เร่อื งทถ่ี ูก และถกู กลา่ วหา แสดงธรรมลอ้ อายุ ๒๕๒๗
เรื่องท่ถี ูกเขา้ ใจผดิ และถกู กลา่ วหา พุทธทาสภกิ ขุ การบรรยาย แสดงธรรมล้ออายุ ๒๕๒๗ กัณฑ์ ๒ (บา่ ย) วนั ท่ีแสดง ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗ รหสั ๑๔๑๕๒๗๐๕๒๗๐๒๐ ผ้ถู อดเสยี ง เพญ็ ศรี ธรรมราช ผ้ตู รวจทาน วรวรรณ ยงเกียรตไิ พบูลย์ ISBN 978-616-7574-78-3 พิมพค์ รง้ั แรก พฤษภาคม ๒๕๖๒ จ�ำ นวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม จดั พิมพ์โดย มลู นธิ ิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ พมิ พ์ท่ี บรษิ ทั พิมพด์ ี จำ�กัด ประสงคร์ ับหนงั สือเพอื่ ใช้ในงานพิธหี รือเผยแผใ่ นวาระตา่ งๆ ติดตอ่ ที่ มูลนิธหิ อจดหมายเหตพุ ุทธทาส อินทปญั โญ สวนวชิรเบญจทศั (สวนรถไฟ) ถนนนคิ มรถไฟสาย ๒ แขวงจตจุ กั ร เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท ์ : ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐ ตอ่ ๕๑๐๑ โทรสาร : ๐ ๒๙๓๖ ๒๖๘๕ อีเมล : [email protected] Facebook : bookclub.bia www.bia.or.th
3
สารบัญ เรอื่ งถูกเขา้ ใจผดิ ๙ เขาเข้าใจว่ารอบรู้หลายภาษา ๑๒ เขาเขา้ ใจว่าเปน็ นกั ปราชญ์ ๑๔ เขาเขา้ ใจว่าเป็นผปู้ ฏิรูปพุทธศาสนา เร่อื งถกู กลา่ วหา ๑๙ เขากล่าวหาว่าปฏเิ สธนรก-สวรรค ์ ๒๔ เขากล่าวหาวา่ บิดเบือนวัฏฏสงสาร เขากลา่ วหาวา่ ท�ำลายธรรมะ ทำ� ลายศาสนา ๒๖ ทำ� ให้พระนพิ พานหมดความหมาย
เขากล่าวหาวา่ ยกเลิกปฏจิ จสมุปบาทเดมิ ๓๓ เขากลา่ วหาว่าปฏเิ สธอภิธรรม ๔๒ เขากลา่ วหาวา่ เปน็ คอมมิวนสิ ต ์ ๔๗ เขากลา่ วหาว่าดดั แปลงพระบาลี ๕๐ เรอื่ งแปลกๆ เขาให้เปน็ หวั หนา้ เอาพัดยศไปคนื ๕๓ สรปุ เลา่ ให้ฟังเพอื่ เปน็ การล้อ ล้ออายุในวันน้ี ๕๗
เพอ่ื นสหธรรมกิ และท่านสาธชุ น ผสู้ นใจในธรรม ทง้ั หลาย การบรรยายเนื่องในการท�ำบุญล้ออายุเป็นตอนที่ ๒ ดงั ทอี่ าตมาจะไดบ้ รรยายตอ่ ไป ในตอนที่ ๑ เปน็ คำ� ปราศรยั ตอ้ นรบั ในตอนที่ ๒ พูดถึงความหมายและคณุ คา่ ของค�ำวา่ ลอ้ อายุ ในตอนที่ ๓ บรรยายถึงการทเี่ ราได้ประสพกนั กับ สภาวะท่ีไม่พึงปรารถนา ที่มีอยู่ทั่วไปในโลกนี้อย่างที่เรียก ว่าพอดี พอดีกับการที่เราเกิดมา เห็นว่าเป็นเร่ืองท่ีควรจะ น�ำมาลอ้ ดว้ ยเหมือนกนั ทนี ีก้ ต็ อนที่ ๓ จะพูดดว้ ยเรื่อง คอื อาตมาถกู เขา้ ใจผดิ และถกู กลา่ วหา ดงั จะไดบ้ รรยายตอ่ ไป 6
แม้ว่าข้อน้ีจะเป็นเรื่องส่วนตัวของอาตมา แต่มันก็ เนื่องถึงท่านทัง้ หลายด้วย จงึ เป็นเร่ืองสว่ นตัวทเ่ี อามาพูดได้ โดยไม่ต้องขออภัย เรื่องส่วนตัวมันกระทบถึงเรื่องส่วนรวม ถ้าว่าไอ้ส่วนตัวมันถูกกระทบมันก็มีผลไปถึงการกระท�ำที่ มนั จะโงนเงน ออ่ นโยน เลอะเลอื นไปกไ็ ด้ อะไรเปน็ ส่ิงทจ่ี ะ ผดิ พลาดเสยี หายก็จะเอามาพดู กันเสยี ให้เข้าใจ ซงึ่ จะไดพ้ ูด เป็นขอ้ ๆ ไปพอสมควรแกเ่ วลา 7
เรื่องถกู เขา้ ใจผดิ
เขาเข้าใจว่า รอบรู้หลายภาษา ข้อแรก อาตมาถูกเขาเข้าใจว่าเป็นผู้รู้ภาษาหลาย ภาษาหรือทุกภาษาก็มี ว่าอาตมาเป็นนักปราชญ์ในระดับ โลกอย่างน้ีก็มี แล้วว่าอาตมาเป็นผู้ปฏิรูปหลักธรรมะใน พระพทุ ธศาสนาราวกบั วา่ เปน็ นาคารชนุ องคท์ ่ี ๒ อยา่ งนกี้ ม็ ี น่ีเป็นตัวอย่างของความเข้าใจผิด ซึ่งอาตมาจะขอท�ำความ เขา้ ใจใหถ้ ูก อย่าได้เข้าใจว่าอาตมารู้หลายภาษาหรือรู้ทุกภาษา แมแ้ ตภ่ าษาไทยกย็ งั รไู้ มส่ มบรู ณ์ ไมส่ ามารถจะใชภ้ าษาไทย ใหถ้ ูกตอ้ งและปลอดภยั คอื วา่ ยงั มกี ารพูดชนิดท่เี ขาเข้าใจ ผดิ อาตมาจะไมโ่ ทษวา่ เขาเขา้ ใจผิด แตโ่ ทษตัวเองวา่ มัน พูดไม่ชัดเจน มันพูดไม่ถูกต้อง มันพูดไม่สมบูรณ์ เรื่องจิต 9
ว่างนี่เปน็ ตน้ มกี ารเข้าใจผิดกนั มาก แตแ่ ล้วกจ็ ะไมโ่ ทษผูท้ ่ี เขา้ ใจผดิ แตโ่ ทษตวั เองวา่ พดู ไมช่ ดั เจนเพยี งพอ แมแ้ ตภ่ าษา ไทยกย็ งั ไมร่ อู้ ยา่ งสมบรู ณ์ แลว้ จะไปรภู้ าษาอน่ื ใหส้ มบรู ณไ์ ด้ อย่างไรกัน การทมี่ กี ารอา้ งภาษาอนื่ ในการบรรยายนนั่ มงุ่ หมาย แต่เพยี งวา่ ไอค้ ำ� เหล่านัน้ เป็นคำ� ท่ีเขารจู้ กั กันดี เข้าใจกันดี อยแู่ ลว้ ในโลก เพยี งแตเ่ ราอา้ งมาเทา่ นนั้ แหละไมต่ อ้ งอธบิ าย อะไรมากมายมันก็ส�ำเร็จประโยชน์พอแล้ว มันประหยัด เวลาได้มาก มันเพิ่มความเข้าใจได้มาก ดังน้ันจึงได้อ้าง ถ้อยค�ำที่เป็นภาษาต่างประเทศ ในภาษาอังกฤษก็มี ภาษา กรีก ภาษาละตินก็มี ท�ำให้คนเข้าใจไปว่าอาตมารู้ภาษา ละตินอย่างดี อย่างนีม้ นั ไม่เป็นไปได้ ค�ำที่เขาใช้กันอยู่เป็นประจ�ำในโลกเช่นค�ำว่า summum bonum ซ่ึงเป็นภาษาละติน มันมีอยู่เต็มไป หมดในหนังสือพวกศีลธรรม ของโลก เป็นหนังสือท่ีเขาใช้ ร่วมกันทัง้ โลก ก็ใชค้ �ำอย่างนี้ เราควรจะรวู้ ่าเขาใชค้ �ำอยา่ ง นีแ้ ละคำ� อย่างนีใ้ ชไ้ ด้สะดวกกแ็ นะใหใ้ ช้บา้ ง หรือก็เอามาใช้ ให้ไดย้ ินได้ฟงั 10
ค�ำว่า summum bonum นั้นมันแปลว่าไอ้ความดี สงู สดุ อยา่ งเขาพดู วา่ พระนพิ พานนเ่ี ปน็ summum bonum ในพระพุทธศาสนา พูดอย่างน้ีเขาฟังเข้าใจได้ทันที เราก็ ไมต่ อ้ งอธิบายอะไรเลยกย็ ังได้ ก็พลอยใชเ้ ขาไปด้วย มนั เปน็ ค�ำภาษาละตนิ ท้ังทีอ่ าตมาก็ไม่รู้ภาษาละตนิ อย่างมากมาย อะไร นี่เป็นข้อแรกที่ขอให้เข้าใจกันเสียให้ถูกต้อง ให้พวก เราเขา้ ใจกนั เสยี ใหถ้ กู ตอ้ ง วา่ อาตมาไมไ่ ดเ้ ปน็ ผรู้ ภู้ าษาหลาย ภาษาหรอื ถึงกบั ทุกภาษา 11
เขาเข้าใจวา่ เปน็ นักปราชญ์ มบี างคนเขยี นลงไปวา่ อาตมาเปน็ นกั ปราชญ์ บางคน กเ็ ขยี นวา่ เปน็ นกั ปราชญข์ องประเทศไทย บางคนผา่ ไปเขยี น วา่ เปน็ นกั ปราชญร์ ะดบั โลก อยา่ งนก้ี เ็ หมอื นกนั แหละ ขอให้ เขา้ ใจเถอะวา่ มนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ถงึ ขนาดนน้ั เพยี งแตบ่ างคนเขา้ ใจ เอาเองวา่ เป็นอย่างนนั้ ไมต่ ้องถืออย่างนัน้ ไมต่ อ้ งเขา้ ใจอย่างนน้ั ให้ถือแต่ เพียงวา่ มันเปน็ ผูท้ ่ีคดิ ค้นคนหนึ่งเทา่ นน้ั เอง หรือวา่ หยิบเอา เรอ่ื งทค่ี นเขาไมค่ อ่ ยจะพดู กนั แตเ่ ปน็ เรอ่ื งสำ� คญั มปี ระโยชน์ นเ้ี อามาพดู ใหไ้ ดร้ บั ประโยชน์ หรอื บางทกี ใ็ หเ้ หตผุ ลแกเ่ รอื่ ง บางเรอื่ งอย่างถูกต้องชดั เจนเพียงพอมากกว่าธรรมดา กไ็ ด้ รับสมัญญาว่าเป็นนักปราชญ์ อย่างนี้ก็ขอถอดตัวเองจาก 12
ความเป็นนักปราชญ์ ไม่ได้มีความเป็นนักปราชญ์อะไร มากมาย แม้แต่อยากจะเป็นนักปราชญ์ก็ดูไม่เคย เพราะ กลัวมันจะยุ่ง แต่มีความพยายามแหละที่จะรู้สิ่งท่ีควรรู้ให้ ถึงทสี่ ุด และกพ็ ยายามทีจ่ ะอธบิ ายเผยแพรส่ งิ่ ที่มปี ระโยชน์ น้นั ใหม้ ากท่สี ุด ไปยมื งานของทา่ นมาท�ำมากกว่า 13
เขาเขา้ ใจว่า เปน็ ผู้ปฏริ ูปพุทธศาสนา ส่วนท่ีบางคนเขียนลงไปว่าอาตมาเป็นผู้ปฏิรูปพุทธ- ศาสนา เปน็ reformer ตอ่ พทุ ธศาสนา ปรบั ปรงุ พทุ ธศาสนา ท่ีผิดพลาดคลาดเคลื่อนอะไรอย่างน้ีให้มันถูกต้อง อย่างนี้ก็ มีเขียนในภาษาต่างประเทศ เป็นหนังสือต่างประเทศด้วย ซ่ึงมันจะแพร่หลายไปได้ไกลถึงขนาดท่ัวโลกก็ได้เหมือนกัน จงึ มหี ลายคนคดิ อยา่ งนน้ั วา่ อาตมาเปน็ ไอผ้ ปู้ ฏริ ปู พระพทุ ธ- ศาสนาอยา่ งเดียวกับนาคารชุนในประเทศอินเดยี แตน่ น่ั เปน็ ฝา่ ยมหายาน เรอ่ื งมหายานมอี ะไรปนกนั ยงุ่ เลอะเทอะ นาคารชุนเขากช็ ่วยจดั ช่วยท�ำ ชว่ ยซักชว่ ยฟอก รอ้ ยกรองขน้ึ ไวใ้ หเ้ ปน็ ระเบยี บแบบแผน เรยี กวา่ เปน็ ผปู้ ฏริ ปู พทุ ธศาสนานน่ั ก็สมควรอยู่ 14
แต่อาตมาไม่ได้เป็นมากถึงอย่างน้ัน เพราะว่าพุทธ- ศาสนาในประเทศไทยเราไม่ได้เลอะเทอะฟั่นเฟือนถึงอย่าง นั้น ถ้ามันจะมีเร่ืองเลอะเทอะฟั่นเฟือนก็มันมีอยู่ในระดับ ตำ�่ คอื ในระดบั บุคคลพวกหนึ่งซึง่ พูดอะไรผดิ ๆ เขวๆ ไปจน เกิดเป็นแนวใหม่ข้ึนมา แล้วก็มีผู้น�ำมาพูดต่อ ซ่ึงมันก็มีอยู่ มากเหมอื นกัน เราพยายามที่จะดึงกลับไปสู่หลักเกณฑ์ที่ถูกต้องใน พระคมั ภรี ใ์ นพระบาลี แตก่ ารพดู วา่ พระคมั ภรี น์ มี้ นั กเ็ อาแน่ ไม่ได้ เพราะว่าถ้าเป็นหนังสือเขียนข้ึนมาแล้วก็เรียกกันว่า คัมภีร์ไปเสียหมด บางทีไอ้ส่ิงท่ีเรียกว่าคัมภีร์น่ันแหละเป็น สิ่งทผ่ี ดิ พลาดเลอะเทอะ มนั กต็ อ้ งดงึ ใหไ้ ปเสียจากความผดิ พลาดเลอะเทอะไปสู่คัมภีร์ท่ีถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงก็ คอื พระบาลี เปน็ พระคมั ภีรช์ ั้นบาลคี ือพระไตรปฎิ ก อะไรที่พูดเขว ไขว้เขวไปจากพระไตรปิฎก เราก็ พยายามที่จะดึงกลับไปให้สู่หลักเกณฑ์ที่แน่นอนในพระ ไตรปฎิ ก เพอ่ื จะกำ� จดั ไอค้ วามคดิ หรอื คำ� พดู ทมี่ นั เลอะเทอะ ในตอนหลงั นเี้ สียใหมใ่ หม้ ันถูกตอ้ ง มันเหมือนกบั การช�ำระ ความคิดความเห็นของคนพวกหนึ่ง ระดับหนึ่งอยู่เหมือน 15
กนั แตไ่ มใ่ ชป่ ฏิรูปธรรมะทงั้ หมด พระพุทธศาสนาในเมือง ไทยยงั มสี ว่ นถกู ตอ้ ง ยงั ไมม่ คี วามจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งปฏริ ปู หรอื ปฏิวตั ิ แตว่ า่ ทช่ี าวบา้ นพดู กนั ไมถ่ กู ตอ้ งนนั้ มนั มอี ยมู่ าก มนั มี อยมู่ าก ทพี่ วกเราพดู กนั อยา่ งไมร่ ะมดั ระวงั ผดิ ๆ พลาดๆ แลว้ ไม่ส�ำเร็จประโยชน์น่ันมีอยู่มาก เช่นพูดกันเรื่องนรกสวรรค์ ชนดิ ทไ่ี มม่ ปี ระโยชนอ์ ะไรเลย พดู ถงึ เรอื่ งพระนพิ พานชนดิ ท่ี ไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไรเลย พูดถึงเรือ่ งปฏิจจสมปุ บาทเป็นตน้ ท่ี ไมม่ ปี ระโยชนค์ อื ใชป้ ระโยชนไ์ มไ่ ด้ กพ็ ยายามอธบิ ายเสยี ใหม่ ใหม้ นั ใชป้ ระโยชนไ์ ด้ แลว้ กม็ หี ลกั ฐานอา้ งองิ ในพระบาลี ดงึ เอาหลกั ฐานทแี่ ทจ้ รงิ ในพระบาลอี อกมายนื ยนั อยา่ งนก้ี ม็ อี ยู่ กระทำ� อยู่ แตว่ า่ การกระทำ� อยา่ งนจี้ ะเรยี กวา่ ปฏริ ปู นน้ั ไมไ่ ด้ เพราะวา่ เรอ่ื งนน้ั ถกู ตอ้ งดอี ยแู่ ลว้ ไมจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ งปฏริ ปู แต่ การทมี่ คี นเอาไปใชไ้ มถ่ กู ไมต่ รงจนเปน็ แบบหรอื วา่ เปน็ ไอส้ ง่ิ ทยี่ ดึ ถอื กนั ทว่ั ไปขน้ึ มาอยา่ งนม้ี นั กต็ อ้ งพดู กนั บา้ ง นอ้ มเขา้ ไป หาไอค้ วามถกู ตอ้ งคอื ใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชนไ์ ด้ ถกู ตอ้ งคอื ใชใ้ ห้ เป็นประโยชนไ์ ด้ อยา่ งนี้ก็มี เพราะฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายมีความรู้ความเข้าใจ 16
เกย่ี วกบั อาตมาในขอ้ นใ้ี หถ้ กู ตอ้ ง วา่ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผรู้ ภู้ าษาหลาย ภาษา ไมไ่ ดเ้ ปน็ นกั ปราชญใ์ นระดบั ประเทศชาตหิ รอื ระดบั โลก แล้วก็ไมไ่ ดเ้ ป็นผปู้ ฏริ ปู พระศาสนาแต่อยา่ งไร แต่เม่อื เขาพดู กนั มันกช็ ่วยไม่ได้ เมอ่ื เขาพูดกนั ๆ ต่อๆ ไปมันก็ช่วยไม่ได้ ก็มีการพูดกันต่อๆ ไป แต่ถ้าท่านทั้ง หลายไปพบเหน็ เข้าแลว้ ก็อยา่ ได้ถอื เอาตามนน้ั เลย รู้ตาม ความจริงทีว่ ่าอาตมานร้ี ู้อะไรบา้ ง พอท่จี ะทำ� อะไรให้เปน็ ประโยชนไ์ ดบ้ า้ ง หรอื มากกวา่ ทมี่ นั มอี ยตู่ ามธรรมดา นก้ี ข็ อ้ หนึง่ 17
เร่อื งถูกกลา่ วหา
เขากล่าวหาว่า ปฏเิ สธนรก-สวรรค์ ทนี ม้ี นั เนอ่ื งกนั วา่ ในบางสงิ่ บางอยา่ งมนั เปน็ ไปในทาง ตรงกนั ขา้ ม ตรงกนั ขา้ ม ตวั อยา่ งเชน่ เขากลา่ วหาอาตมาวา่ ปฏเิ สธเรอ่ื งนรกเรอ่ื งสวรรค์ เรอื่ งการเวยี นวา่ ยตายเกดิ เขา โกรธ โกรธแทนใครกไ็ มท่ ราบ วา่ อาตมาเปน็ ผปู้ ฏเิ สธสงิ่ ทเ่ี ขา ยึดถือกันอยู่เป็นหลักด้วยความพอใจ อาตมาไปพูดกระทบ กระทั่งถึงเร่ืองหรือหลักท่ีเขาพอใจเขาก็โกรธ โกรธมาก หาว่าทำ� ลายพทุ ธศาสนาไปเสยี กม็ ี คราวหนง่ึ มบี คุ คลจำ� นวนหนงึ่ รวมหวั กนั เขยี นคดั คา้ น และด่าอย่างหยาบคายถึงขนาดท่ีเรียกว่าแช่งชักหักกระดูก ทเี ดียว ถงึ ขนาดนี้เลยก็มี คงจะรกู้ ันอยดู่ วี า่ พวกไหน เพราะ หนังสือมันก็มีปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ว่ามีผู้ท่ีเขาเขียนชนิด 19
ที่ด่าประจาน แช่งชักหักกระดูก อาตมาได้รับบัตรสนเท่ห์ น่ะ –จดหมายท่ีไม่ลงช่ือน่ะบ่อยๆ ว่าเม่ือไรท่านจะตายคา ธรรมาสน์เสียที ผมจะไม่ต้องฟังเร่ืองที่น่าร�ำคาญอีกต่อไป แล้วไม่ลงช่ือ น่ีจดหมายท่ีเขียนมาอย่างน้ีก็มี แล้วก็มีบ่อย ด้วยแม้จะเขียนไม่ตรงกันแต่ก็มีความหมายตรงกัน เขา ตอ้ งการใหอ้ าตมาหยดุ พดู อยา่ งทพี่ ดู ๆ อยนู่ เ้ี สยี ที เขาทนฟงั ไมไ่ หวแลว้ แลว้ โดยมากกเ็ รอื่ งนรก เรอ่ื งสวรรค์ เรอ่ื งนพิ พาน เร่ืองท่ีเขาถือกันอยู่โดยท่ัวไปน่ะว่านิพพานน้ันต้อง อีกหลายแสนกัปปจ์ ึงจะถึงได้ เรามีพดู วา่ เดย๋ี วน้ที ่นี ่ี หรอื ถงึ กบั พูดว่ามีนิพพานอยูใ่ นการทำ� การงานโว้ย นีเ่ ขาโกรธมาก นรกอย่ใู ต้ดนิ ถงึ ตอ่ ตายแลว้ สวรรค์อยู่บนฟา้ ถงึ ตอ่ ตายแล้ว เราวา่ ไม่ใช่ เราวา่ ไม่ใช่ มันอย่ใู นจิตในใจ รอ้ นเป็นนรกหรือ เย็นสบายเป็นสวรรค์ก็เพราะการท�ำผิดหรือการท�ำถูกทาง อายตนะ ไอเ้ รอ่ื งนต้ี อ้ งขอเลา่ เรอื่ งสกั หนอ่ ยวา่ เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ ได้เกิดข้ึนมาในโลก ประชาชนในอินเดียท่ีน่ันน่ะเขามีเร่ือง นรกเรื่องสวรรค์ยึดถือกันไว้อย่างแม่นมั่นแล้วตามแบบ ของเขาคือนรกใต้ดินสวรรค์บนฟ้า พรรณนารายละเอียด 20
อยา่ งนน้ั ๆ ๆ ถอื กนั อยทู่ วั่ ไปอยา่ งแนน่ แฟน้ พอพระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้ขึ้นมาในหมู่ชนเหล่านั้นท่านจะท�ำอย่างไร ลอง ลอง คิดดู ลองคิดดูว่าท่านจะท�ำอย่างไร ต้องเห็นพระทัยของ พระพุทธเจ้าบ้างว่าท่านจะท�ำอย่างไรในเรื่องท่ีเขาเชื่อเขา ถอื กันอยเู่ รื่องเทวดาเรือ่ งนรกเร่อื งสวรรค์ น้ีถ้าเราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าเราก็จะต้อง ทำ� ตามอยา่ งพระองค์ สรปุ สน้ั ๆ กค็ อื ไมค่ า้ นไอท้ เ่ี ขาพดู กนั อยู่ ถือกันอยู่ ไม่ยกเลิก ไมไ่ ปพยายามยกเลกิ ไอ้ท่ีเขาพูดเขาเชอ่ื ถือกนั อยู่ โดยบอกว่า ทา่ นวา่ อยา่ งนน้ั ก็ดแี ลว้ ทา่ นว่าอยา่ ง นน้ั กด็ ีแล้ว มันถกู ของทา่ น แต่เรามีความคดิ อยา่ งน้มี คี วาม เหน็ อย่างนี้ เชน่ เร่ืองนรกสวรรค์นี่ ท่านก็ว่า นรกทางอายตนะเรา เห็นแล้ว สวรรค์ทางอายตนะเราเหน็ แลว้ มยา ทิฏฺา มยา ทฏิ ฺ า −ฉนั เหน็ แลว้ แตท่ า่ นไมไ่ ดพ้ ดู ยกเลกิ ไอน้ รกไอส้ วรรค์ ตามทเ่ี ขาเชอื่ กนั อยกู่ อ่ น แตท่ า่ นมาบอกวา่ ไอน้ รกสวรรคท์ มี่ ี อยทู่ ต่ี า หู จมูก ล้นิ กาย ใจน่ีฉันเห็นแล้ว กบ็ อกวา่ มันเปน็ อยา่ งนน้ั ๆ เมอ่ื ทำ� ผดิ พลาดทต่ี า หู จมกู ลน้ิ กาย ใจมนั กร็ อ้ น เปน็ ไฟขน้ึ มาน่ีคอื นรกทางอายตนะ เมอ่ื ทำ� ถกู ต้องทางตา หู 21
จมูก ลน้ิ กาย ใจ มนั ก็เปน็ สขุ ข้นึ มากเ็ รยี กว่านสี้ วรรค์ทาง อายตนะ มันก็เป็นธรรมดาแหละท่ีบางคนเข้าใจได้บางคน เข้าใจไม่ได้ ไอ้ใครเข้าใจได้ก็หันมาเชื่อมาสนใจนรกสวรรค์ อยา่ งทีพ่ ระพุทธเจา้ ทา่ นแนะให้ ไอ้พวกทมี่ นั เขา้ ใจไมไ่ ด้มนั ก็เช่ือไปตามเดิมแหละ มันก็มีอยู่ตลอดไป มีอยู่ตลอดมา จนถึงกระทั่งมาสอนในเมืองไทยและยังเชื่อกันอยู่ในเมือง ไทย นน่ั เรอื่ งมนั กเ็ หมอื นกนั วา่ ไอพ้ วกทเ่ี ขาเชอื่ กนั อยแู่ ลว้ ใน ประเทศไทยน้ีเร่ืองนรกใต้ดินสวรรค์บนฟ้าเขาเชื่อกันอย่าง แนน่ แฟน้ พออาตมามาบอกมากล่าวว่าในพระบาลีท่านว่านรก อยู่ที่อายตนะอย่างน้ันๆ เขาก็ไม่เช่ือ แทนที่เขาจะไปโทษ พระบาลีพระคัมภีร์เขาโทษอาตมาว่าเป็นผู้ยกเลิกสวรรค์ นรกของเขา แลว้ เขากโ็ กรธมาก แลว้ แชง่ ชกั หกั กระดกู อยา่ ง ทว่ี า่ มาแลว้ วา่ เมอ่ื ไรตายเสยี ที ใชค้ ำ� วา่ ตายคาธรรมาสนเ์ ลย นะ บัตรสนเทห่ ใ์ บน้ใี ช้คำ� ว่าเมื่อไรจะตายคาธรรมาสนเ์ สยี ที ผมจะไมต่ ้องได้ยินได้ฟงั คำ� ชนิดน้อี ีกต่อไป นี่ขอให้ทราบไว้ด้วยว่าการถูกกล่าวหาเรื่องน้ีไม่เป็น ธรรม ไมย่ ุตธิ รรม อาตมาไม่ไดย้ กเลิกนรก สวรรค์ เทวดา 22
หรอื อะไรทเ่ี ขาเชอ่ื ๆ กนั อยู่ แตไ่ ดบ้ อกเรอื่ งหรอื คำ� อธบิ าย ความหมายอันใหม่ท่ีมีอยู่ในพระบาลี และท่ีอาตมาก็ ชอบใจและเหน็ ดว้ ยน่ี เอามาเลา่ ใหฟ้ งั เรอื่ งนรก เรอ่ื งสวรรค์ เปน็ ตน้ เพอ่ื ใหม้ นั เกดิ เปน็ ธรรมะประเภทสนั ทฏิ ฐโิ ก คอื เหน็ ได้ด้วยตนเอง เป็นนรกสวรรค์ชนิดที่บุคคลน้ันรู้สึกได้เอง สมั ผสั ไดเ้ อง แลว้ กก็ ลวั นรกไดเ้ องชอบสวรรคไ์ ดเ้ อง มนั กจ็ ะ เดนิ ไปถกู ทาง ไอส้ วรรคท์ พี่ ดู กนั กลางบา้ น ชาวบา้ นพดู วา่ เตม็ ไปดว้ ย กามารมณ์ มีบริวารมีนางฟ้ามีเทพบุตรอะไรมากมายอย่าง นี้มันก็เกินไป พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเม่ือประพฤติถูกต้อง ทางตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ ก็มีความรสู้ กึ ทเ่ี ปน็ สุข ทคี่ วรจะ พอใจ ไม่ได้พูดถงึ เร่ืองกามารมณ์ ทนี ค้ี นเขาชอบกามารมณ์ ยึดมั่นในสวรรค์กามารมณ์ เขาก็ไม่ชอบสวรรค์ชนิดท่ีเป็น เพียงความถกู ต้องไม่มที ุกขไ์ มม่ ภี ัยอะไรเหล่าน้ี ขอ้ นสี้ รปุ ความกค็ อื วา่ ตอ้ งการจะพดู ใหเ้ ปน็ สนั ทฏิ ฐโิ ก 23
เขากล่าวหาวา่ บดิ เบือนวัฏฏสงสาร เรื่องวัฏฏสงสารน่ะเขาพูดว่า เวียนว่ายตายเกิด เข้า โลงแลว้ เขา้ โลงอกี เขา้ โลงแลว้ เกดิ ใหม่ เขา้ โลงอกี เขา้ โลงอกี นเ่ี ปน็ วฏั ฏสงสาร วฏั ฏสงสารหนงึ่ รอบกนิ เวลาเปน็ ชาติ เปน็ ชาติ อาตมาบอกวา่ นนั่ กน็ นั่ แหละ กอ็ ยา่ งนน้ั แหละ แตว่ า่ มี วฏั ฏสงสารทีน่ ่ากลวั กว่าคือความที่จิตมนั มกี ิเลส แลว้ มนั กระท�ำไปตามอ�ำนาจของกิเลส ได้รับผลของการกระท�ำ แลว้ มนั มกี เิ ลสอกี มนั เวยี นเปน็ วงกลมอยอู่ ยา่ งน้ี วนั หนงึ่ ๆ วนั เดียวไมร่ ูก้ ี่วง ไมร่ กู้ ี่วง นวี่ ฏั ฏสงสารนี่นา่ กลวั ไหมเล่า วัฏฏสงสารนี้ท่ีกินเวลาเป็นชาติๆ มันจะน่ากลัวอะไร แล้วมันนานเกินไป แต่ท่ีมันกินเวลาเพียงนาทีเดียวก็ได ้ 24
วัฏฏสงสารวงหน่ึงน่ะมีกิเลส มีกรรม และมีวิบากอยู่ในจิต ครบวงหนึ่งอย่างน้ีน่ะมันเผาลนจิตใจมากมายเหลือเกิน น่ากลวั กว่า เป็นอนั ตรายกว่า แล้วมอี ย่จู ริง จริง มอี ยจู่ ริงๆ ทุกวันๆ น่ี พูดอย่างน้ีไม่ใช่ยกเลิกไอ้วัฏฏสงสารแบบเก่านู้น ก็ ไว้ให้ตามเดิมแก่เจ้าของเดิม แต่เราจะพูดว่าวัฏฏสงสาร ที่น่ากลัวกว่า ที่ต้องรีบกระท�ำให้หลุดออกมาเสียให้ได้ นั่นคืออย่างนี้ๆ ๆ ไม่ได้ให้ยกเลิก ไม่ได้ให้ใช้การกระท�ำที่ เปน็ การยกเลกิ เพิกถอนอะไร 25
เขากล่าวหาว่า ทำ� ลายธรรมะ ท�ำลายศาสนา ทำ� ใหพ้ ระนพิ พานหมดความหมาย ทีน้ีก็มีคนกล่าวหาว่าอาตมาท�ำลายธรรมะ ท�ำลาย ศาสนา ทำ� ใหน้ พิ พานพระนพิ พานหมดความหมาย เปน็ ของ ง่าย งา่ ยเกินไป มอี ยู่ที่นแ่ี ละเดี๋ยวนี้ น่ที �ำใหพ้ ระนิพพานท่ีมี ค่ามากหมดค่าไป แล้วก็หมดความหมายด้วย เป็นการเลิก ลา้ งของเก่าดว้ ย อาตมายนื ยนั วา่ ทเ่ี ขาจะถอื กนั ตามแบบเกา่ วา่ นพิ พาน อีกแสนชาติหม่ืนชาติก็ต้ังใจถือได้ แต่ว่านิพพานท่ีน่าสนใจ ที่น่ีและเด๋ียวนี้ ให้สนใจเม่ือเวลาที่จิตมันว่างจากกิเลส ช่วั ขณะ ขณะ บางเวลาน่ะ สนใจตรงนัน้ แหละเปน็ นิพพาน ชีวิตของเรามันมีเวลาที่เกิดกิเลสและว่างจากกิเลส สลบั กนั ไปพอสมควร กเิ ลสมนั จะเกดิ ตลอดเวลานน้ั มนั เปน็ 26
ไปไมไ่ ดม้ นั ไมใ่ ชธ่ รรมชาติ เพราะกเิ ลสตอ้ งไดเ้ หตไุ ดป้ จั จยั จงึ จะเกดิ เหตปุ จั จยั ของกเิ ลสกม็ าเปน็ คราวๆ กเิ ลสจงึ ไมไ่ ดเ้ กดิ อยตู่ ลอดเวลา เวลาทไ่ี มเ่ กดิ มนั กม็ เี หมอื นกนั แลว้ กม็ มี ากกวา่ ทีก่ เิ ลสเกดิ เสียดว้ ย จรงิ หรือไมจ่ รงิ ขอฝากท่านทง้ั หลายทกุ คนใคร่ครวญดูสอบสวนดูด้วยจิตของตนเอง ว่าจิตของตน เองนน้ั น่ะเวลาท่เี กดิ กิเลสกบั เวลาที่ไม่เกิดกเิ ลสน่ะ อันไหน มนั มากกว่ากนั เวลาทไี่ มเ่ กดิ กเิ ลส ไมม่ กี เิ ลสเปน็ ไฟอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เผาลนนน่ั แหละ นน่ั แหละเวลานนั้ แหละเป็นเวลาทว่ี ่างจาก กิเลส เป็นนพิ พานชั่วคราว เป็นนพิ พานนอ้ ยๆ เป็นนิพพาน ช่ัวคราว แต่มีความหมายเดียวกันแหละคือว่างจากการเผา ลนของกิเลส เรามีนิพพานอย่างน้ีกันอยู่เป็นประจ�ำที่ท�ำให้ เราได้รับความพกั ผอ่ นบา้ ง ถ้ากเิ ลส เกิดตลอดเวลากเ็ หมือนสมุ ไฟอยูต่ ลอดเวลา เรากต็ ายแลว้ เรากต็ ายแลว้ หรอื เปน็ โรคประสาทเปน็ บา้ กนั หมดทุกคนแล้วไมม่ เี หลือหรอก กิเลสมันให้โอกาสให้เวลาว่างส�ำหรับเราท่ีจะไม่ต้อง ทนทรมานเพราะกิเลสนั้นตามสมควร ดังน้ันเราจึงมีเวลา 27
นอนหลับพักผ่อนตามสมควร แม้เม่ือตื่นอยู่นี้ก็มีเวลาที่พอ จะสบายบ้าง ไม่มีไฟกเิ ลสแผดเผา เราจงึ ไมเ่ ป็นบ้าตาย เรา จึงไม่เป็นโรคประสาทตาย หรือเราจึงไม่ไหม้เกรียมเพราะ กเิ ลสเผาตลอดเวลา เรยี กวา่ เรามชี วี ติ เปน็ ปกตสิ ขุ อยไู่ ดอ้ ยา่ ง นี้เพราะอ�ำนาจของความว่างจากกิเลสเป็นคราวๆ น่ันเอง ความว่างจากกิเลสเป็นคราวๆ ในชีวิตวันหนึ่งๆ น่ันแหละ คอื พระนพิ พานนอ้ ยๆ ท่เี ราได้อาศัย เป็นอยู่ พูดได้อย่างตายตัวเลยว่า เมื่อใดมีกิเลสมันก็เป็น วัฏฏสงสาร เมอื่ ใดว่างจากกิเลสมนั ก็เปน็ นิพพาน ระยะท่ีว่างจากกิเลสเป็นนิพพานมีอยู่มากพอที่จะ ท�ำให้เราเป็นปกติสุขอยู่ได้ เรารอดชีวิตอยู่ได้ หรือไม่เป็น บ้าเพราะอ�ำนาจความว่างจากกิเลส อันน้ีคือคุณของพระ นพิ พาน ไอส้ ตั วเ์ นรคณุ ทงั้ หลายมนั ไมร่ จู้ กั คณุ ของพระนพิ พาน ไอ้คนนี้จะต้องเป็นโรคประสาทจะต้องเป็นบ้า ท้ังที่ว่ามัน รอดตัวมาแล้ว ไม่ต้องเป็นโรคประสาทไม่ต้องเป็นบ้ามันก็ ยังไม่รู้จักพระคุณของพระนิพพานน้อยๆ ที่แทรกอยู่เป็น ระยะๆ ในชีวิตประจ�ำวัน ขอให้ท่านทั้งหลายมองเห็นกัน 28
อยา่ งนเ้ี ถดิ วา่ นพิ พานนน้ั อยกู่ บั เราตลอดเวลา กเิ ลสตา่ งหาก ทเี่ ขา้ มาแยง่ ท่ี เขา้ มาแทรกแซง เพราะตามธรรมชาตธิ รรมดา เราไมต่ อ้ งมกี เิ ลส เราไมค่ วรจะมีกิเลส แมแ้ ตพ่ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นกต็ รสั วา่ จติ นเ้ี ปน็ ประภสั สร แต่ มนั เปน็ เศรา้ หมองเพราะกเิ ลสเขา้ มา นก้ี เ็ รยี กวา่ พน้ื ฐานของ มันไม่มีกิเลสนะ กิเลสเป็นคนแปลกหน้าเป็นอาคันตุกะเข้า มาเป็นคราวๆ ดังนั้นประภสั สรหรอื พระนพิ พานนั่นแหละ คอื สมบตั เิ ดิม อยูก่ ับเราเปน็ ชีวิตของเรา กิเลสเขา้ มาแทรก เปน็ คราวๆ แล้วเราเอาพระนิพพานไปไว้เสียหมื่นชาติแสนชาติ มันจะได้ประโยชน์อะไร แล้วมันก็เป็นการเนรคุณ เป็นคน เนรคุณ เป็นสัตว์เนรคุณต่อพระนิพพานซ่ึงมีพระคุณอย่าง ยิ่งที่เข้ามาก�ำกับชีวิตของเรานี้ให้มีความว่างจากความทุกข์ คือไมม่ ีไฟเผาอยเู่ ป็นระยะๆ เด๋ียวน้ีใครมีไฟเผาในกิเลสบ้าง อาตมาเชื่อว่าไม่มี ที่ นั่งอยู่ที่น่ี ย่ิงน่ังฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่ด้วยแล้วมันไม่มี ถ้ามี มันก็คน คนพิเศษแล้ว คนวิปริตเป็นพิเศษแล้วไปหาหมอ เถอะ เดยี๋ วน้ีเราไมม่ ีกเิ ลส เรานั่งพดู นั่งฟังนั่งสนทนากนั อยู่ 29
เราก็มคี วามสงบเยน็ ในจิตใจตามสมควร เพราะอ�ำนาจของ พระนิพพานน้อยๆ คือว่างจากกิเลสเป็นคราวๆ น่ีให้เรา อาศัยอยู่ อาตมาพดู ใหส้ นใจพระนพิ พานชนดิ ทม่ี พี ระคณุ แกเ่ รา อยู่ตลอดเวลาอย่างน้ี กลับถูกด่าว่ายกเลิกพระนิพพาน ซึ่ง เขาหมายถึงพระนิพพานอีกหมื่นชาติแสนชาติ หรือกี่โกศ ก่ีกัปป์โนน่ ก็ไม่ได้ยกเลิก อาตมาไมเ่ คยพดู ยกเลกิ อ้างท่าน ท้ังหลายเป็นพยานว่าอาตมาไม่เคยพูดยกเลิกอะไร แต่ว่า แสดงของใหมท่ ช่ี อ่ื มนั เปน็ ชอื่ เดยี วกนั แทนชอื่ กนั ได้ ใหไ้ ดร้ จู้ กั และได้รบั ประโยชน์ ท่ีจริงคนแก่คนเฒ่าปู่ย่าตายายของเราเขาก็ได้พูดกัน มากอ่ นอาตมาเสยี อกี วา่ สวรรคใ์ นอกนรกในใจ นพิ พานกอ็ ยู่ ทต่ี ายเสยี กอ่ นตาย คือว่าหมดกิเลสหมดตัวตนเสยี ก่อนตาย มันอยทู่ ่ีน่ี ไม่ต้องตาย ไม่ทันจะตาย และกไ็ ม่ต้องตาย ทนี ี้คนเหลา่ น้นั มันต้องวา่ ตายแลว้ และต้องตายจงึ จะ ไดบ้ รรลนุ พิ พาน นพิ พานบา้ บออะไรคนตายเปน็ ผไู้ ด้ คนตาย เปน็ ผไู้ ดแ้ ลว้ มนั ไดเ้ รอื่ งไดร้ าวอะไรละ่ มนั ตอ้ งไดก้ บั คนเปน็ ๆ สิ พระพุทธเจา้ ท่านก็ตรัสว่ามนั อยู่กบั คนเปน็ ๆ น่ีสิ 30
ฉะนนั้ เราจงเปน็ คนเปน็ ๆ แลว้ กร็ วู้ า่ อะไรเปน็ นพิ พาน อะไรเปน็ วฏั ฏสงสารทม่ี นั สบั เปลย่ี นกนั อยใู่ นจติ ใจของเรา มนั เหมอื นกบั มใี ครชว่ ยจดั หลกี อยใู่ นจติ ใจของเรา เดยี๋ วเปน็ วัฏฏสงสารเด๋ียวเป็นนิพพานอย่างนี้เป็นต้น ทีน้ีเราแหละ จดั หลกี เสยี ใหมส่ ใิ หม้ นั เปน็ นพิ พานมากกวา่ ทจ่ี ะเปน็ วฏั ฏ- สงสาร ไปฝกึ ฝนใหม้ ีสติ สมั ปชัญญะ สมาธิ ปัญญา เพยี งพอ แลว้ เอาธรรมะนนั้ นะ่ มาเปน็ เครอื่ งจดั หลกี สงิ่ ทม่ี นั จะเกดิ ขนึ้ ในใจ ให้กิเลสไม่ได้โอกาส ให้ความว่างจากกิเลสได้โอกาส แลว้ ไอจ้ ติ มนั กว็ า่ งจากกเิ ลสมากกวา่ ความมกี เิ ลส มนั กไ็ ดร้ บั ผลคือพระนิพพานน้อยๆ นอ้ ยๆ เรื่อยไปๆ จนกวา่ จะเดด็ ขาด มนั ตอ้ งอบรมจติ กนั เสยี ใหมใ่ หถ้ งึ ระดบั มนั จงึ จะวา่ งเดด็ ขาด จะวา่ งจากกิเลสเดด็ ขาด กิเลสจะขาดตอนโดยเด็ดขาด ตอ้ งปฏบิ ตั จิ นถงึ ทส่ี ดุ เดยี๋ วนค้ี นธรรมดานแ่ี หละไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ อะไรนักหรอก แต่ธรรมชาติมันก็อ�ำนวยมาให้อย่างน้ันแล้ว คอื มีความว่างจากกิเลสอยตู่ ามสมควร ใหเ้ ป็นคนปกติอยไู่ ด้ นพ่ี ดู กนั ถึงเร่อื งพระนิพพาน อาตมาไม่ได้ท�ำให้นิพพานหมดความหมายหรือ หมดราคา แต่กลับช้ีให้เห็นว่าจ�ำเป็นท่ีสุดว่าคนท้ังหลาย 31
ทุกคนนีม่ นั อยไู่ ด้ มันรอดชวี ิตอยูไ่ ด้ มนั ไม่เปน็ บา้ นี่ เพราะ พระนิพพานน้อยๆ ที่ธรรมชาติจัดให้มีอยู่เป็นพ้ืนฐานใน จิตใจ พอกเิ ลสไม่เกดิ ขน้ึ มนั ก็เปน็ นพิ พานอยู่ตามธรรมชาติ ของมันเอง เรียกจติ ชนิดนีว้ า่ จติ ว่างหรือจิตเดมิ เราศึกษาการปฏิบัติเพื่ออบรมจิตให้อยู่ในสภาพเช่น น้ีย่ิงๆ ขึ้นไปจนไมอ่ าจจะเปล่ยี นแปลง วนั หน่งึ กไ็ ด้นพิ พาน โดยสมบรู ณ์ นพิ พานชน้ั สมบรู ณแ์ บบถงึ ทส่ี ดุ เปน็ พระอรหนั ต์ เด๋ียวนี้เป็นนิพพานน้อยๆ เป็นนิพพานตามท่ีธรรมชาติมัน โปรดปรานอ�ำนวยให้ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ซ่ึงเราก็ ไมไ่ ดท้ ำ� อะไร แตถ่ า้ เราทำ� อะไรเพม่ิ เขา้ ไปความเปน็ นพิ พาน ชนิดนอ้ ยๆ น้ีมันก็จะใหญข่ ึน้ ๆ จนสมบูรณ์ ขอร้องให้ท่านทั้งหลายทุกคนจงได้สนใจเร่ืองพระ นิพพานกนั บ้าง วา่ ข้อเท็จจริงมนั มีอยอู่ ย่างนี้ ถ้าเราชว่ ยส่ง เสริมมันก็จะสมบูรณ์ๆ จนเป็นนิพพานตายตัวและถาวร ก็ ไม่เสียทีท่ีว่าเกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา น่ี เรียกว่าเราแสดงให้รู้จักพระนิพพานท่ีเป็นคู่ชีวิต เป็นคู่ ชีวิต ลองไม่มีพระนิพพานชนิดนี้มันก็ตายแล้วแหละ มัน ก็ไม่ได้อยู่หรอก จงรู้จักพระนิพพานชนิดท่ีเป็นคู่ชีวิตกัน เสยี บา้ ง 32
เขากลา่ วหาว่า ยกเลิกปฏจิ จสมปุ บาทเดมิ เอา้ ทีน้ดี ว้ ยเรอ่ื งถัดไปก็มาถงึ เรอ่ื งปฏิจจสมปุ บาท น่ี เปน็ เรื่องของนักศึกษา ไม่ใชเ่ รือ่ งของชาวบ้าน นกั ศกึ ษานกั ธรรมทเี่ ขาเลา่ เขาเรยี นกนั มานน้ั เขาเรยี น ปฏิจจสมุปบาทกันมาแบบหนึ่งตามแบบเรียนนักธรรม ค�ำ อธิบายน้ันเป็นของผู้แต่งหนังสือคัมภีร์วิสุทธิมรรค ซ่ึงเป็น ที่รู้จักกันดีว่าพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านอธิบายปฏิจจ- สมุปบาทไว้ตามแบบน้ันคือในแบบท่ีมีอยู่ในแบบเรียน นกั ธรรมนน้ั นะ่ ใจความสำ� คัญมันสน้ั ๆ กว็ า่ มนั กนิ เวลาตงั้ สามชาติ ปฏจิ จสมปุ บาทรอบหนงึ่ กนิ เวลาสามชาติ แลว้ มนั จะควบคมุ ไดอ้ ย่างไร หวั ท้ายมันอยกู่ นั คนละชาติแล้วชีวิตนี้จะควบคุม 33
มันได้อย่างไร จะปฏิบัติเพ่ือประโยชน์อย่างไรมันก็เป็นไป ไม่ได้ น่ีอาตมาก็ไม่ได้ยกเลิก ไม่เคยประกาศว่ายกเลิก เพียงแต่ประกาศว่ามีค�ำอธิบายอีกแบบหน่ึงมีอยู่ในพระ บาลี ว่าปฏิจจสมุปบาทมันต้ังต้นเม่ือมีอวิชชาในขณะ สัมผัส สัมผัสทางอายตนะตอนนั้นเป็นอวิชชา แล้วปฏิจจ- สมุปบาทจะตั้งต้น แล้วมันก็เป็นไปในขณะจิตไม่ก่ีขณะจิต แลว้ มนั กต็ ลอดสาย ดงั นนั้ ปฏจิ จสมปุ บาทวงหนง่ึ จะกนิ เวลา ไม่ก่ีวินาที วันเดียวจะมีปฏิจจสมุปบาทได้หลายวงหรือ หลายรอบ ไมใ่ ชว่ งเดยี วรอบเดยี วกนิ เวลาตง้ั สามชาตคิ อื เขา้ โลงถึงสามหน น่ีมนั มนั แปลกกันอย่อู ย่างนี้ ปฏิจจสมุปบาทตามแบบพระพุทธโฆษาจารย์อธิบาย ไวอ้ ยา่ งนนั้ แลว้ กเ็ ปน็ เรอ่ื งของคนคนเดยี วกนั ดว้ ยทต่ี ายขา้ ม ภพขา้ มชาตอิ ยา่ งนนั้ นม่ี นั มลี กั ษณะแหง่ สสั สตทฏิ ฐิ เราเหน็ ดว้ ยไม่ได้ เด๋ียวน้ีแม้ในวันเดียวน่ีอาจจะมีได้หลายวง คือ ท�ำผิดเม่ือมีผัสสะทีหนึ่ง แล้วก็มีปฏิจจสมุปบาทวงหน่ึง แล้วก็เป็นไปจนถึงเกิดความทุกข์ แต่ละข้ันตอนของ 34
ปฏิจจสมุปบาทน้ันก็มิใช่ตัวตน รวมกันหมดทั้งวงก็ยังมิใช่ ตัวตน ปัจจุบันน้ีมันก็มิใช่ตัวตนเสียแล้ว มันก็ไม่มีใครเกิด ใครตาย มีแต่มันเป็นการปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงไปตาม กฎเกณฑ์ของปฏิจจสมุปบาท ข้อนี้อธิบายยาก คือคนโดย ทั่วไปโดยธรรมดานั่นน่ะเขาไม่เข้าใจในข้อที่ว่าไอ้ธรรมะ ท้ังหลายที่เรียกช่ือต่างๆ กันน้ันน่ะมันเกิดดับ เกิดดับ เกิด ดับ เมื่อใดธรรมะน้ันมันท�ำหน้าท่ี หรือสิ่งน้ันท�ำหน้าที่ ก็ เรยี กวา่ มนั เกดิ พอมนั ไมท่ ำ� หนา้ ทกี่ ค็ อื เรยี กวา่ ดบั ตาดบั กไ็ ด้ ตาเกิดก็ได้ หเู กดิ ก็ได้ หดู บั ก็ได้ มนั ท�ำหนา้ ท่ีเมือ่ ไรก็เรยี กวา่ มนั เกดิ แลว้ มนั กท็ ำ� ใหเ้ กดิ ผสั สะ ถา้ ในผสั สะมปี ญั ญามวี ชิ ชา มนั กไ็ มป่ รงุ แตง่ เวทนาโงเ่ ปน็ ตณั หาเปน็ อปุ าทาน ถา้ ในผสั สะ น้นั มันปราศจากวิชชาเป็นผัสสะมดื เป็นผัสสะโง่ เป็นผัสสะ หลับแล้ว มันก็ปรุงให้เกิดเวทนาโง่ ปรุงแต่งให้เกิดตัณหา อุปาทานมนั กเ็ ปน็ ทุกข์ ทีน้ีไอ้เรื่องที่เข้าใจยากมันก็มีว่าโผล่ข้ึนมาก็ อวิชชา เปน็ ปจั จยั ใหเ้ กดิ สงั ขาร สังขารใหเ้ กิดวิญญาณ วญิ ญาณให้ เกิดนามรูป นี่มันเข้าใจยาก ฉะน้ันก็เลยอธิบายให้เป็นสาม ภพสามชาตเิ สยี 35
ถา้ จะเข้าใจเรอ่ื งน้ีได้ทา่ นต้องเข้าใจความจริงที่ส�ำคัญ ขอ้ หนงึ่ คอื ใหถ้ อื วา่ ตามธรรมดานนั้ มนั วา่ งอยู่ ตามธรรมดา คนเราน้ีมันว่างอยู่ไม่มีความรู้สึกคิดนึกใดๆ เราอยู่ด้วย ความว่างนะ เอ้า พอมีการเน่ืองกันของอายตนะคือตากับ รูปเป็นต้น นี่มันจึงจะเกิดเรื่อง จะเกิดเพ่ือให้อวิชชาเข้า มาเก่ียวข้องกับสัมผัส มันก็ท�ำให้เกิดอ�ำนาจปรุงแต่งคือ สังขาร ไอ้วิญญาณท่ีมันอยู่เป็นธาตุตามธรรมชาติมันก็เกิด เปน็ จกั ษุวญิ ญาณ โสตวญิ ญาณขน้ึ มา ถา้ ไม่มกี ารสมั ผัสกนั ระหว่างอายตนะแล้ววิญญาณไม่มี วิญญาณไม่เกิด นี่ตาม พระบาลเี ป็นอยา่ งนี้ ตาเน่ืองกับรูปเกิดจักษุวิญญาณ ก่อนหน้านั้นไม่มี วญิ ญาณ ก่อนหนา้ นั้นไมม่ ีรปู ก่อนหน้านน้ั ไม่มีตาคอื ว่างอยู่ ว่างอยู่ ไม่มตี า ไม่มรี ปู ไม่มจี กั ษุวิญญาณ คนธรรมดาเขา้ ใจ ไม่ได้ เพราะวา่ เรามีตาอยตู่ ลอดเวลา ไอ้รูปมันก็มีอยตู่ ลอด เวลา จติ วญิ ญาณมนั กม็ อี ยตู่ ลอดเวลา มนั เขา้ ใจไมไ่ ดว้ า่ กอ่ น หนา้ นนั้ มันว่างอยู่ ถ้ารู้จักต้ังต้นด้วยความว่าธรรมดามันว่างอยู่ ว่างอยู่ พอมีการเน่ืองกันระหว่างอายตนะมันปรุงแต่งเกิดวิญญาณ 36
นี้ นี่ก็เพราะว่ามันมีความเข้าใจผิดต่อผัสสะนั้นในขณะท่ี สัมผัสน้ันแหละ อวิชชาก็เข้ามาครองด้วยอ�ำนาจของไอ้ สพั พะอวิชชาน้ีปรงุ ทำ� ให้เกิดอำ� นาจการปรุงแต่งคือสังขาร สังขารคืออ�ำนาจการปรงุ แตง่ มนั มอี ำ� นาจการปรงุ แต่งมนั ก็ ปรงุ แตง่ ใหส้ ง่ิ ตา่ งๆ ลกุ ขน้ึ มาตามหนา้ ทข่ี องตน คอื วญิ ญาณ ท�ำหน้าที่ของตน นามรูปก็ลุกขึ้นมาท�ำหน้าที่ของตน ไม่ใช่ หลบั อยเู่ หมอื นแตก่ อ่ น อายตนะทง้ั หลายกส็ ามารถทำ� หนา้ ท่ี ของตนเรยี กวา่ เกดิ ขนึ้ มาได้ มอี ายตนะกม็ ผี สั สะสมบรู ณต์ าม ความหมาย เราเขา้ ใจยากเพราะเราเขา้ ใจไปในทำ� นองทวี่ า่ คนหรอื ตัวกูน่ีมันเกิดอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เข้าใจว่าตามธรรมดามัน ว่าง มคี วามหมายเป็นความว่างจากตัวกู ว่างจากไอ้สง่ิ ต่างๆ เหลา่ น้ี พอมีการเก่ียวเน่ืองกนั ระหว่างอายตนะภายนอก- ภายในกเ็ ปน็ โอกาสใหอ้ วชิ ชาปรงุ แตง่ นน่ั นข่ี นึ้ มา ทำ� หนา้ ท่ี ของตนแล้วก็ได้ชื่อตามชื่อน้ันๆ จนกระทั่งว่ามีวิญญาณ มีนามรูป มีผัสสะ แล้วก็มีเวทนา มีตัณหา ท้ังหมดน้ีเป็น ไปได้เหมือนกับสายฟ้าแลบคือเร็วมาก เร่ืองนั้นปฏิจจ- สมุปบาทวงหน่ึงจะกินเวลาไม่ถึงวินาทีก็ได้มันปรากฏเป็น 37
ความทุกข์แล้ว เพียงแต่มีการสัมผัสทางอายตนะนี้เพียง วินาทสี องวนิ าทีมันกม็ กี ารปรงุ แต่งท่ีเปน็ ความทุกข์อยใู่ นใจ แลว้ อยา่ งนีก้ ็มี จะนานกว่านั้นกม็ ี แตไ่ ม่ต้องถงึ กบั สิน้ ... ตง้ั ชาติๆ กันหรอก ไมต่ อ้ งถงึ วนั ๆ หรอก ขณะจิตที่เป็นปฏจิ จ- สมปุ บาทตดิ ๆ ตดิ ๆ กนั ไปอันสดุ ทา้ ยมนั ก็เปน็ ความทุกข์ อธิบายอย่างนี้เท่าที่อาตมาได้ศึกษามาเป็นสิบๆ ปีน้ี รู้สึกว่าตรงกับพระบาลี ตรงกับพระบาลี จึงเอาค�ำอธิบาย น้ีมาเปิดเผยมาบอกกล่าว ผลก็คือถูกด่าว่ายกเลิกปฏิจจ- สมปุ บาททีม่ ีอยู่เดมิ ทสี่ อนกนั อยู่เดิมตามคมั ภรี ์วิสทุ ธิมรรค ค�ำอธิบายปฏิจจสมุปบาทอย่างวิสุทธิมรรคนี่ ไม่มี ในพระบาลี มีในคมั ภรี ์วสิ ทุ ธมิ รรคทส่ี อนกันขึน้ เมอ่ื สักพนั ปี ไดแ้ ล้ว พ.ศ.พนั ปไี ดแ้ ล้ว เกา้ รอ้ ยกว่าปีน่ี มันกลายเปน็ เร่ือง ว่ามีคนตายคนเกิดไปตามกระแสนั้น มันมีลักษณะเป็น สัสสตทิฏฐิ อย่างนี้จะเป็นพุทธศาสนาไม่ได้ พุทธศาสนา ไม่มีสสั สตทฏิ ฐิ ดังน้ันก็กลายเป็นเร่ือง เหมือนกันกับฝ่ายฮินดูหรือ ฝ่ายพราหมณ์ ในยุคพุทธกาลน้ันลัทธิฮินดูรุ่งเรืองด้วยลัทธิ อุปนิษัท ลัทธิอุปนิษัทคือลัทธิที่ถือว่ามีตัวคนมีตัวตน ตาย 38
แลว้ เกดิ ตายแลว้ เกดิ ไปตามกรรมไปตามกระท�ำของตนนค่ี อื อุปนษิ ทั มนั คล้ายกบั พุทธศาสนามาก มันผดิ กนั แต่ท่ีวา่ เขา เรียกวา่ เป็นตัวตน ไมเ่ รียกว่าเป็นสิ่งทปี่ รุงแต่งเปลยี่ นแปลง ไปตามเหตตุ ามปจั จัย พออาตมาจะพูดให้ ให้แรงไปกว่านั้นมันก็จะเกิน พอดีเหมือนกัน ก็ไปวิพากษ์วิจารณ์พระพุทธโฆษาจารย ์ ซง่ึ เปน็ ทเี่ คารพนบั ถอื ของคนเหลา่ นนั้ มากเกนิ ไป ถงึ อยา่ งนนั้ ก็อดสะกิดแย้มบ้างไม่ได้ว่าพระพุทธโฆษาจารย์ท่านเป็น ลกู พราหมณ์ เกิดในตระกูลพราหมณ์ แลว้ เรยี นในเวลานั้น ไม่มีอะไรนอกจากเรียนลัทธิอุปนิษัท พระพุทธโฆษาจารย์ ได้ศึกษาลัทธิอุปนิษัทมาเต็มกระเป๋า จนท่านออกมาบวช มาอะไรเปน็ ในพทุ ธศาสนานี้ นกี่ ลวั วา่ อนั นนั้ แหละมนั จะตดิ มาบ้าง จึงมีบุคคลชนิดเวียนว่ายตายเกิดแล้วมาใช้อธิบาย ปฏจิ จสมปุ บาท มนั กก็ ลายเปน็ ปฏจิ จสมปุ บาทตามแบบของ อุปนิษัทไปโดยไมร่ ตู้ ัว เอาละ มันจะมีประโยชน์อะไร มันก็ไม่เห็นได้ ไม่มี ประโยชน์อะไร มันควบคุมไม่ได้นี่เพราะมันอยู่กันคนละ ชาติ แต่ถ้าปฏิจจสมุปบาทแบบสายฟ้าแลบนี่มันควบคุมได้ 39
ควบคุมด้วยสติที่น้ีเดี๋ยวน้ีทันเวลาสายฟ้าแลบ เราควบคุม กระแสแหง่ ปฏจิ จสมปุ บาทได้ เราหยดุ ได้ เราดบั ทุกข์ได้ เรา ทำ� ใหม้ นั ขาดตอนได้ จงึ ถอื วา่ นเ่ี ปน็ ปฏจิ จสมปุ บาททค่ี วรจะ ยึดถอื เป็นหลกั แหง่ พระพทุ ธศาสนา ประยกุ ต์ได้ ใช้ดบั ทกุ ข์ ได้ ขอให้สนใจ อาตมาก็เลยประนีประนอมได้ว่าไอ้แบบน้ันน่ะแบบ เก่า แบบในแบบเรียนแบบพระพุทธโฆษาจารย์เอาไว้สอน ศลี ธรรม สอนศีลธรรมแก่ผทู้ ถี่ อื ศีลธรรมมีตัวตนบญุ บาปไป ตามกรรม แตอ่ ธิบายแบบนไี้ วส้ อนปรมตั ถธรรมท่เี ปน็ พุทธ- ศาสนาที่สอนว่าไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตนหรือสัตว์บุคคลแม้ใน ขณะไหน มีแต่ธรรมท่ีเป็นธรรมชาติตามธรรมชาติปรุงแต่ง กนั ไปเป็นข้ันตอน ขั้นตอน มีเท่านัน้ ทีน้ีกส็ อนปรมตั ถธรรม เลยได้ปฏิจจสมุปบาทขึ้นมา ๒ แบบ แบบหนึ่งไว้สอนศีล- ธรรมให้กลัวบาปกล้าบุญของตัว ของผู้มีตัวตนไปตามเรื่อง ส่วนแบบน้ีจะสอนผู้ที่ต้องการจะหมดตัวตน ได้รับผลเป็น ความหมดตัวตน อาตมาก็พูดไปตามน้ี ว่ามันมีอยู่อย่างนี้ คุณจะเลือก เอาอย่างไหนก็ตามใจ ไม่ได้ยกเลิกแบบไหน แต่ช้ีให้เห็น 40
ว่าท่ีมันจะเป็นประโยชน์ ใช้ให้เป็นประโยชน์ดับทุกข์ได้มัน ก็คือแบบนี้ แบบที่เป็นไปในขณะจิต ในขณะจิต ในขณะ จิตน้ี จะควบคุมได้ จะหยุดยง้ั ได้ จะดับทุกข์ได้ ในทสี่ ดุ กถ็ ูก หาว่าเป็นมิจฉาทฏิ ฐิเสยี เลย ยกเลกิ ของเกา่ ทำ� ลายของเก่า เปล่ียนแปลงของเก่า เปล่าน่ีไม่เคยท�ำ จะไปท�ำให้มันเสีย เวลาท�ำไม จะไปต่อสู้จะไปยกเลิกน่ีมันเสียเวลา เอาแต่ว่า อย่างไรมันจะมีประโยชน์ก็เปิดเผยออกมา ช้ีแจงให้เพื่อน มนุษย์ด้วยกนั เข้าใจ ไมไ่ ดย้ กเลกิ เรือ่ งปฏิจจสมุปบาท ดังน้ันขอฝากไว้กับท่านท้ังหลายว่าจงรับเอาเร่ือง ปฏิจจสมุปบาทไวท้ ัง้ ๒ แบบ แบบในแบบเรยี นนัน้ นะ่ เอา ไวส้ อนศลี ธรรม สนบั สนนุ ทางศลี ธรรม แบบทม่ี ใี นพระบาลี ที่อาตมาเอามาพูดเป็นแบบขณะจิตน่ีเอาไว้สอนปรมัตถ- ธรรมเพอ่ื ความหมดตวั ตน ไม่มีสตั ว์ไมม่ ีบุคคลมแี ต่กระแส แห่งการปรุงแต่งตามธรรมชาติโดยไม่ต้องมีบุคคลไม่ต้องมี บุคคลคนเดยี วขา้ มภพขา้ มชาตอิ ะไรกันทไ่ี หน 41
เขากลา่ วหาว่า ปฏิเสธอภธิ รรม ทนี มี้ าถงึ ขอ้ ทอี่ อ้ื ฉาวกนั ทส่ี ดุ กค็ อื เรอื่ งอภธิ รรม อาตมา ถกู เขาดา่ ถกู เขาเขยี นดา่ ถกู เขารมุ กนั ดา่ วา่ ปฏเิ สธอภธิ รรม ยกเลิกอภิธรรม ไม่ได้ปฏิเสธหรอก ส่ิงท่ีเรียกว่าอภิธรรมนั้นมีอยู่จริง จะไปปฏิเสธอย่างไรได้ แต่มันมิได้มีอยู่อย่างที่พวกหนึ่งเขา ยึดถือกันอยู่อย่างผกู ขาดวา่ ตอ้ งเชื่อ ไม่เชื่อจะตกนรก เปน็ อภิธรรมที่พระพุทธเจ้าต้องขึ้นไปแสดงบนสวรรค์ ข้อน้ี อาตมาไม่เชื่อจริงๆ ด้วยที่ว่าต้องข้ึนไปแสดงบนสวรรค์น ี่ ไมเ่ ช่ือ อภธิ รรมคอื คำ� อธบิ ายทล่ี ะเอยี ด อธบิ ายธรรมะขอ้ ใด ข้อหน่ึงให้ละเอียดเกินธรรมดาน่ันแหละคืออภิธรรม มี 42
พระบาลียืนยันอยู่ชัดว่าไม่ต้องรู้อภิธรรมก็สิ้นกิเลสเป็น พระอรหันต์ได้ พระอภิธรรมที่แสดงบนสวรรค์น่ันไปเปิด ดเู ถอะ เทวดาองคไ์ หนจะฟังรเู้ รือ่ งเป็นไปไมไ่ ด้ อภิธรรมคือค�ำอธิบายธรรมะธรรมดาให้ละเอียดเกิน ธรรมดาส�ำหรบั ผู้มีปญั ญาอยา่ งย่ิงแคน่ น้ั นน่ั คืออภธิ รรม ก็ กระทำ� กนั อยใู่ นครง้ั พทุ ธกาล มใี นครงั้ พทุ ธกาล พระพทุ ธเจา้ กก็ ลา่ วถงึ สง่ิ ทเี่ รยี กวา่ อภธิ รรม อภวิ นิ ยั ธรรมะอภธิ รรม วนิ ยั อภิวินัย ล้วนแต่หมายถึงสิ่งที่อธิบายให้ลึกละเอียดเกินกว่า ธรรมดา ทีนม้ี นั เกนิ จ�ำเป็นก็ไมส่ นใจ ไมอ่ ยากจะสนใจ เอา ตามทจ่ี ำ� เปน็ ทม่ี นั จะดบั ทกุ ขไ์ ดท้ นั เวลา ไมต่ อ้ งเสยี เวลาเรยี น ชนดิ ทเ่ี กนิ จำ� เปน็ ยง่ิ วา่ เอาเองแตง่ เอาเองในชนั้ หลงั ดว้ ยแลว้ ก็ย่ิงเรียนกันเกือบเป็นเกือบตายแหละ ต้องใช้เม็ดมะขาม เป็นถังๆ จะมาน่ังนับเรียนอภิธรรมได้ อย่างนี้มันไม่ส�ำเร็จ ประโยชนท์ ่จี ะดับทุกข์ได้ เราไม่สนใจ จะเอาอภธิ รรมคอื วา่ ส่ิงใดดับทุกข์ได้ เหน็ ชัดทันตานั่นแหละ นั่นแหละอภธิ รรม เร่ืองไมม่ ีตวั ตนนัน่ แหละคอื อภธิ รรม ยิ่งศกึ ษาให้เหน็ ชนิดที่ วา่ มแี ตส่ งิ่ ทเี่ ปน็ ไปตามเหตตุ ามปจั จยั ตามอทิ ปั ปจั จยตาไมม่ ี ตวั ตนมันก็พอแลว้ 43
นขี่ อใหท้ ราบดว้ ยวา่ อาตมาไมไ่ ดย้ กเลกิ อภธิ รรม ไมไ่ ด้ ปฏิเสธอภิธรรม อภิธรรมยังคงมีอยู่และมีประโยชน์ตาม แบบของอภิธรรม แต่ไม่ได้จ�ำเป็นส�ำหรับทุกคน ซ่ึงไม่ สามารถจะเรยี นอภธิ รรม แลว้ กไ็ มต่ อ้ งกลวั วา่ ถา้ ไมร่ อู้ ภธิ รรม แล้วจะดบั ทกุ ข์ไมไ่ ด้ เพราะวา่ คำ� สอนท่ีดับทุกข์ได้ซง่ึ ไมย่ งุ่ ยากล�ำบากเหมือนอภิธรรมนั้นก็ยังมีอยู่ เป็นอันว่าไม่ได้ ปฏิเสธอภิธรรม จะพดู ดีหรือไมด่ ีก็ยงั ยงั ลังเลอยู่ คอื เขาพดู กนั ว่าพวก อภิธรรมน่ขี ้ีโกรธทสี่ ดุ ขีเ้ หนียวทส่ี ดุ มสี ตปิ ัญญาล่อลวงคน ชิงผวั เขากไ็ ด้ วา่ มถี งึ ขนาดน้ี นม่ี นั ไม่ใช่ความมงุ่ หมาย ไมใ่ ช่ ความประสงคข์ องอภธิ รรม มนั ไมต่ อ้ งมากถงึ ขนาดนน้ั เอาแต่ เพียงว่าดับทุกข์ได้ ถ้าเป็นอภิธรรมเพื่อโกรธง่ายด่าเก่ง ใช้ อภธิ รรมเปน็ เหยอ่ื ตกเบด็ คนเกง่ อยา่ งนก้ี ต็ อ้ ง... ไมต่ อ้ งสนใจ ก็ได้ เขาบอกวา่ ไม่ตอ้ งสนใจกไ็ ด้ อภธิ รรมตอ้ งเปน็ สง่ิ ทล่ี กึ และใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นปจั จบุ นั น้ีจึงจะมีค่า มันไม่ลึกถึงกับว่าเรียนๆ เรียนจนไม่รู้จะจบ อยา่ งไรจะเอาไปใชป้ ระโยชนอ์ ะไร ทำ� เรอื่ งทน่ี อ้ ยๆ ใหก้ ลาย เป็นเรื่องมากน่ันแหละเสียหายหรือขาดทุน เรื่องไม่ควรจะ 44
มากก็ทำ� ให้มันมาก ทีน้ีบางคนน่ะเขาจัดอาตมาไว้ว่าเป็นผู้ท�ำลายพระ ศาสนาเอาเสียเลย รวมท้ังท�ำลายขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เขาถือกันอยู่แต่ก่อนในรูปแบบของศาสนา เมื่อกล่าวหา กันขนาดนี้มันก็ถึงที่สุดนะ กลายเป็นตัวเสนียดจัญไรใน พระศาสนาไปเสยี ก็มี บางคนใช้คำ� อยา่ งนั้น เรานี้ได้สนใจได้พยายามอุทิศชีวิตจิตใจเพื่อจะท�ำนุ บ�ำรุงพระศาสนา จะยกย่องพระศาสนา จะเผยแผ่พระ ศาสนามาเป็นสิบๆ ปี แล้วจะท�ำลายพระพุทธศาสนาเสีย เพื่อประโยชน์อะไร เว้นไว้แต่ท่ีเอามาสอนกันอย่างไม่ใช่ พทุ ธศาสนาน่ี ประกาศตวั เปน็ ขา้ ศึกพทุ ธศาสนาท่มี ิใชพ่ ทุ ธ- ศาสนาแลว้ เอามาสอนกนั ในนามของพทุ ธศาสนา นจี้ ะทำ� ตวั เป็นข้าศึก หรือต่อต้าน หรือช้ีแจงให้ประชาชนรู้จักอย่าง ถูกต้องว่านั่นมันคืออะไร ทีนี้คนท่ีเขาเสียประโยชน์เพราะ การทำ� อยา่ งนี้ของเรา เขาก็จัดเราเปน็ ข้าศึก ปา้ ยช่อื ว่าเปน็ ตัวท�ำลายศาสนา เอาละ แมร้ ะเบยี บประเพณตี า่ งๆ ชนดิ ทงี่ มงายนนั่ นะ่ แตม่ นั เกยี่ วเนอ่ื งกนั อยกู่ บั ศาสนา มนั งมงายแตม่ นั เกย่ี วเนอื่ ง 45
กันอยู่กับศาสนา เราก็บอกว่าควรช�ำระชะล้าง ควรยกเลิก เพิกถอนไป น่ีไม่ใช่ท�ำลายพระศาสนา แต่ท�ำลายกาฝากท่ี มันจะมาเกาะเกี่ยวกับศาสนา หรือมันได้เกาะเก่ียวอยู่แล้ว จะต้องทำ� ลายเสีย เหมอื นกบั ทำ� ลายกาฝากมนั ไม่ใช่ทำ� ลาย ต้นไม้ต้นนน้ั นีข่ อให้เขา้ ใจตามนด้ี ว้ ย 46
เขากลา่ วหาวา่ เป็นคอมมวิ นิสต์ ทีน้ีก็มีนักเลงดีกล่าวหาว่าอาตมาเป็นคอมมิวนิสต์ เกยี รติยศเป็นคอมมวิ นิสต์ บางคนกส็ งสยั บางคนก็เพียงแต่ สงสยั แตบ่ างคนกก็ ลา่ วหาวา่ เปน็ คอมมวิ นสิ ตเ์ ลย แลว้ กไ็ ปยุ รฐั บาลสมยั หนง่ึ ใหก้ ำ� จดั อาตมาใหพ้ น้ ไปเสยี จากโลกนเ้ี พราะ ว่าเปน็ คอมมวิ นิสต์ นม้ี คี วามจริง ดแี ตว่ า่ เจา้ หนา้ ทรี่ ฐั บาลสมยั นน้ั เขาไมห่ เู บา เขาไมเ่ ชอื่ ทันที เขาก็รอดูหรือเขาก็สอบสวนจนเขาไม่เช่ือว่าอาตมา นี้เป็นคอมมิวนิสต์ มันมีทางที่จะเป็นไปได้คือว่าถ้าใครพูด อะไรขดั กบั รฐั บาล ขดั ๆ ขดั กบั ความประสงคห์ รอื คำ� พดู ของ รัฐบาลเขาจัดเป็นคอมมิวนิสต์ อย่างนี้เป็นได้เพราะอาตมา พูดบางอย่างบางคราวมันก็ขัดๆ กันกับความประสงค์ของ 47
รัฐบาลเช่นเราต่อต้านอบายมุข เม่ือรัฐบาลเขาสนับสนุน อบายมุข เป็นต้น หรือเราสนับสนุนศีลธรรม ไม่สนับสนุน เศรษฐกิจ อย่างนี้ก็มันก็เรียกว่ามันคัดค้านหรือต่อต้านอยู่ บ้างในตัว แตไ่ มใ่ ชเ่ ป็นข้าศกึ สรุปความเสียดีกว่าว่าอาตมานี้เป็นคอมมิวนิสต์ไป ไม่ได้ เพราะมันตรงกันข้ามกับหลักพระพุทธศาสนา คือ พระพทุ ธศาสนาตอ้ งการจะแกป้ ญั หาของสงั คมดว้ ยความ รักและเมตตา คอมมิวนิสต์น่ีเขาจะแก้ปัญหาของสังคม ด้วยอาวธุ ดว้ ยก�ำลงั มันตรงกนั ขา้ มอยา่ งน้ี เราจะไปนยิ ม คอมมวิ นิสต์ มนั เป็นไปไมไ่ ด้ แต่เราก็มองเห็นว่าทั้งนายทุนและคอมมิวนิสต์ท้ัง สองฝ่ายท่ีตรงกันข้ามอยู่น่ีมันแก้ปัญหาของสังคมไม่ได ้ แก้ปัญหาของโลกไม่ได้ นายทุนก็แก้ปัญหาของโลกไม่ได้ คอมมิวนิสต์ก็แก้ปัญหาของโลกไม่ได้ เขาก็แข่งขัน กันจะครองโลกมากกว่า ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาของโลก เราจึงไม่ได้เห็นด้วยทั้งฝ่ายนายทุนและท้ังฝ่ายคอมมิว- นิสต์ เราอยู่ตรงกลางคือเป็นธรรมะในพระพุทธศาสนา โดยมกี ฏอทิ ปั ปจั จยตาวา่ ตอ้ งทำ� ลงไปอยา่ งนๆ้ี อยา่ งนม้ี นั 48
จึงจะแก้ปัญหาได้ โดยอาศัยกฎอิทัปปัจจยตาเป็นหลัก นี่ อทิ ปั ปจั จยตานจี้ ะเปน็ นายทนุ กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ คอมมวิ นสิ ตก์ ไ็ มไ่ ด้ เพราะมันเป็นความจริงของธรรมชาติ เราถืออิทัปปัจจยตา เปน็ หลกั เพอ่ื จะแกป้ ญั หาในโลกซงึ่ แกไ้ มไ่ ดด้ ว้ ยลทั ธนิ ายทนุ หรอื ดว้ ยลทั ธคิ อมมวิ นสิ ต์ ขอ้ เทจ็ จรงิ มนั มอี ยอู่ ยา่ งน้ี อาตมา กร็ ู้สกึ อยอู่ ยา่ งน้ี แลว้ จะไปนิยมคอมมวิ นิสต์ไดอ้ ย่างไร แล้วมีการกระท�ำอะไรบ้างล่ะท่ีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ นอกจากผู้อิจฉาริษยาบางคนเท่านั้นแหละมันไปพูด มีอยู่ ตั้ง ๒ พวก ๒ ส�ำนักที่พูดว่าสวนโมกข์ได้เงินมาจากพวก คอมมิวนิสต์มาสร้างอะไรต่างๆ อยู่ในสวนโมกข์ ขอบอก ว่าเป็นเรื่องจริง แต่อย่าออกชื่อเลย แล้วมีอยู่ถึง ๒ กลุ่ม ๒ ส�ำนักว่าสวนโมกข์รับเงินคอมมิวนิสต์ น่ีก็เลยจัดให้เป็น คอมมิวนิสต์ น้ีมันจะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ในการ พูดนี้ก็ไม่ทราบแล้วแต่มันเป็นความจริง แล้วก็จะบอกให้ ท่านท้ังหลายทราบส่วนท่ีมันเก่ียวกับอาตมาที่ถูกหาว่าเป็น คอมมิวนสิ ต์ หรือนยิ มคอมมิวนิสต์ ชว่ ยเหลอื คอมมวิ นสิ ต์ 49
เขากลา่ วหาว่า ดดั แปลงพระบาลี ทนี เี้ รายงั ถกู หาวา่ สอนผดิ โดยดดั แปลงเอาตามใจชอบ ว่าอาตมาสอนธรรมะผิดโดยดัดแปลงพระบาลีเอาตามใจ ชอบ บางคนเขียนลงไปชัดเลยว่าอาตมาแปลพระบาลีเอา ตามใจชอบ ไมไ่ ดแ้ ปลพระบาลตี ามหลกั ไวยากรณต์ ามภาษา บาลี แตแ่ ปลพระบาลเี อาตามใจชอบเพอ่ื สนบั สนนุ ความคดิ เหน็ ของตน น้กี ม็ อี ยูจ่ ริง ไมต่ อ้ งออกช่ือกไ็ ด้ แต่ขอยนื ยนั วา่ มนั มีอยู่จริง ทีน้ีในสว่ นตัวเองนี่ขอยืนยนั ว่าไมม่ ี ไม่มีท่จี ะทำ� อย่าง นั้น ไม่มีความจ�ำเป็นท่ีจะต้องท�ำอย่างน้ัน พระธรรมนี่เป็น ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้อหน่ึงคือข้อท่ีว่าพระธรรมนี่จะมีก่ีเร่ือง กส่ี บิ เรอื่ งกร่ี อ้ ยเรอื่ งนะ่ หลกั มนั จะตรงกนั หมด ถา้ ใครไปแปล 50
Search