ร)6 6 อุปกะคิดถงึ เพ่ือน เขาไมม่ เี พ่ือนเลยทเี ดยี วหรอื ในโลกนี้ คิดทบทวนอยูเ่ ปน็ เวลานาน ในทสี่ ดุ ภาพแหง่ นกั พรดรปู งามมสี ง่าราศีก็ปรากฎขึ้นในห้วงนึก เขาบอกวา่ เขาชอ่ื อนันตชนิ อุปกะปรารภกับตัวเอง “มลี ักษณะดี มีแววแห่งความเมดตากรุณา คนอย่างนม้ี ักไม่ปฏเิ สธคำขอร้อง ของผู้ดกยากบากหน้ามาพ่งึ พิง” ประกอบดว้ ยบรู พูปนสิ ยั อนั แก่กล้า มบี ารมีทแี่ ก่เต็มท่ีแล้วคอยเดือน ในราตรที ่ีดีกสงดั ไดย้ นิ แดเ่ สยี งนาํ้ ดา้ งตกจากใบไม้ อปุ กะตัดสินใจแน่วแนท่ ีจ่ ะจากหมู่บา้ นพรานเนี้อไป... ไปหาสหาย ซงึ่ พบกันเพยี งครเู่ ดียว แดล่ กั ษณะและวาจาเป็นทป่ี ระทบั ใจของเขายีง่ นกั เขาช่อื อนนั ตชนิ ในขณะนัน้ แรงเร้าแหง่ ความรกั ลกู ผดุ พลงุ่ ขึ้นมา ทำให้เขาด้องถอนใจ ความอาลัยใน ลกู มีมากพอท่ีช่วยหน่วงเหนยี่ วเขาไวอ้ กี ทำให้เขาคดิ เม่อื คิดถึงลูกนอ้ ยจติ ใจของอุปกะร้สู กึ อ่อนลง ดูเหมอื นจะไมอ่ าจจากไปได้ แตบ่ ารมีทีเ่ คยบำเพญ็ มาซ่งึ เป็นส่งิ ทไี่ ม1เคยสญู หายไดม้ าเดอื น และเร่ง เรา้ ใหค้ ิดถงึ พระอนนั ตชินอย่างแรง คืนน้นั เองอุปกะไดจ้ ัดแจงห่อของเท่าทีจ่ ำเปน็ ของตน และพอพา ตดิ ตวั ไปได้ เตรยี มออกจากวงั กหารชนบท ก่อนออกเดินทาง เขาอดที่จะมองดลู กู ดว้ ยความอาลยั มิได้ ปุดตวิปโยคเป็นความเศร้า อย่างใหญ่หลวงสำหรบั บดิ า แตใ่ นท่ีสดุ เขาก็ตดั สนิ ใจออกจากวังกหารคามดอนดกี สงดั คืนนน้ั เวลา นจี้ ติ ใจของเขาคำนงึ ถึงแดภ่ าพแห่งนักพรดรปู งามผมู้ ีนามวา่ อนันตชนิ มีหลายคร้ังทเ่ี ขาหวนกลับมาหาลูกนอ้ ยและบิดา(นายพราน) ผู้มีความปรารถนาดี ตอ่ เขาดลอดมา แดค่ วามระอาใจตอ่ สชุ าวดี ทำให้เขาหันหลงั กลบั มงุ่ หน้าไปหาสหายอนนั ดชนิ ซึ่งเขา กไ็ ม่แน่ใจวา่ เวลาน้อี ย่แู หง่ หนตำบลใด ผทู้ เ่ี คยบำเพญ็ พรตมานาน เป็นผสู้ ลดใจได้เร็ว และมอี ำนาจจิตพิเศษในการตอ่ ด้านซงึ่ สิง่ ท่ีตอ่ ด้านได้ยาก มีพลงั จิตเข้มแข็งในการที่จะสละสิง่ ที่บุคคลสละได้โดยยาก บารมธี รรมท่สี งั่ สมอยู่ ในดวงจติ เปน็ สิ่งทไี่ ม่เคยสญู หาย มันคอยกระดน้ เตือนใหบ้ คุ คลเบนชีวิตไปตามวถิ ทึ างทเี่ ขาเคยเดิน มาแล้วเป็นเวลานาน เขาเดนิ ฝ่าความมดี ออกไป มที างเลยี้ วไปทางไหน เขากไ็ ปทางนัน้ ไปอยา่ ง ไมม่ จี ดหมาย เขาคิดว่าพอร่งุ อรุณกพ็ อจะหาทางที่แน่นอนได้ และพยายามสืบถามว่าเวลาน้ี พระอนนั ตชนิ อยทู่ ่ีใด จนกระทั่งสายดะวันโด่ง เขารู้สกึ หิวเพราะเดนิ ทางมาเป็นเวลานาน อาหารกม็ ิได้ติดตวั มาเลย เขาออกจากบา้ นอยา่ งกะทนั หัน ไม่มีแผนการล่วงหนา้ ตังน้นั เมอื่ มาถึงหมู่บ้านแหง่ หนง่ึ จงึ เข้าไปขออาหารจากชาวบา้ นพอประทังหิว แล้วเดินทางตอ่ ไป คาที่ไหนนอนทน่ี ้นั เทีย่ งวันวันหนง่ึ อากาศรอ้ นอบอ้าว หลังจากไดเ้ ดินทางเหน็ดเหน่อื ยเหง่ือโทรมกายแล้ว เขาแวะเขา้ พัก ณ ใต้-รม่ พฤกษใ์ หญใ่ บหนา ลมโชยมาเบา ๆ ดอ้ งผิวกายพอชมุ่ ช่ืน เขาเอนตวั ลงนอนพัก เอารากไม้แทน หมอน และหลับไปด้วยความออ่ นเพลยี เขาดน่ื ขึน้ เมือ่ พระอาทติ ย์คล้อยไปทางทิศดะวนั ดกมากแลว้ รู้สกึ ชุ่มชน่ื และมีกำลงั เขาน้งั ดรองถึงชิวิดในอดีต โดยเฉพาะเวลา ๒ ปที ่ีอย่รู ว่ มกบั สุชาวดี เป็นระยะเวลาท่เี ขา ลำบากชอกชา้ํ สุดประมาณได้ สำตบั น้ันสุภาษติ เกา่ ๆ ทีโ่ บราณบัณฑติ ได้กล่าวไว้แจ่มแจง้ แกเ่ ขา ประดจุ คบเพลงิ สว่างโร่ขนึ้ ในมมุ มดี สภุ าษติ นน้ั มีตงั นี้ www.kalyanamitra.org
- มบี ดิ าซง่ึ สะสมหนส้ี นิ ไวม้ ากคอื ศตั รู มมี ารดาผซู้ ง่ึ มไิ ดป้ ระพฤตใิ นความบรสิ ทธค้ิ อื ศตั รู มภี รรยารปู งามคอื ศตั รู มติ รทป่ี ราศจากความรคู้ อื ศตั รู - ความรเู้ ปน็ ประดจุ ยาพษิ เพราะมไิ ดใ้ ชค้ วามรนู้ น้ั ใหเ้ หมาะสม อาหารกเ็ ปรยี บเหมอื น ยาพษิ เพราะไมย่ อ่ ย พระราชวงั เปน็ ประดจุ ยาพษิ สำหรบั คนเขญ็ ใจ ภรรยาสาวกเ็ ปรยี บเหมอื น ยาพษิ สำหรบั สามชี รา - แสงจนั ทรแ์ ละละอองฝนไมเ่ ปน็ ทย่ี นิ ดขี องคนหนาว แสงอาทติ ยไ์ มเ่ ปน็ ทพ่ี อใจของ คนรอ้ น สามชี รายอ่ มไมเ่ ปน็ ทย่ี นิ ดพี อใจของภรรยาสาว - สามเี กศาหงอก ความรกั ของหญงิ สาวผภู้ รรยาจะรนุ แรงไดอ้ ยา่ งไร ประดจุ ยาขมหรอื ไมข่ มกต็ าม ใครจะชอบรบั ประทานบา้ งเมอ่ื ไมจ่ ำเปน็ ดว้ ยเหดนุ ส้ี ตรจี งึ เอาใจออกหา่ งจากผวั แกไ่ ป ผกั ใฝในชายอน - ความรกั ในสมบดิ ความรกั ชวี ติ ยอ่ มมอี ยใู่ นบคคลทว่ั ไปทกุ รปู ทกุ นาม แตเ่ มยี สาว เปน็ ทร่ี กั เสศิ ของผวั เฒา่ ยง่ี กวา่ หวั ใจ - ชายแกม่ ศี งั ขารทรดุ โทรม แมห้ มดกำลงั เพอ่ื ความสนกรน่ื รมย์ กย็ งั มวิ ายกระเสอื ก กระสน เหมอื นสนุ ขั ถงึ พนิ หกั เหย้ี น หากพบเนอ้ี ตดิ กระดกู ทต่ี นไม'่ สามารถแทะทง้ึ ได้ ถงึ กระนน้ั กย็ งั ขอแตใ่ หไ้ ดเ้ ลยี กย็ งั ดี - ไมม่ สี ถานท่ี ไมม่ โี อกาส ไมม่ บี รษุ จะชกั ชวนใหไ้ ขวเ้ ขว นารบี รสิ ทธอยไู่ ดเ้ พราะเหดนุ ้ี ตา่ งหาก - เหดทุ ส่ี ตรจี ะทนเปน็ พรหมจารอี ยไู ด้ มใิ ชจ่ ะเปน็ เพราะรสู้ กึ ละอาย มจี รยิ สมบติ ิ เกลยี ด การหยาบคาย หรอื มใี จเกรงขาม ทแ่ี ทเ้ ปน็ เพราะยงั ไมม่ ผี ปู้ รารถนาอยา่ งเดยี วเทา่ นน้ั - สดรบี างคนทา่ เปน็ หวงตวั อยา่ งนา่ หมน่ั ไส้ เหมอื นใครจะกระทบกระแทกมไิ ดเ้ ลย แมแ้ ตน่ อ้ ย แตพ่ ออยใู่ นทล่ี บั ดาคน เธอกลบั โถมเชา้ หาผชู้ ายเหมอื นปลากระโดดลงนา้ั บัดน้เี ขาตดั ใจจากสชุ าวดีได้แลว้ เรือ่ งเดียวทีว่ นเวียนอยใู่ นจติ ใจของเขา คอื สหายผู้มี นามว่าอนันดชนิ เขารอนแรมมาดามลำพัง จนกระทงถงึ เขดสาวัตถี ราชธานแี หง่ แคว้นโกศล ปจ๋ จสุ กาลวนั นน้ั พระอนันดชนิ สมั มาสม้ พุทธเจ้าทรงแผ่ขา่ ยพระญาณออกครอบ จักรวาล มองดูอปุ นิสยั แหง่ เวไนยสตั วท์ พ่ี ระองคพ์ อจะโปรดได้ อุปกะเขา้ ไปในขา่ ยพระญาณแหง่ พระองค์ ทรงทราบโดยตลอดว่า เขา้ วันน้อี ปุ กะจะมาถึงเซตวนั จงึ เสดจ็ ออกจากพระคันธกุฎี รับส่งั ใหป้ ระชมุ สงฆใ์ นเขตวนารามทง้ั หมด แล้วตรสั ว่าภกิ ษุท้ังหลาย วนั นี้ถ้ามีอาคันตกุ ะมาถามหา บคุ คลมนี ามวา่ อนันดชนิ กข็ อให้พาไปหาเราทค่ี นั ธกุฎี ตรัสเท่าน้แี ล้วทรงให้โอวาทภกิ ษสุ งฆเ์ ปน็ กรณีพเิ ศษ เก่ียวกบั เร่อื งความเคารพในปฏสิ นั ถาร มีอาทิวา่ ‘‘ภกิ ษุทั้งหลาย! ผู้เคารพหนกั แน่นในพระศาสดา ในพระธรรม มีความยำเกรงในสงฆ์ มคี วามเคารพในไตรสกิ ขา และเคารพในปฏิสันถารการด้อนรบั อาคันตุกะ ผู้เขน่ นน้ั ย่อมไมเ่ ส่ือม ดำรงอยู่ใทลพ้ ระนิพพาน” ตอนสายวันน้ันเอง อปุ กะกม็ าถึงบริเวณเขตวนารามอันรม่ รนื่ เหน็ ภกิ ษุทัง้ หลายกำลัง สาธยายธรรมบา้ ง ทา่ กิจอย่างอนื เปน็ ด้นว่านงั่ เปน็ กล่มุ ๆ สนทนาธรรมบ้าง เขาเข้าไปหาภกิ ษุ กลมุ่ หน่งึ นมสั การแล้วกล่าวขึน้ วา่ www.kalyanamitra.org
“พระคุณเจา้ ผู้เจริญ! ข้าพเจา้ มสี หายผู้หนงึ่ นามวา่ อนันตชิน เขาเปน็ นกั พรตที่ สง่างาม ผิวพรรณผอ่ งใส ใบหนา้ เอิบยมี่ มแี ววแหง่ ความกรุณาออกจากดวงดาทง้ั สอง ใขเ้ คร่ือง นุ่งหม่ อยา่ งท่านนี้ ทา่ นพอจะรู้จักผู้น่งึ ขา้ พเจา้ เอ่ยนามถงึ น้อี ยูบ่ า้ งหริอ?,* ภกิ ษุกลุ่มนน้ั มองตากนั แลว้ ยม้ิ ๆ ดว้ ยความอัศจรรยใ์ จในการทราบเหตุการณ์ลว่ งหนา้ ของพระศาสดา กพ็ ระองค์ตรสั สงั่ ไว้เม่อื เขา้ นีเ้ องวา่ ลา้ มีคนมาถามหาพระอนันตชนิ ใหพ้ าไปเฝาื พระองค์ ดังนั้นภิกษุหน่มุ รูปหน่งึ จึงกล่าวขึ้นว่า “อุบาสก! พระอนนั ดชนิ เป็นศาสดาแหง่ เรา ทงั้ หลาย พวกเราเปน็ สาวกของพระองค์ ไฉนเลา่ พวกเราจะไมร่ จู้ กั พระผู้มนี ามเชน่ นน้ั มาเถิดดาม ขา้ พเจา้ มา จะนำไปเผาิ พระอนันตชนิ พระองคน์ ัน้ ” ว่าแล้วได้ลกุ เดนิ นำอปุ กะไป ถงึ พระดันธกฎุ ี พระพทธองคท์ รงรอคอยอยแู่ ล้ว พระผ้มู ีพระภาคเจ้าทรงเปลง่ พระ รศั มซี ่านออกจากพระกายทง้ั ๖ สี คุจเดยี วกับวนั ทพ่ี ระองคไ์ ดพ้ บอุปกะครง้ั แรกเมื่อตรสั ร้ใู หม่ ๆ อุปกะล้มลงกราบพระมงคลบาทแห่งพระศาสดา มนี า้ํ ดานองหนา้ กราบทูลว่า “ข้าแตพ่ ระอนันตชิน! ทา่ นอังจำขา้ พเจ้าไดอ้ ย่หู รอิ ข้าพเจา้ เคยพบทา่ นคร้งั หนึง่ แขวง เมอื งพาราณสเี ป็นเวลาหลายปีมาแลว้ ” “ดกู อ่ นอุปกะ” พระศาสดาตรสั ตอบ “เรารอคอยการมาของท่านอยู่ การมาของท่าน ครั้งน้ีจะเปน็ ประโยชนใ์ หญ่หลวงแก่ทา่ น” พอได้ยนิ คำวา่ “อุปกะ” เท่าน้ัน ปีตปิ ราโมชก็แผ่ไปทัว้ สรรพางค์ของอ'ุ ปกะ ช๋อื ใดเลา่ ใน โลกนี้จะไพเราะออ่ นหวานยงี่ กวา่ ช่ือของตนเองที่ผูอ้ ่ึนจดจำได้อยา่ งแม่นยำหลังจากพรากกันไป เปน็ เวลานาน “อุปกะ” พระองคต์ รสั ตอ่ ไป “หลงั จากจากกนั คราวน้นั แล้วท่านไปอย่ทู ่ีไหน ทา่ อะไร พอทนได้อยูห่ รือ เมื่อก่อนน้ีดทู า่ นทรงเพศเปน็ นกั บวช บดั นี้ทา่ ไมจงึ เปลีย่ นแปลงไป?” อปุ กะได้เล่าความหลงั ทั้งมวลให้พระศาสดาทราบโดยตลอด แลว้ ทลู เพ่มึ เดิมวา่ “พระ- องค์ผู้เจรญิ ! ข้าพระองค์เดินหลงทางอยเู่ ป็นเวลานาน บดั นี้มาพบพระองค์เป็นครั้งทส่ี อง คงจะ ดำเนนไปสู่ทางทถ่ี ูกด้อง พระองคผ์ อู้ นุเคราะหโ์ ลก โปรดอนเุ คราะหข์ า้ พระองค์ดว้ ยเถิด” พดู เท่า นนั้ แลว้ เขาก็ซบศีรษะแทบพระบาทมลู แหง่ พระศาสดา พระจอมมุนศี รศี ากยบุดร ประทับนึ่งอยคู่ รู่หนง่ึ แล้วตรัสว่า “ดูก่อนอปุ กะ การครองเรือนเป็นเรอ่ื งยาก เรือนท่ีครองไม่มดี ยี ่อม กอ่ ทุกข์ไหม้ ากหลาย การอยู่รว่ มกบั คนพาล เป็นความทุกขอ์ ยา่ งย่ิง อุปกะเอย! เคร่ืองจองจำที่ทำดว้ ยเชอื ก เหลก็ หรอื โซ่ตรวนใด ๆ เราไมก่ ลา่ ววา่ เป็นเคร่ืองจองจำ ที่แข็งแรงทนทานเลย แตเ่ ครอ่ื งจองจำคอื บตุ ร ภรรยา ทรพั ย์สมบตั นิ ี่แล รงื รดั มดั ผูกสัตวท์ ัง้ หลายให้ติดอยู่ในภพไมม่ ีท่สี น์ สดุ เครอื่ งผกู ทผ่ี ูกหย่อน ๆ แต่ แก้ได้ยาก คอื มว่ งบุตร ภรรยาและทรพั ย์สมบตั นิ ่ีเอง รปู เสียง กลิน่ รส และ โผฎฐพพะนนั้ เปน็ เหยิอ่ ฃองโลก- เมอบคุ คลยงั ติดอยใู่ นรูปเป็นดน้ น้นั เขาจะ www.kalyanamitra.org
Isolffl พนจากโลกมไิ ต้เลย ไมม่ ีรปู ใดทจ่ี ะรัดรงใจของบุรุษไสม์ ากเทา่ รูปแห่งสตรี ดกู อ่ น อปุ กะ ผยู้ ังตัดอาลยั ในสตรมี ไิ ต้ ย่อมจะตอ้ งเวยี นเกิดเวียนตายอย่รู าี ไป แมส้ ตรี ก็เช่นเดยี วกนั ถ้ายงั ตดั อาลัยในบุรษุ ไมไ่ ตย้ อ่ มประสบทุกข์บ่อย ๆ กเิ ลสน้นั มีอำนาจครอบคลุมอยใู่ ดยด้วั ไมเ่ ลือกว่าในวัยและเพศใด “ดูกอ่ นอปุ กะ เราจะขอสาธกใหฟ้ งั สักเร่อื งหนึ่ง” นานมาแลว้ มมี านพหน่มุ น้อยลามารดาบิดาไปเรยี นศลิ ปวิทยา ณ สำนักทศิ าปาโมกข์ เมอื งดกั ศิลา เมอ๋ึ เรียนจบแลว้ จึงลาอาจารย์กสบั บ้าน มารดาต้อนรบั เขาด้วยความยนิ ดยี ่งี เมอ่ื สนทนากันไปมารดาถามว่า ลูกไตเ้ รยี นอสาดมนตแ์ ล้วหรีอ ลูกชายดอบวา่ ยงั ไมไ่ ต้เรียน มารดาจึง ขอรอ้ งใหไ้ ปเรียนอสาดมนตเ์ สยี ก่อน เขาจึงลามารดาไปหาอาจารยก์ ราบเรียนให้อาจารย์ทราบวา่ ยังมีมนต์สำคญั อยู่อย่างหนึ่ง ซง่ึ เขามใี ต้เรยี นจากอาจารย์ มารดาของเขาขอรอ้ งให้มาเรียนอสาดมนต์ อาจารย์ไตท้ ราบดังนนั้ ยินดียง่ี นัก จึงกล่าววา่ “มานพ เวลาน้ีเรามาพักอยใู่ นปาไม่มีใครเลย นอกจากเราและมารดาผู้ชราของเรา เธอจงปฎบิ ด้ ีบำรุงมารดาของเราสักช่วั ระยะเวลาหนงึ่ แลว้ เราจะบอกอสาดมนต์ให้ แดใ่ นขณะทีป่ ฎบิ ้ดีมารดาของเรา เช่นการอาบนา้ั ป้อนขา้ วให้ และนวดฟนั ให้ เจา้ จงชมเชยอวยั วะด่าง ๆ แหง่ มารดาของเราทุกค?งไป เชน่ “ว่ามือสวยเห้าสวยเป็นตน้ ” มานพหนุ่ม รบั คำของอาจารย์ด้วยความปีติยินดี ดง้ั แด่วันนน้ั มาเขาดง้ั ใจปฎบิ ํดมี ารดาของอาจารย์ เชน่ การอาบน้าั ให้ ปอ็ นขา้ วและนวด ฟน้ เป็นตน้ “มือและแขนของคณุ แม่สวยน่าดูเหลือเกิน” วนั หนงึ่ เดก็ หน่มุ เร่มี ทำดามท่ีอาจารย์ สอน นางย้มิ อย่างรา่ เรงิ ดง้ั ๆ ท่ฟี นั ของนางหกั หมดแล้วแล่ะกลา่ ววา่ “มือและแขนของฉนั สวยจรงิ ๆ หรือ พอ่ หนุ่มฉันแกแ่ ล้วนะ” “คุณแมแ่ กแ่ ล้วมือและแขนยงั สวยขนาดนี้ เมือ่ คุณแม่สาว ๆ คงจะสวยมิใชน่ ้อย ขา และเห้าของคุณแมก่ ส็ วย ใบหนา้ ก็งามซึง้ นา่ ดูเหลอื เกนิ กระผมดูไม่เบ่ือเลย เมือ่ คุณแม่ยงั สาวคง จะสวยหาคนพมอเหมอื นมิไต”้ นางรสู้ ึกปีติยินดอี ยา่ งล้นเหลอื เป็นเวลานานมาแล้วทน่ี างไม,เคยไต้ยินคำออ่ นหวาน ระร่นื หชู ูกำลังใจอย่างน้เี ลย อะไรเลา่ จะเปน็ ที่พอใจของสตรีมากเทา่ ไตย้ ินคำชมว่าเธอสวย ไม่ว่า สดรนี ัน้ จะอยู่ในวัยใด มานพหนุม่ เวยี นพดู ชมเชยนางผู้เป็นมารดาของอาจารยอ์ ยอู่ ยา่ งน้ที ุกวนั บางคราวเขายังพดู เพีม่ เตมิ ว่า ลา้ เขาไตภ้ รรยาทมี่ คื วามงามพร้อมเพียงคร่งึ หน่ึงของนาง เขากจ็ ะมื ความสขุ หาน้อยไม่ และทำฑเี ป็นมคิ วามรสู้ กึ เสนห่ าในคัวนางเสียสุดประมาณ จนกระดง้ั นางรู้สกึ ว่าหนมุ่ นอ้ ยนคี้ งมืจิตพศิ วาสปฏิพทั ธใ์ นควั นางเป็นท่ียีง่ วนั หน่งึ จงึ ถามว่า “พอ่ หนุ่ม! เธอมิความพอใจในควั เรามากหรอื ?” “มากเหลอื เกนิ คณุ แม่ กระผมไม่ทราบจะสรรหาคำพดู ใด ๆ มฺาพดู ใหส้ มกับความ รู้สกึ ท่กี ระผมมืด่อคุณแม่ไต้” “เธอจะเลย้ื งดเู ราอยา่ งนี้ตลอดไปหรือ?” www.kalyanamitra.org
la>ocn “ตลอดไป คถุ *แม่ การได้อยู่ใกล้ชิดคณุ แมเ่ ปน็ ความสุขอย่างย่งิ ของกระผม ลา้ คณุ แม่ จะมชี วี ิตอยู่ต่อไปสกั รอ้ ยปี และกระผมปฏิบติคณุ แมอ่ ยู่อย่างนี้ถงึ ร้อยปีกระผมกจ็ ะไมเ่ บือ่ หน่ายเลย” หญงิ ชราเขา้ ใจว่ามานพหนมุ่ มจี ิดปฏพิ ทั ธใ์ นตน ให้ร้สู กึ กระสันยง่ิ นัก จงึ กล่าวว่า “ก็จะ เป็นไรไปเจา้ หนมุ่ เมอ่ื เธอปรารถนาอย่างนัน้ กค็ งจะเปน็ ได้ เมอื่ เธอด้องการจะร่วมอภริ มย์กับเรา เราก็ยนิ ด”ี “จะทำได้อย่างไรคณุ แม่ คณุ แมเ่ ปน็ แมข่ องอาจารย์ กระผมตอ้ งเคารพยา่ เกรงคุณแม่ ยิ่งกวา่ อาจารย์เสยี อีก ตราบใดที่ท่านอาจารย์ยงั มชี ีวติ อยู่ กระผมจะทำอยา่ งนัน้ ไมไ่ ดเ้ ลย” ว่าแลว้ มานพหนมุ่ กแ็ กลง้ เคลา้ เคลยี และเอาใจหญงิ ชรายิ่งขึ้น “พ่อหนุ่ม” หญิงชราพูดด้วยเสยี งส่ันเครือ “เธอจะปฏบิ ด้ เิ ราไม่ทอดทิ้งเราจริง ๆ หรือ?” “ขอ้ น้ีกระผมรบั รองได้ คณุ แม”่ มานพตอบ “ล้าอย่างน้นั จะขดขอ้ งอะไรกบั เรื่องชีวติ ลูกชาย เธอฆ่าเขาเสียก็หมดเรือ่ ง” “กระผมจะฆา่ เขาไดอ้ ย่างไรครับคุณแม่ ท่านเปน็ อาจารยท์ ีส่ อนศิลปศาสตร์ให้กระผม และดตี อ่ กระผมเหล่ ือเกิน กระผมฆ่าทา่ นไมไ่ ด้ดอก” มานพยืนยัน “เธอรับรองแน่นะว่าเธอจะไม่ทอดท้ิงฉนั ” หญิงชราพูด “ข้อนกี้ ระผมรับรองครบั คณุ แม”่ ชายหนุ่มตอบ “ล้าอย่างนั้น เม่ือเธอฆา่ ไม่ได้ฉนั จะฆ่าเขาเอง” หญงิ ชราพดู อยา่ งม่นั คง “ เอาไร้รอคดิ การดี ๆใหร้ อบคอบกอ่ นเถิดครับคณุ แม”่ พดู แล้วชายหนุม่ ก็ออกจาก ห้องของหญิงชราไปหาอาจารยเ์ ล่าเรื่องทงั้ หมดให้อาจารยท์ ราบ ความจรงิ เขาเลา่ เรือ่ งต่าง ๆ ตง้ั แต่ ดน้ มาใหอ้ าจารยท์ ราบโดยดลอด เพราะถอื วา่ เปน็ การเรยี น และเรอ่ื งท้ังหมดเป็นแผนการของอาจารย์ ที่ จะสอนศษิ ย์เรอ่ื งอสาดมนต์ ชายหน่มุ พดู อย่างไร หญงิ ชราแสดงอาการอยา่ งไร และโดด้ อบอย่างไร อาจารยไ์ ดร้ ับทราบจากชายหนุ่มเปน็ ระยะ ๆ ดลอดมา เม่อื อาจารย์ได้ทราบจากชายหน่มุ วา่ มารดาของตนคดิ จะฆา่ ตน ทีแรกร้สู กึ สลดใจเลก็ นอ้ ย แตเ่ นือ่ งจากอาจารย์เปน็ ผู้รเู้ ร่ืองอยา่ งน้ีดีอยู่แล้วจงึ วางเฉยไดใ้ นไมข่ า้ และตรวจดูอายขุ ัยแหง่ มารดาดน ทราบว่าถงึ อย่างไร ๆ มารดาก็หมดอายุในรันพรงุ่ น้ีแลว้ ถงึ เหตกุ ารณ์ปกติ ไมม่ อี ะไรเกิด ข้ึน มารดาก็จะด้องฺตายในรันพร่งุ นอี้ ย่แู ลว้ จงึ ดอ้ งการจะสอนศิษย์ให้รู้แน่ในวชิ าอสาดมนต์จงึ บอก ชายหนุม่ ให้ไปตัดด้นไม้ดน้ หน่งึ ทา่ ให้มีลกั ษณะคลา้ ยรปู คนแล้วนา่ มาวางไรบ้ นเตยี งนอนของอาจารย์ เอาผา้ คลุมไร้ แลว้ เอาเชือกขงึ จากหอ้ งของมารดา ทา่ เป็นราวมาลูห่ อ้ งของตน ทุกอย่างเรียบร้อย ชายหนุม่ เขา้ ไปลูห่ ้องของมารดาอาจารย์ นวดฟนั ปฏบิ ้ดอยา่ งท่ีเคย กล่าวชมเชยความงามของหญงิ ชราดว้ ยประการต่าง ๆ “ว่าอย่างไร พอ่ หนุ่ม” หญิงชราพูดขึ้น “เมอ่ื เธอไมฆ่ ่า เราจะฆ่าเอง” “คุณแมจ่ ะฆ่าจริง ๆ หรือ?” ชายหนุ่มถามแลว้ แสร้งคลอเคลียแสดงความรักในหญิง- ชราใหม้ ากข้นึ ดว้ ยความเคลบี เคล้มิ และหลงใหล หญงิ ชรายืนยนั อย่างแขง็ ขนั วา่ จะฆา่ ชายหนมุ่ จึงกลา่ วว่าเขาได้เตรียมแผนการไรพ้ ร้อมแล้ว “นี่ขวาน” เขากล่าว “คณุ แมเ่ ดนิ ไปตามเส้นเชอื กท่ี ขึงไร้นี้ ปลายเชอื กไปสุดลงทใี่ ด ท่ีนนั้ เป็นเตียงนอนของอาจารย์ เวลาน้อี าจารยน์ อนหลับแลว้ พอ สดุ ปลายเชอื กเอี้ยวตัวมาทางขวานิดหนึ่งจะตรงคออาจารย์พอดี คณุ แม่ฟันทีเดยี วใหค้ อขาด แล้ว เราจะอยู่ด้วยกันอยา่ งผาสุกตอ่ ไป” www.kalyanamitra.org
1©0๔ หญิงชรานัยน์ดาฝืาฟางมองอะไรไม่ค่อยจะเหน็ แล้ว เดนิ ไม่ค่อยถนัดเพราะแก่เฒ่า รบั ขวานจากชายหน่มุ แลว้ งกงันเดนิ คลำเส้นเชอื กไป ใจของเธอเวลานถี้ กู ห่อทุ้มด้วยโมหะ ถกู ความ เสนห่ าเรง่ เร้า ปลงใจฆ่าแมแ้ ดล่ ูกของตนเองซงึ่ มีความดีงามพร้อมทกุ ประการ เมื่อเดินคลำเส้นเชอื กมาถึงปลายสด หญงิ ชราก็เอึย๊ วตวั มาคลำดบู นเตยี ง มองเห็นราง ๆ เหมอื นภาพคนจึงทง้ิ ขวานลงสุดแรง คมขวานกระทบไม้ตังโผละ นางรู้ดัวว่าถกู หลอกเสียแลว้ ก็ดกใจ อยา่ งย่งิ ประจวบกับชรามากถงึ แลว้ ซง่ึ อายขุ ยั นางจึงส้ินไจตายอยู่ ณ ทน่ี ้นั เอง อาจารยแ์ ละศิษย์หนุ่มเฝืาสังเกตการณ์อยู่โดยดลอด บังเกดิ ความสังเวชสลดไจเป็นที่ยิ่ง ท้งั สองยนื เศร้าซึมอยู่ใกล้ ๆ รา่ งของหญงิ ชราอยู่เปน็ เวลานาน ในท่ีสดุ อาจารย์กก็ ล่าวขึน้ “มานพ! เธอได้เรยี นอสาดมนตจ์ บเรยี บร้อยแล้ว” ชายหนมุ่ ทรดุ ตวั ลงกราบอาจารย์ และกอดเท้าทงั้ สองไว้ พรารำพนั ถึงเมตตากรณุ าของอาจารยท์ ีม่ ีต่อดน นํา้ ดาของเขาหยดลงสหู่ ลัง เท้าของอาจารย์ ในขณะนั้นความรสู้ กึ ของเขาสบั สนรุ่นวาย จนไม่อาจพรรณนาไดว้ ่าเป็นฉนั ใด น่เี อง อสาดมนต์ท่มี ารดาของเขาเร่งเร้าใหม้ าเรยี น ช่างเป็นวชิ าทแี่ ปลกและมีคุณค่า แกช่ วี ติ อย่างลน้ เหลอื พระผ้มู พี ระภาค ตรสั เล่าเรอ่ื งอสาดมนตจ์ บลงแล้ว ทรงเพึม่ เดมิ ว่า “ดูกอ่ น อปุ กะ! ความทุกขท์ ัง้ มวลมมี ลู รากมาจากตัณหาอุปาทาน ความทะยานอยาก ดนิ้ รน และความยืดมนถอึ มน่ั วา่ เปน็ เราเปน็ ของเรา รวมถึงความเพลินใจในอารมณด์ ่าง ๆ สงี่ ท่ี เขา้ ไปเกาะเกย่ี วยืดถือไว้โดยความเป็นตนเปน็ ของตนที่จะไม่กอ่ ทกุ ขก์ ่อโทษใหน้ ้นั เป็นไม่มี หาไม่ได้ ในโลกน้ี เมอื่ ใดบคุ คลมาเหน็ สกั แด่วา่ ไดเ้ หน็ ฟังสกั แด่ว่าได้ฟัง ร้สู กั แดว่ ่าได้รู้ เขา้ ไปเก่ียวข้องกับสง่ี ดา่ ง ๆ 4พียงแด่สักว่า ๆ ไม่หลงใหลพัวพนั มัวเมา เมือ่ นัน้ จดิ ก็จะวา่ งจากความยดื ถือดา่ ง ๆ ปลอดโปรง่ แจ่มใสเบิกบานอยู่ ดกู ่อน อปุ กะ! เธอจงมองดูโลกน้โี ดยความเปน็ ของวา่ งเปลา่ มีสดิอยู่ทกุ เมื่อ ถอน อัดดานทุ ิฏฐดิ อี ความยดื มนั่ ถอื มัน่ เรอ่ื งตัวตนเสยี ด้วยประการฉะน้ี เธอจะเบาสบายคลายทกุ ขค์ ลาย กงั วล ไf!วคี วามสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยใู่ นธรรม” อปุ กะสง่ กระแสจติ ไปตามพระธรรมเทศนาของพระตถาคตเจา้ คลายสงั โยชนค์ อื กเิ ลสท่ี รอ้ ยรดั ใจออกเปน็ เปราะ ๆ ไดบ้ รรลอุ นาคามนี ลเปน็ อรยิ บคุ คลชน้ั ทส่ี ามดว้ ยปร่ ะการฉะน้ี www.kalyanamitra.org
เมอ่ื สาลวโนทยานขาวดว้ ยมหาวโิ ยค ขอนำท่านมาส่บรเิ วณสาลวโนทยานกรุงกุสินาราอกี ครงั้ หนง ภายใตแ้ สงจนั ทรส์ ีนวลยองใยifน พระผูม้ ีพระภาคบรรทมเหยียดพระกายในทา่ สหี ไสยา แวดลอ้ มด้วยพุ่ทธบรษิ ทั มากหลายแผเ่ ปนี ปรมิ ณฑลกว้างออกไป ประลจุ ดวง- จนั ทรท์ ถี่ กู แวดลอ้ มด้วยกลมุ่ เมฆกป็ านกัน พระพทุ ธองค์ตรัสกบั พระอานนัว1า “อานนท!์ เม่ือเราล่วงลบั ไปแล้ว เธอทงั้ หลายอาจ จะคิดวา่ บดั นพี้ วกเธอไม่มีศาสดาแลว้ จะพงึ วา้ เหว่ไรท้ ่พี ึ่ง อานนทเ์ อย! พึงประกาศให้ทราบทั่วกนั วา่ ธรรมวนิ ยั อนั ใดทเ่ี ราไดแ้ สดงแลว้ บญั ญต้ แิ ลว้ ขอใหธ้ รรมวนิ ยั อนั นน้ั จงเปน็ ศาสดาของพวกเธอ แทนเราตอ่ ไป เธอทัง้ หลายจงมีธรรมวนิ ยั เปน็ ทพ่ี ง อยา่ ไดม้ อี ยา่ งอน่ื เปน็ ทพ่ี ง่ึ เลย “อานนท!์ อกี เรอ่ื งหนงึ่ ทเี่ ราจะสงั่ เธอไว้ คือบัดนภี้ กิ ษุทงั้ หลายเรยี กกันวา่ “อาวโุ ส ๆ ” ทัง้ ผู้แกแ่ ละผอู้ อ่ น ต่อไปน้ขี อใหภ้ ิกษผุ แู้ กพ่ รรษากวา่ เรียกผอู้ อ่ นพรรษาว่า “อาวโุ ส” (คุณ) สว่ น ภิกษผุ อู้ อ่ นพรรษากวา่ พงึ เรียกผูแ้ กก่ วา่ วา่ “กันเด” หรอื อายัสมา (ทา่ น) ผอ่ นผนั ดามควรแก่ คารวโวหาร “อานนท!์ อีกเรอื่ งหน่งึ คอื เร่อื งฉนั นะ เธอเปน็ พระทีด่ ื้อคืงมีทฎิ ฐิมานะมากไมย่ อมเชื่อ ฟงั ใคร ไม,ยอมอ่อนนอ้ มต่อใคร เพราะถอื ดวี ่าเคยเป็นขา้ เก่าของเรา เคยใกลช้ ดิ เรามาก่อนใคร ๆ หมด เมอ่ื เราลว่ งลบั ไปแล้ว ขอให้สงฆ์ลงพรหมทณั ฑแ์ ก่พระฉันนะ คอื เธอปรารถนาจะทำ จะพดู ส่ิงใด หรอื ประสงค์จะอย่อู ย่างไรกใ็ ห้เธอทำ พดู และอยู่ดามอธั ยาศยั สงฆไ์ มพ่ งึ ว่ากล่าวตกั เดือนอะไร เธอ น่เี ปน็ วิธลี งพรหมทณั ฑ์ คือการลงทัณฑท์ ่ีหนกั ท่ีสุดแบบอริยะ www.kalyanamitra.org
Isooh www.kalyanamitra.org
\\ k> o tr) “อานนท์! อีกเรื่องหน่ึงคือ สิกขาบทบัญญ่i ท่ีเราได้บญั ญ่ตไิ ว้ เพื่อภกิ ษุทั้งหลายจะได้ อยดู่ ว้ ยกันอยา่ งผาสกุ ไมก่ ินแหนงแคลงใจกัน มธี รรมเป็นเครือ่ งอย่เู สมอกนั สกิ ขาบทบัญญต่ เิ หล่าน้นั มีอยเู่ ปน็ จำนวนมาก เม่อื เราล่วงกบั ไปแล้วสงฆ์พร้อมไจกนั จะถอนสกิ ขาบทเลก็ นอ้ ย ซ่ึงขดั กบั กาลกับสมยั เสยี บา้ งก็ได้ กาลเวลาล่วงไปสมัยเปลี่ยนไป จะเปน็ ความลำบากในการปฎิบต้ ิสกิ ขาบท ทไ่ี ม่เหมาะJสมัยเช่นน้ัน เราอนญุ าตไหถ้ อนสิกขาบทเลกน้อยได้ เมอ่ื พระอานนท์มิได้ทลู ถามอะไร พระธรรมราชาจงึ ตรสั ตอ่ ไปวา่ “ดกู ่อนภิกษทุ ง้ั หลาย! ผมู้ าประชุมกนั อยู่ ณ ที่นี้ ผู้ใดมีความสงสัยเรื่องพระพุทธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรคหรือ ปฏปิ ทาใด ๆ กจ็ งถามเสียบดั นี้ เธอท้ังหลายจะไดไ้ ม่เสียใจภายหกงั วา่ มาอยูเ่ ฉพาะพระพกั ตรพ์ ระ- ศาสดาแลว้ มิไดถ้ ามขอ้ สงสยั แห่งตน” ภกิ ษุทกุ รปู เงียบกริบ บรเิ วณปรนิ พิ พานมณฑลสงบเงียบไม่มีเสยี งใด ๆ เลย แมจ้ ะมี พุทธบริษทั ประชมุ กันอยเู่ ปน็ จำนวนมากก็ตาม ทกุ คนปรารถนาจะฟังแต่พระพทุ ธดำรสั เพื่อเป็น เครือ่ งเดอื นใจเปน็ ครั้งสุดท้าย บดั นี้ พละกำกังของพระผู้มีพระภาคเจา้ เหลอื อยนู่ อ้ ยเต็มทแี ล้ว ประดจุ นา้ั ทเี่ ทราดลง ไปในดนิ ทีแ่ ดกระแหงยอ่ มพกนั เหอื ดแห้งหายไป มิไดป้ รากฎแกส่ ายดา ถึงกระนนั้ พระบรมโลกนาถ กย็ ังประทานปัจฉิมโอวาทเปน็ พระพทุ ธดำรสั สุดทา้ ยวา่ “ภิกษทุ ้ังหลาย! บดั นืเ้ ปน็ วาระสุดทา้ ยแหง่ เราแลว้ เราขอเตอื นเธอทัง้ หลายให้ จำม่ันไว้วา่ ส่ิงทงั้ ปวงมคี วามเสอมและความส่นิ ไปเปน็ ธรรมดา เธอทัง้ หลายจงอยู่ด้วยความ ไม่ประมาทเถดิ ” ยา่ งเข้าสู่ปจั ฉิมยาม พระจันทรโ์ คจรไปทางขอบฟา้ ทิศดะวนั ตกแลว้ แสงโสมสาดสอ่ ง ผ่านทวิ ไมล้ งมา ทอ้ งฟ้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเมฆหมอก รัศมแี จ่มจรสั ดูเหมอื นจะจงใจส่องแสง เปลง่ ปลงั่ เปน็ พเิ ศษครัง้ สดุ ท้ายแลว้ สลวั ลงเล็กนอ้ ย เหมอื นจงใจอาลยั ในพระคาสดาผเู้ ปน็ ครูของ เทวดาและมนษุ ย์ พระผ้มู พี ระภาคมีพระกายสงบ หลับพระเนตรสนทิ พระอนรุ ทุ ธเถระซง่ึ เปน็ พระเถระ ผู้ใหญ่อยใู่ นเวลานั้น และไดร้ บั การยกยอ่ งจากพระผมู้ ีพระภาคว่าเปน็ เลิศทางทพิ ยจกั ษไุ ดเ้ ข้า ฌานตาม ทราบว่าพระพทุ ธองค์เข้าส่ปู ฐมฌาน ทุตยิ ฌาน ตตยิ ฌาน และจตุตถฌาน ออกจากจตุดถ- ฌานแลว้ เขา้ ส่อู รูปสมบ้ตคิ ืออากาสานัญจายตนะ วิญญาณญจายดนะ อากญิ จัญฌายตนะ เนว- สญั ญานากญั ญายตนะและกญั ญาเวทยดิ นโิ รธ ดามลำดบั แลว้ ถอยกลับมาจากสญั ญาเวทยิดนิโรธ จนถึงปฐมฌานและเขา้ ปฐมฌานไปจนถึงจตตุ ถฌานอีก เมื่อออกจากจตุดถฌาน ยงั มไิ ดท้ ้นไดเ้ ขา้ สู่ อากาสานญั จายดนะ พระองคก์ ็ปรนิ พิ พานในระหว่างน้ัน ในทส่ี ดุ แมพ้ ระองคก์ ต็ อ้ งประสบอวสานเหมอื นคนทง้ั หลาย พระธรรมทพ่ี ระองคเ์ คย พราสอนมาดลอดพระชนมชพี วา่ สตั วท์ ง้ั หลายมคี วามดายเปนี ทส่ี ดุ นน้ั เปน็ สจั ธรรมทไ่ี มย่ กเวน้ แม้ แตพ่ ระองคเ์ อง www.kalyanamitra.org
l®od ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา ท่ที รงบำเพญ็ พทธกจิ น้ัน ทรงลำบากตรากดรำอยา่ งยิ่งยวด ทรงเสวยเพยี งวนั ละมอื้ เพยี งเพือ่ ให้มีพระชนมอ์ ยูเ่ พีอประโยชนแ์ ก่โลก พระอคั รสาวกทงั้ สองได้ ปรนิ พิ พานไปกอ่ นแลว้ นิครนถ์นาฏบุตร หรอื ศาสดามหาวรี ะ คแู่ ขง่ ผยู้ ง่ิ ใหญ่ในการประกาศศาสนา กไ็ ด้สิ้นชพี ไปแลว้ อุบาสกผ้เู สยี สละอยา่ งยี่ง เชน่ อนาถปิณฑิกคฤหบดี กล็ ะทงิ้ สังขารของตนจาก ไปก่อนแล้ว ทง้ั ผูท้ เี่ ป็นมติ รและดง้ั ตนเปน็ ศัตรูกับพระพุทธองค์ ต่างกท็ ยอยกนั เข้าไปส่ปู ากแหง่ มรณะ กันดามลำดับ ๆ แมพ้ ระองคจ์ ะดอ้ งนพิ พานไป แต่ศาสนาองั อยู่ พระธรรมคำสอนของพระองคอ์ งั คง อยู่เป็นประทปี ส่องโลกต่อไป จำนวนผเู้ คารพเล่ือมใสในศาสนธรรมของพระองคไ์ ดเ้ พ่ืมพูนเออ่ สงู เหมือนน้ัาท่ีบา่ สูงข้นึ โดยไม่มีเวลาลด รากแกว้ แห่งพระพุทธศาสนาไดห้ ย่ังลงแล้วอยา่ งแหจ้ รงิ ใน จติ ใจของมนุษยชาติ นึกยอ้ นหลังไปเมอ่ื ๔๕ ปีกอ่ นปรนิ ิพพาน พระองคเ์ ปน็ ผโู้ ดดเดยี่ ว เมือ่ ปญั จวัคคีย์ ทอดทงิ้ ไปแลว้ พระองคก์ ไ็ มม่ ีใครอกี เลย ภายใดโ้ พธบิ ลั ลงั ถค์ รงั้ กระนัน้ แสงสว่างแห่งการตรัสรู้ได้ โชตชิ ว่ งข้นึ พร้อมด้วยแสงสวา่ งแหงรงุ่ อรุณ พระองค์มีเพียงหยาดนํา้ ด้างบนใบโพธพิ ฤกษ์เปน็ เพ่อื น ดอ้ งเสด็จจากโพธิมณฑลไปพาราณสีด้วยพระบาทเปลา่ ถงึ ๑๐ วนั เพยี งเพื่อหาเพอ่ื นผู้รบั คำแนะนำของพระองค์สัก ๕ คน แตม่ าบดั นี้ พระองค์มภี กิ ษสงฆ์สาวกเป็นจำนวนแสนจำนวน ล้าน มหี ม่ชนเปน็ จำนวนมากเดนิ ทางมาจากทศิ านุทศิ เพียงเพ่ือไดเ้ ข้าเฝืาพระองค์ เพราะคนทั้ง หลายรู้สกึ วา่ การได้เห็นพระพทุ ธเจา้ นั้นเปน็ ความสขุ อย่างย่ีงของเขา เม่อื ๔๕ ปีมาแลว้ ทรงมเี พยี งหญ้าคามดั หน่ึงท่นี ายโสตถยิ ะนำมาถวาย และทรงทำ เปน็ ที่รองประทบั มาบัดนี้ มีเสนาสนะมากหลายทส่ี วยงาม ช่งึ มผี ู้ศรัทธาสรา้ งอทุ ศิ ถวายพระองค์ เขน่ เชดวนั เวฬวุ นั ชวี กมั พวนั มหาวนั ปพุ พาราม นิโครธาราม โฆสิดาราม ฯลฯ เศรษฐี คหบดี ต่างแยง่ ชิงกันจองเพอื่ ให้พระองคร์ บั กดั ตาหารของเขา แนน่ อนทีเดยี ว หากพระองค์เปน็ พระเจ้า- จักรพรรติ คงจะไม่ไดร้ บั ความนิยมเลื่อมใสถงึ ขนาดนีแ้ ละไมย่ นื นานถงึ ปานนี้ เมอื่ ๔๕ ปมี าแล้ว ภายใดโ้ พธพิ ฤกษ์อันรม่ เยน็ ริมม้งื แม่น้าํ เนรัญชรา พระองคไ์ ด้บรรลุ แล้วซงึ่ กเิ ลสนพิ พาน กำจดั กิเลสและความมดี ให้หมดไป และบัดนภี้ ายไดด้ ้นสาละทง้ั คู่ และความเยน็ เยอื กแห่งปัจฉิมยามพระองค์ก็ดับแล้วแลว้ ด้วยขันธนิพพาน สมเดจ็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ผมู้ พี ระรปู อนั วิจติ รดว้ ยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ประดับดว้ ยอนพุ ยัญชนะ ๘๐ มพี ระธรรมกายอนั สำเร็จแล้วดว้ ยนานาคุณรตั นะ มีศีลขันธ์อนั บริสุทธด้ิ ้วยอาการทง้ั ปวงเปน็ ดน้ ถึงมง่ื แหง่ ความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ดว้ ยยศ ด้วยบญุ ด้วยฤทธิ้ ดว้ ย กำลง และดว้ ยปญั ญา พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าพระองค์นั้นอังดอ้ งดับแลว้ ดว้ ยการตกลงแห่งฝนคือ มรณะ เหมือนกองอคั คีใหญด่ ้องดับมอดลงเพราะฝนหา่ ใหญ่ดกลงมาฉะน้ัน พระองค์เคยตรสั ไร้ว่า “ไม่วา่ พาลหรอื บณั ฑิต ไม่วา่ กษัตรยิ ์ พราหมณไ์ วศยะ ศทู ร หรือ จัณฑาล ในที่สุดกต็ ้องบ่ายหนา้ ไปสู่ความดาย เหมอื นภาชนะไมว่ า่ เล็กหรอื ใหญ่ ในทส่ี ุดก็ต้องแดก สลายเหมือนกนั หมด’’ นั้นช่างเปน็ ความจริงเสียนีก่ ระไร! อนั ว่าความดายน้มี อี ทิ ธิพลยิ่งใหญน่ กั ไมม่ ีใครสามารถดา้ นทานต่อส้ดู ว้ ยวิธใี ด ๆไดเ้ ลย ก้าวเขา้ ไปสปู่ ราสาทแห่งกษตั รยิ าธริ าช และแมใ้ นวงชีวิดของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ อยา่ งสง่าผ่า- www.kalyanamitra.org
เผย ปราศจากความสะทกสะทา้ นใด ๆ เชน่ เดยี วกับกา้ วเข้าไปสกู่ ระท่อมนอ้ ยของขอทาน พระยา มจั จุราชนี้เป็นตลุ าการท่เี ท่ียงธรรมยง่ิ นัก ไมเ่ คยลำเอยี งหรอื กนิ สนิ บนของใครเลย ยอ่ มพิจารณาคดี ดามบทพระอยั การ และอา่ นคำพพิ ากษาด้วยก้อยคำอนั หนกั แนน่ เด็ดเด่ียว ไม่ฟังเสียงคัดด้าน และขอรอ้ งของใคร ทา่ มกลางเสียงครัา๋ ครวญอนั ระคนดว้ ยกล่นื ธูปควันเทยี นนน้ั ทา่ นไดย้ ่ืนพระ หดั ถอ์ อกกระชากให้ความหวงั ของทกุ คนหลดุ ลอย และแลว้ ทุกอย่างก็เปน็ ไปตามพระบัญชาของ พระองค์ เมอ่ื มาถงึ จุดนี้ ความย่ิงใหญ่ของผยู้ ่งิ ใหญท่ ง้ั หลาย ก็จะกลายเปน็ เพยี งนิยายที่ไร้เล่าสู่ กันฟังเท่านั้น มงกฎประคบั เพชรกม็ คี ่าเทา่ กบั หมวกฟาง พระคทาอันมลี วดลายวิจติ รก็เหมอื นทอ่ นไมั ทีไ่ รค้ า่ เมือ่ ความดายมาถึงเข้า พระราชาก็ต้องถอดมงกุฎเพชรลงวาง ท้งิ พระคทาไร้ แล้วเดินเคยี ง คใ่ ปกบั ชาวนาหรือขอทานผู้ไดท้ ง้ิ จอบ เสียม หมวกฟาง และคนั ไถ หรอื ภาชนะขอทานไรใ้ หท้ ายาท ของดน ใครเลา่ จะต่อกรกบั พระยามัจจุราชผเู้ ปน็ ใหญ่ในลืง่ ที่ดอ้ งตาย แต่ล้าไม่มีความตายแล้ว มนษุ ย์ทัง้ หลายก็จะมวั เมาประมาท และมีชีวติ อยู่อยา่ งทุกขท์ รมานมากกวา่ นี้ พระยามัจจรุ าชก็ มบี ญุ คุณกบั มนุษยม์ ากอยู่ เพราะเพยี งแดนักถงึ ทา่ นบอ่ ย ๆ เท่านัน้ ก็ท่าใหค้ วามโลภโกรธและหลง สงบลง และเพียงแต่เอาช่อื ของทา่ นไปขู่เทา่ นนั้ กท็ า่ ให้บุคคลบางคนวางมอื จากความชว่ั ทจุ ริตที่ เคยทา่ มา แต่ก็พระยามัจจุราชนีเ่ องท่กี ระชากเอาชวี ติ ของคนดีมีประโยชนบ์ างคนไปอยา่ งหนา้ ดา เฉย แม้ไนโอกาสอันยังไมค่ วร แมค้ วามงามอันเฉิดฉายของหญิงงามสะคราญตาร่านใจอนั ถกู ยกยอ่ งแล้ววา่ เป็นหนึง่ ในจกั รวาล เป็นทดี่ อ้ งการปรารถนายง่ิ นักของบรุ ษุ ทกุ วัยในพื้นพภิ พ เธอผงู้ ามพรอ้ มเช่นน้ี ในท่ลี ุด กด็ อ้ งเป็นเหย่ือของความดายผ้ไู มเ่ คยยกเร้นและปรานีใครเลย เมือ่ ดาบแห่งมจั จุราชฟาดฟนั ลง ใช้ บ่วงอนั มีมหฑิ ธานุภาพยิ่งนักคล้องเอาดวงวิญญาณไปแลว้ ร่างอนั งดงามเรา้ กามคุณใหก้ ำเริบนน้ั ก็ พลันนอนน่ึงเหมอื นท่อนไม้ มันไร้คา่ ยิง่ กวา่ ท่อนไม้เสียอกี เพราะไมอ่ าจน่าไปทา่ ประโยชน์ได ๆได้ เลย จะท่าสมั ภาระหรอื เปน็ เคร่อื งมอื หงุ ข้าวตม้ แกงก็มไิ ด้ มีแต่เป็นเหย่ือของหมู่หนอนเข้าชอนไซให้ ปรพุ รุนเน่าเหมน็ เป็นทสี่ ะอดิ สะเอยี น แม้แก่บุคคลท่ีเคยรักเหมือนจะขาดใจ อะไรเลา่ จะเป็นสาระใน ชวี ิดมนษุ ยน์ ี้ นอกเสยี จากความดที ี่เคยบำเพญ็ และทงิ้ ไรใ้ นโลกระลึกถงึ และยกย่องบชู า ดว้ ยประการฉะน้ี เจา้ ของแหง่ เรือนรา่ งทง่ี ดงามพรง้ิ เพรา ล้ามัวแต่เมาในรา่ งอนั ไร้สาระ ของตน มไิ ดข้ วนขวายบำเพ็ญประโยชน์ใหส้ มกบั ท่เี กิดมาเป็นมนษุ ยแ์ ลว้ คณุ ค่าของ เขาจะลก้ อ้ นอิฐปูถนนได้อยา่ งไร พระผู้มพี ระภาคเจา้ ปรนิ ิพพานไปแลว้ พระกายของพระองค์เหมือนของคนทง้ั หลาย ซ่งึ จะต้องแดกสลายไปในท่สี ุด แต่ความดแี ละเกียรตคิ ุณของพระองคย์ ังคงดำรงอย่ใู นโลกตอ่ ไปอีก นานเทา่ ใดไมอ่ าจจะกำหนดได้ ความดนี ึเ่ องท่เี ปน็ สาระอนั แท้จรงิ ของชีวิต ขณะเดยี วกับทพ่ี ระผ้มู ีพระภาคผทู้ รงพระคณุ อันประเสรฐิ ละทง้ิ วิบากขนั ธ์อันทรมาน เข้าสู่ศิวโมกขม์ หาปรินพิ พานนนั้ เหตุอัศจรรย์ก็บันดาลใหเ้ ปน็ ไปทว่ั ทอ้ งธรณีและสากลจกั รวาล โลกธาตุ มหาปฐพดี ลซึ่งสามารถรองรับนานาสังขารลักษณะเชน่ ภเู ขาสเิ นรุราชเปน็ ดน้ ก็ไมอ่ าจทนอยู่ได้ แสดงกมั ปนาการหว่ันไหว อีกท้งั หว้ งมหรรณพกก็ ำเริบ ดีฟองคะนองครนื คว่ันนฤนาทสนัน่ ทัว่ ทง้ั www.kalyanamitra.org
สาคร หมู่มัจฉาปาณกชาติมงั กรผดุ ดำกระทำศพั ทใ์ ห้นฤโฆษประดุจเสยี งปริเทวนาการแชช่ ้องโศกาดรู กำสรด ห้องฟ้านภากาศก็มืดมวั สลวั ลง พร้อมทั้งมีเสียงครืนครน่ั สนัน่ ทั่วเวหาสน์ เหมือนแสดง อาการคร่าํ ครวญถงึ องคพ์ ระโลกนาถผ้จู ากไป มองลงมายังพื้นปฐพี ณ สาลวโนทยานมณฑลซ่ึงคลาคลาไปดว้ ยศาสนิกชนพุทธบริษัท อรา่ มไปดว้ ยกาสาวพสั ตร์อำไพพรรณ และทวยนาครผู้มคื วามอาลัยในพระศาสดา พอเสียงกอ้ งกังวาน ระคนเศร้าของพระอานนท์อนชุ าประกาศออกมาวา่ บดั น้พี ระผู้มืพระภาคเจ้าปรนิ ิพพานแล้วเทา่ นัน่ เสยี งรา์ ไหก้ ร็ ะงมข้นึ พร้อมกนั ประดจุ เสยี งจักจัน่ และเรไรกรดี รอ้ งยามยาสนธยา ท้ังคฤหสั ถแ์ ละ บรรพชติ ที่ยังเป็นปถุ ุชนไม่อาจจะอดกลัน้ อสั สชุ ลธาราไวไ้ ด้ ร์ารอ้ งโหยไหป้ ระดุจบดิ าแห่งตนได้ส้ิน ชีพลงพร้อม ๆ กัน ณ บริเวณสาลวันเปยี กชมุ่ ไปดว้ ยนาั่ ตา เหมือนพระพิรณุ โปรยลงมาเป็นครัง้ คราว เสยี งร์าไห้ติดต่อเปน็ เสยี งเดยี วกนั ท้ัวถุสนิ ารานคร ฝา่ ยภกิ ษผุ ้เู ปน็ ขีณาสพ สนิ้ อาสวะแลว้ ก็ปลงธรรมลังเวชพร้อมดว้ ยปลอบผู้ที่กำลังรอ้ งไห้ คร์าครวญด้วยธรรมกถาให้เหน็ ความเป็นไปดามธรรมดาแหง่ สีง่ ทั้งปวงคือความไมเ่ ทยี่ ง เปน็ ทกุ ข์ และมใิ ชด่ ัวตนทนไม่ได้ต้องแดกไปดบั ไป สลายไป พระผ้มู พี ระภาคเจา้ ปรินพิ พานแลว้ แต่ด้นปจั ฉิมยามแหง่ ราตรี เวลายงั เหลืออยอู่ ีกนาน กว่าจะรงุ่ อรณุ พระอนุรทุ ธะและพระอานนท์ไดล้ บั เปล่ยี นกันแสดงธรรมปลอบพทุ ธบรษิ ัทใหค้ ลาย โศก ดว้ ยธรรมเทศนาอันปฏิลังยุดดว้ ยไตรลักษณาการ คอื ความไมเ่ ทีย่ งเป็นทกุ ข์และเป็นอนดั ดา ขา่ วการดบั ขันธปรนิ พิ พานของพระผมู้ พื ระภาคเจา้ แพรส่ ะพัดไปอย่างรวดเรว็ จาก แคว้นสแู่ คว้น จากราชธานสี ู่ราชธานี จากนคิ มสู่นคิ ม และจากชนบทส่ชู นบทดลอดเวลาทว่ั ชมพทู วีป ภารด วรรษท้ังหมดสั่นสะเทอื นวปิ โยค ประดุจบุรุษผ้มู กื ำลงั ติงย่านเถาวลั ย์อนั เกี่ยวพนั รุกขสาขา ยังความ สน่ั สะเทอื นใหเ้ กิดขน้ึ ท่ัวมณฑลแห่งรกุ ขชาตกิ ป็ านกนั ไอแห่งความเศร้าสลดแผก่ ระเซน็ สาดกระ- จายไปทั่วขณั ฑสีมาอาณาเขต ประหนึ่งละอองฝนกระจายไปท่ัว.พื้นเมทนิ ชมพูทวีปทัง้ หมดครึม้ ไป ด้วยเมฆคือความโศก และชุ่มโชกด้วยละอองฝน คอื ปรเิ ทวนาการ ต่อเนอื่ งเป็นอันหน่งึ อนั เดียวกัน ดว้ ยประการฉะนึ่ กำหนดเกบ็ พระพุทธสรรี ะไวเ้ ป็นเวลา ๖ ราดรี ในวันท่ี ๗ กจ็ ะทำพิธถี วายพระเพลิง ณ มกฎุ พันธนเจดยี ์ ในระหวา่ ง ๖ ทิวาราตรีน่นั มหาชนจากทิศานทุ ศิ เดินทางมาเพื่อบูชาพระพุทธ- สรรี ะ บรเิ วณอทุ ยานสาลวนั ปานประหนึ่งคลมุ ดว้ ยผ้าขาว ทง้ั นเ้ี พราะชาวชมพทู วปี ไว้ทุกขด์ ว้ ยชดุ ขาวล้วน พระพุทธอนชุ าอานนท์ตอ้ งรบั ภาระหนักเป็นพิเศษ แม้จะพยายามหกั หา้ มใจลักปานใด แตก่ ม็ ืบางครัง้ เม่อื ท่านเหน็ คนทั้งหลายเศรา้ โศกก็อดทีจ่ ะกำสรดตามมไิ ด้ เพราะความอาลัยในพระศาสดา มอื ยูใ่ นจติ ใจของท่านสดประมาณ เมือ่ ถงึ วันที่ ๗ พระพทุ ธสรรี ะกถ็ ูกนำไปสู่มกุฎพันธนเจดยี ์ดา้ นบูรพาถสุ ินารานครเตรียม ถวายพระเพลิง พอดมี ขื ่าวมาวา่ พระมหากสั สปซ่ึงเป็นเถระผูใ้ หญ่ทพี่ ระผมู้ พื ระภาคเจ้าทรงยกยอ่ ง มาก กำลังเดินทางจากเมืองปาวา จวนจะถึงอย่แู ลว้ คณะมลั ลกษตั ริย์และพระอานนท์จึงให้หยดุ การถวายพระเพลงิ ไว้ก่อน รอจนกระทงั่ พระมหากสั สปมาถงึ พธิ ีจึงไดเ้ รมิ่ ข้นึ โดยมีพระมหากัสสป เป็นประธาน www.kalyanamitra.org
fe>®® ผา้ ๔๙๘ ชนั้ ท่หี อ่ พระพทุ ธสรรี ะนั้นถกู ไฟไหมห้ มด เหลืออย่เู พียง ๒ ชนั้ ไฟไมไ่ หม้ เกบ็ รักษาพระบรมสารีรกิ ธาตไุ ว้อยา่ งสมบรู ณ์ มิใหก้ ระจดั กระจาย ผา้ สองช้นั ในท่สี ดุ ท่ีใช้ห่อพระพุทธ- สรีระนั้น เป็นผา้ พเิ ศษเรยี กว่า “อัคคโิ วทานทสละ,, ตามตัวอักษรแปลว่าซักดว้ ยไฟ ผา้ ชนิดนีท้ ำ ด้วยใยหนิ ไฟไมไ่ หม้ เมือ่ ใชไ้ ปนาน ๆ ตอ้ งการจะซกั ตอ้ งโยนเชา้ กองไฟ ผ้าจะสะอาดตังเดิม อกี คร้งั หนงทเ่ี สยี งปริเทวนาการ ตงั ระงมไปท่วั ปรมิ ณฑลแห่งมกุฎพน้ ธนเจดยี ์ อนั เปน็ ที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ อัสสุชลธาราหลง่ั ไหลชุ่มโชกทุกใบหน้า เขาเหล่านนั้ เปน็ ประดจุ ฝูงวิหค นกกาท่เี คยจับโพธิพฤกษ์หรือมหานิโครธอนั สมบูรณด์ ้วยลำด้นและกงิ่ ก้านสาขามีเงาครึม้ สะพรงั่ ดว้ ยผลาผลอนั เอมโอช เม่ือโพธ้ิหรอื ไทรนั้นล้มลง ยงั ความเศรา้ สลดแกฝ่ ูงวิหคสุดประมาณคร่ังหนงึ่ แลว้ เม่อื ดน้ ไมน้ ้ันถกู เผาให้ไหมม้ อด ไม่อาจมองเห็นได้อกี ตอ่ ไป นกเหลา่ นนั้ จะเศรา้ โศกสักปานใด ใครเลา่ จะรู้ซ้ึงไปกวา่ ผปู้ ระสบเอง “โอ! พระผู้มพี ระภาคเจ้าผ้ปู ระเสรฐิ ” นึ่คอื เสียงคราครวญ “พระองคผ์ ทู้ รงพระมหา- กรุณากวา้ งใหญด่ จุ ห้วงมหรรณพ มนี ้าั พระทัยใสบรสิ ุทธดิ้ ุจนํา้ ดา้ งเมื่อร่งุ อรุณ ทรงมพี ระทัยหนกั แน่นดุจมหิดล รับไดท้ ้ังเร่ืองดแี ละเร่ืองรา้ ย ทรงสละความสขุ ส่วนพระองค์ขวนขวายเพื่อความสงบ ร่มเย็นของปวงชน พระองคเ์ ป็นผปู้ ระทานแสงสวา่ งแก่โลกภายในคือดวงจิต ประดุจพระอาทติ ย์ ใหแ้ สงสวา่ งแก่โลกภายนอกคือห้องฟ้าปฐพี บดั นี้พระองคป์ รนิ พิ พานเสียแล้ว มองไม่เหน็ แม้แตเ่ พียง พระสรีระซึง่ เคยรับใช้ พระองค์โปรยปรายธรรมรัตน์ประหนึ่งม้าแก้วแห่งพระเจ้าจักรพรรดเิ ปน็ พาหนะนา่ เจ้าของตรวจความสงบสขุ แหง่ ประชากร “โอ! พระมหามุนี ผเู้ ป็นจอมชน บดั นช้ี า้ พระองคท์ ั้งหลายเป็นประดจุ นกในเวหา ไรโ้ พธ้ิ หรือไทรทีจ่ ะจบั เกาะ ประดุจเดก็ น้อยผ้ขู าดมารดา เหมือนเรือท่ลี อยคว้างอยูใ่ นมหาสมุทร อ้างวา้ ง วา้ เหวส่ ุดประมาณ จะหาใครเลา่ ผเู้ สมอเหมือนพระองค”์ แม้พระอานนท์พทุ ธอนุชาเองกไ็ มส่ ามารถจะอดกล้ันน้าั ดาไวไ้ ด้ เป็นเวลา ๒๕ ปี จำ เดมิ แตร่ บั หนา้ ทพี่ ุทธอุปฏั ฐากมา เคยรบั ใช้ใกล้ชดิ พระพทุ ธองคเ์ สมือนเงาตามองค์ บัดน้ีพระพทุ ธ- องคเ์ สด็จจากไปเสียแล้ว ทา่ นรู้สกึ ว้าเหว่และเงียบเหงา ไม่ได้เหน็ พระองคอ์ กี ตอ่ ไป เวลา ๒๕ ปี นาน พอทจ่ี ะกอ่ ความรูส้ กึ สะเทอื นใจอยา่ งรนุ แรงเมอ่ื มกี ารพลดั พราก แด1แลว้ เรอ่ื งทง้ั หลายกม็ าจบลงดว้ ยสจั ธรรมทพ่ี ระองคท์ รงพรา่ื สอนอยเู่ สมอวา่ -สง่ิ ใดสง่ิ หนง่ึ ปคี วามเกดิ ขน้ึ สง่ิ นน้ั ยอ่ มปกี ารดบั ไปเปน็ ธรรมดา -สง่ิ ทง้ั หลายทง้ั ปวงเกดิ ขน้ึ เพราะปเี หตุ สง่ิ นน้ั ยอ่ มดบั ไดเ้ มอ่ื เหตดุ บั -สง่ิ ทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ ในเบอ้ื งดน้ ตง้ั อยใู่ นทา่ มกลางและดบั ไปในทส่ี ดุ บดั น้ี พระพทุ ธองคด์ ับแล้ว ดบั อยา่ งหมดเขอ้ึ ทง้ิ วบิ ากขนั ธแ์ ละกเิ ลสานสุ ยั ทง้ั ปวง ประตจุ กองไฟดบั ลงแลว้ เพราะหมดเขอ้ึ ฉะนน้ั ฯ www.kalyanamitra.org
วันหนึง่ ก่อนวันประชมุ สังคายนา เมอถวายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะแลว้ พระมหากสั สปไดใ้ ห้ประชุมสงฆป์ รารภ เพอทำสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั นัดหมายให้ทรงจำกนั ไดว้ ่า ธรรมอนั ใด •วินยั อันใด พระผมู้ พี ระภาค ทรงสั่งและทรงสอนไว้วา่ อย่างไร ทั้งนืโ้ ดยคำนงถงคำกลา่ วจ้วงจาบพระธรรมวินยั และ พระศาสดาของภกิ ษุชรานามว่าสุภัททะ ทา่ นกล่าวทา่ มกลางมหาสมาคมว่า C “ดูกอ่ นทา่ นผู้นิรทุกข์ทง้ั หลาย! สมยั เม่ือขา้ พเจ้าเดินทางจากกรูงปาวามาสกู่ สนิ ารานครน้ี มีภิกษุเปน็ อันมากเปน็ บรวิ าร ขณะมาถงึ ก่งึ ทาง ข้าพเจ้าไดส้ ดับข่าวปรนิ พิ พานของ พระผู้มีพระภาค ภิกษทุ ั้งหลายผเู้ ปน็ ปุถุชนยังมีอาสวะอยู่ ไมอ่ าจอดกล้ันความโศกไว้ได้ ตา่ งก็ปริ- เทวนาการคราี ครวญถึงพระผูม้ ีพระภาคพระองค์น้นั สว่ นภกิ ษุผู้สน้ิ อาสวะแลว้ กป็ ลงธรรมสงั เวช แบบอรยิ ชน แต่มภี กิ ษนุ อกคอกรปู หน่งึ บวชแลว้ เมอ่ื ชรา นามวา่ สภุ ัททะได้กล่าวขึ้นวา่ ทา่ นทัง้ หลาย อยา่ เสยี ใจ อย่าเศรา้ โศกเลย พระสมณโคดมนพิ พานเสยี กด็ แี ลว้ พวกเราจะไดเ้ ปน็ อิสระ พระสมณโคดม ยงั อยคู่ อยจจ้ีวา่ สิง่ นี้ควรทำ สิ่งนไ้ี ม่ควรทำ ข่มขู่ ขนาบพวกเราทง้ั หลายด้วยระเบยี บวนิ ยั มากหลาย เหมือนจะเหยยี ดมอื เหยียดเท้าไม่ออก บดั นพี้ ระสมณโคดมนิพพานแล้ว เป็นลาภของพวกเราทั้งหลาย ตอ่ ไปนพ้ี วทเราตอ้ งการทำอะไรกจ็ ะได้ทำ ไมด่ ้องการทำอะไรกไ็ มด่ อ้ งทำ “ดูก่อนผู้ไมห่ ลงใหลในบ่วงมาร!” พระมหากสั สปกลา่ วต่อไป ความจรงิ สภุ ทั ทะผชู้ ราไม่ พอใจพระคาสดาเปน็ ส่วนตัว เพราะเธอไม่เขา้ ใจในพระผูม้ ีพระภาคเจา้ เรือ่ งมีว่า-- www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
“คร้งั หนงนานมาแลว้ สมยั เม่อื พระพทุ ธองค์เที่ยวจารกิ โปรดเวเนยนิกรชน เสดจ็ จาก เมอื งกสนิ ารานี้ไปยังเมืองอาตุมา สมัยนนั้ สภุ ทั ทะภกิ ษุบวชแลว้ และลูกชายของเธอทั้งสองคนก็ บวชเปน็ สามเณร เม่อื พระศาสดาเสด็จมาถึงเมืองอาตุมา สุกทั ทะภิกษุก็จัดการต้อนรบั พระพุทธองค์ เป็นการใหญ่ เที่ยวปาวประกาศชาวเมืองให้เตรียมชชั ชโภชนาหารถวายพระองค์ .และให้สามเณร ลกู ชายทงั้ สองออกเที่ยวเร่ยี ไรชาวนคร นำเอาขาวสาร ปลาแห้ง และเครอี่ งบริโภคอึ่น ๆ อีกมาก ชาวบ้านผศู้ รทั ธาไนพระศาสดา แบ้จะไมศ่ รทั ธาในสุภัททะภกิ ษุก็ถวายของมาเปน็ จำนวนมาก สกุ ัททะรวบรวมของไต้เป็นกองใหญแ่ ล้ว จัดการทำเอง ปรงุ อาหารเอง เตรยี มการโกลาหล รงข้ึน พระศาสดาเสดจ็ ออกบณิ ฑบาดตามปกติมีภกิ ษดุ ามเสด็จพอประมาณ สุภิททะ ไต้ทราบขา่ วนจี ึงออกจากโรงอาหาร ถอื ทพั พีด้วยมือข้างหนึ่ง มีกายขะมกขะมอมดว้ ยเขม่าไฟ รีบว่งิ ออกไปตามพระศาสดาในละแวกบ้าน เมอ่ื อยูเ่ ฉพาะพระพกั ตร์ เขาคกุ เข่าขา้ งหนึง่ ลง และชันเขา่ อีกขา้ งหนึ่งในทา่ ยองพรหม ประนมมือทั้ง ๆ ทม่ี ทื พั พอี ย่กู ราบทลู วา่ “พระผมู้ ืพระภาคผู้เจริญ! ขอพระองค์เสด็จกลบั เถิด อยา่ ออกบณิ ฑบาตเลย ชัชชโภชนา หารข้าพระองค์ไตจ้ ดั เตรยี มไวเ้ รียบรอ้ ยแลว้ ข้าพระองคอ์ าศัยความเล่อื มไสในพระองค์ เปน็ ทตี่ ้งั จงึ ขวนขวายเพึ่อพระองค์ แบอ้ าหารทุกอยา่ งขา้ พระองคก์ ป็ รุงเอง ทำด้วยมือของตนเอง ขอพระองค์เสด็จไปลู่อารามเถดิ อาหารพรอ้ มอยแู่ ลว้ ” พระจอมมนุ ปี ระทับอยู่ระหวา่ งทาง ทรงมองดูสุภทั ทะด้วยสายพระเนตรทีแ่ สดงอาการ ตำหนิ และทรงหา้ มถึง ๒ ครง้ั ในครง้ั ที่ ๓ จึงตรัสวา่ “อย่าเลย สุภัททะ เธออยา่ ยนิ ดีพอใจให้ตถาคตทำอยา่ งนนั้ เลย การบิณฑบาตเป็นพุทธวงศ์ อาหารท่ไี ต้มาจากการบณฑบาดเป็นอาหารทบี่ ริสทุ ธยิ้ ่ีง” “ดูกอ่ นสุภทิ ทะ! อาหารทท่ี วยนาครหุงเตรียมไวเ้ พือ่ มนุ กี ม็ ือยู่ เรือนละนดิ เรือนละหน่อย เม่ือกำลังแขง้ ของเรายงั มอื ยู่ เราจะเทยี่ วไปแสวงหาอาหารดว้ ยปลนี อ่ งนี”้ “ดูกอ่ นสุภิททะ อาหารทีเ่ ธอทำนน้ั ไม1สมควรที่สมณะจะพีงบรโิ ภค เป็นอกับปยิ โภชนะ อนึ่ง ทางที่เธอไต้อาหารมาก็ไมส่ ุจรติ เธอไปขอของจากคฤหัสถซ์ ง่ึ มไื ชญ่ าติ และมใิ ช่ปวารณา คอื เขาไมไ่ ต้บอกอนญุ าตไว้ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง สมณะไมค่ วรทำอาหารบรโิ ภคเอาเอง ดกู อ่ นสุกทั ทะ แบไ้ ล้ขอ'ท,ราจะขาดสะบั้นลงเพราะความหวิ เราก็ไมย่ นิ ดีบรโิ ภคโภชนะของเธอ กรรมทไ่ี มถ่ ูกไม่ ควรน่าตำหนิ เธอไต้ทำแลว้ อนง่ึ เลา่ ดูซอิ าการของเธอน้เี หมาะสมกับความเป็นสมณะนักหรือ ว่ิง ออกมาทัง้ ๆ ทมี่ อื ถอื ทพั พอี ยู่ จีวรกม็ ิไตห้ ่มให้เปน็ ปริมณฑล ชา่ งรมุ่ ร่ามเสยี เหลือเกนิ ” “ดูก่อนสุกทั ทะ! อย่านึกว่าเราไมเ่ ข้าใจในเจตนาดขี องเธอ เราร้และเห็นเจตนาดขี องเธอ แตเ่ ธอทำไมถ่ ูก เจตนาดีนั้นก็พลอยก่อให้เกดิ ผลรา้ ยไปด้วย การเตรยี มชัชชโภชนาหารไว้ตอ้ นรับ นั้น เปน็ เรือ่ งของคฤหสั ถท์ เ่ี ขาจะทำกัน ลา้ เธอต้องการบชู าเราก็จงต้งั หนาั ปฎบิ ต้ ิดามธรรมวินยั ทำ ตนเป็นคนวา่ ง่าย และเลี้ยงง่าย เรยี กวา่ ปฏบิ ต้ บิ ชู าเถดิ “ดูกอ่ นสภุ ัททะ! คนทีป่ ราศจากหริ ิโอตตัปปะ มืความกล้าประดจุ กา มักจะมชื วี ติ อยู่ อยา่ งสะดวกสบาย แตไ่ ร้ความสุขใจและภาคภมู ใิ จ ส่วนผูท้ ี่มืหิรโิ อตัปปะ สงบเสงย่ี มแบบมนุ ี เข้าลู่ สกุลมิให้กระทบกระทง้ั ศรัทธาและโภคะของคฤหัสถ์ เหมือนแมลงผ้งึ เขา้ ไปในปาดดู เอานาํ้ หวานใน เกสรดอกไม แต่มใิ หบ้ ุปผชาติชอกชา้ํ นั้นย่อมเปน็ อยู่ยาก แตม่ คื วามสขุ ใจแลว้ ภาคภมู ใิ จ” www.kalyanamitra.org
Isd®<£ พระตถาคตเจา้ ตรสั อย่างนน้ั แล้วเสด็จเลยไป โดยมไิ ด้สนพระทยั กบั สภุ ัททะภิกษอุ กี เลย พระสุภทั ทะทงั้ เจบ็ และทงั้ อาย แด่พูดอะไรไมอ่ อก จึงผกู ใจเจบ็ พระผู้มืพระภาคเจา้ ต้งั แตบ่ ดั น้นั เปน็ ดน้ มา “ดูโเอนผู้มอี ายุ! พระผูม้ ิพระภาคมพิ ระทัยเป็นธรรมาธปิ ไตย คือทรงฉอื อวามถกู ความ ควรเป็นใหญ่อยา่ งแท้จริง แม้ใครจะทำอะไร ๆ เพ่ือพระองค์ แดล่ ้าการกระทำน้นั ไมถ่ กู ดอ้ งตามทำนอง คลองธรรมพระองค์กไ็ มท่ รงยินดีดว้ ย แดก่ ารกระทำของภิกษุบางรูป ซงึ่ ในสายตาของผู้อ่นึ ดูเหมอื น จะเป็นการขาดความเคารพรักในพระศาสดา ดเู หมอื นจะไมห่ ่วงใยพระองค์ แด่การกระทำอันน้นั ถกู ดอ้ งดามทำนองคลองธรรมพระองค์กท็ รงอนโุ มทนาสาธุการ อยา่ งเรอื่ งพระธมั มารามเปน็ อุทา- หรณ์” ‘‘ดูกอ่ นผูม้ อิ ายทุ ัง้ หลาย!” พระมหากสั สปกลา่ วต่อไป ‘‘พระศาสดานพิ พานเพยี ง ๗ วนั เทา่ นัน้ อังมิโมฆบรุ ษุ กลา้ กล่าวจว้ งจาบพระธรรมวนิ ยั และพระศาสดาถงึ เพียงนี้ ต่อไปภายหน้า ภิกษุ ผู้ลามก มจิ ิตทราม คิดวา่ ศาสนาปราศจากศาสดาแลว้ พงึ เหยยี บยาพระธรรมวินัยสกั ปานใด เพราะ ฉะน้ัน เราทั้งหลายจงประชุมกนั เพื่อสังคายนาพระธรรมวินยั ดามท่ีพระศาสดาเคยทรงสอนและ บัญญ้ตไิ ว้” ตอ่ จากน้ันก็มกิ ารประชมุ ปรกึ ษากนั วา่ ควรจะทำสังคายนาทใ่ี ด ในทสี่ ุดดกลงกนั ว่า ควร จะทำท่ีกรงุ ราชคฤท์ เหลือเวลาอยอู่ ีกเดือนครึ่งจะเขา้ พรรษา ที่ประชมุ ตกลงกันว่า จะทำสังคายนา ในพรรษาดลอดเวลา ๓ เดือน พระมหากัสสปพาภกิ ษุหมู่หนงึ่ มงุ่ ไปสกู่ รุงราชคฤห์ พระอนรุ ุฑธะพา ภกิ ษอุ กี หมหู่ นึง่ ไปสูก่ รุงราชคฤห์เช่นเดียวกัน ส่วนพระอานนท์ พทุ ธอนุชา มภี กิ ษสุ งฆ์แวดล้อมเป็นบริวารเดินทางไปสนู่ ครสาวัดถึ ทุกหนทุกแหง่ ทีท่ า่ นผ่านไปมีเสียงครึาครวญประดจุ วนั ท่พี ระศาสดานพิ พาน ทกุ คนมใิ บหนา้ ชุม่ ด้วยน้าํ ดากล่าววา่ “พระคุณเจ้าอานนทผ์ ู้เจริญ ท่านนำเอาพระศาสดาไปทิง้ เสีย ณ ท่ีใดเล่า” คำพดู เพียงสั้น ๆ แดก่ นิ ความลึกซึ่งน้ี ทำใทจ้ ดิ ใจของพระพทุ ธอนุชาหวน่ั ไหวและตื้นตัน ความเศร้าของ ท่านซึง่ สงบระงับลงบัางแล้ว กลบั ฟืนตัวซึน่ อีกเหมือนโรคอนั สงบลงดว้ ยฤทธ้ิยา และกลบั กำเริบ ซนึ่ เพราะของแสลง ถึงกระนน้ั ท่านก็พยายามให้ความโศกสลดสงบระงบั ลงด้วยการนอ้ มเอาโอวาท ของพระศาสดาประตบั ประคองใจ และแล้วก็ปลอบโยนพุทธศาสนิกชนให้คลายโศกด้วยเทศนาอนั กลา่ วถึงไตรลกั ษณ์ คอื ความไมเ่ ท่ยี งเป็นทุกขแ์ ละเป็นอนัตตา แล้วเดินทางมาโดยลำดบั จนกระทั้งลุ ถงึ สาวตั ถีราชธานี เข้าไปส่เู ชตวนาราม มีพุทธบรษิ ทั มาแวดล้อมแสดงอาการเศรา้ โศกถึงพระศาสดาอีก พระอานนท์ พุทธอนุชา เข้าไปสพู่ ระคนั ธกุฎที ีพ่ ระผู้มีพระภาคเคยประทบั หมอบลง กราบทีพ่ ุทธอาสน์ เกบ็ กวาดเสนาสนะใหเ้ รยี บรอ้ ย ตัง้ นา้ั ด่มื นา้ั ใชไ้ ว้เหมือนอยา่ งทเี่ คยทำเมือ่ พระ- ศาสดาประทับอยู่ ประชาชนชาวสาวัตถึไดเ้ ห็นอาการตงั นี้แล้วหวนคิดถึงความหลงั ครั้งเมื่อพระ- พทุ ธองค์อังทรงพระชนฆอ์ ย่ สดุ ทีจ่ ะหกั ห้ามความต้นื ตนั และเศรา้ หมองได้ จงึ หลง่ั น้าํ ดาอกี ครั้ง หน่ึงประหนึ่งวา่ นั้าดาข้างหน่ึงหลัง่ ไหลเพราะสงสารพระพุทธอนชุ า และอีกข้างหนง่ึ เพราะคำนงึ ถงึ ด้วยความอาลัยรกั ในพระผมู้ ืพระภาค ความอาลยั รกั และความสงสารเมือ่ รวมกัน ลองคิดดูเถิดวา่ สภาพจติ ใจของผ้นู นั้ จะเป็นประการใด เนอื่ งจากเหนด็ เหนื่อยทรมานกายมานานตง้ั แตพ่ ระผู้มพี ระภาคทรงพระประชวร จน ถงึ พระองค์ปรินิพพาน และงานถวายพระเพลงิ พระพุทธสรีระ ล้วนแดเ่ ปน็ งานหนักทง้ั ส้นิ พระ- www.kalyanamitra.org
พทุ ธอนุชๆมสี ง่ิ หมกั หมมในร่างกายมาก จึงต้องฉันยาระบายเมึ๋อมาถึงเซตวนารามนัน่ เอง ท้งั นเ้ิ พื่อ ขับก่ายสงิ่ หมักหมมในร่างกายออกเพ่อื ให้สรรี ะกระปรก้ี ระเปรา่ ข้นึ วนั รงุ่ ข้นึ จากวนั ทฉี่ ันยาระบายแล้ว สภุ มานพบุตรแหง่ โดไทยยพราหมณ์ สง่ คนมา อาราธนาพระอานนทเ์ พือ่ ไปฉนั ที่บ้านของตน พระอานนทข์ อเล่อื นเวลาไปอกี วนั หนงึ่ โดยแจง้ ให้ ทราบว่าเพื่งฉันยาระบายใหม่ ๆไมอ่ าจเขา้ สู่ละแวกบ้านไต้ อกี วันหน่ึงจงึ เข้าไปสนู่ เิ วศนข์ องลุ[ภมา- นพโตเทยยบุตรพร้อมต้วยพระเจตกะ สุภมานพถามว่าพระผู้มพี ระภาคเมือ่ ยงั ทรงพระขนมอยู่นั้น ทรงสอนเรองอะไรอยเู่ ปน็ เนืองนิตย์ พระพุทธอนุชาวสิ ัชนาว่า พระองคท์ รงย้ําหนกั เร่ืองศีลสมาธิ ปัญญา จุดม่งหมายแห่งพรหมจรรยน์ ี้อยู่ที่ความหลดุ พน้ จากกเิ ลสาสวะท้ังมวล สว่ นศีลสมาธแิ ละ ปญั ญานัน้ เป็นเพยี งมรรค หรอื ทางสำหรบั เดนิ สภมานพมคี วามเลอ่ื มใสในธรรมเทศนาของพระ- อานนท์ จวนจะเขา้ พรรษา พระอานนท์จงึ จารกิ สู่เบญจครี ีนครเพื่อประชุมทำสังคายนา พระ- ภกิ ษุท่ีลว่ งหนา้ ไปกอ่ นไตข้ ออุปถมั ภ์จากพระเจา้ อชาตศัตรใู หซ้ อ่ มแซมท่พี กั สงฆถ์ ึง ๑๘ แหง่ และ ตกลงใจจะประชมุ สงั คายนาท่หี น้าถาํ้ สตั ดบรรณ เชิงเวภารบรรพต พระเจ้าอชาตศตั รูทรงรับเปน็ ศาสนูปถัมภกโดยตลอด ทงั้ เรอ่ื งอาหารและทพ่ี กั ทปี่ ระชุม พระเจ้าอชาตศัตรู เวเทหบิ ตุ ร ทรงใหส้ รา้ งมณฑปงดงามอำไพพรรณ ประหนงึ่ เนรมติ โดยหตั ถแ์ หง่ วิศวกรรมเทพบตุ ร มฝี าเสาและปนั ไดจัดแจงเปน็ อยา่ งดีอรา่ มด้วยมาลากรรมและลตา- กรรมประเภทตา่ ง ๆ งามชดขอ้ ย พระราชมณเฑียรสถานหรอื วิมานแห่งเทพผ้มู ศี กั ดิ้มิปานไต้ เจดิ จ้าสง่ารุ่งเรือง ประหน่ึงจะรวมเอาความงามในโลกทัง้ มวลมาไว้ในทแ่ี ห่งเดียว ทรงใหต้ กแต่งมณฑปเพริศพรายดงั วมิ านพรหม มเี พดานทอง ประดุจคาบพวงดอกไมอ้ นั มกี ส่ินหอมประทนิ ใจลงมา บุปผชาตนิ านาพันธุหลากสีตา่ งมาชุมนมถนั ณ ทน่ี ั้น ภูมิสถานละลาน แวววาวประดุจปลู าดด้วยแกว้ มณอี นั ลุกใส เสรจ็ แล้วทรงใหป้ ูเครอื งลาดอาสนะอันควรแก่สมณะมี ค่าประมาณมไิ ต้ ๕๐๐ ที่เพือ่ ภกิ ษุ ๕๐๐ รปู ในมณฑปนนั้ ทรงใหจ้ ดั อาสนะแหง่ พระเถระชิดทาง ตา้ นทิศทักษณิ ผนิ พักตรไ์ ปทางทศิ อุดร ทรงให้จดั ที่ประทบั สำหรบั พระผูม้ พี ระภาคศาสดา หนั พระพกั ตรไ์ ปทางต้านบรู พา ณ ทา่ มกลางมณฑปนั้น เสร็จแลว้ ทรงประกาศแกส่ งฆ์วา่ “พระคุณ- เจ้าทง้ั หลาย! กจิ ของข้าพเจ้าสำเรจ็ เรียบร้อยแล้ว เร่ืองต่อไปแล้วแต่พระคุณเจา้ เถดิ ” เหลือเวลาอกี เพียงวันเดยี วจะถึงวันประชุมสังคายนา แตพ่ ระพทุ ธอนุชายังมไิ ต้สำเรจ็ อรหัตตผล คงเป็นเพียงโสดาปัน ภิกษุบางรูปไตเ้ ตอื นพระอานนท์ว่า ขอให้ท่านเร่งทำความเพียร พยายามเข้าเถดิ พรุ่งนี้แล้วจะเปน็ วนั มหาสนั นบิ าต มรี ะเบยี บว่าผเู้ ขา้ ประชุมทงั้ หมดจะตอ้ งเป็น พระขณี าสพ ด้ังแตเ่ ดนิ ทางมาถึงเบญจครี ีนคร พระอานนทไ์ ตท้ ่าความเพยี รอย่างตดิ ตอ่ เพอ่ื ใหไ้ ต้ บรรลพุ ระอรหัตด์ แต่หาสำเร็จดามประสงคไ์ ม่ ในคืนสดหา้ ยนน่ั เอง ท่านไต้เร่มิ ทา่ ความเพยี รด้ังแตอ่ าทิตย์อัสดง ดัง้ ใจอย่างนน่ั คงว่า จะใหถ้ งึ พระอรหตั คใ์ นคืนน้นั ปฐมยามลว่ งไปแลว้ ก็ยังไม่อาจทา่ อาสวะให้สน้ิ ลว่ งเข้าส่มู ัชฌิมยาม พระพุทธอนุชาทา่ ความเพยี รตอ่ ไป ทา่ นระลึกถงึ พระดำรัสของพระศาสดาทป่ี ระทานไว้กอ่ นปร-ิ นิพพานว่า “อานนท!์ เธอเป็นผู้มีบญุ ทไ่ี ตบ้ ำเพ็ญสง่ั สมมาแล้วมาก เธอจะไตบ้ รรลอุ รหตั ตผลในไม่ ขา้ หลงั จากเราปรนิ ิพพานแลว้ ” www.kalyanamitra.org
|®»๗ พระพุทธดำรสั น้ีก่อใหเ้ กดิ ความม่ันใจแกพ่ ระอานนท์เป็นอันมาก และความมนั่ ใจอนั น้ี อีกเหมอื นกันกระตนุ้ จติ เรา้ ใจใหท้ า่ นทำความเพียรอย่างไม่หยดุ ยง้ั จวนจะถงึ ก่งึ มิ'ชฌิมยามมั่นเอง ท่านคิดว่าจะพก้ ผ่อนเสยี หนอ่ ยหนง่ึ แลว้ จะทำความเพียรตลอดราตรี ทา่ นจึงลงจากท่ีจงกรม ลา้ ง เทา้ ให้สะอาดแล้วทอดกายลง ขณะลม้ ตวั ลงศรี ษะยังไม่กันถงึ หมอนและยกเทา้ ข้นึ จากพืน้ ม่นั เอง จติ ของทา่ นก็หลุดพน้ จากอาสวะท้งั มวล สำเร็จเปน็ พระอรหนั ต์ในขณะน้ัน พรอ้ มด้วยปฏิสัมภทิ า และอภิญญาสมาปต้ ิ พระพทุ ธอนุชาป.ระสบปตี ปิ ราโมชอยา่ งใหญ่หลวง ความรสู้ กึ ปรากฏแกใ่ จวา่ ความเกิด ส้ินแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแลว้ กจิ ทค่ี วรทำไดท้ ำเสรจ็ แล้ว กิจอื่นทีจ่ ะด้องทำในทำนองเดียวกันนไ้ี ม่มื อกี แลว้ บัดนภี้ พใหมไ่ ม่มอี กี ต่อไป ภพทง้ั สามคอื กามภพ รปู ภพ และอรปู ภพ ปรากฎแกท่ ่านผู้บรรลุ แลว้ ซึง่ อรยิ ภมู ิ ประหนง่ึ มีเพลิงโหมอย่ทู ่ัว ไดย้ ายีความเมาท้ังปวงแล้ว ได้นำความกระหายท้งั มวล ออกไปแล้ว ได้ถอนอาลัยในกามคณุ อันเปน็ ทอ่ี าลัยยินดอี ย่างยิง่ ของมวลสดั '!ได้แลว้ ตัดวัฏฏะอนั ทำให้ หมนุ เวียนมาเปน็ เวลานานได้แล้ว ตัณหาความด้ินรนรา่ นใจได้หมดส้นิ ไปแล้ว คลายความกำหนดั ได้ แลว้ ตับเพลิงกเิ ลสและเพลิงทุกขท์ งั้ ปวงได้แล้ว ถงึ แลว้ ซงึ่ ความเยอื กเย็นอย่างยงิ่ ดวงจดิ ทเ่ี คยเร่า ร้อนดนิ้ รน บัดนี้ไดอ้ าบแลว้ ซึ่งธัมโมทกอยา่ งเตม็ ที่ ประหน่ึงหิมะละลายลงสูศ่ ิลาแท่งทบึ ซึ่งเคยถูก แดดเผามาเปน็ เวลานาน อา! ภาวะแห่งผปู้ ลดเปลื้องตนจากกิเลสเสยี ไดเ้ ป็นอย่างนี้เอง ชา่ งประสบ กบั ภาวะสงบเย็นอยา่ งเต็มที่เสียนี่กระไร! สงบเหมือนนา้ั ในแอ่งน้อยซ่งึ อยู่ในป่าสึก สดใสเหมอื น หยาดน้ําคา้ งเมือ่ รุง่ อรุณ อบอนุ่ ประดุจแสงแดดเมอ่ื ยามเชา้ อะไรเล่าจะน่าปรารถนาของชวี ีดยงิ่ ไป กวา่ นั้น น่ีเองทพ่ี ระศาสดาตรัสอยเู่ สมอวา่ “พระนิพพานซงึ่ สงบเยน็ อยา่ งยงิ่ การสำรอกตณั หา โดย ไม่เหลือเช้ือ การสละและการบอกคืนตณั หา การพน้ ไปอยา่ งปราศจากอาลัยในตัณหาเป็นความสุข ช่นื บานเกนิ เปรียบ” บุคคลผูใ้ ดบรรลุแลว้ ซงุ ธรรมอันประเสริฐคอื พระนิพพานนี้ยอ่ ม -เปน็ ผทู้ ม่ี ีความอดทนอย่างยิ่งตอ่ ความเยน็ ร้อน หวิ กระหาย และสมั ผสั ร้ายอนั เกดิ จากเหลอื บยุง ลมแดด และสัตว์เลอ้ื ยคลานท้ังหลาย -เป็นผมู้ ีความอดทนอย่างยิ่ง อดกล้ันได้อยา่ งสงบตอ่ ถอ้ ยคำลว่ งเกิน ถอ้ ยคำเสียดสี คำ ด่าว่าของผอู้ ่นื -เปน็ ผ้อู ดทนอยา่ งย่งิ ต่อทกุ ขเวทนาที่เกดิ จากอาพาธประเภทตา่ ง ๆ อนั เกดิ ขน้ึ อยา่ ง กล้าแขง็ ทำให้หมดความสำราญ ยากทบี่ คุ คลทั่วไปจะทนได้ -เปน็ ผูอ้ ดทนอยา่ งย่งิ ต่ออารมณ์อันมามั่วยวน -เป็นผู้กำจดั ราคะ โทสะ และโมหะไดแ้ ลว้ อย่างเดด็ ขาด มีกเิ ลสอันยอ้ มใจดจุ นา้ั ฝนอัน ตนสำรอกออกได้แล้ว เป็นผ้คู วรรบั ของขวัญ ควรไดร้ ับการดอ้ นรบั ควรแก่ของทีท่ ายกผมู้ ีศรัทธาจะ ทำบญุ ควรเคารพ กราบไหว้ เป็นเนีอ้ นาบุญของโลกไม่มนี าบญุ อื่นย่งิ กว่า จดุ มงุ่ หมายอนั ใดเป็นจดุ มุ่งหมายสงู สุดสำหรับผบู้ วช บัดน้ีพระพทุ ธอนชุ าไดบ้ รรลุแลว้ ซ่งึ จุดหมายอนั น้นั คนื นน้ั ท่านเสวยวิมตุ ติสุขอยดู่ ลอดราตรี ในท่ีสุด วันมหาสงั คายนากม็ าถึง เปน็ วนั สำคัญอยา่ งยง่ิ วนั หนึง่ ของพระพทุ ธศาสนา ภิกษลว้ นแต่เปน็ พระอรหนั ต์ ประกอบดว้ ยอภิญญาและสมาบ้ติ ๕๐๐ รปู ประชุมเป็นมหาสนั นิบาด ณ www.kalyanamitra.org
I®๑๘ หนา้ ถ้ําลัตดบรรณ เชงิ ภูเขาเวภาระ ธงแผน่ ผ้าสกี าสายะ คือเหลอื งหมน่ สะบดั พลิ้วตามแรงลมดู งามรุง่ เรือง เสียงเภรสื ลบั เสียงระฆงั ดังขึน้ เปน็ สญั ญาณวา่ สงฆ์ทงั้ มวลพร้อมแล้ว ก่อนจะเรม่ิ มหา สังคายนา พระมหากัสสปประธานสงฆ์ได้ดงั้ ปญั หาถามพระอานนท์พุทธอนชุ าในนามของสงฆว์ า่ “อานนท์! เมอื่ สมัยท่พี ระพทุ ธองคย์ ังทรงพระชนมอ์ ยู่ เธอเคยเยบ็ หรอื ปะหรอื ชุนผ้า สำหรบั พระพุทธองค์ทรงใช้สรงมิใซ่หรอื ?” “ชา้ แด่สงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจ้าเคยทำอยา่ งน้นั ” พระอานนท์รบั “ในขณะท่ีเยบ็ หรอื ปะหรือชุน เธอใช้เท้าหนีบผ้าของพระดถาคดใชไ่ หม?” “สงฆ์ผู้เจริญ ขา้ พเจา้ ทำอยา่ งนน้ั ” “ดูกรอาวโุ ส อานนท”์ พระมหากัสสปกล่าว “ในนามของสงฆ์ สงฆ์เห็นวา่ เธอกระทำไม่ สมควร เธอไม่ควรใช้เทา้ หนบี ผ้าของพระตถาคต ช้อนีเ้ ปน็ อาบต้ ทิ ุกกฎแกเ่ ธอ เธอจงแสดงอาบตั เิ สีย” พระอานนท์ พุทธอนุชา ลกุ ขึ้นนงั้ คุกเข่าประณมมอื แลว้ กลา่ ววา่ “ชา้ แดพ่ ระสงฆผ์ ู้เจรญิ ! ข้าพเจา้ ทำอย่างนนั้ ดว้ ยความจำเปน็ การใชเ้ ทา้ หนีบผา้ แหง่ พระตถาคตแลว้ เยบ็ น้ัน จะเป็นเพราะ ไม่เคารพก็หามิได้ แดเ่ ม่อื ไม่ทำอยา่ งน้ันจะเย็บไดอ้ ย่างไร ในเมอื่ ขา้ พเจ้าทำเพียงผูเ้ ดียวเทา่ นั้น ขา้ พเจา้ มองไม่เห็นความผิดของตนในชอ้ น้ี แด่เอาเถิด ท่านทัง้ หลาย! ข้าพเจา้ เคารพยำเกรงใน สงฆ์ เมอ่ื สงฆเ์ ห็นวา่ ข้าพเจา้ ผดิ ขา้ พเจา้ กข็ อแสดงอาบ้ตทิ กุ กฎในเพราะเรอ่ื งน”้ี “อานนท!์ ยังมอื กี หลายข้อ” พระมหากัสสปกล่าว “ข้อหนง่ึ คอื เม่อื พระตถาคตเจา้ ทรง แสดงนิมติ โอภาส คอื ใทน้ ยั แกเ่ ธอถงึ ๑๖ ครง้ั เพ่ือใท้ทลู ใท้พระองคท์ รงพ่ ระชนม์อยูต่ อ่ ไป แด่เธอมิ ไดท้ ูลไว้ สงฆ์เห็นว่าเธอกระทำไมส่ มควร เปน็ ความผดิ ของเธอ เธอด้องแสดงอาบตั ใิ นเรอ่ื งน”ี้ “ทา่ นผู้เจริญทงั้ หลาย!” พระอานนทก์ ล่าว “เหตทุ ่ีข้าพเจา้ มไิ ดท้ ูลอาราธนาพระศาสดา ให้ทรงพระชนม์ตอ่ ไปนัน้ เปน็ เพราะเวลาน้ันขา้ พเจ้ากำลงั ระทมทุกข์และกงั วลถึงเรอื่ งอาพาธของ พระศาสดา มไิ ด้เฉลียวใจในเรือ่ งนนั้ ขา้ พเจ้ามองไมเ่ หน็ ความผดิ ของตนในขอ้ น้ี แดเ่ พราะความยำ เกรงและความเคารพในมตขิ องสงฆ์ เมอ่ื สงฆเ์ ห็นว่าข้าพเจา้ ผดิ ขา้ พเจ้าก็ยอม และขอแสดงอาบตั ิ ทกุ กฎในเรือ่ งน้ี” “อานนท์!” พระมหากัสสปกลา่ ว “ยังมอื ีก คอื เธอเป็นผู้ขวนขวายให้สตรีเข้ามาบวชใน พระศาสนาเธอพยายามอ้อนวอน ข่มข่พี ระศาสดา ท้ัง ๆ ท่พี ระองคท์ รงห้ามดัง้ หลายครัง้ ว่าอยา่ พอใจขวนขวายใหส้ ตรีเข้ามาบวชในพระธรรมวินยั น้ีเอง เธอก็ไมย่ อมฟงั พยายามขวนขวายให้สตรีเขา้ มา บวชได้ กอ่ ความยงุ่ ยากในภายหลังมใิ ขน่ อ้ ย ขอ้ นเี้ ป็นความผิดของเธอ” “ท่านผเู้ จริญทั้งหลาย! ข้อน้ีเปน็ เพราะข้าพเจา้ ใจอ่อนทนดสู ภาพของพระมหาปชาบดี- โคดมพื ระน้านางแห่งพระทศพลเจา้ มิได้ พระนางได้ปลงพระเกศามาแลว้ มริ ่างกายขะมกุ ขะมอม บอบชํา้ ทรงพลิ าปรำพันอย่างเหลือล้น ปรารถนาจะบวชด้วยศรทั ธาอันแรงกลา้ และเหน็ วา่ พระ- นางทรงมอิ ุปการะต่อพระศาสดามากลน้ ข้าพเจา้ จึงขวนขวายใหพ้ ระนางได้บวช และเม่ือพระนาง เปน็ ภกิ ษณุ ีแลว้ ก็สามารถขจดั กิเลสบรรลุพระอรหนั ต์ได้ ขา้ พเจ้ามองไมเ่ ห็นความผิดของตนในข้อ น้ี แด่เพราะความยำเกรงเคารพในมติสงฆ์ เม่อื สงฆ์เหน็ ว่าผิด ขา้ พเจา้ กย็ อมและขอแสดงอาป้ติ ทกุ กฎในเรอื่ งนี”้ www.kalyanamitra.org
“อานนท์ ยังมอี ีก” ประธานสงฆก์ ล่าว “คอื เมอี พระศาสดาบรรทม ณ เตยี งเป็นทีปริ- นพิ พาน พระองคท์ รงเปดิ โอกาสทรงอนุญาตไว้วา่ เม่ือพระองค์นิพพานแล้วสกิ ขาบทเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ เม่ือสงฆพ์ รอ้ มใจกนั จะถอนเสยี บ้างก็ได้ เธอได้ทูลถามหรอื ไมว่ ่า สิกขาบทเล็กน้อยน้ันพระองคท์ รง หมายถึงสิกขาบทอะไร?” “ขา้ พเจ้ามิไดท้ ูลถามเลย ท่านผเู้ จรญิ ” พระอานนท์ดอบ “นีก่ เ็ ป็นความผดิ ของเธอ” ประธานสงฆ์กล่าว “ท่านผเู้ จรญิ ทัง้ หลาย! ทขี่ ้าพเจา้ มิได้ทูลถามถึงสกิ ขาบทเล็กนอ้ ยนน้ั เป็นเพราะ ขา้ พเจา้ กลมุ้ ไจกงั วลใจในเรือ่ งพระศาสดาจะนิพพานจนไม่มเี วลาคิดถึงเร่ืองอนื่ ขา้ พเจา้ มองไมเ่ ห็น ความผดิ ของดนในขอ้ นี้ แตเ่ พราะความยำเกรงเคารพในมตขิ องสงฆ์ เม่อื สงฆเ์ ห็นวา่ ขา้ พเจ้าผิด ขา้ พเจา้ ก็ขอแสดงอาบ้ต”ิ “อานนท!์ ยงั มีอกี ” ประธานสงฆ์กลา่ ว “คอื ในการถวายพระเพลงิ พระพุทธสรีระ เธอ จัดให้สดรืเขา้ ไปถวายบังคมพระพุทธสรรี ะกอ่ น สตรีเหล่านน้ั รอ้ งไห้นาั้ ดาเปีอนพระพุทธสรรี ะ ข้อน้ี กเ็ ป็นความผิดของเธอ” “ทา่ นผูเ้ จริญทั้งหลาย! การท่ีข้าพเจา้ จดั ใหส้ ดรีเข้าถวายบังคมพระพทุ ธสรีระกอ่ นนั้น เป็นเพราะคิดว่าธรรมดาสตรไี มค่ วรอยู่นอกบา้ นจนมีดคา์ ข้าพเจา้ จัดใหถ้ วายบงั คมพระพทุ ธสรีระ ก่อน เพื่อเธอจะได้กลบั บา้ นก่อนดะวันดกดิน และไดไ้ ปหงหาอาหารเพ่อื สามหี รือมารดาบิดา ขา้ พเจ้า มองไม่เหน็ ความผิดของดนในข้อน้ี แต่เพราะความยำเกรงในสงฆ์ เมื่อสงฆ์เหน็ ว่าผดิ ข้าพเจา้ กข็ อ แสดงอาบํติ” ดูเหมือนจะเปน็ เรื่องธรรมดาของคนโปรดปรานของผ้ยู ง่ิ ใหญ่ เม่อื ผยู้ ิ่งใหญส่ น้ิ ชีพหรอื ลม้ ลงเพื่อนก็จะเรื่มรงั แก ท้งั นี้เพราะดลอดเวลาที่ผู้ย่งิ ใหญ่ยงั คงยิ่งใหญ่อย่จู ะไมม่ ใี ครกล้าแตะดอ้ ง คนโปรดของทา่ น พระอานนท์เปน็ ท่โี ปรดปรานอยา่ งยิ่งของพระศาสดา เมอ่ื พระองคน์ พิ พานไป แลว้ ดู ๆ เหมือนว่าท่านจะถกู สงฆร์ ังแกมาใหร้ บั ผิดในท่ามกลางมหาสันนิบาตแบ้ในสง่ี ที่ท่านไมผ่ ดิ ถ้ากฎท่กี ลา่ วขา้ งดน้ เปน็ ความจรงิ และกฎทกุ อย่างมขี ้อยกเว้น เรือ่ งพระอานนทค์ วรเปน็ ข้อยกเวน้ ในกฎน้ี ทีว่ า่ ดู ๆ เหมือนท่านจะถกู รงั แกน้นั ความจรงิ มิไดเ้ ปน็ อย่างนั้นเลย เรื่องที่สงฆล์ งโทษพระ- อานนท์ พระมหากัสสปให้พระอานนทย์ อมรับผดิ นนั้ อยา่ งน้อยมีผลดีทง้ั ๒ ประการคอื ๑. เป็นกศโลบายของพระมหากสั สป พระเถระผเู้ ฒ่า ที่ดอ้ งการจะวางระเบียบวิธีปก- ครองคณะสงฆ์ให้ทีประชุมเห็นว่าอำนาจขฎงสงฆน์ น้ั ยง่ิ ใหญ่เพียงใด คำพพิ ากษาวนิ ิจฉัยของ คณะสงฆเ์ ปน็ คำเด็ดขาด แบจ้ ะเหน็ วา่ ตนไมผ่ ิด แต่เมื่อสงฆ์เหน็ วา่ ผิด ผนู้ น้ั กด็ อ้ งยอม เปน็ ตวั อย่างท่ี ภกิ ษุสงฆ์รุ่นหลงั จะดำเนนิ ตาม ๒. เรือ่ งนไ้ี ดส้ ่งเสริมเกียรตคิ ณุ ของพระพทุ ธอนชุ าใหถ้ ้องย่งิ ข้ึน เป็นตัวอยา่ งในทางเปน็ ผูว้ ่าง่าย เคารพยำเกรงผใู้ หญ่ เป็นปฏิปทาทีใ่ คร ๆ พากันอา้ งถงึ ด้วยความนยิ มชมชอบในพระอานนท์ รวมความวา่ เรอ่ื งท่เี กิดขึ้นแก,พระอานนท์ในคราวปฐมลงั คายนานนั้ ทำให้เทยี รดิ ประวํติของทา่ นจับใจยง่ิ ขึน้ นา่ รักเคารพยง่ิ ขึ้น www.kalyanamitra.org
แลว้ การสงั คายนากเ็ รม่ิ ขน้ึ โดยพระมหากสั สปเปน็ ผชู้ กั ถาม พระอบุ าลซี ง่ึ ไดร้ บั การยก ยอ่ งจากพระศาสดาวา่ เปน็ ผเู้ ลศี ทางวนิ ยั ไดว้ สิ ชั นาพระวนิ ยั พระอานนทพ์ ทุ ธอนชุ าวสิ ชั นาพระธรรม โดยตลอดสงั คายนาครง้ั นท๊ึ ำอยู่ ๓ เดอื น จงึ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยดว้ ยประการฉะน้ี www.kalyanamitra.org
GDO พรหมทณั ฑ์ และ ณ ชาตสระบนเสน้ ทาง จารกิ เปีนเวลานานกืง ๔0 ปีหลงั พุทธปรนิ พิ พาน ท่พี ระพทุ ธอนุชาผู้ประเสริฐจารกิ สู่ คามนคิ มชนบทและราชธานตี า่ ง ๆ เกอื บทว่ั ชมพทุ วปี เพอโปรดเวไนยนกิ รชนแทนองค์ สมเด็จพระสมั มาส้มพทุ ธเจา้ แม้ประทปี ดวงใหญ่แห่งชมพทุ วปี จะดบั ไปแล้ว แตป่ ระทปี ดวงนอ้ ยคอื พระพทุ ธอนุชายงั มอี ยู่ และสอ่ งแสงเรืองรองเพอภารตวรรษต่อไป บดั นภ้ี ารกจิ อนั เกย่ี วเนอ่ื งดว้ ยพระศาสดาและหนา้ ทใ่ี นการทำลายกเิ ลสของทา่ นไดเ้ สรจ็ สน้ิ ลงแลว้ เหลอื อยเู่ พยี งอยา่ งเดยี วคอื การอบรมสง่ั สอนมหาชนใหห้ ลกี จากทจุ รติ เดนิ เขา้ สคู่ ลองแหง่ สจุ รติ ธรรม การปรากฏกายแหง่ พระอานนทไ์ มว่ า่ ทใ่ี ด ในสมาคมใต ประดุจการปรากฏขึน้ แห่งดวงจันทร์ ในปรุ ณมดี ถิ ี นำความชน่ื บานเอบิ อาบซาบซา่ นและสดใสมาสจู่ ติ ใจของมหาชนในทน่ี น้ั และสมาคมนน้ั เมอ๋ึ มหาสนั นบิ าตในการสงั คายนาเสรจ็ สน้ิ ลงแลว้ พระพทุ ธอนชุ าไดล้ ะทง้ิ เบญจครี นี คร ไวเ้ บอ้ื งหลงั มง่ สนู่ ครโกสมั พเี พอ่ื ลงพรหมทณั ฑแ์ กพ่ ระฉนั นะพระหวดอ้ื ซง่ึ พระศาสดารบั สง่ั ไวเ้ มอ่ึ จวนจะนพิ พาน พระอานนทไ์ ดป้ ระกาศใหส้ งฆใ์ นโกสมั พนี ครทราบวา่ ตัง้ แดน่ เ้ี ปน็ ด้นไป พระฉนั นะ ดอ้ งการจะทำอยา่ งใด จะพดู อยา่ งIดและประพฤดอิ ยา่ งใดกใ็ หท้ ำไดด้ ามอธั ยาศยั ภกิ ษสุ ามเณรIี มพ่ งี วา่ กลา่ วดกั เดอื นพระฉนั นะดว้ ยถอ้ ยคำใด ๆ เลย นเ่ี รยี กวา่ พรหมทณั ฑ์ คอื การลงโทษทห่ี นกั ทส่ี ดุ แบบพระอรยิ ะ www.kalyanamitra.org
“ทา่ นทัง้ หลาย!” พระอานนทก์ ล่าวในมหาสมาคม ซ่งึ มีภกิ ษุประชุมอยูจ่ ำนวนพน “พระบรมศาสดาเคยดักเดอื นพระฉนั นะมาใ!บครง้ั ไมถ่ ว้ นแลว้ วา่ ขอใหเ้ ป็นผู้ว่าง่ายสอนงา่ ย อยา่ ดอ้ื ด้านและดื้อดึง แต่พระฉนั นะก็หาฟังไม่ ยังคงประพฤตติ นตามใจชอบอยอู่ ยา่ งเดิม เมื่อจวนจะ ปรินพิ พานทรงเปน็ ห่วงเร่อื งพระฉนั นะ จงึ มพี ุทธบัญชากับขา้ พเจ้าไวว้ ่าให้ลงโทษแกพ่ ระฉันนะโดย วธิ ีพรหมทณั ฑ์ ทา่ นทัง้ หลาย! การลงโทษแบบนเี้ ปน็ วธิ ีสุดทา้ ยทพ่ี ระอริยเจ้าจะพึงกระทา่ ประดจุ นายสารถีผฝู้ ืกมา้ จำใจด้องฆา่ ม้าของตนท่ีเหลอื !!เก เพ่ือมใิ ห้สบื พนั ธโุ๊ มด่ ตื ่อไป “ท่านทง้ั หลาย! สมยั หน่ึงพระผูม้ ีพระภาคทรงสนทนากับคน!!เกม้าผ้เู ชย่ี วชาญนามว่า เกสิ พระองค์ตรสั ถามว่า “ดกู อ่ นเกสิ ท่านเป็นผ้เู ชย่ี วชาญทางการธีเกม้า ตถาคตอยากทราบวา่ ท่าน มวี ิธสี ืกม้าอยา่ งไร?” นายเกสิทูลตอบวา่ ‘ธเี กโดยวธิ ลี ะมนุ ละมอ่ มบา้ ง โดยวธิ รี นุ แรงบา้ ง โดยวธิ ที ง้ั ละมนุ ละไมและทง้ั รนุ แรงบา้ ง, “เกส!ิ ถา้ มา้ ของทา่ นไม่รับการสกื คอื !!เกไมไ่ ดท้ า่ นจะท่าอย่างไร?” “พระองค์ผูเ้ จริญ! ถ้ามา้ ตวั ใดธเี กไมไ่ ด้ ขา้ พระองค์ก็ฆ่ามา้ ตัวนั้นเสีย ทั้งนีเ้ พอ่ื มใิ หเ้ สยี ช่อื ผูส้ ืก และมิใหม้ ้าตวั น้นั มพี ึชพนั ธุไมด่ ตื ่อไป พระองคผ์ ู้เจริญ! พระองคม์ ีชอ่ื เสียง ปรากฏวา่ เปน็ ยอดแหง่ นกั !!เกคนท่ีพอจะธเี กไดก้ พ็ ระองคม์ วี ิธี!!เกคนอย่างไรเล่า?” “ดูก่อนเกสิ!” พระศาสดาตรัส “เรากธ็ ีเกบุคคลท่ีควรธีเกอย่างนั้นเหมือนกัน คือ!!เกโดย วธิ ลี ะมนุ ละไมบ้าง โดยวิธีรุนแรงบา้ ง ทงั้ โดยวธิ ีรุนแรงและละมุนละไมบ้าง” “ถ้าธีเกไม่ได้เล่าพระเจา้ ขา้ ” นายเกสิทลู ถาม “พระองค์จะทรงกระทา่ ประการใด” “ถ้าสกื ไม่ไดเ้ ราก็ฆา่ เหมือนกัน” พระศาสดาทรงตอบ “กพ็ ระองคไ์ ม่ทรงทา่ ปาณาตบิ าตมใิ ชห่ รือ เหตุไฉนจึงตรสั วา่ ทรงฆา่ ” “ดูกอ่ นเกส!ิ การฆ่าของเราเป็นการฆา่ แบบอริยประหาร คือไม่ยอมวา่ กล่าวส่งั สอนเลย ท่าเปน็ ประดุจบุคคลผนู้ ้ันไม่มอี ยใู่ นโลก การลงโทษอย่างน้รี นุ แรงทีส่ ดุ ผู้ถกู ลงโทษได้รบั ผลท่ีนา่ กลัว ท่ีสุด” นายเกสคิ นสืกมา้ ทูลสรรเสรญิ พระธรรมเทศนาว่า “แจม่ แจ้งดืย่ีงนัก” พระอานนทก์ ลา่ วต่อไป “ทา่ นทัง้ หลาย! แลแล้วเม่อื มีโอกาสประทบั อยู่ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ไดท้ รงน่าเรื่องม้ามาเป็นบทประกอบพระธรรมเทศนา โอวาทภกิ ษุทง้ั หลายมีใจความตงั น”้ี “ภกิ ษุทง้ั หลาย! มา้ บางตัวเพียงเหน็ เงาปฎักทน่ี ายสารถยี กขน้ึ เทา่ น้ัน ก็ทราบไดว้ า่ นาย ด้องการจะใหต้ นท่าอยา่ งไร แลว้ สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกดอ้ งฉัน[่ ด บคุ คลบางคนก็ฉนั นน้ั เพยี งไดย้ นิ ขา่ วว่าบุคคลโน้นอยบู่ า้ นโน้น แกบ่ ้าง เจบ็ บา้ ง ดายบา้ ง กเ็ กิดลงั เวชสลดจิตน้อมเข้ามา หาตัววา่ แม้เราต้องแก่ ตอ้ งเจบ็ และด้องดายอย่างนัน้ เหมอื นกนั แล้วต้งั ใจปฏบิ ํติธรรมจนไดบ้ รรลุ ธรรมเบอื้ งสง” “ภกิ ษทุ ้งั หลาย! ม้าบางตัวเพยี งได้เหน็ เงาปฏิเกเท่าน้นั ยังไม่อาจเข้าใจความหมายทน่ี าย ด้องการใหท้ ่า แต่เมอ่ื ถูกแทงจนขนร่วงนัน้ แหละจงึ รูส้ ึก แลว้ ปฏิบ้ติไดอ้ ยา่ งถกู ด้องตามทีน่ ายด้องการ ฉนั ใด บคุ คลบางคนกฉ็ ันนัน้ เพยี งไดย้ นิ ขา่ วเจ็บและข่าวตายของผูอ้ ่ืนเท่าน้ันยงั ไม่เกิดลังเวชสลดจติ แตเ่ มอ่ื ได้เหน็ ดว้ ยตนเองซึ่งคนแก่คนเจบ็ และคนดาย จงึ เกดิ ลังเวชสล่ดจติ แล้วตั้งใจปฏบิ ตั ิธรรม เพือ่ บรรลุคุณธรรมเบอื้ งสูง www.kalyanamitra.org
๒(z>๓ “ภิกษุท้ังหลาย! มา้ บางตัวเพยี งแดเ่ หน็ เงาปฎักและถกู แทงจนขนรว่ งกย็ ังไม่รสู้ ึก เมื่อ ถกู แทงจนทะลุหนังเขา้ ไปจึงร้สู กึ และพรอ้ มท่จี ะ;ปฏิปติตามนายฉันใด บุคคลบางคนก็ฉนั นั้น เพยี ง เหน็ คนแก่คนเจบ็ หรือคนดาย และไตยั นิ ไดฟ้ งั ขา่ วเช่นน้นั ไม่กอ่ ใหเ้ กิดความสังเวชสลดจิตได้ ด1อเมือ่ ญาตสิ ายโลหติ มดิ รสหายยันเปน็ ท่ีรกั ทพ่ี งี ใจเจ็บหรอื ตายลง จึงเกิดสังเวชสลดจติ แลว้ ดง้ั ใจปฏิบ้ติธรรม เพือ่ บรรลคุ ณุ ธรรมเบื้องสงู ” “ภิกษทุ ั้งหลาย! ม้าบางตัวเพยี งได้เห็นเงาปฎัก ถกู แทงจนขนรว่ ง ถูกแทงจนทะลผุ วิ หนัง เขา้ ไป ก็หาเข้าใจถึงสง่ี ทน่ี ายตอ้ งการใหท้ ำไม่ ตอ่ เมอ่ื ถกู แทงจนจดกระดูกจงึ รู้สึกและเขา้ ใจในสงี่ ที่ นายต้องการใหท้ ำ ฉันใด บคุ คลบางคนกฉ็ นั นน้ั เพียงแด่ได้ยนิ ไดฟ้ งั หรือเห็นญาตพิ ี่นอ้ งเจ็บและตาย ก็ไม่เกิดสังเวชสลดจิต ต่อเม่อื ตนเจ็บเองและเจบ็ เจยี นดายใกล้ต่อมรณสมัย จึงรู้สกึ สังเวชสลดจิต แล้วดั้งใจปฎปิ ตธิ รรมเพื่อบรรลคุ ุณธรรมเบอ้ื งสงู ” แลแล้วพระพุทธองคจ์ ึงตรัสตอ่ ไปว่า “ภกิ ษุท้งั หลาย! ม้าซึ่งประกอบดว้ ยคณุ ลกั ษณะ หรอื คุณสมปติ ๔ ประการควรเป็นม้าทรงของพระราชา ๔ ประการนั้น คือ มคี วามซ่อื ตรง มีเชาวน์ดี มีความอดทน และมีลักษณะสงบเรียบร้อย ภกิ ษุผปู้ ระกอบด้วยคณุ สมปติ ๙ ประการก็เหมือนยนั คือ มคี วามซอื่ ตรงไม่หลอกลวงไมค่ ดในข้องอในกระลูก มีเชาวน์ดีในการรู้อริยสัจ มีความอดทนอยา่ งยง่ิ และมีการสำรวมตนสงบเสงี่ยมเรียบรอ้ ย ไมป่ ระพฤติตนเอะอะโวยวายเย่ียงนกั เลงลุราบาน ก็สมควร เปน็ ทกั ขิเณยยบุคคล เปน็ เนื้อนาบญุ ของโลก ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เราเคยกลา่ วไวม้ ใิ ชห่ รอื วา่ ถา้ จะดคู วาม เปน็ บา้ ในหมสู่ งฆ์ กจ็ งดดู รงทเ่ี ธอรอ้ งรำทำเพลง ถา้ จะดคู วามเปน็ เดก็ ในหมสู่ งฆ์ กจ็ งดดู รงทเ่ี ธอ ยงิ ฟนั หวั เราะในลกั ษณะปลอ่ ยตนเหมอื นเดก็ ชาวบา้ น,, “ดูกอ่ นท่านทงั้ หลาย!” พระอานนท์กลา่ วตอ่ ไป “พระพทุ ธองคเ์ คยตรัสยับขา้ พเจา้ ไวว้ ่า” “อานนท์ เราจะไม่ทำกับพวกเธออยา่ งทะนุถนอม อย่างทชี่ า่ งหม้อทำกบั หมอ้ ทย่ี ังเปยี กยังดบิ อานนท์! เราจักขนาบแล้วขนาบเลา่ ไมห่ ยุดหย่อน เราจักชให้เหน็ ,โทษ ของกเิ ลสบาปธรรมแล้วๆเล่าๆไมห่ ยุดหยอ่ น อานนท์เอ๋ย! ผ้ใู ดนงุ่ หวังมรรคผลเปนี ล่ากัญในการประพฤติพรหมจรรย์ ผใู้ ดเหนสาระมปี ระโยชน์ ผู้นน้ั จงึ จกั ทนอยไู่ ด้” “ท่านทงั้ หลาย! ด้วยประการฉะนี้แล ข้าพเจ้าจึงขอประกาศลงพรหมทณั ฑแ์ ก่พระฉนั นะ เพือ่ เธอจะได้สำนกึ ดนและปฎิปดิดนในทางทชี่ อบต่อไป” พระอานนท์กล่าวจบ สงฆ์ทง้ั สิ้นเงียบ เป็น การยอมรบั ประกาศน้นั ด้วยอาการดษุ ณี พระฉันนะได้ทราบว่า บัดน้ืสงฆไ์ ด้ประกาศลงพรหมทณั ฑแ์ กต่ นแล้ว เกิดสังเวชสลดจติ กลับประพฤติตนดมี สี มั มาคารวะและเช่อื ฟงั พระเถระท้งั หลาย ในไม่ข้าก็สำเรจ็ พระอรหตั ดผล จากโกสมั พี ราชธานีแห่งแคว้นวังสะ พระพทุ ธอนุชาผู้ประเสริฐ ไดเ้ ดนิ ทางเลยี บสำนํ้า ยมนาขนึ้ ไปตอนบนสู่แควน้ กุรุ ซงื่ มีนครอินทปตั ถ์เปน็ เมอื งหลวง และจารกิ ไปในแควน้ ตา่ ง ๆ อกี หลายแควน้ จนกระทง้ั หวนกลับมาสู่ลมุ่ แม่นา้ํ คงคา วนเวยี นอยู่ ณ ล่มุ แม่นา้ํ คงคาตอนบนแหง่ แควน้ ปัญจาละ ซื่งมนี ครหสั ตนาประหรือหัสดินบุรีเป็นราชธานี www.kalyanamitra.org
\\®\\®๔ อนั วา่ แคว้นปญั จาละน้ี มีแควน้ โกศลอยูท่ างทศิ ตะวนั ออก มีแคว้นกรุอยูท่ างทศิ ตะวันดก มหี มิ าลัยบรรพตอยูท่ างทิศเหนอื และแมน่ ํา้ คงคาอยูท่ างทิศใต้ เป็นแควน้ ทมี่ ง่ั คงั่ พรอ้ มดว้ ยทรัพยากร ธรรมชาตมิ ากหลาย มีทุง่ สาลเี กษตรเหลืองอรุ ่าม มองดสู ดุ สายตาประดจปูด้วยหนังโคสแี ดง มีดง มะพร้าวเรยี งรายยาวเหยียด บางแห่งพืน้ ท่ปี ระดบั ดว้ ยด้นชงโคดอกสแี ดงเขม้ บานสะพรงั่ เรืองอไุ ร เย็นดา ทศั นาการไปทางทิศเหนือจะเหินทิวเขาหิมาลัยสงู ตระหง่านเสียดฟา้ บางยอดถูกปกคลมุ ดว้ ยหิมะดลอดเวลา หมิ าลัยบรรพตแดนเกิดแหง่ นยิ ายและเปน็ ทีร่ ่ืนรมยอ์ ยา่ งยิ่งของผู้สละโลกยี ์ มุ่ง แสวงหาลนั ตวิ รบท มองไปทางด้านได้ จะเหนิ แมน่ ้าํ คงคาไหลเอื่อยเปน็ เสน้ เลอื ดใหญ่ของชมพูทวีป เป็น จุดรวมใจของชาวภารตะ แทบจะทุกคนมอบความไว้วางใจไว้ใหพ้ ระแม่คงคาเปน็ ผู้กำชวี ติ ของตน ท้งั ดา้ นชำระมลทนิ ภายในและดา้ นเกษตรกรรม ณ รมิ มง่ื แมน่ ้าั คงคาตอนเหนือ มชี งโคข้ึนระดะแม้ไมส่ จู้ ะเปน็ ระเบยี บนัก แด่ดอกอันงาม เยน็ ดาของมันกอ่ ให้เกดิ ความเยน็ ใจเมอ่ื ไดเ้ หนิ เปน็ สถานทร่ี ่มรนื่ สงบไม่ใชท่ างสัญจร จงึ เหมาะอย่างย่ิง สำหรบั สมณะผูแ้ สวงหาวเิ วก วันนั้น พระพูฑธอนุชาจาริกเพยี งผเู้ ดียวด้วยจดุ ประสงค์ คอื แสวงหาที่วิเวกเพือ่ พักผอ่ น เมือ่ ผ่านมาเหนิ ชงโคมีดอกงามบานสะพรง่ั และดูบรเิ วณเปน็ ทร่ี ื่นรมยจ์ งึ แวะเขา้ พักผอ่ นใดด้ ้นชงโค ซงึ่ มใี บหนาเงาครึ้มด้นหนงึ่ ตรงเบื้องหน้าของทา่ นมสี ระซง่ึ เกิดเองดามธรรมชาติ (ชาดสระ) มี ปทุมชดู อกสลอนนาั้ ใสเย็นและจืดสนทิ ดี ท่านได้ดมึ๋ และล้างหน้าเพ่ือระงบั ความกระหายแสว้ นงั้ พกั อยู่ ณ ที่นน้ั จนตะวันรอนแดดอ่อนลง สอ่ งลอดใบไมล้ งมาเปน็ รูปด่าง ๆ งามน่าดู เสยี งนกเล็ก ๆ บน กึง่ ชงโครอ้ งทกั ทายกนั อย่างเพลิดเพลนิ แสดงถงึ จืดใจท่ีชน่ื บาน มันมคี วามสขุ ดามประสาสัตว์ ความสุข เปน็ ส่ีงหาไดใ้ นทีท่ ุกแหง่ และทุกฐานะ เวน้ แดบ่ ุคคลจะไม่ร้จู ักมองหาเทา่ นั้น พระพทุ ธองคเ์ คยตรสั ไวว้ า่ บคคลผมู้ ปี ญั ญาสามารถจะหาความสขุ ไดแ้ มใ้ นสถานะทน่ี า่ ทกุ ข์ ตรงกนั ขา้ มกบั คนเขลาแมจ้ ะอยใู่ น ฐานะทน่ี า่ จะสขุ กม็ แี ดค่ วามทกุ ขร์ อ้ นเศรา้ หมองเสยี ราไป ถ้าเรา!เกใจให้อดได้ ทนไดอ้ ยเู่ สมอ ๆ เรา จะมคี วามสขุ สบายขน้ึ อีกมาก โลกนม้ี ีคนรา้ ยและเร่ืองร้ายมาก ไมว่ ่าจะอยูท่ ไี่ หนและในฐานะใด ย่อมจะดอ้ งพบคนร้ายและเรอื่ งร้ายทุกหนทกุ แห่ง ถ้าสามารถกสับเร่อื งร้ายให้กลายเปน็ ดีไดน้ บั เป็น เรอื่ งประเสริฐ แด่ถา้ ไม่สามารถกลบั เรอ่ื งรา้ ยให้เป็นดไี ด้ในทนั ทกี ็ลองอดทนดู เป็นการศกึ ษา สถานการณแ์ ละศึกษาบคุ คลพร้อม ๆ กนั ไป นาน ๆ เขา้ เร่อื งทีเ่ ราเขา้ ใจว่ารา้ ยในเบื้องด้น อาจจะ เป็นผลดีแก่เรามากในบ้ันปลาย จงดเู ถิด ขยะมลู ฝอยท่ีใคร ๆ ท้ิงลง ๆ แดพ่ ้ืนดินก็สามารถร้บขยะมลู ฝอย นั้นไว้ได้ กาลเวลาล่วงไป ๆ ขยะมลู ฝอยนัน้ กลายเปน็ บยี ทดี่ ินตรงนัน้ กลายเป็นดนิ ดีมคี นต้องการ มีราคามาก ปลูกพชี ผกั อะไรลงกข็ ึน้ เรว็ และสวยงาม คนท่!ี เกดนให้อดได้ ทนได้ มักจะเป็นคนดีมคี ่า แกล่ ังคมอยา่ งมาก สถานทีจ่ ำกดั ทรพั ยากรธรรมชาติมนี ้อย แดค่ นเพ่ิมมากขน้ึ นานวันไปมนษุ ย์ย่ิง จะดอ้ งแย่งกันอย่แู ยง่ กันกินมากขึ้น ความบากมน่ั อดทนก็จะด้องใขม้ ากข้ึน นอกจากนใี้ นสงั คมมนุษย์ มที ัง้ คนดแี ละคนเลว มอี ธั ยาศยั ประณีตและอธั ยาศัยทราม ยง่ิ ผู้นอ้ ยที่ดอ้ งอยูร่ ่วมกับผู้ใหญท่ ีม่ ีอัธยาศยั ทราม เห็นแก่ตัว และโหดร้ายด้วยแลว้ เขาจะด้องกระทบกระเทอื นใจและอดทนสกั เพียงใด ลองให้ www.kalyanamitra.org
Iffl b <5t ผูใ้ หญเ่ ลว ๆ อยา่ งน้ันไปอย่ใู ตบ้ งั คับบญั ชาของคนอนื่ ดูบา้ งซิ เขาจะเปน็ ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาที่เลวหรอื ไม่ แด่ก็มีอยู่บา้ งเหมอื นกัน หรือบางทิกม็ ีอยเู่ สมอ ๆ ท่ีทำใหเ้ ราตอ้ งประหลาดใจว่า เหตไุ ฉนคนเลว ๆ อย่างนจ้ี งึ เป็นใหญเ่ ป็นโดชืน้ มาไต้ มนั เปน็ เรอ่ื งของกรรมที่สลบั ซบั ช้อนสดุ ทีจ่ ะแยกแยะใหถ้ ี่ถว้ น ด้วยปญั ญาสามัญ บัดน้ี พระอาทิตย์ลบั ขอบฟา้ ไปแล้ว ทิง้ ไว้แดร่ อ่ งรอยแห่งแสงสว่างเพยี งราง ๆ เสมือน ดรุณวี ัยกำคัดยิม้ ด้วยความเบกิ บานใจ เมอื่ หยดุ ย้มิ แล้วรอยแหง่ ความรา่ เรงิ กย็ ังเหลืออยูเ่ พียงเลก็ นอ้ ย ฉะนั้น พระพทุ ธอนุชาดง้ั ใจจะถอื เอาโคนชงโคเป็นทพ่ี กั กายในราตรนี ัน้ แดพ่ อทา่ นเอนกายลง พงิ โคนชงโคนัน้ เอง ไตเ้ หลอื บเห็นชายหญงิ คหู่ น่ึงเดินมา ถอื หมอ้ มาคนละใบมงุ่ ตรงมาสสู่ ระ เมอื่ ไต้ มองเห็นสมณะนงั้ พงิ โคนชงโคอยูเ่ ขาจึงเดนิ ออ้ มสระมา พอเหน็ ชดั วา่ เปน็ สมณะศากยบตุ รเขาจึงน่งั ลงไหว้ แลว้ ชายผูน้ ้นั ก็กลา่ วช้ืนวา่ “ชา้ แด่สมณะ! ขา้ พเจา้ อยู่ท่ีนึม่ าเป็นเวลานานไมเ่ คยไต้พบเห็นสมณะผ้ใู ดมาเยือนสถานท่ี นเ้ี ลย ขา้ พเจ้าท้งั สองแมจ้ ะมใิ ชเ่ จา้ ของถนี่ โดยแทจ้ รงิ กเ็ หมือนเปน็ เจ้าของถีน่ ขา้ พเจา้ ขอต้อนรบั ท่านสมณะผู้เป็นอาคันตุกะด้วยความรู้สึกเป็นมติ ร และถอื เปน็ โชคดีท่ีไต้พบทา่ นผสู้ งบ” “ดกู ่อนผ้มู ใื จอารี” พระพุทธอนชุ ากล่าวตอบ “ขา้ พเจ้าขอขอบใจในไมตรจี ติ ของท่าน ทง้ั สอง และถือเป็นโชคดเี ช่นกันทไี่ ตพ้ บทา่ น ซึ่งข้าพเจ้ามไิ ตค้ าดหวังว่าจะไต้พบในปา่ เปล่ียวเช่นนี”้ ชายหญิงทง้ั สองแสดงอาการพอใจตอ่ คำกล่าวทไ่ี พเราะและแสดงความเปน็ มติ รของ พระพทุ ธอนชุ า แลว้ กลา่ ววา่ “ทา่ นผปู้ ระเสริฐ! เวลานีก้ ็จวนคาแลว้ ท่านมทื พี่ ำนกั ณ แหง่ ใดเปน็ ที่ประจำ หรอื ท่านเปน็ นักพรตผู้จาริก ไม่อยเู่ ป็นหลกั แหลง่ ?” “ข้าพเจา้ เป็นนักพรตผู้จาริกไปดามอธั ยาศยั ไมต่ ิดทหี่ รือยืดถือท่ใี ดทห่ี น่งึ เปน็ แหลง่ ของตน ขา้ พเจา้ พอใจการกระทำเชน่ นี้” พระอานนท้ตอบ “ขา้ แดส่ มณะ! ถา้ อยา่ งนน้ั ขา้ พเจ้าใครข่ อเชญิ ท่านพำนัก ณ กระทอ่ มของขา้ พเจ้า ขา้ พเจา้ มกิ ระท่อมอยู่สองหลงั หลังหนง่ึ เพอื่ ข้าพเจ้าและภรรยาอยู่อาศยั อกี หลังหน่งึ เพื่อเก็บของ เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ ถา้ ทา่ นไม่รงั เกยี จและยนิ ดรี ับคำเชอ้ื เชญิ ของข้าพเจา้ ขา้ พเจา้ จะเกบ็ ของเลก็ ๆ น้อย ๆ ไวอ้ ีกมมุ หนึ่ง สว่ นอกี มมุ หน่งึ พอเป็นทพี่ กั ของทา่ นไตอ้ ย่างสบาย มปี ระตหู นา้ ตา่ งเป็ดปีดไตส้ ะดวก มลื มพัดเยน็ ถ้าท่านรับคำเชอ้ื เชิญขา้ พเจ้าจะยนิ ดมี าก ขา้ พเจ้าจะไตส้ นทนากับทา่ นผู้ประเสรฐิ ให้ เปน็ ทเ่ี อบิ อี่มใจ ขา้ แด่อาคนั ตุกะ! ขา้ พเจา้ เคยสดับมาว่าการไตเ้ ห็น การไต้เข้าใกลแ้ ละการไต้สนทนา กับสมณะนั้นเปน็ มงคล ข้าพเจ้าต้องการมงคลเชน่ นั้นดว้ ยเหมือนกัน” เขากล่าวจบหนั มามองดู ภรรยาเหมือนเป็นเชงิ ปรกึ ษา สตรผี ู้นน้ั จงึ กลา่ วช้ืนว่า “ขา้ แดส่ มณะ! ถ้าทา่ นยงั ไมม่ ืกิจกังวลเร่อื งอน่ื หรอื ไมเ่ ปน็ การรบกวนความวิเวกสงัด ของท่าน กโ็ ปรดรบั คำอาราธนาของขา้ พเจ้าทง้ั สองต้ไยเถิด” พระพุทธอนชุ าดำริว่าสามีภรรยาท้งั สองนีด้ ทู ่าทเี ป็นผู้มืตระกูลและไต้รบั การศึกษาสูง แด่เหตไุ ฉนจึงมาชอ่ นตวั เองอยใู่ นปา่ เปล่ียว ดวู ัยกย็ ังหนุ่มสาว คงจะมอี ะไรอยู่เบือ้ งหลังทนี่ า่ สนใจบ้าง www.kalyanamitra.org
kota'b กระมงั การสนทนาเช่นน้คี งไมไ่ รป้ ระโยชน์เป็นแนแ่ ท้ คดิ ดงั น้แี ลว้ ท่านจงึ กล่าวว่า “ดกู อ่ นผ้ใู จอาร!ี ขา้ พเจ้ายนิ ดรี ับคำเชื้อเชญิ ของทา่ น” สามภี รรยาทงั้ สองแสดงอาการพอใจอยา่ งยงิ่ แล้วชวนกันลงดกั นั้าในสระคนละหมอ้ แลว้ เดนิ น่าพระพทุ ธอนุชาไปสู่กระท่อมน้อย จดั ของเลก็ ๆ น้อย ๆไว้มุมหนึง่ {เดกวาดเช็ดถเู สนาสนะจน สะอาดเรียบรอ้ ย แล้วเชอ้ื เชญิ พระพุทธอนุชาใทน้ ั่ง น่านํ้ามันมานวดเทา้ สว่ นภรรยาของเขากลบั ไป ยงั กระท่อมอกี หลงั หนึ่งซึ่งอยูห่ ่างกนั เพยี งเลก็ น้อย “ดกู ่อนผมู้ ใี จอาร!ี ” พระอานนทก์ ล่าว “กระท่อมของท่านน้ีแมจ้ ะอยใู่ นป้า แดท่ ปลูก สรา้ งอย่างดีนา่ อยู่อาศยั สะอาดเรยี บร้อย เปน็ การแสดงถงึ อัธยาศยั ประณตี แห่งเจา้ ของ” “ข้าแดอ่ าคนั ตกุ ะ! ขา้ พเจา้ ขอขอบคณุ ในคำกล่าวของทา่ น อนึ่งป้าชงโคน้เี ปน็ สวรรค์ ของขา้ พเจ้า เป็นที่ๆข้าพเจ้าพอใจเป็นทส่ี ด ขา้ พเจ้าอาศยั อยู่อย่างสงบสขุ ขา้ พเจ้ากลา่ วว่า ‘‘สงบสขุ ’’ เป็นความถกู ตอ้ งโดยแท้ คอื ท้ังสงบและสุขรวมกนั อยู่ในกระทอ่ มน้อย และในปา่ ชงโคนี้” เขากล่าว แลว้ ยม้ิ อยา่ งภาคภมู ใิ จ “ดกู อ่ นผู้มี1ใจอาร!ี เหตไุ ฉนทา่ นจงึ พอใจปา่ ชงโคนเ้ี ปน็ นกั หนา ดูทา่ นยังอยู่ในรัยหนมุ่ และภรรยาของท่านก็ยังอยใู่ นรยั สาว คนหนุ่มสาวนา่ จะพอใจในแสงสแี ห่งนครหลวงมากกวา่ จะยนิ ดี ในท่ีสงัดเปลา่ เปลีย่ วเช่นน้ี ท่านถือกำเนิดหรอื ภูมลิ ำเนาเดิมอยู่ทน่ี ้ีหรอื ?” “หามไิ ต้ ท่านสมณะ ข้าพเจ้าเกดิ แล้วในทา่ มกลางพระนครหลวงทเี ดยี ว” เขาตอบ “คำกล่าวของทา่ นยง่ิ ทำใทข้ า้ พเจา้ ประหลาดใจมากชน้ื ” พระอานนทก์ ลา่ ว “เป็นของนา่ ประหลาดเกนิ ไปหรอื ทา่ น” ชายหนุม่ กลา่ ว “ทีค่ นหนุม่ อยา่ งขา้ พเจ้ามา พอใจในวเิ วกดำเนนิ ชวี ิตอย่างสงบ” “ประหลาดมากทเี ดยี ว” พระอานนทร์ บั “เพราะเหตุใดหรือ?” ชายหนุ่มถาม “เพราะคนสว่ นใหญ่หรือโดยมากในรยั ทา่ นนี้ ย่อมพอใจในความสนุกเพลิดเพลินอีก แบบหน่ึงคอื แบบทีค่ นส่วนมากเขานิยมกัน คลุกคลอี ยดู่ ้วยหมคู่ ณะและอารมณีเยา้ ยวนด่าง ๆ แด่ ทา่ นไม่เป็นอยา่ งน้นั เพราะฉะนน้ั ขา้ พเจ้าจึงกลา่ วว่า ทา่ นเปน็ ชายหนมุ่ ทีป่ ระหลาด มเี หตุการณี อะไรกระทบกระเทือนใจทา่ นอย่างรุนแรงหรือ หรือท่านมีอัธยาศัยน้อมไปในวเิ วกต้ังแตย่ ังเยาว?์ ” “ข้าแดอ่ าคันตุกะ!” ชายหนมุ่ กล่าว “ขา้ พเจ้าเขา้ ใจว่า ทกุ คนน่าจะมีหัวเลีย้ วแห่งชีวติ ทส่ี ำศญั ที่สุดลกั คร้ังหนงึ่ ในชีวติ ของแดล่ ะคน และหวั เล้ียวนนั้ เองจะเปน็ สาเหตุทเ่ี ขาดำเนินชวี ิตท่ี ยดื ยาวไปจนกว่าชวี ิตจะจบลง ขา้ พเจา้ มีหัวเลี้ยวชวี ิตอยู่ดอนหน่งึ ซง่ึ ทำใทข้ ้าพเจา้ เล้ยี วมาทางนี้ และเข้าใจวา่ ขา้ พเจ้าจะดำเนินชีวดิ แบบนดี้ อ่ ไปจนสนิ้ ลมปราณ” “ดูก่อนผพู้ อใจในวเิ วก” พระอานนท์กลา่ วว่า “ถ้าไม่เปน็ การรบกวนเวลาของท่าน ขา้ พเจา้ ปรารถนาจะรบั ฟงั ความเปน็ มาแห่งท่านพอเป็นเคร่ืองประดับความรู้ เวลาน้ปี ฐมยามแหง่ ราตรีก็ยังไม่สน้ิ ถ้าทา่ นไม่ขดั ขอ้ ง หรอื ไมถ่ ือเปน็ ความลับก็ขอไตโ้ ปรดเล่าเถดิ ” www.kalyanamitra.org
I®1»ฟ่ ลมปลายปฐมยามพดั แผ่วเขา้ มาทางหนา้ ดา่ ง รำเพยเอากลิ่นดอกไมป้ ่าบางชนิดติดมา ดว้ ยหอมเยน็ ระรื่น ไล่ความอบอา้ วของอากาศเมื่อทวิ ากาลไดป้ ลาสนาการไปแล้ว บรรยากาศในยามน้ี เย็นสบาย แสงโสมสาดส่องเข้ามาทางหนา้ ดา่ งดอ้ งผิวหน้าของชายหนมุ่ ดสู ดใส แด,แฝงไว้ซงึ่ แววเศร้า อย่างลึกซ้งึ เขาขยบั กายเลก็ น้อยกอ่ นจะกลา่ วว่า “ขา้ แดทานผทู้ รงพรต! ถา้ ทา่ นยนิ ดรี บั ฟงั เรอ่ื งราวความเปน็ มาแหง่ ขา้ พเจา้ ขา้ พเจา้ กย็ นิ ดเี ลา่ สทู่ า่ นฟงั เรอ่ื งของขา้ พเจา้ ปที ง้ั ความสขุ และความเศรา้ ปที ง้ั ความหวานชน่ื และขน่ื ขม ปสี าระบา้ งไมป่ สี าระบา้ ง” เมอ่ื พระอานนทแ์ สดงอาการวา่ พรอ้ มแลว้ ชายหนมุ่ จงึ เรม่ื เลา่ ดงั น๊ึ www.kalyanamitra.org
Wov*>d ๓๑ จตรุ งคพลและวิมลมาน “ข้าแตท่ ่านผู้บำเพ็ญตบะ! ข้าพเจา้ เกิดแล้วภายใต้เศวตฉัตรแห่งหสั ตนิ าปุรนคร แคว้นปีญจาละนว้ี ันเดยี วกบั ทข่ี า้ พเจา้ ลมื ตาดโู ลกนน่ั เอง มีการชมุ นมุ พลทง้ั ๔เหล่าทพั คือ ทพั ขา้ ง ทัพม้า ทัพรถ และทพั พลเดินเท้า เปน็ การซ้คมใหญป่ ระจำปี เปีนความภาคภมู ิ อย่างยง่ิ ของนายทหารท่ไี ตแ้ สดงตนเฉพาะพระพกั ตร์พระมหากษัตรยิ ์ในวนั เชน่ นี้ ตว้ ย การลอื เอนรองนี้เปน็ นมิ ติ พระราชบิดาและพระประยรญาติชัน้ ผู้ใหญข่ องขา้ พเจ้าจึง ขนานนามข้าพเจ้าวา่ “จตุรงคพล” ท่านคงเคยศกึ ษาวิชาทหารมาแล้ว ในวชิ าทหารได้บอกไวว้ า่ “การเตรยี มกำลงั รบใหพ้ รอ้ ม เปน็ การปอี งกนั สงคราม” ฟังดไู มน่ ่าจะเปน็ ไปได้ แต่กเ็ ปน็ ความจรงิ ทั้งนเ้ี พราะฝ่ายรกุ รานจะคอย จอ้ งดกู ำลังของอกี ฝา่ ยหนง่ึ อยู่เสมอ เมึ่อใดฝา่ ยตรงข้ามอ่อนแอ ฝ่ายรุกรานจะเร่ิมรกุ รานทนั ที เหมือน เช้ือโรคคอยโอกาสเบยี ดเบียนทำลายผมู้ ืรา่ งกายอ่อนแอ ในทำนองเดยี วกัน กลา่ วในทางธรรม ข้าพเจ้า พอจะทราบอยู่บา้ งวา่ ผู้ทม่ี ืกำลังใจออ่ นแอยอ่ มเป็นเหยือ่ ของกิเลสไดง้ า่ ย แพทยผ์ ฉู้ ลาดจะพยายาม กระด้นเตือนให้มวลชนสร้างกำลังดา้ นทานในตวั ใหส้ ูงอยเู่ สมอ เพือ่ บีองกนั การรุกรานของโรค ศาสดา ผ้ฉู ลาดก็พยายามกระด้นเรา้ ศาสนิกชนให้ฝกึ พลังจติ ใหส้ งู ไวเ้ พือ่ เปน็ ทำนบก้ันกระแสกเิ ลสมใิ หร้ ั่วไหล เข้าสจู่ ิต,โดยงา่ ย หลกั สขุ ลักษณะหรอื อนามัยกเ็ ปน็ เรื่องเดยี วกนั น่ึเอง เมื่อเหลือกำลงั บอี งกนั จึงถึง ขน้ั เยียวยาแกไ้ ข www.kalyanamitra.org
kokD 6 www.kalyan
namitra.org
ta ๓o “สงครามเป็นของคกู่ ับโลก ตราบใดทมี่ นษุ ยย์ งั มคี วามอยากได้ ทะเยอทะยานในเกยี รติ ทีจ่ อมปลอม อยากเปน็ ใหญ่ในกองกระดูกและเลือดเนอื้ แสวงหาความสขุ บนความทุกข์ของผอ้ ่นึ แกป้ ัญหาโดยการใช้กำลงั สงครามกค็ งมอี ยรู่ าไป แปลกจรงิ ๆ นะทา่ น คนที่เปน็ โจรลกั เลก็ ขโมยนอย ปล้นสะดมสว่ นบคุ คล เขาถือกนั ว่าเป็นคนเลวคนร้าย ทั้ง ๆ ทบี่ างทีเขาด้องลกั ขโมยเพราะไม่มีอะไร จะกนิ แท้ ๆ แด่ผูท้ ป่ี ล้นคนท้ังเมืองกลบั ได้รับเกยี รตยิ ศอนั สงู ส่งเปน็ วรี บุรษุ ผู้ทโ่ี กงคนอืน่ เพยี งคน สองคน จะถูกพิพากษาตัดสินจำคุกหรือลงโทษให้สมควรแก่ความผดิ แด่ผทู้ โี่ กงคนท้งั เมืองได้กลบั ไมม่ ีใครกลา้ ทา่ อะไร “ช้าแด่ท่านผูบ้ ำเพ็ญตบะ! ในเร่ืองน้ทื ่านมคี วามเหน็ อยา่ งไร หรือศาสดาของท่านได้เคย กลา่ วไวอ้ ย่างไรบา้ ง?” “ราชกุมาร! พระอานนท์กล่าวดว้ ยนา้ํ เสยี งเรยี บปกต”ิ เรอ่ื งสงครามเปน็ เร่ืองคูก่ ับโลก ดามทที่ า่ นกล่าวมานน้ั ช้าพเจ้าไมต่ ัดดา้ น แดม่ ันกเ็ ปน็ เวลาหลายปจี งึ จะเกดิ ขึน้ ลกั ครัง้ หน่ึง แดส่ งคราม ทเ่ี กดิ ขน้ึ ประจำและยดื เยอ้ื ทส่ี ดุ คอื สงครามชวี ติ ทกุ คนเดนิ ไปบนถนนแห่งสงครามนือ้ ยูต่ ลอดเวลา ดวงจิตน้เื ป็นสมรภมู ิให้ธมั มะและอธรรมเชา้ ทา่ การชิงชัยกนั อยูม่ ไิ ดว้ ่างเวน้ เมือ่ ใดกองทพั อธรรม มกี ำลังมาก กองทัพธรรมกล็ ่าถอย อธรรมกเ็ ชา้ ยึดครองจติ ใจ เมอ่ื ใดกองทพั ธรรมมกี ำลังรกุ รานให้ อธรรมลา่ ถอยไป ธรรมก็เชา้ ยดึ ครอง สมยั ใดอธรรมเช้ายึดครองสมยั น้นั ยอ่ มมีแด่ความมีดมวั แล.ะ รุน่ วาย สมัยใดธมั มะเช้ายดึ ครอง สมัยนน้ั ยอ่ มมแี ด่ความสงบและแจ่มใส “ราชกุมาร! สำหรับเร่อื งแพแ้ ละชนะในสงครามนั้น พระศาสดาของชา้ พเจ้าตรสั ไวว้ า่ ผชู้ นะยอ่ มกอ่ เวรใหยดื เยอ้ื ผแู้ พย้ อ่ มอยเู่ ปน็ ทกุ ข์ ผลู้ ะการแพและการชนะไดแ้ ลว้ ยอ่ มอยอู่ ยา่ งสงบสขุ “ราชกุมาร! ไม่มีผู้ชนะในสงครามใด ๆ เลยทจ่ี ะประเสรฐิ ไปกวา่ ผชู้ นะตนเอง พระศาสดา ของข้าพเจ้าตรัสไวว่า ผชู้ นะดนเองได้ ชอวา่ เปน็ ยอดขนพลในสงคร\\ไม เมอื ชนะตนไดแ้ ลว้ สง่ คราม ทย่ี ดื เยอ้ื กส็ น้ิ สดุ ลง” \\ “ชีวิตในปฐมวัยของข้าพเจา้ ” เจ้าชายจตรุ งคพลทรงเลา่ ตอ่ ไป “...เปน็ ชวี ิตทีเ่ หมอื นเดินอยูใ่ นสวนดอกไม้ ไดร้ ับการทะนถุ นอมประตบั ประคองอย่างดยี ่ิง ขา้ พเจา้ ใชช้ วี ิตอยใู่ นวงลอ้ มแหง่ ความสุขความสะดวกสบาย อย่างทรี่ าชกุมารผู้ถอื กำเนิดภายใด้ เศวตฉตั รจะพึงไดร้ ับ ขา้ พเจ้ามีเคร่ืองแตง่ กายซงึ่ ลว้ นแลว้ แด่สวยงาม มผี า้ โพกซง่ึ ทา่ จากแคว้นกาสี สง่ึ หนึง่ ซงึ่ ข้าพเจา้ ชอบมากคอื ปีนปกั เกศาซง่ึ เป็นเครื่องประดบั ทใี่ คร ๆ มองดดู ว้ ยความนยิ มชมช่นื ขา้ พเจ้ามปี ีนปักผมหลายแบบหลายชนิด และท่าดว้ ยทองคำท้งั นน้ั และก็ปีนปักผมนีเ่ องเปน็ สาเหตุ อนั หนงึ่ ให้ขา้ พเจ้าพอใจพำนกั อยู่ ณ ท่ีน้ื” “ในหัสดินาปรุ นครของขา้ พเจ้า มีช่างทองอยตู่ ระกูลหน่งึ ได้ท่าทองมาหลายชัว่ อายุคน เขาชำนาญมาก พระประยรู ญาตขิ องข้าพเจ้าเมื่อดอ้ งการท่าทองเป็นเครื่องประตบั ก็ท่าทน่ี ึ่ แม้ ข้าพเจ้าเองกเ็ หมอื นกัน มหาดเล็กคนสนิทของข้าพเจ้าไปรา้ นช่างทองกลบั มา เขาจะนำเอาความงาม แหง่ ธิดาช่างทองตดิ ปากมาดว้ ยเสมอ จนบางครัง้ ขา้ พเจ้าเมอ่ื หไู ม่อยากฟงั แด่เขาเป็นคนรับใช้ดี www.kalyanamitra.org
I®๓® ทำกิจทุกอยา่ งเพี่อขาพเจ้า คณุ สมปตขิ องผรู้ บั ใชท้ ด่ี ี ๔ ประการมอี ยพู่ รอ้ มในบคุ คลผนู้ ้ี คอื ตน่ื กอ่ น นอนทีหลงั คอยฟงั วา่ จะหาใหท้ ำอะไร พอใจประพฤตสิ ง่ิ ทด่ี งี าม คนรบั ใชท้ ป่ี ระกอบดว้ ยคณุ สมปด อยา่ งน้ี แมน้ ายกด็ อ้ งเกรงใจ ขา้ พเจ้ามิไดป้ ลงใจเช่อื วา่ ธิดาชา่ งทองจะงามอยา่ งท่ีมหาดเล็กกล่าวถึง ข้าพเจ้าดหู มี่นแววดาของมหาดเลก็ สดรีช่ืงนบั เนอ่ื งในพระราชวงศก์ ม็ ีมากหลาย ธดิ าแหง่ เสนาบดี อำมาตยร์ าชบริพารกม็ ีใม่น้อย ล้วนแดส่ วยงามอยใู่ นวยั ท่ีพงึ งาม อยูใ่ นวัยทพ่ี งึ ชม แด่ข้าพเจา้ ก็มิได้ สนใจกบั สตรีคนใดเลย ข้าพเจ้าแม้จะเป็นราชกมุ าร กเ็ หมือนเด็กหนมุ่ ธรรมดาทัว่ ไป คืออยากพบเหน็ สิ่งทเี่ ลา่ ลือกันวา่ สวยงาม ดังนนั้ วันหนึ่งข้าพเจ้าจึงปลอมดัวออกไปกบั มหาดเล็กไปทม่ี า้ นชา่ งทอง นอกจากอยากดธู ิดาชา่ งทองใหเ้ หน็ กับดาดนเองเพี่อมหาดเลก็ จะได้ไม่พดู ใสห่ ูดอ่ ไปอีกแลว้ สิ่งท่ี ข้าพเจ้าอยากดมู ากกวา่ คือ!!นปักผมอันใหมซ่ ึ่งส่งั ทำพเิ ศษวา่ เขาทำกนั ไปถงึ ไหนแลว้ “ม้านช่างทอง มรี ้วั รอบขอบชิด เปน็ ม้านสองชั้น บริเวณมา้ นสะอาดเรียบริอย มีเครอ่ื ง ประดบั ดกแตง่ พองามตา ทุกครงั้ ท่มี หาดเลก็ ของขา้ พเจ้าไป เขาจะด้อนรบั ทห่ี อ้ งรับแขกและนำนั้า มาให้ดืม่ วนั นน้ั กค็ งเปน็ เช่นเดียวกัน และเป็นเรือ่ งบังเอญิ โดยแท้ หญิงรับใช้ไปดลาดยงั ไม,กลับ ธิดา ช่างทองจึงนำนาํ้ มาเอง พอนางเดินเข้ามาเท่านั้น ท่านเอย! ขา้ พเจ้าถึงกบั ตะลงึ พรงึ เพรดิ มหาดเลก็ ทำสญั ญาณดามทนี่ ัดหมายกันไว้เปน็ เชิงบอกใหร้ ู้วา่ น่คื ือธดิ าช่างทองคนสวยละ นางเปน็ คนสวยจริง ๆ สวยอย่างท่ีสดรใี นวงั ของข้าพเจ้าเทียบมไิ ดเ้ ลย เสมือนนางไดเ้ ก็บเอาความงามของสตรีมากหลาย มารวมอยูท่ เ่ี ธอเพียงคนเดียว รูปรา่ งของเธอไมส่ งู เกิน ไมด่ า่ื เกิน ไมข่ าวเกนิ และไม่ดำเกิน มผี มดำเป็นเงางามเป็น คลื่นนอ้ ย ๆ แวดวงใบหน้าอันผุดผาดเปลง่ ปสง่ั เหมือนมีรศั มีประดุจดวงจันทร์โผลจ่ ากกลีบเมฆ ค้ิว ของเธอดกดำและโก่งงาม ริม!!ปากแดงเร่ือสดใสดสู ะอาด ฟันเรียบสนทิ แวววาวรุ่งเรือง เมอื่ เธอเปิด ปากพูดทำให้ใจผ่องใสลมื ทกุ ข์ เสียงไพเราะกังวานหวาน ข้าพเจา้ ไม่เคยไดย้ ินเสียงนกการเวก เคย ได้ยินเขาชมกนั วา่ ไพเราะย่ิงนัก ลา้ เสียงของมันไพเราะเพียงครงึ่ หนึ่งของเสยี งเธอผนู้ ่ื ข้าพเจา้ ก็ ยอมรับวา่ ไพเราะจรงิ ลำแขนอ่อนข้อยเหมอื นงวงข้าง เม่ือเยอื้ งกราย อาการของเธอเหมอื นเนือ้ สาว เมื่อเธอมองอย่างละอายกเ็ หมือนเนอ้ื ทรายทดี่ ื่นไพร เครอ่ื งแต่งกายของเธองามโชติช่วง ปลวิ สะบัด ดังสายฟา้ แลบในอากาศ เมอื่ เธอย่างเขา้ มาในห้อง กสน่ิ หอมอบอวลตามเข้ามา ประดุจเธอนำเอาปา่ ซ่งึ มีดอกไม้บานในฤดูร้อนตามเขา้ มาดว้ ย มองดูนิ้วของเธอเมอ่ื วางภาชนะนา้ั ลง ขา้ พเจ้าตอ้ งชาบ ซา่ นใจเพราะนวิ้ ของเธอเรียวงามวิจติ ร เลบ็ สชี มพูออ่ น ขา้ พเจ้ามิไดส้ นใจกบั ภาชนะนัา้ เลย ความ สนใจทง้ั หมดไปรวมกันอยทู่ ี่ร่างธิดาช่างทองผูเ้ ฉดิ ฉาย...” “ขอโทษดว้ ยท่ีปลอ่ ยให้ท่านน่งั อยูน่ านไปหน่อย” ดำแรกทน่ี างพดู ยมิ้ ละไม หน้าระร่ืน มองเห็นลกั ย้ิมบมุ ทีพ่ วงแกม้ ทัง้ สอง “พระราชกมุ ารเจ้าของปนี ปกั พระเกศา ทรงพระสำราญดีหรอื พระองศจ์ ะทรงดอ้ งการเรว็ ไหม?” นางพดู กบั มหาดเลก็ ของขา้ พเจ้า ขา้ พเจ้าน่งั ดวั แข็งเหมอื นรปู ศิลา “ขอบใจแทนพระราชกมุ าร” มหาดเล็กกล่าวดอบ “พระองศท์ รงพระสำราญดี ปีนปกั พระเกศาไม่ทรงรีบร้อนนัก ขอใหบ้ ดิ าของท่านทำดามสบาย ขอแดใ่ หป้ ระณีดทส่ี ูดเท่าท่ีจะทำได้ แด่ขอแนะนำใหร้ ู้จกั กบั เพี่อนของขา้ พเจา้ เสยี ก่อน” แล้วมหาดเลก็ กห็ ันหน้ามาทางขา้ พเจ้าพรอ้ ม ดว้ ยพูดวา่ “น่คี ือ สุรนันทะ เพอ่ี นของขา้ พเจ้า บางทใี นโอกาสต่อไป ข้าพเจ้าติดธุระมาไมไ่ ด้เพื่อน www.kalyanamitra.org
togenls คนนค้ี งจะมาแทน” มหาดเล็กพูดแล้วย้ิมอย่างชอบใจ นางพนมมอื ไหว้ ขา้ พเจ้าเกอื บลมื ไหว้ตอบ เพราะมวั แด่มองอยา่ งเพลดิ เพลิน ข้าพเจา้ สนทนากบั นางไม่สจู้ ะสนิทนกั เพราะรสู้ ึกละอายใจดนเองท่มี องนางอย่างลมื ตวั ถึงกระนนั้ กพ็ อเปน็ แนวทางสำหรบั ในวันหน้าได้ นางลุกไปเอา!เนปักผมซงึ่ ทำไปได้คร่ึงหนงึ่ แล้ว มาใหด้ ู ปนี ปกั ผมเปน็ ท่สี นใจของข้าพเจ้าเป็นท่ีสุดแลว้ ขา้ พเจ้าบอกทา่ นไวแ้ ลว้ วา่ ข้าพเจ้าชอบสัง่ ใหท้ ำ!เนปักผมแบบแปลก ๆ แดค่ วามสนใจในปีนปกั ผมทั้งหมดรวมกนั ก็ยงั ไมไ่ ด้ครงึ่ แห่งความสนใจ ท่ีข้าพเจ้าม'ี ต่อนางงามผู้ทำปีนคนน้ัน “ท่านทำ!!นปักผมได้สวยงาม พระราชกมุ ารคงพอพระทัย” ขา้ พเจา้ พดู เมือ่ พลกิ ปนิ ดู อยคู่ รู่หนง่ึ นางย้ิมอย่างเอียงอาย แด่มันมีความหมายบาดสึกลงไปในหัวใจของข้าพเจ้า ถา้ ความรักเมื่อแรกพบมอื ยจู่ รงิ ข้าพเจ้ากร็ ักนางแลว้ เม่ือแรกเห็น จะเปน็ การเรว็ เกิน!,บ้ใหม ทา่ นที่จะกลา่ วตงั น้ี ถา้ ความรกั ทำใหค้ นกระวนกระวาย บัดนี้ขา้ พเจ้ากก็ ระวนกระวายแลว้ ถา้ ความรัก ทำให้คนซมึ เซา ข้าพเจ้ากซ็ ึมเซาแล้ว ถา้ ความรักทำให้คนลมื อะไร ๆ ง่าย ๆ นอกจากอยา่ งเดยี วท่ี เขาไม่ลมื คือดวงหน้าและกริ ิยาพาทขี องคนทรี่ กั บดั นีข้ า้ พเจา้ ก็เป็นอย่างนั้นแล้ว เมอ่ื เปน็ เชน่ นี้จะ ปฏิเสธวา่ ข้าพเจา้ มิได้รักนางไดไ้ ฉน ดวงดาอนั แจ่มแววของเธอได้สลกั รอยรกั ไว้ในดวงใจของขา้ พเจ้า ขา้ พเจ้ากลบั ด้วยความอาลยั อาวรณเ์ ป็นทย่ี ง่ี พร้อมด้วยภาพความงามของธิดาช่างทองตดิ ตาไปด้วย คืนนั้น ข้าพเจ้านอนดื่นดาอยู่ดลอดเวลา กระลับกระสา่ ยกระวนกระวายดว้ ยแรงรกั เข้า รดั รงึ เพียงพบครัง้ แรกเทา่ นั้น ขา้ พเจา้ กต็ กเปน็ เหยอ่ื ของอนงค์เทพแล้วอย่างยากท่ีจะถอน ท่านคงอยากทราบชือ่ ของนางบา้ งกระมัง? นางชอื่ วิมลมาน-ผู้มดี วงใจไร้มลทิน นาง ชา่ งสมชอ่ื เสียจริง ๆ จะหาสง่ี ที่ควรตำหนิมิไดเ้ ลย นามน-้ี วิมลมานในความร้สู ึกของขา้ พเจา้ ช่าง เปน็ ชอ่ื ท่ีไพเราะออ่ นหวาน เป็นท่ดี ง้ั แหง่ ความบนั เทงิ จติ ย่งี กวา่ ภาษากวีและดนตรที ีไ่ พเราะทัง้ หมด ในโลกน้ีรวมกัน ข้าพเจ้าคำนึงถึงคำพูดของนางท่ีถามวา่ “พระราชกุมารเจา้ ของ!เนป่ ักพระเกศา ทรง พระสำราญดีอยู่หรือ” แลว้ ใหร้ สู้ ึกภมู ิใจเสียวซา่ น และระทกึ ใจเสยี นี่กระไร ใครบ้างจะไม่ภาคภูมิ เมอื่ หญงิ งามถึงปานน้นั ถามถึงตนและถามต่อหน้าเจา้ ของชื่อ โดยท่ีผู้ถามมิไดร้ ู้จักตวั ข้าพเจ้านอน คำนงึ ถงึ เธอจนอรุณจวนจะเบกิ ฟ้า แสงเงนิ เรีม่ ฉายฉาบทาบดกี สขี าวอนั เปน็ ทพ่ี ำนักของข้าพเจ้า ธรรมชาติยงั คงนทิ ราสนทิ แด่ขา้ พเจา้ เปน็ ผู้ดื่น... ด่ืนอยู่ตลอดราตรี เปิดหนา้ ตา่ งมองออกไปภายนอก เห็นมะลิแลพดู ช้อนยืนดน้ สงบนง่ึ เรียงราย ดอกสีขาวโพลนของมันด้องกระแสลมอ่อน เมอ่ื รงุ่ อรณุ แล้วอ่อนไหวน้อย ๆ เหมอื นดอ้ นรับการจุมพิตจากแสงทอง กลนิ่ ของมนั ขจายขจรตามกระแสลมพลิ้ว เขา้ กระทบฆานประสาท หอมยวนใจให้เพอ้ ฝนั ... ฝันถงึ ดรณุ นี ้อยผ้มู ืนามวมิ ลมาน ความงามแหง่ สีทดุ ชอ้ นและกลิ่นอันหอมหวานของมะลิ จะพอเทียบไดก้ บั ความงามและความออ่ นหวานแห่งใบหนา้ นางไดล้ ะหริอ? ทำไมนะท่าน ธรรมชาติจึงสรา้ งคนบางคนมาใหง้ ามเลิศลอยฟา้ แดส่ ร้างบางคนมา ใหข้ ้รี ้ิวขี้เหร่ จนมองหาความงามในเรือนรา่ งมไิ ดเ้ ลยแมล้ ักแหง่ เดยี ว ท่านพอจะทราบข้อลิ้ลับเรอึ่ งนี้ อยู่บา้ งหรือ?” r www.kalyanamitra.org
tscnco “ราชกมุ าร!” พระอานนท์ตอบ “ถา้ ถือดามพระมตแิ หง่ พระศาสดาของขา้ พเจ้า พระองค์ ตรสั ว่า ความมีผวิ พรรณดี ความมีเสยี งไพเราะ ความมีสัณฐานรูปรา่ งสมสว่ น ความเป็นคนมรี ปู งาม มองดูไมจ่ ดื ไม่น่าเบื่อหนา่ ย เหลา่ นไ้ี ด้มาดว้ ยบญุ ท้งั สิน้ ,, “ถา้ อยา่ งนนั้ ,, พระราชกุมารมแี ววพระเนดรวาวด้วยปีติ “ธิดาชา่ งทองซ่งึ ขา้ พเจ้า หลงรกั คงเป็นผู้สั่งสมบญุ มามากมิใช่นอ้ ย” “กน็ ่าจะเปน็ อย่างนัน้ ” พระพทุ ธอนุชารับ พระราชกมุ ารทรงเล่าตอ่ ไป “รวมความว่าข้าพเจ้ารกั นาง ความรกั ซงึ่ เกดิ ข้ึนเป็นครัง้ แรก ขา้ พเจา้ จะทำประการใดดี เหมอื นคนไม่เคยเดินป่า ไม่รูจ้ ักทิศทาง ขา้ พเจา้ ควรจะบอกนางตามเป็นจรงิ ว่า สุรนนั ทะน้ันทีแ่ ท้ คือพระราชกมุ ารเจ้าของ!เนปักผมหรอื ควรจะปกปดิ ไวก้ อ่ น แสดงดนเป็นสรุ นนั ฑะ สหายของมหาดเล็ก ตอ่ ไป ขา้ พเจา้ ตรองเรอื่ งน้ีอยู่เป็นเวลานาน สำหรับคนทอ่ี ย่ใู นท้วงรกั เรือ่ งทเ่ี กย่ี วกับคนรกั ยอ่ มเปน็ ปญั หาใหญเ่ สมอ แต่ในทีส่ ุด ข้าพเจ้าก็ดกลงใจว่า ควรจะแสดงตนเป็นสุรน้นทะไปกอ่ นจะดีกว่า และ ดูเหมอื นจะสนุกดดี ว้ ย มหาดเลก็ คนน้ันเหน็ อาการของข้าพเจ้าแลว้ ก็ยมอยูใ่ นหน้า แตไ่ ม่กลา้ พูด อะไรเปน็ เชิงเย้าหยอก เพราะเขารจู้ กั ฐานะของเขาดี หลงั จากนน้ั แล้ว ข้าพเจ้าไปหาเธออีกเสมอ ไปในนามมหาดเลก็ ของเจ้าชาย ในระยะนั้น เจ้าชายรับสัง่ ทำ!เนปกั พระเกศาอนั แล้วอันเล่ามิจบสิ้นลงได้ และทุกคร้งั ท่ขี ้าพเจ้าไปหานาง ขา้ พเจา้ มกั จะมีของเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ติดมือไปดว้ ยเสมอ ทงั้ น้ีเพราะโบราณยอ่ มว่า ไปหาขนศาลตุลาการ ๑ ไปหาครูอาจารย์ ๑ ไปหามารดาหรอื บิดาของสตรที ดี่ นใคร่ ๑ ไมค่ วรไปมอื เปล่า ดงั นั้นขา้ พเจา้ จงื มีของไปฝากนางบา้ ง สำหรับของฝากนัน้ เปน็ เรื่องเลก็ น้อย สำหรับคนในฐานะอย่างขา้ พเจ้า แต่ขา้ พเจา้ กร็ ะมดั ระวังมิใท้ของนนั้ ดีเกนิ ไป เพือ่ ปอ้ งกันมใิ ทน้ าง สงสัยในฐานะมหาดเล็กของข้าพเจ้า รสู้ กึ นางและมารดาของนางรบั ด้วยความยนิ ดี เมือ่ ทราบว่า ข้าพเจ้าใทด้ ้วยความเตม็ ใจอยา่ งย่งิ และกเ็ ปน็ ธรรมดาของผูม้ ีน้ัาใจงาม เมื่อไดร้ ับเสมอ ๆ กย็ อ่ มให้ ตอบแทนบา้ ง นางเคยให้ผ้าเชด็ หนา้ ฉลุลายอย่างงดงามประณตี แกข่ า้ พเจา้ เม่ือยามหลงอะไร ๆ ก็ชา่ งดไี ปหมด ข้าพเจา้ จุมพิตผา้ เชด็ หนา้ อย่างถนอม พร้อมด้วยนอ้ มคะนงึ ถึงเจ้าของผู้งามเฉิด เยน็ วนั หนึง ขณะขา้ พเจา้ ไปหานางอยา่ งเคย ขา้ พเจา้ เปรยขึ้นว่า ข้าพเจา้ ได้ทราบถึง ความงามความพงิ พศิ แห่งสวนและสระโบกขรณหี ลังเคหาสนแ์ หง่ ชา่ งทอง แต่ไม่เคยทศั นาดว้ ยตนเอง เลย ทำไฉนข้าพเจา้ จะโชคดีไดเ้ ห็นสวนและสระน้ัน นางผู้ไมร่ ังเกียจท่จี ะคบข้าพเจา้ ตอบว่า เป็นไรไป เมอื่ ข้าพเจ้าปรารถนาเชน่ นน้ั นางก็จะพาไปชม เราทงั้ สองหมายถึงเธอและข้าพเจา้ เวลานีด้ เู หมอื นจะเขา้ ใจในความล๊ึสบั ในดวงจิตของ กนั และกัน แลว้ เธอได้น่าข้าพเจา้ เขา้ สู่สวน ซ่งึ อบอวลด้วยกลนิ่ ดอกไมน้ านาพันธแ์ ละประดบั ตกแตง่ อยา่ งสวยงาม มีสระโบกขรณีท่มี นี ้าํ ใส บวั บานสะพรง่ั ชูดอกสลา้ งดูงามตาน่าชม เราหยดุ นง่ั ทม่ี า้ หนิ อ่อนดัวหน่งึ ดูแมลงภบู่ ินร่อนฉวัดเฉวยี นเวยี นชมเกสรอุบลดว้ ยความเพลนิ ใจ สายลมรำเพย แผว่ หอบเอากล่นิ นา้ั และกล่นิ มาลี คละเคลา้ ด้วยกลน่ิ สไบนาง หอมหวนยวนจติ ใหค้ ะนงึ ถงึ ความ www.kalyanamitra.org
Iz>end. สุขสำราญในยามนั้น ตะวนั รอนยอแสง สีเมฆมว่ งสลับฟา้ และเป็นรูปต่างๆนา่ ทศั นา ประกอบดว้ ย มีนางงามเฉดิ อยูเ่ คียง ขา้ พเจ้ารู้สึกเหมือนฝนั ไปและไม่คิดวา่ ใครจะมีความสขุ ความภาคภูมยิ ี่งไปกว่า ข้าพเจา้ ความจรงิ ความสขุ น้ันอย่ทู ่ีคุณภาพมิใชป่ ริมาณ เม่ึอไดส้ ง่ี ทด่ี อ้ งการ มนษุ ยม์ คี วามสขุ ได้ ทดั เทยี มทัน “สวนและสระน้ี พอจะดูได้ไหม?” วิมลมานถามขึ้น ชายดามองขา้ พเจา้ เพียงเลก็ น้อย “สวยมากทเี คยี ว” ขา้ พเจา้ ตอบ “แต่ทัง้ ความงามของสระและพนั ธ!ุ .ม้ทุกชนดิ รวมทัน กย็ ังสวยไมเ่ ท่าวิมลมานผมู้ ีดวงใจไร้มลทนิ ” ข้าพเจา้ ไม่ทราบวา่ คำน้ีออกมาได้อยา่ งไร ธดิ าชา่ งทองขยบั กายเล็กนอ้ ย แต่มรี อยยิม้ ท่อี อ่ นหวานผดุ ขีน้ ทร่ี มิ สปื าก มนั ชว่ ยปลอบ ใหข้ า้ พเจ้าหายระทึกใจ “คนชาววงั เขาพดู ทันอย่างน้ีหรือ?” นางพูดพรอ้ มดว้ ยใชน้ ิว้ อนั เรียวงามกรีดผ้าพนั คอ ดว้ ยความขวยอาย “ขา้ พเจ้าอยู่ในวังมาข้านานไมเ่ คยพูดคำนท้ี บั ใครเลย ท่านเป็นคนแรกทไ่ี ดย้ ินคำน้ี” ขา้ พเจา้ ตอบนางดว้ ยความจรงิ ใจ “ทำไมผชู้ ายจึงชอบชมแตค่ วามงามของผูห้ ญงิ ไม่เห็นชมอย่างอน่ื เลย ผู้หญงิ เกิดมา งามอย่างเดยี วกเ็ ห็นจะพอแลว้ กระมงั ?” นางพดู ยงั ทมั หน้าดูพ้ืนดนิ ท่ปี กคลมุ ด้วยดน้ หญิาสีงาม “อยา่ งทา่ นน้”ี ขา้ พเจา้ ใจกลา้ ข้นึ มาบา้ งแลว้ “มิเพยี งแตร่ ูปงามนามเพราะอย่างเคยี ว เทา่ นั้น แตใ่ จยังบริสุทธ้ิสะอาด และกริ ยิ านา่ รักอกี ด้วย” “ลา้ ความสุขของท่านอยู่ทไ่ี ดช้ มขา้ พเจา้ ข้าพเจา้ กย็ ินดีใหท้ า่ นชมอยู่ตลอดไป ขา้ พเจ้า เคยทราบจากบดิ าวา่ การหยิบอ่ืนความสุขใหผ้ ูอ้ ืน่ ความสุขนั้นยอ่ มสะทอ้ นกลบั มาหาผใู้ ห้ การให้ทุกข์ แก,ผ้อู น่ื ก็เชน่ ทัน” ธิดาช่างทองพดู คอ่ นชา้ งตะกุกตะกกั แตย่ ังมนี าั้ เสยี งไพเราะ ใบหนา้ ของนาง แดงระเร่ือ ทำให้ดงู ามสดใสยง่ี ขน้ึ ข้าพเจายังมทิ ันไดต้ อบประการใด เสียงนกชนดิ หนงึ่ ร้องดังขน้ึ จากทมุ่ ไมห้ ลงั บ้าหินออ่ น ท่ีเราน่ัง นางดกใจเผลอตวั ขยับกายเขา้ เบยี ดชิดข้าพเจ้า พอคีลมกระโชกมาอย่างแรง ชายผ้าพนั คอ ผืนน้อยท่ีนางใขป้ ลวิ มาพันคอขา้ พเจา้ เกศาของนางฟกู ระจายด้วยแรงลมมากระทบใบหน้าและ ฆานประสาท เมีอ๋ นางไดส้ ติรู้สึกตวั แลว้ จงึ ถอยห่างออกไป แตด่ ยู งั มีอาการดกใจอยูเ่ ลก็ น้อย ขา้ พเจา้ ร้สู กึ เหมือนต้องละอองฝนในคิมหนั ตฤ์ ดู “นกตวั นค้ี งเป็นตวั ผู้” ข้าพเจ้าเปรยข้นึ “ทำไมทา่ นรู้ มันช่างโหดร้ายเสียจรงิ ทำให้ดกใจเล่นได”้ นางตอบแลว้ ย้มิ เหมือนขนั ตวั เอง “มันคงสงสารข้าพเจ้า ทีจ่ ิดใจกระวนกระวายอยากน่งั ใกล้ชิดทา่ นมาเปน็ เวลานานแล้ว มนั คงร้ถู งึ ความร้สู กึ ของขา้ พเจา้ จึงช่วยเหลือ แม้จะเพียงเลก็ น้อยและชัว่ ระยะเวลาอนั สั้นกย็ ังคี เหมอื น ฟา้ แลบเพยี งแวบเคยี วก็พอมองเห็นทาง” นางลกุ ขน้ึ พรอ้ มดว้ ยพดู วา่ “ขา้ พเจา้ ไมอ่ ยากจะเชอ่ื ทา่ นแลว้ พดู หวานเกนิ ไป เดยี วพอ กลบั ไปถงึ วง่ กล็ มื นกึ ถงึ ธดิ าชา่ งทอง ผชู้ ายขาววงั กม็ กั จะพดู ไพเราะแตต่ อ่ หนา้ ” www.kalyanamitra.org
Is ๓๕ ๓ ! คุ) หญงิ งามกับบิดา ความสนิทสนมสัมพนั ธข์ องข้าพเจ้าและวิมลมานธดิ าช่างทอง เปน็ ไปอยางสมา เสมอและเวยี นเขา้ หาชดุ บุ่งหมายเข้าทกุ วนั ๆ เสมอื นรอยเทฺาใคที่เหยยี บย์าไปบนผนื นา ในขณะลากแอกและไถ มันวนเวียนเขา้ หาชุดศูนย์กลางของนาแปลงนัน้ ทกุ ๆ รอบทีย่ า่ ง ไปคนมคื วามรกั จิตใจย่อมจดจ,ออยูในเรองรัก แม้จะสนทนาเรองใด ๆกม็ าจบลงท่ีคำวา่ “รัก” เสยี ทกุ ครง โดยเฉพาะความรกั ของหนุ่มวยั ต้น ความรกั ทำให้คนซึง่ กระด้างหยาบคายกลายเป็นคนนมุ่ นวลออ่ นหวาน มหาโจรใจเหย้ี ม ซึ่งฆา่ คนไดอ้ ยา่ งไรค้ วามปราณี เม่ือถกู เสน่หน์ างเข้ารึงรัดใจก็ดอ้ งวางดาบแล้วคกุ เขา่ ลงสารภาพ รกั กับสตรตึ วั น้อย ซึง่ ไม่เคยแมแ้ ตจ่ ะบมี๊ ด กษตั รียาธิราชผผ้ ยองและทะนงในตกั ด เมอ่ื ความรักเกิด ข้นึ ความทะนงนั้นกพ็ ลันหาย กลายเป็นผูร้ ับใช้ของเธอชงกำหวั ใจไวไ้ ด้ นางผงู้ ามเฉดิ เพรดี พราย เมอ่ื ความรักกลา้ํ กรายแทรกซมึ เข้าสูห่ วั ใจ สงี่ ทเี่ คยหวงแหนสุดถนอมไมเ่ คยยอมให้ใครมากอ่ นเลย ก็ยอมพลใี ห้หมดสนิ้ อา!ความรักชา่ งมีอทิ ธิพลอะไรเข่นนั้น! ในขณะท่ีความรกั ของข้าพเจา้ และวมิ ลมานดำเนินไปด้วยดี เหมอื นเดินอยในสวนดอกไม้ นั้นเอง ขา่ วรา้ ยกเ็ กิดขน้ึ เหมอื นสายฟ้าฟาดลงบนกลางใจของเราท้ังสอง เม่ือรนั หนงิ พระราชบดิ า เรียกขา้ พเจ้าเขา้ เฝัา www.kalyanamitra.org
b CT>b “จตรุ งคพล” พระบดิ าตรัสตอนหนง่ึ “ระยะนี้ไมค่ อ่ ยได้เห็นหนา้ เจา้ หาย1ปใหนทุกวันๆ?” “หามไิ ด้เสด็จพ่อ ลูกอยู่ แดเ่ หน็ เสด็จพ่อมีพระราชภารกจิ มากจึงมิไดม้ ารบกวน” ขา้ พเจา้ ทลู ใจไมค่ อ่ ยฅนกั “ได้ยินวา่ ไปชอบลูกสาวนายชา่ งทองอยมู่ ใิ ชห่ รอื ?” ตรัสถามอยา่ งตรงไปตรงมา ดาม พระราชอัธยาศยั ของพระองค์ ข้าพเจ้าสะดง้ ชื้นทง้ั ตวั ไม่นกึ เลยว่าเสด็จพอ่ จะทรงทราบ เมอ่ื พระองค์ ทรงทราบแลวก็ไมม่ อี ะไรทจี่ ะปดิ บงั ตอ่ ไป รู้สึกเป็นทางดเี สียดว้ ยซ้าํ ขา้ พเจ้าจงึ ทลู รับว่า “ใช่พะยะ่ คะ่ ” เสดจ็ พอ่ ทรงพระสรวลนอ้ ย ๆ มองขา้ พเจา้ ดว้ ยสายพระเนตรสงสารแกมสงั เวชใจ “ลูกคดิ วา่ พอ่ จะไมร่ ู้อยา่ งน้ันหรือ?” ขา้ พเจ้ายังคงก้มหน้ัานง่ึ “ลูกรัก” เสด็จพอ่ ตรัสต่อไป “อยา่ วา่ แต่เรอื่ งใกล้แคน่ ีเ้ ลย เรื่อง ไกลถงึ สุดปล ายเขตแดนของเราพ่อก็ทราบ พ่อเปน็ พระเจ้าแผน่ ดนิ หูพญาดากษัตรยิ ์ ลกู จำไว้ ย่อม ไดย้ นิ และเหน็ ไกลเสมอ” “ลูกรักเขามากหรอื ?” เสดจ็ พอ่ ทรงกลับมาถามเรอ่ื งนใ้ี หม่ “รักมากพะยะ่ ค่ะ” “เขาสมกับลกู ดหี รอื ” “ เขาสวยมากพะย,ะค่ะ” “ลูกด้องการผหู้ ญงิ สวยอยา่ งเดียวเท่าน้ันหรอื ?” “เขาดีดว้ ยพะย่ะคะ่ ” “ดอี ยา่ งไรเลา่ ใหพ้ อ่ ฟงั ไดไ้ หม?” “กริ ิยามารยาทดี สุภาพเรยี บร้อย ท่างานเก่ง รจู้ ักขม่ ใจเมอื่ โกรธพะย,ะค่ะ” “ถ้าพอ่ จะหาคนอย่างน้ีให้ ลูกจะเอาไหม?” “ลกู มีแลว้ พะยะ่ คะ่ ” ข้าพเจ้าตอบอยา่ งเกรงพระทยั เดม็ ท่ี “ลกู รตู้ วั ไหมว่าลกู เปน็ ใคร?” เสดจ็ พ่อถามต่อไป “ทราบพะย่ะค่ะ หมอ่ มฉันเป็นลูกของเสดจ็ พอ่ ” “แลว้ พอ่ ของลกู เปน็ อะไร?” “เปน็ พระเจา้ แผ่นดนิ พะยะ่ คะ่ ” “แล้วลูกเปน็ อะไร?” “เป็นเจา้ ชายพะยะ่ ค่ะ” “แลว้ ลกู สะใภ้ควรจะเป็นอะไร ควรจะเปน็ เจา้ หญงิ หรือเปน็ ผ้หู ญงิ ชาวบัานธรรมดา เปน็ แม่คา้ ขายทองหรอื ทำทองขาย?” ตอนนี้ข้าพเจ้านึ่ง ขา้ พเจ้าไมเ่ หน็ สำคัญเลย จะเปน็ เจ้าหญิงหรือหญิงหกั ฟนื ขาย กม็ คี วาม เป็นหญงิ เท่าเทยี มกัน อวยั วะทุกสว่ นของเจ้าหญิงไมม่ ีอะไรพิเศษ หรอื วจิ ติ รพสิ ดารยิ่ง ไปกว่าหญิงขายขนมเบอ้ื ง เมื่อบาดเจ็บเลือดทีอ่ อกมาก็เปน็ สีเดียวกัน เจ้าหญงิ ก็รจู้ ักหิวกระหาย และความรูส้ ึกอื๋นๆเหมือนๆกัน มีความรูส้ ึกทางเพศ รส เหมือนคนธรรมดาสามญั ท้วั ๆไป มนษุ ย์ ในโลกน้ี เหมือนกอ้ นหินก้อนอฐิ หลาย ๆ ก้อนท่ีถกู นำไปวางในท่ตี ่างกันเท่านัน้ ก้อนหนง่ึ วางอยู่ www.kalyanamitra.org
b) ๓ rr) นนบอดเจดยี ค์ นก็กราบไหว้บูชา อีกก้อนหนง่ึ ใชป้ ลู าดถนนเปน็ ทางเดินคนก็เหยียบยา แตเ่ นอ้ื แท้ ของกอ้ นอฐิ ไมม่ ีอะไรแตกตา่ งกนั เลย เจา้ หญงิ อาจจะดกี วา่ หญงิ ธรรมดาก็ตรงทีม่ โี อกาสดกี ว่าในการ ปรับปรุงตนและมโี อกาสในการศกึ ษาดกี ว่า แตค่ ณุ คา่ ของคนวัดกนั ท่คี วามประพฤติและนืา้ ใจ มิใช่ วัดกันท่ีชาติตระกูล เมอ่ื มองในแง'นี้ เจา้ หญงิ ที่มีความประพฤตไิ มด่ ี จติ ใจตากย็ ่อมเป็นคนเลวเหมือน กบั คนเลวอื่น ๆ ข้าพเจ้าเองเปน็ เจ้าชาย แต่ข้าพเจา้ กม็ องไม่เหน็ วา่ ข้าพเจา้ จะวเิ ศษไปกวา่ ผู้ชายธรรมดา ตรงไหน มคี วามรูส้ กึ สขุ ทกุ ข์ หิว กระหาย และใคร่ในกามารมณเ์ หมื่อนกับเด็กหน่มุ ชาวบา้ นธรรมดา ทั่วไป นึ่เพยี งแต่ขา้ พเจา้ คดิ เท่าน้นั นะทา่ น ขา้ พเจ้าไม่กล้าพดู อย่างนกื้ บั เสด็จพ่อดอก มันเป็นการ ห้าวหาญและไรม้ ารยาทเกินไปสำหรับบตุ รทด่ี ี “พอ่ ไดม้ องดสู ตรที ่เี หมาะสมกบั ลกู ไวแ้ ล้ว” เสด็จพอ่ ตรสั ตอ่ ไปด้วยสพี ระพักตรเ์ ฉย “ เขา เปน็ เจ้าหญิงท่มี ีทงั้ ความงามและความดพี ร้อม พ่อเช่ือวา่ เจา้ เหน็ จะดอ้ งชอบ” ข้าพเจ้ายงั คงนงั่ เฉยมิได้ทลู อะไรเสด็จพอ่ เลย เม่ือพระองค์ทรงเหน็ ขา้ พเจา้ เฉยอย่จู ึง ตรสั ต่อไปวา่ “ลูกรกั ภรรยาทเี่ หมาะสมมคี วามสำคญั ในชวี ติ มนษุ ย์ เวลานื้ลกู อายยุ งั นอ้ ย อาจจะ ถือความรักในวัยหนุ่มเป็นสงิ่ สำคญั เหนือสิ่งอ่นื ใด แตเ่ มอ่ื ลกู อายุมากกว่าน้ี ลูกจะเห็นเองว่าความ- รักอยา่ งเดยี วไมเ่ พยี งพอในการทจี่ ะครองชีวติ ให้ราบรื่นแบบครอบครัว ลูกจะด้องคำนึงถงึ ความเหมาะ สมทางการศึกษาบคุ ลิกภาพ ความโน้มเอยี งและท่สี ำคัญทสี่ ุดอีกอย่างหนึ่ง คอึ ความเหมาะสมทาง สงั คม หมายความวา่ ตอ้ งให้สังคมยอมรบั วา่ ถกู ดอ้ งเหมาะสมแล้ว ลูกยงั ต้องอยใู นสงั คม และสงั คม ท่ีลกู อย่นู ัน้ มิใช่สังคมธรรมดา แต่เป็นสังคมชนั้ สูง ชายาของลูกจะต้องเขา้ กบั สังคมและสิ่งแวดล้อม รอบควั ได้อย่างสนิทแนบเนยี น ลูกจะทนไหวหรือล้าชายาอนั เปน็ ทร่ี ักของลกู ถกู รงั เกยี จเหยียดหยาม จากคนรอบด้าน ลูกต้องไมล่ มื ว่าสังคมในเมืองเรายงั มีการถือช้ันวรรณะ ถือชาติ ถือตระกูลกนั อยู่ อยา่ งรุนแรง” พระราชบิดาทรงหยดุ เพียงเท่านน้ั คอยสงั เกตกริ ิยาของขา้ พเจา้ วา่ จะมคี วามรสู้ กึ ประการใด ข้าพเจ้ายังคงนั่งเฉย แมป้ ากจะมไิ ดพ้ ดู แตใ่ จของข้าพเจา้ ก็คดิ คดิ ถึงควั เองและวมิ ลมาน ยอดหญิงซ่งึ ข้าพเจา้ รักอย่างถอนควั ไม่ขึน้ ทำไมมนษุ ยจ์ ึงยอมคัวอยภู่ ายใตก้ ารจองจำของสังคม ซ่ึง มีแตค่ วามหลอกหลอนสบั ปลบ้ และแปรผนั ทำไมมนุษยจ์ ึงยอมควั เปน็ ทาสของสงั คมจนแทบจะกระตกิ กระเด้ยี ควั มิได้ จะทำอะไรจะคิดอะไรกต็ ้องคำนึงถงึ ความรสู้ ึกของสังคมไปเสียหมด สงั คมจงึ กลาย เปน็ เครอ่ื งจองจำชนดิ หนง่ึ ท่มี นุษย์ซึ่งสำคญั ควั ว่าเจรญิ แล้วช่วยกนั สรา้ งข้ึน เพ่อื ผกู มัดควั เองให้ อึดอัดรำคาญ มนุษยย์ ่งิ เจริญขน้ึ ก็ดูเหมือนจะมเี สรภี าพนอ้ ยลงทง้ั ทางกายและทางใจ ดู ๆ แล้วความ สะดวกสบายและเสรีภาพของมนษุ ยจ์ ะสสู้ ตั ว์ติรัจฉานบางประเภทมไิ ด้ มันมีเสรีภาพทีจ่ ะทำอะไร ดามใจชอบอยเู่ สมอ คัวอย่างเช่นฝูงวหิ คนกกา มนษุ ยเ์ ราเจริญกว่าสัตว์ดามทีม่ นษุ ยเ์ ราเองชอบพูด กัน แตด่ ูเหมือนพวกเราจะมคี วามสขุ นอ้ ยกว่าสตั ว์ ภาระใหญท่ ต่ี อ้ งแบกไว้ คอื เร่อื งกาม เรื่องกนิ และเรือ่ งเกยี รติ นน้ั เป็นภาระหนักอ้ึงของมนุษยชาติ สัตวต์ ิรจั ฉานคดั ไดไ้ ปอยา่ งหนึ่ง คือเรอ่ื งเกียรติ คงเหลือแตเ่ รื่องกามและเร่อื งกิน นักพรตอยา่ งท่านน้ีคดั ไปได้อกี อยา่ งคือ เร่ืองกาม คงเหลอื แต่เร่ือง กนิ อยา่ งเดียว ปลดภาระไปไดอ้ ีกมาก และการกินอยา่ งนกั พรตกบั การกนิ อย่างผูบ้ รโิ ภคกาม กด็ ู เหมือนจะมขี ้อท่แี ดกตา่ งกนั อยู่ ผู้บรโิ ภคกามและยังหนาแน่นอยดู่ ว้ ยความรู้สึกทางโลกยี วิสยั เม่อื กินบางทีก็กินเพ่อื ย่ัวยกุ ามใหก้ ำเรบิ และตอ้ งกินอยา่ งมเี กียรติ กนิ ให้สมเกียรติ มใิ ชก่ นิ เพยี งเพือ่ ให้ www.kalyanamitra.org
(send ร่างกายน้ีดำรงอยไู ดอ้ ยา่ งสมณะ ความจรงิ ร่างกายคนเรามิได้ด้องการอาหารอะไรมากนกั เมือ่ หวิ รา่ งกายกด็ อ้ งการอาหารเพียงเพ่อื บำบดั ความหิวเทา่ น้ัน แต่เมื่อมเี กยี รตเิ ข้ามาบวกดว้ ย จงึ กลายเป็น เรอื่ งกนิ อย่างเกยี รติยศ และแล้วก็มภี าระดามมาอยา่ งหนกั หนว่ ง คนจำนวนมากเบ่อื เร่อื งน้ี แตจ่ ำดอ้ ง ทำ เหมอื นโคหรอื ควายซ่งึ เหน่ือยหน่ายต่อแอกและไถ แตจ่ ำใจตอ้ งลากมนั ไป--ลากมันไป อนิจจา! เม่ือเหนิ ข้าพเจ้านัง่ นึ่งอยูน่ าน พระราชบิดาจงึ ตรัสข้ึน เหม!ี )นทรงทราบถึงความคดิ ของ ข้าพเจ้าว่า “ลกู รัก! สงั คมเป็นปญั หาใหญ่และเป็นเร่อื งสำคญั เมอื่ ลูกย้งอยใู นสงั คม ลกู กจ็ ะตอ้ ง ปฏบิ ตํ ิตามระเบยบแบบแผนของสงั คม แมร้ ะเบยี บแบบแผนน้นั บางอย่างเราจะรูสกี วา่ ไม่เหินจำเปน็ เลย แตเ่ มือ่ สงั คมยอมรับปฎบิ ตํ กิ ันเสยี แลว้ เราก็ต้องทำทงั้ ๆ ทีไ่ มอ่ ยากทำ พอ่ เองเปน็ กษัตริย์ เปน็ ใหญ่ ในหมชู่ นแหง่ แคว้นปัญจาละนแ้ี ตพ่ ่อกบ็ ังตอ้ งง้อสังคม ทั้ง ๆ ที่พอ่ มีอสิ ระทจี่ ะทำอะไรหรือไมท่ ำอะไร “อกี อยา่ งหน่งึ เดมิ ทมี นุษย์เรากอ็ ยูก่ นั อยา่ งสตั ว์บำทั้ว ๆไป แต่เม่อื กาลเวลาลว่ งมา มนุษยร์ จู้ กั อยู่กันเปน็ หม่เู หลา่ รูจ้ ักเปล่ยี นแปลงแก้ไขสภาพเตมิ มาสสู่ ภาพใหมอ่ ย่เู รือ่ ย ๆ การจดั ระเบียบสังคมข้ึนนัน้ เดมิ ทกี ็เพื่อความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อยสำหรับหมู่นั้นคณะน้นั และการวาง กฎเกณฑข์ องสงั คมขน้ึ กเ็ พื่อปอี งกนั มใิ หค้ นเอารัดเอาเปรยี บกนั เพ่ือมิใหป้ ลาใหญก่ ินปลาเลก็ สตั ว์- ใหญ่รังแกสตั ว์เลก็ อยา่ งพ่อน้ีก้าเปรียบด้วยปลาพอ่ กเ็ ป็นปลาใหญท่ สี่ ดในหนองน้ี และเป็นสัตว์ใหญ่ ทส่ี ุดในปาน้ี พอ่ มอี ำนาจสงั่ ประหารชวี ิตคนไต้โดยไมม่ ีใครกลา้ ขดั แยง้ แต่พ่อกไ็ มก่ ลา้ ทำอย่างน้นั ใครทำผิดเรามีคณะผพู้ ิพากษาพจิ ารณาความผิด เปิดโอกาสให้ผถู้ กู กลา่ วหาแถลงเรื่องของตนซง่ึ อาจถูกใสค่ วามกไ็ ต”้ “เกยี รตขิ องหมู่คณะหรอื ของสังคมนนั้ อยู่ทค่ี วามมรี ะเบียบ ลูกจะสงั เกตเหนิ อย่างหนึง่ วา่ หมใู ดคณะใดไม่มรี ะเบยี บ หมนู่ นั้ คณะนั้นก็ไร้เกียรติ การจดั ระบบสังคมกเ็ พ่ือความมีระเบียบ และ ระเบยี บทำให้งามน่าดนู ่าชมแตกต่างจากสตั วต์ ิรจั ฉาน” “ครอบครัวเป็นรากฐานของสงั คม เปน็ รากฐานของประเทศ การปรบั ปรงุ สังคมจงึ ต้อง ทั้งต้นไปจากครอบครัว ถา้ สภาพทางครอบครัวคลอนแคลนเสยี แล้ว ก็เหมือนเรอื ซงึ่ มรี รู ว่ั มากมาย จะแล่นไปไกลไต้สักเทา่ ใด แม้จะประคับประดาธงหิวตกแตง่ อยา่ งสวยงามแตก่ ็เพิยงหลอกดาเทา่ นน้ั คนในเรอื อลเวงรนุ่ วายอยตู่ ลอดเวลา จะหาความสุขไตอ้ ย่างไร” “ในครอบครวั แตล่ ะครอบครวั แม่บา้ นหรอื ภรรยามีความสำคญั อยา่ งย่งิ ยวด มีภรรยา ดีเปน็ ศรีแก่บ้านเรอื นและลกู หลาน มีภรรยาไม่ดีเหมอื นน่าขยะมลู ฝอยมากองไวใ้ นบ้าน ลูกตอ้ ง คดิ ว่าสตรีทีจ่ ะมารว่ มสุขรว่ มทุกข์กับลกู นน้ั มไี ต้เป็นแตเ่ พียงชายาของลูกอยา่ งเดยี ว แตเ่ ขาจะตอ้ งเป็น แมข่ องลูกเราด้วย ลกู ที่มแี ม่ดมี ีสงา่ ราศี เปน็ โชคดีของเด็กอยา่ งล้นเหลือ ลูกทม่ี ีแมไ่ ม่ดีไม่สมคักดิศ้ รื แหง่ สกลเปน็ การทรมานจิตใจลูกในอนาคตให้บอบซา้ํ ” พระบิดาตรัสเพยี งเทา่ น้แี ล้วกห็ ยดุ อยู่ ดูเหมือนพระองคม์ ปี ระสงค์จะให้ขา้ พเจ้าพูดบ้าง ข้าพเจา้ ไมม่ อิ ะไรจะทลู เพราะไม,สนใจกับหญิงท่ีพระบดิ าตรสั น้ันเลย แต่ก็อดถามไม่ไต้วา่ “เสดจ็ พ่อจะให้หม่อมฉันอภิเษกสมรสกับเจา้ หญิงองคใ์ ด?” ข้าพเจ้าคดิ ว่าคงจะเป็น เจา้ หญงิ องค์ใดองคห์ นงึ่ ในหัสตนิ าปรนครน้ี www.kalyanamitra.org
b>cr>6 “เจ้าหญงิ จุฬารัตน์ แห่งสาคลนครแควน้ มทั ทะ” พระราชบิดาตรสั อย่างภาคภมู พิ ระทยั ความจรงิ กเ็ ปน็ เรื่องนา่ ภาคภูมิอยู่นะท่าน เจา้ หญิงแห่งแควน้ มัฑทะ ไดร้ ับความนิยม ยกยอ่ งอยา่ งสูงยิ่งวา่ งามท่สี ดุ ในชมพูทวีป จนถึงกับขัตตยิ นารีแหง่ แคว้นน้ีมกั จะมนี ามว่า มทั ที หรอื มฑั รีอยเู่ สมอ แทนทจ่ี ะมีพระนามเฉพาะพระองค์ แดก่ ลับเฉลมิ พระนามดามซือ่ แควน้ เพอ่ื ไห้ เปน็ ทร่ี ู้วา่ เจา้ หญงิ ผ้มพี ระนามว่ามัฑรนื นั้ มาจากแคว้นมทั ฑะ เป็นถน่ิ คนงามอยา่ งแท้จริง เหมอื น ม้าซึง่ มาจากแควน้ กัมโพชะ กเ็ ป็นทเ่ี ช่อื ถือไดว้ า่ ต้องเป็นพันธุม้าดี และผ้าซึ่งมาจากแควน้ กาสซี ึ่ง เรียกว่ากาสิกพสั ตร์ จะได้ใชก้ ็เฉพาะคนช้ันสูงมีฐานะร่าื รวยเทา่ นั้น แลแล้ว สมเด็จพระราชบดิ าไดน้ า่ พระราชสาลน้ การตดิ ตอ่ ระหวา่ งพระองคแ์ ละพระเจ้า- กรุงสาคละให้ข้าพเจ้าด ใจความสำคญั ในพระราชสาล้นหลายฉบับกค็ อื เรอ่ื งเจา้ หญ งิ - จฬุ ารัตนแ์ ละข้าพเจ้า เมืออา่ นพระราชสาล้นแลว้ ขา้ พเจ้ารสู้ กึ เห็นพระทยั ในความปรารถนาดี แห่งสมเด็จพระราชบิดาทม่ี ีดอ่ ข้าพเจา้ อน่ึงเล่า พระเจ้ากรุงสาคละก็มใิ ช่ใครอ่นื คอื พระสหาย สนทิ แหง่ พระชนกนาถของขา้ พเจา้ เอง ทา่ นทัง้ สองได้เจรจาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ในการท่จี ะให้ ขา้ พเจ้าและเจ้าหญงิ จฬุ ารตั น์อภิเษกสมรสกัน “ลกู รัก! พระบิดาตรสั ในที่สดุ “เช่ือพ่อเถอะ ลกู ควรจะอภเิ ษกกับเจา้ หญงิ จฬุ ารตั น์ เพ่ือ ความสมบรู ณถ์ กู ตอ้ งเหมาะสมแห่งราชบลั ลงั ก์หสั ตินาปุระตอ่ ไปภายหนา้ และลูกทัง้ สองคือหมาย ถงึ หลานจฬุ ารัตน์ด้วย จะเป็นเสมอื นฉัตรแก้วแหง่ แคว้นมัททะและปญั จาละ แต่ไมเ่ ปน็ ไร ยังมเี วลา อยู่อกี ลูกไปคดิ เสยี ใหด้ ี” ข้าพเจา้ ออกจากท่ีเฝืาดว้ ยความรสู้ ึกทบ่ี อกไม่ถกู ฝ่ายหนึ่งขา้ พเจา้ รกั อกี ฝา่ ยหน่ึง ข้าพเจ้าต้องกตญั ญู สมเดจ็ พระราชบดิ าน้ันข้าพเจา้ รกั ด้วยและกตัญญดู ้วย สว่ นวมิ ลมานขา้ พเจา้ ทัง้ รกั และสงสารยง่ิ นกึ ถึงวา่ ขา้ พเจา้ จะตอ้ งอภิเษกกับเจ้าหญิงจุฬารตั น์ดว้ ยแลว้ ก็ให้รู้สกึ สงสาร จบ้ ใจ ดวงใจของเธอจะต้องชอกชา้ั ระบมลกั เพยี งใดหนอ ข้าพเจา้ คดิ ว่าถงึ เวลาแล้วทข่ี า้ พเจา้ จะบอก ความจริงแกน่ างเสยี ที ตังนัน้ เยน็ รนั น้ันเอง ขา้ พเจ้าคงปลอมเป็นสรุ นันฑะมหาดเล็กไปบา้ นชา่ งทอง และได้พบนางผ้มีนัยนต์ าคมแตห่ วาน มใี บหน้าเอิบอ่มี น่ารกั นา่ ถนอมอยเู่ สมอ เราคงไปสนทนากนั ท่สี วนหลังบ้านและท่มี ้าหนิ ออ่ นรมิ สระนั้นเอง ขา้ พเจ้ามอี าการ ตรองอยา่ งสึกซ้ึงไม่ร่าเรงิ เหมอื นอยา่ งเคย นางเห็นอาการตงั นนั้ จึงถามวา่ “สรุ นันทะ ท่านมีเรอ่ื งเดือดร้อนอะไรหรอื จึงดูหมน่ หมองไมส่ ดชนื่ เหมือนทเี่ คยเป็น?” แทนท่ีจะตอบคำถามของนาง ขา้ พเจา้ กลับถามวา่ “ที่รกั ! ถา้ ขา้ พเจา้ มีฐานะเปล่ียนแปลงไป ท่านจะยงั รกั ข้าพเจ้าอย่หู รือ?” นางตอบให้ขา้ พเจ้าชืน่ ใจวา่ “ไม่วา่ ทา่ นจะเปน็ เศรษฐี หรอื คนยาก จะเป็นคนวรรณะตระกูล ใด ข้าพเจ้ากค็ งรกั ทา่ นอย่างเดมิ ข้าพเจ้ามไิ ดร้ ักทา่ นตรงท่ที า่ นเปน็ อะไรอน่ื แตร่ กั ตรงท่ที ่านเปน็ สรุ นนั ทะต่างหาก” ฟังดูซทิ ่าน เธอผน้ ้ชี อบพูดสน้ั ๆ แตม่ ีความหมายกนิ ใจย่งิ นกั “มไิ ด้รักท่านที่ทา่ นเป็น อะไรอื่น แตร่ ักดรงฺ ทที่ า่ นเป็นสุรนนั ทะด่างหาก” ชา่ งเป็นถ้อยคำทีไ่ พเราะออ่ น่ หวานและน่มุ นวลเสียนี่ กระไร! ความสงสารและความเห็นใจประดังซ้นึ มาเตม็ อก แต่ในทีส่ ดุ เหน็ ว่าไมม่ ีประโยชนอ์ ะไรท่ีจะ ปกปดี นางไว้ เพราะในไม่ข้านางจะตอ้ งทราบเรือ่ งทัง้ หมด ขา้ พเจ้าจงึ เล่าเร่ืองทัง้ สนิ้ ให้นางทราบ www.kalyanamitra.org
bo ๔o นางฟังอยา่ งดัง้ อกต้ังใจ ทแี รก ๆ ดูเหมอื นจะต่นื เต้นดกใจมาก แดแ่ ล้วกร็ ะงับไว้ไต้ดามวสิ ยั แห่งสดรีทมี่ ื ความอดทนและมืจรยี างาม เธอลดตวั ลงจากมา้ หนิ อ่อนทา่ ความเคารพขา้ พเจา้ เยีย่ งพลเมอื งท่ีดจี ะพงึ ปฎิบ้ตด่อเจา้ - ชายของตนและไม่กล้าขนึ้ มานงั่ ร่วมแทน่ อกี ขา้ พเจ้าตอ้ งดงึ แขนนางขนึ้ มาพร้อมด้วยพูดวา่ “ไหนบอกว่ารักขา้ พเจ้าตรงที่เป็นสรุ นันทะ มใิ ชเ่ พราะวรรณะตระกูลใด?” “แดเ่ วลาน...” นางพดู เงยหน้ามองขา้ พเจ้ามนื าํ้ ดาเออ่ ที่เบา้ ดาดงั้ สอง “พระองค์มใิ ช่ สุรนนั ทะ แดเ่ ปน็ เจา้ ชายจตรุ งคพล รชั ทายาทแห่งหัสดินาปรนคร หมอ่ มฉันเปน็ เพียงชาวบา้ นธรรมดา เท่านัน้ หม่อมฉันไม่กลา้ อาจเออ้ื มน่งั ร่วมแท่นกบั พระองค์ ขอให้หมอ่ มฉันเป็นพลเมอื งทด่ี ขี องพระองค์ เถดิ ” ขา้ พเจา้ ไม่ยอมปลอ่ ยมือนาง และขอรอ้ งวงิ วอนให้นางนั่งบนม้าหนิ อ่อนอยา่ งเดมิ สนทนา กันอยา่ งเดิม ต้องใขเ้ วลาวงิ วอนเสยี นาน นางจึงยอม และข้าพเจ้ากพ็ ูดปลอบใจนางวา่ ถงึ จะเปน็ อย่างไร ๆ ขา้ พเจ้าคงรักนางไมส่ ร่างซาคนเดียวทีข่ า้ พเจ้าขอมอบหัวใจด้งั หมดไวใ้ หค้ ือนางน่นั เอง และข้าพเจา้ ก็พูดเพิม่ เดิมวา่ “ทร่ี กั ความสขุ ของขา้ พเจา้ ทง้ั หมดรวมอยทู่ ท่ี า่ น ขา้ พเจา้ จะสขุ หรอื ทกขก็ อ็ ยทู่ ท่ี า่ น แตผ่ เู้ ดยี วถา้ ทา่ นโกรธและเกลยี ดขา้ พเจา้ เมอ่ื ใด ขา้ พเจา้ จะมคี วามทกขเ้ มอ่ื นน้ั ’ตราบใ่ ดทท่ี า่ นยงั รกั ขา้ พเจา้ อยขู่ า้ พเจา้ เชอ่ื วา่ ขา้ พเจา้ มคี วามสขุ สขุ เพราะระลกี วา่ ขา้ พเจา้ เปน็ คนรกั ของทา่ น ไมว่ า่ จะลำบากยากเขญ็ หรอื ตกอยู่ ณ แหง่ หนตำบลใด ขา้ พเจา้ ขอปดี เอาความรกั ของทา่ นเปน็ ทพ่ี ง่ึ ทาง จิต ขอใหค้ วามรกั ของทา่ นเปน็ เพอ่ึ นใจของขา้ พเจา้ อยดู่ ลอดไป ขา้ พเจา้ ขอปฏญิ าณวา่ ขอรกั ทา่ นแด่ ผเู้ ดยี ว สำหรบั ดวงใจรกั นน้ั ขา้ พเจา้ ขอมอบใหท้ า่ นจนหมดสน ถา้ ขา้ พเจา้ จะตอ้ งอภเิ ษกสมรสกบั ผอู้ น่ื กข็ อใหท้ า่ นเขา้ ใจวา่ ขา้ พเจา้ จำใจตอ้ งทา่ เพราะเกรงพระทยั ฬระชนกนาถผมู้ พี ระคณุ ลน้ เกลา้ ตอ่ ขา้ พเจา้ หนา้ ทน่ี น้ั ขา้ พเจา้ ไมอ่ ยากใหบ้ กพรอ่ ง สว่ นหวั ใจเปน็ สทิ ธขิ องขา้ พเจา้ แตผ่ เู้ ดยี ว ขา้ พเจา้ ขอมอบดวงใจดวงนไ้ั จใ้ นความตม้ ครองของทา่ นตว้ ย...” www.kalyanamitra.org
พ!3 G) ๓๓ ไมม่ คี วามสขุ ใดเสมอดว้ ยความสงบ แลแลว้ ขา้ พเจา้ ก็ฃออนญุ าตจบั หตั ถเ์ บือ้ งขวาของนางชูฃนื้ เสมออกของข้าพเจา้ แสงอันเรืองอุไรของทินกร เมอจวนยาสนธยาสาดมากระทบมือนาง มองดูสะอาดสกุ ใส ประดจุ แผ่นทองคำ ขา้ พเจ้ากม้ ลงจมพิตเพยี งแผว่ เบา ถา่ ยปราณและความรู้สกึ ท้งั มวลลง ส่หู ลงั หัตถ์และองคลุ ที ี่สวยงาม แลแลว้ ได้นำหตั ถ์นนั้ มาวาง ณ อุรประเทศเบ้ืองซ้าย ของข้าพเจ้า เป็นทำนองมอบหัวใจใหัอยใู นอุง้ มอื ของนางเปน็ หวั ใจทีแ่ ทิจริง และเตม็ ไป ดว้ ยความร้สู ึก ส่วนหวั ใจทผี่ อู้ นจะเอาไปนนั้ เป็นหวั ใจทีต่ ายซากเหมือนกล้วยทยี่ ืนด้นตาย เบ้ือถกู ตัดเครอื ออกแลว้ สาวน้อยได้โอนออ่ นผอ่ นตาม คำพดู และอาการของข้าพเจ้าทำให้นางสงสารอย่างจับจิต ประดจุ อสรพษิ งูเหลอื มร้ายถูกผูกมัดรดั กายด้วยใยกลว้ ยตานกี ็พลันนอนสงบนงึ่ จุดออ่ นของมวลนารอี ยู่ ตรงทีเ่ ว้าวอนดว้ ยคำหวานใหเ้ กิดสงสารและเหน็ ใจ อกี ประการหนงึ่ เล่า นางรสู้ ึกว่ารนั เวลาทีจ่ ะ คบกนั อยา่ งน้ีเหลอื อยูน่ อ้ ยเต็มทีแลว้ ความพลัดพรากจะมาลงี ในไมข่ ้า จึงดามใจขา้ พเจ้าเสมอื น เพชฌฆาตตามใจนกั โทษประหารในรนั สุดห้าย ดงั นัน้ นางจงึ เอียงศรี ษะลงวางบนไหลเ่ บ้อื งซา้ ยของข้าพเจา้ อยา่ งนุม่ นวล เหมือนพระ พายกระพอื พดั เมฆมากระทบไหลเ่ ขากป็ านกนั รสสมั ผัสทนี่ ุ่มนวลเย้ายวนใหเ้ กดิ ความวาบหวาม ในดวงจติ แสดงฤฑธอิ้ อกมาเป็นการเคล้าเคลยี อย่างถนอม ทา่ นอยา่ เพงี่ นกึ โทษวมิ ลมานเลยว่าเป็น หญิงใจงา่ ย ลา้ ท่านเคยมคื วามรกั ท่านจะเหน็ ใจผทู้ ดี่ กอยูในห้วงรักวา่ กระวนกระวายลกั ปานใด “องค์ชาย” นางพูด ขา้ พเจ้ารูส้ กึ เหมอื นได้ยินเสียงสะห้อนจากภเู ขา “หมอ่ มฉันไม่มี หวั ใจจะรักใครไดอ้ กี แลว้ นอกจากองค์ชายเพียงผูเ้ ดียว ผเู้ ดียวเทา่ นน้ั ” “นอ้ งหญิง” ขา้ พเจ้าพดู “ขอให้ข้าพเจ้าเรียกท่านว่าน้องหญงิ เกิด เป็นคำทไ่ี พเราะ น่มุ นวล ขา้ พเจ้าขอสญั ญาอีกครั้งวา่ ข้าพเจา้ ขอมอบควงใจดวงนี้ให้น้องหญิงเพียงผเู้ ดยี ว ความรัก ของข้าพเจา้ ทม่ี ดื อ่ นอ้ งหญงิ นั้นมากลน้ เกนิ ทีจ่ ะสรรหาคำใดมาพูดใหเ้ หมอื นความรู้สึกของดวงใจ www.kalyanamitra.org
พ!) ๔ loo ได้ ขอใหน้ ้องหญงิ รับทราบไวว้ า่ ความรกั ท้งั หมดทีข่ า้ พเจ้ามตี อ่ สีง่ ได ๆในโลกน้ี เมื่อนำมารวมกัน แลว้ ยงั ไม่เทาความรกั ข้าพเจ้าที่ มีตอ่ น้องหญงิ เลย ถ้าข้าพเจ้าจำด้องแต่งงานกับหญงิ อื่น ก็เปน็ เพราะ ความรสู้ ึกกดญั ฌูอยูในโอวไทของสมเดจ็ พระราชบดิ าผ้มู พี ระคุณล้นเกล้า แตค่ วามรักขา้ พเจา้ ไดม้ อบ ให้นอ้ งหญิงหมดแลว้ การแตง่ งานจงึ เปน็ เพยี งหนา้ ท่ี ส่วนความปรารถนาแหง่ ดวงใจนน้ั เป็นเรอื่ ง ท่ใี ครบงั คบั กนั ไมไ่ ด”้ “ขอขอบพระคุณองค์ชายทกี่ รณุ าประทานเกยี รตใิ ห้หม่อมฉนั มากถึงปานน้ี ชาติน้หี ม่อมฉนั อาภัพอบั โชค สง่ี ทหี่ มอ่ มฉนั ดอ้ งการมกั ไมค่ อ่ ยได้ แตส่ ่ีงทพี่ ยายามหลกี หนจี ะมมี าหาอยู่เสมอ ๆ เพยี ง ได้สดบั พระดำรัสขององคช์ ายเท่านี้หมอ่ มฉนั กช็ ่นื ใจแล้ว อยา่ งนอ้ ยเกดิ มาชาติหน่ึงก็มคี นที่รักหมอ่ มฉนั จริง ๆ และผูน้ น้ั เป็นผ้สู งดกั ดื่ ต่อไปภายหนา้ จะเป็นจอมคนในแผน่ ดิน สำหรบั ความรักของหมอ่ มฉนั ที่มตี อ่ องคช์ ายน้ันได้ขืนถึงทส่ี ุดแลว้ จะไม่ข้ึนและไม่ลดอกี คงจะรกั ษาอยใู นระดบั นี้ ความสขุ ของ หมอ่ มฉันอยู่ทไี่ ดร้ ักองค์ชาย และทราบว่าองค์ชายรกั หมอ่ มฉนั เหมอื นกนั ” นางพดู เท่านแ้ี ลว้ ก็ ก้มหน้าน่งึ “ความสขุ ของข้าพเจา้ กอ็ ยทู่ ีใ่ ด้รกั น้องหญงิ และทราบว่านอ้ งหญิงก็รักขา้ พเจ้าตอบ ขา้ พเจ้า ไม่ดอ้ งการอะไรอกี แล้ว รชั สมบ้ตใิ นปฐพีมณฑลน้รี วมกนั ยังไมม่ ีคา่ เท่านอ้ งหญิง ข้าพเจ้าไม่ปรารถนา ส่งิ ใด ๆ ทไ่ี มม่ ีน้องหญิงรวมอยู่ด้วย” วมิ ลมานเงยหน้าข้นึ แววแหง่ ปีตฉิ ายออกมาจากใบหน้าและแววดาของนาง แต่ถึงกระนน้ั ก็ยงั มนี า้ั ตาพร่างพรายอยูท่ เ่ี บ้าดาท้งั สอง แตไ่ ม่ประหลาดเลยใชไ่ หมทา่ น ผหู้ ญิงนัน้ ดีใจก็รอ้ งไห้ เสียใจ กร็ ้องไห้ เหมอื นผู้ชายสว่ นใหญด่ ใี จก็ดม่ื เมรยั เสียใจก็ดืม่ สรุ า เลยไมร่ วู้ ่าเขาดมื่ เพราะดใี จหริอเสียใจ กนั แน่ ทำงานเหน่อื ยมากก็ดมื่ สุรา อ้างวา่ เพ่อื บำบดั ความระโหยใหช้ าสร่าง เมอื่ วา่ งเกินไปกด็ ื่ม สรุ า โดยอ้างว่าไมท่ ราบจะทำอะไร ขา้ พเจา้ ประคองเธอให้ซบลงทแี่ ผ่นอก เหมอื นพ่อนกหรอื แม่นกกางปีกออกปกป้อง ลกู นอ้ ยซึ่งสน่ั สะหา้ นเพราะลมหนาว สาวน้อยธดิ าชา่ งทองผ้มู นี ามว่าวิมลมานมีอาการเหมอื น คนเริม่ จับไข้ อย่างนีเ้ องดรุณีวยั กำดัดผู้!ม่เคยรสู้ ัมผัสเชงิ ชูส้ าว ยอ่ มรสู้ ึกรอ้ น ๆ หนาว ๆ เมอื่ ถูกชม ข้าแต่ท่านผ้บู ำเพญ็ ตบะ! เรือ่ งของข้าพเจา้ ถ้าจะเล่าใหค้ ่อนข้างละเอยี ด ท่านจะด้องทน ฟังถึงสองหรอื สามคนื เวลาน้กี จ็ วนจะถงึ ก่งึ มัชฌมิ ยามแลว้ ขา้ พเจา้ ปรารถนาใหท้ า่ นพกผ่อนบ้าง จงึ ขอเลา่ อย่างรวบรดั วา่ ขา้ พเจ้าและวิมลมานตา่ งสญั ญาว่าจะรักกันแบจ้ ะครองกนั แตเ่ พียงใจก็ดาม ในทส่ี ุดพธิ ีมงคลอภเิ ษกสมรสของข้าพเจ้ากับเจา้ หญิงฺจุฬารตั น์แห่งสาคลนครกม็ าถึง พิธมี โหฬารปานวาจะมมี หรสพทัว่ แควน้ ปัญจาละ ประชาชนในชนบทมากหลายเดนิ ทางมาสน่ คร ทลวงหสั ตนิ าปรุ ะเพื่อชมพธิ ีอภิเษก และโดยเฉพาะอย่างย่ิงเพ่อื ชมเจา้ หญิงจฬุ ารัตน์ ผูม้ นี ามกระเดอ่ื ง ว่างามเลิศปานนางฟา้ ธงทวิ ปลิวไสวมีไพ่หลากสีหอ้ ยระยา้ ทุกถนนหนทางประดับประดาอยา่ ง วิจึดรเพรศิ พราย มีเสียงชโยโห่รอ้ งแสดงความยินดีปรีดาอย่เู ป็นระยะ ๆ ความงดงามอำไพพรรณ ในวนั อภิเษกสมรสของขา้ พเจา้ น้ันสดุ ที่จะนำมาพรรณนาได้ ขอให้ข้าพเจ้าเล่าขา้ มไปเถิด แตส่ ่งิ หน่ึงซง่ึ ข้าพเจา้ เล่าข้ามไมไ่ ด้ คือ ความสงสารและเหน็ ใจวมิ ลมาน ในขณะทคี่ นทง้ั หลายกำลังสนุก www.kalyanamitra.org
เพ ๔ Cท กันน้นั ใครเลา่ จะซึมเศร้าและหงอยเหงาเปล่าเปลยี่ วเทา่ วิมลมาน และขา้ พเจ้าเองก็ไมม่ ีอารมณ์ อันบรรเจดิ เฉดิ ฉายเยี่ยงคู่สมรสอนื่ ๆ แม้จะพยายามอำพรางกริ ยิ าให้รา่ เริงสกั เพียงใดกไ็ ม่สำเรจ็ ทา่ นผู้บำเพญ็ ตบะ! ข้าพเจ้ามิได้ถอื วิมลมานเป็นเพียงเพ่ือนอารมณ์ แต่ขา้ พเจ้าถอื เธอเปน็ เพ่ือนใจ เมอ่ื ขาดเธอเสยี แล้ว จิตใจของขา้ พเจ้าจะเปน็ ประการใด ขอทา่ นไดโ้ ปรดตรองดูเถดิ เจ้าหญงิ จฬุ ารัตนเ์ ปน็ สตรีท่สี วยงามสมคำเล่อื งลือ นอกจากน้ียงั มพี ระอัธยาศัยงามนา่ รกั แตค่ วามรักของข้าพเจ้าไดม้ อบให้ธิดาช่างทองเกลี้ยงหวั ใจเสียแล้ว ประกอบกบั ความสงสารที่คิดว่า เธอระทมเศรา้ สักปานใดในเหตกุ ารณค์ ร้งั น้ีด้วยแล้ว ทา่ ใหข้ ้าพเจา้ เห็นการเอาอกเอาใจของเจ้าหญิง- จุฬารัตนเ์ ปน็ เรื่องรำคาญ ล้าเจ้าหญิงจุฬารัตนส์ นทิ สนมกับข้าพเจ้าอยา่ งน้อง ข้าพเจา้ จะรกั น้อง คนนี้เป็นที่สดุ รกั อย่างน้องนะท่าน คนเราคบกันไดร้ ักกนั ไดห้ ลายฐานะ อยา่ งเพ่ือน อยา่ งพ่ี อย่างนอ้ ง ด้องคอยสงั เกตดใู ห้ ดีว่า เขาหยิบยีน่ ความสนิมสนมให้เราในฐานะใด ลา้ เขาหยบิ ยนี่ ความสนิทสนมให้เราในฐานะเพอื่ น แลว้ เราไปแสดงท่าทแี บบคนรักเข้า เขาอาจจะรงั เกยี จขึน้ มาทันที ความเปน็ เพ่อื นก็พลอยเสยี ไป ด้วย หรอื เขารกั เรานบั ถอื เราอยา่ งพื่หรอิ นอ้ ง กท็ ่านองเดยี วกัน แตท่ งั้ นีข้ ้าพเจ้ามไิ ด้ปฏิเสธเร่ือง การแปรสภาพของความรัก หมายความวา่ ความรักอยา่ งเพื่อนอย่างญาติในขน้ั ดน้ อาจจะแปรสภาพ เป็นความรักอย่างคนรกั ในข้ันต่อมา เร่ืองจะเป็นประการใด กริ ยิ าท่ีแสดงออกเป็นเครอื่ งปงอยา่ ง ชดั เจนอยูแ่ ล้ว ล้าเขาด้องการจะคบกบั เราในขอบเขตจำกดั เรากอ็ ยา่ แสดงอะไร อยา่ ทา่ อะไรให้เลย ขอบเขตท่ ฝ่ี า่ ยหน่ึงด้องการ เพราะการท่าเลยขอบเขตน้นั นอกจากจะก่อความรำคาญใหเ้ ขาแล้ว เม่อื หลายครั้งหลายหนเขา้ เขาอาจจะเบอ่ื หน่ายและเกลยี ดชังเอาก็ได้ จึงกลายเป็นเรื่องไม่อยาก พบ ไมอ่ ยากเข้าใกล้ เพราะเกรงจะถกู เอาอกเอาใจจนนา่ รำคาญ สภุ าษติ มอี ยู่ว่า '‘จงใหเ้ ทา่ ทเ่ี ขา ตอ้ งการและจงทำเทา่ ทเ่ี ขาตอ้ งการใหท้ ำ,, เมอื่ ไดค้ วามพอเหมาะพอดที ุกอย่างกเ็ รียบรอ้ ย ข้าพเจ้าอย่รู ว่ มด้วยเจา้ หญิงจฬุ ารตั น์เปน็ เวลาสองปีท่ามกลางความนิยมชมช่ืนของสมเดจ็ พระราชบิดาและพระประยรู ญาติ แต่ด้วยความหงอยเหงาเปล่าเปลยี่ วของข้าพเจา้ เราไมม่ ีโอรส หรือธิดาด้วยกันเลย คราวนีผ้ ใู้ หญ่ก็เดือดร้อนอกี แตข่ ้าพเจา้ ไม่เดอื ดรอ้ น รันหนึ่ง เมอ่ื ตะรันบ่ายคล้อยไปมากแลว้ เราทั้งสองหมายถึงเจ้าหญงิ และข้าพเจา้ ก้าวลง สู่อทุ ยานเพ่ือพักผ่อนและเดนิ เล่นเย็น ๆใจ ในขณะทเี่ ดนิ มาถงึ พ่มุ ไมแ้ หง้ แหง่ หนึ่ง งใู หญ่เลอื้ ยออก มา เจา้ หญงิ ตกพระทัยมากจนสดุ จะยับย้งั เธอว่งิ หนงี ูและบังเอญิ พระชงฆ์ไปกระแทกเข้ากบั แง่ หนิ กอ้ นหนง่ึ ซ่งึ วางไว้เป็นรูปต่าง ๆ ประดบั แอ่งนาํ้ ในอทุ ยานเปน็ บาดแผลเพียงเล็กนอ้ ย พระโลหิต ไหลซึมออกมา ข้าพเจ้าประคองนางและนา่ กลับสพู่ ระราชฐาน ตอ่ มาบาดแผลเพียงเล็กน้อยน้นั คอ่ ยขยายโตขนึ้ แผลลืกลงไป ๆ ทีละน้อย แพทยห์ ลวง พยายามรักษาเทา่ ไรก็ไม่หาย ความเจ็บปวดรวดรา้ วเพม่ิ ทวีข้ึนทุกรนั ปากแผลเริม่ เขียวและขอบ แผลแขง็ ความทุกข์ทรมานแหง่ เจ้าหญงิ จุฬารตั นท์ ่าใหข้ ้าพเจ้าปวดร้าวใจไปด้วยวมิ ลมานทราบข่าว น้ีวิตกกงั วลยิ่งนกั เธอขออนญุ าตเขา้ เยย่ี มเจา้ หญงิ ด้วยความห่วงใย ดูชทิ า่ น นั้าใจแห่งวิมลมานซง่ึ ข้าพเจา้ มอบความรักให้ เธอไมผ่ กู พยาบาทแมใ้ นสตรีซ่งึ มาแยง่ คนรกั ของตน ในท่สี ุดเจา้ หญิงจุฬารัตน์ ก็สนพระชนม์ดว้ ยโรคน”ี้ www.kalyanamitra.org
พ '' เ*> ๔ ๔ ทารสิ้นพระชนมข์ องเจ้าหญงิ จฬุ ารตั น์ ก่อให้เกดิ ความสะเทือนใจแก่ขา้ พเจา้ อยา่ งมาก แมข้ า้ พเจ้าจะมิได้รักพระนางอยา่ งทร่ี ักวมิ ลมาน แตค่ วามสงสารในดวงจดิ กม็ ีมากอยู่ ทา่ นเอย! แม้ แตส่ นุ ัขทม่ี ันจงรักภกั ดตี ่อเรา เราก็ยังอดสงสารมนั มไิ ด้ แล้วมนษุ ยท์ ่ีเพยี บพร้อมด้วยคุณสมบ้ดเิ มอื่ มาจงรกั ภกั ดี เราจะไมม่ นี ้าั ใจนกึ ถึงเขาบ้างเทียวหรือ ดลอดเวลาทีน่ างมกี ำลงั กายอ่อนลง ๆ น้นั แววพระเนตรฉายแต่ความภักดอี อกมาอย่างชดั เจน ขา้ พเจา้ อยเู่ ฝัาใกลพ้ ระนางดลอดเวลา คอยปลอบ พระทยั แต่พระนางก็ดเู หมอื นจะทรงทราบดวี า่ ความรกั ทีข่ ้าพเจ้ามีต่อพระนางนัน้ น้อยเกินไป เม่อื เทียบกบั ความรักและภกั ดที พี่ ระนางมีตอ่ ขา้ พเจ้า พระนางพรืารำพันถงึ แต่ชึ่อของขา้ พเจ้าเสมือนเป็น เทพเจ้าประจำองค์ อนิจจา! จุฬารตั น์ ลา้ เธอมาก่อนวมิ ลมานเธอจะได้รับความรกั จากข้าพเจ้ามิใช่ นอ้ ย แด,เธอเขา้ มาเมือ่ หวั ใจของข้าพเจ้าไม่ว่างเสยี แลว้ เวลาล,วงไป ๖ เดือน ข้าพเจา้ กราบทลู สมเด็จพระราชบดิ า เพือ่ ขอพระบรมราชานมุ ดั ิ ท่าการอภิเษกสมรสภับวิมลมาน พระองค์ทรงอนญุ าตแม้จะไม่สู้จะเต็มพระหยั นกั ก็ตาม ดลอดระยะ เวลา ๒ ปที ีผ่ ่านมา ขา้ พเจา้ และวมิ ลมานมิได้พบกนั เลย แต่ความรกั ของเรายงั คงแนบสนิทดงั เดิม เม่ือเจา้ หญิงจฬุ ารัตนส์ ้ินพระชนมแ์ ลว้ ขา้ พเจ้าและวมิ ลมานจงึ ไดพ้ บกนั ความสดช่ืนกลับมาสดวง ไจของเราท้งั สองอีกคร้งั หน่ึง เรามไิ ด้ดใี จในการจากไปของเจา้ หญิงจุฬารตั นเ์ ลย แตเ่ ราพอใจทไี ด้มี โอกาสสมาคมกนั อยา่ งที่เคยมา ระยะเวลา ๒ ปเี ศษ ทา่ ให้วิมลมานเปน็ ผูน้ 'เญข่ ึ้น และเคร่งขรมึ ไปมาก ไมร่ ่าเรงิ เหมือน ก่อน แต่ยงั คงออ่ นหวานนมุ่ นวลอย่างเดิม เมื่อวิมลมานเขา้ อยูในพระราชรงั แล้วโดยพระบรมราชานุมด้ ขิ องสมเดจ็ พระราชบิดา สถาปนาใหเ้ ธอเปน็ เจ้าหญิงวมิ ลมาน รู้สึกเธอมคี วามสุขข้ึน และสดใสยิง่ ขน้ึ แตเ่ รอื่ งหน่งึ ซึง่ ท่าความ ลำบากใจแกข่ ้าพเจา้ อยู่เสมอ คือการประชดประชนั กระทบกระแทกเสียดสีจากพระญาตพิ ระวงค์ ซ่ึงยงั คงฝงั พระหัยแน่นอยูเ่ รือ่ งเชอื้ สายสกลุ วงศ์ เนอ่ื งจากวมิ ลมานอยูในพระราชรงั เสยี น่าน เสวยแตข่ องซ่งึ ด้นแต่กบั สน้ิ ชาวรงั บาง ครง้ั จงึ อยาก..สวยอาหารซงึ่ ปรุงอยา่ งธรรมดาเหมือนอย่างทเี่ คยล้มิ รสเมอ่ื อยู่บา้ นช่างทองบ้าง ก็ สั่งคนห้องเครอ่ื งให้ปรุงอย่างทีเ่ ธอปรารถนาพร้อมท้งั บอกวธิ ไี ปให้เสร็จ เม่ือต่อหน้าเขากร็ ับคำ และเคารพนบนอบดี แตพ่ อลบั หลังจงึ แอบเอาไปชุบซิบนินทากนั ว่าเป็นชาตไิ พรป่ รงุ อาหารใหก้ นิ ดี ๆ ก็ไมอ่ ยากกิน อยากกินของเลว ๆ คนชาติไพร่จะยกข้ึนมาอย่างไรก็ไม่วายด้นิ รนลงไปหาทตี่ า อกี พูดไปด่าวา่ เสยี ดสไี ป พร้อมด้วยออกนามเจา้ หญิงลนั เปน็ ท่ีรกั ของข้าพเจ้า บังเอญิ รนั หน่ึง ขณะท่คี นหอ้ งเครอื่ งกำลงั พดู กันอยนู่ ั้น ข้าพเจ้าและวมิ ลมานมธี รุ ะบาง อย่างทีจ่ ะด้องเดนิ ผา่ นทางห้องเคร่ืองไป ไดย้ นิ เสยี งนัน้ อยา่ งชัดเจน ข้าพเจา้ ถงึ กบั ตกตะลงึ ไมน่ กึ ว่า จะได้ยินคำพูดอย่างนจึ๊ ากคนห้องเครื่อง วิมลมานเมม้ รมิ สปื ากแนน่ เหมือนจะขม่ ความรสู้ กึ เรา่ ร้อน ให้จมหายลงไป ขา้ พเจ้าเรียกคนห้องเครอื่ งออกมาพบและสงั่ ใหท้ า่ อาหารอย่างท่วี ิมลมานส่ังให้ ขา้ พเจ้าเปน็ เวลา ๗ รนั และทกุ ๆ มอ้ื ด้วย วิมลมานเดินตอ่ ไใกัม่ไหว จงึ กลับเข้าหอ้ งดว้ ยดวงใจทเ่ี ตม็ ไปด้วยโทมนสั เธอฟุบลงท่ีหมอน และร้องไห้ เพือ่ นที่ปลอบใจผหู้ ญงิ ไดเ้ สมอ เมอ่ื ประสบทุกข์โทมนสั อย่างรุนแรงคอื นา้ั ดา ขา้ พเจา้ ปลอบเธอขอรอ้ งเธอไม่ใหถ้ ือคำพดู พลอ่ ย ๆ ของหญงิ พวกน้ัน www.kalyanamitra.org
“หม่อมฉนั อยากกลบั ไปอยบู่ า้ น จะอย่างไร ๆ มนก็เคยไหความสุขแก่หมอ่ มฉันมาตงแต่ น้อยคุ้มไหญ่ ถา้ หม่อมฉนั รกั พระองคน์ ้อยกวา่ น้ี หมอ่ มฉนั คงไม่ตอ้ งทนทกุ ข์ทรมานอยอู่ ย่างน้ี สึ๋ง เดยี วท่ีคอยปลอบไจหม่อมฉันไห้มคี วามสขุ อยู่บ้าง ดีอความรกั ความถนอมของพระองค์ ความรัก มนั ให้ความทรํ มานทัง้ สมหรงั และผดิ หรงั เมอี๋ ความรักสมหรงั แต้ว เรอ่ื งก็นา่ จะจบ แต่เรือ่ งของโลก ช่างมากเสยี จรงิ ” นางพูดด้วยเสยี งสะอ้นื “อดทนหนอ่ ย ท่รี กั !” ขา้ พเจ้าปลอบโยน “โอกาสแหง่ ความสุขอยา่ งแหจ้ ริงของเรา ทั้งสองคงมีลักรนั หนง่ึ เป็นแน่แห้ ความรกั มคี วามลกั คส้ิ ิฑธ้อิ ยูไนลัวของมนั เรายึดมัน่ ไนความรัก และรักษาความสุจริตไว้ แตว้ มนั จะคอ่ ย ๆ ทำลายอปุ สรรคสี่งก็ดขวางไปไตเ้ อง” อีก ๒ ปที ข่ี า้ พเจา้ อภิเษกสมรสลับวมิ ลมาน แต่ไมป่ รากฎรอ่ งรอยว่าจะมโี อรสหรือธิดาเลย คราวน้ีขา้ พเจ้าเดือดรอ้ นลังวลมาก วิมลมานก็เดอื ดร้อนไม่น้อยกว่าข้าพเจา้ สมเดจ็ พระราชบิดากเ็ ร่งเรา้ อยู่เสมอว่าถา้ วมิ ลมานไมส่ ามารถมีโอรสไต้ ก็จะหาสตรอื น่ึ มาไหข้ ้าพเจ้าเพ่ือ มีโอรสสืบลันดดืวงค์ แตพ่ อย่างเขา้ ปที ่ี ๓ วิมลมานก็ตัง้ ครรภ์ นำความปตี ิปราโมชมาไหข้ ้าพเจ้าอย่าง ไหญ่หลวง พวกเราส่วนไหญย่ งั เชึ่อลันอยวู่ ่าผIู๊ มม่ ีบดุ รเมอ่ื ตายแต้วจะต้องดกนรกชุมปดดะ ข้าแตท่ า่ น ผู้ปาเพญ็ พรตุ ในเร่อื งนที้ า่ นหรอื ศาสดาของท่าน มีความตดิ เห็นอยา่ งไร?” “ดูก่อนราชกมาร!” พระอานนทก์ ล่าวตอบ “บคุ คลบางพวกเดอื ดรอ้ นเพราะไม่มีบตุ ร บางพวกเดือดรอ้ นเพราะมบี ุตรมากเกนิ ไป บางพวกถือว่าผูม้ ีบดุ รย่อมไต้!บความบนั เทงิ เริง‘น)เพราะบตุ ร ผูม้ ีโคย่อมไตร้ บั ความบันเทงิ เพราะโค บุคคลจะบันเทงิ ไตก้ ็เพราะมีสงี่ ยึดถือ เม่ือไมม่ ีสี่งยดึ ถอื ความ บนั เทิงเรงิ ไจก็ไมม่ ี ผปู้ โี คยอ่ มเศรา้ โศกเพราะโค บคุ คลยอ่ มเศรา้ โศกเพราะปสี ง่ี ยดึ มน่ั ถอื มน่ั เมอ่ื ปลอ่ ยวางไดแ้ ลว้ ไมย่ ดึ มน่ั ถอื มน่ั ความทกขก์ ใ็ มป่ ี ความโศกกส็ น้ิ สญู ” พระอานนทก์ ล่าวจบ พระราชกมุ ารจตุรงคพลมีพระพกั ตร์ตรองอยู่คร่หู นงึ่ แตว้ เล่าต่อไปวา่ “ข้าแตท่ า่ นผู้บำเพญ็ ตบะ! เม่ือวิมลมานมคี รรภไ์ ต้ ๗ เดือน เธอสุบนิ นมิ ีดประหลาด ดอื สบุ นิ ว่าเธอไต้เสวยแผน่ ดนิ ในแควน้ บญ้ จาละ และแควน้ ไกตเ้ ดืยงหมด ถงึ กระนน้ั กย็ งั ไมอ่ ่มี ยงั อยาก เสวยอกี โหราจารยท์ า่ นายว่าพระนางจะมโี อรสเปน็ ชาย และโอรสนน้ั ประสูติมาเพอื่ จะเผาผลาญ แผน่ ดนิ ไหว้ อดวาย แต่มีวิธแี ถ้อยอู่ ย่างหน่งึ ดอื ไห้พระนางไปประสตู ิไนบำไกลแม่นา ดือปานนั้ จะต้องริม แมน่ าํ้ ดว้ ย สมเดจ็ พระราชบิดาทรงทราบข่าวนต้ี ว้ ยความหนักพระลัย แตท่ รงไหป้ ฎบิ ํตดิ ามทโ่ี หราจารย์ ทา่ นาย ประการหนึง่ อย่ทู ี่พระองค์ไมต่ ้จะโปรดวิมลมานเป็นทนุ อย่แู ต้ว คราวนข้ี ่าวกแ็ พรส่ ะพัดไป ว่าวิมลมานเป็นกาลีบา้ นกาสีเมีองจะมีโอรสมาเผาผลาญแผ่นดิน ท้งั นีเ้ ทวดาประจำเศวตฉตั รคงจะ ลงโทษ เพราะวมิ ลมานไมม่ ีเสือดกษัตริยเ์ ป็นหญงิ ธรรมดา เม่ือวิมลมานจำต้องออกุ จากพระนครไป อยปู่ ่า ขา้ พเจา้ ก็ต้องไปด้วย ข้าพเจา้ ออกมาสำรวจสถานที่ และพอใจที่ซ่งึ ท่านและข้าพเจ้ากำลังอาลัย อยู่เวลาน้ี มหาดเล็กของข้าพเจ้าผูจ้ งรกั ลักดไื ตช้ ว่ ยลนั ปลกู สรา้ งกระทอ่ มและแผ้วทางทางพอลบาย วิมลมานร้สีกมคี วามสุขมากข๊นึ เมือ่ มาอยูในปา่ เสียไต้ www.kalyanamitra.org
เ99c£b เมือวมิ ลมานประสูติพระโอรสแลว้ เรือ่ งจึงแจม่ แจ้งขนึ้ ว่า เร่อื งทโ่ี หรทำนายว่าลกู ของ ข้าพเจ้าจะ๓ ดมาเพื่อเผาผลาญแผน่ ดนิ น้ัน เป็นเรอ่ื งการยยุ งของผซู้ ่งึ เกลียดชังวมิ ลมานอย่างที่ สูด และให้สินบนโหราจารยอ์ ยา่ งมาก สมเด็จพระราชบิดารับสัง่ วา่ เมือ่ ประสตู แิ ล้วใหเ้ สด็จกลับนคร แดท่ ้ังขา้ พเจ้าและวิมลมานตกลงใจจะไม่กลับเสยี แลว้ เราพอใจด้วยความสขุ อย่างสงบในปา่ น๊ึ ข้าพเจ้า เคยพบฤาษีผูส้ ำเร็จวิชาชน้ั สูง สามารถดอู นาคตไดเ้ หมอื นมองเหน็ ภาพในกระจกใส และเล่าเร่ือง สบุ ินนมิ ิดของวมิ ลมานให้ท่านทราบ ท่านพดู วา่ ความจรงิ จะกลบั ตรงกนั ข้ามกับท่ีโหรทำนาย คอื ลูกชายของข้าพเจ้าจะเปน็ ใหญเ่ ปน็ โตในกาลภายหนา้ จะนำความร่งุ เรืองมาสแู่ ควน้ บิญจาละและ แควน้ ใกล้เคียง โดยวธิ ซี ึง่ ไมเ่ คยมีกษัตริยอ์ งค์ใดเคยทา่ มากอ่ นเลย “ข้าแดท่ ่านผูบ้ ำเพญ็ ตบะ” พระราชกุมารตรสั “ขา้ พเจา้ เมือ่ นครหลวง เม่อื ความร่นุ วาย ลบั ปลบั ของสังคม ความแก่งแย่งแข่งดีและใส่ร้ายปา้ ยสี ลังคมซ่งึ มุง่ มนั่ แด่จะแสวงประโยชนข์ อง ตนโดยไมค่ ำนึงถงุ ความเดือดรอ้ นของใครอ่นื เลย ข้าพเจ้าถอื เปน็ โชคของชีวติ อยา่ งใหญ่หลวงท่ไี ด้ อาศัยอยู่ ณ ฑีนี้ ข้าพเจ้ามืความสุขเพราะไมต่ อ้ งเปน็ ทาสใคร เปน็ อสิ ระอยา่ งแห้จริง ความจริงมี อกี หลายแง่หลายมมุ ท่ขี ้าพเจ้าปรารถนาจะเลา่ สทู่ า่ นฟงั แดเ่ วลากล็ ่วงเลยมาแลว้ ขา้ พเจา้ ใคร่จะ ฟังโอวาทจากท่านผ้ทู รงศีลพอเปน็ มงคลแก่โสด และเปน็ อาภรณ์ประดับใจ” ราชกุมารตรัสดังนีแ้ ล้ว ประทับเฉยอยู่ ปลายมิชฌมิ ยามแล้ว แสงจันทรส์ ลวั ส่องเขา้ มาทางหน้าดา่ ง มองออกไปภายนอกเห็น เงาไมซ้ ่งึ อยไู่ กลดะค่มุ ๆ เสยี งไกป่ าชนั เจ้ือยแจ้ววิเวกวงั เวง เสียงนํ้าดา้ งดกถูกใบไม้เมอ่ื พระพายพดั ผา่ นเป็นครั้งคราวดงั เปาะ ๆ พระพทุ ธอนุชาผู้ประเสริฐกระชับอตุ ราสงค์ใหแ้ นบกายแลว้ กลา่ วว่า “ราชกมุ าร! พระศาสดาของข้าพเจ้าตรัสไวว้ า่ ‘ไม่มคี วามสขุ 1ดเสมํอดว้ ยความสงบ” ความสุขชนดิ น้สี ามารถหาไดใ้ นดวั เราน่เี อง ตราบใดท่ีมนษุ ย์ยงั วง่ี ว่นแสวงหาความสุขจากที่อน่ื เขาจะไม่พบความสุขที่แห้จริงเลย มนษุ ยไ์ ดส้ รรคส์ รา้ งสิ่งดา่ ง ๆ ขึน้ เพอี ล่อตวั เองให้ว่งี ตามแดก่ ็ดาม ไม่ทนั การแสวงหาความสขุ โดยปล่อยไจให้ไหลเล๋อื นัเ.ปดามอารมณ์ทปี่ รารถนานนั้ เปน็ การลงทุน ท่ีมผื ลไมค่ มุ้ เหน่อื ย เหมอื นบุคคลลงทุนวิดนัา้ ในบงึ ใหญ่เพอื่ ต้องการปลาเลก็ ๆ เพียงตัวเดยี ว มนษุ ย์ ส่วนใหญม่ ัวรุ่นวายอยู่กับเรือ่ งกาม เร่อื งกนิ และเรอ่ื งเกียรตจิ นลมื นึกถงื สิง่ หน่งึ ซ่ึงสามารถใหค้ วาม สุขแกต่ นได้ทกุ เวลา สิ่งนน้ั คือ ดวงจิตทีผ่ ่องแผ้ว เรอ่ื งกามเปน็ เรองทต่ี อ้ งดน้ิ รน เรอ่ื งกนิ เปน็ เรอื งท่ี ตอ้ งแสวงหา และเรอ่ื งเกยี รตเิ ปน็ เรอ่ื งทต่ี อ้ งแบกไว้เมอ่ื มีเกยี รตมิ ากขน้ึ ภาระทจี่ ะต้องแบกเกียรติ เปน็ เร่ืองใหญ่ยี่งของมนุษย์ผหู้ ลงวา่ ตนเจรญิ แลว้ ในหมชู่ นทีเ่ พง่ื มองแด่ความเจริญทางดา้ นวตั กนุ ั้น จติ ใจของเขาเร่ารอ้ นอยูต่ ลอดเวลาไม่เคยประสบความสงบเย็นเลย เขายินดที จี่ ะมอบตวั ให้จมอยใู นคาว ของโลกอย่างหลบั หหู ลบั ตา เขาพากนั บ่นวา่ หนกั และเหน็ดเหนอื่ ย พร้อม ๆ กันนั้นเขาได้แบกกอ้ นหิน วี่งไปบนถนนแหง่ ชีวติ อย่างไมร่ จู้ ักวาง ราชกมุ ารเอย! คนในโลกส่วนใหญเ่ ตม็ ไปดว้ ยความกลับกลอก และหลอกลวง หาความจรงิ ไมค่ อ่ ยได้ แม้แดใ่ นการนับถอื ศาสนา ดว้ ยอาการดงั กล่าวนี้โลกจงึ เสมอื นระงมอยดู่ ้วยพษิ ไขอ้ นั เร้ือรงั ตลอดเวลา ภายในอาคาร ท่มี หิมาประดจุ ปราสาทแห่งกษตั ริย์ มีลมพัดเยน็ สบาย แด่สถานทเ่ี หล่านนั้ มักบรรจเตม็ ไปด้วยคน ซ่ึงมืจิดใจเร'่ 'ร้อนเปน็ ไฟอยเู่ ปน็ อันมาก ภาวะอย่างน้นั จะมีความสขุ ล้ผู้มีใจสงบอย่!ู คนไมไ้ ดอ้ ย่างไร www.kalyanamitra.org
I®๔๗ ราชกุมาร! การแสวงหาทางออกอย่างทา่ นนีเ้ ป็นเรือ่ งประเสรฐิ แท้ การแกง่ แย่งกนั เปน็ ใหญ่เปน็ โด น้ัน ในท่สี ดุ ทุกคนก็รูเ้ องว่าเหมือนแยง่ กันเข้าไปกอดกองไฟ มีแตค่ วามรุ่มร้อนกระวนกระวาย เสนาบดี ด่มื นํา้ ด้วยภาชนะทองคำกับคนจน ๆ ด่ืมนั้าด้วยภาชนะที่ทำด้วยกะลามะพร้าวเมื่อมีความพอไจ ยอ่ มมคี วามสขุ เท่ากัน ความจริงมันอย่ทู ีค่ ณุ ภาพของนาํ้ ไม่ใชอ่ ยู่ทค่ี ุณภาพของภาชนะ น่เี ปน็ ขอ้ ยืนยันว่าความสขุ นน้ั อยู่ทค่ี วามรสู้ กึ ทางใจเป็นสำคัญ อยา่ งท่านอยูท่ น่ี ่ีมีแตค่ วามพอใจแม้กระทอ่ ม จะมุงดว้ ยใบไม้ ทา่ นก็มีความสุขกว่าอยูในพระราชฐานอันโอ่อ่า แน่นอนทเี ดยี ว คนทป่ี ระสบความ สำเรจ็ ในชีวติ มีใชค่ นใหญ่คนโต แตเ่ ปน็ คนท่รี สู้ ึกว่าชวี ดิ ของตนมคี วามสุข สงบเยือกเย็น ปราศจาก ความเร่าร้อนกระวนกระวาย ราชกุมาร! ทา่ นลองเลือกดูเถดิ จะเอาอยา่ งไหน คอื คนพวกหนง่ึ ดาื่ ดอ้ ย กวา่ แด,มีความสขุ มากกวา่ อกี พวกหน่งึ ย่งิ ใหญ่กวา่ แตม่ คี วามสขุ นอ้ ยกว่า “ท่านผเู้ จรญิ ! ข้าพเจา้ ด้องเลือกเอาประการแรกคอื ดาื่ ดอ้ ยกวา่ แต่มีความสุขมากกว่า” “ราชกมุ าร! ลาภและยศนัน้ เป็นเหย่อื ของโลกทน่ี ้อยคนนกจะสละและวางได้ หรือได้ แลว้ จะไมเ่ มา จงึ มีเรอื่ งแยง่ ลาภแยง่ ยศกนั อยูเ่ สมอ เหมอื นปลาท่แี ย่งเหยือ่ กันกิน แตห่ าเIม่วา่ เหยื่อนั้น มเี บด็ เก่ียวอยดู่ ้วย หรอื เหมอื นไกท่ แี่ ยง่ ไสเ้ ดือนกนั จกิ ดกี ัน ท่าลายกันจนพินาศกันไปทัง้ สองฝ่าย น่าสังเวชสลดจิตยงิ่ นกั ถ้ามนษุ ย์ในโลกน้ลี ดความโลภลง มีการเผอ่ื แผเ่ จอื จนุ โอบอ้อมอารี ถา้ เขา ลดโทสะลง มคี วามเห็นอกเห็นใจกัน มีเมตตากรณุ าตอ่ กนั และลดโมหะลง ไมห่ ลงงมงาย ใชเ้ หตผุ ล ในการคัดสนิ ปัญหาและดำเนนิ ชีวติ โลกนี้จะน่าอยอู่ ีกมาก แตช่ ่างเขาเถดิ หนา้ ทโ่ี ดยตรงและเรง่ ต่วน ของเราคอื ลดความโลภ ความโกรธ และความหลงของเราเองใหน้ อ้ ยลง แล้วจะประสบความสขุ ความเยือกเยน็ ข้ึนมาก เหมอื นคนลดไข้ไดม้ ากเทา่ ใด ความสบายกายก็มมี ากขน้ึ เทา่ น้ัน” ขณะน้นั สดรผื ูห้ นึ่งเดนิ มาหน้ากระท่อม เธอจงู มือเดก็ น้อยคนหนึ่งมาดว้ ย เข้ามาใกล้ และนมสั การพระพทุ ธอนุชา พระราชกมุ ารจตุรงคพลจงึ แนะน่าขนึ้ ว่า “ทา่ นผูป้ าเพญ็ ตบะ นึ่คอื วมิ ลมานภรรยาของข้าพเจ้าและนค่ึ ือบตุ รนอ้ ยของขา้ พเจ้า” ทงั้ สองนมสั การพระอานนทอ์ ีกครัง้ หนง่ึ เจา้ ชายจึงตรสถามต่อไปว่า “ทา่ นพู้จริญ! นามและประว้ดิ ความเป็นมาของขา้ พเจ้า ท่านกท็ ราบดลอดแล้ว ทำไฉนข้าพเจา้ จะไดท้ ราบนามของทา่ นบา้ ง สำ หรบั เรอื่ งราวของทา่ น ถ้าทา่ นยังไมร่ ีบจารกิ ไปที่อ่ึน ข้าพเจ้าคงได้ฟงั ในรนั พรงุ่ น”้ี “ราชกุมาร! อาตมาภาพมีนามวา่ “พระอานนท์” อนุชาแหง่ พระมหาสมณโคดมศากยมนุ ี ออกบวชจากศากยตระกูล” พระราชกุมารและวิมล3Jานแสดงอาการด่นื เดน้ ยินดเี ปน็ ท่ยี ิง่ ก้มลงกราบอีกครั้งหน่งึ แลว้ ตรัสวา่ “ทา่ นผู้ประเสรฐิ เปน็ ลาภและเปน็ มงคลอันสูงยง่ิ สำหรับขา้ พเจา้ ทีม่ งคลบาทของทา่ น- ผปู้ ระเสริฐเหยยี บย่างลง ณ บริเวณกระท่อมนี้ ข้าพเจา้ รู้จักนามและเกยี รติคณุ ของท่านดีอยแู่ ลว้ แตย่ ังไมเ่ คยเหน็ องคจ์ ริงเทา่ น้นั ด้ังแต่บดั นี้จวบจนส้ินลมปราณ ขา้ พเจ้าท้ังสองขอถึงพระพทุ ธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ วา่ เปน็ ทีร่ ะลกึ เปน็ ผนู้ ่าทางในการดำเนนิ ชีวิตของขา้ พเจ้า หลักคำสอน ในศาสนานช้ี า่ งเพียบพรอ้ มไปดว้ ยเหตุผลและดรงไปดรงมาดเี หลือเกนิ ิ” พระพุทธอนชุ าอนุโมทนาต่อเจา้ ชายและครอบครัว พร้อมด้วยอวยพรใหม้ คี วามสุขควฺาม สงบ และเมื่อเขาลากสบั ไปยังกระท่อมอกี หลงั หนึง่ แลว้ ทา่ นก็ชกั อุดราสงค์ขึน้ คลมุ กาย หนั ศีรษะ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251