หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษาฯ วิชาสงั คมศกึ ษาฯ เวลา ๗ ชั่วโมง หนว่ ยที่ 8 เร่อื ง ภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศ และส่ิงแวดล้อม มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธข์ องสรรพสิ่งซึ่งมผี ลตอ่ กนั และกนั ใน ระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วเิ คราะห์ สรปุ และใช้ข้อมลู ภมู ิ สารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ วัฒนธรรม มจี ติ สานึกและมสี ่วนรว่ มในการอนุรักษท์ รัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาทยี่ ง่ั ยนื ตวั ชี้วดั ส 5.1 ป.1/5 สงั เกตและบอกการเปล่ยี นแปลงของสภาพอากาศในรอบวนั ส 5.2 ป.1/1 บอกส่ิงต่าง ๆ ท่เี กดิ ตามธรรมชาติท่ีสง่ ผลต่อความเป็นอยู่ของมนษุ ย์ ส 5.2 ป.1/2 สงั เกตและเปรียบเทยี บการเปลยี่ นแปลงของส่งิ แวดล้อม เพื่อการปฏบิ ัตติ นอย่าง เหมาะสม ส 5.2 ป.1/3 มีสว่ นรว่ มในการจัดระเบยี บส่ิงแวดล้อมทบ่ี ้านและชน้ั เรียน สาระสาคัญ ในรอบวันสภาพอากาศจะมีการเปล่ียนแปลงตามเวลากลางวันและกลางคืน และ การเปลี่ยนแปลง อุณหภมู ขิ องบรรยากาศทาให้เกิดฝน เมฆ และลม ภูมิประเทศ และภูมิอากาศมีผลต่อการประกอบอาชีพ การสร้างบ้าน การบริโภคอาหารและการแต่ง กาย ในการดารงชวี ิตของมนษุ ย์ การเปลี่ยนแปลงของส่ิงแวดล้อมมีผลกระทบต่อตัวเรา การรู้เท่าทันและปรับตัวเข้ากับส่ิงแวดล้อมทา ใหก้ ารดาเนนิ ชวี ติ มีความสุข สาระการเรยี นรู้ ๑. สภาพอากาศในเวลากลางวนั และกลางคนื ๒. อณุ หภมู ิในบรรยากาศ ฝน เมฆ ลม ๓. ภูมิประเทศกบั ความเป็นอยู่ของมนุษย์ ๔. ภมู ิอากาศกบั ความเปน็ อยูข่ องมนุษย์ ๕. การรเู้ ทา่ ทันและปรบั ตวั เข้ากับการเปล่ียนแปลงของส่ิงแวดล้อม ๖. การจดั ระเบียบสิ่งแวดลอ้ มท่ีบา้ นและโรงเรียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มีจิตสาธารณะ
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ บูรณาการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย 1. การอา่ นคา/การอ่านประโยค 2. การเขยี นคา 3. แต่งประโยค ชิน้ งานหรอื ภาระงาน ๑. ชิน้ งานที่ 8.1 เร่อื ง ภูมปิ ระเทศและภูมิอากาศ ส่ิงแวดล้อมจาลอง การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 แบบทดสอบก่อนเรียน กิจกรรมท่ี 1 การเปล่ียนแปลงสภาพอากาศในรอบวัน 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับดวงอาทิตย์ การโคจรของดวงอาทิตย์ในรอบวันและประโยชน์ ของดวงอาทิตย์ 3. สรุปความรูเ้ ก่ียวกับการเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน ชว่ั โมงท่ี 2 กจิ กรรมท่ี 2 การเกดิ ฝน เมฆ ในบรรยากาศ 4. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ศึกษาเรื่อง ฝน และสรปุ ประโยชนข์ องฝน 5. ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่อง เมฆ โดยครูเขียนภาพวัฏจักรของการเกิดเมฆ ฝนบนกระดาน และ สรปุ ประโยชน์ของเมฆ 6. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเร่ือง ลมและสรุปความรเู้ รื่อง ลม 7. ครูแบ่งกลุ่มนกั เรียนสารวจสภาพอากาศในรอบวันเกี่ยวกับ เมฆ ลม ฝน 8. สรุปความรู้เกย่ี วกับ ฝน เมฆ ลม 9. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ เวลากลางวันและเวลากลางคืนเปน็ ตัวกาหนดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ในรอบวนั และฝน เมฆ ลม เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของบรรยากาศ ชั่วโมงท่ี 3 กจิ กรรมท่ี 3 สารวจการเปล่ียนแปลงสภาพอากาศ 1๐. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเป็น 5 กลุ่ม สารวจ ภูมปิ ระเทศ การประกอบอาชพี ลักษณะของบา้ นเรือน การบริโภคอาหาร และลักษณะการแตง่ กาย ในชุมชนของตนเองลงในตารางที่ครูแจกให้ ๑๑. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอแบบสารวจของตนเองหน้าชั้นเรียน จากน้ันครูสรุปคาตอบของ นกั เรียนเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน
ช่วั โมงท่ี 4 กจิ กรรมที่ 4 ภมู ปิ ระเทศกบั ความเป็นอย่ขู องมนุษย์ ๑๒. สรุปความรูล้ กั ษณะของภูมิประเทศทม่ี ผี ลต่อความเป็นอยขู่ องมนุษย์ ๑๓. ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาและสารวจภูมิอากาศในท้องถิ่นของตนเอง โดยครูเขียนตารางการ สารวจลงบนกระดาน ชว่ั โมงที่ 5 กจิ กรรมที่ 5 ภมู ิอากาศกบั ความเป็นอยขู่ องมนษุ ย์ ๑๔. ครูใช้คาถามและสรุปคาตอบของนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะของภูมิอากาศ ท่ีมีผลในการประกอบ อาชพี การสร้างบา้ นเรอื น การบริโภคอาหาร และการแต่งกายเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ๑๕. สรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั ภูมิอากาศกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ ๑๖. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดังน้ี ภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศมีผลต่อการดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ ชั่วโมงท่ี 6 กิจกรรมท่ี 6 การเปล่ียนแปลงของส่งิ แวดล้อม 1๗. ครูทาบัตรคาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมโดยจัดให้ตัวแทนนักเรียนออกมาทากิจกรรม หน้าชั้นเรยี น 12 คน แจกบตั รคาใหน้ ักเรยี นคนละ 1 ใบ จากนัน้ ครูใหน้ กั เรยี นจาแนก บตั รคาของตนเองตรง กับหัวข้อใด ระหว่างการเปล่ียนแปลงส่ิงแวดล้อมที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ หรือการกระทาของมนุษย์ และ ร่วมกนั สนทนาสาเหตุของการเปล่ียนแปลงส่ิงแวดลอ้ ม ๑๘. ครูให้นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นการรเู้ ท่าทนั และการปรบั ตวั เขา้ กบั ส่งิ แวดล้อม โดยครสู รุป คาตอบเป็นแผนภาพ ๑๙. สรุปความรูเ้ กี่ยวกบั การเปลี่ยนแปลงของสง่ิ แวดล้อม ๒๐. ครูให้นักเรียนร่วมกนั รอ้ งเพลงเกยี่ วกบั บ้านและโรงเรยี น จากนั้นรว่ มกันสนทนา ช่วั โมงท่ี 7 กิจกรรมที่ 7 การจัดระเบียบส่งิ แวดล้อมทีบ่ า้ นและโรงเรยี น ๒๑. ครแู บง่ กลมุ่ นักเรียนออกเป็น 2 กลุม่ ออกมาเลา่ วธิ ีการจัดระเบยี บส่ิงแวดล้อมท่ีบา้ นของตนเอง และทโี่ รงเรียน โดยครูสรปุ คาบอกเลา่ ของนักเรียนเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ๒๒. ร่วมกนั สรุปความรเู้ กี่ยวกับการจดั ระเบยี บสิง่ แวดลอ้ มที่บา้ นและโรงเรยี น ๒๓. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การเปล่ยี นแปลงของสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบต่อการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์ เราจึงควรปรับตัว เขา้ กับสิ่งแวดล้อม เพ่ือให้การดาเนนิ ชีวติ มีความสขุ 24. ชนิ้ งานที่ 8.1 เรอ่ื ง ภมู ิประเทศและภูมิอากาศ สงิ่ แวดล้อมจาลอง 25.แบบทดสอบหลังเรยี น สือ่ การเรียนรู้ ๑. ภาพดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ๒. เทอรม์ อมเิ ตอร์ ๓. ภาพฝน เมฆ และลกั ษณะการเกิดลม ๔. ภาพวาด วัฏจกั รของการเกิดเมฆ ฝนในบรรยากาศ
๕. ภาพลักษณะของภูมิประเทศ ๖. แบบสารวจ ลักษณะภูมิประเทศ ๗. ภาพแผนท่ีประเทศไทย ๘. แบบสารวจลักษณะภูมอิ ากาศ ๙. บตั รคา การเปล่ียนแปลงของสงิ่ แวดลอ้ ม ๑๐.เพลงบา้ นและโรงเรียน การประเมินผล เกณฑ์ 1. การประเมนิ ผลตวั ชี้วัด คะแนนผา่ นร้อยละ 50 นักเรียนทาใบงาน การวัด เคร่ืองมือ คะแนนผา่ นร้อยละ 60 ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ 1.กอ่ นเรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน นักเรยี นมีพฤติกรรม 2.ระหว่างเรียน ใบงาน 8.1 เรอื่ ง สารวจการเปล่ยี นแปลงสภาพอากาศ ระดบั ดีขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น ใบงาน 8.2 เรือ่ ง ภมู ิประเทศและภมู ิอากาศกบั ความเป็นอยู่ของมนษุ ย์ เกณฑ์ ใบงาน 8.3 เรื่อง การเปล่ยี นแปลงของสิ่งแวดล้อม ใบงาน 8.4 เร่ือง การจดั ระเบียบสิง่ แวดล้อมท่ีบา้ นและโรงเรียน คะแนนผ่านร้อยละ 60 แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ แบบประเมินสมรรถนะของผ้เู รียน แบบประเมนิ การอา่ น คิด วิเคราะห์และเขียน 3.หลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น ช้ินงานที่ 8.1 เร่ือง ภูมิประเทศ ภมู อิ ากาศ และสิ่งแวดลอ้ มจาลอง
ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบก่อนเรียน ชอ่ื _____________________ นามสกลุ ______________ เลขท_่ี _______ ชน้ั ________ ให้ ×คาตอบท่ถี กู ตอ้ งลงในวงกลมตัวเลือกให้เต็มวง 1. ข้อใดเปน็ ลักษณะการดารงชวี ติ ของผูท้ ี่อาศยั อยู่บนภูเขาสงู 1 ทานาปลกู ข้าว 2 ปลูกพืชแบบขน้ั บันได 3 ทาประมง 2. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง 1 ตน้ ไมเ้ ป็นสิ่งที่เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ ชว่ ยผลิตแก๊สออกซิเจนแก่มนษุ ย์ 2 รถยนตเ์ ปน็ ส่ิงที่เกดิ เองตามธรรมชาติ ทมี่ นษุ ย์ใช้เปน็ พาหนะเดินทาง 3 ถนนเป็นสง่ิ ท่เี กิดเองตามธรรมชาติ ทม่ี นุษย์ใช้เดินทาง 3. ขอ้ ใดกล่าวถึงธรรมชาติกบั อาชพี ของมนษุ ย์ไดถ้ ูกตอ้ ง 1 ชาวนาปลูกขา้ วในที่ลุ่ม 2 ชาวสวนปลูกผลไม้ที่ชายทะเล 3 ชาวประมงจบั ปลาบนภูเขา 4. บริเวณใกลแ้ มน่ า้ ท่ีมีน้าท่วมอยู่บ่อย ๆ ควรสรา้ งบ้านลกั ษณะใด 1 บ้านช้ันเดยี วติดพนื้ ดนิ 2 บ้านท่ยี กสูงจากพื้นดนิ มาก 3 บ้านทีย่ กจากพ้นื ดนิ ไม่สูงมาก 5. บริเวณชายฝ่งั ทะเล ควรประกอบอาชีพใด 1 ทาไรอ่ ้อย 2 ทาสวนผลไม้ 3 ทาประมง 6. การแต่งกายแบบใดทีเ่ หมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย 1 ใสช่ ดุ สทู ผูกเน็กไท 2 ใส่ผา้ ขนสตั ว์ท่ีหนา 3 ใสเ่ สือ้ ผา้ ท่ีทาจากฝ้าย 7. ข้อใดเปน็ การรบั ประทานผลไม้ท่เี หมาะสมกับท้องถิ่น 1 คนภาคใต้รบั ประทานกลว้ ยน้าว้า 2 คนภาคตะวนั ออกรับประทานเงาะ 3 คนภาคเหนือรับประทานทุเรียน
ให้นักเรยี นดูภาพท่ีประกอบด้วย ภเู ขา ตน้ ไม้ และเมฆ แลว้ ตอบคาถามข้อ 8-9 8. นักเรยี นจะสรุปความสาคัญของธรรมชาติท่มี ี ต่อมนุษยไ์ ด้อยา่ งไร 1 มนุษย์สามารถดารงชีวติ อยู่ได้แม้ขาด ธรรมชาติ 2 ธรรมชาติกับมนษุ ยเ์ กี่ยวข้องกัน ตลอดเวลา 3 ธรรมชาตกิ บั มนษุ ย์ไม่เก่ยี วขอ้ งตอ่ กัน 9. สง่ิ แวดลอ้ มใดในภาพทที่ าใหเ้ กดิ ฝน 1 เมฆ 2 ตน้ ไม้ 3 พ้นื ดนิ 10. ภเู ขามีความสัมพนั ธ์กบั มนษุ ยอ์ ย่างไร 1 เป็นแหลง่ ทีอ่ ยู่อาศัยที่เหมาะสมของมนษุ ย์ 2 เปน็ แหล่งตน้ นา้ ให้มนุษย์มีนา้ ใช้ 3 เป็นแหล่งอาหารประเภทสัตวน์ ้า เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 1. 2 2. 1 3. 1 4. 2 5. 3 6. 3 7. 2 8. 2 9. 1 10. 2
ได_้ ______คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบบทดสอบหลังเรยี น ชื่อ _____________________ นามสกุล______________ เลขท_่ี _______ ชนั้ ________ ให้ ×คาตอบทถ่ี กู ตอ้ งลงในวงกลมตัวเลือกใหเ้ ต็มวง 1. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะการดารงชีวติ ของผู้ท่ีอาศัยอยูบ่ นภเู ขาสงู 1 ทานาปลกู ขา้ ว 2 ปลกู พชื แบบข้นั บนั ได 3 ทาประมง 2. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง 1 ต้นไมเ้ ปน็ ส่ิงที่เกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ ชว่ ยผลิตแกส๊ ออกซิเจนแกม่ นุษย์ 2 รถยนตเ์ ปน็ สิง่ ท่เี กดิ เองตามธรรมชาติ ท่ีมนษุ ยใ์ ชเ้ ป็นพาหนะเดินทาง 3 ถนนเปน็ สิง่ ท่เี กิดเองตามธรรมชาติ ทม่ี นษุ ยใ์ ชเ้ ดนิ ทาง 3. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ธรรมชาติกับอาชพี ของมนุษย์ไดถ้ ูกตอ้ ง 1 ชาวนาปลกู ขา้ วในท่ลี ุ่ม 2 ชาวสวนปลูกผลไมท้ ่ชี ายทะเล 3 ชาวประมงจับปลาบนภูเขา 4. บรเิ วณใกลแ้ ม่น้าที่มีน้าท่วมอยู่บ่อย ๆ ควรสรา้ งบา้ นลกั ษณะใด 1 บา้ นชนั้ เดียวติดพื้นดิน 2 บ้านท่ยี กสงู จากพนื้ ดินมาก 3 บ้านท่ียกจากพ้ืนดนิ ไม่สูงมาก 5. บริเวณชายฝ่ังทะเล ควรประกอบอาชีพใด 1 ทาไร่อ้อย 2 ทาสวนผลไม้ 3 ทาประมง 6. การแตง่ กายแบบใดที่เหมาะสมกบั สภาพอากาศของประเทศไทย 1 ใสช่ ดุ สทู ผกู เนก็ ไท 2 ใสผ่ า้ ขนสัตว์ท่ีหนา 3 ใส่เส้ือผา้ ที่ทาจากฝ้าย 7. ข้อใดเป็นการรบั ประทานผลไม้ที่เหมาะสมกับท้องถ่นิ 1 คนภาคใต้รบั ประทานกลว้ ยนา้ ว้า 2 คนภาคตะวนั ออกรับประทานเงาะ 3 คนภาคเหนือรบั ประทานทเุ รียน
ให้นักเรยี นดูภาพท่ีประกอบด้วย ภเู ขา ตน้ ไม้ และเมฆ แล้วตอบคาถามข้อ 8-9 8. นกั เรียนจะสรุปความสาคัญของธรรมชาติท่มี ี ต่อมนุษยไ์ ด้อยา่ งไร 1 มนุษย์สามารถดารงชีวติ อยู่ได้แม้ขาด ธรรมชาติ 2 ธรรมชาติกับมนษุ ยเ์ กี่ยวข้องกัน ตลอดเวลา 3 ธรรมชาตกิ บั มนษุ ย์ไม่เก่ยี วขอ้ งตอ่ กัน 9. สง่ิ แวดลอ้ มใดในภาพทที่ าใหเ้ กดิ ฝน 1 เมฆ 2 ตน้ ไม้ 3 พ้นื ดนิ 10. ภเู ขามีความสัมพนั ธ์กบั มนษุ ยอ์ ย่างไร 1 เป็นแหลง่ ทีอ่ ยู่อาศัยที่เหมาะสมของมนษุ ย์ 2 เปน็ แหล่งตน้ นา้ ให้มนุษย์มีนา้ ใช้ 3 เป็นแหล่งอาหารประเภทสัตวน์ ้า เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 1. 2 2. 1 3. 1 4. 2 5. 3 6. 3 7. 2 8. 2 9. 1 10. 2
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษาฯ วชิ าสังคมศกึ ษาฯ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 เวลา ๗ ช่วั โมง หนว่ ยที่ 8 เรื่อง ภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศ และสิง่ แวดล้อม เวลา 1 ช่ัวโมง เรือ่ ง การเปลยี่ นแปลงสภาพอากาศในรอบวนั มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพส่ิงซ่ึงมีผลต่อกันและกันใน ระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ สรุป และใช้ข้อมูลภูมิ สารสนเทศอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ตัวช้ีวดั ส 5.1 ป.1/5 สังเกตและบอกการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตและบอกการเปลยี่ นแปลงสภาพอากาศในรอบวัน (K) 2. ใช้ประโยชน์จากการเรยี นรู้สภาพการเปลีย่ นแปลงอากาศในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั (P) 3. เห็นความสาคัญการเรยี นรู้สภาพการเปลีย่ นแปลงอากาศในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวัน (A) สาระสาคญั ในรอบหนง่ึ วันจะมีเวลากลางวนั และกลางคืนตามการโคจรขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ สาระการเรยี นรู้ 1. เวลาในรอบวัน กลางวัน และกลางคืน 2. ความรอ้ นเยน็ ของอากาศ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูนาภาพ หรือวาดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนกระดาน และร่วมกันสนทนา นักเรียนค้นคว้า รูปภาพทางอินเตอรเ์ น็ต โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี
ถ้านักเรียนเห็นดวงอาทิตย์ แสดงว่าเวลานั้นเป็นเวลาอะไร ลักษณะของอากาศเป็นอย่างไร (เป็นเวลากลางวัน อากาศร้อน) ถ้าหลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว นักเรียนมองเห็นดวงจันทร์ แสดงว่าเวลานั้นเป็นเวลาอะไร ลักษณะอากาศจะเป็นอย่างไร (เป็นเวลากลางคืน อากาศจะเย็นกว่ากลางวันเพราะไม่มีแสงแดดจากดวง อาทิตย์) ข้นั สอน 2. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกับกลางวันและกลางคืน โดยครูใช้คาถาม ดังนี้ ในเวลากลางวัน นักเรียนทากิจกรรมอะไรบ้าง ในเวลากลางคนื นักเรียนทากิจกรรมอะไรบ้าง จากนัน้ ใหค้ รูสรปุ กิจกรรมท่ีทาในเวลากลางวนั และกลางคืน เป็นแผนภาพบนกระดาน ดังน้ี กจิ กรรมในเวลา กจิ กรรมในเวลา กลางวนั กลางคืน 3. ครูเลือกนกั เรียน 2-3 คน และใช้คาถามกระตนุ้ ความคดิ เก่ียวกับความรูส้ ึก ดงั นี้ นกั เรยี นชอบเวลากลางวนั หรือเวลากลางคนื มากท่สี ดุ เพราะอะไร 4. ครูอธบิ ายเกย่ี วกับดวงอาทิตยเ์ พิ่มเติมว่า ดวงอาทิตยม์ ีรูปร่างกลม มีขนาดใหญ่โตกว่าโลกมาก มีความร้อนและแสงสวา่ งในตวั เอง ให้แสงสว่างแก่โลกและดวงจนั ทร์ แสงอาทิตย์ช่วยพืชปรุงอาหารทาให้พืชเจริญเติบโต ใหค้ วามอบอุ่นแก่คนและสัตว์ รวมท้งั บอกเวลาเชา้ สาย เท่ียง บา่ ยและเยน็ 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับดวงอาทิตย์ โดยครูใชค้ าถาม ดงั นี้ ในเวลากลางวนั ขณะที่มแี สงอาทติ ย์ส่อง ถ้ายนื อยูก่ ลางแดดจะรู้สึกอยา่ งไร (ร้อน) ในเวลากลางวนั ขณะที่มแี สงอาทติ ย์ส่อง ถ้ายนื อยู่ใต้ร่มไม้จะรู้สกึ อยา่ งไร (เยน็ ) ในเวลากลางวนั บรเิ วณกลางสนามกับในห้องเรียนท่ีใดจะสว่างมากกวา่ กัน (สนาม) 6. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกบั ประโยชน์ของดวงอาทิตย์ โดยครูใช้คาถามกระตุน้ ความคิด ดงั นี้ ดวงอาทติ ย์มีประโยชน์ต่อการซกั ผ้าอยา่ งไร (ทาใหผ้ า้ แห้ง) ดวงอาทติ ย์มีประโยชนต์ ่อต้นไมอ้ ยา่ งไร (ทาให้พืชเจริญเติบโต) ดวงอาทิตย์มปี ระโยชน์ตอ่ โลกอยา่ งไร (ทาใหม้ ีแสงสวา่ ง) ถา้ ไม่มดี วงอาทติ ย์จะเป็นอย่างไร (ไม่มีแสงสว่าง พืชไม่เจริญเตบิ โต) 7. ครนู าเทอร์มอมเิ ตอร์มาให้นกั เรยี นร่วมกันศึกษา จากน้ันครอู ธิบายใหน้ กั เรียนฟงั และทาความเข้าใจ ถึงเคร่อื งมือวดั อุณหภมู ิ ให้ครศู ึกษาเพิม่ เติมจากความรู้เพ่ิมเติมสาหรับครู
ขนั้ สรุปการเรียนรู้ 8. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรู้ ดังน้ี การเปล่ียนแปลงของอากาศในรอบวันจะมีเวลากลางวันและกลางคืนตามการข้ึนและตกของ ดวงอาทิตย์ สภาพอากาศจะมีความแตกต่างกันตามเวลา เวลากลางวันอากาศร้อน เวลากลางคืนอากาศเย็น เพราะอทิ ธิพลจากแสงสว่างของดวงอาทิตย์ 9. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดงั น้ี นักเรยี นจะใชเ้ วลาในแตล่ ะวนั ให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเองอยา่ งไร(ทาแผนผังความคิดลงสมุด) กจิ กรรมบูรณาการ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย - การอา่ น ดวงอาทิตยม์ ีรูปร่างกลม มีขนาดใหญ่โตกว่าโลกมาก มีความร้อนและแสงสวา่ งในตวั เอง ให้แสงสว่างแก่โลกและดวงจนั ทร์ แสงอาทิตย์ช่วยพืชปรุงอาหารทาให้พืชเจริญเติบโต ใหค้ วามอบอุน่ แก่คนและสตั ว์ รวมท้งั บอกเวลาเชา้ สาย เที่ยง บ่ายและเยน็ สอ่ื การเรียนรู้ 1. ภาพ หรอื ภาพวาดดวงอาทิตย์และดวงจนั ทร์ 2. เทอร์มอมเิ ตอร์เคร่ืองมือวดั อุณหภมู ิ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วิธปี ระเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรม 1. สงั เกตและบอกการเปลยี่ นแปลง แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนมพี ฤติกรรม (แผนผังความคิดลงสมุด) ระดับดีข้นึ ไป ถือวา่ สภาพอากาศในรอบวัน (K) ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรม 2. ใชป้ ระโยชน์จากการเรียนรู้สภาพ แบบสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นบอกใช้ การเปลีย่ นแปลงอากาศในการดาเนนิ (แผนผงั ความคดิ ลงสมุด) ประโยชนจ์ ากการ ชวี ิตประจาวัน (P) เรียนรูส้ ภาพการ เปล่ียนแปลงอากาศ 3. เห็นความสาคัญการเรียนรู้สภาพ แบบสังเกตพฤตกิ รรม ในการดาเนิน การเปลยี่ นแปลงอากาศในการดาเนิน ชวี ติ ประจาวัน ระดับ ชวี ติ ประจาวัน (A) 5 ข้อขน้ึ ไปถือว่าผา่ น เกณฑ์ นกั เรียนมพี ฤตกิ รรม ระดับดีขึ้นไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ใบความรสู้ าหรบั ครู เทอร์มอมิเตอร์ เป็ นเครื่องมือทใี่ ช้วดั อุณหภูมิ เทอร์มอมิเตอร์แบ่งเป็ น 2 ประเภท คือ 1. เทอร์มอมิเตอร์แบบธรรมดา 2. เทอร์มอมิเตอร์วดั ไข้ มาตราส่วนบนเทอร์มอมิเตอร์มกี ารแบ่งอยู่หลายแบบ 1. แบบองศาเซลเซียส ( ̊C) เป็นหน่วยบอกอุณหภูมิในระบบเมตริก 2. แบบองศาฟาเรนไฮต์ ( ̊F) เป็นหน่วยบอกอุณหภูมิในระบบองั กฤษ 3. แบบเคลวนิ (K) เป็ นหน่วยบอกอุณหภูมิในระบบเอสไอ วธิ ีใช้เทอร์มอมิเตอร์แบบธรรมดา 1. เมื่อใชเ้ ทอร์มอมิเตอร์วดั สิ่งใดตอ้ งใหก้ ระเปาะเทอร์มอมิเตอร์จุม่ อยใู่ นส่ิงน้นั หรือสัมผสั กบั ส่ิงที่จะวดั ใหม้ ากท่ีสุด 2. ต้งั เทอร์มอมิเตอร์ใหต้ รง 3. เมื่อระดบั ของเหลวในเทอร์มอมิเตอร์ไม่เปลี่ยนแปลงแลว้ จึงอา่ นคา่ อุณหภูมิตรงขีดท่ีตรงกบั ระดบั ของเหลวในเทอร์มอมิเตอร์ 4. ใหส้ ายตาอยใู่ นระดบั เดียวกนั กบั ของเหลวน้นั และเทอร์มอมิเตอร์ยงั จุ่มอยใู่ นส่ิงที่ตอ้ งการวดั ข้อระวังในการใช้เทอร์มอมิเตอร์ 1. อยา่ ใหก้ ระเปาะเทอร์มอมิเตอร์กระทบกบั ของแขง็ เพราะจะทาใหแ้ ตกได้ 2. ไม่ควรใชเ้ ทอร์มอมิเตอร์วดั สิ่งที่อุณหภูมิแตกต่างกนั มาก ๆ ในเวลาต่อเนื่องกนั 3. เม่ือใชแ้ ลว้ ตอ้ งทาความสะอาด เช็ดใหแ้ หง้ ก่อนเก็บเขา้ กล่อง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วิชาสังคมศกึ ษาฯ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 เวลา ๗ ชั่วโมง หน่วยที่ 8 เรื่อง ภูมปิ ระเทศและภูมิอากาศ และส่งิ แวดล้อม เวลา 1 ช่วั โมง เรือ่ ง การเกดิ ฝน เมฆ ในบรรยากาศ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพส่ิงซึ่งมีผลต่อกันและกันใน ระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ สรุป และใช้ข้อมูลภูมิ สารสนเทศอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตัวชว้ี ดั ส 5.1 ป.1/5 สงั เกตและบอกการเปล่ียนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน จดุ ประสงค์การเรยี นรสู้ ่ตู ัวชี้วดั 1. สังเกตและบอกการเปลี่ยนแปลงของเกดิ ฝน เมฆ ในบรรยากาศ (K) 2. สารวจหรอื จาแนกการเปลีย่ นแปลงการเกดิ ฝน เมฆ ในบรรยากาศ (P) 3. เหน็ ความสาคัญและสนใจศกึ ษาการเปลีย่ นแปลงการเกิดฝน เมฆ ในบรรยากาศ (A) สาระสาคัญ การเปล่ียนแปลงสภาพอากาศ ทาให้อณุ หภมู ิในบรรยากาศมีการเปลี่ยนแปลงทาใหเ้ กดิ เมฆ ลม ฝน สาระการเรียนรู้ การเกดิ ฝน เมฆ ในบรรยากาศ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครนู าภาพหรอื วาดภาพ ฝน เมฆ บนกระดาน จากนนั้ ครูและนักเรยี นร่วมกนั สนทนา โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี
นักเรียนชอบเวลาฝนตกหรือไม่ เพราะอะไร ฝน นักเรยี นเคยสังเกตหรือไม่วา่ ก่อนฝนตกจะมีเหตกุ ารณ์อะไร (เมฆดา ลมพดั ) ขนั้ สอน 2. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาเรอ่ื ง ฝน ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี ฝนมีลักษณะอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ เป็นหยดน้า ละอองน้าเป็นเม็ดเล็ก ๆ โปรยและตก จากฟา้ ) นักเรียนจะสังเกตได้อย่างไรว่าจะมีฝนตก (ตัวอย่างคาตอบ จะมีเมฆลอยมาในปริมาณมาก ท้องฟา้ มืดครม้ึ ) การมีฝนตกลงมายงั พ้ืนดนิ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง (ครูสรปุ คาตอบของนักเรียน เขยี นเป็นแผนภาพลงบนกระดาน) มีน้าดื่ม น้าใช้ ช่วยใหพ้ ้นื ดินชุ่มช้ืน ทาใหอ้ ากาศเยน็ สดช่ืน ประโยชน์ ช่วยใหต้ น้ ไมเ้ จริญเติบโต มีน้าใชป้ ลูกผกั ทานา ของฝน ช่วยเพิ่มปริมาณน้าในแม่น้าลาคลอง ช่วยใหป้ ่ าไมอ้ ุดมสมบูรณ์ จากนั้นครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า ถ้าฝนตกปริมาณมากก็จะเกิดน้าท่วม แต่มีวิธีป้องกันคือหยุด ตัดไม้ ทาลายปา่ และปลูกปา่ เพม่ิ เพราะป่าไม้จะดดู เก็บนา้ ฝนไม่ให้เกิดน้าท่วมฉบั พลนั เมฆ 3.ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาเร่ืองเมฆ โดยครูพานักเรียนไปดูก้อนเมฆแล้วร่วมกันสนทนา โดยครูใช้ คาถาม ดงั น้ี กอ้ นเมฆมีอยู่บริเวณใด มีลักษณะอย่างไร (ตัวอยา่ งคาตอบ เมฆจะลอยอยูบ่ นท้องฟา้ มลี กั ษณะคล้ายภเู ขาลอยได้ เป็นกอ้ นสีขาว เทาหรือสีดาเทาเข้ม) เมฆลกั ษณะใดท่ที าให้เกิดฝนตกและเกิดมลี มพัด (ตัวอยา่ งคาตอบ เมฆทม่ี ลี กั ษณะ สดี าเทาเขม้ ) ถ้านักเรียนเห็นเมฆสีดาเทาเข้มลอยมาในปริมาณมากจะปฏิบัติตนอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ เตรียมหาทห่ี ลบฝน ไม่ออกไปเลน่ นอกบ้าน) นักเรียนรู้หรือไม่ว่า เมฆเกิดจากอะไร (ตัวอย่างคาตอบ เมฆเกิดจากไอน้าที่ระเหยจากพื้น โลก แล้วรวมตัวจับกันเป็นก้อนเมฆลอยอยู่บนท้องฟ้า พอถูกความร้อนที่ระเหยขึ้นจากพื้นดินก็ละลาย กลายเป็นฝนตกลงมา) ให้ครูวาดภาพวฏั จักรการเกดิ กอ้ นเมฆให้นักเรยี นศึกษาบนกระดาน
ตวั อยา่ ง 3. กระทบความเยน็ ของ 5. กลายเป็นฝนตก บรรยากาศรวมตวั กนั เป็น ลงมาบนพ้นื ดิน 1. ดวง อาทิตย์ กอ้ นเมฆ 2. ไอน้าท่ีระเหยจากพ้ืนโลก 4. ความร้อนจากพ้ืนดินลอยข้ึนไปกระทบกอ้ นเมฆ 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาแผนภาพบนกระดานและอธิบายให้นักเรียนฟังเพ่ิมเติม จากนั้นครูให้ นกั เรียนสรปุ ประโยชน์ของเมฆลงบนกระดานเป็นแผนภาพ ดังน้ี ทาใหอ้ ากาศเยน็ ช่วยใหเ้ กิดฝนตก ประโยชน์ของเมฆ บดบงั แสงแดด ช่วยใหเ้ กิดไอน้าในอากาศ ทาใหพ้ ้ืนดินมีน้าไวใ้ ช้ ขน้ั สรุปการเรยี นรู้ 5. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ เมฆ ฝน เกิดจากการเปล่ียนแปลงของอุณหภมู ใิ นบรรยากาศ 6. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดงั น้ี การฟงั พยากรณ์อากาศมปี ระโยชนต์ ่อการดาเนินชีวิตประจาวันอย่างไร กิจกรรมบรู ณาการ ทาใหอ้ ากาศเยน็ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย - การเขียน ประโยชน์ของเมฆ บดบงั แสงแดด ช่วยใหเ้ กิดฝนตก ทาใหพ้ ้ืนดินมีน้าไวใ้ ช้ ช่วยใหเ้ กิดไอน้าในอากาศ
มีน้าด่ืม น้าใช้ ช่วยใหพ้ ้นื ดินชุ่มช้ืน ทาใหอ้ ากาศเยน็ สดชื่น ประโยชน์ ช่วยใหต้ น้ ไมเ้ จริญเติบโต มีน้าใชป้ ลูกผกั ทานา ของฝน ช่วยเพม่ิ ปริมาณน้าในแม่น้าลาคลอง ช่วยใหป้ ่ าไมอ้ ุดมสมบูรณ์ สอ่ื การเรียนรู้ 1. ภาพ ฝน เมฆ 2. ภาพวาดวัฏจกั รของการเกิด เมฆ ฝน ในบรรยากาศ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วธิ ีประเมนิ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรม 1. สงั เกตและบอกการ แบบสังเกตพฤตกิ รรม (แผนผงั ความคดิ ลงสมดุ ) นกั เรยี นบอกการเกดิ เมฆ ฝนจากการ เปลีย่ นแปลงของเกดิ ฝน เมฆ ใน (แผนผงั ความคิดลงสมดุ ) แบบสังเกตพฤตกิ รรม สารวจ การสงั เกต การเปล่ียนแปลงของ บรรยากาศ (K อณุ หภูมใิ น บรรยากาศ ระดบั ดี 2. สารวจหรือจาแนกการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ข้ึนไป ถือว่าผ่าน เปลย่ี นแปลงการเกิดฝน เมฆ ใน เกณฑ์ บรรยากาศ (P) นักเรยี นมพี ฤติกรรม ระดับดขี ้ึนไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นความสาคัญและสนใจศกึ ษา แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนมีพฤตกิ รรม การเปลี่ยนแปลงการเกิดฝน เมฆ ใน ระดับดีข้ึนไป ถือวา่ บรรยากาศ (A) ผ่านเกณฑ์
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษาฯ วิชาสังคมศึกษาฯ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา ๗ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี 8 เร่ือง ภูมิประเทศและภูมิอากาศ และสง่ิ แวดล้อม เวลา 1 ช่ัวโมง เรอื่ ง สารวจการเปล่ียนแปลงสภาพอากาศ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพส่ิงซึ่งมีผลต่อกันและกันใน ระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ สรุป และใช้ข้อมูลภูมิ สารสนเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ช้ีวัด ส 5.1 ป.1/5 สงั เกตและบอกการเปลีย่ นแปลงของสภาพอากาศในรอบวนั จุดประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ตู่ วั ชี้วดั 1. บอกวิธกี ารสังเกตการเปล่ียนแปลงของสภาพอากาศในรอบวนั (K) 2. สารวจและจาแนกการเปลยี่ นแปลงสภาพอากาศ (P) 3. เห็นความสาคญั และสนใจศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (A) สาระสาคญั การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทาใหอ้ ุณหภมู ใิ นบรรยากาศมกี ารเปลย่ี นแปลงทาให้เกิดเมฆ ลม ฝน สาระการเรียนรู้ การเกิด ฝน เมฆ และลมในบรรยากาศ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มีวนิ ัย มุ่งมั่นในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ความสามารถในการสื่อสาร การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ครใู หน้ ักเรยี นร่วมกนั ศึกษาเร่อื งลม ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สนทนา โดยครใู ชค้ าถาม ดงั น้ี ลมมรี ปู ร่างและลักษณะอย่างไร (ตวั อยา่ งคาตอบ ลมไม่มีรูปร่าง มีลกั ษณะเย็นเมื่อพัด
ผา่ นมากระทบกับตวั ของเรา) นักเรยี นจะสังเกตได้อยา่ งไรวา่ มลี มเกดิ ขึ้น (ตัวอยา่ งคาตอบ สังเกตจากใบไม้ทเี่ คลือ่ นไหว ไปมา และรูส้ ึกเยน็ สบายเมื่อมลี มพดั ผ่านร่างกาย) นกั เรยี นทราบหรอื ไม่วา่ ลมเกิดจากอะไร (ตัวอย่างคาตอบ ไมท่ ราบ ครอู ธิบายให้นกั เรยี น ฟังวา่ ลมเกิดจากการเคลอ่ื นท่ีเข้าหากนั ของอากาศเยน็ และอากาศร้อน เช่น บริเวณใดมอี ากาศร้อนอากาศ เย็นกจ็ ะเคลื่อนท่เี ขา้ หากนั จึงทาใหเ้ กิดลมพดั ) ข้นั สอน 2. ครูแบ่งกลุม่ นกั เรียนออกเป็น 3 กลุม่ จากนั้นให้นักเรียนสารวจลักษณะของอากาศ ดังนี้ กลุ่มที่ 1 สารวจเร่อื ง ฝน ว่าวันนจี้ ะมฝี นตกหรือไม่ กลมุ่ ที่ 2 สารวจเรือ่ ง เมฆ ว่าวันนี้จะมีเมฆมากน้อยอย่างไร กลุม่ ท่ี 3 สารวจเร่อื ง ลม วา่ วนั นจี้ ะมลี มลักษณะอยา่ งไร จากนั้นให้นกั เรยี นออกมาเล่าให้เพ่ือน ๆ ฟงั หน้าช้นั เรยี นจนครบทุกกลมุ่ ขน้ั สรปุ การเรียนรู้ 3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้ เมฆ ลม ฝน เกิดจากการเปล่ียนแปลงของอุณหภูมใิ นบรรยากาศ 4. ให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดังน้ี การฟงั พยากรณ์อากาศมปี ระโยชนต์ ่อการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวันอยา่ งไร 4. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 8.1 เรื่อง สารวจการเปล่ยี นแปลงสภาพอากาศ กิจกรรมบูรณาการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย - การแตง่ ประโยค 1. ฝน 2. เมฆ 3. ลม ส่ือการเรียนรู้ 1. ภาพ ฝน เมฆ และลกั ษณะการเกดิ ของลม
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วธิ ปี ระเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ 1. บอกวธิ ีการสงั เกตการ ใบงานท่ี 8.1 เรอ่ื ง ใบงานท่ี 8.1 เรือ่ ง เปลยี่ นแปลงของสภาพอากาศใน สารวจการเปล่ยี นแปลง สารวจการเปลย่ี นแปลง นกั เรยี นทาใบงานท่ี รอบวนั (K) สภาพอากาศ สภาพอากาศ 8.1 เรอื่ ง สารวจการ เปล่ยี นแปลงสภาพ 2. สารวจและจาแนกการ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม อากาศ ระดบั คะแนน เปลย่ี นแปลงสภาพอากาศ (P) ร้อยละ 60 ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ นักเรยี นมพี ฤตกิ รรม ระดบั ดีขนึ้ ไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ 3. เหน็ ความสาคัญและสนใจศกึ ษา แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรยี นมพี ฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ระดบั ดขี ้ึนไป ถือวา่ (A) ผา่ นเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษาฯ วิชาสังคมศกึ ษาฯ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 เวลา ๗ ชั่วโมง หน่วยที่ 8 เรื่อง ภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศ และส่งิ แวดล้อม เวลา 1 ช่ัวโมง เรอ่ื ง ภมู ปิ ระเทศกบั ความเป็นอยขู่ องมนุษย์ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ วัฒนธรรม มีจติ สานึกและมสี ว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ มเพื่อการพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน ตวั ชี้วดั ส 5.2 ป.1/1 บอกสิง่ ตา่ ง ๆ ทเี่ กิดตามธรรมชาติท่ีสง่ ผลตอ่ ความเป็นอยขู่ องมนุษย์ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้สูต่ วั ชี้วดั 1. บอกสง่ิ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดตามธรรมชาติทีส่ ง่ ผลตอ่ ความเปน็ อยู่ของมนษุ ย์ในภูมปิ ระเทศ (K) 2. จาแนกสาเหตกุ ารประกอบอาชีพ การสร้างบา้ นเรอื น การบริโภคอาหารและการแต่งกาย (P) 3. มีจิตสานึกและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมท่ีมีความสัมพันธ์กับการดาเนิน ชีวติ (A) สาระสาคัญ ลักษณะภูมิประเทศเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทาให้มนุษย์ มีการประกอบอาชีพ การสร้างท่ีอยู่อาศัย การ บรโิ ภคอาหารและการแต่งกายที่แตกต่างกัน สาระการเรยี นรู้ ภูมิประเทศกบั การประกอบอาชีพ การสรา้ งบ้านเรือน การบรโิ ภคอาหาร และการแตง่ กาย คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครตู ิดภาพลักษณะภูมิประเทศต่าง ๆ บนกระดาน แล้วให้นกั เรยี นรว่ มกันศึกษา เชน่ ภูเขา ที่ดอน ท่ีราบ ที่ลุ่ม จากน้นั ครูอธิบายถงึ ลกั ษณะของแต่ละภมู ปิ ระเทศต่าง ๆ ให้นักเรียนฟัง ขั้นสอน 2. ครแู บง่ นักเรียนออกเป็น 5 กลุ่ม ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันสารวจตามหวั ขอ้ ท่ีครูกาหนด ดงั น้ี กลุ่มที่ 1 สารวจลักษณะภูมปิ ระเทศในชุมชนของตนเอง โดยใหน้ กั เรยี นเขยี นเคร่ืองหมาย ลงใน ตารางทีค่ รูกาหนดให้ ลกั ษณะภูมิประเทศ เป็นภเู ขา เปน็ ทด่ี อน เปน็ ทีร่ าบ เปน็ ท่ีลุ่ม ชุมชนของเรา กลมุ่ ท่ี 2 สารวจการประกอบอาชีพในชมุ ชนของตนเอง การประกอบอาชพี ปลูกพืชผัก ทาไร่ เลีย้ งสัตว์ ทานาข้าว ทานาขา้ ว ของชมุ ชนของเรา ตา่ ง ๆ เลี้ยงสัตว์นา้ กลมุ่ ท่ี 3 สารวจลกั ษณะของบา้ นเรือนในชุมชนของตนเอง บ้าน ยกจากพ้นื ยกสูง ยกสูงจาก ลกั ษณะของบ้านเรือน ช้ันเดียว ไม่สูง จากพ้ืน พืน้ มาก กลุ่มท่ี 4 สารวจการบริโภคอาหารในชมุ ชนของตนเอง เนอ้ื สัตว์ ผัก เนอ้ื สตั ว์ ผักต่าง ๆ เน้ือสตั ว์ผกั ต่าง ๆ เนือ้ สัตว์เล้ียง สัตวน์ ้า พืชผัก อาหารที่บริโภค ต่าง ๆ ทีม่ ใี น ที่มีนอกชุมชน ทห่ี าซือ้ มา ในทอ้ งถิ่น ในชมุ ชน ชมุ ชน กลมุ่ ที่ 5 สารวจลกั ษณะการแตง่ กายของคนในชุมชนของตนเอง ลกั ษณะการแต่งกาย เสอื้ ผา้ หนา เส้อื ผ้าบาง เสือ้ พ้ืนบ้าน เส้อื ผ้าทวั่ ไป ของคนในชมุ ชน มาก
จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการสารวจของตนเองหน้าช้ันเรียน โดยครูคอยให้ คาแนะนาอธิบายเพ่มิ เตมิ 1. เมื่อจบการนาเสนอทุกกลุ่ม ในช่ัวโมงท่ีแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คาถามสรุป คาตอบของนกั เรียนเป็นแผนภาพลงบนกระดานทีละคาถาม ดงั นี้ ถา้ ลักษณะภมู ิประเทศส่วนใหญเ่ ป็นภเู ขา นกั เรยี นจะประกอบอาชีพ สร้างบา้ น บริโภคอาหารและแต่งกาย ลกั ษณะแบบใด ปลูกบา้ นช้นั เดียว ปลูกพืชผกั ผลไมเ้ มืองหนาว พ้ืนต้ืนไมส่ ูง การประกอบอาชีพ เล้ียงสตั ว์ การสร้างบา้ น แตง่ กาย ภูมิประเทศ การบริโภคอาหาร ใส่ผา้ หนาเพราะอากาศเยน็ เป็ นภูเขา เน้ือสัตวเ์ ล้ียง พชื ในทอ้ งถ่ิน ถา้ ลักษณะภูมปิ ระเทศเปน็ ที่ดอน หรือทร่ี าบ นักเรียนควรประกอบอาชีพสรา้ งบา้ น บริโภคอาหารและแต่งกายในลักษณะใด สร้างยกจากพ้นื ไมส่ ูงมาก ทาไร่ และเล้ียงสัตวใ์ นท่ีดอน พ้นื ต้ืนไม่สูง การประกอบอาชีพ ทาสวนผลไม้ การสร้างบา้ น การแตง่ กาย ภูมิประเทศ ทานาขา้ วในพ้ืนท่ีราบ เป็ นท่ีราบดอน การบริโภคอาหาร ใส่เส้ือผา้ เน้ือบางช่วยระบายความร้อน เน้ือสตั วใ์ นทอ้ งถิ่น พชื ผกั ท่ีปลูก
ถ้าลักษณะภมู ปิ ระเทศเป็นท่รี าบลุ่มแม่นา้ นักเรียนควรประกอบอาชีพ สรา้ งบา้ น บริโภคอาหาร แต่งกายในลกั ษณะใด ยกพ้ืนสูงมากป้องกนั น้าทว่ ม ทานาขา้ ว นาบวั นาเผอื ก การสร้างบา้ น การประกอบอาชีพ เล้ียงสตั วน์ ้า ภูมิประเทศ ทาประมงน้าจืด การแตง่ กาย เป็ นท่ีราบลุ่ม การบริโนภ้าคอาหาร สวมใส่เส้ือผา้ แม่น้า พชื ผกั ในทอ้ งถ่ิน น้า ท่ีโปร่งและระบายอากาศเน้ือสัตวต์ ่าง ๆ เช่น สัตวน์ ้า สตั วบ์ ก ขน้ั สรปุ การเรียนรู้ 4. ครอู ธบิ ายสรปุ ความรเู้ พิ่มเตมิ จากแผนภาพ 5. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้ ดงั นี้ การประกอบอาชีพ การสร้างบ้านเรือน การบริโภคอาหารและการแต่งกายของคนในท้องถ่ิน ข้ึนอยู่กับลกั ษณะภูมปิ ระเทศของทอ้ งถ่นิ นน้ั กิจกรรมบรู ณาการ กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย - การเขียนแผนผังความคิดลักษณะภมู ิประเทศ ส่ือการเรียนรู้ 1. ภาพลกั ษณะของภูมปิ ระเทศ 2. แบบสารวจลกั ษณะภูมิประเทศ 3. ภาพลักษณะของภูมิประเทศ 4. แบบสารวจลกั ษณะภูมิประเทศ
การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วธิ ปี ระเมนิ เครือ่ งมอื เกณฑ์ 1. บ อ ก ส่ิ ง ต่ า ง ๆ ที่ เ กิ ด ต า ม แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นมีพฤตกิ รรม (แผนผงั ความคิดลงสมุด) ระดับดีข้นึ ไป ถือว่า ธรรมชาตทิ ่สี ่งผลต่อความเปน็ อยู่ของ (แผนผงั ความคดิ ลงสมุด) ผา่ นเกณฑ์ มนุษยใ์ นภูมปิ ระเทศ (K) 2. จาแนกสาเหตุการประกอบอาชีพ แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นมพี ฤติกรรม การสร้างบา้ นเรือน การบริโภค ระดับดขี น้ึ ไป ถือวา่ อาหารและการแต่งกาย (P) ผา่ นเกณฑ์ 3. มีจิตสานึกและมีส่วนร่วมในการ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นมพี ฤติกรรม อนุรักษท์ รพั ยากรและส่ิงแวดล้อมท่ีมี ระดบั ดีขึ้นไป ถือว่า ความสมั พันธ์กบั การดาเนินชวี ิต (A) ผ่านเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษาฯ วิชาสังคมศึกษาฯ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา ๗ ชวั่ โมง หนว่ ยที่ 8 เรอ่ื ง ภูมิประเทศและภมู ิอากาศ และสิ่งแวดล้อม เวลา 1 ช่ัวโมง เร่อื ง ภูมิอากาศกับความเปน็ อยขู่ องมนุษย์ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิด การสร้างสรรค์ วฒั นธรรม มจี ติ สานึกและมสี ่วนร่วมในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ ม เพือ่ การพัฒนาทย่ี งั่ ยืน ตวั ชีว้ ดั ส 5.2 ป.1/1 บอกสง่ิ ตา่ ง ๆ ท่เี กิดขนึ้ ตามธรรมชาตทิ สี่ ง่ ผลต่อความเป็นอยู่ของมนษุ ย์ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวช้ีวดั 1. บอกสิ่งตา่ ง ๆ ทเี่ กิดข้ึนตามธรรมชาติที่เก่ียวภมู ิอากาศกบั ความเป็นอย่ขู องมนุษย์ (K) 2. จาแนกสงิ่ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ขึ้นตามธรรมชาตทิ ่สี ง่ ผลต่อความเป็นอยู่ของมนษุ ย์ (P) 3. สนใจศึกษาเรยี นรูล้ ักษณะของภูมอิ ากาศทมี่ ีความสัมพันธก์ ับการดาเนินชีวติ (A) สาระสาคญั ลักษณะภูมิอากาศเปน็ สาเหตุหน่ึงที่ทาให้มนุษย์มีการประกอบอาชีพ การสรา้ งบ้านเรือน การบริโภค อาหาร และการแต่งกายท่ีแตกต่างกนั สาระการเรียนรู้ ภมู อิ ากาศกับการประกอบอาชีพ การสรา้ งบา้ นเรือน การบริโภคอาหารและการแต่งกาย คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการสื่อสาร
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับลักษณะภูมิอากาศในท้องถิ่นของตนเอง โดยครูใช้คาถาม ดังนี้ ชุมชนของนักเรียนมีสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ อากาศร้อนอบอ้าว ในฤดรู ้อน มีฝนตกชกุ ในฤดูฝนและมอี ากาศหนาวช่วงเดือนพฤศจกิ ายนถึงเดอื นกุมภาพนั ธข์ องทกุ ปี) ลักษณะอากาศแบบนี้ นักเรียนแต่งตัวอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ใส่ชุดที่โปร่งและบาง ในช่วงฤดูร้อน และสวมใส่ชดุ ทม่ี เี นือ้ หนาในชว่ งฤดูหนาว) ลักษณะอากาศแบบน้ีนักเรียนจะสร้างบ้านเรือนอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ สร้าง บา้ นเรอื นยกพื้นสูงจากพ้ืนดิน เพ่อื ปอ้ งกนั นา้ หลากในฤดูฝน) ลักษณะอากาศแบบน้ีนักเรียนจะบริโภคอาหารแบบใด (ตัวอย่างคาตอบ บริโภคอาหาร ทมี่ ีอยู่ในทอ้ งถ่ิน เช่น ผัก เนอื้ สัตว)์ ขน้ั สอน 2. ให้นกั เรยี นร่วมกันสารวจสภาพภมู ิอากาศในท้องถิ่นของตนเอง โดยครูทาเป็นตารางลงบนกระดาน ให้นกั เรยี นสารวจรว่ มกนั ดงั น้ี ตวั อยา่ ง ตารางสารวจ ลักษณะภูมิอากาศ ๐ หนาวเยน็ ๐ อากาศ ร้อนชน้ื ๐ อากาศร้อนแห้ง ๐ อากาศร้อนช้ืน ในท้องถ่ินของเรา หมอกจดั ๐ มีฝนตกใน ๐ มฝี นตกฤดฝู น ๐ มฝี นตกตลอดปี ๐ มีฝนตกใน ฤดูฝน ฤดฝู น ให้นักเรยี นทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องวา่ งทต่ี รงกับลักษณะภมู ิอากาศของท้องถิน่ ตนเอง 3. จบการสารวจ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนา โดยครใู ชค้ าถามและสรุปคาตอบของนักเรยี นเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ดังนี้ ตัวอยา่ งคาถาม และแผนภาพ ถา้ ลกั ษณะภมู ิอากาศในทอ้ งถ่ินของเรามอี ากาศทร่ี ้อนและมีฝนตกชกุ ผปู้ กครองนักเรยี นควรจะ ประกอบอาชีพ ปลกู สร้างบ้าน การบริโภคอาหาร และแตง่ กายในลักษณะใด
เล้ียงสัตวบ์ ก สตั วน์ ้า ขา้ ว สวนผลไม้ ยางพารา สวนปาลม์ น้ามนั 1. การประกอบอาชีพ ปลูกพชื เขตร้อน 2. การสร้างบา้ น ยกตวั บา้ นสูงจากพ้นื ป้องกนั น้าทว่ ม สร้างบา้ นมีช่องหนา้ ต่างมากเพ่อื ระบายอากาศ ภูมิอากาศร้อน อากาศ มฝี นตกชุก 3. การบริโภคอาหาร ปลา ผกั ผลไม้ เน้ือสตั ว์ ขั้นสรุปการเรียนรู้ 4. การแตง่ กาย เตรียมหมวก ร่มไวเ้ สมอ ใส่เส้ือผา้ โปร่งบาง 4. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ การประกอบอาชีพ การสร้างบา้ น การบรโิ ภคอาหาร และการแต่งกายข้นึ อยู่กับลกั ษณะ ภมู ิอากาศของท้องถิ่น 5. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดังนี้ นกั เรยี นชอบลกั ษณะภูมิอากาศแบบใด เพราะอะไร ๖.ใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ 8.2 เรื่อง ภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศกบั ความเปน็ อยู่ของมนุษย์ กจิ กรรมบรู ณาการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย - การเขียนแผนผังความคิดลกั ษณะภมู ิอากาศในท้องถน่ิ ของเรา สื่อการเรยี นรู้ 1. ภาพ แผนทป่ี ระเทศไทย 2. แบบสารวจ ลักษณะภูมอิ ากาศ
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ ปี ระเมิน เครือ่ งมอื เกณฑ์ ใบงานที่ 8.2 เรอ่ื ง ภมู ิ 1. บอกสงิ่ ต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนตาม ใบงานท่ี 8.2 เรอื่ ง ภมู ิ ประเทศและภมู ิอากาศ นกั เรียนทาใบงานที่ ธรรมชาติท่เี กย่ี วภมู ิอากาศกับความ ประเทศและภมู ิอากาศ กับความเป็นอยขู่ อง 8.2 เรื่อง ภูมิ เป็นอย่ขู องมนุษย์ (K) กับความเป็นอยู่ของ มนษุ ย์ ประเทศและ มนษุ ย์ ภูมอิ ากาศกับความ แบบสังเกตพฤตกิ รรม เป็นอยู่ของมนุษย์ 2. จาแนกส่งิ ตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ข้ึนตาม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั ร้อยละ 60 ขึ้น ธรรมชาติท่สี ง่ ผลต่อความเปน็ อยู่ของ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ มนุษย์ (P) นักเรียนมีพฤติกรรม ระดบั ดขี นึ้ ไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ 3. สนใจศกึ ษาเรียนรู้ลักษณะของ แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นมีพฤตกิ รรม ภูมิอากาศท่ีมีความสัมพนั ธก์ ับการ ระดับดขี น้ึ ไป ถือว่า ดาเนินชีวิต (A) ผา่ นเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษาฯ วิชาสังคมศกึ ษาฯ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 เวลา ๗ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี 8 เรอื่ ง ภูมิประเทศและภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม เวลา 1 ชั่วโมง เร่อื ง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ วัฒนธรรม มจี ิตสานกึ และมีส่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรและส่งิ แวดลอ้ มเพื่อการพัฒนาทย่ี ั่งยืน ตัวช้ีวดั ส 5.2 ป.1/2 สังเกตและเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เพ่ือการปฏิบัติตนอย่าง เหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้สตู่ ัวชี้วัด 1. อธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของสิง่ แวดล้อม เพ่ือการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม (K) 2. สงั เกตและเปรียบเทียบการเปลยี่ นแปลงของสง่ิ แวดลอ้ ม เพื่อการปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม (P) 3. สนใจศกึ ษาเรยี นรู้ปรับตัวให้สอดคล้องกับส่ิงแวดล้อมที่เปลยี่ นแปลงไป (A) สาระสาคัญ การเปล่ียนแปลงของสิ่งแวดล้อม เกิดจากการเปล่ยี นแปลงท้งั จากธรรมชาติ และเกิดจากการกระทา ของมนษุ ย์ สาระการเรยี นรู้ การรูเ้ ท่าทนั และปรบั ตัวเข้ากับการเปล่ยี นแปลงของสงิ่ แวดลอ้ ม คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มัน่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น ความสามารถในการคิด ความสามารถในการส่ือสาร
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูนาบตั รคาเก่ยี วกับปจั จัยที่ทาให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงสงิ่ แวดลอ้ มติดบนกระดาน และอ่านคา ดังน้ี ตวั อย่างบัตรคา แสงแดด ลม อากาศ น้าป่ า ฝนชะลา้ ง น้าต้ืนเขิน การประกอบอาชีพ การสร้างโรงเรียน การตดั ไม้ ควนั รถยนต์ ปล่อยน้าเสีย การสร้างบา้ นเรือน ตน้ ไม้ ประกอบ ประกอบอาชีพ คน แล้วคครรูใูแหจ้นกักบเัรตียรนคอา่าในหบ้นัตักรเรคียาทนีลคะนใลบะจแาผก่นนั้นใหค้รนูคักัดเรผียู้แอนทาศนชึกีพนษักเารบียัตนรอคอากขมอางรต่วมนกเอิจงกรจรมากทน่ี หั้นนค้ารชูอ้ันธเิบรียานยก1า2ร เปล่ียนแปลงของสิ่งแวดล้อมท่ีเกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติและการกระทาของมนุษย์ นักเรียนคนไหนได้บัตรคา ท่ีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงส่ิงแวดล้อมที่เกิดจากธรรมชาติให้ไปยืนเรียงแถวแสดงบัตรคาทางด้านซ้ายมือครู นักเรียนท่ีได้บัตรคาการเปลี่ยนแปลงส่ิงแวดล้อมจากการกระทาของมนุษย์ให้ไปยืนขวามือครู กลุ่มไหนทาเสร็จ ก่อนและถูกต้องเป็นผชู้ นะ ข้ันสอน 2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับการเปลย่ี นแปลงของสิง่ แวดล้อม โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี สีบ้านของนักเรียน เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีสีจางลงเกิดจากสาเหตุอะไร (ตัวอย่างคาตอบ ถูกแสงแดดแผดเผาทาใหส้ ีซีดจางลง เปน็ ลักษณะของการเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติ) ลาคลองหรือแม่น้าจากเดิมที่น้าใสสะอาด มีสัตว์น้าอาศัยอยู่มาก แตป่ จั จุบันกลับ ต้ืนเขิน น้าเร่ิมเน่าเสีย สัตว์น้าหายากข้ึน เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทาง ธรรมชาติและการกระทาของมนษุ ย)์ เกิดจากการเปล่ียนแปลงทางธรรมชาติอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ เวลาฝนตกเกิดการชะล้าง เอาตะกอนดนิ ไหลลงแมน่ ้าลาคลอง เวลาผา่ นไปเกดิ การทับถมดนิ ตะกอนทาใหเ้ กดิ การ ตน้ื เขนิ ) เกิดจากการกระทาของมนุษย์อย่างไร (ตวั อยา่ งคาตอบ มนุษย์ปลอ่ ยน้าเสียลงใน แม่นา้ ลาคลอง ทาให้เกิดนา้ เสีย และมนุษยจ์ ับปลาในปริมาณมากจากแม่น้าลาคลองทาใหจ้ านวน สัตว์น้า ลดลง) 3. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาการปรับตวั เข้ากับสิ่งแวดล้อม โดยครใู ช้คาถาม ดังน้ี การเปลี่ยนแปลงของสง่ิ แวดล้อมย่อมสง่ ผลกระทบต่อการดาเนนิ ชีวิตประจาวนั ของนกั เรียน นักเรียนมวี ธิ ีการรู้เทา่ ทนั และปรับตัวเขา้ กบั สิง่ แวดล้อมอย่างไร ครูสรุปคาตอบของนักเรียนเป็นแผนภาพลงบนกระดาน
3. ศึกษาหรือหาทางแกไ้ ข 4. ดูแลรักษาสภาพแวดลอ้ มใหค้ งสภาพเดิม 2. ศึกษาสาเหตุวา่ เกิดจากอะไร 5. ปรับปรุงสิ่งแวดลอ้ มที่เสื่อมโทรม 1. รู้จกั สังเกตการเปล่ียนแปลง การรู้เท่าทนั และ 6. ร่วมกนั รับผิดชอบส่ิงแวดลอ้ ม ของส่ิงแวดลอ้ ม ปรับตัวเข้ากบั 9. ร่วมมือกนั แกป้ ัญหาสิ่งแวดลอ้ ม สิ่งแวดล้อม 7. ไม่เป็ นคนท่ีสร้างปัญหาใหก้ บั ส่ิงแวดลอ้ ม ประกอบอา8ช.ีพหลีกเลี่ยงหรือไม่อยูอ่ าศยั ในสิ่งแวดลอ้ มที่ไม่ดี ขน้ั สรปุ การเรียนรู้ ประกอบอาชีพ 4. ให้นักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี สง่ิ แวดลอ้ มมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ทัง้ จากการเปลยี่ นแปลงทางธรรมชาติและการ กระทาของมนุษย์ ดงั นั้นทุกคนจะต้องรจู้ ักการร่วมมือกันรกั ษาส่งิ แวดลอ้ มใหน้ ่าอยู่อาศยั 5. ให้นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดังนี้ นกั เรียนมีวิธเี ปล่ยี นแปลงส่ิงแวดลอ้ มให้ดขี น้ึ อย่างไร 5. ให้นักเรยี นทาใบงานที่ 8.3 เร่ือง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดลอ้ ม กิจกรรมบรู ณาการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย - การอา่ นคา แสงแดด ลม อากาศ น้าป่ า ฝนชะลา้ ง น้าต้ืนเขิน การประกอบอาชีพ การสร้างโรงเรียน การตดั ไม้ ควนั รถยนต์ ปล่อยน้าเสีย การสร้างบา้ นเรือน ประกอบอาชีพ ตน้ ไม้ ประกอบ สือ่ การเรยี นรู้ อาชีพ 1. บตั รคา การเปล่ียนแปลงของสิง่ แวดล้อม
การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ ปี ระเมนิ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ 1. อธิบายการเปล่ียนแปลงของ ใบงานท่ี 8.3 เรอ่ื ง การ ใบงานท่ี 8.3 เร่ือง การ สิ่งแวดลอ้ ม เพื่อการปฏิบตั ิตนอย่าง เปลีย่ นแปลงของ เปลยี่ นแปลงของ นักเรียนทาใบงานที่ เหมาะสม (K) สิ่งแวดลอ้ ม ส่งิ แวดลอ้ ม 8.3 เรอื่ ง การ เปลย่ี นแปลงของ 2. สงั เกตและเปรยี บเทียบการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม สิ่งแวดล้อม เปลีย่ นแปลงของสง่ิ แวดล้อม เพ่อื ระดับรอ้ ยละ 60 ขึ้น การปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม (P) ไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นมพี ฤติกรรม ระดับดีขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ 3. สนใจศึกษาเรียนรปู้ รบั ตัวให้ แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นมีพฤติกรรม สอดคลอ้ งกับสิ่งแวดล้อมที่ ระดับดีขึน้ ไป ถือว่า เปลย่ี นแปลงไป (A) ผ่านเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษาฯ วชิ าสังคมศึกษาฯ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา ๗ ชวั่ โมง หน่วยท่ี 8 เรอื่ ง ภูมปิ ระเทศและภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม เวลา 1 ช่ัวโมง เรือ่ ง การจัดระเบยี บส่ิงแวดลอ้ มทบี่ า้ นและโรงเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิด การสร้างสรรค์ วฒั นธรรม มจี ิตสานกึ และมสี ว่ นร่วมในการอนุรักษท์ รัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพอ่ื การพัฒนาท่ียั่งยืน ตัวชวี้ ัด ส 5.2 ป.1/3 มสี ว่ นร่วมในการจัดระเบยี บสง่ิ แวดลอ้ มท่ีบา้ นและช้ันเรยี น จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 1. อธิบายการจดั ระเบียบสิง่ แวดล้อมที่บ้านและโรงเรียน (K) 2. ปฏิบัติตนในการมีส่วนร่วมในการจดั ระเบยี บสภาพแวดล้อมทางกายภาพ เชื่อมโยงปฏิสมั พันธ์ ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพ (P) 3. เห็นความสาคญั ของการจัดระเบียบสง่ิ แวดลอ้ มภายในบา้ นและโรงเรียน (A) สาระสาคญั การจดั ระเบยี บสิ่งแวดลอ้ มท่ีบ้านและโรงเรียน ทาใหท้ ่ีบา้ นนา่ อยูอ่ าศยั และท่โี รงเรียนน่าเรยี นหนงั สือ สาระการเรยี นรู้ การจดั ระเบียบส่ิงแวดลอ้ มท่ีบ้านและโรงเรยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมั่นในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา ความสามารถการใชท้ ักษะชีวติ
การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกบั บ้านของตนเอง โดยครูใชค้ าถาม ดังนี้ บา้ นของนกั เรยี นมหี อ้ งอะไรบา้ ง (ตวั อยา่ งคาตอบ หอ้ งนอน ห้องน้า ห้องครวั หอ้ งรบั แขก) 2. ครรู ้องเพลงบา้ นของเรา ให้นกั เรียนฟงั และใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อ่านเน้ือร้องตามเนื้อเพลงต่อไปน้ี คาร้อง / ทานอง : เนรัญชรา บ้านของเรา บา้ นคือวมิ านของเรา เราซ้ือเราช่วยเราปลูกของเราตามใจ ยอ่ มเป็นสถานทิพยว์ มิ านพอหาได้ เป็นที่เกิดที่ตายท่ีเราสร้างไวค้ อยท่า บา้ นคือวมิ านของคน ถึงแมย้ ากจนก็ตอ้ งดิ้นรนอยา่ จนปัญญา เพื่อสนิทในนิทราใหต้ ื่นมามองโลกชื่นใจ หาบา้ นสกั หลงั ที่พอประทงั ชีวา มีเสียงระฆงั จากกงั สดาลพลิ้วไป บา้ นฉนั มีเพลงฝันใหฟ้ ัง มีความรักมีน้าใจ มีให้อภยั มีกรุณา ยามพบความเศร้ารีบกลบั บา้ นเราจะเปรมปรีดา มีสวนไมด้ อกผลิบานกา้ นกอช่อใบ คอยเราอยทู่ ุกเวลาในชายคาเขตบา้ นเรา บา้ นคือวมิ านของเรา เพราะบา้ นเรามีรักน้าใจอภยั กรุณา จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ดงั น้ี เนอ้ื หาในเพลงกล่าวถึงเร่ืองใด (บ้าน) บ้านมปี ระโยชน์กบั นกั เรยี นอยา่ งไร (เป็นทีอ่ ยู่อาศัย ได้นอนหลบั พกั ผ่อน) ขนั้ สอน 3. ครรู ้องเพลงโรงเรียนของเรา ให้นกั เรียนฟงั และนกั เรียนร่วมกนั อา่ น และรอ้ งตามเนอ้ื เพลงต่อไปน้ี โรงเรียนของเรา โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เดก็ ๆ จะไมซ่ ุกซน พวกเราทุกคนชอบไปโรงเรียน ชอบไป ชอบไปโรงเรียน ชอบไป ชอบไปโรงเรียน จากนน้ั ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ดงั น้ี เนื้อเพลงกลา่ วถงึ เร่ืองใด (โรงเรยี น) โรงเรยี นมคี วามสาคัญกับนักเรียนอย่างไร (เป็นท่เี รียนหนังสือ ทาใหม้ คี วามรู้) ในโรงเรยี นมสี ถานทส่ี าคัญอะไรบ้าง (อาคารเรยี น หอประชมุ เสาธง โรงอาหาร)
4. ครูแบง่ นักเรยี นออกเปน็ 2 กลมุ่ ดงั นี้ กล่มุ ที่ 1 มาเล่าวธิ ีการจัดระเบียบสิ่งแวดล้อมทบ่ี ้านของตนเอง กลมุ่ ท่ี 2 มาเลา่ วิธกี ารจดั ระเบยี บส่งิ แวดลอ้ มท่โี รงเรียนของตนเอง โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ ออกมาเลา่ ถึงวธิ กี ารของตนเองในการจัดระเบียบส่ิงแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนให้น่าอยู่ อาศยั อยา่ งไร 5. จบการนาเสนอของกลุ่มที่ 1 การจัดระเบียบสง่ิ แวดล้อมที่บา้ น ให้ครูสรุปเปน็ แผนภาพลงบนกระดาน ดงั นี้ ตวั อย่างแผนภาพ 3. ทานขา้ วเสร็จจดั เก็บจานขา้ ววางในที่จดั ไวส้ าหรับลา้ ง 2. หลงั ตื่นนอนจดั เกบ็ ที่นอนใหเ้ รียบร้อย 4. ไม่ทิ้งขยะลงบริเวณบา้ นควรทิ้งบริเวณท่ีจดั ไว้ 1. เกบ็ เส้ือผา้ ให้เป็ นระเบียบ การจัดระเบยี บ 5. จดั เกบ็ เครปื่อรงะใชกสอ้ ่บวนอาตชวั ีพใหอ้ ยใู่ นท่ีจดั เก็บ สิ่งแวดล้อมท่ี 8. ช่วยพ่อกบั แม่ทางานบา้ น บ้าน 6. ปัดกวาดเช็ดบา้ นใหส้ ะอาด 7. ปลูกตน้ ไมใ้ หร้ ่มรื่นน่าอยู่ 6. จบการนาเสนอของกลุ่มท่ี 2 กาปรจรัดะกระอเบบอียาบชสีพ่ิงแวดล้อมที่โรงเรียน ให้ครูสรุปเป็นแผนภาพลงบน กระดาน ดงั นี้ ตัวอย่างแผนภาพ 3. ช่วยกนั ปลูกตน้ ไมภ้ ายในโรงเรียน 2. ทิง้ ขยะลงในสถานท่ีจดั ไวใ้ ห้ 4. จดั เก็บหนงั สือท่ีอา่ นแลว้ ใหเ้ ป็นระเบียบ 1. ช่วยกนั ทาความสะอาดบริเวณ การจัดระเบียบ 5. ดูแลรักษาความสะอาดในหอ้ งเรียน โรงเรียน ส่ิงแวดล้อมท่ี 8. จดั เก็บภาชนะใส่อาหารในท่ีจดั ไว้ โรงเรียน 7. ยนื เขา้ คิวซ้ือของตามลาดบั มาก่อน - หลงั 6. จดั โตะ๊ เกา้ อ้ีเรียนภายในหอ้ งเรียนให้เป็นระเบียบ ขั ขน้ั สรปุ การเรียนรู้ 7. ให้นักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้ ดงั นี้ บ้านจะน่าอยู่อาศัยและโรงเรียนน่าเรียนหนงั สือจะต้องรู้จักจัดระเบียบสิ่งแวดลอ้ มภายในบา้ น และโรงเรียนให้มีความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย
8. ให้นกั เรียนทาใบงานที่ 8.4 เรือ่ ง การจดั ระเบียบสิง่ แวดลอ้ มทบี่ ้านและโรงเรยี น (การบา้ น) 9. ใหน้ กั เรียนทาช้นิ งานที่ 8.1 เรอื่ ง ภมู ิประเทศและภูมิอากาศ ส่งิ แวดลอ้ มจาลอง 10. ทดสอบหลังเรยี น กจิ กรรมบูรณาการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย - การอ่านประโยคเพลงบ้านของเรา และเพลงโรงเรยี นของเรา สื่อการเรียนรู้ 1. เพลงบ้านของเรา และเพลงโรงเรียนของเรา การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วิธีประเมิน เครือ่ งมือ เกณฑ์ ใบงานท่ี 8.4 เรอ่ื ง การ จดุ ประสงค์ ใบงานท่ี 8.4 เรือ่ ง การ จัดระเบยี บส่ิงแวดลอ้ มที่ นกั เรยี นทาใบงานที่ จดั ระเบียบส่ิงแวดลอ้ มที่ บา้ นและโรงเรยี น 8.4 เร่อื ง การจดั 1. อธบิ ายการจดั ระเบยี บสงิ่ แวดล้อม บ้านและโรงเรยี น ระเบียบสิง่ แวดล้อมที่ ท่ีบา้ นและโรงเรยี น (K) ชน้ิ งานท่ี 8.1 เรื่อง ภูมิ บา้ นและโรงเรียน ประเทศและภูมิอากาศ ระดับรอ้ ยละ 60 ข้นึ 2. ปฏบิ ตั ิตนในการมสี ว่ นรว่ มในการ ชิน้ งานท่ี 8.1 เรื่อง ภูมิ สง่ิ แวดลอ้ มจาลอง ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ จดั ระเบยี บสภาพแวดล้อมทาง ประเทศและภูมิอากาศ แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นทาช้นิ งานท่ี 8.1 เร่ือง ภมู ิ กายภาพ เชอ่ื มโยงปฏิสัมพันธ์ สง่ิ แวดล้อมจาลอง ประเทศและ ภูมิอากาศ ระหว่างมนษุ ย์กับสภาพแวดล้อมทาง สงิ่ แวดล้อมจาลอง ระดับรอ้ ยละ 60 ขน้ึ กายภาพ (P) ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นความสาคญั ของการจัด แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรม ระเบียบสิง่ แวดลอ้ มภายในบ้านและ ระดับดีขน้ึ ไป ถือว่า โรงเรยี น (A) ผา่ นเกณฑ์
บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1.นักเรยี นจานวน 55 คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ 55 คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๑๐๐ ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ ........-.........คนคดิ เปน็ ร้อยละ........๐.......... 2. แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นที่ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ 3.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ไม่ผ่าน............คน ผา่ น............คน ด.ี ..............คน ดีเยยี่ ม..............คน ระดบั ดขี ้นึ ไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน ไมผ่ า่ น...........คน ผา่ น............คน ดี...............คน ดเี ยีย่ ม.............คน ระดับดีขึน้ ไป ร้อยละ..................... 5.นกั เรยี นเกิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ใดบ้าง ทาเคร่ืองหมาย ในช่องว่างทต่ี รงกับทักษะท่เี กดิ 3R อา่ นออก เขยี นได้ มที ักษะในการคานวณ 8C การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา การสรา้ งสรรค์ ความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ การส่ือสาร ด้านความรว่ มมือ การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา ทกั ษะการเปล่ียนแปลง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะอาชีพ และทักษะการ เรยี นรู้ ผลการจัดการเรยี นการสอน/ปญั หา/ อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลงสภาพอากาศในรอบวนั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง การเกดิ ฝน เมฆ ในบรรยากาศ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เรือ่ ง สารวจการเปลย่ี นแปลงสภาพแวดล้อม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง ภูมิประเทศกบั ความเปน็ อยู่ของมนุษย์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ...................................................................................................................... ..................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง ภูมอิ ากาศกบั ความเป็นอยู่ของมนุษย์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....................................................................................................................................................... .................... แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 เร่ือง การเปลยี่ นแปลงของส่งิ แวดล้อม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................................. .............................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เร่อื ง การจดั ระเบียบส่ิงแวดล้อมทีบ่ ้านและทโี่ รงเรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. .............................................. ลงชือ่ .................................................. (นางสาวจรี วรรณ ปฏิวงศ)์ ตาแหน่ง ครู
ความคดิ เหน็ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รับรอง ............................................................................................................................. ..................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… .................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………………… (นางสาวจีรวรรณ ปฏิวงศ์ ) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ...................../......................./๒๕๖4 ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………...........…………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (นางสาวกันยาภัทร ภทั รโสตถิ) ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คาสวสั ด์ริ าษฎรบ์ ารุง) ...................../......................./๒๕๖4
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: