Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 62_01

62_01

Published by กศน.ตำบลบางเพรียง, 2019-05-05 00:11:24

Description: 62_01

Search

Read the Text Version

ธรรมะใกล้มือ ชีวิต ใหม่ กับ- สนปอนตาาา-ิ ฉ.อบรม พุทธ ชาวตา่ ง ทาส ประเทศ ภิกขุ TH+EN

ชวี ติ ใหม่กับอานาปานสติ พุทธทาสภกิ ขุ การบรรยาย อบรมชาวตา่ งประเทศ อบรมผปู้ ฏิบัติจติ ตภาวนา ๒๕๓๑ วันท่แี สดง ๒ กนั ยายน ๒๕๓๑ และ ๕ กนั ยายน ๒๕๓๑ รหสั ๕๑๒๕๓๑๐๙๐๒๐๑๐ และ ๕๑๒๕๓๑๐๕๐๙๐๒๐ ผู้ถอดเสยี ง เอกสทิ ธิ์ แซ่เหลา่ , ธดิ ารตั น์ ไสว ผู้ตรวจทาน หทยั ชนก วฒั นา, อริศรา ถนดั งาน บรรณาธิการ ๑๙๐๙ ISBN 978-616-7574-73-8 พิมพค์ รงั้ แรก มกราคม ๒๕๖๒ จ�ำ นวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม จดั พิมพโ์ ดย มูลนธิ หิ อจดหมายเหตพุ ุทธทาส อินทปัญโญ พิมพท์ ่ี บริษทั พมิ พ์ดี จำ�กดั สมทบการผลติ ๑๐ บาท ประสงค์รับหนงั สอื เพ่อื ใชใ้ นงานพิธหี รอื เผยแผใ่ นวาระต่างๆ ตดิ ตอ่ ที่ มลู นธิ ิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อนิ ทปญั โญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนคิ มรถไฟสาย ๒ แขวงจตุจกั ร เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศพั ท์ : ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐ ต่อ ๕๑๐๑ โทรสาร : ๐ ๒๙๓๖ ๒๖๘๕ อเี มล : [email protected] Facebook : bookclub.bia www.bia.or.th

3



สารบญั สง่ิ ซึ่งบดั น้ที ่านไม่ชอบหรอื อาจจะเกลยี ด ๗ แต่ว่าวนั หลังท่านจะชอบหรอื จะรัก ๑๑ ความแตกตา่ งของ ‘จติ ’ และ ‘ฉัน’ ๒๑ บวก ลบ และอสิ รภาพ ๒๗ ชวี ิตใหม่กับอานาปานสติภาวนา ๓๑ ชีวิตทีไ่ ม่มี Attachment นั่นคอื ชวี ิตใหม่ ๓๗ ปฏิบตั ิอานาปานสติช่วยให้ได้ชีวิตใหม ่

ส่ิงทเี่ ดย๋ี วนท้ี า่ นอาจจะไมช่ อบ คือชีวติ ทอ่ี ยู่เหนือบวกเหนือลบ แตว่ ่าต่อไปท่านอาจจะชอบ

สิง่ ซึ่งบดั น้ีท่านไมช่ อบหรอื อาจจะเกลยี ด แตว่ า่ วนั หลังท่านจะชอบหรือจะรัก ในวันน้ีจะได้บรรยายโดยหัวข้อว่า ‘สิ่งซ่ึงบัดน้ีท่าน ไมช่ อบหรอื อาจจะเกลียด แต่วา่ วันหลงั ทา่ นจะชอบหรอื จะ รัก’ ขอใหต้ งั้ ใจฟังให้ดี ส่ิงท่เี ดย๋ี วนี้ท่านอาจจะไมช่ อบ ตอ่ ไปท่านอาจจะชอบ นนั้ กค็ อื ชวี ติ ทอ่ี ยเู่ หนอื อทิ ธพิ ลของความเปน็ บวกเปน็ ลบ นน่ั เอง ส่งิ นเ้ี ป็นธรรมชาติ ไมว่ า่ ผใู้ ดจะถอื ศาสนาอะไร จะถือ ศาสนาอะไรอยู่ กส็ ามารถทจี่ ะมไี ด้ รไู้ ด้ ปฏบิ ตั ไิ ด้ ไดร้ บั ผลได้ ดงั นัน้ ท่านไมต่ ้องสนใจว่าก�ำลังเป็นคริสเตียน เปน็ ชาวพุทธ หรอื เปน็ อะไร ไมต่ อ้ งสนใจ ขอใหส้ นใจสงิ่ นใ้ี นฐานะเปน็ เรอ่ื ง ทธี่ รรมชาติมไี วใ้ ห้เรา ไม่ขึ้นอยูก่ ับศาสนากไ็ ด้ 7

เม่อื เราเรียกมนั ตามธรรมดาวา่ ชีวิต ชีวติ นน่ั คือระบบ ของการเป็นอยู่ ชีวิตท่ีไม่มีอะไรจะมาปรุงแต่งหรือรบกวน ให้ชีวิตนั้นเป็นบวกเป็นลบ พอใจหรือไม่พอใจ ย�้ำอีกทีมัน เป็นชีวติ ท่ีเป็นอิสระ ไม่มอี ะไรมารบกวน มาปรงุ แตง่ ใหม้ ัน มคี วามเป็นบวกหรือความเป็นลบ สิ่งที่จะมารบกวนหรือปรุงแต่งก็มีอยู่ท่ัวไป ที่ เปน็ ภายนอก ทเ่ี ป็นอยูข่ ้างนอกกค็ อื รูป เสียง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ์ จะรูไ้ ดด้ ้วย ตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ทเ่ี ปน็ ภายในกค็ อื กเิ ลสของเราเอง ทงั้ ภายในและภายนอก นม้ี นั จะรบกวนจติ คอื มนั จะปรงุ แตง่ จติ ใหเ้ ปน็ บวกหรอื เปน็ ลบขึ้นมา แลว้ เรากม็ ีความทุกข์ ถ้าท่านชอบหรือถือศาสนาท่ีมีพระเจ้า ท่านก็จะต้อง เข้าใจชดั เปน็ ท่ีแน่นอนวา่ พระเจา้ ตอ้ งการใหเ้ รามีชวี ติ อยู่ เหนอื บวกเหนอื ลบ แมแ้ ตพ่ ระยาหเ์ วหข์ องยวิ ของครสิ เตยี น นี้กเ็ หมือนกัน ดูค�ำภีร์ Genesis (ไบเบ้ิล) ตอนต้น ๆ ว่า พระเจ้า ไม่ต้องการให้รับรู้ความหมายของ good and evil, น้ี ไม่บวกไม่ลบ ไม่ดีไม่ชั่ว พระเจ้าต้องการอย่างนั้น แต่เราก็ 8

ไมร่ ้สู กึ เราก็ไมร่ ู้จัก และเราก็ไม่ต้องการชวี ติ ชนิดน้ี นี้คือสิ่งที่เดี๋ยวน้ีท่านอาจจะไม่ชอบ คือชีวิตท่ีอยู่ เหนอื บวกเหนอื ลบ แต่วา่ ต่อไปทา่ นอาจจะชอบ เมื่อท่าน เข้าใจเราก็จะได้พูดกันถึงส่ิงนี้แหละให้เป็นท่ีเข้าใจ จะได้ พอใจกันเสียในเวลาอันสั้น ไม่ต้องรอนานเกินไป เด๋ียวจะ ตายเสียกอ่ น 9

จิตไมใ่ ช่ฉนั ฉันไมใ่ ช่จติ

ความแตกตา่ งของ ‘จติ ’ และ ‘ฉัน’ ในชนั้ แรกน้ีทา่ นจะต้องรจู้ ักความแตกต่างของสิ่งสอง สงิ่ นเ้ี สยี กอ่ น คอื สง่ิ ทเ่ี รยี กวา่ ‘จติ ’ กบั สงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ ‘ฉนั ’ สอง อย่างน้ตี อ้ งรูจ้ ักเสียก่อนวา่ มนั ไม่ใชส่ ่งิ เดยี วกัน ปญั หามนั เกดิ เมอ่ื เรามคี วามรสู้ กึ วา่ ‘ฉนั ’ ปญั หามอิ าจ จะเกดิ ถา้ เรามคี วามรสู้ กึ ว่า ‘จติ ’ เทา่ นนั้ จติ ลว้ น ๆ เท่าน้ัน ฉนั กับจติ มันตา่ งกนั อยา่ งน้ี ‘ฉนั ’ คอื ความโง่ ความเขา้ ใจผดิ ความยดึ มนั่ ถอื มน่ั ท่ีมนั เกิดมาจากความโง่แลว้ มันก็ปรงุ แตง่ จติ ปรงุ แต่งจติ ให้ คดิ วา่ ฉัน ฉันเปน็ สิง่ ทีไ่ มจ่ รงิ เป็นมายา ‘จติ ’ เป็นธรรมชาตลิ ้วน ๆ แลว้ ก็ไม่มีความรสู้ ึกอนั น้ี ขอใหส้ นใจใหด้ ี ใหร้ จู้ กั สงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ ‘จติ ’ กบั ทเี่ รยี กวา่ ‘ฉนั ’ 11

ใหช้ ดั เจนที่สดุ เม่ือมีใครด่ามา มัน ‘ไม่ถูกจิต’ แต่มัน ‘ถูกฉัน’, ใคร ดา่ มามนั จะ ‘ถกู ฉนั ’ แตม่ นั  ‘ไมถ่ กู จติ ’, ทจ่ี รงิ มนั  ‘ไมถ่ กู จติ ’ มนั  ‘ถูกฉนั ’ ขอใหพ้ ยายาม discriminate* สองอนั น้ใี ห้ด ี ๆ ว่า ฉันนัน้ ไมใ่ ชจ่ ิต จติ นั้นไม่ใชฉ่ นั เมื่อจิตมันโง่มันก็เอาตัวเองเป็นฉัน ความโง่ของจิต ท�ำให้จิตเอาตัวเองว่าเป็นฉัน ฉะนั้นเขาด่ามามันก็ถูกฉัน มนั ไมถ่ กู จติ ล้วน ๆ ท่ไี มโ่ ง่ ขอใหส้ งั เกตขอ้ นดี้ ใู หด้  ี ๆ จติ ไมใ่ ชฉ่ นั ฉนั ไมใ่ ชจ่ ติ เดย๋ี ว น้ีคุณก�ำลังเอาจิตเป็นฉันหรือเอาฉันเป็นจิต –ไม่ถูก, แยก ออกเสยี เถดิ แลว้ คณุ กจ็ ะสามารถมชี วี ติ ทอ่ี ยเู่ หนอื positive and negative ทา่ นฟงั ใหด้ ี ทำ� จติ ไมใ่ หเ้ ปน็ ทกุ ขน์ ท้ี ำ� ได้ แตท่ ำ� ฉนั ไม่ ใหเ้ ปน็ ทกุ ขน์ ้ีท�ำไม่ได้ ท�ำจิตไม่ให้เป็นทุกข์ทำ� ได้ แล้วกท็ ำ� งา่ ย, ถา้ ทำ� ฉนั ไมใ่ หเ้ ปน็ ทกุ ขน์ ท้ี ำ� ไมไ่ ดห้ รอื ทำ� ยากเกนิ ไป ทำ� ไมไ่ ดส้ ำ� หรบั คนธรรมดา จติ กบั ฉนั ไมใ่ ชส่ ง่ิ เดยี วกนั อยา่ งนถ้ี า้ ดูอยา่ งละเอยี ดอยา่ งความจริง ไมใ่ ชด่ อู ย่างหยาบ ๆ เหมือน * แยกความแตกต่าง 12

คนทวั่ ไปเขาดกู ัน จิตกบั ฉันไม่ใช่ส่งิ เดียวกัน ท�ำจิตให้ไม่มีทุกข์นั้นท�ำได้ แต่ท�ำฉันไม่ให้มีทุกข์น้ัน ท�ำไม่ได้ เพราะว่า ‘ฉัน’ ไม่ได้เป็นส่ิงจริง มันเป็นมายา มัน เปน็ ผลของความโง่ มนั เปน็ ระดบั ของความโง่ มนั ไมม่ ตี วั จรงิ มนั ท�ำไมไ่ ด้ และตวั ฉนั นนั่ แหละเป็นเหตุใหเ้ กิดทุกข์ ถา้ มีความรู้สึกเปน็ ตัวฉนั ก็จะตอ้ งมคี วามทุกข์ เพราะ ว่าความมีตัวฉันนั้นมันเป็นตัวความทุกข์อยู่เอง มันเป็น การหิ้วหามแบกถือตัวความทุกข์ คือฉัน นั่นแหละไว้ การ แบกถือหวิ้ คือถือตวั ฉัน มันเป็นตวั ความทุกข์ เพราะฉะนัน้ เราจงึ ทำ� ความดบั ทกุ ขใ์ หแ้ กฉ่ นั ไมไ่ ด้ เราทำ� ความดบั ทกุ ขใ์ ห้ แก่จิตได้ มนั ต่างกันถงึ อยา่ งน้ี ขอย้�ำอีกทีหนึ่งในข้อที่ว่า มีใครด่ามา มันถูกท่ีฉัน เท่าน้ันแหละ แตม่ นั ไมถ่ กู ทจี่ ิต นเี้ ปน็ ของแปลก ฉะนน้ั จิต อยู่นอกเหนืออิทธิพลของการด่าหรือของการกระท�ำใด ๆ ก็ตาม ทว่ี า่ จะอยนู่ อกอทิ ธพิ ลของบวกและลบนนั้ มนั คอื สงิ่ ท่ี เรียกวา่  ‘จติ ’ ถา้ เป็น ‘ฉัน’ มนั เขา้ ไปอยู่ภายใต้อทิ ธพิ ลของ บวกหรือลบเสียแลว้ อย่างเต็มที่ แยกแยะกนั ให้ดี ให้เห็นวา่ 13

‘จิตไม่ใชฉ่ นั ฉันไมใ่ ช่จติ ’ อย่างนี้ เม่ือใดความโง่หรอื อปุ าทานว่า ‘ฉัน’ ได้เกิดข้นึ แล้วก็ ครอบง�ำจติ ไล่จิตออกไป ในเวลานน้ั ไม่มจี ติ มแี ตฉ่ นั สมมตุ วิ า่ เราจะเรยี กวา่ Kingdom of Mentality* เปน็ Kingdom** อนั น้ี, บางเวลาจิตแท้ ๆ จิตอิสระแท้ ๆ ครอบ ครอง, บางเวลาความโง่เข้ามา ‘ฉนั ’ เขา้ มาครอบง�ำจติ –คอื ไล่จติ ไป จติ ไม่มี มีฉนั ครอบครองอาณาจักรแทน, แลว้ เร่อื ง มนั กต็ อ้ งตา่ งกันลบิ เม่ือ ‘ฉัน’ ครอบครองระบบของ ‘จิต’ จิตก็ไม่มี, ถ้า ‘จิต’ ครอบครองระบบของ ‘จิต’ ก็ยังมีจิตที่สามารถท่ีจะ อยู่เหนอื อิทธพิ ลของสง่ิ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ ได้ พยายามที่สุด พยายามท่ีสุด ที่จะแยก ‘จิต’ ออก จาก ‘ฉนั ’ หรือแยก ‘ฉนั ’ ออกไปจาก ‘จิต’ ขอให้รู้ว่ามันคนละอย่าง, เมื่อใดฉันมาครอบง�ำจิตก็ เหลือแต่ ‘ฉนั ’ เม่อื ใดจติ ครอบงำ� จติ กเ็ หลอื แต่ ‘จิต’ ท�ำได้ ต่างกัน ทำ� หนา้ ทีไ่ ดต้ ่างกนั มาก * อาณาจักรของจิต ** อาณาจักร 14

เมอื่ มกี ารแพห้ รอื การชนะ เชน่ ในการเลน่ กฬี า เปน็ ตน้ เมอ่ื เลน่ กฬี า กจ็ ะตอ้ งมแี พม้ ชี นะ สง่ิ ทรี่ สู้ กึ วา่ แพห้ รอื ชนะนนั้ คอื ฉัน ไม่ใช่จติ จิตแท้ ๆ ไม่อาจจะรู้สึกว่าแพ้หรือชนะ ต่อเมื่อเป็น จิตโง่ เป็นจิตฉัน ฉัน ฉัน เสียแล้วมันก็จะรู้ว่าแพ้หรือชนะ ดงั นน้ั ‘ฉนั ’ เปน็ ผรู้ สู้ กึ วา่ แพห้ รอื ชนะ นสี้ ง่ิ ทอ่ี ยใู่ ตอ้ ำ� นาจของ positive and negative ก็คือตัวฉนั มใิ ชจ่ ติ เม่ือท่านจะท�ำงานก็ดีจะเล่นกีฬาก็ดี ส่ิงที่ว่าท�ำงาน หรือเล่นกีฬานั้นมันคือตัวฉัน ไม่ใช่จิต แต่ถ้าจะคิดว่าจิต ถา้ ทา่ นจะยงั ถอื วา่ จติ เปน็ เหตใุ หท้ ำ� ตอ้ งรวู้ า่ มนั เปน็ จติ โง่ จติ ทกี่ ลายเปน็ ตัวฉันเสยี แล้ว ฉันทำ� งาน ฉนั เลน่ กีฬา ฉนั ก�ำไร ฉันขาดทนุ ฉันแพ้ ฉนั ชนะ น้ีเป็นเร่ืองของฉนั คอื จติ โง่ ไมใ่ ช่ เปน็ จติ แท ้ ๆ จติ ล้วน ๆ นี้ขอใหแ้ ยกกันใหด้ เี ถอะ ขอย�้ำขอ้ น้ี มากทส่ี ดุ เพอ่ื จะเข้าใจหลักธรรมะชนั้ ลกึ มันมีสิง่ ลึกลบั อยสู่ ่ิงหนึง่ ซงึ่ ท�ำให้ ‘จิต’ กลายเป็น ‘อฉันนั น’ี้เรจาติ เกรลียากยในเปภน็ าฉษนั าธนรต่ี รวั มสะ�ำวค่าญั Uตpวั a_กdารa_สnำ� aคญั (อสุปงิ่ าลทกึ าลนบั ) ขอให้ชว่ ยจำ� คำ� นี้ แม้จะแปลเปน็ attachment หรืออะไร 15

ก็ตาม ยังส้คู �ำบาลีเดิมไมไ่ ด้ attachment มนั มีความหมาย ก�ำกวมUบpาa_งdอaย_n่างa, อุปาทาน, attachment มันท�ำให้จิตมี ความรสู้ กึ วา่ ฉนั เราจะตอ้ งศกึ ษาเรอ่ื งอปุ าทานนก้ี นั ใหเ้ พยี ง พอ แล้วเรากจ็ ะสามารถควบคมุ ความเปน็ จิตหรอื ความเปน็ ฉันไว้ได้ จติ ลว้ น ๆ โดยเหตปุ จั จยั อะไรกย็ ากทจี่ ะกลา่ ว จติ ลว้ น ๆ มันก็มี attachment ถือเอาด้วยความโง่ –attachment attach เหล่าน้ีด้วยความไม่รู้, แล้วมันก็ classify หรือ regard* เองวา่ ฉนั I อปุ าทาน, คือจิตมนั โง่ หรือดว้ ยเหตใุ ด กต็ ามมันถือเอามาสำ� คัญตวั เองไปตามความโง,่ concept** วา่  ‘ฉนั ’ กเ็ กดิ ขนึ้ ความเปน็  ‘จติ ลว้ น ๆ’ กห็ ายไป ความเปน็ ฉนั ก็อยแู่ ทน, นคี่ ือตัวปญั หาทท่ี ำ� ให้เราอยู่ภายใต้ positive and negative ถ้าเราเล่นกีฬาเพ่ือความสนุก เล่นกีฬาเพ่ือสุขภาพ อนามัย ถ้าอย่างนี้ ‘จิต’ เป็นผู้เล่น ถ้าเล่นเพ่ือชนะเพื่อแพ้ * จำ�แนก หรือ ถือ ** ความคดิ รวบยอด 16

อย่างน้ี ‘ฉัน, อปุ าทาน’ เป็นผเู้ ลน่ การเลน่ อยา่ งกฬี า กฬี าลว้ น ๆ มนั กไ็ มเ่ หนด็ เหนอ่ื ยแก่ จิตนกั แตถ่ า้ เลน่ อยา่ งแขง่ ขนั แพ้ชนะด้วยอปุ าทานวา่  ‘ฉนั ’  มนั เหน็ดเหนอื่ ยมาก แม้แตเ่ ล่นกีฬามนั ก็ยงั ต่างกนั อย่างน้ี ถา้ ทา่ นรูจ้ กั แยก ‘เล่นกฬี าดว้ ยจติ ’ กบั ‘เลน่ กีฬาดว้ ย ฉนั ’ เหน็ วา่ มนั ตา่ งกนั อยา่ งไรกจ็ ะดมี าก แลว้ นำ� มาใชเ้ มอ่ื เรา ทำ� งาน ทำ� งานเลีย้ งชพี คือท�ำดว้ ยจติ ท�ำดว้ ยสตปิ ญั ญา ท�ำ ดว้ ยจิตลว้ น ๆ อยา่ ทำ� ดว้ ยฉัน ทำ� ดว้ ยฉนั มนั เปน็ การทำ� ดว้ ยอปุ าทาน การงานชนิ้ เลก็ ทงั้ หลายกจ็ ะเปน็ ของหนกั ทนไมไ่ หวกเ็ ปน็ โรคประสาทบา้ ง เป็นบา้ บา้ ง ทำ� งานดว้ ยตัวฉัน มนั เปน็ อยา่ งน้นั ขอให้ท�ำงาน ด้วยสงิ่ ท่ีเรียกวา่ จิตล้วน ๆ เถอะจะสบายและได้ผลดี ถา้ ทำ� งานดว้ ย ‘จติ ’ เหงอื่ ออกมาเปน็ นำ้� มนต์ เยน็ , ถา้ ทำ� งานดว้ ย ‘ฉนั ’ หรอื กู เหงอื่ ออกมาเปน็ นำ้� รอ้ น แลว้ กร็ อ้ น ขอให้สังเกตว่า ‘ฉัน’ กับ ‘จิต’ ต่างกันอย่างไร ใน หน้าท่ีการงานหรือผลของการงาน ให้เรามีชีวิตเป็นของ ‘จติ ’ (pure mind) อยา่ มีชวี ิตเป็นของ ‘ฉัน’ (ego ethic concept, egoism) เหล่านั้นเลย ฉะน้ันจงมีชีวิตที่เป็น 17

ของจิต แล้วมันจะไม่ตกไปภายใต้อิทธิพลของบวกและลบ ไม่รอ้ น ไม่เปน็ ทกุ ข์ เพราะบวกและลบ ‘จิต’ ล้วน ๆ เป็นของเดิมแท้ตามธรรมชาติ เรียกว่า เช่นนั้นเอง, ส่วน ‘ฉัน’ เป็น new product, newly produce ข้นึ มาเปน็ ฉนั ดว้ ยความโง่ ฉนั เป็นของใหม่ เปน็ ของใหม่ชนิดท่ีน�ำไปหาปัญหา หาความทุกข์ เรารู้จักของ เดิม เชน่ นั้นเอง จติ ลว้ น ๆ น่ะเปน็ ของเดิม เช่นน้ันเอง และ เปน็ ฉนั เปน็ กขู น้ึ มาเปน็ ของใหม่ โดยอวชิ ชาปรงุ ขน้ึ มานเ้ี ตม็ ไปดว้ ยความทกุ ข์ ฉนั กบั จิตไมเ่ หมือนกันอย่างน้ี เราให้ ‘จติ ’ เปน็ ของเดิมตามธรรมชาติ แล้วมันก็เปน็ ไปตามเหตตุ ามปจั จยั , ถา้ มนั มคี วามรทู้ ถี่ กู ตอ้ งและมนั กร็ จู้ กั ปอ้ งกนั เหตปุ จั จยั ไมใ่ ห้ ‘ปรงุ ’ ไปในทางทจ่ี ะเปน็ ‘ตวั ฉนั ’, จติ ท่ีมีความรู้มันจะมีความรู้ป้องกันไม่ให้ถูกปรุงให้เป็นตัวฉัน, มันก็จะเป็นเช่นนั้นเอง ๆ ไปตามเดิม ไปตามธรรมชาติเดิม แท้ ที่บรสิ ุทธ์ิ ฉะนั้น เราจึงตอ้ งมีวิธปี อ้ งกันไมใ่ หจ้ ติ โง่ ปล่อยใหถ้ ูก ปรงุ ถกู ปรงุ , คำ� นอ้ี ธบิ ายยากหนอ่ ย ปรงุ  ๆ ๆ จนเปน็ ฉนั คอื จิตมนั โง่ ไมม่ จี ติ บรสิ ทุ ธิ์ ไมม่ ีจติ เดิมแท้ มแี ต่ตวั ฉนั , ถ้าอย่าง 18

นแี้ ลว้ มนั ผดิ ธรรมชาติ ไมใ่ ชเ่ ชน่ นน้ั เองเสยี แลว้ ไมใ่ ชเ่ ชน่ นน้ั เองเสยี แลว้ มนั กต็ อ้ งเปน็ ไปตามความทกุ ขน์ านาชนดิ รกั ษา ความเป็นเช่นนั้นเอง ๆ ของจิตไว้ให้มากท่ีสุดน้ีเป็นการดี รกั ษาความเปน็ เชน่ นนั้ เองของจติ ไวใ้ หไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ เปน็ การดี ทีนี้เรามาศึกษาสังเกตกันให้ดีเป็นพิเศษ ดีเป็นพิเศษ เพอ่ื ให้รวู้ ่า ‘I’ หรอื ‘ฉนั ’ น้ัน เปน็ new product, newly produce เปน็ new product ใหม่ ๆ สว่ นจติ บริสุทธเ์ิ ปน็ สมบัติเดิม ๆ ศึกษาด้วยเร่ืองของท่านเอง ด้วยเร่ืองของตัว ท่านเอง ให้รูว้ ่า ‘ฉนั ’ หรอื ‘กู’ นม้ี นั new product เม่ือเด็ก ๆ อยู่ในท้องมารดาไม่มีความรู้สึกว่า ‘ฉัน’ พสิ จู นไ์ ด้ทกุ อย่าง เดก็ อยู่ในท้องมารดาไม่มีความรู้สกึ วา่ ฉัน จิตยังเปน็ จติ ล้วน ๆ พอเดก็ คลอดออกมาใหม ่ ๆ กย็ ังไม่มี ‘ฉัน’ ไมร่ ู้สึก ไม่ คิดนึก ไมม่ คี ิดวา่ เปน็ ฉนั ได้ คดิ ไมเ่ ป็น ตอ่ มาอวัยวะ ตา หู จมกู ล้นิ กาย ของเดก็ ก็ทำ� หน้าท่ี ยกตัวอย่างเช่นว่า เขากินนมของมารดาอร่อย เขาก็พอใจ ถ้าเขาไปกนิ อนั อื่นที่เป็นยาหรอื อะไรอนื่ เขาก็ไม่อรอ่ ย เขา กไ็ ม่พอใจ พอมคี วามอร่อย ๆ ๆ นัน่ แหละ ความอร่อยแท้ ๆ 19

ความอรอ่ ยลว้ น ๆ มนั จะสรา้ ง concept วา่ ฉนั อรอ่ ย ดงั นน้ั ‘ฉัน’ หรือ ‘I’ เพิง่ เกิดเดีย๋ วนี้ เพ่ิงเกดิ เด๋ียวนี้ เพ่ิงเกิดทีหลงั ความรสู้ ึกอร่อย ท่ีไม่อร่อยก็เหมือนกัน พอไม่อร่อยลงแล้ว เกิดว่ากู ไม่อร่อย, ‘ฉัน’ กับ ‘ก’ู เพง่ิ เกิดทีหลัง จากความไมอ่ ร่อย positive and negative กย็ อ่ มเกดิ มอี ทิ ธพิ ลเหนอื จติ ใจของ เดก็ ทารกนนั้ เมอ่ื เดก็ ทารกนน้ั มคี วามรสู้ กึ วา่ ฉนั ฉนั ฉนั เสยี แล้ว เขากอ็ ยภู่ ายใตอ้ ิทธพิ ลของ positive and negative เด๋ยี วนี้มาดูใหช้ ัด ๆ ๆ วา่ ‘ฉนั ’ น้ีของใหม่ ของโง่ ของ หลอกลวง ของไม่จริง เพง่ิ เกิด จติ บรสิ ทุ ธ์ิของเดิมแท้ ขอให้ เหน็ ‘ของเพง่ิ เกดิ ’ กบั ‘ของเดมิ แท้’ ชดั อย่างนีก้ ันเสียที 20

บวก ลบ และอิสรภาพ ขอใหส้ งั เกตดวู ่า เด็ก ๆ เขามจี ิตแท้ ๆ จิตล้วน ๆ จิต อย่างเดียวมาแต่ในท้อง พอมาสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ภายนอกใน โลกน้ี เขากเ็ กดิ ความรสู้ กึ ฝา่ ยบวก Positive เมอื่ ถกู ใจหรอื เมอ่ื อรอ่ ย และฝา่ ยลบ Negative เมอื่ ไมถ่ กู ใจไมอ่ รอ่ ย สง่ิ ทั้งสองนกี้ ็ทำ�อันตรายแกเ่ ขา คอื ไมม่ คี วามสงบ ‘I, ฉัน’ ก็ เกดิ ขนึ้  ๆ ๆ จนเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็เห็นมี ‘I’ ลึก, ‘I, ฉนั ’ มันก็มีปัญหา เพราะว่า ‘ฉัน’ มันไป attach good and evil, positive and negative มนั กม็ ปี ญั หาตง้ั ตน้ อยากจะ บอกว่าน่ีคอื ส่ิงทีค่ รสิ เตียนเรียกวา่ original sin บาปตง้ั ต้น discriminate at good and evil แล้วก็อยใู่ ต้ positive 21

and negative มีความทกุ ข์ตลอดมา น่ีคือความจรงิ วา่ ‘ฉัน’ ไม่ใชข่ องเดมิ ‘I’ หรือ ‘ฉนั ’ เปน็ ของโง่ ของใหม่ สรา้ งขนึ้ มา จติ เดมิ ลว้ น ๆ นนั่ แหละเปน็ ของเดมิ เราพยายามมจี ติ เดมิ จะไดไ้ มต่ อ้ งอยภู่ ายใตบ้ วกและ ลบ เราก็จะพน้ ทุกข์ ไม่ตอ้ งอยภู่ ายใตบ้ วกและลบ เหมอื นอาดมั กบั อฟี เมอ่ื พระเจา้ สรา้ งเขาขนึ้ มาใหม่ ๆ เขามจี ติ บรสิ ทุ ธิ์ โดยทไ่ี มไ่ ดก้ นิ ผลไมต้ น้ ทพ่ี ระเจา้ หา้ มวา่ อยา่ กนิ ตอ่ มาอาดมั กบั อฟี ไปกนิ ทำ� ใหร้ ู้ good and evil มนั กเ็ ลย โง่ มันก็มี ‘ฉนั , I’ มี conception of I, of mine, egoism เกิดข้ึน อาดมั กบั อีฟก็ต้องเปน็ ทกุ ข์ เด็กทารกเม่ืออยูใ่ นครรภ์หรือเกดิ มาใหม่ ๆ ยังเหมอื น กับอาดัมกับอีฟท่ียังไม่ได้กินผลไม้ต้นนั้น ต่อมาไม่เท่าไร ทารกน้นั ก็กนิ ผลไม้ รูจ้ ักดี รู้จักช่วั รจู้ ักอร่อย รู้จักไมอ่ รอ่ ย มันก็มีตัวฉัน แล้วมันก็มีความทุกข์ เป็นบาปตั้งต้นข้ึนมา อย่างนี้ นขี่ อใหแ้ ปลความหมายคำ� ภรี ไ์ บเบลิ้ วา่ มนั เปน็ อยา่ งนี้ ทเี่ รากำ� ลงั พดู นจ่ี ติ เดมิ มนั บรสิ ทุ ธิ์ ตอ่ มามนั โง่ discriminate good and evil แลว้ มนั กม็ ีปญั หาเร่อื ง good and evil 22

เรื่อยมาจนกระทั่งบัดน้ี, แล้ว attach ฝ่าย good ฝ่าย positive มากเกนิ ไป จนเปน็ บา้ , ทีแรกอดมั กับอีฟเขาไมม่ ี ทีน้ีมันยังมีโชคดี โชคดีท่ีสุดที่เรายังไม่ได้รับ โชคดี ท่ีเรายังไม่ได้รับ ก็คือ อย่างที่ข้อความใน Book of Revelation กล่าวไวว้ ่า มีตน้ ไมอ้ ีกตน้ ไมต้ า่ งหาก ตน้ ไม้อกี ต้นต่างหาก Tree of Life นต้ี น้ ไมท้ ่สี อง ตน้ ไมท้ ีห่ นึ่ง Tree of Knowledge of Good and Evil น้บี ้า, กนิ เข้าไปแลว้ ถือของคู่ แตม่ ี Tree of Life กนิ เข้าแลว้ ไปแล้วอิทธิพลของตน้ ไมต้ ้นแรกมนั หมด แตเ่ ราก็ กนิ ไม่ได้ เพราะว่าพระเจา้ ปอ้ งกนั ไว้มากมายหลายช้ันเหลอื เกนิ ด้วยอาวุธ ดว้ ยทหาร ด้วยอะไร ใครเข้าไปถึงไม่ได้ เลย ไม่ไดก้ ิน เราไมไ่ ดก้ นิ ผลของต้นไม้ต้นที่สอง เราก็มี original sin มาจนบดั นี้ เด๋ยี วนี้เราควรจะแสวงหาต้นไมต้ ้นทส่ี อง Tree of Life, Tree of Eternal Life ให้พบ แลว้ เรากจ็ ะไดก้ นิ ผล แลว้ กจ็ ะไดพ้ น้ จากอทิ ธพิ ลของ positive and negative ซง่ึ เปน็ ผลของการกนิ ต้นไมต้ น้ ที่หน่งึ ขอใหส้ นใจ เรากำ� ลงั มโี ชคดที ย่ี งั ไมไ่ ดร้ บั โชคดที ยี่ งั ไม่ 23

ไดร้ บั เดย๋ี วนโี้ อกาสนนั้ มาถงึ แลว้ โชคดที เี่ รายงั ไมไ่ ดร้ บั นน้ั มี โอกาสทจี่ ะไดร้ บั แลว้ เดยี๋ วน้ี ถา้ ทา่ นตอ้ งการ ถา้ ทา่ นตอ้ งการ จะมีต้นไม้ต้นที่สอง Tree of Eternal Life มาให้กินผล ถ้าท่านต้องการ สิ่งน้ันคือผลของการปฏิบัติอานาปานสติ ภาวนา อานาปานสติภาวนาจะท�ำให้จิตกลับบริสุทธิ์อย่าง เดมิ ไม่เปน็ ฉันท่ีโง่เขลา แลว้ กจ็ ะหมดบาปของการกินผลไม้ ต้นที่หนึ่ง เพราะได้กินผลไม้ของต้นไม้ต้นที่สอง Tree of Eternal Life การกินน้ันคือการปฏิบัติอานาปานสติให้ถึง ที่สดุ จนถงึ หลดุ พ้นจากความโง่ หลุดพน้ จากอุปาทาน หลุด พน้ จากของหลอกลวงทีเ่ กดิ ขน้ึ มาใหม่ ๆ โอกาสมาถึงแล้ว ถา้ ทา่ นตอ้ งการ ขอใหส้ นใจ เมื่อเรายังอยู่ใต้อิทธิพลของต้นไม้ต้นท่ีหนึ่งเราก็ ไม่ชอบ ไม่ชอบความเป็นอิสระจากอิทธิพลของ positive and negative ต่อเมื่อเราได้กินผลไม้ต้นท่ีสอง เราจะชอบ เพราะ ฉะนนั้ อาตมาจงึ พดู วา่ จะพดู ถงึ สงิ่ ทท่ี า่ นอาจจะไมช่ อบ เดยี๋ ว นไี้ มช่ อบ แลว้ ทหี ลงั ทา่ นอาจจะชอบ เดย๋ี วนไ้ี มช่ อบ แตท่ หี ลงั 24

อาจจะชอบ เมอื่ หลายปมี าแลว้ หลายสบิ ปไี มใ่ ชห่ ลายปี หลายสบิ ปี รอ้ งเพลงเพลงหนง่ึ ชอ่ื Rio Rita เขา้ ใจวา่ ผทู้ ม่ี อี ายมุ ากคงจะ เคยร้องก็ได้ ในเพลงนัน้ มีเนื้อความตอนหน่งึ ว่า Rio Rita, Is one day your lips will say ‘I love you!’ กอ่ นนไี้ มร่ กั กอ่ นนไี้ มร่ กั จะมสี กั วนั หนง่ึ ทท่ี า่ นจะตอ้ งรกั เดย๋ี วนท้ี า่ นไมร่ กั ชวี ิตอยเู่ หนือ positive and negative แลว้ มนั จะมีสักวัน หนง่ึ ทที่ า่ นจะตอ้ งรกั แลว้ กต็ อ้ งการจะหลดุ พน้ จาก original sin สักวันหนึ่งท่านจะพูดว่า ‘ฉันชอบและฉันรักชีวิตเหนือ positive and negative’ นีเ่ ร่อื งทเี่ ราพูดวันนี้ว่า ส่งิ ท่ที า่ น อาจจะไม่ชอบในวันนี้ แต่ทา่ นอาจจะชอบในวันหนา้ ขอยตุ กิ ารบรรยายในวันนี้ เพยี งเท่าน.ี้ 25

ชวี ติ ใหม่ในทีน่ ้กี ็หมายความว่า ชวี ติ ที่ไม่มีปญั หาย่งุ ยาก

ชีวติ ใหมก่ ับอานาปานสติภาวนา จะพดู โดยหวั ขอ้ วา่ ‘ชีวิตใหม่กับอานาปานสติภาวนา เกี่ยวข้องกันอย่างไร’ อย่าได้เข้าใจอย่างตื่นเต้นเป็นของ พิเศษนอกเหนือธรรมดาอะไรนัก เพียงแต่ว่ามันดีกว่าชีวิต แบบท่ีเราก�ำลังมีอยู่ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหา เพราะฉะน้ันชีวิต ใหม่ในที่น้ีก็หมายความว่า ชีวิตที่มันไม่มีปัญหายุ่งยาก นั่นเอง ชวี ติ ตามธรรมดามปี ญั หานบั ไมไ่ หว โดยธรรมชาตกิ ม็ ี ปญั หาเรอื่ งเกดิ แก่ เจบ็ ตาย เรอื่ งทกุ อยา่ งมนั ไมเ่ ปน็ ไปตาม ทเ่ี ราตอ้ งการ แลว้ ปญั หาทว่ี า่ เราอยใู่ นสงั คมทม่ี นั มปี ญั หายงุ่ ยากมากเหมอื นกบั อยรู่ ว่ มกบั คนบา้ ในโลกนี้ มนั จงึ มสี ง่ิ ทเี่ ขา้ มากระทบเราเปน็ สขุ เป็นทุกขม์ ากเหลอื เกิน นเี้ รยี กว่า ชวี ิต 27

ธรรมดาน้ันมนั เตม็ ไปดว้ ยปญั หา ปัญหาข้อแรก มันข้ึนอยู่กับคำ� พูดท่เี ราใช้ ทเี่ ราใชม้ นั ไมต่ รงกนั ตวั อยา่ งเชน่ คำ� วา่ ‘ความสขุ ’ ความสขุ ไมร่ จู้ ะเรยี ก กันว่าอะไรได้แน่ เรียกกันว่าความสุข ในระบบชีวิตเก่ามัน ก็เป็นอย่างหนึ่ง ในชีวิตใหม่มันก็ต้องเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ เราไม่รู้ไมเ่ ขา้ ใจ เพราะคำ� วา่ ความสขุ น้มี ันก�ำกวม จะต้อง ทำ� ความเขา้ ใจกนั ในเรอ่ื งนเ้ี ปน็ ขอ้ แรก ส�ำหรบั ค�ำว่า ความ สุข ความสุขในภาษาธรรมดา ตามแบบชวี ติ เก่ากค็ ือ สง่ิ ท่ที ่านรจู้ ักหรือเรียกมันวา่ ความสขุ , happiness หรืออะไร ก็สดุ แท้ ความสุขในความหมายใหม่ ของระบบชีวิตใหม่ ความสุขน้ันอย่เู หนือความสขุ มันอยเู่ หนือความสขุ จะเปน็ ไมส่ ขุ และไมท่ กุ ข์ มนั กเ็ ลยตา่ งกนั มากถงึ อยา่ งนี้ เพราะฉะนน้ั จะต้องทำ� ความเขา้ ใจกนั ในเรอ่ื งนเี้ ปน็ ข้อแรก ความสขุ ในภาษาธรรมดาเปน็ คตู่ รงกนั ขา้ มกบั ความ ทกุ ข์ มนั ก็เลยเป็น pair opposite* สุขและทกุ ขเ์ ปน็ คูก่ นั * คตู่ รงขา้ ม 28

ความสุขอย่างน้ีไม่ใช่ความสุขท่ีแท้จริง ต้องเป็นความสุข ที่อยู่เหนือนั่น เหนือสุขและเหนือทุกข์ คือไม่มีปัญหาโดย ประการท้ังปวง ขอให้เราสนใจท�ำความเข้าใจความหมายของค�ำว่า เหนอื สุขและเหนือทกุ ข์น้ีให้เป็นท่ีเขา้ ใจเถอะ แลว้ จะเข้าใจ พุทธศาสนา ค�ำพูดในพทุ ธศาสนาทีใ่ ช้อยูม่ ีความลำ� บากเหมือนกัน พดู ว่า ‘ความสขุ ’ เปน็ อยา่ งน้ี ๆ และ ‘เหนอื ความสขุ ’ ขนึ้ ไปอีกก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร ก็ยังต้องเรียกว่าความสุข อย่นู ้ันเอง อย่างดีที่สุดกเ็ ตมิ เขา้ ไปวา่ ‘ความสขุ ทสี่ ุด, อย่าง ย่งิ , at most supreme’ ทำ� นองนนั้ แตก่ ย็ ังเรยี กวา่ ความ สุข ความสุข เพราะฉะนัน้ ค�ำวา่ ความสุขนี้เป็นปญั หา ถา้ จะพดู ตามธรรมดาเรยี กวา่ ความสขุ แตถ่ า้ พดู อยา่ ง ถูกต้องว่า เหนือ เหนือ เหนือความสุข ความสุขที่เหนือ ความสขุ นต่ี ้องเขา้ ใจข้อนี้ ปญั หามันก็มอี ยตู่ รงทีว่ ่า แม้เรา จะเรียกว่าความสุขที่สูงสุด มันก็ยังมีความหมายอย่างเดิม ผู้ฟังเขาก็ให้ความหมาย ให้คุณค่าอย่างเดิมกับความสุขน่ัน แหละ เลยเปน็ เหตใุ หไ้ มร่ จู้ กั ความสขุ ทเี่ หนอื ความสขุ นเ่ี ปน็ 29

สง่ิ ท่ตี ้องสนใจ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ในการที่จะ discriminate* จาก กันว่าถ้ามันเป็นความสุขที่มันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดม่ัน attachment หรอื thinking อะไรกต็ าม ถา้ มนั เปน็ ทตี่ ง้ั แหง่ ความยึดมน่ั เรียกว่า ‘ความสุข’ ภาษาธรรมดา มคี วามสขุ ชนดิ หนงึ่ ไมเ่ ปน็ ทต่ี งั้ แหง่ ความยดึ มนั่ มนั ไม่มีความหมายจะเป็นท่ีตั้งแห่งความยึดมั่น เอามาเป็น ตัวเราหรือเป็นของเราอย่างนี้ นี่ ‘ความสุขที่แท้จริง’ ที่ เราก�ำลังจะพดู ถึง ซง่ึ เปน็ ความสุขของชวี ิตใหม่ ขอใหศ้ ึกษา ศกึ ษาจนเห็นจรงิ เหน็ ชดั * เหน็ ความแตกต่าง 30

ชวี ติ ท่ไี มม่ ี Attachment น่ันคือชวี ิตใหม่ ตามหลักธรรมะที่มีอยู่ว่า ‘ความทุกข์’ ความทุกข์ใน ความหมายทถ่ี กู ตอ้ งนน้ั มนั เกดิ มาจากความยดึ มนั่ ถอื มนั่ หรอื attachment น่ันเอง ดังน้นั แมเ้ ราจะ attach* ในความสขุ มันก็กลายเป็นความทกุ ข,์ attach ในความดีมันก็กลายเป็น ความทุกข์, attach ในความไม่มีทุกข์มันก็กลายเป็นความ ทุกข์, มัน attach ที่ไหนท่ีน่ันจะกลายเป็นท่ีตั้งแห่งความ ทกุ ขไ์ ปท้ังหมด เรารู้ว่า attach ไม่ได้, เป็นความทุกข์เสมอ, เรา ตอ้ งการความสขุ ทไี่ ม่มี attach ทไี่ มม่ ี attachment** ขอ * ยดึ ถอื ** ความยึดมนั่ ถอื ม่นั 31

ใหเ้ ข้าใจความหมายของคำ� ว่า attachment คอื เปน็ การที่ ไปจับเอาไว้ จบั ถอื เอาไว้ ท่านท้ังหลายก็เข้าใจได้ว่า เราจะถือก้อนหิน มันก็ หนกั และเปน็ ทกุ ข์ แมเ้ ราจะถอื เพชรพลอยทม่ี คี า่ มากทส่ี ดุ มันก็หนักและเป็นทุกข์ ก้อนหินและเพชรพลอยจะต่างกัน กต็ ามใจ แตถ่ า้ ถือเอาไว้แล้วมนั ก็หนักและเปน็ ทุกข์ เราจงึ ถอื วา่ ความทกุ ขเ์ กดิ มาจากความยดึ ถอื ยดึ มนั่ ถอื มนั่ , ชวี ติ ใหม่ เราตอ้ งการความสขุ ทไ่ี มม่ ี attachment ที่ ไมม่ กี ารยดึ มนั่ ถอื มนั่ , เราถงึ จะแยกความสขุ ชนดิ ทม่ี คี วามยดึ ม่นั ถอื มั่นกบั ความสขุ ที่ไมม่ ีความยึดม่ันถือม่ัน ซ่ึงเป็นความ สขุ ทแี่ ทจ้ รงิ ทเ่ี ราไดม้ าแลว้ เราจะเรยี กวา่ ‘ชวี ติ ใหม’่ มคี วาม สขุ ทไ่ี มเ่ ปน็ ของหนกั ความสขุ ทไี่ มเ่ ปน็ burden of Life* อกี ต่อไป ชวี ิตใหมม่ คี วามหมายอย่างนี้ ทนี ้กี ็มาดูท่ีสง่ิ ทีเ่ ราเรยี กว่า ‘ชีวติ ’ ถ้าเรา attach ชีวติ วา่ ‘เปน็ ตวั เรา เปน็ ของเรา’ ชวี ติ นน้ั กเ็ ปน็ ของหนกั มนั กเ็ ปน็ ของหนกั ข้ึนมาในตวั ชวี ิต ดังน้นั เราตอ้ งการชวี ิตชนดิ ทีไ่ ม่ได้มี attach วา่ เป็น * ภาระของชีวิต 32

ตัวเราว่าเป็นของเรา คือเราไม่ได้หิ้ว หิ้วถืออะไรไว้ ไม่ว่า เพชรพลอยหรือก้อนหิน เราไม่ attach ข้นึ มา ชีวติ ดี ชวี ติ ชวั่ กต็ าม เราไม่ attach ขน้ึ มาวา่ เปน็ ตวั เรา หรอื เปน็ ของเรา เราจงึ มีชวี ิตท่ไี มม่ ี attachment น่ันคือ ‘ชีวติ ใหม่’ ทีน้ีปัญหามันก็มีอยู่ว่า พอมีใครมาบอกว่า เรามีชีวิต ท่ไี ม่ attach ว่าเปน็ เรา หรือเป็นของเรา ท่านก็คดิ วา่ มัน เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ ชีวิตที่ไม่ attach เป็นเราเป็นของเรา มันเป็นส่ิงที่เป็นไปไม่ได้ และ ท่านก็ไม่สนใจ ทา่ นกไ็ มส่ นใจ มันกไ็ มพ่ บกบั ชวี ิตใหม่ท่ไี มม่ ี attachment เราจะตอ้ งลอง จะตอ้ งศกึ ษา จะตอ้ งพยายามทำ� ความ เขา้ ใจ พยายามลองปฏบิ ตั ดิ ู ใหม้ ชี วี ติ ทไ่ี มม่ คี วามยดึ มน่ั ถอื มนั่ นเ่ี ราจะเรยี กมนั วา่ อยเู่ หนอื ดี เหนอื ชวั่ , เหนอื positiveness เหนอื negativeness, เหนือ pair of opposite ทกุ คู่ ทุกคู่ ทกุ คู่ นค่ี อื ชีวติ ท่เี ป็นไปได้โดยการปฏิบตั ติ ามหลกั พระพทุ ธ ศาสนา แต่คนโดยมากในโลกจะไมย่ อมเชอื่ วา่ มันเปน็ ไปได้ มนั มปี ญั หาส�ำคญั ทว่ี า่ ถา้ ไป attach แลว้ มนั กม็ คี วาม ทกุ ข์ ขอใหช้ ว่ ยจำ� คำ� นส้ี นั้  ๆ วา่ ถา้ attach แลว้ กจ็ ะมคี วาม 33

ทุกข์ เราไป attach ชวี ิตทดี่ ี มนั กก็ ัดเอา, attach ชีวติ ท่ี ชั่ว มันก็กัดเอา, ท้ังชั่วและท้ังดีมันกัดเอา เพราะฉะนั้นจึง attach ไมไ่ ด้ อยา่ ลืมวา่ ‘ถอื ก้อนหนิ กห็ นัก ถอื เพชรพลอยกห็ นัก’ คือมันจงึ กัดเอาท้งั สองอยา่ ง ทนี เ้ี ราจะไมใ่ หม้ ันกดั เรากไ็ ม่ attach มันก็ไม่มาเป็น burden of life กเ็ ลยเป็นชีวิตใหม่ มคี วามหมายวา่ Free ที่สุด อสิ ระท่ีสุด ว่างที่สุด เหนือส่ิง ทั้งปวงทส่ี ุด ถา้ ทา่ นเปน็ ครสิ เตยี นทด่ี ี ทแ่ี ทจ้ รงิ ทา่ นกจ็ ะไมม่ ปี ญั หา เร่อื งความทกุ ข์ เดี๋ยวนหี้ าไม่พบคริสเตยี นที่แทจ้ รงิ หรือท่ดี ี ในคัมภรี ์ไบเบลิ้ นัน้ เอง พระเจา้ สง่ั เปน็ ประโยคเดียว ทีเดยี ว ครั้งเดยี ว “Do not attach to good and evil” (ไม่ยึด มัน่ ในดีและช่วั ) ทเ่ี ปน็ ประโยคยาวๆ วา่ ‘Do not eat the fruit of the Tree of Knowledge of Good and Evil’ (อยา่ กนิ ผล​ของ​ตน้ ‍ไม​้แห่ง​การ​ร้​ูถงึ ​ความ​ดี​และ​ความ​ชวั่ ​) นน่ั คอื หมายความไมใ่ หเ้ ขา้ ไปอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของ good and evil* ถา้ เราไม่มคี วามโงไ่ ป attach good and evil เราก็ * ดีและชัว่ 34

ไม่มีความทุกข์ นี่เป็นคริสเตียนที่แท้ท่ีจริงท่ีดี ถ้าท่านเป็น ครสิ เตยี นทดี่ ที แี่ ทท้ จ่ี รงิ ทา่ นกจ็ ะอยเู่ หนอื อทิ ธพิ ลของ good and evil เดี๋ยวนเี้ ราหาครสิ เตียนชนดิ นไี้ มพ่ บ ขอให้สนใจวา่ God ส่งั ครง้ั เดยี วเท่าน้นั single time และกป็ ระโยคเดยี วเทา่ นั้น single sentence เดยี๋ วนเี้ ท่าน้ี ก็ไม่มีใครถือ ก็เลยไม่มีคริสเตียนท่ีถูกต้องหรือที่ดี มีแต่ attach นั่นนี้ attach evil attach good and bad ไมเ่ ป็น คริสเตียนได้เลย จึงว่าเราหาไม่พบคริสเตียนท่ีดีที่แท้จริง ถ้าหาพบก็คอื พบชวี ติ ใหมท่ น่ี ่นั ถา้ ทา่ นคดิ ว่า God คอื utmost goodness, utmost good มันจะผดิ กบั ท่ี God ส่ังวา่ อยา่ attach to good and evil ถ้าท่านไป regard God ว่าเปน็ utmost goodness มันก็จะผิดจากที่ God ต้องการ คือไม่ attach good and evil คริสเตียนท่ีแท้จริงท่ีถูกต้อง ยังไม่มีเพราะเหตุน้ี ถา้ ท่านไม่มี attachment good and evil แล้ว ท่านก็จะ เปน็ คริสเตยี นท่ดี ที ่ถี กู ต้อง ท่านกจ็ ะเปน็ พทุ ธบรษิ ัทที่ดีที่ถูก ต้อง จะเปน็ มุสลมิ ท่ดี ีท่ถี กู ต้อง เป็นฮินดูทดี่ ที ี่ถูกต้อง เป็นที่ ดที ถ่ี กู ตอ้ งของทกุ ๆ ศาสนาโดยหวั ใจ เดย๋ี วนเี้ ราไมเ่ ปน็ อยา่ ง 35

นั้นเลย เรา attach บางที attach พระเจ้าเสียเอง มันก็ กลายเป็นทุกข์ข้ึนมา เพราะ attach แม้ในพระเจ้า ต้อง ไม่ attach ในความดีทกุ อยา่ งท่ีชวนให ้ attach ขอให้จ�ำว่าถ้าไม่ attach ในสิ่งใดจะเป็นศาสนิกชน ที่ดที ถ่ี ูกตอ้ งของทุกๆ ศาสนาเลย ในคราวเดียวกนั   ดงั นนั้ การทไ่ี มม่  ี attachment ในสง่ิ ใด ไม่ attachment ในส่ิงใด แม้ในชีวิตนั้นเองก็ไม่ attachment นั่นแหละคือ ชีวิตใหม่ ขอย�้ำอยู่ตรงนี้ว่า ชีวิตที่ไม่มี attachment ใน ส่งิ ใดนนั้ คือชวี ิตใหม ่ 36

ปฏบิ ัติอานาปานสติ ชว่ ยให้ได้ชีวติ ใหม่ ทนี มี้ นั กม็ ปี ญั หาอยวู่ า่ ทา่ นจะตอ้ งการหรอื ไม ่ ทา่ นจะ ตอ้ งการมนั หรือไม ่ ถ้าต้องการเราก็พูดกนั ตอ่ ไปไดว้ ่า การ ปฏบิ ัตอิ านาปานสติจะชว่ ยใหไ้ ด้ชวี ติ ใหม ่ ใจความส�ำคัญที่สุดของอานาปานสติคือเอาทุกๆ สิ่งมาดู มาดู มาดู จน realize* ว่า ไม่มีอะไรท่ีควร attach ไมม่ ีอะไรทคี่ วร attach ไมม่ ีอะไรสกั อย่างเดียวที่ ควร attach แล้วมันกไ็ ม ่ attach มนั ก็เปน็ ชีวิตใหม่ พวกฮิปป้ไี ปเทยี่ วแสวงหาชวี ิตใหม่ เคยพบไหม แล้ว พบว่าอย่างไร สมัยก่อนหรือเดี๋ยวน้ีก็ได้ แฮปปี้ (Happy) คอื บ้าดี เมาดี หลงดี แฮปปีใ้ นความหมายของ Happy ท่ี * ตระหนกั 37

เขาเทย่ี วแสวงหาของใหม่ กบ็ ้าดี เมาดี หลงดี จึงไม่มที างท่ี จะพบชวี ิตใหม่  อานาปานสติน้ันน�ำเอามาทุกสิ่งทั้งหมด ไม่ยกเว้น อะไร แตเ่ ราเอามาสรปุ เปน็ หวั ขอ้ เปน็ ๔ หมวด (4 subject) ๔ หมวดนรี้ วมทุกสง่ิ ในสากลจักรวาล ทกุ สง่ิ เอามาดแู ล้วจะ เหน็ วา่ ไมม่ ีอะไรทค่ี วรยดึ มน่ั ถอื มั่น  หมวดท่ี ๑ ก็คือเอาชีวิตนั่นเอง ร่างกายนี้ก็ดี ลม หายใจท่ีหล่อเล้ียงร่างกายก็ดี รวมกันแล้วก็คือชีวิตหรือส่ิง ท่หี ลอ่ เล้ยี งชวี ิต เอามาดู เห็นโอ้มันเป็นธรรมชาติตามธรรมดา ตาม ธรรมชาตติ ามธรรมดาไมม่ สี ว่ นทจ่ี ะเปน็ ตวั ตน ไมม่ สี ว่ นไหน ทจ่ี ะควรยดึ วา่ เปน็ ตวั ตน ถ้าเราดไู ปตามวิธีดขู องอานาปาน สติ เห็นไมเ่ ทยี่ ง เป็นทุกข์ เปน็ อนัตตา เปน็ ต้น ชีวติ ฝา่ ยวัตถุ ทง้ั หลายไมม่ สี ว่ นทคี่ วรยดึ ถอื ไมน่ า่ ยดึ ถอื นชี่ วี ติ ไมน่ า่ ยดึ ถอื   ทนี่ ้ี หมวดที่ ๒ ทเ่ี รียกว่า เวทนา เวทนา ค�ำนี้ส�ำคัญมากท่ีเรียกเป็นบาลีว่า เวทนา 38

เวทนาเรียกเป็นอังกฤษว่าอย่างไรก็ยังไม่รู้แน่ สิ่งที่เรียกว่า เวทนาน่ีมันบังคับเราให้เกิดความคิด ความนึก และการ กระทำ� ความคิด ความนึก ความต้องการ และการกระท�ำ ทั้งหลาย มนั เปน็ ไปตามอ�ำนาจของเวทนา เป็นสขุ บ้าง เปน็ ทุกข์บ้าง ไม่ทุกข์ไม่สุขบ้าง มันท�ำให้เกิดความคิดอย่างน้ัน อย่างนี้ ถ้าเป็นสุขก็คิดท่ีจะเอาจะได้ ถ้าเป็นทุกข์ก็คิดที่จะ ท�ำลาย ถ้ายังไม่รู้ว่าสุขหรือทุกข์แน่ ก็ยังสงสัย วนเวียน พวั พันยึดมน่ั อยู่ เวทนาเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ปญั หานานาชนดิ นบั ตงั้ แตว่ า่ ให้ เกดิ ตัณหา desire ยึดมั่น attachment เรือ่ ยๆ ไป ถ้าเรา ไมม่ ีเวทนา ไม่เกดิ ตณั หา ไม่เกดิ  attachment ดังนนั้ จึงเอา เวทนาทงั้ หลายท้งั ปวงมาดู ดู ดูหมดทกุ เวลา โอ้ ไมม่ ี ไม่มี สว่ นทีค่ วรยึดม่ันวา่ ตวั ตนว่าของตน สำ� คญั มากข้อนี้ อานาปานสตหิ มวดท่ี๒ความหมายของPositiveness* และ Negativeness** มาจากเวทนา เวทนาท�ำใหเ้ กดิ ความ * สขุ เวทนา ** ทุกขเวทนา 39

หมายข้ึนมาว่าเป็น Positive หรือเป็น Negative ถ้าไม่มี เวทนาแลว้ ความรสู้ กึ อนั นไ้ี มเ่ กดิ แลว้ ยงั มใี หเ้ กดิ ความหมาย ต่อไปเปน็ ค่อู น่ื ๆ ว่าเปน็ optimist* หรือเปน็ pessimism** มันก็มมี ลู มาจากเวทนา เวทนานสี้ รา้ งปญั หา คอื ทำ� ใหเ้ กดิ ความยดึ มนั่ ถอื มนั่ ใน ทส่ี ุด มาศึกษาใหร้ ู้ จนมนั หมดความหมายทจ่ี ะท�ำอันตราย เรา  Positiveness กเ็ ปน็ ทตี่ งั้ แหง่ ความยดึ มน่ั ถอื มน่ั แลว้ ก็ ทำ� ใหเ้ ราหลงรกั มนั เปน็ ทาส, Negativeness กเ็ ปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความยึดมั่นถือม่ัน ที่ท�ำให้เราเกลียดมัน มีศัตรูขึ้นมา มี ปญั หาขน้ึ มา ดังนัน้ จึงไม่ควรยดึ มัน่ ถือม่นั ทง้ั ท่ีเปน็  positive และ ท้งั ทีเ่ ป็น negative เราต้องร้คู วามหมายของเวทนาอยา่ งนี้ อย่างนี้ แล้วเรากจ็ ะไม่อยู่ภายใตอ้ ทิ ธพิ ลของเวทนา ขอให้รู้จักเวทนาให้ดีท่ีสุดจะหมดปัญหา สุขเวทนา ท�ำให้เราตกเป็นทาสของมัน น้ีเห็นได้ง่าย ส่วนทุกขเวนา * ผูม้ องแงด่ ี ** ผมู้ องแง่ร้าย 40

หรือ negativeness ท�ำให้เราเป็นทาสของมัน แต่เห็นได้ ยาก มันท�ำให้เป็นทาส เป็นทาสของทุกข์​ ของ negative คอื ตอ้ งมีปัญหา ตอ้ งจัดการ ต้องเปน็ ทุกข์ ต้องร้องไห้ ต้อง ท�ำให้เปน็ ทาสโดยเท่ากัน ถา้ ใชค้ วามหมายของคำ� ว่าตกเป็นทาส มนั enslave* เทา่ กันทัง้ ๒ ฝ่าย ท้ังฝ่าย positive และ negative จงรจู้ กั ส่ิงท่ีเรียกว่าเวทนาน่ี ส่ิงท่ีเรียกว่าเวทนาให้ดีท่ีสุด จนเรา ไม่ตกเปน็ ทาสของมนั อีกต่อไป  การท่ีไม่ตกเป็นทาสของเวทนาใดๆ โดยประการท้ัง ปวงนน้ั คือชวี ิตใหม ่ นีเ่ รียกว่าอานาปานสติขอ้ ที่ ๒ ช่วยให้ เราได้ชวี ิตใหม ่ ทีนีก้ ็มาถงึ อานาปานสติ หมวดท่ี ๓ ร้จู กั ส่งิ ที่เรียกวา่ จิต ไม่โง่ ไม่หลง ว่าจติ เป็นตวั ตนหรือเป็นของตน เป็นทาส ตามธรรมชาติ ปรุงแต่งตามธรรมชาติ จนมนั เกิดความร้สู ึก วา่ เปน็ ตัวเป็นตนด้วยความโง่ ดว้ ยความโง่ของจติ นนั้ เอง ให้เรารจู้ กั สง่ิ ทเ่ี รยี กว่าจติ ในลกั ษณะอย่างนี้แลว้ ก็จะ * ผกู มดั 41

ไม่ยึดม่ันจิตโดยความเป็นตัวตนของตน ก็เป็นความรู้ใหม่ เป็นชีวติ ใหม่ ด้วยเหมือนกนั   ในพุทธศาสนาไม่มี permanent self* หรือ permanent soul** ไม่มี มีแต่จิตธาตุตามธรรมชาติ เปล่ียนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับจิต ถ้าเรารู้เร่ืองจิตว่าเป็นอย่างนี้ เราจะควบคุมจิตได้ เราจะ จัดการให้จิตรู้ enlightened ข้ึนมาได้ เราก็จะไม่มีปัญหา ใดๆ เราจะทำ� ถูกต้องทกุ สิ่งทุกอย่างโดยท่มี จี ติ ชนดิ น้ี เราสามารถ ‘บงั คบั จติ ’ หรอื ‘ใชจ้ ติ ’ ใหเ้ ปน็ ไปไดต้ าม ท่ีเราต้องการ ตามหลกั อานาปานสติ เราจะท�ำให้ปราโมทย์ บันเทิงเป็นสุขเดี๋ยวน้ี เด๋ียวนี้ทันทีก็ได้ หรือเราจะท�ำให้มัน หยุดนงิ่ วา่ ง เดี๋ยวน้กี ไ็ ด้ และทสี่ ำ� คัญทีส่ ุดกค็ ือเราท�ำให้มัน ปลอ่ ย ปล่อย ปลอ่ ย ไม ่ attach ในสง่ิ ใด, ไม ่ attach ในสงิ่ ใดอยา่ งนีก้ ไ็ ด้ นีเ่ ราเรียกว่ามี ‘อำ� นาจเหนือจิต’ สามารถจะ ทำ� ปญั หาใหห้ มดไป หมดปญั หาเกย่ี วกบั จติ เรากไ็ มม่ ปี ญั หา เก่ยี วกบั จิต เรากม็ ีชีวิตใหม่  * ตัวตนถาวร ** จติ วิญญาณถาวร 42

ทนี ีก้ ็มาถงึ หมวดท่ี ๔ หมวดสุดทา้ ย เรียกว่า ร้เู รื่อง สิ่งทั้งปวง ส่ิงทั้งปวง ค�ำน้ีอาจจะเข้าใจยากส�ำหรับท่าน ทงั้ หลายกไ็ ด้ ภาษาบาลีใชค้ ำ� ว่า ‘ธรรม’ ‘ธรรมะ’ ธรรมะแปลว่าส่ิงและก็ทั้งปวงจริงๆ เรียก เปน็ ภาษาบาลียุง่ ๆ วา่ สงั ขตะ อสังขตะ มปี จั จยั ปรุง ไมม่ ี ปัจจัยปรุง แต่อยากจะขอร้องให้ท่านท้ังหลายสนใจค�ำที่ เป็นภาษาของท่านเองอยู่แล้วว่า มันมีอยู่ ๒ ค�ำ คือค�ำว่า phenomenon มีปัจจัยปรุง และมีอีกค�ำหนึ่งซ่ึงท่านจะรู้ หรือไม่รู้ก็ไม่ทราบ ท่ีได้ยินเรียกกันว่า noumenon (not phenomena) ไม่มีเหตุไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง แล้วมันก็ตรง ข้ามกับ phenomena หมดทั้งปวง phenomena or noumenon นน้ั แหละเรยี กวา่ ‘สง่ิ ทัง้ ปวง’ ทีน้เี รากไ็ ดค้ วามว่า ‘all things’ all thing ทงั้ หมด จรงิ ๆ จะเปน็ phenomena หรอื noumenon กต็ ามมนั เปน็ สกั วา่ ธาตตุ ามธรรมชาติ ธาตตุ ามธรรมชาติ ไมเ่ ปน็  ‘เรา’ ไม่เป็น ‘ของเรา’ ไมเ่ ป็น Self ไม่เปน็ Soul ไมเ่ ป็น Selfish อะไรขน้ึ มาได้ เหน็ ทกุ สิ่งเปน็ อยา่ งนี้ และไม่อาจจะ attach ในส่งิ ใด เปน็ free from attachment of all นี่ชีวิตใหม่ ไม่ 43

attach ในสงิ่ ใด ไม่ถกู enslave เอาไวส้ ง่ิ ใด ขอใหร้ ู้จกั ไวว้ า่ สรปุ ความวา่ ทกุ สง่ิ ไมม่ อี ำ� นาจเหนอื เรา ไมม่ อี ำ� นาจกระทำ� แก่จิตใจของเรา เราเป็นอิสระเหนือทุกส่ิง ด้วยอ�ำนาจ อานาปานสติหมวดที่ ๔ น้ี ทนี ีก้ ็มาดูทีเดยี วหมดทั้ง ๔ หมวด กายหรอื ชวี ติ น้กี ็ไมอ่ าจจะเป็น self หรอื เปน็ soul หรอื เป็นเราเปน็ ของเรา เวทนา เวทนากไ็ มอ่ าจจะเป็น self หรอื เปน็ soul หรือเป็นเราเป็นของเรา จติ ตะ กไ็ มอ่ าจจะเปน็ self เปน็ soul เป็นเราเป็น ของเรา สงิ่ ท้ังปวง ก็ไมอ่ าจจะเปน็ self เปน็ soul เปน็ ส่ิง เป็นตวั เราเป็นของเรา และท้ังหมดไมใ่ ช่ self เห็นความเป็นไม่ใช่ self ไม่มี self มนั กไ็ มอ่ าจจะเกดิ attachment ดงั นน้ั เราจงึ free free free นเี่ รียกว่า ชีวิตใหม่จรงิ ๆ ชวี ิตใหม่จรงิ ๆ ในท่ีสุดเราก็เห็นความจริงอันสูงสุด เรื่องสุญญตา 44

สุญญตา จนเราพูดว่าพุทธศาสนาน้ีเป็นศาสนาที่สอน no soul ไม่มีอตั ตา not self ไมม่ สี ิง่ ทเี่ ปน็ อตั ตา คำ� นี้ใชร้ วม กันแตค่ วามหมายต่างกนั ‘Self’ กับ ‘Soul’ แต่ในบาลีก็มี คำ� ว่า ‘อตั ตา’ ไม่มีสิ่งท่ีควรเรยี กว่าอตั ตา และสงิ่ ทมี่ ีอยู่ มี อยู่ นีก้ ไ็ มใ่ ช่อตั ตา จึงว่าพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาทสี่ อนเรอ่ื ง not-self, not-soul เราไมม่ ที ่ี attach ไมม่ ที จี่ ะ attach เรา ก็เลย free ในความ free นเี้ ราเรียกว่าชีวติ ใหม่ ร้เู ห็นความ วา่ ง ไมม่ อี ัตตา เรยี กว่า สุญญตา ครสิ เตยี นทด่ี จี ะตอ้ ง intrepret symbol of the cross as the the cutting of the 'I', อตั ตา, The cutting of the self symbol of cross, If you are A good Christian you intreprise symbol of the cross. เหน็ ตถตา ไม่มี self ไมใ่ ช่ self ไมม่ ี soul เห็นชดั วา่ มันเปน็ ‘เช่นนั้นเอง’ พวก Conditioned things กเ็ ปน็ ไป ตามวธิ ีของ Conditioned things พวก Unconditioned things มนั กเ็ ปน็ ไปตามวธิ ขี อง Unconditioned things เรา เลยเรียกว่า มันก็เปน็ เช่นนน้ั เอง เช่นน้นั เอง suchness เช่น น้ันเอง เชน่ นั้นเอง ท้ังหมดนท้ี ่เี ราเหน็ ที่เรารูส้ ึก เช่นน้ันเอง 45

ไมม่ ี attachement ในส่ิงใด พอเหน็ ตถตา ตถตา ทกุ สง่ิ มนั จะเกดิ ความรสู้ กึ ขนึ้ มา อยา่ งหนงึ่ สำ� คญั ทสี่ ดุ วา่ ‘พอกนั ท’ี พอกนั ที พอกนั ทสี ำ� หรบั attachement พอกันที พอกนั ทสี �ำหรับ attachement นเ่ี รียกว่า อตมั ยตา พูดเป็นภาษาแสลง หยาบๆ วา่ ‘กไู ม่ เอากับมึงอีกต่อไปแล้วโว้ย’ นี่คือส่ิงสุดท้ายเป็นผลของได้ ชวี ติ ใหม่ อตัมยตา no more dependent ปรากฏว่าท่าน สันติกโรก็บอกว่าอตัมยตา ค�ำนี้ไม่มีในดิกชันเนอรีเล่มใหญ่ Pali - English Dictionary ของ Mr. Rhys Davids ไมม่ ใี น ดกิ ชันเนอรีนี้ ท�ำไมไมม่ ีในดกิ ชันเนอรี เขา้ ใจวา่ ผู้แต่งไมร่ ูจ้ กั คำ� น้เี ลยไมก่ ล้าเขยี นไว้ เพราะฉะนนั้ ขอใหร้ วู้ ่าเปน็ ของใหม่ ก็แล้วกัน เป็นของแปลกท่ีจมนิ่งอยู่ ไม่มีใครเอามาใช้เป็น ประโยชน์ เดยี๋ วนเ้ี ราเอามาใชเ้ ปน็ ประโยชน์ คอื อตมั ยตา no more dependent เรือ่ งก็จบ ชวี ิตใหม่ ชีวติ ใหม่ ขอใหจ้ ำ� ไวส้ �ำหรบั เปน็ มนตข์ ับไล่ซาตาน ขับไล่ Devil ทกุ ชนดิ เปน็ มนต์ อตมั ยตา จบเวลาหมดแลว้ จะบอกวา่ เปน็ ผลของการเหน็ อานาปานสต.ิ 46

ธรรมะใกล้มือ ส�าคัญของอานาปานสติคือ ชวี ติ ใหม่กบั อานาปานสติ ชวี ิตใหม่  สง่ิ มาดู มาด ู จนตระหนักว่า รควรยดึ ถอื  ไมม่ สี กั อยา่ งเดยี ว  ธรรมะใกลม้ ือกับ-สนอปนตาาา-ิ ก็ไม่ยดื ถือ มันก็เปน็  ชวี ติ ใหม่ ชดุ การบรรยายธรรมของพทุ ธทาสภกิ ขุ TH+EN พุทธทาสภิกขุ พุทธ ทาส ภิกขุ • คดั สรรมาจัดพมิ พเ์ ป็นรายเดอื น • เหมาะสำ�หรบั ใช้ในการศึกษา และส่งต่อ • วางแผงวนั อาทติ ยส์ ัปดาหแ์ รกของทกุ เดอื น • อา่ น/ดาวน์โหลด ได้ท่ี www.bia.or.th/ebook • ไมม่ ตี ามรา้ นหนังสอื ทั่วไป ท่านผู้สนใจสามารถ รว่ มสมทบคา่ การผลติ โดยการสมัครเป็นสมาชิก รายปี ๑๒ เล่ม ๑๘๐ บาท (รวมค่าจดั ส่งแล้ว) • สมคั รสมาชกิ ได้ที่ http://register.bia.or.th/ dhammabook/ • ตอ้ งการหนงั สอื จำ�นวนมาก / เพ่อื ใช้แจกในงานพิธี โทร. ๐๒-๙๓๖๒๘๐๐ ต่อ ๕๑๐๑ BIA Book Club [email protected] ๐๒-๙๓๖๒๘๐๐ ตอ่ ๕๑๐๑

ใจความส�าคัญของอานาปานสติคือ เอาทุกๆ ส่งิ มาด ู มาดู จนตระหนกั วา่ ไมม่ อี ะไรควรยดึ ถอื  ไมม่ สี กั อยา่ งเดยี ว  แล้วมนั กไ็ มย่ ดื ถือ มันก็เปน็  ชวี ิตใหม่ ธรรมะใกลม้ ือ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook