ ไปน้ ี 1. อปุ กรณไ์ ฟฟา้ 2. การสบู บุหรหี่ รือการจุดไฟ 3. ความเสียดทานของประกอบของเครอื่ งจักร เครื่องยนต ์ 4. เครอ่ื งทำความรอ้ น 5. วตั ถทุ ี่มผี ิวรอ้ นจดั เช่น เหลก็ ทถ่ี ูกเผา ทอ่ ไอนำ้ 6. เตาเผาซงึ่ ไม่มีฝาปิดหรอื เปลวไฟทีไ่ มม่ ีส่งิ ปกคลุม 7. การเชือ่ มและตัดโลหะ 8. การลุกไหม้ด้วยตัวเอง เกิดจากการสะสมของสารบางชนิด เช่น พวกขยะแห้ง ถ่านหินจะก่อให้เกิดความ ร้อนขึน้ ในตัวของมันเอง จนกระทง่ั ถึงจุดตดิ ไฟ 9. เกิดจากการวางเพลิง 10. ประกายไฟท่เี กดิ จากเครอ่ื งจกั รขัดข้อง 11. โลหะหรอื วตั ถุหลอมเหลว 12. ไฟฟา้ สถติ 13. ปฏกิ ิรยิ าของสารเคมบี างชนดิ เชน่ โซเดยี ม โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส เม่อื สัมผสั กบั น้ำ อากาศ หรอื วสั ดุ อ่ืนๆ ทำให้เกิดการลกุ ไหม้ได้ 14. สภาพบรรยากาศทม่ี สี งิ่ ปนเปื้อนกอ่ ใหเ้ กดิ การระเบิดได้ 15. จากสาเหตอุ น่ื ๆ

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 13 ผ ลกระทบทีเ่ กิดจากอัคคภี ัย ผลท่ีเกิดขึ้นจากอัคคีภัยโดยตรงท่ีทำให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตอันเน่ืองมาจากความร้อน เกิดความ เสียหายแก่อาคารสถานที่ และเคร่ืองจักรอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยตรง เม่ือไฟไหม้ จะทำให้โรงงานอุตสาหกรรมเกิดความ เสียหาย เครอื่ งจกั รถกู ทำลายตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ ่ายในการสร้างขึ้นมาใหม่หรอื จดั หาเคร่อื งจักรใหมม่ าทดแทนของเก่า การปอ้ งกนั และลดความสูญเสยี จากอคั คีภยั 1. การจัดระเบียบเรียบร้อยดี หมายถึง การป้องกันการติดต่อลุกลาม โดยจัดระเบียบในการเก็บรักษา สารสมบัติท่ีน่าจะเกิดอัคคีภัยได้ง่ายให้ถูกต้องตามลักษณะการเก็บรักษา สารสมบัตินั้น ๆ ท้ังภายในและภายนอก อาคารให้เรียบร้อย โดยไม่สะสมเช้ือเพลิงไว้เกินประมาณที่กำหนด เพราะเม่ือเกิดเพลิงไหม้ย่อมทำให้เกิดการติดต่อ ลกุ ลามข้ึนได้ 2. การตรวจตราซ่อมบำรุงดี หมายถึง การกำจัดสาเหตุในการกระจายตัวของเช้ือเพลิงและความร้อน เช่น การตรวจตราการไหลรวั่ ของเชือ้ เพลงิ ตา่ ง ๆ พรอ้ มทง้ั การควบคมุ ดแู ลมใิ หเ้ กิดการกระจายตัวของความร้อนของเคร่ือง ทำความร้อน 3. การมีระเบียบวินัยดี หมายถึง การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เก่ียวกับการป้องกันอัคคีภัย เชน่ สถานท่ใี ดท่ใี หม้ ีไวซ้ ่งึ เครื่องดบั เพลงิ 4. ความร่วมมือท่ีดี หมายถึง การศึกษาหาความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและระงับอัคคีภัย โดยการฝึก การใช้อปุ กรณ์เครือ่ งมือเครอื่ งใชใ้ นการดับเพลิง ตลอดจนการฝึกซอ้ มในการปฏิบตั ติ ามแผนฉกุ เฉินเมอื่ เกดิ เพลงิ ไหม้ ภยนั ตรายจากไฟไหม ้ 1. ไฟไหม้จะมีความมืดปกคลุม ไม่สามารถมองเห็นอะไรได ้   ความมืดนั้นอาจเนื่องจากอยู่ภายในอาคารแล้ว กระแสไฟฟ้าถูกตดั หมอกควันหนาแนน่ หรอื เป็นเวลากลางคืน วธิ แี ก้ไข ติดต้ังอุปกรณ์ไฟส่องสว่างฉุกเฉิน (Emergency Light)   ซ่ึงทำงานได้ด้วยแบตเตอรี่ทันที ที่กระแสไฟฟ้า ถูกตัดติดต้ังเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้าสำรอง เม่ือกระ  แสไฟฟ้าถูกตัด เตรียมไฟฉายท่ีมีกำลังส่องสว่างสูง ไว้ให้มีจำนวน เพียงพอในจุดที่สามารถนำมาใช้ได้สะดวก ฝึกซ้อมหนีไฟเม่ือไม่มีแสงสว่าง ด้วยตนเองทั้งที่บ้าน   ท่ีทำงาน ในโรงแรม   หรือ แม้แต่ในโรงพยาบาล โดยอาจใช้วิธีหลับ ตาเดิน (คร้ังแรกๆ ควรให้เพ่ือนจูงไป) และควรจินตนาการด้วยว่า ขณะนี้กำลงั เกิดเหตเุ พลิง ไหม้ 2. ไฟไหม้จะมีแก๊สพิษและควันไฟ ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุเพลิงไหม้ประมาณ ร้อยละ 90  เป็นผลจาก ควนั ไฟ  ซึง่ มที ้ังกา๊ ซพษิ และทำให้ขาดออกซเิ จน วิธแี กไ้ ข จดั เตรยี ม หน้ากากหนีไฟฉุกเฉิน (Emergency smoke mask) ใช้ถงุ พลาสติกใส ขนาดใหญ่ตักอากาศแล้ว คลุมศีรษะหนฝี า่ ควนั (ห้ามฝ่าไฟ) คืบ คลานต่ำ อากาศทพี่ อหายใจไดย้ ังมอี ยู่ใกลพ้ ื้น สูงไม่เกนิ 1 ฟตุ แตไ่ ม่สามารถ ทำไดเ้ มอ่ื อยู่ในช้ันที่สงู กว่าแหลง่ กำเนิดควัน

14 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 3. ไฟไหม้จะมีความร้อนสงู มาก หากหายใจเอาอากาศที่มีความร้อน 150 องศาเซลเซียสเข้าไป   ท่านจะเสียชีวิตทันที ในขณะที่เม่ือเกิด เพลงิ ไหมแ้ ล้วประมาณ 4 นาที อณุ หภมู ิจะสูงข้ึนกวา่ 400 องศาเซลเซยี ส วิธแี กไ้ ข      ถา้ ทราบตำแหนง่ ตน้ เพลงิ และสามารถระงับเพลงิ ได้ ควรระงบั เหตุเพลิงไหม ้ ดว้ ยความรวดเร็ว ไม่ควรเกิน   4 นาทหี ลังจากเกิดเปลวไฟควรหนีจากจดุ เกดิ เหตใุ ห้เรว็ ทส่ี ดุ ไปยงั จดุ รวมพล (Assembly area) 4. ไฟไหม้ลุกลามรวดเร็วมาก เมื่อเกิดเปลวไฟขึ้นมาแล้ว ท่านจะมีเวลาเหลือในการเอาชีวิตรอดน้อยมาก ระยะการเกดิ ไฟไหม้ 3 ระยะ ดังน ี้ 4.1 ไฟไหม้ข้ันต้น คือ ต้ังแต่เห็นเปลวไฟ จนถึง 4 นาที สามารถดับได้ โดยใช้เคร่ืองดับเพลิงเบื้องต้น   แต่ผ้ใู ชจ้ ะต้องเคยฝึกอบรมการใช้เครอื่ งดบั เพลงิ มากอ่ น จึงจะมีโอกาสระงบั ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.2 ไฟไหม้ข้ันปานกลาง ถึงรุนแรง คือ ระยะเวลาไฟไหม้ไปแล้ว 4 นาที ถึง 8 นาที อุณหภูมิจะสูงมาก เกินกว่า 400 องศาเซลเซียส หากจะใช้เครื่องดับเพลิง เบ้ืองต้น ต้องมีความชำนาญ และต้องมีอุปกรณ์ จำนวนมาก เพยี งพอ จงึ ควรใชร้ ะบบดบั เพลิงข้ันสงู จึงจะมคี วามปลอดภัย และมปี ระสทิ ธิภาพมากกว่า 4.3 ไฟไหม้ขั้นรุนแรง คือ  ระยะเวลาไฟไหม้ต่อเนื่องไปแล้ว เกิน 8 นาที และยังมีเชื้อเพลิงอีกมากมาย อุณหภูมจิ ะสงู มากกว่า 600 องศาเซลเซยี ส ไฟจะลุกลามขยายตวั ไปทุกทศิ ทางอยา่ งรุนแรงและรวดเร็ว การดบั เพลงิ จะ ต้องใชผ้ ้ทู ไ่ี ด้รบั การฝกึ พรอ้ มอุปกรณ์ในการระงับเหตุขนั้ รุนแรง

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 15 แบบฝึกหัดท้ายกจิ กรรมที่ 1 คำส่งั ใหน้ ักศึกษาตอบคำถามต่อไปน้ ี 1. ความหมายของอคั คภี ัย ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 2. อธบิ ายสาเหตขุ องการเกิดอัคคีภยั (มาพอสังเขป) ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 3. อธิบายการป้องกนั การเกดิ อคั คีภัย (มาพอสังเขป) ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................

16 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย บทท ี่ 2 อุทกภยั ความหมายของอทุ กภัย อุทกภัย คือ ภัยที่เกิดขึ้นเน่ืองจากมีน้ำเป็นสาเหตุ อาจจะเป็นน้ำท่วม น้ำป่า หรืออ่ืนๆ โดยปกติ อุทกภัย เกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางครั้งทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมีสาเหตุจากพายุหมุนเขตร้อน ลมมรสมุ มกี ำลงั แรง ร่องความกดอากาศต่ำมกี ำลังแรง อากาศแปรปรวน นำ้ ทะเลหนนุ แผน่ ดินไหว เขอื่ นพัง ทำให้เกิด อุทกภยั ไดเ้ สมอ อทุ กภยั ในภาวะท่ีเกิดน้ำท่วม ควรติดตามฟังข่าวอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาสม่ำเสมอ เม่ือใดท่ีกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนใหอ้ พยพ ทงั้ คนและสัตว์เลย้ี ง ควรรบี อพยพไปอยูใ่ นท่ีสูง อาคารที่มั่นคงแขง็ แรง ถา้ อยู่ทร่ี าบให้ระมดั ระวงั นำ้ ป่า หลาก จากภูเขาที่ราบสูงลงมา กระแสน้ำจะรวดเร็วมาก ควรสังเกตเม่ือมีฝนตกหนักติดต่อกันบนภูเขาหลายๆ วัน ใหเ้ ตรยี มตัวอพยพขนของไว้ทสี่ ูง ถา้ อยรู่ มิ น้ำใหเ้ อาเรือหลบเขา้ ฝัง่ ไวใ้ นท่ีจะใชง้ านได้ เม่ือเกดิ น้ำท่วม เพอ่ื การคมนาคม ควรมกี ารวางแผนอพยพว่าจะไปอย่ทู ่ใี ด พบกันทไี่ หน อยา่ งไร         กระแสนำ้ หลากจะทำลายวัสดกุ ่อสร้าง เส้นทางคมนาคม ตน้ ไม้ และพชื ไร่ ตอ้ งระวงั กระแสน้ำพดั พาไป อยา่ ขบั รถยนต์ฝ่าลงไปในกระแสน้ำหลาก แม้บนถนนก็ตาม อย่าลงเล่นน้ำ อาจจะประสพอุบัติภัยอื่น ๆ อีกได้ หลังจากน้ำ ท่วม จะเกิดโรคระบาดในระบบทางเดนิ อาหารท้ังคนและสัตว์ ให้ระวงั น้ำบริโภค โดยตม้ สกุ เสียกอ่ น ช นิดของอทุ กภยั ภยั ธรรมชาตซิ งึ่ เกดิ จาก ฝนตกหนกั ตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลานาน มสี าเหตจุ าก พายหุ มนุ เขตรอ้ น มรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ กำลังแรง ร่องความกดอากาศตำ่ กำลังแรง และแผ่นดนิ ไหว ทำใหเ้ ขอ่ื นแตก เกิดภัยจากนำ้ ทว่ มไดแ้ บง่ ได้ 2 ชนดิ

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 17 1. อทุ กภัยจากน้ำปา่ ไหลหลากและนำ้ ทว่ มฉบั พลัน          น้ำท่วมขัง น้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำล้นตล่ิง มีระดับสูงจากปกติท่วมแช่ขัง ทำให้การคมนาคมหยุดชะงัก เกิดโรคระบาดได้ ทำลายพืชผลเกษตรกร คลื่นซัดฝ่ัง เกิดจากพายุลมแรงซัดฝั่ง ทำให้น้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเล บางคร้ังมคี ล่ืนสงู ถงึ 10 เมตร ซัดเขา้ ฝงั่ ทำลายทรัพยส์ นิ และชวี ิตได้ การปอ้ งกนั และลดความเสยี หายจากอุทกภัย 2. อุทกภัยจากนำ้ ทว่ มขงั และน้ำเอ่อนอง          เกิดจากน้ำในแม่น้ำ ลำธารล้นตลิ่ง มีระดับสูงจากปกติ ท่วมและแช่ขัง ทำให้การคมนาคมชะงัก เกิด โรคระบาด ทำลายสาธารณปู โภค และพืช ผลการเกษตร อ ุทกภัยจากคล่ืนซดั ฝ่งั เกิดจากพายุลมแรงซัดฝ่ัง ทำให้น้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเล บางคร้ังมีคลื่นสูงถึง 10 เมตร ซัดเข้าฝั่งทำลาย ทรพั ยส์ นิ และชีวติ ได ้ สาเหตุของการเกิดอทุ กภัย อาจเกดิ จากหลายสาเหตุดว้ ยกนั   ดังน้ ี 1. ฝนตกหนัก  การที่ฝนตกหนักเป็นเวลานานหลายชั่วโมง  ย่อมทำให้จำนวนน้ำมีมาก จนไม่สามารถระบาย ลงสู่แม่น้ำลำคลองได้ทัน  น้ำจึงไหลบ่าลงสู่ท่ีต่ำอย่างรวดเร็ว  ซึ่งพบมากในบริเวณที่ราบสูง  เชิงเขาใกล้ต้นน้ำลำธาร  และบริเวณท่ีการตดั ไมท้ ำลายป่าบรเิ วณต้นนำ้ 2. ลมมรสุม อุทกภัยอาจเกิดจากลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ       3. พายุหมุนเขตร้อน  ซ่ึงได้แก่ พายุดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน  และพายุใต้ฝุ่น ซ่ึงทำให้ฝนตกเป็นเวลานาน ตดิ ตอ่ กนั   ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมได ้ 4. น้ำทะเลหมุน  ปรากฏการณท์ ่ีดวงจันทรแ์ ละดวงอาทติ ยโ์ คจรมาอย่แู นวเดยี วกนั และรวมกำลงั กนั   จะทำให้ เกิดแรงดึงดูดต่อน้ำในมหาสมุทร  ทำให้เกิดภาวะน้ำข้ึนสูงสุดมากกว่าระยะอื่น ที่เรียกว่า ระยะ น้ำเกิด  ซึ่งมักปรากฏ ในเวลาวันข้างขึ้น 15 ค่ำ หรอื แรม 1-2 คำ่ 5. สาเหตุอื่นๆ เช่นแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด  ทำให้เปลือกของผิวโลกได้รับความกระทบกระเทือน บางส่วนของผิวจะสูงข้ึน บางส่วนจะยุบลง โดยเฉพาะเมื่อภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด จะทำให้เกิดคลื่นใหญ่ ในมหาสมุทร เกิดภาวะน้ำท่วมตามหมู่เกาะ  หรือเมืองชายทะเล นอกจากนั้นการท่ีแผ่นดินทรุด  ก็เป็นสาเหตุหน่ึงที่ทำให้เกิดภาวะ น้ำท่วมได้  โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร  และการท่ีหิมะละลายตัว กลายเป็นน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว  ทำให้ เกิดน้ำท่วมไดอ้ ย่างฉบั พลัน  ซ่งึ พบในประเทศที่มอี ากาศหนาว การชว่ ยเหลือขณะเกิดอทุ กภัย ขณะเกิดอทุ กภยั หน่วยงานหรือผูใ้ หค้ วามชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัย ควรให้ความชว่ ยเหลือดงั น้ี 1. ค้นหาผู้ประสบภัย ขณะเกิดอุทกภัย บางแห่งน้ำอาจท่วมบ้านเรือนมิดหลังคา  บางคนอยู่บนหลังคาบ้าน  บางคนกำลังลอยคออยู่ในน้ำ  หรือบางคนโดนน้ำพัดพาไปท่ีอ่ืน  การค้นหาผู้ประสบภัย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ท่ีจะ ช่วยเหลือใหไ้ ดร้ บั ความปลอดภัยโดยเร็วท่สี ุด

18 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย      2. การขนย้ายผู้ประสบภัยควรขนย้ายหรือผู้ประสบภัย สัตว์เลี้ยง และทรัพย์สินออกจากบริเวณที่น้ำท่วม  ซงึ่ การขนย้ายน้ี จะตอ้ งมกี ารวางแผนล่วงหนา้ และเตรยี มพรอ้ มทจ่ี ะดำเนินการไดท้ ันท ี 3. การช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ผู้ประสบอุทกภัยบางรายอาจได้รับอุบัติเหตุ  ขาดอาหาร และเกิดการเจ็บป่วยข้ึน  จึงจำเป็นท่ีจะต้องให้ความช่วยเหลือโดยจัดหน่วยแพทย์หรือพยาบาลเคล่ือนที่ เพื่อให้การรักษาพยาบาล หรือจัดยา รักษาโรค เสบียงอาหาร และเส้อื ผ้าใหผ้ ้ปู ระสบภยั    ก ารช่วยเหลอื หลงั เกดิ อุทกภัย ภายหลังจากการเกิดอทุ กภยั แล้ว  ประชาชนท่ปี ระสบภยั ควรได้รับความชว่ ยเหลือ ดังน้ี 1. ได้รบั การสงเคราะห์ในเรื่องอาหาร เครอื่ งน่งุ ห่ม  ยารกั ษาโรค  ท่พี ักอาศยั      2. ได้รับความช่วยเหลือฟื้นฟู ในเร่ืองสุขภาพทางกาย และจิตใจ  โดยจัดบริการทำความสะอาด และอาจจัด หน่วยแพทย์ หรือสาธารณสุขเคลื่อนที่ เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และออกให้บริการต่างๆ เช่น  การส่งเสริม โภชนาการ การให้ภูมคิ ุ้มกนั โรค การรักษาพยาบาล การสขุ าภิบาล การจดั หานำ้ สะอาด การให้สขุ ศกึ ษา และการสร้าง ขวญั กำลังใจ 3. ได้รับการสง่ กลบั ภมู ิลำเนาเดิม       4. ได้รับความช่วยเหลือในด้านการประกอบอาชีพ  เช่น  การแนะนำทางด้านวิชาการ เพ่ือปลูกพืชทดแทน การจัดหาพันธพุ์ ืช ผลไม้ใหป้ ลกู ทดแทน การจดั แหลง่ เงินกูฉ้ ุกเฉนิ 5. ได้รับความช่วยเหลือในเร่ืองการซ่อมแซมบ้านเรือนที่พักอาศัย  อาจจัดหาแหล่งเงินกู้ สำหรับซ่อมบ้าน หรือสรา้ งบา้ นใหม่ โดยคดิ อัตราเดอกเบ้ียราคาถกู จัดหาทีอ่ ย่อู าศัยช่ัวคราว แก่ผทู้ บี่ ้านเรือนถกู ทำลายไปหมด 6. การได้รับความช่วยเหลือในการซ่อมแซมเครื่องสาธารณูโภค และบริการสาธารณะต่างๆ  ให้กลับคืนสู่ สภาพปกตโิ ดยเร็วท่ีสดุ เพ่อื ความสะดวกในการใช้บรกิ ารของผูป้ ระสบภัย เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท ์ ถนน ทางรถไฟ  สะพาน ฯลฯ การป้องกันอุทกภยั 1. ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตอื นจากกรมอุตุนิยมวิทยา 2. สอบถาม แจง้ สภาวะอากาศรา้ ย โทร 053-277919 ตลอด 24 ชวั่ โมง 3. ฝึกซ้อมการปอ้ งกนั ภัยพิบัติ เตรียมพรอ้ มรบั มือ และวางแผนอพยพหากจำเปน็ 4. เตรยี มนำ้ ดื่ม เครือ่ งอุปโภค บรโิ ภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ วทิ ยกุ ระเป๋าหว้ิ ตดิ ตามข่าวสาร 5. ซ่อมแซมอาคารให้แขง็ แรง เตรยี มปอ้ งกันภยั ให้สัตวเ์ ล้ียงและพืชผลการเกษตร 6. เตรียมพรอ้ มเสมอเมือ่ ไดร้ บั แจง้ ให้อพยพไปท่สี ูง เมอื่ อยใู่ นพื้นทเี่ สยี่ งภยั และฝนตกหนกั ต่อเนอ่ื ง 7. ไมล่ งเล่นนำ้ ไมข่ ับรถผา่ นนำ้ หลากแม้อยูบ่ นถนน ถา้ อยใู่ กล้นำ้ เตรยี มเรือเพ่อื การคมนาคม 8. หากอยู่ในพน้ื ทนี่ ำ้ ทว่ มขงั ปอ้ งกันโรคราด ระวังเรอื่ งนำ้ และอาหาร ต้องสกุ และสะอาดกอ่ นบรโิ ภค

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 19 แบบฝึกหดั ทา้ ยกิจกรรมที่ 2 คำส่งั ให้นกั ศึกษาตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. ความหมายของอุทกภัย ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 2. ชนิดของอุทกภยั ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 3. สาเหตุการเกิดอทุ กภยั ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 4. การป้องกนั อทุ กภยั ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................

20 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย บทท ี่ 3 วาตภยั ค วามหมายของวาตภัย วาตภัย คือ ภัยธรรมชาติซ่ึงเกิดจากพายุลมแรง จนทำให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ และ ส่ิงก่อสร้าง สำหรับในประเทศไทยวาตภัยหรือพายุลมแรงมีสาเหตุมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยสามารถ แบ่งลักษณะของวาตภัยได้ตามความเร็วลม เช่น พายุฟ้าคะนอง พายุดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน พายุไต้ฝุ่น พายุหมุน เขตร้อน ได้แก่ ดีเปรสช่นั พายโุ ซนรอ้ น พายใุ ต้ฝ่นุ พายฤุ ดรู อ้ น สว่ นมากจะเกดิ ระหว่างเดือนมนี าคมถงึ เดอื นเมษายน โดยจะเกิดถี่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออก จะมีการเกิดน้อยครั้งกว่า สำหรับภาคใต้ก็สามารถเกิดได้แต่ไม่บ่อยนัก โดยพายุฤดูร้อนจะเกิดใน ช่วงที่มีลักษณะอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกัน หลายวัน แล้วมีกระแสอากาศเย็นจากความกดอากาศสูงในประเทศจีนพัดมาปะทะกัน ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองมีพายุ ลมแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้จะทำความเสียหายในบริเวณท่ีไม่กว้างนัก ประมาณ 20-30 ตารางกิโลเมตร ลมงวง หรือ (เทอร์นาโด) เป็นพายุหมุนรุนแรงขนาดเล็กท่ีเกิดจากการหมุนเวียน ของลมภายใต้เมฆก่อตัวในทางตั้ง หรือ เมฆพายุฝนฟ้าคะนอง (เมฆคิวมูโลนมิ บสั ) ท่มี ีฐานเมฆต่ำ กระแสลมวนทม่ี ีความเร็วลมสงู นจ้ี ะ ทำให้กระแสอากาศเปน็ ลำพุ่งข้ึนสู่ท้องฟ้า หรือย้อยลงมาจากฐานเมฆดูคล้ายกับงวงหรือปล่องย่ืนลงมา ถ้าถึงพื้นดินก็จะทำความเสียหาย แก่บ้านเรือน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างได้ สำหรับในประเทศไทยมักจะเกิดกระแสลมวน ไกลพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ ไมต่ ่อเนื่องข้นึ ไปจนถงึ ใตพ้ ้ืนฐานเมฆ และจะเกดิ ขน้ึ นานๆ ครั้ง โดยจะเกดิ ขน้ึ ในพ้นื ทีแ่ คบๆ และมชี ว่ งระยะเวลาสั้นๆ จงึ ทำใหเ้ กดิ ความเสยี หายไดใ้ นบางพนื้ ท ี่ ชนดิ และลักษณะของวาตภัย      พายหุ มนุ เขตรอ้ น   พายหุ มนุ เขตรอ้ น เปน็ พายทุ หี่ มนุ และฝนทต่ี กอยา่ งรนุ แรงฉบั พลนั ตอ่ เนอื่ ง เปน็ บรเิ วณกวา้ ง ระบบการหมนุ เวยี น ของกระแสลม จะพัดจากทุกทิศทางเวียนก้นหอยเข้าหาศูนย์กลางความกดอากาศต่ำ  โดยในซีกโลกเหนือจะหมุนทวน เข็มนาฬิกา สว่ นซกี โลกใตจ้ ะพดั ตามเขม็ นาฬกิ า  พายหุ มนุ เขตร้อนนี้ มักเกดิ ขึน้ เฉพาะในเขตรอ้ น พายุดีเปรสชัน (Depression)  เป็นลมพายุท่ีเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ลมพัดเข้าหาศูนย์กลาง ไม่เกิน 33 นอตหรือ 61 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง เป็นลมพายุท่ีกำลังอ่อน ไม่อันตรายรุนแรง แต่ทำให้เกิดฝนตก ลมพัด นำ้ ท่วม  พายโุ ซนร้อน (Tropical Strom)  เปน็ ลมพายทุ ่พี ดั ดว้ ยความเร็ว 34-62 หรือ 62-117 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง  มีกำลังแรงของลมปานกลาง  ทำให้เรือล่ม บ้านจมน้ำ พัดกวาดผู้คนจมน้ำได ้ และหากพายุน้ีมีความเร็วลมสูงข้ึนอีก จะกลายเป็นพายุใต้ฝุ่น  กรณีท่ีฝนตกหนัก บ้านเรือนจะพังพินาศ  การคมนาคมถูกตัดขาด สูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน มาก

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 21      พายุใต้ฝุ่น (Typhoon) เป็นลมพายุที่มีความเร็วสูงใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 64 น๊อต หรือ 118  กิโลเมตร ต่อช่ัวโมงขึ้นไป  มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น หากเกิดขึ้นบริเวณ มหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีน  จะเรียกวา่ พายุไตฝ้ ุน่  (Typhoon) หากเกิดขน้ึ บริเวณอ่าวเบงกอล มหาสมุทรอนิ เดีย และทะเลอาราเบียน จะเรียกว่า พายุไซโคลน (Cyclones) และหากเกิดข้ึนบริเวณมหาสมทุ ร แอตแลนตกิ  ทะเลแครบิ เบียน หรือฝ่ังตะวันออกเฉียงใต้ ของอเมริกาเรียกว่าเฮอริเคน (Hurricanes) พายุไต้ฝุ่นเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุด ทำให้เกิดฝนตกหนักมาก บรเิ วณท่ีพดั ผ่าน และมีอำนาจ ในการทำลายชีวิตและทรพั ยส์ ินมาก อนั ตรายท่ีเกดิ ขน้ึ ได้แก่ การพัดต้นไม้ บ้านเรอื น ผู้คน มผี ลใหไ้ ฟฟ้าชอ๊ ต เส้นทางการคมนาคมถูกตัดขาด นำ้ ท่วม เปน็ ตน้   ในประเทศไทย  พายุหมุนเขตร้อนน้ีจะเริ่มต้นต้ังแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน โดยจะเกิดพายุบ่อย  ในช่วงเดอื นสงิ หาคมและกนั ยายน พายุฝนฟ้าคะนอง      - พายุฝนฟ้าคะนองหรือพายุฤดูร้อน (Summer Storm) เกิดลมร้อน และความชื้นจากน้ำทะเล พัดไป ปะทะกับลมแห้ง และลมเย็น ทำใหเ้ กิดพายุฝนฟ้าคะนอง ฝนตก ฟ้าผ่า อาจมีลูกเห็บตก ซึง่ บางครั้ง ทำใหเ้ กดิ ลมงวง สูงมาก จงึ ทำลายบ้านเรือน และสิง่ ทกี่ ีดขวางก้ันใหพ้ งั ทลายได้ ปกติความเร็วของ ลมพายฤุ ดูร้อน จะมีกำลงั ประมาณ 50 กิโลเมตรตอ่ ชั่วโมง แต่กอ็ าจมีความเร็ว ถึง 149 กโิ ลเมตรตอ่ ชวั่ โมง หรือ 157 กโิ ลเมตรตอ่ ช่วั โมง (85 นอ๊ ต) พายุ ฝนฟ้าคะนองน้ีมักเกิดขึ้นระหว่าง เดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือน พฤษภาคม  ซึ่งเป็นระยะที่มีอากาศร้อนอบอ้าวมาก ท่ีสุดในประเทศไทย  อันตรายท่ีเกิดขึ้น ก็อาจทำให้ เกิดอันตรายต่อร่างกาย และความเสียหายแก่ทรัพย์สิน  ซ่ึงความ รนุ แรงของพาย มกั เกดิ ขึน้ เฉพาะแห่ง ไมแ่ ผบ่ ริเวณกว้างและเปน็ ช่วงระยะเวลาอนั สน้ั วาตภัยคร้ังสำคัญในประเทศไทย เกิดขน้ึ 1. วาตภัยจากพายุโซนร้อน “แฮเรยี ต” ทแี่ หลมตะลมุ พกุ อำเภอปากพนงั จังหวัดนครศรธี รรมราช เม่อื วันที่ 25 ตุลาคม 2505 มีผู้เสียชีวิต 870 คน สูญหาย 160 คน บาดเจ็บ 422 คน ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัย 16,170 คน ทรพั ยส์ ินสญู เสยี ราว 960 ลา้ นบาท 2. วาตภัยจากพายุไต้ฝุ่น “เกย์” ท่ีพัดเข้าสู่จังหวัดชุมพร เม่ือวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 ความเร็วของลม วัดได้ 120 กม./ชม. ประชาชนเสียชีวิต 602 คน บาดเจ็บ 5,495 คน บ้านเรือนเสียหาย 61,258 หลัง ทรัพย์สิน สูญเสียราว 11,739,595,265 บาท

22 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 3. วาตภยั จากพายุไตฝ้ นุ่ ลนิ ดา ตั้งแตว่ ันที่ 2 พฤศจิกายน ถึง 4 พฤศจิกายน 2540 ทำใหเ้ กดิ ความเสียหาย จากวาตภัย อทุ กภัย และคลืน่ ซัดฝงั่ ในพ้นื ที่ 11 จงั หวัดของภาคใต้และภาคตะวันออกเม่ือเดอื นพฤศจิกายน 2532 อนั ตรายท่เี กดิ จากวาตภยั อันตรายทีเ่ กดิ จากพายแุ ละลมแรงจดั ส่งผลความเสียหาย ดังน้ี บนบก ต้นไม้ถอนรากถอนโคน ต้นไม้ทับบ้านเรือนพัง ผู้คนได้รับบาดเจ็บถึงตาย เรือกสวนไร่นา เสียหายหนักมาก บา้ นเรือนท่ไี ม่แขง็ แรง ไมส่ ามารถตา้ นทานความรุนแรงของลมได้พงั ระเนระนาด หลงั คาบ้านทีท่ ำด้วยสงั กะสจี ะถูกพดั เปิด กระเบ้ืองหลังคาปลิวว่อน เป็นอันตรายต่อผู้ท่ีอยู่ในท่ีโล่งแจ้ง เสาไฟฟ้า เสาโทรเลข เสาโทรศัพท์ล้ม สายไฟฟ้า ขาด ไฟฟ้าลัดวงจร เกดิ เพลิงไหม้ ผู้คนเสียชีวติ จากไฟฟา้ ดูดได้ ผคู้ นทพ่ี กั อยรู่ มิ ทะเล จะถูกคล่ืนซัดทว่ มบา้ นเรือน และ กวาดลงทะเล ผู้คนอาจจมน้ำตายในทะเลได้ ฝนตกหนักมากทั้งวันและทั้งคืน อุทกภัยจะตามมา น้ำป่าจากภูเขา ไหลหลากลงมาอยา่ ง รุนแรง ท่วมบา้ นเรอื น ถนน และเรอื นสวนไร่นา เส้นทางคมนาคม ทางรถไฟ สะพาน และถนน ถูกตัดขาด ในทะเล มลี มพดั แรงจดั มาก คล่นื ใหญ่ เรอื ขนาดใหญอ่ าจถกู พดั พาไปเกยฝั่งหรือชนหินโสโครกทำให้จมได้ เรือทกุ ชนิด ควรงดออกจากฝ่ังหรือหลีกเล่ียงการเดินเรือเข้าใกล้ศูนย์กลางพายุ มีคลื่นใหญ่ซัดฝ่ังทำให้ระดับน้ำสูงท่วม อาคาร บ้านเรือนบริเวณรมิ ทะเล และอาจกวาด ส่งิ กอ่ สร้างทไ่ี ม่แข็งแรงลงทะเลได้ เรือประมงบรเิ วณชายฝัง่ จะถกู ทำลาย การเตรยี มการและขณะเกิดวาตภัย 1. ตดิ ตามขา่ วและประกาศคำเตือนลกั ษณะอากาศรา้ ยจากกรมอุตุนยิ มวทิ ยา 2. เตรยี มวิทยแุ ละอปุ กรณ์สือ่ สาร ชนดิ ใชถ้ า่ นแบตเตอร่ี เพอื่ ติดตามขา่ วในกรณีทไี่ ฟฟา้ ขดั ขอ้ ง 3. ตัดกิ่งไม้ หรือรีดกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะก่ิงท่ีจะหักมาทับบ้าน สายไฟฟ้า ต้นไม้ที่ตาย ยืนต้นควรจัดการโคน่ ลงเสยี 4. ตรวจเสาและสายไฟฟ้าทง้ั ในและนอกบรเิ วณบ้านให้เรียบร้อย ถา้ ไม่แข็งแรงให้ยึดเหนยี่ วเสาไฟฟา้ ให้มนั่ คง 5. พักในอาคารทม่ี ่ันคงตลอดเวลาขณะเกิดวาตภัย อยา่ ออกมาในทีโ่ ลง่ แจง้ เพราะตน้ ไม้และกิง่ ไมอ้ าจหกั โค่น ลงมาทับได้ รวมทงั้ สงั กะสแี ละกระเบ้อื งจะปลวิ ตามลมมาทำอันตรายได้ 6. ปิดประตู หน้าต่างทุกบาน รวมท้ังยึดประตูและหน้าต่างให้ม่ันคงแข็งแรง ถ้าประตูหน้าต่างไม่แข็งแรง ใหใ้ ชไ้ ม้ทาบตีตะปตู รงึ ปดิ ประตู หน้าต่างไว้จะปลอดภยั ยง่ิ ขน้ึ 7. ปดิ กน้ั ช่องทางลมและช่องทางต่างๆ ทีล่ มจะเข้าไปทำให้เกิดความเสยี หาย 8. เตรียมตะเกียง ไฟฉาย และไม้ขีดไฟไว้ให้พร้อม ให้อยู่ใกล้มือ เมื่อเกิดไฟฟ้าดับจะได้หยิบใช้ได้อย่างทัน ทว่ งที และนำ้ สะอาด พร้อมท้ังอปุ กรณ์เครอ่ื งห้มุ ตมุ้ 9. เตรยี มอาหารสำรอง อาหารกระป๋องไวบ้ ้างสำหรับการยังชีพในระยะเวลา 2-3 วัน 10. ดับเตาไฟให้เรียบร้อยและควรจะมอี ุปกรณส์ ำหรบั ดบั เพลิงไว้ 11. เตรียมเครอ่ื งเวชภัณฑ ์ 12. ส่งิ ของควรไวใ้ นท่ีต่ำ เพราะอาจจะตกหลน่ แตกหกั เสียหายได้ 13. บรรดาเรือ แพ ใหล้ งสมอยดึ ตรงึ ให้มนั่ คงแข็งแรง

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 23 14. ถ้ามีรถยนต์ หรือพาหนะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมภายหลังพายุสงบอาจต้องนำผู้ป่วยไปส่ง โรงพยาบาล น้ำมนั ควรจะเติมใหเ้ ต็มถังอย่ตู ลอดเวลา 15. เมอ่ื ลมสงบแลว้ ตอ้ งรออยา่ งน้อย 3 ชัว่ โมง ถ้าพ้นระยะน้แี ล้วไมม่ ีลมแรงเกิดขึ้นอกี จงึ จะวางใจวา่ พายุได้ ผา่ นพน้ ไปแล้ว ท้ังน้ีเพราะ เมอ่ื ศูนยก์ ลางพายุผ่านไปแล้วจะตอ้ งมลี มแรงและฝนตกหนกั ผา่ นมาอกี ประมาณ 2 ชว่ั โมง 16. ตง้ั สตใิ หม้ ัน่ ในการตดิ สินใจ ช่วยครอบครวั ให้พน้ อนั ตรายในขณะวกิ ฤต การปฏบิ ตั เิ มอื่ พายสุ งบลง 1. เมอ่ื มผี ู้บาดเจบ็ ให้รบี ช่วยเหลอื และนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลท่ีใกล้เคียงให้เรว็ ทส่ี ุด 2. ต้นไม้ใกลจ้ ะลม้ ใหร้ บี จัดการโค่นล้มลงเสีย มฉิ ะนนั้ จะหักโคน่ ลม้ ภายหลัง 3. ถา้ มเี สาไฟฟา้ ล้ม สายไฟขาดอย่าเขา้ ใกล้หรือแตะตอ้ งเป็นอนั ขาด ทำเคร่อื งหมายแสดงอันตราย 4. แจ้งให้เจ้าหน้าท่หี รือช่างไฟฟา้ จดั การดว่ น อยา่ แตะโลหะทเี่ ป็นสือ่ ไฟฟ้า 5. เมือ่ ปรากฏว่าทอ่ ประปาแตกท่ีใด ให้รีบแจ้งเจา้ หน้าทมี่ าแกไ้ ขโดยด่วน 6. อย่าเพ่ิงใช้น้ำประปา เพราะน้ำอาจไม่บริสุทธ์ิ เนื่องจากท่อแตกหรือน้ำท่วม ถ้าใช้น้ำประปาขณะนั้นด่ืม อาจจะเกิดโรคได้ ให้ใชน้ ำ้ ทกี่ ักตุนกอ่ นเกดิ เหตุดม่ื แทน 7. ปัญหาทางดา้ นสาธารณสุขทอี่ าจจะเกดิ ข้นึ ได ้ การควบคุมโรคติดต่อท่ีอาจเกิดระบาดได้ การทำน้ำให้สะอาด เช่น ใช้สารส้ม และใช้ปูนคลอรีน การกำจัด อุจจาระโดยใช้ปูนขาว หรือน้ำยาไลโซล 5% กำจัดกล่ินและฆ่าเช้ือโรค กำจัดพาหนะนำโรค เช่น ยุง และแมลงวัน โดยใช้ฆ่าแมลง โรคต่าง ๆ ที่มักเกิดหลังวาตภัย โรคระบบหายใจ เช่น หวัด โรคติดเชื้อ และปรสิต เช่น การอักเสบ มหี นอง โรคฉห่ี นู เปน็ ต้น โรคผิวหนัง เชน่ โรคน้ำกัดนำ้ กลาก เป็นต้น โรคระบบทางเดินทางอาหาร โรคอุจจาระรว่ ง ภาวะทางจติ เช่น ความเครยี ด การปอ้ งกันวาตภัย เพ่ือปอ้ งกันมใิ ห้เกดิ อันตราย และความเสยี หายจากวาตภัย  จงึ ควรปอ้ งกนั ล่วงหนา้ กอ่ นเกดิ วาตภัย ดงั นี ้ 1. การเตรียมความพร้อมของหน่วยงาน เพ่ือรับสถานการณ์วาตภัย เป็นการเตรียมความพร้อม ท่ีจะหาทาง ช่วยเหลือ และป้องกันชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน มิให้เกิดความเสียหาย หรือพยายามให้ เสียหายน้อยท่ีสุด ซง่ึ ควรเตรยี มดังน้ี 1.1 ควรจัดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบ ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ซึ่งทำหน้าท่ีวางแผนปฏิบัติงาน จัดเตรียม อปุ กรณ ์ และเผยแพร่ความรู้ ให้แก่ประชาชน           1.2 ควรจัดให้มีระบบการเตือนภัย และช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีการกระจายข่าว หรือดินฟ้าอากาศ ประกาศยำ้ เตือนบ่อยๆ เมอ่ื เกดิ ลมพาย ุ ซ่ึงหนว่ ยงานทีร่ บั ผิดชอบในด้านน้ีมีดังนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมประชาสัมพนั ธ์ กรมการปกครอง กรมทางหลวง องค์การรถไฟ กรมเจา้ ท่า กรมประมง กองตำรวจน้ำ กองทพั เรือกองทัพอากาศ และ กรมประชาสงเคราะห ์ 2. การเตรียมตัวป้องกันอันตรายเม่ือทราบข่าวว่าจะเกิดวาตภัย เพ่ือหลีกเลี่ยง หรือลดความเสียหาย ท่ีอาจ เกดิ ขนึ้ จากวาตภัยประชาชนควรปฏบิ ตั ิดังน ้ี

24 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 2.1 ตดิ ตามฟังข่าวอากาศจากแหลง่ ขา่ วรฐั บาลตลอดเวลา และปฏบิ ัติตามอย่างเคร่งครัด          2.2 หากอาศัยอยู่ในที่ราบหรือริมน้ำ ควรรีบทำการอพยพผู้คน  สัตว์เล้ียง และทรัพย์สินข้ึนไปอยู่ในท่ีสูง ที่ม่ันคงแขง็ แรง 2.3 ควรตอกปิดรัดบานประตู หน้าต่างให้แน่นหนา  โดยเฉพาะประตูหน้าต่าง กระจก  ควรหาไม้ตอกตรึง หรือหาเทป  กาวหนังกาวกระดาษปิดทับให้แน่น เพ่ือป้องกันลมแรงกระจกแตก  การปิดประตูหน้าต่าง จะช่วยปิดกั้น ช่องลมทางนำ้ ได ้           2.4 เกบ็ สิ่งของ เรอื แพ รถยนต์ และอพยพสัตย์เลีย้ งไว้ในที่สูง           2.5 เตรยี มเครือ่ งมอื ชา่ ง เชน่ ตะปู ค้อน ลวด เพือ่ ทำแพไม้ หรือแพถงั น้ำมันสำหรบั อพยพ           2.6 ควรดับไฟในเตา ปลดสะพานไฟฟ้า ปิดวาลว์ แก๊ส           2.7 จัดเตรียมนำ้  อาหารแห้ง ยารกั ษาโรค           2.8 เตรยี มตะเกยี ง ไมข้ ดี ไฟ ไฟฉาย พร้อมถ่านแบตเตอร ่ี

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 25 แบบฝกึ หัดท้ายกิจกรรมที่ 3 คำสัง่ ให้นกั ศกึ ษาตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. ความหมายของวาตภัย ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 2. ชนิดและลกั ษณะของวาตภยั (อธบิ ายมาพอสังเขป) ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 3. การป้องกันวาตภยั (อธบิ ายมาพอสงั เขป) ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................

26 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย บรรณานกุ รม กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั . พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 กระทรวงมหาดไทย, 2550. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั . แผนปอ้ งกนั ภยั ฝ่ายพลเรือนแหง่ ชาติ ปี พ.ศ. 2548 สำนกั เลขาธกิ ารปอ้ งกนั ภัย ฝ่ายพลเรือน, 2548. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. คู่มือการปฏิบัติงานด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2548. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั . ยทุ ธศาสตรก์ รมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2552 - 2554 กระทรวง มหาดไทย, 2552. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. คู่มือการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. ศูนย์อำนวยการ บรรเทาสาธารณภยั กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั , 2552. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. คู่มือการปฏิบัติงานกระบวนงานการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยตามสภาพพ้ืนท่ีเส่ยี งภัย. สว่ นนโยบายภัยธรรมชาติ สำนกั นโยบายป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั , 2552. กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย. คู่มอื การบรหิ ารความเสย่ี ง, 2550 เจรญิ เจษฎาวลั ย.์ เอกสารคำบรรยาย การบริหารความเสีย่ ง, 2550 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. เอกสารคำบรรยาย หลักสูตร การบริหารความเสยี่ งและการวางระบบควบคมุ ภายใน, 2550 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. คมู่ ือการบริหารความเส่ียงทวั่ ท้ังองคก์ ร, 2550 สถาบันวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย. ค่มู อื และแผนบริหารความเสีย่ ง, 2550 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. คู่มือปฏบิ ัติงานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั , 2550 สำนกั งาน ก.พ.ร. คู่มือเทคนคิ และวิธีการบรหิ ารจัดการสมัยใหม่ การวเิ คราะห์และการบริหารความเสี่ยง

รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย 27 คณะผู้จัดทำ ผู้อำนวยการ สำนักงานกศน.จงั หวัดมหาสารคาม ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวาปปี ทมุ ทปี่ รึกษา ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอเมืองมหาสารคาม ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอโกสมุ พิสยั นางสาวนพกนก บรุ ษุ นนั ทน์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอยางสสี รุ าช นายอวริ ทุ ธ์ิ ภักดสี ุวรรณ ครูชำนาญการพิเศษ นายศภุ ชยั วนั นิตย์ ครชู ำนาญการพิเศษ นางรัตนา ปะกคิ ะเน ครู กศน.ตำบล นางวิมลรัตน์ จันทรย์ าง ครู กศน.ตำบล นายธนารกั ษ์ อุตรนิ ทร ์ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอวาปปี ทมุ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอเมอื งมหาสารคาม ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอโกสมุ พิสัย ข้อมลู /เรยี บเรียง ครูอาสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรียน นางประพิศ นพประชา นางกรรณกิ า ประสาระเอ นางสาวสกลวรรณ คำนิน บรรณาธกิ าร นายอวิรทุ ธิ์ ภักดสี ุวรรณ นายศุภชยั วันนติ ย ์ นางรัตนา ปะกิคะเน นายธนาคร ภดู ินดาล

28 รายวิชาการป้องกันสาธารณภัย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook