หลักสตู รการปอ้ งกนั การทุจริต ระดบั ประถมศึกษา จานวน 2 หน่วยกติ ความนา ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 “สรา้ งสงั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต” ไม่มุง่ เน้นให้ความสาคญั ในกระบวนการปรับสภาพสงั คมใหเ้ กิดภาวะที่ “ไม่ทนต่อการทุจริต” เริ่มต้ังแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดับช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อสร้างวัฒนธรรม ต่อต้านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซ่ือสัตย์สุจริต โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน เป็นการดาเนินการผ่านสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนท่ีทาหน้าที่ในการกล่อมเกลาสังคม และได้กาหนดกลยุทธ์ในการ ดาเนินการ 4 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 ปรับฐานความคดิ ทุกช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์สว่ น ตนและผลประโยชน์ส่วนรวม กลยุทธ์ท่ี 2 ส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพ่ือต้านทุจริต กล ยุทธ์ที่ 3 ประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่ืองมือต้านทุจริต และ กลยุทธ์ท่ี 4 เสริมพลังการมีส่วนร่วมของ ชุมชน (Community) และบูรณาการทกุ ภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทจุ รติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคาสั่งที่ 646/2560 ลงวันที่ 26 เมษายน 2560 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริตซ่ึงประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ จากหน่วยงานด้านการศึกษา เพื่อดาเนินการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพ่ือใช้เป็นมาตรฐานกลางให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องในด้านการจัดการศึกษา นาไปปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียน นักศึกษา ในทุกระดับชั้นเรียนเริ่มตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ท้ังภาครัฐและเอกชน นอกจากน้ียังมีหลักสูตรสาหรับฝึกอบรมให้กับบุคลากร ภาครฐั และรัฐวิสาหกิจ เช่น กลุ่มทหาร ตารวจ เป็นต้น เพ่ือให้ครอบคลมุ กลุม่ เปา้ หมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาท้ังระบบ รวมทงั้ บคุ ลากรภาครัฐและรัฐวสิ าหกิจ และภาคประชาชน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้จัดทาหลักสูตร “ต้านทุจริตศึกษา” (Anti – Corruption Education) และ นาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานท่ีเกีย่ วข้องนาไปพิจารณาปรับใช้กับกลุ่มเป้าหมาย คณะรัฐมนตรีมีมติ ในการประชุมเม่ือวันท่ี 22 พฤษภาคม 2561 เห็นชอบหลักการเก่ียวกับหลักสูตร “ต้านทุจริตศึกษา” (Anti – Corruption Education) และให้หน่วยงานท่ีต้องนาหลักสตู รไปดาเนินการรบั ความเห็นชอบของกระทรวงศึกษาธิการไป พิจารณาดาเนนิ การต่อไป ทั้งน้ี จากการประชุมองคก์ รหลกั ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ ไดม้ ีบัญชาให้ทกุ หน่วยงานทางการศกึ ษานาหลักสูตร “ต้านทจุ ริตศึกษา” ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมายของ แต่ละหนว่ ยงาน สานักงาน กศน. เป็นหน่วยงานทางการมีหน้าที่ให้ความรู้เพ่ือให้เกิดการพัฒนาจิตสานึก พัฒนาจิตใจให้ ผเู้ รียนเป็นไปในทิศทางท่ีดีต่อสังคมและประเทศชาติ จึงได้ทาหลักสูตร “การป้องกันการทุจริต” เพื่อให้สถานศกึ ษานาไป ปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อปลุกจิตสานึก และเสริมสร้างวัฒนธรรมป้องกันการทุจริตให้แก่ผู้เรียน และ ประชาชนท่ัวไป อีกท้ังเสรมิ สรา้ งความตระหนักให้กับผู้เรยี นและประชาชนไดม้ องเห็นคุณค่าและยึดถอื ประโยชน์สว่ นรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงป้องกันการทุจริต ละอายและเกรงกลัวท่ีจะไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจริตทุก รปู แบบ
จดุ หมายของหลักสูตร หลักสตู รน้ี เปน็ หลักสูตรทม่ี ุ่งปลูกฝังใหก้ ลุ่มเปา้ หมายเกิดการพฒั นาจิตสานกึ พัฒนาจิตใจมจี ติ พอเพียง ปอ้ งกันการทุจรติ ละอายและเกรงกลวั ทีจ่ ะไม่ทุจรติ และไม่ทนต่อการทจุ รติ และยดึ ถือประโยชน์สว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์ส่วนตน ทัง้ นีเ้ พือ่ เป็นการสรา้ งพลเมืองดี มีความซอื่ สัตย์สจุ ริตใหแ้ ก่สงั คมและประเทศชาติ วัตถุประสงค์ เพอ่ื ให้กลุ่มเปา้ หมาย 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ 3. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับ STRONG/จิตพอเพียงต้านการทจุ รติ 4. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม 5. สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม 6. ปฏบิ ัตติ นตามหน้าทพี่ ลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม 7. ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อต้านการป้องกันการทจุ ริต กลุม่ เป้าหมาย ผเู้ รียน กศน. และประชาชนทั่วไป ระยะเวลา จานวน 80 ชว่ั โมง โครงสร้างหลักสตู ร เน้อื หาของหลักสูตรครอบคลุมตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด ประกอบดว้ ย 4 เรือ่ ง คือ 1. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม จานวน 20 ช่วั โมง 2. ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต จานวน 12 ช่ัวโมง 3. STRONG/จิตพอเพยี งต้านการทจุ ริต จานวน 18 ชั่วโมง 4. พลเมอื งกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม จานวน 30 ชวั่ โมง การจดั กระบวนการเรียนรู้ การจดั กระบวนการเรียนรู้ด้วยวธิ กี ารบรรยาย การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การศึกษากรณีตัวอยา่ งการศึกษาจากคลิปวีดีโอและการฝึกปฏิบัติจริง สื่อการเรียนรู้ 1. วีดโี อ 2. ข่าว (วีดที ัศน์) 3. สอ่ื ส่งิ พมิ พ์ 4. ใบความรู้ 5. ใบงาน
การวัด และการประเมนิ ผล 1. คะแนนระหว่างภาคเรยี น : ปลายภาคเรียน คือ 60 : 40 2. สถานศึกษาสามารถทาการวดั และประเมินผลไดห้ ลากหลายวิธี เชน่ การสังเกต การทดสอบ การถามตอบตามประเดน็ การมีสว่ นร่วมในการทากจิ กรรม การตรวจผลงาน เปน็ ต้น ทง้ั น้ี ต้องมรี ่องรอยหลกั ฐานท่ี ตรวจสอบได้ ………………………………….
คาอธิบายรายวชิ า สค12026 การป้องกันการทจุ ริต จานวน 2 หนว่ ยกติ ระดับประถมศกึ ษา มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจดาเนินชีวติ ตามวิถีประชาธิปไตย กฎหมายเบอื้ งตน้ กฎระเบยี บของชมุ ชน สงั คม และประเทศ 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจหลกั การพฒั นาชุมชน สงั คม และวิเคราะหข์ ้อมูลในการพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม ศึกษาและฝึกทักษะเก่ียวกับเร่ืองดงั ต่อไปนี้ 1. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม 2. ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ 3. STRONG / จติ พอเพียงต้านการทจุ ริต 4. พลเมอื งกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ คลิปวดิ ีโอ กรณีศึกษาการแบ่งกลุ่มทากิจกรรม การแสดงบทบาทสมมติ การอภิปรายแสดงความคิดเห็น ส่ืออินเทอร์เน็ต ใบกิจกรรม ใบความรู้ โครงงาน การปฏิบัติจริงในชุมชน วัฒนธรรมประเพณี สารวจความคิดเห็นของ ชุมชน การวดั และประเมินผล ประเมินจาก แบบถามตอบตามประเด็น แบบสังเกตพฤติกรรมแบบให้คะแนนการปฏิบัติ แบบประเมนิ การบันทึกกิจกรรม การประเมนิ การมสี ่วนร่วมในการทากิจกรรมและการตรวจผลงาน
รายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา สค12026 การป้องกนั การทุจรติ จานวน 2 หน่วยกิต ระดับประถมศกึ ษา มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณีท้องถ่ินและประเทศไทย 2.มีความรคู้ วามเข้าใจดาเนนิ ชีวติ ตามวิถีประชาธิปไตยกฎหมายเบอ้ื งตน้ กฎระเบียบของชุมชน สังคม และประเทศ ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้วี ัด เนื้อหา จานวน (ช่ัวโมง) 1 การคดิ แยกแยะ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ 20 ระหวา่ งผลประโยชน์ สว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม สว่ นตนกบั ผลประโยชน์ 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั 1. การคิดแยกแยะ สว่ นรวม การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ 2. ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและ สว่ นตน กบั ผลประโยชน์สว่ นรวม การทจุ รติ 3. ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ ส่วนรวม 2. บอกความหมายความสาคัญของ 4. หลักการคิดเปน็ หลกั การคิดเป็น - ความหมาย ความสาคญั ของ 3. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ ง หลกั การคดิ เปน็ ผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์ 5. ผลประโยชน์ทับซอ้ น ส่วนรวมได้ โดยใช้กระบวนการคดิ 6. รูปแบบของผลประโยชน์ทับซอ้ น ตามหลักปรัชญาคิดเปน็ ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 2 ความละอายและความ ความละอายและความไมท่ นต่อการ 12 ไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุจริต 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับความ การปฏิบตั ิตนตามกฎ กตกิ า ของ ละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ สถานศึกษา ชุมชน สังคม ได้แก่ 2. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูล้ ะอายและไม่ทนต่อ 1. การทางานที่ได้รับมอบหมาย การทจุ ริตทุกรปู แบบ โดยใช้ 2. การทาความสะอาดสถานท่พี บกลุ่ม กระบวนการคิดตามหลักปรชั ญา 3. การสอบ คดิ เปน็ 4. การแตง่ กาย 5. กจิ กรรมผ้เู รียน (ในห้องเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน สังคม) 6. การเข้าแถวรบั บริการ
ท่ี หวั เรื่อง ตวั ช้วี ดั เน้ือหา จานวน (ช่ัวโมง) 3 STRONG / จิตพอเพยี ง STRONG / จิตพอเพียงตา้ นทุจรติ 18 ตา้ นการทจุ รติ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั 1. การสร้างจติ สานกึ ความพอเพียง 30 STRONG /จิตพอเพยี งต่อต้าน การป้องกันการทุจรติ การทจุ ริต 2. ความโปร่งใส 2. ปฏบิ ัตติ นเป็นผ้ทู ี่ STRONG / 3. ความตื่นรู้ / ความรู้ จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต 4. ตา้ นทจุ รติ โดยใชก้ ระบวนการคิดตามหลัก 5. มุ่งไปข้างหน้า ปรชั ญาคิดเป็น 6. ความเอื้ออาทร 4 พลเมอื งกับความ พลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับพลเมือง 1. การเคารพสทิ ธิหนา้ ทตี่ อ่ ตนเองและ และมีความรบั ผิดชอบต่อสงั คม ผู้อืน่ ทมี่ ีต่อประเทศชาติ 2. ปฏิบัตติ ามหน้าทพ่ี ลเมืองและ 2. ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย มีความรับผิดชอบต่อสังคม 3. ความรับผดิ ชอบ (ตอ่ ชุมชน) โดยใช้กระบวนการคิด 4. ความเป็นพลเมือง ตามหลกั ปรชั ญาคดิ เปน็ 3. ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการ ป้องกันการทุจริต
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: