นวตั กรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศทางการศกึ ษา
สารบัญ •เทคนิคการเขยี นบทความวชิ าการและ บทความวจิ ยั เพ่ือตพี มิ พใ์ นวารสาร ระดับชาตแิ ละนานาชาติ สาหรับนิสติ นสิ ติ ระดบั บัณฑิตศึกษา หน้า 1-3 •ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคดิ ความสาคัญทางนวัตกรรม เทคโนโลยี สารสนเทศเพือ่ การศึกษา หนา้ 4-12
1 เทคนิคการเขยี นบทความวชิ าการและบทความวจิ ยั เพ่อื ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาตแิ ละนานาชาติ สาหรับนิสติ นสิ ิตระดับบณั ฑติ ศึกษา บทความวิชาการและบทความวิจัย ควรมรี ปู แบบ • Introduction บทนา : คณุ / คนอนื่ ทาอะไร และ ทาไมคุณทาเรื่องนี้ • Methods วิธกี าร : คณุ จะดาเนนิ การอย่างไรบา้ ง • Results ผลลัพธ์ : ผลทไ่ี ด้เป็นอย่างไร Discussion อภปิ ราย : ทั้งหมดทีด่ าเนินการมานั้น หมายถงึ อะไรและเป็นอย่างไร
2 เทคนิคการเขยี นบทความวิชาการและบทความวจิ ัย เพ่อื ตพี ิมพใ์ นวารสารระดับชาติและนานาชาติ สาหรับนิสิตนสิ ติ ระดบั บณั ฑิตศึกษา 11 ขั้นตอนในการจัดทาบทความวชิ าการและบทความวจิ ัย • 1. เตรียมข้อมลู ตา่ งๆ เช่น รปู กราฟ และตาราง • 2. เขยี นวิธีดาเนนิ การ • 3. เขียนผลลพั ธ์ทีไ่ ด้ • 4. แสดงการอภปิ รายผล • 5. เขียนบทสรปุ จากการดาเนินการทงั้ หมดใหช้ ดั เจน • 6. เขียนบทนาใหม้ คี วามน่าสนใจ
3 เทคนคิ การเขียนบทความวชิ าการและบทความวจิ ัย เพื่อตพี ิมพ์ในวารสารระดบั ชาติและนานาชาติ สาหรบั นิสิตนสิ ติ ระดับบัณฑิตศกึ ษา 11 ขนั้ ตอนในการจัดทาบทความวิชาการและบทความวจิ ยั • 7. เขียนบทคัดยอ่ • 8. เขยี นหัวเร่ืองท่ีกระชับและส่ือความหมายไดด้ ี • 9. เลอื กใชค้ าสาคัญ (keywords) ท่ีเหมาะสมและ สะดวกต่อการคน้ ควา้ • 10.เขยี นกติ ตกิ รรมประกาศ • 11.เขยี นอ้างองิ
4 ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคดิ ความสาคัญ ทางนวตั กรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการศกึ ษา นวัตกรรม • แนวความคดิ การปฏิบตั ิหรือสง่ิ ประดษิ ฐใ์ หมๆ่ ที่ยงั ไมเ่ คยมีใชม้ าก่อนหรอื เปน็ การพฒั นา ดัดแปลงจาก ของเดมิ ทม่ี อี ยแู่ ลว้ ให้ทนั สมัยและใช้ได้ผลดยี ิ่งขึน้ เม่ือ นานวตั กรรมมาใช้จะชว่ ยใหก้ ารทางานนน้ั ได้ผลดี มี ประสิทธิภาพและประสทิ ธิผลสงู กวา่ เดิม ท้ังยงั ช่วย ประหยัดเวลาและแรงงาน
5 ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคิดความสาคญั ทางนวตั กรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศกึ ษา ตวั อย่างนวตั กรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ • คอมพวิ เตอร์ • เครอ่ื งวิชวลไลเซอร์ • เครื่องแอลซดี ี • สอ่ื การสอนใหม่ เชน่ บทเรียนคอร์สแวร์ การเรียน การสอนผ่านเวบ็ อีเลิรน์ นิง่ วิดีโอสตรมี ม่งิ และ Social media for Learning
6 ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคิดความสาคัญ ทางนวัตกรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การศกึ ษา นวตั กรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษา • กระดานดา • กระดานไวนบ์ อร์ด • เคร่ืองฉายข้ามศรี ษะ • คอมพวิ เตอร์ • สื่อการสอนทางอเิ ล็กทรอนิกสร์ ปู แบบตา่ งๆ • สมารท์ บอรด์
7 ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคดิ ความสาคญั ทางนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศึกษา สรปุ ได้วา่ ...... นวตั กรรมในสถานศึกษา หมายถึง • แนวคดิ กระบวนการ การปฏิบัติ ส่ิงประดษิ ฐใ์ หม่ๆ ที่ ยังไม่เคยใช้มากอ่ น อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื ส่อื สาร และ วธิ กี ารและส่อื ตา่ งๆ ทสี่ ถานศกึ ษาหนง่ึ ๆ เคยใช้มาก่อน แล้ว อาจจะเป็นนวตั กรรมหรือเทคโนโลยใี หม่ของอีก สถานศกึ ษาหนงึ่ ได้เชน่ กัน คาวา่ นวตั กรรมจงึ ไม่ได้ จากดั วา่ จะต้องเป็นแค่อุปกรณ์ วสั ดุ หรือเทคโนโลยี เพียงอยา่ งเดียว แต่ยงั รวมไปถึง แนวคิด การปฏิบตั ิ รวมถึงการดัดแปลงจากของเดมิ ที่มีอยู่แลว้ ให้ ทันสมยั และใช้ไดผ้ ลดยี ิ่งขึ้น
8 EVERETT M. ROGERS ศึกษาเรอ่ื งการเผยแพร่นวตั กรรม หรอื DIFFUSION OF INNOVATION MODEL กล่มุ ที่ 1 คนแบบ INNOVATOR หรอื กลมุ่ นวัตกร • กลุ่มคนเหลา่ น้ีจะเปน็ กลมุ่ แรกๆ ทีต่ ้องการใชห้ รือ อยากลองนวัตกรรม แนวคดิ วธิ กี ารทีเ่ กิดขน้ึ ใหม่ๆ แรงจูงใจสาคญั ก็คอื การคิดวา่ ตัวเองเป็นส่วนหนง่ึ ของการเปล่ียนแปลง คนกลมุ่ นจ้ี ะยนิ ดใี ช้นวตั กรรม หรอื เทคโนโลยใี หม่ โดยยอมรับกบั ปัญหาและความ เสี่ยงทจี่ ะเกดิ ข้ึนในระยะแรกๆ ในการใชส้ ่งิ ใหมๆ่ เหล่านั้น
9 EVERETT M. ROGERS ศกึ ษาเรือ่ งการเผยแพร่นวตั กรรม หรอื DIFFUSION OF INNOVATION MODEL กลมุ่ ท่ี 2 EARLY ADOPTERS • กลุ่มคนทพ่ี ร้อมจะเปล่ียนแปลงตนเองเมอ่ื เหน็ คนอน่ื เรม่ิ ใช้ และมองเหน็ ประโยชนจ์ ากนวตั กรรมหรือเท รนดใ์ หม่ๆทเ่ี กดิ ขึ้น มีความตระหนักถึงความจาเป็นท่ี จะตอ้ งมกี ารเปลี่ยนแปลง ไม่จาเปน็ ตอ้ งโน้มนา้ วหรือ ชกั จูงใหเ้ ปลีย่ นแปลง คดิ เปน็ 13.5%
10 EVERETT M. ROGERS ศกึ ษาเร่ืองการเผยแพรน่ วัตกรรม หรอื DIFFUSION OF INNOVATION MODEL กลมุ่ ที่ 3 EARLY MAJORITY • คนกลมุ่ นีม้ ีความพรอ้ มท่ีจะเปลยี่ นแปลงตนเอง และ มองเห็นประโยชน์จากนวัตกรรมหรอื เทรนด์ใหมๆ่ ที่ เกิดขนึ้ แตจ่ ะระมัดระวังและใชเ้ หตุผลในการตดั สินใจ พอสมควร เพราะต้องการความมนั่ ใจว่าเทคโนโลยนี ้ี จะประสบความสาเร็จ โดยอาจจะดจู ากกลุ่มคนที่ใช้ เทคโนโลยีนแ้ี รกๆ ว่าใชไ้ ดผ้ ล มีประโยชน์ จึงจะคอ่ ยๆ เปล่ยี นแปลงตนเอง มีประมาณ 34%
11 EVERETT M. ROGERS ศึกษาเรอ่ื งการเผยแพรน่ วตั กรรม หรือ DIFFUSION OF INNOVATION MODEL กลุ่มที่ 4 LATE MAJORITY • คนส่วนใหญ่ กลุ่มมาทหี ลงั คิดเปน็ อกี 34% คนกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มคนท่ีจะเปลยี่ นแปลงตนเองช้าท่ีสุด หรอื อาจจะเรยี กว่าเปล่ยี นแปลงตนเองในนาทีสุดทา้ ย ถ้าไม่ โดนส่ังหรือบงั คับ กจ็ ะไม่ยอมเปล่ียนแปลง หรือคน อ่นื เขาใช้จนจะตกยคุ แลว้ คอ่ ยมาเรม่ิ ใช้ คนกลุ่มน้มี ี ความต้องการที่จะไมต่ กกระแสหลกั ไป ซ่งึ มากกว่าการ คดิ ถงึ ประโยชน์ของนวตั กรรมหรือบรกิ าร
12 EVERETT M. ROGERS ศกึ ษาเรอ่ื งการเผยแพรน่ วัตกรรม หรือ DIFFUSION OF INNOVATION MODEL กลมุ่ ที่ 5 LAGGARDS • กลุ่มที่ล้าหลงั คิดเปน็ 16% ซ่ึงมกั เป็นกลุ่มผ้มู อี ายุ ที่ เคยใช้เทคโนโลยีเดมิ ๆ จนเคยชนิ ไม่อยากเปลย่ี นแปลง เนอ่ื งจากไมต่ ้องการเรยี นรู้ใหม่ คนกลุม่ นีเ้ ป็นกล่มุ ที่ ไมย่ อมเปลีย่ นแปลงตนเอง มักพอใจกับส่งิ ทต่ี ัวเองมี อยแู่ ลว้ และไม่เชอ่ื ในเร่ืองเทคโนโลยีใหม่ๆ บางครง้ั อาจจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงดว้ ยซา้
โดย .... นายอาทิตย์ ธานี .... รหสั นิสติ 61170454 การบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั พะเยา วิทยาเขตเชยี งราย
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: