Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเขียนบันเทิงคดี

การเขียนบันเทิงคดี

Published by nutpatchareepon, 2021-01-03 13:22:11

Description: การเขียนบันเทิงคดี

Search

Read the Text Version

บนั เทงิ คดี บนั เทิงคดี (Fiction) หมายถึง เร่ืองสมมติท่ีสร้างข้ึนมาอยา่ งมีจินตนาการและอารมณ์ มุ่งใหค้ วามเพลิดเพลินเป็นใหญ่ แต่กใ็ หค้ วามรู้ดว้ ย มีหลายรูปแบบ เช่น เร่ืองส้ัน นวนิยาย บทละคร ฯลฯ บนั เทิงคดีจึงเป็นงานเขียนท่ีผเู้ ขียนมีเจตนานใหผ้ อู้ ่านไดร้ ับความเพลิดเพลิน จากการอ่านโดยมีเกร็ดความรู้ ขอ้ คิด คติธรรม และประสบการณ์ชีวติ แทรกอยใู่ นเร่ืองน้นั ๆ การเขียนบนั เทิงคดีน้นั ผเู้ ขียนจะตอ้ งมีจินตนาการ มีความสามารถคิดเรื่องท่ีสนุกน่าสนใจ มี ศิลปะในการใชภ้ าษา มีประสบการณ์ มีความเขา้ ใจชีวติ มีความรู้รอบตวั ในศาสตร์ต่างๆ อยา่ งดี จึงจะเขียนบนั เทิงคดีไดน้ ่าอ่านและมีสารประโยชน์ องค์ประกอบของบนั เทงิ คดี บนั เทิงคดีมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ๖ ประการ คือ ๑. สารัตถะของเร่ือง (Theme) ๒.โครงเร่ือง (Plot) ๓. ตวั ละคร (Character) ๔. บทสนทนา (Dialoque) ๕. ฉาก (Setting) ๖. บรรยากาศ (Atmosphere) ๑. สารัตถะของเรื่อง (Theme) หรือเรียกวา่ \"แก่นเรื่อง\" หรือ \"แนวคิดของเร่ือง\" หมายถึง ความคิดสาคญั ของเร่ือง หรือเป้ าหมาย หรือวตั ถุประสงคท์ ี่ผเู้ ขียนตอ้ งการนาเสนอ แก่ผอู้ ่าน ๒. โครงเรื่อง (Plot) คือ เหตุการณ์ท่ีจดั เรียงลาดบั และเป็นเหตุเป็นผลกนั เหตุการณ์ หน่ึงเป็นผลใหเ้ กิดเหตุการณ์หน่ึง หรือหลาย ๆ เหตุการณ์สืบตามมา โครงเรื่องท่ีดีจะตอ้ งเกิด จากความขดั แยง้ การเขียนโครงเร่ืองน้นั หากเร่ืองใดไม่เกิดความขดั แยง้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ราบรื่นไป หมด เร่ืองน้นั กเ็ ป็นเพียงเรื่องเล่าจืดชืดไม่น่าสนใจ ความขดั แยง้ จึงเป็นปัจจยั ท่ีทาใหเ้ กิด เร่ืองราวและเหตุการณ์ต่างๆ การเขียนเรื่องโดยทวั่ ไปมีวธิ ีการดงั น้ี ๒.๑ การเปิ ดเรื่อง (The Opening) คือ การเริ่มเร่ือง เหมือนกบั ส่วนนาเรื่องใน การเขียนสาระคดี เป็นส่วนท่ีกระตุน้ จูงใจ สร้างความสนใจใหผ้ อู้ ่าน การเปิ ดเร่ืองโดยทว่ั ไป มีวธิ ีการดงั น้ี

๒.๑.๑ เปิ ดเร่ืองโดยการบรรยายฉาก ๒.๑.๒ เปิ ดเร่ืองโดยการบรรยายตวั อกั ษร ๒.๑.๓ เปิ ดเรื่องโดยการบรรยายเหตุการณ์ ๒.๑.๔ เปิ ดเรื่องโดยการใชบ้ ทสนทนา ๒.๑.๕ เปิ ดเร่ืองโดยการใชต้ วั ละครเล่าเรื่อง ๒.๒ การผกู ปม (Complication) คือการสร้างขอ้ ขดั แยง้ ใหเ้ กิดข้ึนกบั ตวั ละคร หรือเหตุการณ์ในเรื่อง เป็นการนาปัญหาหรืออุปสรรคมาเสนอ เพือ่ ใหต้ วั ละครไดแ้ สดง ปฏิกิริยาต่อปัญหา และหาทางออก การผกู ปมหรือขดั แยง้ จะตอ้ งมีความน่าสนใจ สมเหตุสมผล ทา้ ทายความรู้สึกอารมณ์ของผอู้ ่าน ๒.๓ การหน่วงเร่ือง (Suspense) คือ การดาเนินเร่ืองโดยใหต้ วั ละครแสดง พฤติกรรมต่างๆ ในการแกป้ ัญหาหรือต่อสู้กบั อุปสรรค พฤติกรรมของตวั ละครควรจะมี ความเขม้ ขน้ โดยลาดบั เพือ่ นาไปสู่สุดยอดของเรื่อง ถา้ ผเู้ ขียนเสนอเหตุการณ์หรือพฤติกรรม ของตวั ละครไปเรื่อยๆ โดยขาดความเขม้ ขน้ ตามลาดบั เหตุการณ์ ถือวา่ เป็นการหน่วงเรื่องท่ี น่าเบื่อ ไม่มีความกระชบั ในการดาเนินเรื่อง ๒.๔ จุดสุดยอด (Climax) คือ จุดที่เขม้ ขน้ ท่ีสุดของเหตุการณ์ หรือเป็น เงื่อนงาของเน้ือเร่ือง เป็นยอดท่ีสุดของอารมณ์และความสนใจ จุดสุดยอดท่ีดีจะตอ้ งสร้าง ความต่ืนเตน้ เร้าใจใหก้ บั ผอู้ ่าน ๒.๕ การคลายปม (Denovement) คือ การขยายความลบั หรือคล่ีคลายปัญหา ของเรื่อง ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจเหตุการณ์หรือปมปัญหาต่างๆ การคลี่คลายปมปัญหาจะตอ้ งมีความ สมเหตุผล ต้งั อยบู่ นพ้นื ฐานของขอ้ เทจ็ จริง แสดงความคิดท่ีแยบยล มิใช่คล่ีคลายปมแบบต้ืน เขิน หรือขาดเหตุผล ๒.๖ การปิ ดเร่ือง (Close หรือ Conclusion) คือ การจบเร่ืองเหมือนส่วนสรุป ของการเขียนสารคดี การปิ ดเร่ืองท่ีดีมีศิลปะจะตอ้ งสร้างความประทบั ใจใหแ้ ก่ผอู้ ่าน ซ่ึงการ ปิ ดเร่ืองโดยทว่ั ๆ ไป มีดงั น้ี ๒.๖.๑ การปิ ดเรื่องแบบธรรมดา ๒.๖.๒ ปิ ดเร่ืองแบบหกั มุม ๒.๖.๓ ปิ ดเรื่องแบบทิ้งปัญหาใหผ้ อู้ ่านขบคิด

๓. ตวั ละคร (Character) คือ ตวั บุคคล สัตวห์ รือส่ิงต่าง ๆ ท่ีผเู้ ขียนสร้างข้ึนใหม้ ี บทบาทมีชีวติ มีวญิ ญาณ แสดงพฤติกรรมต่างๆ เพ่อื ใหเ้ หตุการณ์ดาเนินไป ตามเร่ืองราวท่ี วางไว้ ซ่ึงผเู้ ขียนควรคานึงถึงตวั ละครในสิ่งใดต่อไปน้ี ๓.๑ ประเภทของตวั ละคร ซ่ึงแบ่งออกตามบทบาทความสาคญั ในการดาเนิน เร่ืองได้ ๒ ประเภท คือ ๓.๑.๑ ตวั เอกของเรื่อง (Main Character) คือ ตวั ละครที่มีบทบาท สาคญั ในการดาเนินเรื่อง เป็นศนู ยก์ ลางของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในเรื่อง ตวั ละครเอกอาจเป็น คน สัตวเ์ ทพเจา้ ภตู ผปี ี ศาจ หรือ ส่ิงสมมติใด ๆ กไ็ ด้ เพศหรือวยั ใดกไ็ ด้ มีอุปนิสัยดีหรือไม่ดี กไ็ ด้ สิ่งที่สาคญั กค็ ือ ตอ้ งเป็นตวั ดาเนินเร่ือง ๓.๑.๒ ตวั ประกอบ (Minor Character) คือ ตวั ละครท่ีมีบทบาทรอง ลงไปจากตวั เอกของเรื่อง เป็นตวั ละครที่ช่วยใหก้ ารดาเนินเรื่องของตวั เอก ดาเนินไปอยา่ ง เหมาะสมตามเหตุการณ์ในเร่ือง ๓.๒ ลกั ษณะนิสยั ของตวั ละคร โดยทวั่ ไปมี ๒ ลกั ษณะ คือ ๓.๒.๑ ตวั ละครที่เป็นแบบตายตวั (Typed Character) คือ ตวั ละครที่มี ลกั ษณะปรากฏเด่นชดั เพยี งดา้ นเดียว แสดงนิสัยเพียงแง่มุมเดียว ดีอยา่ งเดียว หรือร้ายอยา่ ง เดียว เป็นการสร้างตวั ละครอยา่ งง่ายๆ ซ่ึงผอู้ ่านมกั คาดเดาการกระทาของตวั ละคร และ เหตุการณ์ของเร่ืองไดง้ ่าย ๓.๒.๒ ตวั ละครที่มีลกั ษณะซบั ซอ้ น (Wellrounded Charater) คือ ตวั ละครท่ีมีลกั ษณะซบั ซอ้ น เขา้ ใจยาก สร้างไดย้ ากกวา่ ตวั ละครแบบตายตวั มีลกั ษณะสมจริง เหมือนคนในชีวติ จริง ซ่ึงมีท้งั ส่วนดี และส่วนบกพร่อง ตอ้ งติดตามศึกษาโดยละเอียด จึง สามารถเขา้ ใจได้ ตวั ละครประเภทน้ีมกั มีการเปล่ียนแปลงหรือพฒั นานิสยั ใจคอ ตลอดจน ทศั นคติไดเ้ มื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ มากระทบ ในตอนตน้ เรื่องอาจเป็นคนดี ต่อมาอาจกลายเป็น คนเลว เพราะมีปัจจยั เหตุปัจจยั บางอยา่ งเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง ตวั ละครแบบน้ีจะทาใหเ้ ร่ือง น่าสนใจ มีคุณค่าและชวนติดตาม ๓.๓ การต้งั ชื่อตวั ละคร ควรต้งั ใหเ้ หมาะสมกบั เพศ วยั สถานะ บทบาท และ หนา้ ที่ของตวั ละครในเรื่อง ตวั ละครท่ีเป็นตวั เอก ควรต้งั ช่ือที่ฟังง่าย คมคาย น่าสนใจ ตวั ละครที่เป็นชาวบา้ นใชช้ ื่อวา่ ลุงวษิ ณุ พ่อเฒ่าศรุต หรือคุณยายพวงแข กฟ็ ังดูขดั แยง้ ไม่เหมาะ กบั ตวั ละคร

๓.๔ การกาหนดบุคลิกของตวั ละคร ตอ้ งใหส้ อดคลอ้ งกบั เพศ วยั สถานะ บทบาท และหนา้ ท่ีของตวั ละคร และสอดคลอ้ งกบั การดาเนินเร่ือง เช่น สร้างใหต้ วั เอก รูปร่างหนา้ ตาดี มีความคิด มีความกลา้ หาญ สร้างใหต้ วั ประกอบท่ีเป็นคนจนรูปร่างผอม ซูบ ซีด ข้ีโรค ซ่ือ มกั ขลาดเขลา แต่ถา้ สร้างใหต้ วั เอกมีรูปร่างหนา้ ตาอปั ลกั ษณ์ ทะล่ึง หลุกหลิก และข้ีขลาด หรือคนจนรูปร่างอว้ นทว้ ม ผวิ ผอ่ ง พดู จาฉะฉาน กไ็ ม่เหมาะสมกบั เหตุผลและ ขอ้ เทจ็ จริง ๔. บทสนทนา (Dialoque) คือ คาพดู ของตวั ละครแต่ละตวั บทสนทนานบั เป็น องคป์ ระกอบสาคญั ของเรื่องบนั เทิงคดีไดป้ ระการหน่ึง เพราะช่วยใหผ้ อู้ ่านไดท้ ราบถึง แนวคิดของผแู้ ต่ง ทราบถึงบุคลิกลกั ษณะของตวั ละคร ขอ้ ขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละคร ภูมิหลงั และรายละเอียดต่างๆ ได้ โดยท่ีผแู้ ต่งไม่ตอ้ งบรรยาย หรือพรรณนาความใหย้ ดื ยาว นอกจากน้ียงั ทาใหผ้ อู้ ่านไดร้ ับความเพลิดเพลินไปพร้อมกนั ดว้ ย บทสนทนาทด่ี ีควรมลี กั ษณะดงั นี้ ๔.๑ มีความสมจริง คือ สมจริงตามเพศ วยั อาชีพ สถานะ บทบาท และหนา้ ท่ี ของตวั ละคร ถา้ ตวั ละครเป็นผดู้ ี มีการศึกษากค็ วรใชภ้ าษาที่สุภาพ ตวั ละครท่ีเป็นชาวบา้ นมี การศึกษานอ้ ย อยใู่ นสถานะและสงั คมท่ีไมด่ ีกใ็ ชภ้ าษาท่ีเป็นภาษาตลาดไดต้ ามความ เหมาะสม ๔.๒ ช่วยดาเนินเรื่อง คือ บทสนทนาของตวั ละครจะช่วยใหผ้ อู้ ่านรู้วา่ ตวั ละครจะทาอะไร และเหตุการณ์ดาเนินไปอยา่ งไร โดยไม่ตอ้ งบอกดว้ ยการบรรยายตรงๆ ใน ฉาก ช่วยใหก้ ารดาเนินเร่ืองกระชบั ไม่ยดื ยาด เป็นวธิ ีการดาเนินเรื่องที่แนบเนียน ไม่สร้าง ความเบ่ือหน่ายใหก้ บั ผอู้ ่าน ๔.๓ ช่วยบอกลกั ษณะนิสัยของตวั ละคร ดว้ ยการสอดแทรกลกั ษณะนิสยั ของ ตวั ละครลงไปในบทสนทนา ช่วยใหเ้ รื่องกระชบั โดยไม่ตอ้ งบรรยายลกั ษณะตวั ละครตรงๆ ๔.๔ มีจุดมุ่งหมายและสารประโยชน์ บทสนทนาแต่ละวรรคแต่ละตอน ตอ้ ง มีจุดมุ่งหมายวา่ ใหต้ วั ละครสนทนาในเร่ืองใด เพ่อื อะไร มีเน้ือหาที่เป็นสารประโยชน์ สะทอ้ นความคิดของผเู้ ขียน หรือความคิดของเร่ือง โดยอาศยั ตวั ละครเป็นผพู้ ดู อยา่ สร้างบท สนทนาโดยเดด็ ขาด จุดมุ่งหมายและสารประโยชน์ เพราะจะทาใหเ้ ร่ืองน่าเบื่อ ๔.๕ บทสนทนาตอ้ งอยใู่ นเคร่ืองหมายคาพดู และมีคาอธิบายประกอบบท

สนทนาตามสมควร คาบรรยายประกอบบทสนทนา ควรมีคุณค่าในการเสริมบรรยากาศของ การสนทนาน้นั ๆ ช่วยในการเนน้ บุคลิกลกั ษณะของตวั ละคร หรือช่วยในการดาเนินเรื่อง ไม่ ควรเขียนคาบรรยายต้ืนๆ ซ่ึงรู้ไดเ้ ขา้ ใจดีอยแู่ ลว้ การเขียนคาบรรยายประกอบการสนทนา น้นั ควรเขียนใหพ้ อเหมาะ ไม่จาเป็นตอ้ งเขียนบรรยายทุกถอ้ ยคา ที่ตวั ละครพดู ควรเปิ ด โอกาสใหผ้ อู้ ่านไดใ้ ชจ้ ินตนาการบา้ งตามสมควร ๕. ฉาก (Setting) คือ การบรรยายภาพสถานท่ี เวลา และสภาพแวดลอ้ มที่ปรากฏใน เหตุการณ์ของเร่ือง เป็นการสร้างอารมณ์จินตนาการใหก้ บั ผอู้ ่าน ช่วยใหผ้ อู้ ่านเพลิดเพลิน มี อารมณ์ร่วมกบตวั ละคร และคาดเดาเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในเรื่องได้ การบรรยายฉาก ตอ้ งคานึงถึงขอ้ เทจ็ จริง มีความถูกตอ้ งสมจริง มีความสมั พนั ธก์ บั เหตุการณ์ มีความแจ่มชดั เป็นระเบียบ ไม่สบั สน ใชภ้ าษาประณีตดว้ ยภาพพจนแ์ ละโวหาร ต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม โดยทว่ั ไปมกั นิยมใชพ้ รรณนาโวหาร ๖. บรรยากาศ (Atmosphere) คือ การบรรยายอารมณ์ความรู้สึก องคป์ ระกอบต่างๆ ของฉากและตวั ละคร เพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึกแก่ผอู้ ่าน ประเภทของการเขยี นบันเทงิ การเขียนบนั เทิงอาจแบ่งไดห้ ลายประเภทดงั น้ี การเขยี นนิทาน นิทาน คือ เรื่องเล่าสืบต่อกนั มา เป็นวรรณกรรมท่ีเก่าแก่ท่ีสุด กล่าวกนั วา่ นิทานมี กาเนิดพร้อม ๆ กบั ครอบครัวของมนุษยชาติ มลู เหตุที่มาแต่เริ่มแรก คงเป็นเร่ืองท่ีเกิดข้ึนจริง แลว้ เล่าสู่กนั ฟัง มีการเพมิ่ เติมเสริมแต่งใหพ้ สิ ดารมากยงิ่ ข้ึน จนห่างไกลจากเร่ืองจริง กลายเป็ นนิทานไป การเขียนนิทาน เป็นการเขียนจากจินตนาการ ผเู้ ขียนจะตอ้ งมีศลิ ปะในการเขียน โดย เขียนใหส้ นุกและมีคุณค่าแก่ผอู้ ่าน องค์ประกอบของนิทาน ๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง หรือสารัตถะของเร่ือง แนวคิดของเร่ืองนิทาน มกั เป็น องคป์ ระกอบพ้ืนฐาน ง่ายไม่ลึกซ้ึงนกั เช่น แนวคิดเรื่องแม่เล้ียงข่มแหงลกู เล้ียง การทาความ ดีจะไดผ้ ลดีตอบสนอง ๒. โครงเรื่องของนิทาน มกั ส้นั กะทดั รัด เรียบง่าย ไม่ซบั ซอ้ น เป็นลกั ษณะเรื่องเล่า ธรรมดา โดยดาเนินเร่ืองไปตามลาดบั เหตุการณ์ก่อนหลงั

๓. ตวั ละคร ไม่ควรมีหลายตวั เพราะเป็นเรื่องส้ัน ๆ จะน่าอ่านกวา่ เร่ืองยาวๆ ตวั ละครอาจเป็นคน สตั ว์ เทพเจา้ นางฟ้ า มนุษย์ อมนุษย์ ฯลฯ ๔. ฉาก เป็นภาพจินตนาการท่ีผเู้ ขียนสร้างข้ึน ใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ือเรื่อง ๕. ถอ้ ยคาหรือบทสนทนาท่ีตวั ละครในเรื่องพดู กนั ควรใชภ้ าษาท่ีกะทดั รัด เขา้ ใจ ง่ายสนุกสนานชวนติดตาม ๖. คติชีวติ นิทานที่ดีตอ้ งมีขอ้ คิดเกี่ยวกบั ชีวติ สงั คม และวฒั นธรรม เพอื่ เป็นการ ปลกู ฝังคุณธรรมแก่ผอู้ ่าน ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นผเู้ ยาว์ ดงั น้นั ในตอนทา้ ยของนิทานมกั สรุปคติ ชีวติ ใหเ้ ป็นเครื่องเตือนใจผอู้ ่านดว้ ย การเขยี นนวนิยาย นวนิยายเป็นเร่ืองสมมติที่เขียนอยา่ งสมจริง มีโครงเรื่องซบั ซอ้ น เสนอแนวคิดได้ กวา้ งขวางกวา่ เร่ืองส้ัน มีตวั ละครหลายตวั ดาเนินเร่ืองไดย้ าว ใหร้ ายละเอียดของฉากและตวั ละครไดม้ ากกวา่ เรื่องส้นั ซ่ึงชนิดของนวนิยายอาจจาแนกไดด้ งั น้ี ๑. นวนิยายสารวจโลก ๒. นวนิยายเชิงประวตั ิศาสตร์ (อิงประวตั ิศาสตร์) ๓. นวนิยายลูกทุ่ง ๔. นวนิยายใชฉ้ ากในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ๕. นวนิยายมหศั จรรย์ ๖. นวนิยายชีวประวตั ิหรืออตั ชีวประวตั ิ ๗. นวนิยายแนวจิตวทิ ยา ๘. นวนิยายมนุษยธรรม ๙. นวนิยายนกั สืบและอาชญากรรม ๑๐. นวนิยายโรแมนติก ๑๑. นวนิยายระหวา่ งชาติ ๑๒. นวนิยายชีวติ ครอบครัว องค์ประกอบของนวนิยาย ๑. แนวคิดของแกนของเร่ือง ๒. โครงเรื่องมีลกั ษณะซบั ซอ้ น ๓. ตวั ละคร

๔. ฉาก ๕. ถอ้ ยคาหรือบทสนทนา การเขยี นเรื่องส้ัน เร่ืองส้นั เป็นวรรณกรรมประเภทหน่ึง ที่พฒั นาข้ึนจากอิทธิพลของงานเขียนทาง ประเทศตะวนั ตก โดยเขียนข้ึนจากจินตนาการซ่ึงมีความสมจริง (Realistic) มีขนาดส้นั ใช้ ตวั ละครนอ้ ย ดาเนินเร่ืองรวดเร็วและมีจุดมุ่งหมายเดียว เร่ืองส้ันเร่ืองแรกของไทย คือ เรื่อง \"นายจิตรกบั นายใจสนทนากนั \" ของเจา้ พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ลงพิมพใ์ นหนงั สือ ดรุโณวาทราวปี พ.ศ.๒๔๑๗ ตรงกบั รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เจา้ พระยาภาสกรวงศ์ ผนู้ ้ีนบั วา่ เป็น ผมู้ ีบทบาท เป็นอยา่ งมาก ในการสร้างสรรคเ์ รื่องบนั เทิง คดีสมยั ใหม่ และเรื่องส้นั ยคุ บุกเบิกซ่ึงเปล้ือง ณ นคร ไดแ้ บ่งเรื่องส้นั ออกเป็น ๔ ชนิด คือ ๑. เร่ืองส้ันชนิดผกู เร่ือง (Plot story) ๒. เร่ืองส้นั ชนิดเพ่งเลง็ ท่ีจะแสดงลกั ษณะของตวั ละคร (Charater Story) ๓. เร่ืองส้นั ชนิดท่ีถือฉากเป็นส่วนสาคญั (Atmosphere Story) ๔. เร่ืองส้นั ชนิดที่แสดงแนวความคิดเห็น (Theme Story) องค์ประกอบของเรื่องส้ัน ๑. แนวคิดหรือแกนของเร่ือง ๒. โครงเร่ืองตอ้ งมีลกั ษณะกะทดั รัด ๓. ตวั ละคร ๔. ฉากตอ้ งมีความสมจริง ๕. ถอ้ ยคาหรือบทสนทนา การเขียนเร่ืองส้นั น้นั เขียนจะเลือกเขียนในแนวใดกข็ ้ึนอยกู่ บั ความถนดั ประสบการณ์ อุปนิสยั และอารมณ์จินตนาการ เพราะแต่ละคน ยอ่ มมีความ แตกต่างกนั จงสารวจตวั เอง ดว้ ยการอ่านงานเขียนหก้ วา้ งขวาง หลายแบบ หลายแนว หลายผเู้ ขียน แลว้ จะพบวา่ เราชอบ แนวใด จากน้นั กล็ องเขียนเลียนตน้ แบบ ในเบ้ืองตน้ เมื่อเห็นวา่ สามารถทาไดอ้ ยา่ งน้นั กค็ ่อย พฒั นางานและสร้างเอกลกั ษณ์ของตนเองข้ึนมาใหม่ ผทู้ ี่หดั เขียนเรื่องใหม่ ๆ ตอ้ งอ่านหนงั สือใหม้ าก เพราะการอ่านกบั การเขียนเป็น ทกั ษะที่สัมพนั ธ์กนั และตระหนกั วา่ ไม่มีนกั เขียนคนใด จะสร้างงานเขียน ของตนเองได้ โดยไม่อ่านหนงั สือ

การเขยี นบทละคร บทละครเป็นเรื่องราวที่แต่งข้ึนเพือ่ ใชใ้ นการแสดงละคร มีองคป์ ระกอบเช่นเดียวกบั การเขียนเรื่องส้นั หรือนวนิยาย แต่ต่างกนั ที่วตั ถุประสงค์ คือ บทละครน้นั แต่งข้ึนเพื่อการ แสดง แต่เรื่องส้นั และนวนิยายแต่งข้ึนเพื่อการอ่าน เร่ืองส้ันหรือนวนิยายบางเรื่อง อาจ ดดั แปลงมาเป็นบทละครได้ บทละครไทยแต่เดิม แต่งเป็นร้อยแกว้ เรียกวา่ \"กลอนบทละคร\" ซ่ึงเล่นเป็นละครรา อนั ไดแ้ ก่ ละครชาตรี ละครนอน ละครใน แต่ต่อมาไดป้ รับรูปแบบละคร พดู จากวฒั นธรรม ตะวนั ตก จึงไดม้ ีการแปลและดดั แปลงบทละครพดู จากภาษาองั กฤษ มาเป็นบทละคร ภาษาไทย ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชสยาม มกฎุ ราชกมุ าร (พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) โปรดการละครพดู มาก ไดท้ รงพระราชนิพนธบ์ ท ละครพดู ไวห้ ลายสิบเรื่อง ท้งั ยงั เป็นองคแ์ สดง และต้งั คณะละครศรีอยธุ ยารมยข์ ้ึน ในสมยั พระบาทสมเดจ็ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั การละครพดู รุ่งเรืองมาก ดว้ ยพระปรีชาสามารถใน การละครพดู พระองคจ์ ึงไดร้ ับการถวายสมญาวา่ \"บิดาแห่งละครพดู \" บทละครน้นั มีมากมายหลายชนิด เช่น บทละครรา อนั ไดแ้ ก่ บทละครชาตรี บท ละครนอก บทละครใน บทละครพนั ทาง บทละครดึกดาบรรพ์ นอกจากน้ียงั มีบทละครร้อง บทละครพดู บทละครโทรทศั น์ และบทภาพยนตร์ เป็นตน้ ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะบทละครพดู เพอื่ เป็นแนวทางท่ีจะศึกษาและพฒั นาการเขียน บทละครประเภทอ่ืน ๆ ต่อไป องคป์ ระกอบของบทละครพดู ๑. แนวคิดหรือแกนของเร่ือง ๒. โครงเรื่อง ๓. ตวั ละคร ๔. ฉาก ๕. บทสนทนา ๖. บรรยากาศของเร่ือง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook