Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore orchid

orchid

Published by nattawut.changpai, 2017-07-16 02:31:02

Description: orchid

Search

Read the Text Version

Oกrcลh้วidยsไม้

ประวตั ิกลว้ ยไม้ กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ์ Orchidaceae เปน็ ไมต้ ัดดอกยอดนยิ ม เนอ่ื งจากมีลักษณะดอกและสีสนั ลวดลายสวยงาม เปน็ ไม้ตดั ดอกทีม่ ีอายุการใชง้ านได้นาน กล้วยไมเ้ ปน็ พชื เศรษฐกิจทม่ี ีความสาคญั ของไทยเพราะเป็นไม้ส่งออกขายต่างประเทศทารายไดเ้ ขา้ ประเทศปีละหลายร้อยลา้ นบาท มีการปลูกเล้ยี งอยา่ งครบวงจรตง้ั แต่การผสมเกสร เพาะเล้ียงเนือ้ เย่ือ เลี้ยงลกู กลว้ ยไม้ เล้ยี งตน้ กลว้ ยไมจ้ นกระท่ังให้ดอก ตดั ดอกบรรจหุ ีบหอ่ และสง่ ออกเองอกเอง แหลง่ กาเนดิ กลว้ ยไม้ปา่ ท่ีสาคัญของโลกมี 2 แหล่งใหญๆ่ ด้วยกนั คอื ลาตนิ อเมรกิ า กบั เอเชยี แปซิฟิคสาหรับในลาตินอเมริกาเปน็ อาณาบรเิ วณอเมริกากลางตดิ ต่อกับเขตเหนอื ของอเมรกิ าใต้ สว่ นแหลง่ กาเนิดกลว้ ยไม้ป่าในภูมภิ าคเอเชียและแปซิฟิค มีประเทศไทยเปน็ ศนู ย์กลาง จากการค้นพบประเทศไทยมีพันธุ์กล้วยไม้ป่าเป็นจานวนมาก แสดงใหเ้ หน็ วา่ ประเทศไทยมสี ภาพแวดลอ้ มเออื้ อานวยตอ่ การเจริญงอกงามของกลว้ ยไม้มาก และกล้วยไมป้ า่ ที่ในพบในภูมิภาคแถบนม้ี ีลักษณะเด่นทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณข์ องตนเอง แตกตา่ งจากกลว้ ยไม้ในภูมภิ าคลาตนิอเมรกิ าการปลกู เล้ยี งกลว้ ยไมใ้ นประเทศไทย จากการสารวจในอดีตพบวา่ ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีมีกล้วยไม้อยู่ในป่าธรรมขาติไม่ต่ากว่า 1,000 ชนิดทง้ั ประเภทท่พี บอยู่บนตน้ ไม้ บนพื้นผวิ ของภเู ขาและบนพื้นดนิ สรปุ ไดว้ ่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศไทยเอ้อื อานวยแกก่ ารเจรญิ งอกงามของกลว้ ยไม้เปน็ อย่างมาก ในอดตี ชาวชนบทของไทย โดยเฉพาะในแหล่งท่ีเคยมีกลว้ ยไมป้ า่ อุดมสมบรู ณ์ ได้นากล้วยไมป้ า่ มาปลกู เลีย้ งโดยเลยี นแบบธรรมชาติ โดยนากล้วยไม้มาปลูกไว้กับต้นไม้ท่ีข้นึ อย่ใู กลๆ้ บ้านเรือน การเล้ียงกล้วยไม้เริม่ เปลีย่ นมาเป็นการปลูกเลยี้ งอย่างจริงจังโดยชาวตะวันตกผู้หนึ่ง ที่เข้ามาทาธุรกิจในประเทศไทย เห็นว่าสภาพแวดล้อมของประเทศไทยเหมาะสมสาหรับการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ จึงได้สร้างเรอื นกลว้ ยไมอ้ ย่างงา่ ยๆ และนาเอากลว้ ยไม้ปา่ จากเขตร้อนของอเมริกา ซ่ึงเป็นแหล่งกาเนิดกล้วยไม้ป่าแหล่งใหญ่แหล่งหนึ่งของโลก ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากกล้วยไม้ในเอเชียและเอเชียแปซิฟิค โดยนามาปลูกเล้ียงเป็นงานอดิเรกในขณะเดียวกันก็มีเจ้านายช้ันสูงและบรรดาข้าราชการท่ีใกล้ชิด ให้ความสนใจเล้ียงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกเช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังมีกลุ่มบุคคลสูงอายุซึ่งเล้ียงกล้วยไม้เพ่ือความสุขทางใจ การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ อย่างไรก็ตามการปลกู เลี้ยงกล้วยไม้ยังคงจากัดอยู่ในวงแคบ คือ ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีเงินในยุคน้ัน และเป็นการปลูกเลี้ยงท่ีนิยมกล้วยไม้พันธุ์ต่างประเทศ ส่วนกล้วยไม้ท่ีมีถ่ินกาเนิดในป่าของประเทศไทยจะนิยมและยกย่องเฉพาะพนั ธ์ทุ หี่ ายากและมีราคาแพง

หลังการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในปี 2475 สภาพการเลี้ยงก็ยังคงจากัดอยู่ในวงแคบเช่นเดิม แต่ผลงานเกย่ี วกับการผสมพนั ธุก์ ล้วยไมใ้ นต่างประเทศเริม่ มอี ิทธพิ ลกระตุ้นใหผ้ ู้เกย่ี วข้องกับวงการกล้วยไม้ในประเทศไทยสนใจกลว้ ยไม้ลกู ผสมมากขึ้น มีการส่ังกล้วยไม้ลูกผสมจากประเทศในทวีปยุโรป สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เพ่ือนาเข้ามาปลูกเล้ยี งในประเทศไทย การพฒั นาการปลกู เลยี้ งกลว้ ยไม้ เป็นไปอย่างจริงจัง เมื่อประมาณปี 2493 โดยได้มีการวิจัย นับตั้งแต่การรวบรวมปลูกในระดับพื้นฐาน ต่อมาในปี 2497 ได้เร่ิมเปิดการฝึกอบรมการเลี้ยงกล้วยไม้ให้แก่ประชาชนผู้สนใจท่ัวไป และมีการจัดต้ังชมรมกล้วยไม้ขึ้นในปี 2498 ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมาคมกล้วยไม้เม่ือปี 2500และในปีเดียวกันน้ี ได้เริ่มมีการนาเอาความรู้ในเรื่องกล้วยไม้และแนวความคิดในการพัฒนาวงการกล้วยไม้ออกเผยแพร่ท้ังทางโทรทัศน์และวิทยุ และมีการผลิตเอกสารส่ิงพิมพ์เผยแพร่ ทาให้วงการกล้วยไม้ของประเทศไทยขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งมีการจัดต้ังสมาคมและสโมสรเกี่ยวกับกล้วยไม้ข้ึนในภ าคและจังหวัดต่างๆ ในปี 2501 ได้มีการเปิดการสอนวิชากล้วยไม้ขึ้นในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นครั้งแรก เพ่ือผลิตนกั วิชาการและพฒั นางานวจิ ัยกล้วยไม้ของประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทาให้การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ไม่ได้จากัดอยู่ภายในวงแคบอีกต่อไป จากการส่งเสริมดังกล่าว ทาให้มีการนาเข้ากล้วยไม้ลูกผสมจากต่างประเทศ เช่น จากฮาวายและสิงคโปร์จานวนมากย่ิงข้ึน ทาให้ผู้ที่มีความรู้หันมารวบรวมพันธ์ุผสมและเพาะพันธ์ุจากพ่อแม่พันธุ์ในประเทศ ท้ังทเ่ี ป็นพอ่ แมพ่ นั ธุ์จากปา่ และลูกผสมทีส่ ง่ั เข้ามาแลว้ ในอดีต ปี 2506 วงการกลว้ ยไมข้ องไทยได้เร่ิมมีแผนในการขยายข่ายงานออกไปประสานกับวงการกล้วยไม้สากลเพ่อื ยกระดับวงการกลว้ ยไม้ในประเทศให้ทดั เทยี มกับตา่ งประเทศ ปี 2509 เร่มิ การทาสวนกล้วยไม้ตัดดอกอย่างจริงจัง เม่ือไทยเร่ิมส่งออกกล้วยไม้ไปสู่ตลาดต่างประเทศในยุโรปตะวันตก เช่น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี ต่อมาจึงขยายตลาดไปสู่ประเทศญี่ปุ่นแคนาดา และบางรฐั ของสหรัฐอเมริกา

กลว้ ยไมส้ กลุ รองเทา้ นารี Paphiopedilum กล้วยไม้รองเท้านารี (Lady’s Slipper) เป็นกล้วยไม้สกุล Paphiopedilum มีช่ือเรียกอื่นๆ อีกหลายช่ือเช่น รองเท้านาง รองเทา้ แตะนารี หรือ บุหงากะสุต ในภาษามาเลเซีย อันหมายถึงรองเท้าของสตรี เน่ืองจากกลีบดอก หรือท่ีเรียกว่า “กระเป๋า” มีรูปร่างคล้ายกับรองเท้าของสตรีและรองเท้าไม้ของชาวเนเธอแลนด์ กระเป๋าของรองเทา้ นารมี ีรปู รา่ งลกั ษณะและสีสนั แตกตา่ งกนั ไปตามชนดิ พันธ์ุ กล้วยไม้รองเท้านารี มีแหล่งกาเนิดอยู่ในเขตอบอุ่น และเขตร้อนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อนิ เดยี ฟิลปิ ปนิ ส์ พมา่ มาเลเซยี และในประเทศไทยซ่ึงพบกล้วยไม้รองเท้านารีขึ้นอยู่ในป่าท่ัวๆ ไป บางชนิดเกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกที่ขึ้นอยู่ตามพ้ืนดินหรือซอกหินท่ีมีต้นไม้ใบหญ้าเน่าตายทับถมกันเจริญงอกงามในทโ่ี ปรง่ ไม่ชอบที่รกทึบ แสงแดดสอ่ งถงึ กล้วยไม้รองเท้านารี มีแหล่งกาเนิดอยู่ในเขตอบอุ่น และเขตร้อนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อนิ เดยี ฟลิ ปิ ปินส์ พมา่ มาเลเซยี และในประเทศไทยซึ่งพบกล้วยไม้รองเท้านารีข้ึนอยู่ในป่าทั่วๆ ไป บางชนิดเกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินหรือซอกหินที่มีต้นไม้ใบหญ้าเน่าตายทับถมกันเจรญิ งอกงามในที่โปร่ง ไมช่ อบทีร่ กทึบ แสงแดดสอ่ งถงึ

กลว้ ยไมส้ กลุ แคทลยี า Cattleya แคทลียาเป็นกล้วยไม้ท่ีได้รับความนิยมปลูกเลี้ยงอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ เนื่องจากแคทลียาเป็นกล้วยไม้ที่มีดอกขนาดใหญ่ที่สุดและสีสวยงามที่สุด บางชนิดมีกลิ่นหอม และถือกันว่าแคทลียาเป็น ราชินีแห่งกลว้ ยไม้ และเปน็ สญั ลกั ษณ์สากลของกลว้ ยไม้ทั่วไป แคทลียาเป็นกล้วยไม้ที่มีถ่ินกาเนิดอยู่ในเขตร้อนแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ตอนเหนือ เป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตและมีรูปทรงแบบซิมโพเดี้ยล คือมีเหง้าแนบไปตามเคร่ืองปลูก เหง้าอาจจะมีทั้งยาวและส้ันมรี ากงอกเจรญิ จากเหง้า ไมม่ ีรากแขนง เปน็ ระบบรากก่ึงอากาศดูดอาหารจากอากาศและเครื่องปลูก แคทลียาเป็นกลว้ ยไม้ทม่ี ลี าลูกกลว้ ย มหี ลายลักษณะ บางชนดิ ลาลูกกลว้ ยเปน็ ข้อปล้อง รูปทรงของลาป่องตรงกลางหรือค่อนไปข้างบนของลาเลก็ น้อย มีหน้าทเ่ี ก็บสะสมอาหาร เหนือข้อทโ่ี คนลาจะมตี า 2 ตา คือตาซ้าย และตาขวา เป็นตาแตกลาใหม่ง่ายที่สุด บางชนิดที่ลาลูกกล้วยอ้วนป้อม บางชนิดเป็นรูปทรงกระบอกหรือบิดเป็นเกลียวเล็กน้อย ผิวพ้ืนของลาอาจเกล้ียงหรือเปน็ รอ่ งตามความยาวของลา เม่ือกล้วยไมเ้ จรญิ เตบิ โต ลาที่ 1 หรือเรียกว่าลาหลัง จะแตกตาออกแล้วเจรญิ เปน็ ลาที่ 2 หรือเรียกว่าลาหน้า เมื่อลาที่ 2 เจริญดีแล้วก็จะแตกตาออกเป็นลาท่ี 3 และท่ี 4 ออกไปเรอื่ ยๆ บางคร้ังตาแตกออกเปน็ 2 ทางเรยี กวา่ ไม้ 2 หน้า จึงทาให้ดูเปน็ กอใหญ่ โดยมีเหง้าเป็นส่วนท่ีเช่ือมโยงของลาลกู กลว้ ยลาตอ่ ลา และเป็นสว่ นของลาที่เจริญออกจากลาเดิม แคทลยี ามีใบเกิดท่ีส่วนปลายลาลูกกลว้ ยเทา่ นัน้ ในลาใหม่ท่กี าลงั เจริญใบสว่ นมากแบน แตบ่ างชนิดใบกลมรูปทรงกระบอก ใบอาจมีหรือไม่มีกาบ รปู ลกั ษณะค่อนข้างหนาแข็ง แตไ่ มเ่ ปราะ ลาลูกกลว้ ยลาหนง่ึ อาจจะมีใบเพยี งใบเดยี วหรือสองใบก็ได้










Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook