Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สังคม 2563

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สังคม 2563

Published by Jeerawan Patiwong, 2021-05-15 07:24:57

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สังคม 2563

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศกึ ษาฯ วชิ า สงั คมศึกษาฯ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 หนว่ ยท่ี 2 เรื่อง หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาและหลักคาสอนของศาสนาต่าง ๆ เวลา 5 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 1.1 รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ และศาสนาอ่ืน มศี รทั ธาท่ีถูกตอ้ ง ยดึ มัน่ และปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมเพอ่ื อยรู่ ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ ตวั ชวี้ ดั ป.1/3 บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ใน พระพทุ ธศาสนา หรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถอื ตามท่กี าหนด สาระสาคญั พระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งและเป็นท่ียึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน หลักธรรมโอวาท 3 เป็น หลกั คาสอนใหผ้ ูป้ ฏบิ ตั งิ ดเว้นจากการทาความช่ัว ทาความดี และทาจิตใจใหบ้ ริสทุ ธิ์ สาระการเรียนรู้ ๑. พระรตั นตรัย : พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๒. หลักธรรมโอวาท 3 : เบญจศลี เบญจธรรม สังคหวตั ถุ 4 ความกตัญญูกตเวที มงคล 38 ๓. พทุ ธศาสนสภุ าษติ : อตฺตา หิ อตตฺ โน นาโถ , มาตา มิตฺต สเก ฆเร คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต ความสามารถในการแก้ไขปัญหา ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ๑. ชิน้ งานท่ี 2.1 เรื่อง โมเดลพระรตั นตรัย บรู ณาการ กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย 1. การอา่ นคา/การอ่านประโยค 2. การเขยี นคา 3. แตง่ ประโยค การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1 กจิ กรรมท่ี 1 เร่อื ง พระรตั นตรยั 1. ศึกษาความหมาย วิธีการแสดงความเคารพในพระรัตนตรัยและความศรัทธาใน พระรัตนตรยั โดย การแบ่งกลุ่มตอบคาถามจากบัตรคา และการร่วมกันแสดงความคิดเห็น สรุปความสาคัญของพระรัตนตรัย เป็นแผนภาพ ชว่ั โมงที่ 2 กจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง โอวาท 3 : การทาความดี ละเว้นจากการทาความชั่ว 2. การศึกษาจาแนกหลักธรรมโอวาท 3 ในการปฏิบตั ิตนเพอื่ ดาเนินชีวติ ประจาวัน 2.1 ศกึ ษาความหมายของ เบญจศีล-เบญจธรรมและการปฏิบัติตน 2.2 ศึกษาความหมายของ สงั คหวัตถุ 4 และวิธีการปฏบิ ัติตนตามหลกั ธรรม ชว่ั โมงท่ี 3 กิจกรรมท่ี 3 เรอื่ ง โอวาท 3 : การทาจิตใจใหผ้ อ่ งใส 2.3 การปฏบิ ัตติ นตามหลักธรรม : ความกตญั ญูกตเวทตี อ่ พ่อแมแ่ ละครอบครัว 2.4 การศึกษาหลักธรรมมงคล 38 โดยการสาธติ นาเสนอวธิ กี ารปฏบิ ตั ิตน ชว่ั โมงท่ี 4 กจิ กรรมท่ี 4 เร่อื ง พทุ ธศาสนสภุ าษติ 3. การฝกึ อ่าน และศกึ ษาความหมายของพุทธศาสนสุภาษติ และนาเสนอการปฏบิ ัติ 4. สรุปความรูเ้ กย่ี วกับหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 5. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดังน้ี พระรัตนตรัยเป็นทีย่ ดึ เหนี่ยวจิตใจของพทุ ธศาสนิกชน โอวาท 3 เปน็ หลักคาสอนทเี่ น้นให้ผู้ ปฏบิ ตั ิงดเวน้ จากการกระทาความชว่ั ทาแต่ความดี และทาจิตใจใหบ้ ริสุทธิ์ 2.4 การศึกษาหลักธรรมมงคล 38 โดยการสาธติ นาเสนอวธิ ีการปฏิบตั ติ น ชว่ั โมงท่ี 5 กจิ กรรมที่ 5 เรื่อง หลักคาสอนของศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ 6. ให้นกั เรยี นศึกษาหลักคาสอนของศาสนาต่าง ๆ 7. ให้นักเรยี นวเิ คราะหค์ วามสาคัญของการศกึ ษาหลกั คาสอนของศาสนาต่าง ๆ 8. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้ ศาสนาทกุ ศาสนามีหลักคาสอนท่เี ปน็ แนวทางให้ศาสนิกชนไปปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ ชีวิต

ส่ือการเรยี นรู้ 1. บตั รคา ความหมายของพระรัตนตรัย 2. นิทานเรื่อง จ้อยจอมซนและทาดีได้ดี 3. ลกู โป่งสีขาวและสีเหลืองพร้อมกล่องปริศนา การประเมินผล เกณฑ์ 1. การประเมนิ ผลตัวชี้วดั คะแนนผ่านร้อยละ 50 นักเรียนทาใบงาน การวัด เครื่องมอื คะแนนผา่ นร้อยละ 60 ข้ึนไปถือว่าผ่านเกณฑ์ 1.กอ่ นเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน นกั เรยี นมีพฤติกรรม ระดบั ดขี นึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน 2.ระหวา่ งเรยี น ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง พระรตั นตรยั เกณฑ์ ใบงานที่ 2.2 เรื่อง โอวาท 3 คะแนนผ่านร้อยละ 60 3.หลงั เรยี น แบบสังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมนิ สมรรถนะของผเู้ รยี น แบบประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์และเขยี น แบบทดสอบหลังเรยี น ช้ินงานที่ 2.1 เรื่อง โมเดลพระรตั นตรยั

ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบก่อนเรยี น ชอ่ื _____________________ นามสกุล______________ เลขท_่ี _______ ช้นั ________ คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นโยงเสน้ จบั คใู่ นเรอ่ื งพระรตั นตรัยใหถ้ ูกต้อง เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระพุทธ ผสู้ ืบทอดพระพทุ ธศาสนา พระธรรม หลกั ธรรมคาสอน ศาสดาของพระพุทธศาสนา พระไตรปิ ฎก พระสงฆ์ ผเู้ ผยแผค่ าสอนของพระพุทธเจา้

ฉบบั เฉลย ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชอ่ื _____________________ นามสกลุ ______________ เลขท_ี่ _______ ชั้น ________ คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นโยงเส้นจบั คู่ในเรื่องพระรัตนตรยั ใหถ้ ูกตอ้ ง เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระพทุ ธ ผสู้ ืบทอดพระพทุ ธศาสนา พระธรรม หลกั ธรรมคาสอน ศาสดาของพระพทุ ธศาสนา พระไตรปิ ฎก พระสงฆ์ ผเู้ ผยแผค่ าสอนของพระพุทธเจา้

ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบหลังเรยี น ชอ่ื _____________________ นามสกุล______________ เลขท_่ี _______ ช้นั ________ คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นโยงเสน้ จบั คใู่ นเรอ่ื งพระรตั นตรัยใหถ้ ูกต้อง เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระพุทธ ผสู้ ืบทอดพระพทุ ธศาสนา พระธรรม หลกั ธรรมคาสอน ศาสดาของพระพุทธศาสนา พระไตรปิ ฎก พระสงฆ์ ผเู้ ผยแผค่ าสอนของพระพุทธเจา้

ฉบบั เฉลย ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบหลังเรียน ชอ่ื _____________________ นามสกลุ ______________ เลขท_ี่ _______ ชั้น ________ คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นโยงเส้นจบั คู่ในเรื่องพระรัตนตรยั ให้ถูกตอ้ ง เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระพทุ ธ ผสู้ ืบทอดพระพทุ ธศาสนา พระธรรม หลกั ธรรมคาสอน ศาสดาของพระพทุ ธศาสนา พระไตรปิ ฎก พระสงฆ์ ผเู้ ผยแผค่ าสอนของพระพุทธเจา้

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษาฯ วชิ า สังคมศกึ ษาฯ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 หน่วยที่ 2 เร่อื ง หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาและหลักคาสอนของศาสนาต่าง ๆ เวลา 5 ช่วั โมง เรอ่ื ง พระรัตนตรัย เวลา 1 ชวั่ โมง สาระสาคัญ พระรัตนตรัยเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญทางพระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนควรมีความศรัทธาในคุณ ของพระรัตนตรัย และปฏบิ ตั ิตนต่อพระรตั นตรยั อย่างเหมาะสม ตัวช้ีวดั ส 1.1 ป.1/3 บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถือตามทีก่ าหนด จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรยั (K) 2. ปฏบิ ตั ิตนเพือ่ แสดงความเคารพในพระรัตนตรยั อย่างเหมาะสมตาม ศาสนาท่ีตนนบั ถือตามที่ กาหนด(P) 3. เห็นความสาคัญของพระรัตนตรัย (A) สาระการเรยี นรู้ พระรตั นตรัย คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสตร์ กษตั ริย์ มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ ม่ันในการทางาน รกั ความเป็นไทย สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา

การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 1. ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับพระพุทธศาสนา โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี เมื่อพูดถึงพระพุทธศาสนา นักเรียนนึกถึงสิ่งใด (ตัวอย่างคาตอบ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ หลกั ธรรมคาสอน) ส่ิงดังกล่าวเก่ียวกับนักเรียนหรือไม่ อย่างไร (ตัวอย่างคาตอบเก่ียวข้อง คือ หลักธรรมคาสอน ทางศาสนาเป็นหลักในการดาเนนิ ชีวิต) ขนั้ สอน 2. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังว่า พระรตั นตรัยเป็นองค์ประกอบสาคญั ของพระพุทธศาสนาพระรัตนตรัย หมายถึง แก้วอันประเสริฐ 3 ดวง คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากน้ันครูให้นักเรียนดูภาพพระรัตนตรัย และอธิบายความหมายของพระรัตนตรัยให้นักเรียนฟัง ดังนี้ พระพุทธ หมายถึง พระพุทธเจ้า ซ่ึงเป็นศาสดา ของพระพทุ ธศาสนา พระธรรม หมายถงึ คาส่ังสอนของพระพุทธเจา้ พระสงฆ์ หมายถึง ผู้สบื ทอดและถา่ ยทอด พระพทุ ธศาสนา 3. ให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับความสาคัญของพระรัตนตรัยโดยครใู ชค้ าถาม ดังนี้ พระพุทธเจ้ามีความสาคัญต่อพระพุทธศาสนาและชาวพุทธอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ เป็นศาสดาผู้เผยแผ่คา สอนของพระพุทธศาสนา) พระธรรมมีความสาคัญต่อพระพุทธศาสนาและชาวพุทธอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ เป็น หลกั ธรรมคาสงั่ สอนของพระพุทธเจ้าทใี่ หช้ าวพุทธนาไปปฏบิ ตั ิเพือ่ ใหเ้ กิดความสขุ ในการดาเนนิ ชวี ติ ) พระสงฆ์มีความสาคัญต่อพระพุทธศาสนาและชาวพุทธอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบเป็นผู้เผยแผ่ คาสอนของพระพทุ ธศาสนาและสบื ทอดพระพุทธศาสนา) ๔. ใหน้ กั เรียนแบง่ ออกเปน็ 3 กลมุ่ เลน่ เกมตอบไดใ้ ห้ดาว โดยการตอบคาถามวา่ บตั รคาที่ครอู า่ น เกี่ยวข้องกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กลุ่มที่ยกมือตอบได้เร็วและถูกต้องจะได้รับ 1 คะแนน กลุ่มใดได้ คะแนนมากทส่ี ุดเปน็ ผชู้ นะ บัตรคา เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระพุทธ ผสู้ ืบทอดพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ หลกั ธรรมคาสอน พระธรรม ศาสดาของพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระไตรปิ ฎก พระธรรม ผเู้ ผยแผค่ าสอนของพระพุทธเจา้ พระสงฆ์

5. ครูอ่านเร่ือง คุณของพระรัตนตรัยในกิจกรรมให้นักเรียนฟังและให้นักเรียนอ่านตาม จากน้ันครูนา ภาพพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คดิ เห็น โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี คณุ ของพระพุทธคอื อะไร (พระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั รไู้ ดด้ ว้ ยพระองค์เอง แลว้ สอนให้ผู้อ่นื รู้ตาม) คุณของพระธรรมคืออะไร (พระธรรมคาสอนเป็นแนวทางปฏิบัติเพ่ือให้ดารงชีวิตอย่างมี ความสขุ ) คุณของพระสงฆ์คืออะไร (พระสงฆ์ คือ ผู้เผยแผ่หลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้ พุทธศาสนกิ ชนปฏบิ ัตติ าม) 6. ครูแนะนานักเรียนว่า พระรัตนตรัย คือส่ิงสาคัญสูงสุดของพระพุทธศาสนา ชาวพุทธจึงควรปฏบิ ัติ ตนเพ่ือแสดงถึงความเชื่อ หรือความศรัทธาในคุณของพระรัตนตรัยอย่างเหมาะสม จากน้ันครูให้นักเรียนร่วม กิจกรรมควรทา ไมค่ วรทา โดยครจู ะอ่านข้อความเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ิตนต่อพระรัตนตรัยคร้งั ละ 1 ขอ้ ความ ถา้ ข้อความนนั้ ควรทา ใหน้ กั เรยี นยกมือทงั้ สองขา้ ง ชนู ว้ิ โป้ง ถา้ ขอ้ ความน้นั ไมค่ วรทาให้นักเรยี นชูมือแลว้ ไขว้กัน เปน็ เคร่ืองหมายผดิ ดงั นี้ ปฏิบัติตนตามหลักธรรม (ควรทา) เมื่อพบพระสงฆร์ ีบเดินเลีย่ งไปทางอน่ื (ไม่ควรทา) นาพระพุทธรูปมาอวดเพ่อื น (ไมค่ วรทา) ตกั บาตรพระสงฆเ์ ม่อื มโี อกาส (ควรทา) นาพระไตรปิฎกมาขีดเขยี นเลน่ (ไม่ควรทา) กราบพระพุทธรูปให้ถกู ต้อง (ควรทา) เขา้ ร่วมพธิ ีกรรมทางศาสนา (ควรทา) 7. ให้นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อพระรัตนตรัยที่นักเรียน เคยปฏิบัติ จากนนั้ ครนู าคาตอบของนักเรียนมาเขียนเป็นแผนภาพบนกระดาน ดังน้ี การปฏิบตั ิตนอย่าง เหมาะสมต่อ พระรัตนตรัย 8. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความศรัทธาในพระรัตนตรัย โดยครูใช้คาถาม ดังนี้ นักเรียนสามารถปฏิบัติตนเพ่ือแสดงความศรัทธาในพระรัตนตรัยได้อย่างไรบ้าง (ตัวอย่าง คาตอบ ปฏิบัติตามคาสอน ทาความเคารพใหถ้ ูกวิธี ตกั บาตรพระสงฆ์) ถ้าปฏิบัติตนไดเ้ หมาะสมจะทาให้เกดิ ผลดอี ยา่ งไร (เปน็ คนดี พระพทุ ธศาสนาสืบทอดตอ่ ไป)

ขั้นสรปุ การเรยี นรู้ 9. ใหน้ กั เรียนและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ พุทธศาสนิกชนควรมีความศรัทธาในคุณของพระรัตนตรัยและปฏิบัติตนต่อ พระรัตนตรัย อยา่ งเหมาะสม 10. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดังน้ี ถา้ พุทธศาสนกิ ชนทุกคนมคี วามศรทั ธาในพระรัตนตรัยจะเกิดผลอย่างไร 11. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง พระรตั นตรัย กจิ กรรมบูรณาการ กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย - ให้นกั เรียนอ่านสะกดคา และการเป็นคา การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ปี ระเมิน เคร่ืองมือ เกณฑ์ จุดประสงค์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง พระ พระรตั นตรยั รัตนตรยั นักเรียนบอก 1. บอกความหมาย ความสาคญั ความหมาย และเคารพพระรัตนตรยั (K) แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ความสาคญั และ เคารพพระรัตนตรยั 2. ปฏิบัตติ นเพ่ือแสดงความเคารพ แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ นใบงานร้อยละ ในพระรตั นตรยั อย่างเหมาะสมตาม 60 ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น ศาสนาท่ีตนนับถือตามทีก่ าหนด(P) เกณฑ์ 3. เห็นความสาคัญของพระรัตนตรยั นกั เรียนปฏบิ ตั ติ น (A) เพื่อแสดงความ เคารพในพระ รตั นตรยั อยา่ ง เหมาะสมตาม ศาสนาท่ตี นนบั ถือ ตามท่ีกาหนดระดบั ดขี ้นึ ไปถอื วา่ ผา่ น เกณฑ์ นักเรียนมพี ฤตกิ รรม ระดบั ดขี ้ึนไป ถือว่า ผา่ นเกณฑ์ ส่อื การเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. ภาพพระรัตนตรัย

ใบงานที่ 2.1 วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระท่ี 1 พระพุทธศาสนา ส 1.1 ป.1/3 เรอ่ื ง พระรตั นตรัย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ชือ่ ........................................................................................ชนั้ .......................เลขท่ี......................... คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นโยงเสน้ จับคขู่ อ้ ความท่ีมีความหมายตรงกับภาพให้ถูกต้อง ภาพน้ีคือ..................................... ศาสดาของศาสนาพทุ ธ ภาพน้ีคือ..................................... หลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจ้า ภาพน้ีคือ..................................... ผู้เผยแผ่คาสอนของพระพทุ ธศาสนา ข้อคดิ ทค่ี วรนาไปปฏบิ ตั ิ เจ้าชายสิทธัตถะ พระไตรปิ ฎก ผู้สืบทอดพระพทุ ธศาสนา แนวทางปฏบิ ัตใิ นการดารงชีวติ บูรณาการภาษาไทย (อ่านออกเสียง) อ่านแลว้ ...............................................................ลงช่ือครูผสู้ อน

ใบงานท่ี 2.1 วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.1 ป.1/3 เรือ่ ง พระรตั นตรยั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ชอ่ื ........................................................................................ช้นั .......................เลขท่ี......................... คาชแี้ จง : ให้นักเรยี นโยงเส้นจบั คู่ข้อความท่ีมีความหมายตรงกับภาพให้ถกู ต้อง ภาพน้ีคือ พระพุทธ ศาสดาของศาสนาพทุ ธ ภาพน้ีคือ พระธรรม หลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจ้า ภาพน้ีคือ พระสงฆ์ ผู้เผยแผ่คาสอนของพระพทุ ธศาสนา ข้อคดิ ทค่ี วรนาไปปฏบิ ัติ เจ้าชายสิทธตั ถะ พระไตรปิ ฎก ผู้สืบทอดพระพทุ ธศาสนา แนวทางปฏบิ ตั ิในการดารงชีวติ บูรณาการภาษาไทย (อ่านออกเสียง) อ่านแลว้ ...............................................................ลงช่ือครูผสู้ อน

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 2 กลุ่มสาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษาฯ วชิ า สงั คมศึกษาฯ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 หนว่ ยท่ี 2 เร่อื ง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและหลักคาสอนของศาสนาตา่ ง ๆ เวลา 5 ชว่ั โมง เรอ่ื ง โอวาท 3 : การทาความดี ละเวน้ จากการทาความชั่ว เวลา 1 ช่วั โมง สาระสาคญั เบญจศีล เบญจธรรม เป็นหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ทสี่ อนให้ทาความดีละเว้นการทาความชัว่ ตัวช้ีวดั ส 1.1 ป.1/3 บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของศาสนาทตี่ นนบั ถือตามทก่ี าหนด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมาย ความสาคัญ ของการปฏบิ ัติตนตามหลักเบญจศีล เบญจธรรม (K) 2. ปฏบิ ัติตามนาหลกั ธรรมเร่อื ง เบญจศีล เบญจธรรมไปปฏบิ ตั ใิ นชีวิตประจาวนั (P) 3. เห็นประโยชน์ของการปฏิบัตติ นตามหลกั เบญจศลี เบญจธรรม (A) สาระการเรียนรู้ หลกั ธรรมโอวาท 3 : เบญจศีล เบญจธรรม คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสตร์ กษตั ริย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน รักความเปน็ ไทย สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครูเล่านทิ านเร่อื ง ทาดีได้ดี โดยมีเน้ือเร่ือง ดงั นี้ นิทานเรื่อง ทาดีได้ดี มดตวั หน่ึงกระหายน้า จึงเดินไปกินน้าที่ลาธาร แต่พลัดตกลงไปในลาธาร ถูกน้าพดั ลอยออกไปจากฝ่ัง ขณะน้นั นกเขาที่เกาะอยบู่ นตน้ ไมเ้ หนือลาธารมองเห็น จึง คาบกิ่งไมไ้ ปใหม้ ดเกาะ มดจึงรอดตายแลว้ ขอบคุณนกเขา ต่อมามีนายพรานเขา้ มาล่านกในป่ า นายพรานเห็นนกเขาจึงเง้ือหนา้ ไมจ้ ะยิง นกเขา มดเห็นนกเขาจะมีอนั ตรายจึงกดั ที่ขานายพราน ทาให้นายพรานยงิ พลาด นกเขา แล้วใจหึง้นบักินเรหยี นนีไรป่วไมดก้นั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถาม ดังน้ี การกระทาของนกเขาเหมาะสมหรือไม่ เพราะอะไร (ตัวอยา่ งคาตอบ เหมาะสมเพราะเป็นการ ช่วยเหลือผอู้ ่ืน) การกระทาของนกเขาทาใหเ้ กดิ ผลอย่างไร (ตัวอยา่ งคาตอบ นกเขารอดตายเพราะมดท่ีตนเอง เคยชว่ ยเหลอื ไปกัดนายพราน) นักเรียนไดข้ อ้ คดิ อะไรจากนิทานเร่ืองน้ี (ตวั อยา่ งคาตอบ ทาดีได้ด)ี นกั เรยี นคดิ วา่ ถ้านกเขาไม่เคยชว่ ยมดมาก่อน ตอนจบของเรือ่ งจะเป็นอยา่ งไร (ตวั อยา่ งคาตอบ นายพรานยิงนกเขาตาย) จากน้ันครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การกระทาของนกเขาเป็นการทาความดีแล้วเกิดผลดีกับตนเอง ในทาง พระพทุ ธศาสนาก็มหี ลกั ธรรมซง่ึ เป็นคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทเี่ ปน็ แนวทางปฏิบัติเพื่อใหเ้ กิดผลดีเช่นกัน ข้นั สอน 2. ครแู สดงแผนภาพโอวาท 3 ใหน้ ักเรียนดูดังตัวอยา่ งต่อไปนพี้ รอ้ มทั้งอธิบายใหน้ ักเรยี นฟังว่า โอวาท 3 เป็นหลกั คาสอนท่ีเป็นหวั ใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ ละเวน้ การทาความชว่ั การทาความดี โอวาท 3 ทาจิตใจใหผ้ อ่ งใส

3. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันยกตวั อย่างสง่ิ ที่ไมค่ วรทาและสิง่ ทค่ี วรทา โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี มีส่ิงใดบ้างท่ีเราไม่ควรทา มสี ิง่ ใดบา้ งท่ีเราควรทา จากน้ันครูบันทึกคาตอบของนักเรียนเป็นแผนภาพบนกระดาน ดังน้ี ส่ิงทไี่ ม่ ส่ิงที่ ควรทา ควรทา จากนั้นครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเราทาในส่ิงที่ไม่ควรทาจะทาให้เกิดผลอย่างไร ถา้ เราทาในสิ่งที่ควรทาจะทาให้เกิดผลอยา่ งไร 4. ครอู ธิบายหลักธรรมที่เกี่ยวกับการไม่ทาความช่ัว คือ เบญจศีล หรือศลี 5 และหลักธรรมที่เกี่ยวกับ การทาความดี คือ เบญจธรรม จากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับการไม่ทาความชว่ั และการทาความ ดี โดยครยู กตวั อย่างสถานการณ์และถามคาถาม ดงั นี้ สุชาติเห็นเพอื่ นถือหนังสือกองใหญ่ เขาจึงเขา้ ไปช่วยเพื่อนถอื หนงั สือ สุชาติปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมใด (เบญจธรรม) การปฏบิ ตั ิของสุชาตทิ าใหเ้ กดิ ผลอย่างไร (เพื่อนถอื หนงั สือเบาขึ้น) นกั เรียนเคยปฏิบัตเิ หมือนสุชาติหรอื ไม่ (ตวั อยา่ งคาตอบ เคย) กมลาอยากไดด้ นิ สอสขี องอษุ า แต่ไม่ได้ขโมยดนิ สอสี กมลาปฏิบัติตนตามหลักธรรมใด (เบญจศลี ) การปฏิบัตขิ องกมลาทาให้เกิดผลอยา่ งไร (อษุ ายังมดี ินสอสีไวใ้ ช้) นกั เรยี นเคยปฏบิ ตั เิ หมือนกมลาหรอื ไม่ (ตวั อยา่ งคาตอบ เคย) สดุ าไมไ่ ดท้ าการบา้ นจงึ บอกครวู า่ ลมื การบ้านไว้ทบี่ ้าน สุดาปฏบิ ัติตนอย่างไร (โกหกคร)ู สุดาปฏบิ ัติตนได้เหมาะสมหรือไม่ (ไม่เหมาะสม) สดุ าควรปฏิบตั ิตามหลกั เบญจศลี ขอ้ ใด (การไมพ่ ูดโกหก) สุดาควรปฏิบตั ติ ามหลักเบญจธรรมขอ้ ใด (การพูดความจริง)

5. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ยกตัวอย่างการปฏิบัติตนตามหลักเบ ญจศีลและ หลักเบญจธรรมมากล่มุ ละ 1 ตวั อยา่ ง และออกมานาเสนอหน้าช้นั เรียน 6. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับการปฏิบัติตนตามหลกั เบญจศีล เบญจธรรม โดยครูใช้คาถาม ดงั นี้ นักเรียนจะนาหลักเบญจศีลและเบญจธรรมไปปฏิบัติในชีวิตประจาวันได้อย่างไร (ตัวอย่าง คาตอบ ทาความดี ละเวน้ ความช่ัว) การนาหลักเบญจศลี และเบญจธรรมไปปฏบิ ตั กิ อ่ ให้เกิดประโยชนอ์ ย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ทา ใหส้ ังคมสงบสขุ ) ข้ันสรปุ การเรียนรู้ 7. ใหน้ ักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ เบญจศีล เบญจธรรมเป็นหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาท่ีสอนให้ทาความดี ละเว้นการทา ความช่วั 8. ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี ถ้าพบเหน็ คนทาความชว่ั นักเรียนจะให้ขอ้ คดิ กับบคุ คลท่ีทาความชว่ั อย่างไร กจิ กรรมบรู ณาการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย - ให้นักเรียนอา่ น นทิ านเร่ือง ทาดีไดด้ ี

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วธิ ปี ระเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์ จดุ ประสงค์ แบบสงั เกตพฤติกรรม แบ่งกลุม่ กลุ่มละ 4 คน นกั เรยี นบอก 1. บอกความหมาย ความสาคญั ของการปฏบิ ตั ติ นตามหลักเบญจศีล แบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน ยกตวั อย่างการปฏบิ ัติตน ความหมาย เบญจธรรม (K) ยกตัวอย่างการปฏิบตั ิตน ตามหลักเบญจศลี และ ความสาคัญ ของการ 2. ปฏิบัตติ ามนาหลกั ธรรมเรือ่ ง เบญจศีล เบญจธรรมไปปฏิบตั ใิ น ตามหลักเบญจศลี และ หลกั เบญจธรรมมากลมุ่ ปฏิบตั ิตนตาม ชีวิตประจาวัน (P) หลักเบญจธรรมมากลุม่ ละ 1 ตวั อยา่ ง(ลงสมุด) หลกั เบญจศีล เบญ- 3. เห็นประโยชน์ของการปฏิบัติตน ตามหลักเบญจศีล เบญจธรรม (A) ละ 1 ตัวอยา่ ง และ จธรรม ลงสมุดร้อย ออกมานาเสนอหน้าชัน้ ละ 60 ขนึ้ ไป ถือวา่ เรยี น ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน นกั เรยี นบอก แบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน ยกตวั อย่างการปฏิบตั ิตน ความหมาย ยกตัวอยา่ งการปฏบิ ตั ติ น ตามหลกั เบญจศลี และ ความสาคญั ของการ ตามหลักเบญจศีลและ หลักเบญจธรรมมากลุม่ ปฏิบัติตนตาม หลกั เบญจธรรมมากล่มุ ละ 1 ตัวอย่าง(ลงสมุด) หลักเบญจศลี เบญ- ละ 1 ตวั อย่าง และ จธรรม ลงสมดุ รอ้ ย ออกมานาเสนอหน้าชัน้ ละ 60 ขนึ้ ไป ถือวา่ เรียน ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นมีพฤตกิ รรม ระดับดขี ึน้ ไป ถือว่า ผา่ นเกณฑ์ ส่ือการเรียนรู้ 1. นิทานเร่อื ง ทาดีไดด้ ี 2. แผนภาพโอวาท 3 3. สถานการณ์สมมตุ ิ

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 3 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษาฯ วิชา สังคมศึกษาฯ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 หนว่ ยท่ี 2 เรือ่ ง หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาและหลักคาสอนของศาสนาต่าง ๆ เวลา 5 ช่วั โมง เรื่อง โอวาท 3 : การทาจติ ใจให้ผอ่ งใส เวลา 1 ช่ัวโมง สาระสาคัญ การทาจิตใจให้ผอ่ งใส เป็นหลกั ธรรมในโอวาท 3 ทีพ่ ุทธศาสนกิ ชนควรนาไปปฏิบัติเพอื่ ให้เกดิ ความสุข ในชีวติ ตวั ช้วี ัด ส 1.1 ป.1/3 บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพทุ ธศาสนา หรอื หลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กาหนด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมาย ความสาคัญ เกี่ยวกับการทาจิตใจให้ผ่องใส (K) 2. ปฏบิ ัตติ นเพื่อใหจ้ ิตใจผ่องใส (P) 3. เห็นประโยชน์ของการทาจิตใจให้ผอ่ งใส (A) สาระการเรยี นรู้ หลกั ธรรมโอวาท 3 : การทาจิตใจใหผ้ ่องใส คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มั่นในการทางาน รักความเป็นไทย สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา

การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1. ครเู ลอื กผแู้ ทนนักเรียน 2 คน ออกมาหน้าห้องเรียน โดยให้ผแู้ ทนนกั เรียนคนท่ี 1 ทาหน้าบง้ึ ให้ ผูแ้ ทนนักเรียนคนที่ 2 ทาหน้ายม้ิ แย้มแจ่มใส จากน้ันครใู หน้ กั เรียนยกมอื แสดงว่านกั เรยี นชอบและอยากคุยกับ ผู้แทนนักเรียนคนใด ครูและนักเรียนช่วยกันนับจานวนในการยกมือ โดยครูเขียนบันทึกลงบนกระดานดัง ตวั อย่าง คนท่ี 1 คนท่ี 2 0 คน 28 คน จากนั้นครูให้ผู้แทนนักเรียนคนท่ี 1 ทาหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส คนที่ 2 ทาหน้าบึ้งแล้วนับจานวนนักเรยี น ในห้องเรียนบนั ทึกลงบนกระดาน ดังตัวอยา่ ง คนที่ 1 คนท่ี 2 28 คน 0 คน ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปว่า คนทม่ี หี นา้ ตาย้ิมแยม้ แจ่มใสจะมีคนชอบและอยากคุย อยากเลน่ ด้วย 2. ครูใหน้ ักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั การทาจิตใจให้ผ่องใส โดยครใู ช้คาถามดงั นี้ นกั เรยี นเคยโกรธเพื่อนหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (ตัวอยา่ งคาตอบ เคยโกรธ เพราะถูกเพื่อนแกลง้ ) เมอื่ โกรธแลว้ นักเรยี นรสู้ กึ หรือมที า่ ทางอยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ ไม่พดู กบั เพื่อน ทาหนา้ บงึ้ ) นักเรียนคิดวา่ การมจี ิตใจผ่องใสเป็นอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ไมโ่ กรธผู้อ่นื จติ ใจสงบ) ขัน้ สอน 3. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การทาจิตใจให้ผ่องใสเป็นการปฏิบัติตนตามหลักธรรมโอวาท 3 คือ การละเวน้ ความชว่ั การทาความดี การทาจิตใจให้ผ่องใส การทาจิตใจใหผ้ ่องใสทาได้โดยการไม่คิดร้ายต่อผู้อ่ืน ไมโ่ กรธงา่ ย โมโหงา่ ย ไม่คิดแคน้ คนที่ทาไม่ดีต่อเรา จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการทาจิตใจให้ผ่องใสที่จะนาไปปฏิ บัติใน ชีวิตประจาวนั โดยครูนาคาตอบของนักเรียนมาเขยี นสรุปเปน็ แผนภาพบนกระดานดงั ตวั อยา่ ง

วธิ ีการทาจิตใจให้ผ่องใส 4. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั การทาจติ ใจให้ผอ่ งใสโดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี การทาจิตใจให้ผ่องใสปฏิบัติได้อย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ไม่โกรธง่าย ไม่คิดร้าย ตอ่ ผู้อนื่ ) การทาจิตใจใหผ้ อ่ งใสมีประโยชน์อย่างไร (ตัวอยา่ งคาตอบ ทาให้จิตใจเบกิ บานมคี วามสขุ ) ข้นั สรุปการเรยี นรู้ 5. ให้นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การทาจิตใจให้ผ่องใส คือ หลักธรรมในโอวาท 3 ท่ีพุทธศาสนิกชนควรนาไปปฏิบัติเพ่ือให้เกิด ความสุขในชวี ติ 6. ให้นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดังน้ี นกั เรียนจะแนะนาผูอ้ ่นื ให้ปฏิบตั ติ นตามแบบหลักโอวาท 3 อยา่ งไร 4. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 2.2 เรื่อง โอวาท 3 กิจกรรมบูรณาการ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 1. ใหน้ กั เรยี นแต่งประโยค - ทาดี - ผอ่ งใส - จติ ใจ

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ วิธีประเมิน เคร่ืองมอื เกณฑ์ จดุ ประสงค์ ตรวจใบงานที่ 2.2 เร่อื ง ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง นักเรยี นบอก 1. บอกความหมาย ความสาคญั ความหมาย โอวาท 3 โอวาท 3 ความสาคัญ เก่ยี วกบั การทาจิตใจให้ผ่องใส (K) เกีย่ วกบั การทาจิตใจ ใหผ้ ่องใส ถือผา่ นใบ 2. ปฏิบัตติ นเพื่อใหจ้ ติ ใจผ่องใส (P) แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม งานรอ้ ยละ 60 ขึ้น ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3. เหน็ ประโยชน์ของการทาจิตใจให้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่องใส (A) นกั เรยี นปฏบิ ัติตน เพื่อใหจ้ ิตใจผอ่ งใส มี พฤติกรรมระดับดีข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ นักเรยี นมพี ฤตกิ รรม ระดับดีขึ้นไป ถือว่า ผา่ นเกณฑ์ ส่ือการเรียนรู้ 1. ตัวละครสมมตุ ิ

ใบงานท่ี 2.2 วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.1 ป.1/3 เรอื่ ง โอวาท 3 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ชือ่ ........................................................................................ช้ัน.......................เลขท่ี......................... คาชี้แจง : ให้นักเรยี นเขียนคาตอบต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง การทาความดี ยกตวั อยา่ งเช่น ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ไม่ทาความชว่ั ยกตวั อยา่ งเช่น ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ทาจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ ยกตวั อยา่ งเช่น ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... บูรณาการวชิ าภาษาไทย (จงแตง่ ประโยค) 1.) ทาดี = 2.) ผอ่ งใส = 3.) จิตใจ =

ใบงานที่ 2.2 วชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.1 ป.1/3 เร่ือง โอวาท 3 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 ชอ่ื ........................................................................................ช้นั .......................เลขที่......................... คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นคาตอบต่อไปนใ้ี ห้ถกู ตอ้ ง การทาความดี ยกตวั อยา่ งเช่น - ช่วยครูถือของ - เก็บของไดค้ ืนเจา้ ของ ไม่ทาความชวั่ ยกตวั อยา่ งเช่น - ไม่รังแกสัตว์ - ไม่พดู โกหก ทาจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ ยกตวั อยา่ งเช่น - นงั่ สมาธิ - สวดมนต์ บูรณาการวชิ าภาษาไทย (จงแต่งประโยค) 1.) ทาดี = 2.) ผอ่ งใส = 3.) จิตใจ =

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษาฯ วชิ า สงั คมศึกษาฯ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 หนว่ ยที่ 2 เรอื่ ง หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาและหลักคาสอนของศาสนาตา่ ง ๆ เวลา 5 ชั่วโมง เรื่อง พทุ ธศาสนสุภาษติ เวลา 1 ชว่ั โมง สาระสาคญั พุทธศาสนสภุ าษิตเปน็ ข้อคดิ ทางศาสนาทใี่ ช้สาหรบั เตอื นใจศาสนิกชน ตวั ชี้วดั ส 1.1 ป.1/3 บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพทุ ธศาสนา หรือหลักธรรมของศาสนาทต่ี นนับถอื ตามทก่ี าหนด จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมาย ความสาคัญ ของการปฏบิ ัตติ นท่สี อดคลอ้ งกับพทุ ธศาสนสุภาษติ (K) 2. นาข้อคดิ ท่ีได้จากพุทธศาสนสภุ าษิตไปปฏบิ ตั ติ ามในชีวิตประจาวัน (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการนาพุทธศาสนสภุ าษิตไปปฏบิ ัตใิ นชีวติ ประจาวนั (A) สาระการเรียนรู้ พุทธศาสนสุภาษิต คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มนั่ ในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ความสามารถในการแก้ไขปญั หา การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครคู ดั เลอื กผ้แู ทนนักเรียน 1 คน ใหอ้ อกมาแสดงทา่ ทางการปฏบิ ัติของตนเองตง้ั แต่ ตน่ื นอนจนถึง เดินทางมาโรงเรียน โดยไม่สง่ เสยี งบอกเพอื่ น จากนัน้ ครูให้เพื่อนรว่ มกันทายวา่

ผู้แทนนักเรียนทากิจวัตรประจาวันอะไรบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ แปรงฟัน ล้างหน้า อาบน้า แต่งตวั รับประทานอาหาร) ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า มีส่ิงใดที่ตนเองทาเหมือนกับผู้แทนนักเรียนและมีสิ่งใดท่ี แตกต่างกนั บา้ ง จากนัน้ ครูใช้คาถาม ดงั นี้ ถ้านักเรียนสามารถทาส่ิงต่าง ๆ เหล่านี้ได้เอง โดยไม่ต้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือจะรู้สึกอย่างไร (ตัวอย่าง คาตอบ ภูมใิ จ ดีใจ) ขนั้ สอน 2. ครูแนะนานักเรียนว่า การที่เราสามารถทาส่ิงต่าง ๆ ได้เอง สอดคล้องกับพุทธศาสนสุภาษิต อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นทีพ่ ึ่งแห่งตน ครูติดแถบประโยคบนกระดานและอ่านนาใหน้ ักเรยี นฝกึ อ่านตาม 2-3 คร้ัง จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งใดบ้างท่ีเราสามารถทาด้วยตนเองได้ ครูบันทึกคาตอบของ นกั เรียนเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ดงั น้ี ส่ิงทเ่ี ราทาเองได้ 3. ให้นักเรียนร่วมกันจาแนกว่า ส่ิงที่นักเรียนทาได้เอง สิ่งใดทาเองที่บ้าน สิ่งใดทาเองท่ีโรงเรียน โดย ครูบนั ทึกคาตอบของนกั เรยี นเปน็ แผนภาพบนกระดาน ดงั น้ี ส่ิงที่ทาไดเ้ อง สิ่งที่ทาเองท่ีบา้ น ส่ิงท่ีทาเองท่ีโรงเรียน จากน้ันครูเลือกผู้แทนนักเรียนออกมาปฏิบัติสิ่งที่นักเรียนทาเองท่ีโรงเรียน เช่น ผูกเชือกรองเท้า เก็บ กระเป๋านกั เรยี น เมอื่ ผ้แู ทนนกั เรยี นปฏิบตั ิเสรจ็ เรียบร้อยแล้วใหน้ ักเรยี นในหอ้ งปรบมอื

4. ครใู ห้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับพุทธศาสนสุภาษิต อตฺตา หิ อตตฺ โน นาโถ ตนแลเป็น ท่พี ง่ึ แห่งตน โดยครใู ชค้ าถาม ดังน้ี ถ้านักเรยี นสามารถทากิจกรรมต่าง ๆ ได้ดว้ ยตนเองจะรู้สกึ อย่างไร (ดีใจ ภาคภมู ใิ จ) ถ้านักเรียนสามารถทากิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร (ตัวอย่าง คาตอบ ชว่ ยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ ครอู าจารย์) การศึกษาความหมายของพุทธศาสนสุภาษิตมีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ทาให้ไดข้ อ้ คิดเตอื นสตทิ ีจ่ ะนาไปปฏบิ ัติในชีวติ ประจาวนั ) 5. ครูเล่าให้นักเรียนฟังว่า ครูไปโรงพยาบาลเพราะไม่สบาย ครูพบกับผู้หญิงหลายคน สวมชุดคลุม ท้องไปโรงพยาบาลเช่นกัน แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า ผู้หญิงเหล่านั้นไปโรงพยาบาลเพราะ อะไร (ตวั อยา่ งคาตอบ ไปตรวจสุขภาพเพราะกาลงั ต้ังครรภ์ จึงตอ้ งดแู ลตนเองและลูกกอ่ นคลอด) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า ผู้หญิงท่ีต้ังครรภ์จะต้องไปพบหมอเพ่ือตรวจสขุ ภาพของตนเองและลูก เมอ่ื คลอดแล้วกจ็ ะดูแลลูกจนโต 6. ครูแนะนานักเรียนว่า การที่แม่ดูแลลูกด้วยความรัก เอาใจใส่ สอดคล้องกับพุทธศาสน-สุภาษิต มาตา มิตฺต สเก ฆเร มารดาเป็นมิตรในเรือนตน ครูติดแถบประโยคบนกระดานและอ่านนาให้นักเรียนฝึกอา่ น ตาม 2-3 คร้ัง จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า มารดา เปรียบเหมือนมิตรของเราอย่างไรบ้าง ครบู ันทึกคาตอบของนักเรยี นเป็นแผนภาพลงบนกระดาน ดงั น้ี มารดาเป็ นมติ รของเรา 7. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มเสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อแสดงความ กตัญญูตอ่ มารดาและใหผ้ แู้ ทนออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรียน 8. ใหน้ กั เรียนวาดภาพแม่ของตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรียนว่า แม่คอยดูแลนักเรียนอย่างไร จากนั้นใหน้ ักเรยี นร่วมกนั สนทนา โดยครใู ชค้ าถาม ดงั น้ี การท่ีแมต่ ักเตือนหรือทาโทษเมือ่ ลูกทาความผิด แสดงวา่ แม่รักลกู หรือไม่ เพราะอะไร (รกั ลกู เพราะตอ้ งการให้ลกู ยอมรบั ความผดิ และทาในสง่ิ ทถี่ ูกต้องจึงต้องตกั เตือน หรือทาโทษ) 9. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิต โดยครูใช้คาถาม ดังนี้นักเรียน สามารถนาพุทธศาสนสุภาษิตไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร (ช่วยเหลือตนเองในการทา กิจวตั รประจาวนั ใหม้ ากท่สี ดุ เท่าที่จะทาได้ รู้สานึกในบุญคณุ ของแม่และหาโอกาสตอบแทนบุญคุณ) ขนั้ สรปุ การเรยี นรู้ 10. ใหน้ ักเรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ พทุ ธศาสนสภุ าษิต เป็นขอ้ คดิ เตือนใจให้เราปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตามหลักธรรมทางศาสนา

11. ให้นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดงั นี้ ถา้ นักเรียนอย่คู นเดยี วบนโลก นกั เรียนจะพ่งึ พาตนเองอยา่ งไร การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ีประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์ จุดประสงค์ ตรวจแผนผงั ความคดิ แผนผังความคดิ รวบยอด นักเรียนบอก 1. บอกความหมาย ความสาคัญ รวบยอด(ทาลงสมุด) (ทาลงสมุด) ความหมาย เก่ียวกบั การทาจิตใจใหผ้ ่องใส (K) ความสาคญั เกยี่ วกับการทาจิตใจ ใหผ้ อ่ งใส ถือผ่านใบ งานร้อยละ 60 ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ 2. ปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ใหจ้ ิตใจผ่องใส (P) แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนปฏิบตั ิตน 3. เห็นประโยชนข์ องการทาจิตใจให้ แบบสังเกตพฤตกิ รรม เพ่ือใหจ้ ติ ใจผอ่ งใส มี ผ่องใส (A) พฤติกรรมระดับดีข้นึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรม นักเรยี นมีพฤติกรรม ระดบั ดีขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ สื่อการเรยี นรู้ แถบประโยค

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 5 กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษาฯ วิชา สงั คมศึกษาฯ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 หนว่ ยที่ 2 เร่ือง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและหลักคาสอนของศาสนาตา่ ง ๆ เวลา 5 ชวั่ โมง เร่อื ง หลักคาสอนของศาสนาอสิ ลามและศาสนาครสิ ต์ เวลา 1 ชวั่ โมง สาระสาคัญ ศาสนาอสิ ลามมหี ลกั คาสอนทเี่ ปน็ หลักศรทั ธา 6 ประการ และหลักปฏิบัติ 5 ประการ ซง่ึ เปน็ แนวทาง ท่ีมุสลิมนาไปปฏิบัติ ศาสนาคริสต์มีหลักคาสอนท่ีเป็นหลักแห่งความรัก ซ่ึงเป็นแนวทางให้คริสต์ศาสนิกชน ปฏิบัติตาม ตวั ช้วี ดั ส 1.1 ป.1/3 บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรอื หลักธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามท่กี าหนด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกความหมาย ความสาคญั ความรูเ้ กย่ี วกับหลกั คาสอน (K) 2. ปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนาทต่ี นนับถือตามที่กาหนด (P) ๓. เคารพพระรตั นตรัยและเหน็ ประโยชนข์ องการศกึ ษาหลักคาสอนของตนเอง (A) สาระการเรียนรู้ หลกั คาสอนของศาสนาอสิ ลาม และศาสนาครสิ ต์ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่ันในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ครูเลอื กตวั แทนนกั เรยี นที่นบั ถอื ศาสนาอิสลามออกมาเล่าเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ติ นตามหลักคาสอน ของศาสนาอสิ ลาม ให้เพ่ือนฟังหนา้ ชั้นเรียน 2. ครูนาภาพการทาละหมาด และการประกอบพิธีฮัจญ์มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดง ความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี นกั เรยี นเคยเหน็ การประกอบพิธกี รรมในภาพหรือไม่ (เคย/ไม่เคย) ครูอธิบายให้นักเรียนฟังเพ่ิมเติมว่าการทาละหมาดเป็นส่ิงท่ีชาวมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติเป็น ประจาทุกวัน วันละ 5 เวลา เพ่ือแสดงความเคารพต่อพระเจ้า และการประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดอี าระเบีย เปน็ สิง่ ทีช่ าวมสุ ลมิ ท่ีพอจะมีกาลงั แรงกายและกาลังทรัพย์ควรปฏบิ ัติอยา่ งน้อย 1 ครงั้ ในชวี ติ ขนั้ สอน 3. ครูอ่านเก่ียวกับหลักคาสอนของศาสนาอิสลามให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คิดเหน็ โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี คัมภรี ์ที่รวบรวมหลกั คาสอนของศาสนาอิสลามคอื คัมภรี ์ใด (คัมภรี ์อัลกรุ อาน) หลกั คาสอนทีเ่ ป็นสาระสาคัญของศาสนาอสิ ลามมีอะไรบา้ ง (หลกั ศรัทธา 6 ประการ และหลักปฏบิ ัติ 5 ประการ) 4. ให้นกั เรียนวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาและหลักคา สอนของศาสนาอิสลาม จากน้ันครูนาคาตอบของนักเรียนมาเขยี นเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ดังน้ี หลกั ธรรมของ ความเหมือน หลกั คาสอนของ พระพทุ ธศาสนา ________ ศาสนาอิสลาม ความแตกตา่ ง ความแตกต่าง ___________________ 5. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความสาคัญของหลักคาสอนของศาสนาอิสลาม โดย ครูนาคาตอบของนกั เรียนมาเขียนเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ดังตัวอย่าง ความสาคัญของหลกั คา สอนของศาสนาอสิ ลาม

ข้นั สรุปการเรยี นรู้ 6. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังน้ี คัมภีร์อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมหลักคาสอนของศาสนาอิสลามไว้ เพ่ือเป็นแนวทางในการ ดาเนินชวี ิตของชาวมุสลิม 7. ครูนาภาพการประกอบพิธีรับศีลศักด์ิสิทธิ์มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คดิ เหน็ โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี บคุ คลในภาพนบั ถอื ศาสนาใด (ศาสนาครสิ ต)์ บุคคลในภาพประกอบพธิ ีการใด (พธิ ีรับศลี ศักดิ์สิทธิ์) 8. ครูอ่านเกี่ยวกับหลักคาสอนของศาสนาคริสต์ให้นักเรียนฟัง จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คิดเห็น โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี คมั ภรี ์ทีร่ วบรวมหลกั คาสอนของศาสนาครสิ ต์ คอื คมั ภรี ใ์ ด (คัมภรี ไ์ บเบลิ ) หลักคาสอนทเ่ี ปน็ สาระสาคัญของศาสนาครสิ ตม์ ีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ หลกั แห่งความรัก) 9. ให้นักเรียนร่วมกันวเิ คราะห์เก่ียวกับการนาหลักคาสอนของศาสนาครสิ ต์ไปปฏิบัติและผลท่ีเกิดข้ึน ถา้ ปฏบิ ัตแิ ละผลที่เกดิ ขน้ึ ถา้ ไม่ปฏบิ ัติ โดยครูนาคาตอบของนักเรียนมาเขยี นเปน็ แผนภาพความคดิ บนกระดาน ถา้ ปฏิบตั ิ ผลทเี่ กดิ ขึน้ ______________________ หลกั คาสอนของศาสนาคริสต์ ______________________ ________________ _ห_ล_กั__แ_ห_่ง_ค_ว_า_ม__ร_ัก___________ _________________________ ผลทเี่ กดิ ขึน้ ______________________ ถา้ ไม่ปฏิบตั ิ ______________________ ________________ 10. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสาคัญของหลักคาสอนของศาสนาครสิ ต์ โดยครนู า คาตอบของนกั เรยี นมาเขียนเปน็ แผนภาพความคิดบนกระดาน ดังตัวอยา่ ง ดงั น้ี ความสาคัญของ หลกั คาสอนของ ศาสนาคริสต์

11. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดังน้ี ศาสนาทกุ ศาสนาล้วนมีหลักคาสอนท่ใี หท้ ุกคนปฏบิ ัตติ นเป็นคนดี การปฏิบัติตนตามหลกั ธรรม คาสอนของศาสนาที่ตนนบั ถอื จะทาใหส้ ังคมเกิดความสงบสุข 12.ชิ้นงานท่ี 2.1 เร่ือง โมเดลพระรตั นตรัย 13.ทดสอบหลังเรยี น การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ วธิ ีประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์ จดุ ประสงค์ ตรวจแผนผังความคิด แผนผังความคิดรวบยอด นกั เรยี นบอก 1. บอกความหมาย ความสาคญั รวบยอด(ทาลงสมุด) (ทาลงสมุด) ความหมาย ความรู้เกี่ยวกับหลกั คาสอน (K) ความสาคัญ ความรู้ เกีย่ วกับหลกั คาสอน ถอื ผ่านใบงานรอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน เกณฑ์ 2. ปฏิบตั ิตามหลักธรรมของศาสนาที่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นปฏิบัติตาม ตนนับถอื ตามท่ีกาหนด (P) หลักธรรมของศาสนา 3. เคารพพระรัตนตรยั และเห็น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ประโยชนข์ องการศึกษาหลกั คาสอน ท่ตี นนบั ถือตามที่ ของตนเอง (A) กาหนด มีพฤติกรรม ระดับดขี ึน้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นมพี ฤติกรรม ระดบั ดีข้ึนไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ ส่อื การเรียนรู้ ภาพการทาละหมาด และการประกอบพธิ ีฮัจญ์

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1.นักเรยี นจานวน 55 คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............ ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ ........-.........คนคิดเป็นร้อยละ........๐.......... 2. แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ........................................................................................................................................................... . ............................................................................................................................. ............................... 3.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ไมผ่ ่าน............คน ผ่าน............คน ดี...............คน ดเี ย่ยี ม..............คน ระดับดขี ้นึ ไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ไม่ผ่าน...........คน ผ่าน............คน ด.ี ..............คน ดีเยี่ยม.............คน ระดับดีข้ึนไป ร้อยละ..................... 5.นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ใดบา้ ง ทาเครอื่ งหมาย  ในช่องวา่ งทีต่ รงกบั ทักษะทเ่ี กดิ 3R  อา่ นออก  เขยี นได้  มที กั ษะในการคานวณ 8C  การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา  การสร้างสรรค์  ความเข้าใจความตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์  การสื่อสาร  ด้านความรว่ มมือ การทางานเป็นทมี และภาวะผูน้ า  ทักษะการเปล่ียนแปลง  การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร  ทักษะอาชีพ และทักษะการ เรียนรู้ ผลการจดั การเรยี นการสอน/ปัญหา/ อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข  แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง พระรตั นตรัย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................... ...............................  แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง โอวาท 3 : การทาความดี ละเวน้ จากการทาความช่ัว ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................  แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรือ่ ง โอวาท 3 : การทาจิตใจให้ผอ่ งใส ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ..............................................

 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 เรอื่ ง พุทธศาสนสุภาษิต ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ..............................................  แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เร่อื ง หลักคาสอนของศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ.................................................. (นางสาวจีรวรรณ ปฏิวงศ)์ ตาแหน่ง ครู ความคดิ เหน็ หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้/ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง .................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (นางสาวจรี วรรณ ปฏิวงศ์ ) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ...................../......................./๒๕๖3 ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ลงชอื่ …………………………………………………… (นางสาวกนั ยาภทั ร ภัทรโสตถ)ิ ผ้อู านวยการโรงเรียนวัดพืชนิมิต (คาสวัสดร์ิ าษฎร์บารงุ ) ...................../......................./๒๕๖3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook