หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษาฯ วชิ า สังคมศึกษาฯ เวลา 4 ชว่ั โมง หน่วยท่ี 3 เร่อื ง หน้าทช่ี าวพุทธ บรหิ ารจิต และวันสาคัญ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 1.1 รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทีต่ นนับถือ และศาสนาอืน่ มีศรัทธาที่ถูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมเพ่ืออยู่ร่วมกนั อยา่ งสันติสุข ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ี ตนนบั ถอื ตวั ชวี้ ัด ป.1/1 บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ วัดหรอื ศาสนสถานของศาสนาที่ตนนับถือ ป.1/2 แสดงตนเปน็ พุทธมามกะหรือแสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาท่ีตนนับถือ ป.1/3 ปฏบิ ตั ิตนในศาสนพิธี พิธกี รรม และวนั สาคญั ทางศาสนาตามทกี่ าหนดได้ถูกตอ้ ง ป.1/4 เห็นคณุ คา่ และสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสตทิ ี่เปน็ พืน้ ฐานของสมาธใิ นพระพุทธศาสนาหรอื การพัฒนา จติ ตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนบั ถือตามที่กาหนด สาระสาคญั วัดหรือศาสนสถานเป็นสถานท่ีในการประกอบพิธีในทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธควรช่วยกัน บารุงรักษา การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เป็นหน้าที่ชาวพุทธพึงปฏิบัติตน เพื่อประกาศตนเป็นผู้นับถือ พระพุทธศาสนา การสวดมนต์และแผ่เมตตา การฝึกให้มีสติในการฟัง การคิด การถาม การอ่าน และการเขียนเป็นการ บรหิ ารจิตและเจรญิ ปญั ญาทางพระพทุ ธศาสนา วันสาคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันท่ีชาวพุทธนึกถึงเหตุการณ์สาคัญท่ีเกิดขึ้น ในพระพุทธศาสนา ศาสนพธิ เี ปน็ ขนบธรรมเนียมประเพณีปฏบิ ัติทีเ่ ป็นระเบียบแบบแผนทางพระพทุ ธศาสนา สาระการเรียนรู้ ๑. หน้าท่ีชาวพทุ ธ : การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อวัดหรอื ศาสนสถาน ๒. หน้าทีช่ าวพทุ ธ : วิธกี ารแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ ๓. การฝกึ สวดมนตแ์ ละแผ่เมตตา ๔. ความหมายของสติ สมาธิ และปญั ญา ๕. การฝกึ ให้มสี ติในการฟงั การคิด การถาม การอา่ น และการเขียน ๖. วันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา : วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบชู า วนั อาสาฬหบูชา และวันอัฐมีบชู า ๗. ศาสนพธิ ี : การบูชาพระรตั นตรัย
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต ความสามารถในการคิด คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย ชิ้นหรอื ภาระงาน ๑. ภาระงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง การบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อวัดหรือศาสนสถาน บรู ณาการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย 1. การอา่ นคา/การอา่ นประโยค 2. การเขยี นคา 3. แตง่ ประโยค การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 กิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง หน้าท่ีชาวพุทธ 1. ร่วมกันนาเสนอการบาเพ็ญประโยชน์ตอ่ วดั และการปฏิบัตติ นตอ่ ศาสนสถานและสรุปความรู้ หน้าทีข่ องชาวพุทธทป่ี ฏบิ ตั ติ นตอ่ วดั หรือศาสนสถาน ชวั่ โมงท่ี 2 กจิ กรรมที่ 2 เรอ่ื ง การฝึกสวดมนต์และแผเ่ มตตา 2. ร่วมกันฝึกวิธีการปฏิบตั ิตนในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ฝึกการท่องคา อา่ นคาปฏิญาณตนเป็น พทุ ธมามกะ และนาเสนอแนวทางการปฏบิ ัติตนในฐานะพุทธมามกะ 3. สรปุ ความรเู้ กีย่ วกบั หนา้ ท่ีของชาวพุทธ 4. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ ดังน้ี วัดหรอื ศาสนสถานเปน็ สถานท่ีในการประกอบพธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนาในฐานะชาวพุทธ ควรช่วยกนั บารงุ รกั ษา และพึงปฏบิ ตั ิตนให้เหมาะสมกบั การเป็นพทุ ธมามกะที่ดี ชั่วโมงท่ี 3 กิจกรรมที่ 3 เร่อื ง การฝึกสติทเ่ี ปน็ พืน้ ฐานของสมาธิเพื่อเจริญปัญญา ๕. การรว่ มกันศึกษาความหมายและประโยชน์ของการสวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตา ๖. ฝึกปฏิบัติการสวดมนต์ไหว้พระ การท่องบทสวดมนต์ การอ่าน และการร่วมกันฝึกปฏิบัติการท่อง คาแผ่เมตตา
๗. การศึกษาความหมายและประโยชน์ของสติ โดยการจัดแบ่งกลุ่มร้องเพลงเกี่ยวกับความหมายของ สติ ๘. ร่วมกันฝึกปฏิบัติ โดยการฝึกสมาธิด้วยการนบั ลมหายใจ และการฝึกสมาธิในการฟงั การคิด การ อ่าน การถาม และการเขยี น ๙. สรุปประโยชนข์ องการเปน็ ผ้มู สี ติ โดยการบันทกึ คาตอบของนักเรียนเป็นแผนภาพ ๑๐. สรปุ ความรเู้ ก่ยี วกับการบรหิ ารจติ และเจรญิ ปญั ญา ๑๑. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ ดงั นี้ การสวดมนต์และแผ่เมตตา เป็นการบรหิ ารจิตและเจริญปัญญาทางพระพุทธศาสนา ชัว่ โมงท่ี 4 กิจกรรมที่ 4 วันสาคัญทางศาสนา ๑๒. การร่วมกันศกึ ษาความหมาย ความสาคญั เหตุการณ์ที่เกิดขึน้ ในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา และการปฏบิ ตั ิตนในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา 1๒.1 วนั มาฆบูชา 1๒.2 วันวิสาขบชู า 1๒.3 วนั อาสาฬหบชู า 1๒.4 วันอัฐมีบูชา ๑๓. การให้นักเรียนฝึกการสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย และจาแนกวิธีการปฏิบัติตน ต่อพระรัตนตรยั และประโยชน์ของการบชู าพระรตั นตรยั ๑๔. สรปุ ความรูเ้ กีย่ วกับวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา และศาสนพธิ ี ๑๕. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังน้ี วันสาคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันทมี่ เี หตกุ ารณส์ าคญั เกิดขน้ึ ในพระพทุ ธศาสนา ศาสนพธิ ี เปน็ ประเพณีปฏบิ ัตทิ างพระพุทธศาสนา ส่อื การเรยี นรู้ ๑. ชุดธูปเทยี น ดอกไม้ สาหรบั ทาพิธแี สดงตนเป็นพทุ ธมามกะ ๒. แถบประโยคบทสวดมนต์ และบทแผ่เมตตา ๓. นทิ านเรือ่ ง หม่บู ้านแผเ่ มตตา ๔. เพลง “ขา้ มถนน” ๕. พระพทุ ธรูป ๖. ภาพพระพทุ ธเจา้ แสดงโอวาทปาตโิ มกข์ ๗. ภาพวันวิสาขบชู า ๘. ภาพพระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมโปรดปัญจวคั คีย์
การประเมินผล เกณฑ์ 1. การประเมินผลตัวช้วี ดั คะแนนผา่ นร้อยละ 50 การวัด เครือ่ งมอื นักเรียนทาใบงาน คะแนนผ่านร้อยละ 60 1.กอ่ นเรยี น แบบทดสอบก่อนเรียน ขึน้ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์ 2.ระหวา่ งเรียน ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง การบาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ วดั หรือศาสนสถาน นักเรยี นมีพฤติกรรม ใบงานท่ี 3.2 เรอื่ ง การสวดมนต์และแผ่เมตตา ระดับดขี น้ึ ไป ถือว่าผา่ น ใบงานท่ี 3.3 เรอ่ื ง การฝึกให้มสี ติในการฟัง การคดิ การถาม การอา่ น เกณฑ์ และการเขียน คะแนนผา่ นร้อยละ 60 ใบงานท่ี 3.4 เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมินสมรรถนะของผเู้ รยี น แบบประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น 3.หลังเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน ภาระงานท่ี 3.1 เรือ่ ง การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อวัดหรอื ศาสนสถาน
ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชื่อ _____________________ นามสกุล______________ เลขท_่ี _______ ช้นั ________ ใหร้ ะบายคาตอบที่ถกู ต้องลงในวงกลมตัวเลือกใหเ้ ต็มวง (ห้ามระบายนอกวง) 1. นกั เรียนสามารถบารุงรกั ษาวดั ไดอ้ ย่างไร 1 บรจิ าคเงนิ ใหว้ ดั ตามกาลงั 2 ซอื้ ที่ดนิ ขยายบรเิ วณวดั 3 สร้างโบสถถ์ วายวัด 2. ขอ้ ใดแสดงถึงการมสี ่วนร่วมในการดูแลรกั ษาวัด 1 ระบายสกี าแพงวัดใหส้ วยงาม 2 นาสัตว์เลี้ยงไปปล่อยวดั 3 ปลูกตน้ ไม้ในบริเวณวดั 3. เมอ่ื เขา้ ไปในศาสนสถานนักเรยี นควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไร 1 พูดคุยเสียงดังกับเพ่ือน 2 สารวมกริ ิยามารยาท 3 สารวจพนื้ ท่ตี ่าง ๆ ให้ทวั่ 4. ขอ้ ใดเปน็ การปฏบิ ตั ิตนของชาวพุทธทีเ่ หมาะสมที่สุด 1 บรจิ าคเงนิ เฉพาะวดั ทม่ี ชี ื่อเสียง 2 สวมกางเกงขาสนั้ มาทาบญุ ท่วี ัด 3 รักษาศีล 5 อยา่ งเครง่ ครัด 5. ข้อใดไม่ถูกตอ้ งเกยี่ วกบั ศาสนสถาน 1 เป็นสถานท่ปี ระกอบพธิ กี รรมทางศาสนา 2 เป็นสถานที่สาหรบั จดั งานร่นื เรงิ 3 เปน็ สถานทเ่ี รียนหนงั สอื 6. การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะมปี ระโยชน์อย่างไร 121 เปน็ การสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ ไดร้ บั การยกยอ่ งว่าเป็นคนดี 3 ได้รบั การเคารพนับถอื 7. พทุ ธมามกะทดี่ ีควรปฏบิ ตั ิตนอย่างไร 1 ถวายสิ่งของเขา้ วดั อยู่เสมอ 2 ปฏิบตั ติ ามหลักธรรมคาสอน 3 ชักชวนผู้อ่นื ใหม้ านับถือพระพุทธศาสนา
8. ผูท้ ่ีเขา้ รว่ มพิธแี สดงตนเป็นพุทธมามกะตอ้ งมอี ายกุ ีป่ ขี ึ้นไป 1 5 ปี 2 6 ปี 3 7 ปี 9. สถานทใี่ ดเหมาะแก่การจดั พธิ ีแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะมากท่ีสดุ 1 วดั 2 ห้องเรยี น 3 สนามกีฬา 10. ผทู้ ่ีเขา้ พิธแี สดงตนเป็นพุทธมามกะต้องกล่าวคาในข้อใด 1 คาปฏญิ าณตนเปน็ พทุ ธมามกะ 2 คาบชู าขออปุ สมบท 3 คาแผ่เมตตา
ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบหลังเรยี น ชือ่ _____________________ นามสกลุ ______________ เลขท_ี่ _______ ช้ัน ________ ใหร้ ะบายคาตอบที่ถกู ต้องลงในวงกลมตัวเลอื กให้เต็มวง (หา้ มระบายนอกวง) 1. นักเรียนสามารถบารงุ รักษาวัดไดอ้ ย่างไร 1 บรจิ าคเงินใหว้ ัดตามกาลัง 2 ซื้อท่ดี นิ ขยายบริเวณวัด 3 สรา้ งโบสถ์ถวายวัด 2. ข้อใดแสดงถึงการมีสว่ นร่วมในการดูแลรักษาวัด 1 ระบายสีกาแพงวดั ให้สวยงาม 2 นาสตั วเ์ ลยี้ งไปปล่อยวัด 3 ปลูกตน้ ไม้ในบรเิ วณวัด 3. เมอื่ เขา้ ไปในศาสนสถานนักเรียนควรปฏิบตั ิตนอย่างไร 1 พดู คุยเสียงดังกับเพ่อื น 2 สารวมกิริยามารยาท 3 สารวจพื้นที่ตา่ ง ๆ ใหท้ ่ัว 4. ขอ้ ใดเป็นการปฏิบตั ิตนของชาวพุทธท่เี หมาะสมทส่ี ุด 1 บริจาคเงินเฉพาะวดั ทม่ี ชี ่ือเสียง 2 สวมกางเกงขาสน้ั มาทาบญุ ทวี่ ัด 3 รกั ษาศีล 5 อย่างเครง่ ครัด 5. ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ งเกย่ี วกบั ศาสนสถาน 1 เปน็ สถานทป่ี ระกอบพธิ ีกรรมทางศาสนา 2 เป็นสถานท่สี าหรับจัดงานรนื่ เริง 3 เปน็ สถานที่เรียนหนงั สอื 6. การแสดงตนเป็นพุทธมามกะมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร 1 เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาใหค้ งอยู่ 2 ได้รับการยกยอ่ งว่าเปน็ คนดี 3 ไดร้ บั การเคารพนบั ถือ 7. พทุ ธมามกะท่ดี ีควรปฏบิ ตั ติ นอย่างไร 1 ถวายส่ิงของเขา้ วดั อยู่เสมอ 2 ปฏบิ ตั ติ ามหลักธรรมคาสอน 3 ชกั ชวนผอู้ นื่ ใหม้ านับถือพระพุทธศาสนา
8. ผูท้ ่ีเขา้ รว่ มพิธแี สดงตนเป็นพุทธมามกะตอ้ งมอี ายกุ ีป่ ขี ึ้นไป 1 5 ปี 2 6 ปี 3 7 ปี 9. สถานทใี่ ดเหมาะแก่การจัดพิธีแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะมากท่ีสดุ 1 วดั 2 ห้องเรยี น 3 สนามกีฬา 10. ผทู้ ่ีเข้าพิธแี สดงตนเป็นพุทธมามกะต้องกล่าวคาในข้อใด 1 คาปฏญิ าณตนเปน็ พทุ ธมามกะ 2 คาบชู าขออปุ สมบท 3 คาแผ่เมตตา
เฉลยแบบทดสอบ 1. 1 2. 3 3. 2 4. 3 5. 2 6. 1 7. 2 8. 3 9. 1 10. 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษาฯ วชิ า สงั คมศกึ ษาฯ เวลา 4 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่อื ง หน้าท่ชี าวพทุ ธ บริหารจติ และวันสาคัญ เวลา 1 ชวั่ โมง เร่ือง หน้าทชี่ าวพุทธ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ี ตนนบั ถอื ตัวช้วี ัด ป.1/1 บาเพญ็ ประโยชนต์ ่อวัดหรอื ศาสนสถานของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ป.1/2 แสดงตนเปน็ พุทธมามกะหรือแสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาท่ตี นนับถือ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกแนวทางการบาเพ็ญประโยชน์และการปฏบิ ัตติ นเป็นพุทธมามกะ (K) 2. บาเพญ็ ประโยชน์และการปฏบิ ัติตนในฐานะพุทธมามกะ (P) 3. เหน็ ความสาคัญของการบาเพญ็ ประโยชนแ์ ละการปฏบิ ัติตนในฐานะพทุ ธมามกะ (A) สาระสาคัญ การบาเพ็ญประโยชน์ต่อวดั หรือศาสนสถานเป็นหนา้ ทที่ ี่ชาวพุทธพึงปฏิบัติ พุทธศาสนิกชนพงึ ปฏิบัติ ตนใหถ้ ูกต้องโดยการแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ สาระการเรยี นรู้ 1. การบาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ วัดหรอื ศาสนสถาน 2. การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน รักความเป็นไทย สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ความสามารถในการคดิ
การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูเล่าประสบการณ์การไปวัดให้นักเรียนฟังดังนี้ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ครูไปทาบุญท่ีวัดเห็นเด็ก หลายคนกาลังช่วยกันกวาดลานวัดจนสะอาด ทาให้วัดน่าอยู่มากขึ้นและเด็ก ๆ เหล่าน้ันก็ได้รับคาชมจาก ผ้ใู หญท่ พี่ บเหน็ ว่าเป็นเด็กดี แล้วครูใช้คาถามเพ่ือให้นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เรื่องดงั กลา่ ว ดังน้ี นกั เรยี นเคยไปวัดหรือไม่ อยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ เคย โดยไปทาบุญในวนั เกิด) เมอื่ นกั เรยี นไปวดั แล้วทาอะไรบา้ ง (ตัวอยา่ งคาตอบ บรจิ าคเงนิ ถวายสังฆทาน) นักเรียนเคยเห็นคนที่ไปวัดทาอะไรบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ กวาดศาลา ล้างถ้วยชาม บริจาค เงิน) นกั เรียนคิดว่าการกระทาดงั กลา่ วควรปฏิบตั ิหรอื ไม่ (ควรปฏบิ ัติ) นอกจากการกระทาดังกล่าวแล้ว นักเรียนคิดว่ายังมีการกระทาใดอีกบ้างท่ีเป็นการบาเพ็ญ ประโยชนต์ ่อวัด (ตัวอย่างคาตอบ รักษาศลี ฟังธรรม บรจิ าคสิ่งของ ปลูกต้นไม้ เป็นตน้ ) ขน้ั สอน 2. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบคาตอบ จากน้ันครูนาคาตอบมาเขียนสรุปลงในแผนภาพบน กระดาน ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้ กวำดลำนวดั ไมท่ ำลำยทรัพยส์ ินของวดั ฟังธรรม รักษำศีล การบาเพญ็ บริจำคเงิน ประโยชน์ บริจำคสิ่งของ ต่อวดั 3. ให้นลำกั้ งเรถยีว้ นยชดำูแมผนภาพแล้วครูอธิบายเพิม่ เติม ดังนี้ ปลูกตน้ ไม้ ถวำยสงั ฆทำน วดั เป็นท่ีอยอู่ ำศยั ของพระ เป็นสถำนท่ีประกอบพิธีกรรมและหำควำมสงบสุข ของชำวพุทธ ดงั น้นั ชำวพทุ ธตอ้ งช่วยกนั บำรุงรักษำวดั โดยกำรหมนั่ ไปทำบุญ รักษำศีล ฟังธรรม บริจำคเงินและส่ิงของ ร่วมบำเพญ็ ประโยชน์ใหก้ บั วดั ไมท่ ำลำยทรัพยส์ ินของ วดั เพอื่ ใหว้ ดั ยงั คงใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ีกนำน
4. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับผลของการบาเพ็ญประโยชน์ต่อวัด โดยครูใช้ คาถามกระตนุ้ ความคดิ ดงั น้ี การบาเพ็ญประโยชน์ต่อวัดมีประโยชน์อย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ วัดไม่ทรุดโทรม พระสงฆ์ สามารถดารงสืบทอดพระพทุ ธศาสนาต่อไปได)้ ถ้าชาวพุทธไม่บาเพญ็ ประโยชน์ต่อวดั จะเกิดผลอยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ วดั ทรุดโทรม คนไป วัดน้อยลง พระสงฆไ์ ม่สามารถดารงหรือสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปได้) ข้นั สรุปการเรยี นรู้ 5. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้ การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อวัดหรือศาสนสถาน เป็นหน้าท่ีของชาวพุทธท่ีพงึ ปฏิบตั ิตน 6. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 3.1 เรอื่ ง การบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อวดั หรอื ศาสนสถาน บรู ณาการ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 1. การอ่านคา/การอ่านประโยค สอื่ การเรียนรู้ 1. ชุด ธปู เทยี น ดอกไม้ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ ีประเมนิ เครื่องมือ เกณฑ์ 1. บอกแนวทางการบาเพ็ญ ตรวจใบงานที่ 3.1 ใบงานที่ 3.1 เรื่อง การ นกั เรียนบอกแนว ประโยชนแ์ ละการปฏิบัตติ นเปน็ พุทธ เรื่อง การบาเพ็ญ บาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ วัด ทางการบาเพญ็ มามกะ (K) ประโยชน์ตอ่ วดั หรอื ศา หรือศาสนสถาน ประโยชน์และการ สนสถาน ปฏบิ ตั ิตนเปน็ พทุ ธ มามกะ ผ่านใบงาน ร้อยละ 60 ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ 2. บาเพ็ญประโยชนแ์ ละการปฏบิ ตั ิ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรียนบาเพ็ญ ตนในฐานะพุทธมามกะ (P) ประโยชนแ์ ละการ ปฏิบัติตนในฐานะ พทุ ธมามกะ ระดับ ดีข้นึ ไปถือวา่ ผา่ น เกณฑ์ 3. เหน็ ความสาคัญของการบาเพ็ญ แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม นักเรยี นมพี ฤตกิ รรม ประโยชน์และการปฏิบตั ิตนในฐานะ พทุ ธมามกะ (A) ระดับดขี นึ้ ไป ถือว่า ผา่ นเกณฑ์
ใบงานที่ 3.1 วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/1 เรอ่ื ง การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อวัดหรือศาสนสถาน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ช่ือ........................................................................................ชน้ั .......................เลขที่......................... คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนเขียนเครื่องหมาย √ ลงในตารางที่ปฏบิ ตั ิไดถ้ ูกตอ้ งตามหน้าท่ีของชาวพทุ ธทด่ี ี และ บรู ณาการวิชาภาษาไทยโดยอ่านประโยคทงั้ 10 ประโยค เมอื่ อ่านแลว้ ครทู าเครอื่ งหมาย √ ช่องอ่าน ประโยค ที่ กิจกรรม เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม อ่านประโยค 1 สวดมนตไ์ หว้พระในวัดเสียงดงั ๆ 2 ไปฟงั เทศน์ ฟังธรรมที่วดั 3 นาของใชท้ ่เี สียแล้วไปถวายวัด 4 ขดี เขียนผนงั วัดเพ่ือความสวยงาม 5 ทาความสะอาดศาลาวัด 6 ตกั บาตร 7 บริจาคส่งิ ของให้แกว่ ัด 8 ทาบญุ ในโอกาสท่ีเหมาะสม 9 ไปเวียนเทียนในวนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา 10 เขา้ ห้องน้าวัดแล้วทาความสะอาด โดยเปิดนา้ ใหล้ น้
ใบงานท่ี 3.1 วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระท่ี 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/1 เรอ่ื ง การบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อวดั หรอื ศาสนสถาน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ชื่อ........................................................................................ช้ัน.......................เลขที่......................... คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเขียนเครอื่ งหมาย √ ลงในตารางทีป่ ฏิบตั ไิ ดถ้ กู ตอ้ งตามหนา้ ที่ของชาวพทุ ธที่ดี และ บูรณาการวชิ าภาษาไทยโดยอา่ นประโยคทง้ั 10 ประโยค เม่ืออ่านแลว้ ครทู าเคร่ืองหมาย √ ช่องอา่ น ประโยค ท่ี กจิ กรรม เหมาะสม ไม่เหมาะสม อ่านประโยค 1 สวดมนต์ที่วดั และท้งิ ของไว้ √ √ 2 ไปฟงั เทศน์ ฟังธรรมทวี่ ดั แล้วช่วย √ √ งานวดั √ √ 3 นาของใชท้ ่ีเสียแลว้ ไปถวายวดั √ 4 ขีดเขียนผนังวัดเพอ่ื ความสวยงาม √ 5 ทาความสะอาดศาลาวัด √ 6 ตักบาตร โดยอย่าให้ขา้ วหล่นเลอะ 7 บริจาคสงิ่ ของให้แก่วัด √ 8 ทาบุญในโอกาสทีเ่ หมาะสม 9 ไปเวียนเทยี นในวันสาคัญทาง พระพทุ ธศาสนา 10 เขา้ ห้องนา้ วัดแล้วทาความสะอาด โดยเปดิ นา้ ให้ลน้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษาฯ วชิ า สังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔ ช่วั โมง หนว่ ยที่ ๓ เร่อื ง หน้าท่ชี าวพุทธ บริหารจติ และวันสาคัญ เวลา 1 ชั่วโมง เรอื่ ง การฝกึ สวดมนต์และแผเ่ มตตา มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 1.1 ร้แู ละเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนับถือ และศาสนาอ่ืน มศี รัทธาทถ่ี กู ตอ้ ง ยดึ ม่นั และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพื่ออยูร่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ขุ ตัวช้วี ดั ส 1.1 ป.1/4 เห็นคุณคา่ และสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสติทเ่ี ปน็ พื้นฐานของสมาธิในพระพทุ ธศาสนาหรือการ พฒั นาจติ ตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถือตามที่กาหนด จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกวิธีการปฏบิ ัติตนโดยการสวดมนต์และแผ่เมตตา (K) 2. ฝึกการปฏบิ ตั ิตนโดยการสวดมนตแ์ ละแผ่เมตตาตามศาสนาทต่ี นนับถือ (P) 3. เหน็ ความสาคัญ มสี ติที่เป็นพ้ืนฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนาหรอื การพฒั นาจติ ตามแนวทางของ ศาสนาทีต่ นนับถือ(A) สาระสาคญั การฝึกสวดมนตแ์ ละแผ่เมตตาเปน็ แนวทางการบรหิ ารจิตและเจรญิ ปญั ญาในทางพระพุทธศาสนา สาระการเรยี นรู้ 1. การฝึกสวดมนต์ 2. การแผ่เมตตา คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ความสามารถในการคิด
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสวดมนต์ไหว้พระ โดยครูใช้คาถามเพ่ือ กระตนุ้ ความคดิ ดงั นี้ ทุกเช้าหลงั เคารพธงชาติแลว้ นักเรียนตอ้ งทาอย่างไร (สวดมนต์ แผเ่ มตตา) นกั เรยี นกล่าวบทสวดมนตไ์ หว้พระไดจ้ บหรือไม่ (จบ) หลังเคารพธงชาตนิ ักเรียนต้องสวดมนต์ดว้ ยเพราะอะไร (เพอ่ื ทาให้จิตใจสงบ มสี มาธิ พร้อมที่ จะเรยี นร้สู ิ่งตา่ ง ๆ ) นักเรียนคิดว่า การสวดมนต์ไหว้พระมีประโยชน์อย่างไร (ทาให้จิตใจผ่องใสอันนาไปสู่การ มปี ญั ญา) จากน้ันครูสรุปให้นักเรียนฟังว่า การสวดมนต์ไหว้พระถือเป็นการน้อมระลึกถึงพระคุณของพระ รัตนตรัยอันประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเราทาเป็นประจาจะทาให้จิตใจผ่องใสและ เกดิ ปญั ญา ขน้ั สอน 2. ครูสาธิตการสวดมนต์ไหว้พระให้นักเรียนสวดมนต์ตามทีละวรรค แล้วฝึกท่องบทสวดมนต์ให้ ถูกต้อง โดยครูให้นักเรียนท่ีน่ังแต่ละแถวออกมากล่าวบทสวดมนต์ให้ครูและเพ่ือนแถวอ่ืนฟังและตรวจสอบ ความถูกต้องทีละแถวจนครบทุกกลุ่ม ถ้านักเรียนแถวใดยังมีข้อผิดพลาดให้ครูแนะแนวทางแก้ไขจน สามารถกล่าวบทสวดมนต์ได้ถูกตอ้ ง 3. ให้นักเรยี นเล่นเกมเรยี งลาดับหรรษา โดยมีวิธกี ารเล่น ดังน้ี แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ 2 กล่มุ ครูนาแถบประโยคบทสวดมนต์มาวางสลับท่กี ันบนร่องกระดานดังตัวอยา่ งต่อไปนี้ สะหวำกขำโต ภะคะวะตำ ธมั โม อะระหงั สัมมำสัมพทุ โธ ภะคะวำ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ธมั มงั นะมสั สำมิ พุทธงั ภะคะวนั ตงั อะภิวำเทมิ สงั ฆงั นะมำมิ
ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มคัดเลอื กผู้แทนกลมุ่ 6 คน เพ่ือออกมาเล่นเกม โดยผู้แทนกลมุ่ แตล่ ะคนจะ ถือแถบประโยคคนละ 1 แถบ สมาชิกคนอ่ืนในกลุ่มจะเป็นผู้บอกว่าผู้แทนกลุ่มคนใดจะต้องยืนอยู่เป็นอันดับ แรก อันดับท่ี 2 และอันดบั ต่อ ๆ มาจนครบทง้ั 6 อันดบั เพื่อเรียงลาดบั บทสวดมนต์ใหถ้ กู ต้อง ครูและนักเรยี น อีก 1 กลุ่ม ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นทากิจกรรมนี้อีกคร้ังโดยให้นักเรียนกลุ่มที่เหลือร่วมกันทา กจิ กรรม 4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกับการสวดมนตไ์ หว้พระ โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี การกล่าวบทสวดมนต์ให้ถูกต้องมีประโยชน์อย่างไร (ได้รับอานิสงส์ของการ สวดมนต์ ได้รับ การช่นื ชมวา่ เป็นชาวพทุ ธที่ดี) 5. ครเู ล่านทิ านเรอื่ ง หมบู่ า้ นแผ่เมตตา ให้นกั เรียนฟัง ดงั นี้ นิทานเรื่อง หมู่บ้านแผ่เมตตา หมู่บ้ำนแห่งหน่ึงอยู่ติดกับป่ ำรกทึบซ่ึงมีสัตว์ป่ ำหลำยชนิดอำศยั อยู่ เมื่อมี สัตวป์ ่ ำหลงเขำ้ มำในหมู่บำ้ น ชำวบำ้ นจะฆ่ำสัตวป์ ่ ำน้นั แลว้ นำมำทำอำหำรรับประทำน ต่อมำสัตวป์ ่ ำจำนวนมำกไดล้ อ้ มหมู่บำ้ นเอำไวด้ ว้ ยควำมโกรธแคน้ ผูใ้ หญ่บำ้ นจึงให้ ทุกคนร่วมกนั แผเ่ มตตำใหส้ ตั วป์ ่ ำ สัตวป์ ่ ำจึงกลบั เขำ้ ป่ ำไป จำกน้นั ชำวบำ้ นจึงไม่ทำร้ำย สัตวป์ ่ ำและแผเ่ มตตำอยำ่ งสม่ำเสมอ หมูบ่ ำ้ นแห่งน้ีจึงมีควำมสงบสุขอีกคร้ังหน่ึง ครใู หน้ กั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกับนทิ านทฟี่ ัง โดยครูใชค้ าถาม ดงั นี้ การทีช่ าวบา้ นแผเ่ มตตาจะทาใหส้ ตั ว์ป่ากลับเขา้ ปา่ ไดจ้ ริงหรือไม่ เพราะอะไร (ตวั อย่างคาตอบ ได้ เพราะสัตว์ป่าได้รบั รู้ถึงความเมตตาท่ชี าวบ้านมีให้จึงหายโกรธแค้น) 6. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การแผ่เมตตา คือ การต้ังจิตปรารถนาดีขอให้ผู้อื่นมีความสุข เป็นการ อุทิศส่วนบุญสว่ นกุศลให้สรรพสิง่ ทง้ั หลายด้วยจติ ใจบรสิ ุทธ์ิ จากนนั้ ครูใชค้ าถาม ดังนี้ นกั เรียนรู้จักการแผเ่ มตตาหรือไม่ (รจู้ กั /ไมร่ ู้จัก) การแผ่เมตตาเป็นการอุทิศส่วนบุญสว่ นกุศลใหก้ ับส่ิงใด (อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับสรรพสิ่ง ทงั้ หลาย) นักเรียนแผเ่ มตตาเป็นหรอื ไม่ (เป็น) นักเรยี นแผเ่ มตตาตอนไหนบ้าง (หลังสวดมนต์ไหวพ้ ระตอนเชา้ ก่อนนอน) เมื่อนักเรียนแผ่เมตตาแล้วร้สู กึ อย่างไร (สบายใจ มคี วามสขุ ) 7. ครูสาธิตการแผ่เมตตาให้นักเรียนท่องบทแผ่เมตตาตามทีละวรรคและให้นักเรียนลองฝึกท่องเอง โดยครเู ลือกผูแ้ ทนนกั เรยี นให้ออกมากลา่ วบทแผเ่ มตตาครั้งละ 5 คน โดยมคี รแู ละเพ่ือน ในหอ้ งเรียนร่วมกัน ตรวจสอบความถูกต้องจนครบทุกกลุ่ม
8. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วร่วมกันเล่นเกมแปลไวได้แต้ม โดยมี วิธกี ารเล่น ดงั นี้ ครนู าแถบประโยคบทแผ่เมตตามาตดิ บนกระดาน ดังตัวอยา่ ง ตอ่ ไปนี้ สพั เพ สัตตำ อะเวรำ โหนตุ อพั พะยำปัชฌำ โหนตุ อะนีฆำ โหนตุ สุขี อตั ตำนงั ปะริหะรันตุ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอ่านแถบประโยคบทแผ่เมตตาดังกล่าวพร้อมกนั ครูอธิบายวธิ ีการเล่นเกมใหน้ กั เรียนฟงั วา่ ถา้ ครูชี้ไปทแี่ ถบประโยคใดแล้วกลุ่มใด ร้คู าแปล ให้ รีบยกมือตอบคาแปลนัน้ กลุ่มใดยกกอ่ นและตอบถูกจะได้ 1 คะแนน จนครบ แถบประโยค ทั้ง 5 ใบ จานวน 3 รอบ กล่มุ ท่ไี ด้คะแนนมากท่สี ุดเปน็ กลุม่ ชนะ ดาเนนิ การเล่นเกมจนไดก้ ล่มุ ทช่ี นะ ครูเรียงแถบประโยคบทแผ่เมตตาบนกระดานให้ถูกต้องตามลาดับ แล้วนานักเรียนอ่านพร้อม บอกคาแปลใหท้ ่องตามจานวน 2 รอบ ขัน้ สรปุ การเรยี นรู้ 9. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเกยี่ วกับการแผ่เมตตา โดยครูใช้คาถาม ดังน้ี การกล่าวคาแปลของบทแผ่เมตตามีประโยชน์อย่างไร (ทาให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับ ความหมายของบทแผเ่ มตตา รูจ้ ักเปน็ ผู้มีเมตตา อยากชว่ ยเหลอื ผ้อู ืน่ ) 10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปประโยชน์เก่ียวกับการสวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาเป็นแผนภาพ ดังน้ี 3. จิตใจเบิกบำน อำรมณ์ดี 2. ทำใหก้ ำรเรียนดีข้ึน 4. เป็นคนมีระเบียบวนิ ยั 1. เป็นกำรฝึกจิตใหม้ ีสติ ประโยชน์ของ 5. รู้ควำมหมำยทำใหเ้ กิดปัญญำ สมำธิ การสวดมนต์ไหว้พระ 6. มีจิตใจท่ีโอบออ้ มอำรี และแผ่เมตตา มีเมตตำ 8. เป็นคนท่ีมีควำมประพฤติดี 7. มีควำมรอบคอบในกำร ดำเนินชีวติ
11. ใหน้ กั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ การสวดมนต์และแผ่เมตตาเป็นการบริหารจิตและเจริญปัญญาเพ่ือฝกึ จิตใจใหเ้ กิดความสงบ มี สมาธิ เกดิ ปญั ญาสามารถนาไปใช้แกป้ ญั หาต่าง ๆ ในการดาเนนิ ชีวิตประจาวัน 12. ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดงั นี้ การสวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาอย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์ต่อนักเรียน และทาใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การสวดมนต์และแผ่เมตตา บรู ณาการ กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย 1. การอ่านคา/การอ่านประโยค การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ ีประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ 1. บอกวิธกี ารปฏิบัตติ นโดยการสวด ตรวจใบงานท่ี 3.2 เรื่อง ใบงานที่ 3.2 เร่ือง การ นักเรียนบอกวิธีการ มนตแ์ ละแผ่เมตตา (K) การสวดมนต์และแผ่ สวดมนต์และแผ่เมตตา ปฏบิ ตั ิตนโดยการ สวดมนต์และแผ่ เมตตา เมตตา ผ่านใบงาน รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ 2. ฝกึ การปฏบิ ัติตนโดยการสวดมนต์ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรียน. ฝึกการ และแผเ่ มตตาตามศาสนาท่ตี นนับถือ ปฏิบัตติ นโดยการ (P) สวดมนตแ์ ละแผ่ เมตตาตามศาสนาท่ี ตนนบั ถอื ระดบั ดี ข้ึนไปถือวา่ ผา่ น เกณฑ์ 3. เห็นความสาคัญ มีสติที่เป็น แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรม พื้นฐานของสมาธใิ นพระพุทธศาสนา ระดบั ดีข้นึ ไป ถือว่า หรือการพฒั นาจติ ตามแนวทางของ ผา่ นเกณฑ์ ศาสนาท่ีตนนับถือ(A) สื่อการเรยี นรู้ 1. แถบประโยคบทสวดมนตแ์ ละบทแผเ่ มตตา 2. นิทานเร่อื ง หมู่บา้ นแผเ่ มตตา
ใบงานที่ 3.2 วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/4 เรือ่ ง การสวดมนต์และแผเ่ มตตา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 ชือ่ ........................................................................................ชัน้ .......................เลขท่ี......................... คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเรยี งลาดบั ขั้นตอนบทสวดมนตแ์ ละการแผเ่ มตตาให้ถูกต้องโดยใส่เลข กำรสวดมนต์ สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม อะระหงั สัมมาสัมพทุ โธ ภะคะวา สปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ ธมั มัง นะมัสสามิ พทุ ธงั ภะคะวนั ตงั อะภวิ าเทมิ สังฆงั นะมามิ กำรแผเ่ มตตำ บรู ณาการวิชาภาษาไทยอ่านบทสวดมนต์ อำ่ นแลว้ ............................................ อะเวรา โหนตุ สัพเพ สัตตา ลงชื่อครูผสู้ อน อะนีฆา โหนตุ อพั พะยาปัชฌา โหนตุ สขุ ี อตั ตานัง ปะริหะรันตุ
ใบงานท่ี 3.2 วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระท่ี 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/4 เรอ่ื ง การสวดมนตแ์ ละแผเ่ มตตา ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 ช่อื ........................................................................................ชน้ั .......................เลขที่......................... คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเรยี งลาดบั ข้ันตอนบทสวดมนต์และการแผเ่ มตตาให้ถูกต้องโดยใส่เลข กำรสวดมนต์ 3 สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม 1 อะระหงั สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา 5 สปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ 4 ธมั มงั นะมัสสามิ 2 พทุ ธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ 6 สังฆงั นะมามิ กำรแผเ่ มตตำ อะเวรา โหนตุ 2 1 สัพเพ สตั ตา 4 อะนฆี า โหนตุ 3 อัพพะยาปัชฌา โหนตุ 5 สขุ ี อัตตานงั ปะรหิ ะรนั ตุ บูรณาการวชิ าภาษาไทยอ่านบทสวดมนต์ อ่ำนแลว้ ............................................ ลงช่ือครูผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษาฯ วิชา สงั คมศกึ ษาฯ เวลา ๔ ชว่ั โมง หนว่ ยที่ ๓ เรือ่ ง หน้าทีช่ าวพุทธ บรหิ ารจติ และวนั สาคญั เวลา 1 ช่วั โมง เรอื่ ง การฝกึ สตทิ ่ีเป็นพ้นื ฐานของสมาธเิ พ่อื เจรญิ ปัญญา มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 1.1 รูแ้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนับถือ และศาสนาอืน่ มศี รัทธาทีถ่ ูกต้อง ยดึ มนั่ และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพอ่ื อยูร่ ่วมกันอย่างสันติสุข ตวั ชี้วดั ส 1.1 ป.1/4 เหน็ คุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนาหรือการ พฒั นาจิตตามแนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถือตามท่ีกาหนด จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายหรือนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ิให้มสี ติ (K) 2. ปฏบิ ัตติ นใหม้ สี ติในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั (P) 3. เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสติทเี่ ป็นพ้ืนฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนา (A) สาระสาคัญ สติเป็นพ้ืนฐานใหเ้ กิดสมาธิและปัญญา ผ้มู ีสตอิ ยู่เสมอไมป่ ระมาทในการดาเนนิ ชวี ติ สาระการเรียนรู้ การฝกึ สติทเ่ี ป็นพ้ืนฐานของสมาธเิ พอ่ื เจริญปัญญา คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มั่นในการทางาน รักความเปน็ ไทย สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1. ให้นักเรียนนั่งหลับตาทาสมาธิโดยการนับลมหายใจเข้า-ออกเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นให้นักเรียน รว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถาม ดังนี้ เม่ือน่ังสมาธแิ ล้วนกั เรยี นร้สู ึกอยา่ งไร (จติ ใจสงบ มสี มาธ)ิ 2. ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับการดาเนินชวี ติ ประจาวันของนักเรียน โดยครูใช้ คาถาม ดงั นี้ ในแต่ละวนั นักเรียนทาอะไรบา้ ง (รับประทานข้าว ทาการบ้าน เลน่ ) ก่อนทีจ่ ะทาสิง่ เหล่านน้ี กั เรียนคดิ ก่อนทาหรอื ไม่ (คดิ /ไม่คิด) นักเรยี นเคยลมื ทาการบ้านหรือไม่ (เคย/ไม่เคย) ถ้านักเรยี นลืมทาการบ้านจะเกิดผลอย่างไร (ไม่มกี ารบ้านส่งคร)ู ถา้ นกั เรียนไม่ลืมทาการบ้านจะเกดิ ผลอยา่ งไร (มีการบ้านส่งคร)ู ขน้ั สอน 3. ครอู ธบิ ายเก่ียวกับสติและประโยชน์ของสตใิ หน้ ักเรียนฟังดงั น้ี สตคิ ือ ความระลกึ ได้ สานึกอยู่เสมอ ไม่ประมาท ทาส่ิงที่ดีอยู่ตลอด ถ้าคนเรามีสติจะทาให้สามารถควบคุมตนเองให้ทาแต่ส่ิงที่ดี เรียนรู้ได้เร็ว ความจาดี มจี ติ ใจสงบ มั่นคง ไมต่ น่ื ตกใจงา่ ยและเปน็ คนรอบคอบ 4. ครนู าเน้ือเพลงข้ามถนน มาติดบนกระดาน แล้วอ่านเนื้อเพลงใหน้ ักเรียนอ่านตามทลี ะบรรทดั จนจบ เพลง เพลงข้ามถนน เน้ือร้อง คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง ทำนอง แสงดำว อยำ่ เหม่อมอง ตอ้ งดูขำ้ งหนำ้ อีกซำ้ ยและขวำ เม่ือจะขำ้ มถนน ถำ้ ยวดยำนหลำย ตอ้ งอดใจทน อยำ่ ตดั หนำ้ รถยนต์ ทุกคนจงระวงั เอย (มงแซะมงแซะ แซะมงตะลุ่มตุม้ มง มงแซะมงแซะ แซะมงตะลุ่มตุม้ มง) จากนั้นครูพานักเรียนร้องทีละบรรทัด โดยให้ปรบมือประกอบจังหวะขณะร้องจนจบเพลงแล้วให้ นักเรียนร้องเอง 1 รอบ และครูอธิบายเก่ียวกับเนื้อหาของเพลงวา่ เวลาข้ามถนนให้รู้จกั สังเกตและระมัดระวงั
รถท่วี ิ่งบนถนน ไมค่ วรวง่ิ ตดั หน้ารถเปน็ การข้ามถนนอย่างไม่ประมาท ซง่ึ ตรงกบั หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เรอ่ื ง การใช้ชีวิตอย่างมสี ติจะทาให้ชวี ิตปลอดภยั และมีความสขุ 5. ครูและนกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับการเล่นและการทาการบ้านของนักเรียน โดยครู ใช้คาถาม ดงั น้ี ช่วงเชา้ ก่อนเขา้ แถวนกั เรียนทาอะไร (เล่นกบั เพอื่ น) เวลาเล่นกบั เพื่อนนักเรียนเคยไดร้ บั บาดเจบ็ หรือไม่ อย่างไร (เคย หกลม้ หัวเขา่ ถลอก) ถ้านกั เรียนเลน่ อย่างระมัดระวังจะได้รบั บาดเจ็บหรือไม่ (ไม)่ การเลน่ อยา่ งระมัดระวงั เกิดผลดตี อ่ ตนเองอย่างไร (ไม่ได้รับอบุ ัตเิ หตุจากการเล่น) นกั เรียนทาการบ้านเวลาใด (เวลาเยน็ หลังเลกิ เรียน) ขณะทที่ าการบา้ นนักเรียนดโู ทรทัศน์ด้วยหรอื ไม่ (ไม่ด/ู ด)ู นักเรยี นคิดวา่ ทาการบา้ นแลว้ ดูโทรทัศน์ไปดว้ ยกับทาการบ้านแล้วไม่ดโู ทรทัศน์ แบบไหนจะทาการบา้ นเสรจ็ กอ่ น (ไมด่ โู ทรทัศน์) จากนั้นครูสรุปให้นักเรียนฟังว่า เวลาเราเล่นหรือทางานจะต้องมีสติจดจ่ออยู่กับส่ิงที่ทาแล้วจะทาให้ เราปลอดภยั และได้รับความสาเรจ็ จากการทากจิ กรรมน้นั ๆ 6. ให้นักเรียนรว่ มกนั สนทนาการฝึกให้มีสตใิ นการฟงั การคดิ การถาม การอา่ นและ การเขยี น โดยครู ใช้คาถาม ดังนี้ การฝึกสมาธกิ ่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ นกั เรยี นอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ จติ ใจสงบ แจม่ ใส) การฝึกให้เกิดปัญญาในการเรียนหนังสือ นักเรียนจะต้องมีสติในเร่ืองใดบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ การเขียนหนังสือในหอ้ งเรียน การอ่านหนังสอื การคดิ พจิ ารณา มสี มาธใิ นการฟงั ถามเมอื่ เกิดข้อสงสัยและ เขียนจดบนั ทึกสาระที่สาคญั ) 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เป็นแผนภาพเก่ียวกับการฝึกให้มสี ตใิ นการเรียนลงบนกระดาน ดงั นี้ คิด คิดทบทวนเรื่องที่ฟัง ถำม เม่ือเกิดควำมสงสัย การฝึ กให้มี อยำ่ เกบ็ ไว้ ฟัง มีควำม สตใิ นการเรียน อำ่ น รู้จกั จบั ใจควำม สนใจ และ เขียน จดบนั ทึกสำระท่ี สำคญั สำคญั มำ
8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปประโยชน์ของการเป็นผู้มีสติโดยครูบันทึกคาถามของนักเรียนเป็น แผนภาพลงบนกระดาน ดังนี้ รู้จกั รับผดิ ชอบตอ่ กำรเรียน รู้จกั คิดก่อนลงมือทำส่ิงตำ่ ง ๆ มีควำมต้งั ใจเรียนหนงั สือ ประโยชน์ของ มีควำมรับผดิ ชอบตนเอง ใชส้ ติดำเนินชีวติ ประจำวนั การเป็ นผู้มีสติ รู้จกั หนำ้ ท่ีของตนเอง ขั้นสรุปการเรียนรู้ 9. ให้นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ สติเป็นพ้ืนฐานเบื้องต้นทาใหบ้ คุ คลมสี มาธิและเกิดปัญญา รู้จกั แก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน 10. ให้นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดังน้ี สติมีคุณค่าต่อการศึกษาเลา่ เรียนของนักเรยี นอยา่ งไร 11. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี 3.3 เร่ือง การฝึกใหม้ ีสตใิ นการฟัง การคิด การถาม การอา่ น และการเขยี น บรู ณาการ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 1. การเขยี นคา
การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วธิ ีประเมิน เครื่องมอื เกณฑ์ จดุ ประสงค์ ตรวจใบงานท่ี 3.3 เรอื่ ง ใบงานท่ี 3.3 เร่อื ง นกั เรียนอธบิ ายหรอื 1. อธิบายหรือนาเสนอแนวทางการ ปฏบิ ตั ใิ หม้ สี ติ (K) การฝึกใหม้ สี ติในการฟงั การฝกึ ให้มสี ติในการฟัง นาเสนอแนวทางการ ปฏิบัตใิ หม้ ีสติ ผ่านใบ 2. ปฏบิ ตั ติ นให้มีสติในการดาเนนิ การคดิ การถาม การอา่ น การคดิ การถาม การอ่าน งานรอ้ ยละ 60 ขึ้น ชีวิตประจาวนั (P) และการเขยี น และการเขยี น ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นปฏบิ ัตติ นให้ มสี ตทิ ่ีเปน็ พน้ื ฐานของสมาธิใน พระพุทธศาสนา (A) มสี ติในการดาเนนิ ชีวิตประจาวนั ระดบั ดขี ้ึนไปถือวา่ ผา่ น เกณฑ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรียนมีพฤติกรรม ระดบั ดีขน้ึ ไป ถือว่า ผา่ นเกณฑ์ สอ่ื การเรียนรู้ 1. เพลง “ข้ามถนน”
ใบงานท่ี 3.3 วชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/4 เร่อื ง การฝกึ ให้มีสติในการฟงั การคดิ การถาม การอ่าน และการเขยี น ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 ชื่อ........................................................................................ชั้น.......................เลขที่......................... คาชี้แจง : นักเรยี นแสดงความคิดวา่ จะปฏบิ ตั ติ นใหม้ สี ติ การฟงั การคดิ การถาม การอ่าน และการเขยี น บน แผนผังความคิดทีก่ าหนดให้ ปฏบิ ัตติ นให้มีสติ
ใบงานที่ 3.3 วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระท่ี 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/4 เรือ่ ง การฝกึ ใหม้ ีสติในการฟงั การคดิ การถาม การอา่ น และการเขียน ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 ชือ่ ........................................................................................ชน้ั .......................เลขที่......................... คาชี้แจง : นักเรยี นแสดงความคิดวา่ จะปฏิบตั ิตนใหม้ ีสติ การฟงั การคดิ การถาม การอ่าน และการเขยี น บน แผนผังความคิดท่ีกาหนดให้ ปฏิบตั ิตนให้มสี ติ คำตอบเป็ นไปตำมดุลยพินิจของครูผสู้ อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วิชา สังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔ ชวั่ โมง หน่วยที่ ๓ เร่ือง หน้าทีช่ าวพทุ ธ บริหารจติ และวันสาคญั เวลา 1 ช่วั โมง เร่ือง วนั สาคญั ทางศาสนา มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏบิ ัติตนเป็นศาสนกิ ชนที่ดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ ตนนับถอื ตวั ช้วี ดั ส 1.2 ป.1/3 ปฏบิ ตั ติ นในศาสนพิธี พธิ ีกรรม และวันสาคัญทางศาสนาตามทก่ี าหนดได้ถกู ต้อง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสามารถบอกความสาคัญของวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา (K) 2. ปฏบิ ัตติ นในศาสนพิธี พธิ กี รรม และวันสาคัญทางศาสนาตามท่กี าหนดได้ถกู ต้อง (P) 3. เหน็ คณุ คา่ และความสาคัญในการปฏิบัตติ นในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา (A) สาระสาคญั วันสาคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันที่มีเหตุการณ์สาคัญเกิดข้ึน ซ่ึงเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและ พระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรระลึกถึงวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยการไปทาบุญ ฟังธรรม และบาเพ็ญประโยชนท์ ว่ี ัด สาระการเรยี นรู้ 1. วนั มาฆบชู า 2. วันวิสาขบชู า 3. วนั อาสาฬหบชู า 4. วนั อัฐมีบชู า คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย
สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับวนั ที่นักเรียนถือว่าเป็นวันสาคัญของตนเอง โดย ครูใช้คาถาม ดงั นี้ วันใดบา้ งทน่ี กั เรียนถอื ว่าเปน็ วนั สาคัญของตนเอง (ตัวอย่างคาตอบ วนั เกดิ ) เพราะเหตุใดนักเรียนจึงคิดว่า วันนั้นเป็นวันสาคัญ (ตัวอย่างคาตอบ เป็นวันที่มีอายุเพ่ิมขึ้น เป็นวนั ทีพ่ อ่ แม่ใหข้ องขวัญ) นักเรยี นรูจ้ ักวันสาคัญใดอีกบา้ ง (ตวั อย่างคาตอบ วนั พ่อแห่งชาติ วันแม่แหง่ ชาต)ิ จากนั้นครอู ธบิ ายให้นกั เรยี นฟงั วา่ ในพระพุทธศำสนำก็มีวนั สำคัญต่ำง ๆ หลำยวนั ซ่ึงวนั สำคัญเหล่ำน้ีจะ เก่ียวขอ้ งกบั พระพุทธเจำ้ และพระพุทธศำสนำ เป็ นวนั ที่มีเหตุกำรณ์สำคัญเกิดข้ึน พุทธศำสนิกชนท้งั หลำยควรไปทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม และบำเพ็ญประโยชน์ท่ีวดั วนั สำคญั ทำงพระพุทธศำสนำที่นกั เรียนควรศึกษำมีหลำยวนั เช่น วนั วสิ ำขบูชำ วนั อำสำฬหบูชำ วนั มำฆบูชำ วนั อฐั มีบูชำ วนั มำฆบูชำ ขน้ั สอน 2. ครูนาภาพพระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาตโิ มกข์ ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ศกึ ษา จากนัน้ ครเู ล่าประวตั ิความ เป็นมาของวันมาฆบชู าใหน้ กั เรียนฟงั ดังน้ี วันมาฆบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่า เดือน 3 ซึ่งเป็นวันที่พระอรหันต์ท่ีพระพุทธเจ้าบวชให้จานวน 1,250 องค์ มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ในวันพระจันทร์เต็มดวงและพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม โอวาทปาตโิ มกข์ คอื ละเว้นความชั่ว ทาความดีและทาจติ ใจให้ผ่องใส จากนน้ั ครูให้นกั เรยี นร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี วันมาฆบชู าตรงกับวันขึ้นกีค่ า่ เดือนใด (วันขึ้น 15 ค่า เดือน 3 ของทุกปี) วันมาฆบูชามเี หตุการณใ์ ดเกิดขึ้นบ้าง (พระอรหนั ตจ์ านวน 1,250 องค์มาประชุมกันโดยมิได้ นัดหมายในวันพระจันทร์เต็มดวง และพระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้พระสงฆ์ท้ัง 1,250 องค์และ พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระอรหนั ต์เหล่านั้น) โอวาทปาติโมกข์ หมายถงึ อะไร (ละเว้นความช่วั ทาความดี ทาจิตใจใหผ้ ่องใส)
ในวันมาฆบูชานักเรียนเคยทากิจกรรมใดบ้าง (ทาบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรม รักษาศีล เวยี นเทียนและบาเพญ็ ประโยชนท์ ่ีวดั ) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า วันมาฆบูชา เรียกอีกอย่างว่า วันจาตุรงคสันนิบาต คือวันท่ีมีเหตุการณ์ 4 อยา่ งมาบรรจบในวนั เดยี วกนั โดยครูสรปุ เป็นแผนภาพลงบนกระดาน ดงั นี้ 2 พระอรหนั ตท์ ้งั หมดลว้ นเป็นผทู้ ี่พระพุทธเจำ้ บวชให้ 1 เหตุการณ์ พระพุทธเจำ้ ทรงแสดงโอวำทปำติโมกข์ พระอรหนั ต์ 1,250 องค์ วนั มาฆบูชา คือสอนใหล้ ะเวน้ จำกควำมชว่ั ทำควำมดี มำประชุมกนั โดยมิได้ และทำจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ นดั หมำย 3 4 เหตุกำรณ์ตรงกบั วนั เพญ็ ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 3 วนั วสิ ำขบูชำ 4. ครูนาภาพเก่ียวกับวันวิสาขบูชาให้นักเรียนร่วมกันศึกษาแล้วให้ครูเล่าให้นักเรียนฟังเกี่ยวกับวันวิ สาขบูชา ดังน้ี วนั วิสาขบูชาเป็นวันท่ีมีเหตุการณส์ าคญั เกดิ ข้ึนในพระพุทธศาสนา คือ เปน็ วนั ท่ีพระพทุ ธเจ้าประสูติ ตรัสรู้และปรนิ พิ พาน ซง่ึ ตรงกับวนั ข้นึ 15 ค่า เดือน 6 เหมือนกันแต่ตา่ งปีกัน จากนนั้ ครูและนกั เรียนรว่ มกันสนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี วนั วสิ าขบชู าตรงกับวนั ขนึ้ กี่คา่ เดอื นใด (วนั ขนึ้ 15 ค่า เดอื น 6 ของทุกป)ี วนั วิสาขบชู ามีความสาคัญอยา่ งไร (เปน็ วนั ทพี่ ระพุทธเจ้าประสูติ ตรสั รู้ และปรนิ พิ พาน) คาวา่ ประสูติ หมายถึงอะไร (เกิด) คาว่า ตรัสรู้ หมายถึงอะไร (รูแ้ จ้งในธรรม สาเร็จเปน็ พระพทุ ธเจ้า) คาว่า ปรินพิ พาน หมายถงึ อะไร (ตาย) ในวนั วสิ าขบชู านกั เรยี นเคยทากิจกรรมใดบ้าง (ทาบญุ ตักบาตร เวยี นเทยี น เป็นตน้ )
5. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปวนั วสิ าขบูชาเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ณ ตน้ ศรีมหำโพธ์ิ ตรัสรู้ พทุ ธคยำ ประเทศอินเดีย ตอนพระชนมำยุ 35 พรรษำ ระยะเวลำ 45 พรรษำ ที่เผยแผ่ พระพทุ ธศำสนำ ประสูติ เหตุการณ์ ปรินิพพาน ณ สวนลุมพินีวนั ประเทศเนปำล วนั วสิ าขบูชา ณ เมืองกุสินำรำ เหตุกำรณ์ท้งั 3 วนั ตรงกบั วนั เพญ็ (สำรนำถ) ประเทศอินเดีย ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 6 ตอนพระชนมำยุ 80 พรรษำ 6. ครูนาภาพพระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์ให้นักเรียนร่วมกันศึกษา จากน้ันครูเล่าประวัติ ความเป็นมาของวนั อาสาฬหบูชา ให้นกั เรียนฟงั ดังนี้ วนั อำสำฬหบูชำเป็ นวนั ที่พระพุทธเจำ้ แสดงธรรมเทศนำกณั ฑ์แรก เรียกว่ำ ธมั มจกั กปั ปวตั นสูตร แก่ปัญจวคั คียท์ ้งั 5 มีพระอญั ญำโกณฑญั ญะไดด้ วงตำเห็นธรรม และทูลขออุปสมบทเป็ นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศำสนำ และมีปัญจวคั คียท์ ่ีเหลือ ได้ดวงตำเห็นธรรมทูลขออุปสมบทจนเกิดมีพระรัตนตรัยครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในวนั เพญ็ ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 8 จากนน้ั ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครใู ช้คาถาม ดังน้ี วันอาสาฬหบูชาตรงกับวนั ข้นึ กค่ี า่ เดอื นใด (วนั ขนึ้ 15 คา่ เดอื น 8 ของทกุ ปี) วันอาสาฬหบูชามีความสาคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร (เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ธรรมครัง้ แรกชือ่ ธัมมจักกัปปวตั นสูตร พระอญั ญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมและทูลขออุปสมบทเป็น พระภิกษุรูปแรกและปัญจวัคคีย์ท่ีเหลือทูลขออุปสมบทตามจึงทาให้เกิดพระสงฆ์ครบองค์ประชุม ทาให้มี พระรัตนตรัย คือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เกิดครบสมบรู ณ์)
ในวันอาสาฬหบูชาพุทธศาสนิกชนควรทากิจกรรมใดบ้าง (ทาบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรม รกั ษาศีลและบาเพญ็ ประโยชน์ท่ีวัด) 1. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปวันอาสาฬหบชู าเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ดงั นี้ มีพระสงฆเ์ กิดข้ึนในพระพทุ ธศำสนำเป็นคร้ังแรก 2 มีพระรัตนตรัยครบสมบูรณ์ คือ พระพุทธ 1 เหตุการณ์ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจำ้ แสดง 3 วนั อาสาฬหบูชา พระธรรมเทศนำ ธมั มจกั - กปั ปวตั นสูตรกณั ฑแ์ รก 4 เหตุกำรณ์ตรงกบั วนั เพญ็ ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 8 8. ครอู ธบิ ายเก่ยี วกบั วันอฐั มบี ูชา จากนน้ั ครใู ชค้ าถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ดังนี้ วันอัฐมีบูชาตรงกับวันใด (วันแรม 8 ค่า เดือน 6 หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 8 วนั ) วันอัฐมีบูชามีความสาคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร (เป็นวันที่พระสงฆ์ กษัตริย์และ ประชาชนทว่ั ไปร่วมกันถวายพระเพลงิ พระพุทธสรรี ะของพระพทุ ธเจา้ ) การถวายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะหรอื รา่ งกายของพระพุทธเจ้าทาข้ึนที่ใด (เมืองกุสินารา) วันอัฐมีบูชาพุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติตนอย่างไร (ทาบุญตักบาตร ฟังธรรม บาเพ็ญ สาธารณประโยชน์ เป็นตน้ ) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาจากช่ัวโมงที่ 1 และช่ัวโมงท่ี 2 เป็น แผนภาพลงบนกระดาน ดงั น้ี
วนั พระพุทธเจำ้ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพำนวนั เพญ็ 15 ค่ำ เดือน 6 วนั วสิ ำขบูชำ วนั พระพุทธเจำ้ แสดง โอวำทปำติโมกข์ แก่พระอรหนั ต์ 1,250 องค์ วนั เพญ็ 15 ค่ำ เดือน 3 วนั สาคัญทาง วนั อฐั มีบูชำ วนั มำฆบูชำ พระพุทธศาสนา วนั ถวำยพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ พระพุทธเจำ้ วนั แรม 8 ค่ำ เดือน 6 วนั อำสำฬหบูชำ วนั ท่ีมีพระรัตนตรัยเกิดข้ึนครบสมบูรณ์ วนั เพญ็ ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 8 ข้ันสรุปการเรียนรู้ 10 . ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี วนั อาสาฬหบชู าและวนั อฐั มบี ูชาเปน็ วนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา ท่ีพทุ ธศาสนิกชนควรระลึก ถึง โดยการปฏิบตั ติ นบาเพ็ญบุญและทาประโยชน์ตอ่ พระพุทธศาสนา 11. ให้นักเรยี นทาใบงานที่ 3.4 เรือ่ ง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา (การบา้ น) 12. ภาระงานท่ี 3.1 เรอื่ ง การบาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ วัดหรอื ศาสนสถาน 13. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น บรู ณาการ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 1. แต่งประโยค
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ วธิ ปี ระเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1. นกั เรยี นสามารถบอกความสาคัญ ตรวจใบงานที่ 3.4 เรื่อง ใบงานที่ 3.4 เร่อื ง วัน นกั เรยี นนกั เรียน สามารถบอก ของวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา วันสาคญั ทาง สาคัญทาง ความสาคญั ของวัน สาคัญทาง (K) พระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ผา่ น ใบงานรอ้ ยละ 60 2. ปฏิบตั ิตนในศาสนพธิ ี พิธกี รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น และวันสาคัญทางศาสนาตามที่ เกณฑ์ กาหนดได้ถูกต้อง (P) นกั เรียนปฏบิ ตั ิตน 3. เหน็ คุณค่าและความสาคัญในการ แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ในศาสนพิธี พธิ ีกรรม ปฏิบัตติ นในวนั สาคญั ทาง และวนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา (A) ศาสนาตามท่ีกาหนด ได้ถูกต้อง ระดับ ดี ข้นึ ไปถือวา่ ผา่ น เกณฑ์ นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรม ระดับดขี น้ึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ สอื่ การเรียนรู้ 1.ภาพพระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาตโิ มกข์ 2.ภาพวันวสิ าขบชู า 3.ภาพพระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมโปรดปัจวัคคีย์
ใบงานที่ 3.4 วิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/3 เร่อื ง วนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชอื่ ........................................................................................ช้นั .......................เลขท่ี......................... คาชแี้ จง : .ใหน้ กั เรียนโยงเส้นจับคู่ข้อความที่เป็นความสาคัญเก่ียวข้องและวันสาคัญทางศาสนาใหถ้ ูกต้อง วนั วสิ าขบชู า มพี ระสงฆอ์ งคแ์ รกของศาสนา วนั มาฆบชู า พระสงฆ์ 1,250 รปู เดนิ ทางมาประชมุ โดยมไิ ดน้ ดั หมาย วนั อาสาฬหบชู า พระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรสั รู้ และปรนิ พิ พาน วนั เขา้ พรรษา ตกั บาตรเทโว วนั ออกพรรษา พระสงฆจ์ าวดั เปน็ เวลา 3 เดอื น จงแตง่ ประโยคตอ่ ไปนี้ (บรู ณาการวชิ าภาษาไทย) 1. ทาบญุ =………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วนั พระ =……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. กราบ =………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ศาสนา =………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 3.4 วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ 1 พระพุทธศาสนา ส 1.2 ป.1/3 เรอื่ ง วันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 ชอ่ื ........................................................................................ช้นั .......................เลขท่ี......................... คาชแี้ จง : .ให้นักเรยี นโยงเส้นจบั คูข่ ้อความทเ่ี ปน็ ความสาคญั เกยี่ วข้องและวนั สาคัญทางศาสนาใหถ้ ูกตอ้ ง วนั วสิ าขบชู า มพี ระสงฆอ์ งคแ์ รกของศาสนา วนั มาฆบชู า พระสงฆ์ 1,250 รปู เดนิ ทางมาประชมุ โดยมไิ ดน้ ดั หมาย วนั อาสาฬหบชู า พระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรสั รู้ และปรนิ พิ พาน วนั เขา้ พรรษา ตกั บาตรเทโว วนั ออกพรรษา พระสงฆจ์ าวดั เปน็ เวลา 3 เดอื น จงแตง่ ประโยคตอ่ ไปนี้ (บรู ณาการวชิ าภาษาไทย) 5. ทาบญุ =………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. วนั พระ =……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. กราบ =…………………………………บ…นั …ท…กึ …ผ…ลห…ล…ัง…ก…า…ร…จ…ัด…กา…ร…เ…รีย…น…ร…ู้ …………………………………………………………… 8. ศาสนา =………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ คิดเปน็ ร้อยละ ................ 1.นักเรยี นจานวน 55 คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ .................คน ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ ........-.........คนคิดเปน็ รอ้ ยละ........๐.......... 2. แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................. ............................... 3.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ไมผ่ ่าน............คน ผา่ น............คน ดี...............คน ดเี ยย่ี ม..............คน ระดับดีขึ้นไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ไมผ่ า่ น...........คน ผ่าน............คน ดี...............คน ดีเยย่ี ม.............คน ระดบั ดีขนึ้ ไป ร้อยละ..................... 5.นักเรยี นเกดิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบ้าง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องวา่ งทตี่ รงกับทักษะท่ีเกดิ 3R อา่ นออก เขียนได้ มที ักษะในการคานวณ 8C การคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปญั หา การสร้างสรรค์ ความเข้าใจความตา่ งวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ การส่ือสาร ดา้ นความรว่ มมือ การทางานเป็นทมี และภาวะผนู้ า ทกั ษะการเปลีย่ นแปลง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ทกั ษะอาชีพ และทักษะการ เรียนรู้ ผลการจัดการเรยี นการสอน/ปัญหา/ อุปสรรค และแนวทางแก้ไข แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง หน้าทีช่ าวพทุ ธ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ............................................. แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง การฝกึ สวดมนต์และแผ่เมตตา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ............................................. แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ ง การฝึกสติทเ่ี ปน็ พ้ืนฐานของสมาธิเพอื่ เจริญปัญญา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....................................................................................................................................................... ....................
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรอื่ ง วันสาคัญทางศาสนา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....................................................................................................................................................... .................... ลงช่ือ.................................................. (นางสาวจีรวรรณ ปฏิวงศ)์ ตาแหน่ง ครู ความคดิ เหน็ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ ผ้ทู ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง ............................................................................................................................. ..................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………………… (นางสาวจรี วรรณ ปฏวิ งศ์ ) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ...................../......................./๒๕๖3 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ…………………………………………………… (นางสาวกันยาภทั ร ภทั รโสตถ)ิ ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คาสวัสดิ์ราษฎร์บารุง) ...................../......................./๒๕๖3
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: