Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง

Published by รัตน์ ประทุม, 2021-04-12 06:07:23

Description: เศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

สรุปผลการจดั กจิ กรรม การเรยี นร้หู ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปงี บประมาณ 2564 (ไตรมาส1-2) โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพอ่ื เศรษฐกิจพอเพียงทีย่ ่ังยืน ในวนั ท่ี 22 มนี าคม 2564 ณ ศูนยเ์ รยี นรูโ้ คกหนอง นา โมเดล ม. 8 ต.หนองเหียง อำเภอพนัสนคิ ม จงั หวัดชลบุรี กศน.ตำบลหน้าพระธาตุ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอพนสั นิคม สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดชลบุรี

คำนำ กศน.ตำบลหน้าพระธาตุ สังกัด ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพนัสนิคม ได้จัดทำ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพียงท่ีย่ังยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วม กิจกรรมมีการขยายผลการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ในชุมชนและส่งเสริมผู้อบรมมีความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนกับภูมิ ปัญญาท้องถ่ิน และสามารถนำไปประกอบอาชีพ และมีรายได้เสริมให้กับตนเอง ซ่ึงมีการสรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการ ดังกล่าวเพ่ือต้องการทราบว่าการดำเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้หรือไม่ บรรลุในระดับใดและได้จัดทำ เอกสารสรุปผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเสนอต่อผ้บู ริหาร ผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลไปใช้ ในการปรบั ปรงุ และพัฒนาการดำเนินโครงการใหด้ ียิง่ ข้ึน คณะผู้จดั ทำ ขอขอบคณุ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพนสั นคิ ม ทใี่ ห้คำแนะนำ คำปรึกษา ในการจดั ทำสรปุ ผลการจดั กิจกรรมการเรียนร้หู ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในครั้งน้ี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารสรุปผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงฉบับน้ี จะเป็น ประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานโครงการและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในการนำไปใช้ ในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ต่อไป กศน.ตำบลหนา้ พระธาตุ มีนาคม 2564

สารบัญ หนา้ ก หวั เร่ือง ข คำนำ ค สารบญั 1 สารบญั ตาราง 3 บทที่ 1 บทนำ 12 บทที่ 2 เอกสารการศึกษาและงานวจิ ัยท่ีเกีย่ วข้อง 15 บทท่ี 3 วิธีดำเนินงาน 20 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล บทที่ 5 อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม คณะผจู้ ัดทำ

สารบัญตาราง หนา้ ตารางที่ 15 15 1. ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการทตี่ อบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามเพศ 16 2. ผ้เู ข้าร่วมโครงการที่ตอบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามอายุ 16 3. ผู้เขา้ ร่วมโครงการทีต่ อบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามอาชีพ 16 4. ผเู้ ข้าร่วมโครงการท่ตี อบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามระดบั การศึกษา 17 5. แสดงคา่ รอ้ ยละเฉลี่ยความสำเร็จของตัวชวี้ ดั ผลผลติ ประชาชนทั่วไป 17 6. คา่ เฉลี่ยและส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ในภาพรวม 18 7. คา่ เฉลี่ยและสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจฯ โครงการ ดา้ นบรหิ ารจดั การ 18 8. คา่ เฉล่ยี และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจฯ โครงการ ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 9. คา่ เฉลี่ยและสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ดา้ นประโยชน์ที่ไดร้ บั

1 บทที่ 1 บทนำ หลกั การและเหตผุ ล ท่ามกลางปัญหาการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มสี าเหตหุ ลักมาจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างไร้ขอบเขต ของมนษุ ย์ ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างตอ่ สมดลุ ระบบนิเวศและส่ิงแวดลอ้ ม การเกดิ ปรากฏการณ์ต่างๆ ท่เี ป็นภัยคุกคามตอ่ แหลง่ ผลติ อาหาร เชน่ ความแห้งแลง้ นำ้ ท่วม โรคระบาดศตั รูพืช และอนื่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะวิกฤตทส่ี ่งผลกระทบต่อ ภาคการเกษตรอย่างมาก คือ การเกดิ ภยั แล้งที่นับวันจะมีความรุนแรงเพ่มิ ขึน้ ในทกุ ปีที่ผา่ นมา ประเทศไทยรบั มือกบั ปัญหา ภัยแลง้ ในหลากหลาย รูปแบบ เช่น การสรา้ งอา่ งเกบ็ นำ้ การสรา้ งเข่ือน หรือการจดั ทำระบบชลประทาน ซ่ึงรูปแบบเหลา่ น้ี สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ในบางพ้ืนที่ของประเทศไทยเทา่ น้ัน สำหรับพ้นื ทห่ี า่ งไกลนอกเขตชลประทานทม่ี ีพนื้ ท่ี ถึง 121,200,000 ไร่ ยงั คงตอ้ งประสบกบั ปญั หาการขาดแคลนนำ้ เพือ่ ใชใ้ นการเกษตร รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล จึงเป็นรูปแบบหน่ึงของการแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดการน้ำ ท่ีสถาบันเศรษฐกิจ พอเพยี งและมูลนิธิกสกิ รรมธรรมชาติ ได้นอ้ มนำพระราชดำรสั ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพล อดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ดา้ นการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้บริหารจัดการน้ำ และพืน้ ท่ี การเกษตร โดยมีการผสมผสานกับภูมิปัญญาพื้นบ้านให้สอดคล้องกัน โดยแบ่งพื้นท่ีเป็นสัดส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ดังนี้ 30% สำหรับแหล่งน้ำ โดยการขุดบ่อ ทำหนองและคลองไส้ไก่ 30% สำหรับทำนา ปลูกข้าว 30% สำหรับทำโคกหรือป่า ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ก็คือปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้และไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้ได้ประโยชน์ คือ มีกิน มีอยู่ มีใช้ มี ความสมบูรณ์ และความร่มเย็น และ 10% สำหรับที่อยู่อาศัย และเล้ียงสัตว์ เช่น ไก่ ปลา วัว และควาย เป็นต้น ซึ่งเป็น ผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้ากับภูมิปัญญาพ้ืนบ้านที่อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นท่ีน้ันๆ โคก หนอง นา โมเดล เป็นการทีใ่ ห้ธรรมชาตจิ ัดการตวั เองโดยมี มนษุ ยเ์ ป็นส่วนส่งเสริมให้สำเรจ็ เร็วข้นึ อยา่ งเป็นระบบ จากเหตุผลดังกล่าว กศน.ตำบลหน้าพระธาตุ กศน.ตำบลสระสี่เหล่ียม กศน.ตำบลหัวถนน และกศน.ตำบลหนอง ปรือ สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ได้เล็งเห็นความสำคัญ จึงได้ จัดทำโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพียงที่ยั่งยืนขึ้น วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้ผู้อบรมมีความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับโคก หนอง นา โมเดล 2. เพอ่ื ใหผ้ ู้อบรมสามารถนำความรูไ้ ปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เปา้ หมาย (Outputs) จำนวน 5 คน จำนวน 5 คน เป้าหมายเชิงปริมาณ จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลหน้าพระธาตุ จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลสระสีเ่ หล่ียม รวมทั้งสน้ิ 20 คน - ประชาชนตำบลหวั ถนน - ประชาชนตำบลหนองปรือ

2 เป้าหมายเชิงคุณภาพ - เพ่อื ให้ผ้อู บรมมคี วามรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกับโคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกจิ พอเพียงทยี่ ั่งยนื และ สามารถนำความรู้ไปปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ ผลลัพธ์ - เพื่อใหผ้ อู้ บรมมีความรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับโคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพยี งท่ียั่งยืนและสามารถนำ ความร้ไู ปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ ดชั นีชว้ี ดั ผลสำเร็จของโครงการ 1. ตวั ช้ีวัดผลผลติ (Outputs) - รอ้ ยละ 80 ของผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม มีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. ตัวช้ีวัดผลลัพธ์ (Outcomes) - ร้อยละ 80 ของ ผูเ้ ขา้ รับการอบรม นำความรู้ทไี่ ด้รับไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจำวนั และขยายผล สร้างวิถีชวี ติ ที่ยง่ั ยืนได้ วงเงินงบประมาณทง้ั โครงการ ท่ี รายการ จำนวน ราคา: จำนวนเงิน หมายเหตุ หนว่ ย (บาท) คน (บาท) 400.- 1 คา่ ตอบแทนวิทยากร 1 2,000.- 1 คน x 400 บาท x 5 ชั่วโมง 120.- 2,400.- 20 คน x 120 บาท x 1 ม้ือ 2 คา่ อาหารกลางวนั 20 1,400.- 20 คน x 35 บาท x 2 มื้อ 35 400.- 20 เล่ม x 20 บาท 3 ค่าอาหารว่างและเครอื่ งดมื่ 20 500.- 20 ใบ x 25 บาท 20 100.- 20 ด้าม x 5 บาท 4 คา่ จา้ งทำคู่มอื ประกอบการอบรม 20 40.- 10 แผ่น x 4 บาท 25 60.- 2 มว้ น x 30 บาท 5 คา่ กระเป๋าใสเ่ อกสาร 20 5 1,100 8,000.- 6 ค่าปากกา 20 4 7 ค่ากระดาษบรฟู๊ 30 8 ค่ากระดาษกาว 9 ค่าวัสดุฝึก รวมเป็นเงินทงั้ สนิ้

3 บทที่ 2 เอกสารการศึกษาและงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง ในการจัดทำสรปุ ผลโครงการอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงทีย่ ั่งยนื คร้ังน้ี คณะ ผู้จัดทำโครงการไดท้ ำการค้นควา้ เนอ้ื หาเอกสารการศึกษาและงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ดังนี้ 1. กรอบการจัดกจิ กรรมการเรียนรูห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. เอกสาร/งานวิจัยทเ่ี กีย่ วข้อง 1. กรอบการจัดกจิ กรรมการเรยี นรหู้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง นโยบายเรง่ ด่วนเพื่อร่วมขับเคล่ือนยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศ ภารกิจต่อเนื่อง 1. ด้านการจัดการศึกษาและการเรยี นรู้ 1.3 การศึกษาตอ่ เน่ือง 4) การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งผ่านกระบวนการเรียนรูต้ ลอดชีวิต ใน รูปแบบต่างๆ ให้กบั ประชาชน เพ่อื เสรมิ สร้างภมู ิคุ้มกนั สามารถยนื หยัดอยูไ่ ด้อย่างม่นั คง และมีการบริหาร จดั การความเสย่ี ง อย่างเหมาะสม ตามทศิ ทางการพัฒนาประเทศส่คู วามสมดุลและย่งั ยนื 2. เอกสาร/งานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เปน็ ปรัชญาชถี้ ึงแนวการดำรงอยู่ และปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครวั ระดบั ชมุ ชนจนถงึ ระดบั รัฐ ทง้ั ในการพฒั นา และบรหิ ารประเทศใหด้ ำเนนิ ไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพอ่ื ใหก้ า้ วทันต่อโลกยุคโลกาภวิ ัตน์

4 ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภมู คิ ้มุ กันในตัวที่ดี พอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปล่ยี นแปลงทัง้ ภายนอก และภายใน ทง้ั น้จี ะต้องอาศยั ความรอบรู้ ความ รอบคอบ และความระมดั ระวังอย่างยิง่ ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผน และการดำเนนิ การทุกข้ันตอน และ ขณะเดยี วกนั จะต้องเสรมิ สรา้ งพื้นฐานจติ ใจของคนในชาตโิ ดยเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธรุ กิจในทุกระดับให้ มสี ำนึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให้มีความรอบร้ทู เ่ี หมาะสม ดำเนนิ ชวี ติ ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพอ่ื ใหส้ มดุล และพร้อมต่อการรองรบั การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกว้างขวางท้ังดา้ นวตั ถุ สิง่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี ประการท่ีสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไวก้ นิ เองบ้าง ปลูกไมผ้ ลไว้หลงั บ้าน 2-3 ตน้ พอทจี่ ะมีไวก้ นิ เองในครวั เรือน เหลือจึง ขายไป พออยู่พอใช้ ทำใหบ้ ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลนิ่ เหม็น ใชแ้ ตข่ องที่เปน็ ธรรมชาติ (ใช้จลุ นิ ทรยี ์ผสมน้ำถพู น้ื บ้าน จะสะอาดกวา่ ใช้น้ำยาเคม)ี รายจ่ายลดลง สขุ ภาพจะดีขนึ้ (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล) พออกพอใจ เราต้องรจู้ กั พอ รู้จกั ประมาณตน ไมใ่ คร่อยากใคร่มีเช่นผู้อ่ืน เพราะเราจะหลงติดกับวตั ถุ ปญั ญาจะไมเ่ กิด \"การจะเปน็ เสือนน้ั มันไมส่ ำคัญ สำคญั อยู่ท่ีเราพออยูพ่ อกนิ และมีเศรษฐกจิ การเป็นอยู่แบบพอมพี อกนิ แบบพอมพี อกิน หมายความวา่ อมุ้ ชูตวั เองได้ ใหม้ พี อเพยี งกบั ตัวเอง\" พระราชดำรสั ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวฯ หลักแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพียง การพฒั นาตามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง คือการพัฒนาที่ตัง้ อยู่บนพืน้ ฐานของทางสายกลาง และความไมป่ ระมาท โดย คำนึงถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภูมิคุ้มกันทด่ี ีในตวั ตลอดจนใชค้ วามรู้ความรอบคอบ และคณุ ธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำ

5 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มหี ลกั พิจารณาอยู่ 5 สว่ น ดังนี้ กรอบแนวคดิ เปน็ ปรัชญาทช่ี ้ีแนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยมพี ้ืนฐานมาจากวิถี ชีวติ ดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเปน็ การมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา และเปน็ การมองโลกเชิงระบบที่มกี ารเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ม่งุ เน้นการรอดพน้ จากภัย และวิกฤต เพ่ือความ มัน่ คง และความยงั่ ยนื ของการพฒั นา คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทกุ ระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทาง สายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขนั้ ตอน คำนยิ าม ความพอเพยี งจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลกั ษณะ พร้อม ๆ กันดังนี้ ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ่ีไม่น้อยเกนิ ไป และไม่มากเกนิ ไปโดยไมเ่ บียดเบียนตนเอง และผู้อน่ื เช่น การผลติ และการบรโิ ภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สนิ ใจเกี่ยวกับระดบั ของความพอเพียงน้ัน จะต้องเปน็ ไปอย่างมีเหตผุ ล โดยพจิ ารณา จากเหตุปัจจยั ทเ่ี กี่ยวข้องตลอดจนคำนงึ ถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดข้นึ จากการกระทำนน้ั ๆ อย่างรอบคอบ การมภี ูมคิ ุ้มกันท่ีดใี นตวั หมายถงึ การเตรยี มตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลย่ี นแปลงดา้ นตา่ ง ๆ ท่จี ะเกดิ ข้นึ โดย คำนึงถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ท่คี าดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคตท้ังใกล้ และไกล เงอ่ื นไข การตดั สินใจและการดำเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ให้อยูใ่ นระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยท้งั ความรู้ และคณุ ธรรม เปน็ พนื้ ฐาน กล่าวคือ

6 เง่อื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบร้เู กีย่ วกบั วชิ าการตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำ ความรู้เหล่าน้นั มาพจิ ารณาให้เชอื่ มโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน และความระมัดระวงั ในขน้ั ปฏบิ ตั ิ เง่ือนไขคณุ ธรรม ท่จี ะต้องเสริมสร้างประกอบดว้ ย มีความตระหนักในคณุ ธรรม มีความซอ่ื สัตย์สุจรติ และมีความ อดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชวี ติ แนวทางปฏบิ ตั ิ / ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั จากการนำปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ คอื การพัฒนาท่ี สมดลุ และยั่งยนื พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกดา้ น ท้ังด้านเศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี การทำแปลงผกั ถาวร/การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ ขอ้ ดีของการปลูกผักปลอดภัยจากสารพษิ 1. ทำ ให้ได้พชื ผกั ท่ีมีคุณภาพ ไมม่ สี ารพิษตกค้าง เกดิ ความปลอดภยั แก่ผู้บรโิ ภค 2. ช่วยให้เกษตรกรผ้ปู ลูกผักมีสุขภาพอนามยั ดขี นึ้ เน่ืองจากไม่มีการฉีดพ่นสารเคมปี ้องกัน และกำ จดั ศัตรูพชื ทำ ใหเ้ กษตรกรปลอดภยั จากสารพิษเหล่าน้ดี ้วย 3. ลดตน้ ทนุ การผลติ ของเกษตรกรดา้ นคา่ ใชจ้ ่ายในการซ้ือสารเคมปี ้องกันและกำ จัดศัตรูพชื 4. ลดปรมิ าณการนำ เข้าสารเคมปี ้องกนั และกำ จัดศัตรูพชื 5. เกษตรกรจะมรี ายไดเ้ พ่ิมมากข้ึน เนอื่ งจากผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ ทำ ให้สามารถขายผลผลิตได้ในราคา สูงข้นึ 6. ลดปรมิ าณสารเคมีป้องกนั และกำ จดั ศัตรพู ชื ท่จี ะปนเปื้อนเขา้ ไปในอากาศและน้ำ ซงึ่ เป็น การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและลดมลพิษของสิ่งแวดล้อมไดท้ างหน่งึ วิธกี ารผลติ ผักปลอดภัยจากสารพิษ ในการปลูกผกั ปลอดภยั จากสารพษิ นัน้ จะใชห้ ลักการปลกู พืชผักโดยการใช้สารเคมีในการผลติ ใหน้ อ้ ยทส่ี ุด หรอื ใช้ ตามความจำ เป็นและจะใช้หลกั ??การป้องกนั และกำ จดั ศัตรูพืชโดยวธิ ีผสมผสาน หรอื ไอพีเอ็ม แทนแต่การที่จะป้องกันและ กำ จดั ศตั รูพืชใหไ้ ด้ผลนัน้ จะต้องเลอื กวธิ ีท่ีประหยัดเหมาะสมและมีประสิทธภิ าพ ซ่งึ ผู้ปลูกจะต้องเข้าใจเรือ่ งต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ดังน้ี การเตรยี มแปลงปลกู เนือ่ งจากเมลด็ พชื ผกั สว่ นใหญ่มีขนาดเลก็ มีระบบรากละเอียดอ่อน ถ้าเกษตรกรเตรยี มดินไม่ดีก็อาจมผี ลกระทบต่อ การงอกของเมลด็ และการเจริญเตบิ โตของพชื ผักได้ ดังนนั้ ก่อนการปลูกพชื ควรมกี ารปรับสภาพดนิ ให้เหมาะสมเสียก่อน โดยเฉพาะในพ้นื ท่ที เี่ คยมกี ารปลูกผักหรือพืชชนิดอ่ืนโดยการปลอ่ ยน้าํ ใหท้ ว่ มแปลงแลว้ สูบออก เพื่อให้น้าํ ชะล้างสารเคมแี ละ กำ จัดแมลงต่างๆ ที่อาศัยอยใู่ นดิน แล้วจงึ ทำ การไถพลกิ หน้าดนิ ตากแดดไว้ เพ่ือทำ ลายเชอ้ื โรคและแมลงศตั รูท่ีอาศยั อย่ใู น ดินอกี ครั้ง จากนัน้ เกษตรกรควรจะปรับสภาพความเปน็ กรดเป็นดา่ งของดินให้อยูใ่ นสภาพท่ีเป็นกลาง โดยใช้ปนู ขาว ปูน มาร์ล หรอื แรโ่ ดโลไมท์ อัตรา 200-300 กโิ ลกรัม/ไร่ แลว้ รดนํ้าตามหลังจากการใส่ปูนขาวเพื่อปรบั สภาพดนิ ท่ีเป็นกรดใหเ้ ป็น กลางนอกจากน้ีควรเพมิ่ ความอดุ มสมบูรณ์ของดนิ ดว้ ยการใสป่ ุ๋ยอนิ ทรยี ์เชน่ ปุย๋ คอก ป๋ยุ หมกั ในอัตรา 1,000-2,000 กโิ ลกรมั /ไร่ ซึ่งจะช่วยใหต้ น้ พืชผกั มีความแข็งแรงสามารถต้านทานตอ่ การเข้าทำ ลายของโรคและแมลงได้โรยปนู ขาวเพอ่ื ปรับสภาพดินการปลกู ผักปลอดภยั จากสารพิษ

การเตรียมเมลด็ พนั ธุ์ 7 ก่อนนำ เมลด็ พันธุ์ผกั ไปปลกู ในแปลงปลูกหรือแปลงกลา้ เกษตรกรควรทำ ความสะอาดเมล็ดพันธ์ุก่อน ตามขนั้ ตอน ดังนี้ 1. คัดแยกเมลด็ พันธ์ุ โดยการคดั เมลด็ ท่ีเสยี เมล็ดวัชพชื ท่ีมีอยปู่ ะปน และส่ิงเจือปนต่างๆออก 2. แชเ่ มล็ดพันธใุ์ นนาํ้ อุ่น ท่ีอุณหภมู ิ 50-55 องศาเซลเซียส เป็น เวลา 15-30 นาที จะช่วยลดปรมิ าณเชือ้ โรคท่ีติดมา กับเมล็ดพนั ธุ์และยังกระต้นุ การงอกของเมลด็ อีกด้วย 3. ในพน้ื ท่ีที่มกี ารระบาดของโรครานํ้าค้าง และโรคใบจดุ ควรคลุกเมลด็ พันธุ์ด้วยสารเคมีเชน่ เมทาแล็กซิน 35 เปอรเ์ ซ็นต์ SD (เอพรอน) และไอโปรไดโอน (รอฟรลั ) อตั รา 10 กรัม / เมล็ดพนั ธุ์ 1 กโิ ลกรมั การปลูกและการดูแล การเลือกวิธกี ารปลูก ระยะปลกู เป็นเท่าใดนั้นจะขึ้นอยูก่ บั ชนิดของพืชผกั ทีเ่ กษตรกรเลือกปลูกแต่มีขอ้ แนะนำ คือ เกษตรกรควรปลกู ผกั ให้มีระยะหา่ งพอสมควร อยา่ ใหแ้ น่นจนเกินไป เพื่อให้มีการระบายอากาศท่ีดี เปน็ การปรบั สภาพแวดล้อมไมใ่ หเ้ หมาะสมตอ่ การระบาดของโรค นอกจากนค้ี วรหมั่นตรวจแปลงอยเู่ สมอ โดยอาจเลือกสำรวจเปน็ จุดๆ ประมาณ 10-20 จดุ /ไร่ ถ้าพบวา่ มกี ารระบาดของโรคและแมลงในระดบั ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พืชผกั นัน้ ก็ควรดำ เนนิ การกำ จัดโรคและแมลงทีพ่ บทันที การใชส้ ารสกัดจากพืช พืชทน่ี ิยมนำ มาใช้สกดั เปน็ สารควบคมุ โรคและแมลง คือ สะเดา เน่ืองจากในสะเดามสี ารอะซาดแิ รคติน (Azadirachtin) ซ่ึงมีคุณสมบัติช่วยในการปอ้ งกันและกำ จัดแมลงไดโ้ ดย •สามารถใชฆ้ ่าแมลงไดบ้ างชนดิ • ใช้เป็นสารไล่แมลง • ทำ ให้แมลงไมก่ นิ อาหาร • ทำ ให้การเจริญเติบโตของแมลงผิดปกติ • ยบั ยง้ั การเจรญิ เติบโตของแมลง • ยับยัง้ การวางไข่และการลอกคราบของแมลง • เปน็ พษิ ต่อไข่ของแมลง ทำ ให้ไข่ไม่ฟกั • ยับยงั้ การสร้างเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารของแมลง วิธีการใช้ คือ นำ เอาผลสะเดาหรือสะเดาที่บดแลว้ 1 กโิ ลกรมั แชใ่ นนํา้ 20 ลติ ร ท้ิงค้างคืนไว้ 1 คืน แตถ่ ้าเกษตรกรมีเครื่อง กวนส่วนผสมดังกล่าว กจ็ ะลดเวลาเหลอื เพยี ง 3-4 ชั่วโมง ขอ้ ควรระวัง พชื บางชนิดเม่อื ได้รบั สารนแ้ี ล้วอาจเกดิ อาการใบไหม้เหี่ยวยน่ หรือต้นแคระแกร็น ดังน้ีเม่ือพบอาการตา่ งๆ เหล่านี้ ก็ ควรจะงดใชส้ ารสกดั จากสะเดาทันทีชนิดของแมลงท่สี ามารถกำจัดไดด้ ้วยสะเดา 1. ชนิดทใี่ ช้แลว้ ไดผ้ ลดี ได้แก่ หนอนใยผัก หนอนหนังเหนียว หนอนกระทู้ชนดิ ต่างๆ หนอนกดั กนิ ใบ หนอนเจาะ ยอด หนอนชอนใบ หนอนมว้ นใบ หนอนหวั กะโหลก 2. ชนดิ ทใี่ ช้แล้วไดผ้ ลปานกลาง ไดแ้ ก่ เพลีย้ จักจ่ัน หนอนเจาะ สมอฝ้าย หนอนต้นกลา้ ถั่วแมลงหวข่ี าว แมลงวนั ทอง เพลี้ยไก่แจ้ เพล้ยี ออ่ น

8 3. ชนดิ ท่ใี ชแ้ ล้วได้ผลน้อย ได้แก่ หนอนเจาะฝกั ถั่ว เพลี้ยไฟ ไรแดง มวนและด้วงชนดิ ต่างๆ พืชผักที่ใชส้ ารสกดั จากสะเดาได้ผล ได้แก่ ผักคะน้า กวาง ผักกาดหอม กะหลา่ํ ปลี กะหลํ่าดอก แตงกวา แตงโม แตงเทศ มะเขือเทศ มะเขือยาว หน่อไมฝ้ ร่ัง ขา้ วโพดอ่อน พริกขหี้ นู ตำลงึ มะนาว มะกรดู การใช้สารแคมีป้องกนั และกำจัดศัตรพู ชื จากข้อมลู ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งต้น ในการปฏบิ ัติจรงิ ของเกษตรกรน้ัน เกษตรกรต้องหม่ันตรวจแปลงปลูกพืชของตน อย่างสมํ่าเสมอ เพอ่ื เปน็ การพยากรณส์ ถานการณ์ของศัตรูพืชในแปลงของตน เมอ่ื ทราบสถานการณ์แล้วจึงพิจารณาเลอื กใช้ วิธีการปอ้ งกนั และกำ จัดท่ีเหมาะสม แต่ในกรณที ไ่ี ม่สามารถควบคมุ หรือไมม่ ีวธิ กี ารควบคุมใดที่ใชไ้ ด้ผลแลว้ เกษตรกรอาจใช้ สารเคมีในการควบคมุ ศัตรูพืชนั้นๆ คือ 1. เป็นสารเคมที ี่เหมาะสมกบั ศัตรูพชื ชนดิ น้นั 2. สารเคมนี ้นั สลายตวั ได้เรว็ 3. ใช้ในอัตราทีเ่ หมาะสมตามคำ แนะนำ 4. เว้นระยะการเกบ็ เกยี่ วผลผลิตตามคำ แนะนำ ทั้งนีเ้ พ่ือไม่กอ่ ใหเ้ กดิ อันตราย หรือมีสารพิษตกค้างในพชื ผกั นัน้ และมีความปลอดภยั ต่อผู้บริโภคอกี ด้วย ผกั สวนครวั รวั้ กินได้ วธิ ีปลูก ผกั สวนครัวรวั้ กนิ ได้ : ผกั สวนครวั ตามรอยพ่อ ตามวถิ ี เศรษฐกิจพอเพียง ปลกู ทุกอย่างที่กนิ กนิ ทุกอย่างท่ี ปลูก ใช้ชีวิตเรยี บงา่ ย พออยู่พอกินพอประมาณ มีภูมคิ ุ้มกัน ปจั จบุ ันเม่อื รปู แบบการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญเ่ ปล่ียนไป อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมท่ี เปลีย่ นแปลง โดยการดำเนินชวี ิตอย่บู นการแกง่ แยง่ แขง่ ขันกันเพ่ือการมชี วี ติ รอด ดังนัน้ การทำงานเพ่ือหาเงนิ จึงต้องเร่งรีบ แตม่ เี วลาจำกัดเท่าเดมิ จนทำให้คนส่วนใหญ่ ต้องอาศยั อำนาจเงนิ เพอื่ ซื้ออาหารสำเร็จรปู หรือไม่ก็ ฝากท้องอันหิวโหยไว้กับ ร้านอาหารนอกบา้ น ถึงแมว้ ่าบางมื้ออาจจะประกอบอาหารขึน้ เองเพือ่ รบั ประทานกันภายในครอบครวั บ้าง แตว่ ัตถดุ บิ ประเภทผักทุกชนิดกต็ ้องไปซ้ือท่ีตลาดซ่ึงไมว่ า่ จะเป็นอาหารทท่ี ำกนิ เองหรืออาหารทีซ่ อื้ คนอนื่ กิน ลักษณะรูปแบบการ ประกอบอาหารแบบไทยๆ ทุกประเภท มักจะต้องใชผ้ กั สวนครวั เปน็ ส่วนประกอบ แตเ่ รากไ็ มส่ ามารถตรวจสอบแหลง่ ทีม่ า ของผักสวนครวั เหลา่ นัน้ ได้ จงึ ไมส่ ามารถทำให้ร้ไู ด้เลยว่า ผักสวนครัวท่รี บั ประทานเขา้ ไปนัน้ จะปลอดภยั จากสารเคมี ยาฆ่า แมลง ยาปราบศตั รูพืชหรอื ไม่ เพราะที่คนปลกู หรือเกษตรกรกจ็ ำเป็นต้องใช้ยา สารเคมีต่างๆ เชน่ ปุ๋ยเคมี ออร์โมนต่างๆ ใน การปลกู พชื ผักให้เจรญิ เติบโตและได้ผลผลิตทด่ี ี นอกจากน้ีแลว้ การเพาะปลูกยงั ขึ้นอยู่กับสภาพแวดลอ้ มเช่น อณุ หภูมิ อากาศ หากปัจจัยเหล่าน้เี กิดการแปรปรวน หรอื แม้แต่เมื่อสารอาหารในดินลดลง จนทำใหผ้ ักสวนครวั ทป่ี ลูก ไดผ้ ลผลิตที่ไม่ดี อาทเิ ช่น วชั พชื เจรญิ เติบโตเรว็ กว่าพชื ที่ ปลกู แมลงศตั รูพชื มจี ำนวนมากข้ึน เมื่อผลผลติ ต่ำและไมค่ ุ้มทนุ ก็จะทำให้รายไดข้ องคนเพาะปลูกไม่เพียงพอตอ่ การอย่รู อด จึงกลายเป็นตน้ เหตุท่ีทำใหเ้ กษตรกร จำเปน็ ต้องใชเ้ คมภี ณั ฑ์ สารเคมี ป๋ยุ เคมี ใส่สารเรง่ ฮอร์โมนในพืชและใสส่ ารกำจัด ศตั รูพืช นอกจากนี้ยังมกี ารวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตร์เชน่ การปลูกพชื GMO แทนพชื ตน้ กำเนิด กเ็ พราะต้องการตอบสนองความ ต้องการผลผลติ พืชผักสวนครัวทสี่ ูงมากข้นึ จึงกลายเป็นที่มาของสารเคมีตกคา้ งในผักจึงทำให้ผเู้ ขียนฉุกคดิ ถึงแนวทาง เศรษฐกจิ พอเพียง ท่ีไม่จำเป็นตอ้ งไปซือ้ ผักปนเปือ้ นสารเคมีที่ตลาดมาบรโิ ภค แตใ่ ชว้ ธิ พี ึ่งตนเอง แบง่ เวลาหลงั จากทำงาน ด้วยการปลูกผกั ไว้กินเอง การปลูก ผกั สวนครัวร่ัวกนิ ได้ ตามรอยพ่อ อยู่แบบพอประมาณ ทำใหเ้ ราสามารถปลูกผกั สวนครวั ไร้สารพิษ ด้วยการใชป้ ุย๋ คอกแทนปยุ๋ เคมีและหากมีความจำเปน็ ต้องใชส้ ารเคมีบา้ ง แต่ก็ยงั มน่ั ใจไดว้ ่าสารเคมใี นพืชผักสวน ครวั ที่เราปลกู เองน้ัน ไดส้ ลายไปกับนำ้ ทใี่ ช้รดพืชผกั แลว้ การปลูกผักสวนครัวไม่มีความจำเป็นต้องใช้พน้ื ทมี่ าก

9 อาศยั เพียงพนื้ ทเี่ ล็กน้อยตามร่วั บ้าน ขา้ งบา้ น บ้านใดไมม่ รี ั่ว เปน็ คอนโด ก็สามารถปลูกผักสวนครัวในกระถางได้การปลูกผัก สวนครวั ร้วั กินได้ ผกั สวนครวั ตามรอยพ่อ หมายถึง ผกั สวนครัวที่เจรญิ เติบโตไดด้ ี ตามลักษณะภูมิอากาศ ในทอ้ งถิ่นน้นั ๆ เป็นผกั ทีใ่ ชเ้ ปน็ ส่วนประกอบอาหารหลักและเปน็ ผักท่ีนยิ มบรโิ ภค ตามวัฒนธรรมและประเพณีการอยู่การกินของคนใน ทอ้ งถ่นิ เป็นพชื ผักสวนครัวที่ปลกู ไดง้ า่ ย ไม่จำเป็นต้องดูแลยาก สามารถใสป่ ุ๋ยอินทรีย์ท่ีไดจ้ ากมลู สตั ว์ตา่ งๆ แทนปุย๋ เคมีได้ ซึ่งมตี ้นทุนสำหรบั การปลูกและการดูแลไมส่ งู และทสี่ ำคัญไม่จำเป็นตอ้ งใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง เพื่อดแู ลให้พืชเจรญิ เติบโตได้ ดีผักสวนครัวรั้วกนิ ได้มปี ระโยชน์ เป็นได้ทง้ั รัว้ บ้าน แถมยงั สามารถนำมารบั ประทานได้อีกดว้ ย นอกจากนผ้ี ักสวนครัวทมี่ ีอยู่ ในไทยมีประโยชนม์ ากมาย เป็นผกั ทใ่ี ห้สารตา้ นอนุมูลอสิ ระสูงและผักสวนครวั บางชนดิ มีสรรพคุณ ใช้เปน็ ยาสมนุ ไพรยารกั ษา โรค ลดอาการเจบ็ ป่วย ขบั เสมหะ ดังน้ันการรบั ประทานผักสวนครวั ท่ปี ลูกเอง ดีต่อคนรักสขุ ภาพ ช่วยทำให้สขุ ภาพร่างกาย แข็งแรง สามารถสรา้ งภมู ิตา้ นทานโรคได้ดี ลดการปว่ ยไข้ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งไปหาหมอ ไม่ตอ้ งเสียคา่ รักษาพยาบาลได้อีกด้วย ผักสวนครวั รว้ั กินได้ โดยสว่ นใหญ่ทีค่ วรปลูก มักเป็นผักทีใ่ ช้ปรุงแต่งรสชาติหรือใช้เปน็ สว่ นประกอบหลักในการปรงุ อาหาร เพื่อทำใหร้ สชาติของอาหารกลมกลอ่ มและมีความอรอ่ ยยง่ิ ขนึ้ เช่น อาหารประเภทตม้ และแกง ต้องมีพริก ขา่ ตระ ไคร้ ใบโหระพา ผกั ชีฝร่ัง อาหารประเภทผดั ก็ต้องมี พรกิ กระเพรา วิธีปลกู ผกั สวนครวั รว้ั กนิ ได้ ตามวิถเี ศรษฐกิจพอเพียง ” ผักสวนครัว ตามรอยพ่อ ” มีดงั ตอ่ ไปน้ี ผกั สวนครัวรั้วกนิ ได้ 1. พริก เปน็ สว่ นประกอบของอาหารสำหรับเมนูอาหารไทยแทบทุกเมนกู ว็ ่าได้ วิธีปลกู นำเมลด็ พริกจากเม็ดสกุ ตากแดดใหแ้ ห้งประมาณ 1 สัปดาห์ พรวนดินขา้ งๆบ้านแล้วนำเมล็ดโรยบนหลุม สัก 4-5 เมล็ด ห่างประมาณ 50 เซนตเิ มตร เกลี่ยดิน รดนำ้ เมอื่ ตน้ กล้าโตให้ถอนเหลือไวเ้ พียง 1 ต้นต่อหลุม ประมาณ 3 เดือนจะได้เม็ดพริกมารบั ประทาน 2. ขิง สามารถบรโิ ภคได้ทง้ั ใบและหวั ใบสามารถนำมาใส่ในแกงได้ เม่อื ใส่ในแกงจะทำให้นำ้ แกงมีกลิ่นหอมนา่ รบั ประทาน หวั สามารถนำมาผดั เปน็ อาหารได้ ทำน้ำขิงไว้ดื่มแก้กระหาย ขิงเกิดได้งา่ ย การปลกู สามารถใช้กง่ิ ย่อยจากหวั แก่ นำไปฝงั ในดินขา้ งๆบา้ น เมื่อขงิ เกดิ 4-5 ใบให้ใส่ปยุ๋ คอก 3. ข่า สำหรับเมนูยอดฮติ และเป็นอาหารไทยที่ได้รับการยอมของต่างชาติ ตดิ อันดับตน้ ๆของโลกเลยก็ว่าได้น้ันคือ ต้มยำ นอกจากน้ลี ำตน้ อ่อนสามารถนำมารับประทานได้ ใส่ในต้มยำได้ ต้มจิ้มนำ้ พริกได้ ข่าเป็นพชื ที่ปลูกไดง้ า่ ยมากแค่นำแงง่ ข่าแกต่ ิดลำตน้ ตดั ใบทิง้ ไปฝังในดนิ เป็นพชื ทนแลง้ ไดด้ ี เม่ือเกิดแล้วสามารถรดนำ้ สัปดาห์ละครง้ั กเ็ พียงพอ ถ้าจะใหด้ ี ทำดนิ รว่ นซุยได้ด้วยการใส่แกลบผสมกบั ปุ๋ยคอก 4. ตระไคร้ ใส่ในอาหารประเภทตม้ ยำหรือแกงได้ ใสใ่ นยำต่างเป็นสมนุ ไพร ทำนำ้ สมนุ ไพร นอกจากนีใ้ บตระไครย้ ัง สามารถนำมาใช้ในการลดกล่ินคาวตา่ งๆ เช่นการย่างปลามักจะเอาตระไคร้ใส่ในท้องปลา ปลูกได้งา่ ยๆคลา้ ยกับการปลูกข่า โดยการแบง่ ต้นตระไครจ้ ากกอใหญ่ท่ีมีรากติด ตัดใบออกให้หมด ขดุ หลมุ กวา้ งประมาณ 15เซนติเมตร และลึก 5-8 เซนตเิ มตร นำปุ๋ยคอกรองก้นหลุมเลก็ น้อยวางใหล้ ำตน้ เอยี ง 60 องศาวางประมาณ 5 ลำตน้ ใหร้ อบหลมุ 5. โหระพา มักใสใ่ นอาหารประเภทตม้ ต้มโคลง้ ต้มแซบ กินดิบใช้กินกบั ลาบ เป็นผกั ให้มีกลิน่ หอมน่ารับประทาน วิธีการปลกู เหมอื นปลูกพริก 6. กระเพรา ใบดิบจะมีกลนิ่ ฉุน เมอ่ื นำไปผดั ใสใ่ นอาหารจะสง่ กล่นิ หอมนา่ รบั ประทาน มักจะถูกนำมาใชใ้ นการ ประกอบอาหารในเมนูยอดนิยมทีไ่ ปส่ังได้ในร้านอาหารแทบทกุ ร้าน ผัดกระเพรา หมูเห็ด เปด็ ไก่ กระเพราะเป็นยาสมุนไพร สามารถขับเสมหะได้ วธิ ีการปลกู เหมอื นปลูกพริก 7. ตน้ หอม ชว่ ยให้อาหารมีกล่ินน่ารบั ประทาน ตน้ หอมสามารถปลูกได้ 2 วิธีคอื การแบ่งจากกอใหญ่ หรือสามารถนำ เมลด็ มาปลูกได้งา่ ยๆเหมอื นกับการปลูกพรกิ ต้นหอมยงั มสี ารอาหารทีช่ ว่ ยใหร้ ะบบลำไส้ทำงานได้ดี

8. ผักชฝี ร่งั ใสใ่ นต้มยำ แกงต่างๆและยงั สามารถนำมากนิ สดๆเปน็ เครอื่ งเคยี งกับปลาเผา เมี่ยงคำ แหนมเนือง การ ปลูกสามารถปลกู ได้ 2 วธิ ที ีค่ ล้ายกบั การปลูกตน้ หอมไดเ้ ลย 9. ใบมะกรดู สารพดั ประโยชน์ ได้ทั้งการทำอาหารใส่ในต้มยำ ทำอาหารประเภทยำ นอกจากนย้ี งั สามารถใชเ้ ปน็ ยา สมุนไพรเป็นสว่ นประกอบของลูกประคบ ทำน้ำมนั หอมระเหย ผลสุกนำไปทำยาสระผมท่ีมกี ล่นิ หอม การปลกู ทำได้โดยการ นำเมล็ดผลสุก มาตากแดดให้แหง้ ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วนำไปเพาะในถงุ ก่อนลงดินขา้ งบา้ นต่อไป 10. มะเขือถือเป็นพชื อีกชนิดหนงึ่ ทีน่ ยิ มปลกู กนั ทกุ ภาคทว่ั ไทย เพราะมะเขือปรากฏใหเ้ หน็ อยูใ่ นอาหารประจำภาค มะเขือปลูกได้งา่ ยๆ โดยการนำผลสุก แกะเมลด็ ออกนำไปตากแดดให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ การปลูกทำได้ 2 รปู แบบจะ เพาะต้นกล้าก่อนปลกู หรือสามารถนำเมล็ดไปใสใ่ นหล่มุ ท่ีเตรยี มไวไ้ ด้ทนั เม่อื ตน้ กลา้ เกิดกใ็ ห้ถอนออกไวใ้ ห้เหลือเพียงหลุม ละ 1 ตน้ ก็เพียงพอแล้ว 11. บวบ เปน็ พืชตระกลู เถาวัลย์ สามารถทำอาหารในรปู แบบง่ายๆได้เชน่ การนำไปเป็นสว่ นประกอบอาหาร ประเภทแกง ตม้ นึง่ การขยายพนั ธุ์สามารถปลกู ไดง้ ่าย ไม่ตอ้ งดแู ลมาก เป็นผกั สวนครวั ท่ีสามารถปลกู กินไดท้ ่วั ไป ปลูกโดย การใช้เมล็ด เม่ือเรม่ิ ตน้ อ่อนเลอ่ื ยยอดแลว้ ตอ้ งทำการสร้างนั่งรา้ นให้ตน้ บวบไต่ยอดไปตามโครงสร้างนง่ั รา้ น เพื่อป้องกัน ไมใ่ หล้ กู ของบวบติดกับดนิ ป้องกนั แมลงเจาะผลบวบ ถึงแมว้ า่ สังคมวฒั นธรรมท่ีเปล่ียนแปลง ความเจรญิ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแข่งขัน เพ่ือการอยรู่ อด การยา้ ยถ่นิ ฐาน คนในชนบทเข้ากรุง เขา้ สังคมเมอื ง แต่พนื้ ท่ีในเมืองจำกัดท่ีอยู่อาศัยคบั แคบ ทำให้ไม่มบี ริเวณรอบบา้ น รัว้ บ้านทสี่ ามารถปลูก ผกั สวนครวั ได้ แตก่ ็ไมใ่ ชป่ ญั หาอีกต่อไป เพราะผักสวนครวั ไมจ่ ำเปน็ ต้องใชพ้ ืน้ ที่มาก สามารถปลูกได้ในกระถาง ปลูกบนชน้ั ดาดฟา้ กย็ ังได้ แตก่ ็ควรปลกู ผกั สวนครัว ให้เหมาะสมกบั พืน้ ทีท่ ี่ตนเองมี ปลกู ในส่งิ ที่กนิ กินในส่งิ ทีป่ ลกู มธั ยสั ถ์คือการใชช้ ีวติ อยู่แบบพอเพียง พออยู่ พอกนิ ไมเ่ ดือดร้อนตวั เองและผู้อื่น การทำตามคำที่พอ่ สอน ผักสวนครวั รั้ว กินได้ เปน็ การปลูก ผกั สวนครัว ตามรอยพ่อ ไว้กินเอง นับวา่ ได้ประโยชน์ท้งั รา่ งกาย จติ ใจ ประหยัดแถมยงั มสี ุขภาพดี แขง็ แรง ปลอดภัยจากสารเคมี 100% “โคก หนอง นา โมเดล” โคก สรา้ งโคกบนพ้ืนทีข่ องตนเอง จากการนำดินที่ไดจ้ ากการขุดหนอง นำมาถมเปน็ โคกเพอ่ื สร้างทีอ่ ยู่อาศัย ปลูกผกั เล้ียงสัตว์ รวมทง้ั ปลกู ต้นไม้ตามแนวทางศาสตร์พระราชา คอื “ปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง” เพือ่ พอกนิ เพ่ือใชส้ อยใน ครวั เรอื นหรือพอใช้ และเพ่ือสรา้ งท่ีอยู่อาศัยหรือพออยู่ จากนนั้ ประโยชน์อย่างท่ี 4 คือ ชว่ ยสร้างสมดลุ ระบบนิเวศ เพราะ ใบไม้ทรี่ ว่ งหล่นจะช่วยปกคลุมหน้าดนิ ในขณะทีร่ ากจำนวนมากชว่ ยดดู ซับนำ้ ฝน เพ่ือกักเกบ็ น้ำไว้ใต้โคกเปน็ น้ำใตด้ ินเพม่ิ ความช่มุ ช้นื หนอง ขุดหนอง รปู รา่ งคดโคง้ อิสระ ไม่เปน็ ส่เี หลยี่ ม เพ่อื เกบ็ น้ำไวใ้ ชย้ ามหน้าแล้งหรอื จำเปน็ และสามารถใช้เปน็ ที่ รองรบั นำ้ ยามน้ำท่วมหลาก และเป็นแหลง่ ท่ีอยูอ่ าศัยของปลา นา ยกหวั คันนาให้กวา้ งและสูงอยา่ งน้อย 1 เมตร ธรรมชาติของข้าวจะทะลึง่ น้ำไม่จมนำ้ ตาย เพ่ือเพ่ิมพ้ืนท่ีกกั เก็บนำ้ ไวใ้ นนา ขดุ รอ่ งใกล้หวั คนั นา เปน็ ที่อย่ขู องปลา ปู ปัน้ หัวคันนาให้มีความกว้างมากพอท่ีจะปลกู ตน้ ไม้ พชื ผกั ให้มีรากยดึ เหนีย่ วคันนา และเพิ่มพน้ื ที่ทำกิน

11 คลองไส้ไก่ ช่วยระบายน้ำรอบพน้ื ท่ี โดยขดุ ใหม้ ีลักษณะคดเคยี้ ว เพื่อใหน้ ้ำไหลได้ทั่วถึงตลอดทั้งพ้ืนทเี่ พื่อใชท้ ำ การเกษตรและชว่ ยเพ่ิมความชมุ่ ช้ืนให้กบั ผืนดินและต้นไมโ้ ดยรอบ ฝายชะลอน้ำ ชว่ ยชะลอและกักเก็บนำ้ จากตน้ น้ำไว้ในพืน้ ที่ เพอ่ื ไม่ให้น้ำหลากลงมาสรา้ งความเสยี หายกับพน้ื ท่ีลุ่ม ดา้ นล่างและช่วยกกั ตะกอนดินไม่ให้ลงมาสะสมในหนอง คลอง บึง หรือเขื่อน นอกจากน้ัน สำหรบั พ้ืนที่กลางน้ำฝายชะลอ น้ำยงั ช่วยยกระดับน้ำเพอื่ เกบ็ ไว้ในพนื้ ท่ีอีกด้วย ดว้ ยรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” นี้ หากมีเกษตรกรมีพ้ืนที่รายละ 10 ไร่ คิดเปน็ 1 หลมุ ขนมครก จะสามารถเกบ็ กักน้ำ ได้ปีละประมาณ 40,000 ลกู บาศก์เมตรตอ่ ปโี ดยเปน็ นำ้ บนดินประมาณ 20,000 ลูกบาศกเ์ มตร และเม่ือมปี ่าชุ่มชืน้ จะ สามารถเกบ็ กกั นำ้ ใต้ดนิ ได้เพ่ิมขน้ึ อีก ถา้ ทุกคนในลุ่มน้ำป่าสกั หรืออยา่ งน้อย 100,000 ราย ร่วมมอื รว่ มใจกันสรา้ ง 100,000 หลุมขนมครก จะสามารถเก็บกกั น้ำได้กว่าส่ีพนั ล้านลกู บาศก์เมตรต่อปี คิดเป็นมากกวา่ 4 เท่าของความจุเข่ือนป่า สักชลสทิ ธ์ิ จะสามารถแก้ไขปัญหานำ้ ท่วมได้และทสี่ ำคัญคือมนี ้ำเก็บไวใ้ ชย้ ามหนา้ แล้ง สามารถปลกู พชื พันธ์ไุ ดต้ ลอดปี มีพอ กนิ พออยู่ พอใช้ เกิดทงั้ “ประโยชน์ตนและประโยชน์ทา่ น” ในเวลาเดยี วกัน

12 บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ งาน การดำเนินโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่อื เศรษฐกิจพอเพยี งทย่ี ่ังยืนไดด้ ำเนินการตาม ขน้ั ตอนต่างๆ ดงั นี้ 1. ขั้นเตรียมการ  การศกึ ษาเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับโครงการปราชญ์ชาวบ้านกบั วถิ เี ศรษฐกจิ พอเพียง ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ งเพ่ือเปน็ ข้อมลู และแนวทางในการดำเนนิ การโครงการอบรม เชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพยี งท่ยี ั่งยนื ดังนี้ 1. ศึกษาเอกสาร / ค่มู ือ ข้อมูลจากหนังสือ เก่ียวกบั การเรยี นรมู้ งุ่ สูค่ วามพอเพียงเพ่ือเป็นแนวทางเกย่ี วกบั การจัด โครงการอบรมเชงิ ปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพยี งทีย่ ่ังยืน 2. ศกึ ษาขั้นตอนการดำเนนิ โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงทยี่ ั่งยืน เพ่ือ เป็นแนวทางในการจัดเตรียมงาน วสั ดอุ ุปกรณ์ และบคุ ลากรใหเ้ หมาะสม  การสำรวจความตอ้ งการของประชาชนในพน้ื ที่ (ตามนโยบายของรัฐบาล) กล่มุ ภารกิจ การจดั การศึกษานอกระบบ มอบหมายให้ ครู กศน.ตำบล สำรวจความตอ้ งการของ กลุ่มเป้าหมายเพื่อทราบความต้องการทแี่ ทจ้ รงิ ของประชาชนในตำบล และมีขอ้ มลู ในการจัดกิจกรรมท่ีตรงกับความต้องการ ของชุมชน  การประสานงานผู้นำชุมชน / ประชาชน /วิทยากร 1. ครู กศน.ตำบล ไดป้ ระสานงานกบั หัวหนา้ /ผ้นู ำชุมชนและประชาชนในตำบลเพอ่ื ร่วมกันปรกึ ษาหารือใน กลมุ่ เกยี่ วกับการดำเนินการจัดโครงการให้ตรงกับความต้องการของชุมชน 2. ครู กศน.ตำบล ไดป้ ระสานงานกับหนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ งเพือ่ จัดหาวิทยากร  การประชาสัมพนั ธโ์ ครงการฯ ครู กศน.ตำบล ได้ดำเนินการประชาสมั พันธก์ ารจัดโครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อ เศรษฐกจิ พอเพียงท่ยี ่ังยืน เพ่ือใหป้ ระชาชนทราบขอ้ มลู การจดั กิจกรรมดงั กลา่ วผ่านผนู้ ำชมุ ชน  ประชุมเตรียมการ / วางแผน 1) ประชุมปรึกษาหารือผทู้ เ่ี กี่ยวข้อง 2) เขียนโครงการ วางแผนมอบหมายงานให้ฝา่ ยต่างๆ เตรยี มดำเนนิ การ 3) มอบหมายหนา้ ท่ี แต่งตัง้ คณะทำงาน  การรบั สมัครผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการฯ ครู กศน.ตำบล ไดร้ ับสมัครผเู้ ขา้ ร่วมโครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่อื เศรษฐกิจ พอเพียงทีย่ ั่งยืน โดยใหป้ ระชาชนทัว่ ไปท่ีอาศยั อยู่ในพนื้ ทก่ี ศน.ตำบลหน้าพระธาตุ กศน.ตำบลสระสีเ่ หล่ยี ม กศน.ตำบล หัวถนน และกศน.ตำบลหนองปรือ ตำบลละ 5 คนรวมทง้ั สิ้น 20 คน  การกำหนดสถานที่และระยะเวลาดำเนนิ การ ครู กศน.ตำบล ได้กำหนดสถานท่ีในการจัดอบรม ณ ศูนย์เรียนรู้โคกหนอง นา โมเดล หมู่ท่ี 8 ตำบลหนองเหียง อำเภอพนสั นคิ ม จังหวดั ชลบรุ ี ในวนั ที่ 22 มนี าคม พ.ศ. 2564 จำนวน 1 วัน เวลา 08.00-15.30 น.

13 2. ข้นั ดำเนนิ งาน  กลุ่มเปา้ หมาย กลมุ่ เป้าหมายของโครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพยี งทยี่ ั่งยืน - ประชาชนตำบลหน้าพระธาตุ จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลสระส่เี หลยี่ ม จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลหวั ถนน จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลหนองปรือ จำนวน 5 คน รวมทัง้ สน้ิ 20 คน  สถานทดี่ ำเนนิ งาน ครู กศน.ตำบล จัดกจิ กรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพยี งท่ยี ่ังยนื โดย จัดกจิ กรรมอบรมให้ความรู้ ในวนั ท่ี 22 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 08.00-15.30 น. ณ ณ ศนู ย์เรยี นรู้โคกหนอง นา โมเดล หมูท่ ี่ 8 ตำบลหนองเหยี ง อำเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบรุ ี  การขออนุมัตแิ ผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตำบล ไดด้ ำเนินการขออนมุ ัติแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรหู้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โครงการอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพยี งท่ยี ่ังยนื ต่อสำนกั งาน กศน.จังหวดั ชลบรุ ี เพ่ือให้ ต้นสังกดั อนุมัตแิ ผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  การจัดทำเคร่ืองมือการวัดความพงึ พอใจของผู้รว่ มกิจกรรม เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการติดตามประเมนิ ผลโครงการ ไดแ้ ก่ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ  ขั้นดำเนนิ การ / ปฏบิ ตั ิ 1. เสนอโครงการเพอ่ื ขอความเห็นชอบ/อนมุ ตั ิจากต้นสังกดั 2. วางแผนการจดั กจิ กรรมในโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพยี งท่ี ยั่งยนื โดยกำหนดตารางกจิ กรรมทก่ี ำหนดการ 3. มอบหมายงานให้แก่ผ้รู บั ผิดชอบฝา่ ยต่างๆ 4. แตง่ ตง้ั คณะกรมการดำเนินงาน 5. ประชาสมั พนั ธ์โครงการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพียงทีย่ ั่งยืน 6. จดั กิจกรรมโครงการโครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงทยี่ ่ังยืน ตามตารางกจิ กรรมท่กี ำหนดการ 7. ติดตามและประเมินผลโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่อื เศรษฐกิจพอเพยี งที่ ย่ังยืน

14 3. การประเมนิ ผล  วเิ คราะหข์ ้อมลู 1. บนั ทกึ ผลการสงั เกตจากผู้เข้ารว่ มกจิ กรรม 2. วิเคราะห์ผลจากการประเมินในแบบประเมนิ ความพึงพอใจ 3. รายงานผลการปฏบิ ัติงานรวบรวมสรปุ ผลการปฏบิ ตั งิ านของโครงการนำเสนอต่อผบู้ ริหารนำปญั หา ขอ้ บกพร่องไปแก้ไขครัง้ ตอ่ ไป  คา่ สถติ ทิ ่ีใช้ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละในการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ ตามแบบสอบถามคิดเป็นรายขอ้ โดยแปลความหมายค่าสถิตริ ้อยละออกมาไดด้ งั น้ี คา่ สถิตริ อ้ ยละ 90 ข้นึ ไป ดีมาก ค่าสถติ ริ ้อยละ 75 – 89.99 ดี คา่ สถติ ริ ้อยละ 60 – 74.99 พอใช้ ค่าสถิตริ ้อยละ 50 – 59.99 ปรบั ปรุง ค่าสถติ ิรอ้ ยละ 0 – 49.99 ปรบั ปรุงเร่งด่วน ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นรายข้อซึ่งมีลักษณะเป็นค่าน้ำหนักคะแนน และ นำมาเปรียบเทียบ ได้ระดับคุณภาพตามเกณฑ์การประเมนิ ดงั นี้ เกณฑก์ ารประเมิน (X) ค่าน้ำหนกั คะแนน 4.50 – 5.00 ระดับคณุ ภาพ คือ ดีมาก คา่ น้ำหนกั คะแนน 3.75 – 4.49 ระดบั คณุ ภาพ คือ ดี ค่านำ้ หนักคะแนน 3.00 – 3.74 ระดบั คุณภาพ คือ พอใช้ คา่ น้ำหนักคะแนน 2.50 – 2.99 ระดับคุณภาพ คอื ตอ้ งปรับปรงุ คา่ น้ำหนกั คะแนน 0.00 – 2.49 ระดับคุณภาพ คอื ต้องปรับปรงุ เรง่ ดว่ น

15 บทท่ี 4 ผลการดำเนนิ งานและการวิเคราะหข์ ้อมลู ตอนที่ 1 รายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพอื่ เศรษฐกจิ พอเพียงท่ียั่งยนื การจัดกจิ กรรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพอื่ เศรษฐกจิ พอเพียงทย่ี ั่งยนื สรปุ รายงานผล การจดั กิจกรรมไดด้ ังนี้ ในการจัดกจิ กรรมอบรมให้ความรู้ตามโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงท่ี ย่ังยืน เป็นการอบรมใหค้ วามรู้ โดยมี นางประไพ สรุ ินทร์ เป็นวทิ ยากรในการบรรยายให้ความรู้ เรอ่ื ง จุดเร่มิ ตน้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง การดำเนนิ ชวี ิตตามแนวพระราชดำริพอเพยี ง การปลกู พชื ผักสวนครวั ปลอดสารเคมี หลงั จากเสร็จส้ินกจิ กรรม ดังกล่าวแล้ว ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม มีความรู้ ความเขา้ ใจในหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและนำความรู้ทีไ่ ดร้ บั มาปรับใชใ้ น ชีวิตประจำวนั ตอนท่ี 2 รายงานผลความพึงพอใจของโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกจิ พอเพยี งที่ ยง่ั ยนื การจดั กิจกรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกจิ พอเพียงทยี่ ั่งยืน ซึง่ สรุปรายงาน ผลจากแบบสอบถามความคดิ เห็น ขอ้ มูลท่ีได้สามารถวิเคราะหแ์ ละแสดงคา่ สถิติ ดังน้ี ตารางที่ 1 ผู้เข้ารว่ มโครงการทีต่ อบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามเพศ รายละเอียด เพศ หญงิ ชาย 19 95 จำนวน (คน) 1 ร้อยละ 5 จากตารางที่ 1 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามทเ่ี ข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพยี งที่ย่ังยืน เป็นชาย 1 คน คิดเป็นร้อยละ 5 และเป็น หญงิ จำนวน 19 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 95 ตารางท่ี 2 ผู้เขา้ รว่ มโครงการทต่ี อบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามอายุ รายละเอยี ด อายุ (ปี) อายุ 15-29 30 - 39 40 - 49 50-59 60 ข้นึ ไป 9 10 จำนวน (คน) - - 1 45 50 รอ้ ยละ - - 5 จากตารางท่ี 2 พบว่าผตู้ อบแบบสอบถามทีเ่ ข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นร้หู ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพยี งท่ียั่งยนื มีอายุ 40 – 49 ปี จำนวน 1 คน คดิ เป็น รอ้ ยละ 5 มีอายุ 50 – 59 ปี จำนวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 45 และมีอายุ 60 ปีข้นึ ไป จำนวน10 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 50

ตารางที่ 3 ผูเ้ ข้ารว่ มโครงการทต่ี อบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามอาชพี 16 รายละเอียด เกษตรกรรม รับจ้าง อาชพี ค้าขาย อื่นๆ รบั ราชการ/รัฐวสิ าหกิจ - 1 - 5 จำนวน (คน) 18 1 - ร้อยละ 90 5 - จากตารางท่ี 3 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามที่เขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรหู้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพียงท่ีย่ังยนื มีอาชีพเกษตรกรรม จำนวน 19 คน คิด เปน็ รอ้ ยละ 90 มีอาชีพรับจา้ ง จำนวน 1 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 5 อาชพี อื่นๆ จำนวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5 ตารางที่ 4 ผู้เข้ารว่ มโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามระดับการศึกษา รายละเอยี ด ระดบั การศึกษา การศกึ ษา ประถม ม.ต้น ม.ปลาย/ปวช. ปวส./ป.ตรีข้นึ ไป - จำนวน (คน) 5 12 5 - ร้อยละ 20 60 20 จากตารางท่ี 4 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามที่เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงท่ยี ั่งยนื มรี ะดับประถม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อย ละ 20.00 มีระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ จำนวน 12 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 60 และมีระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จำนวน 5 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 20 ตารางที่ 5 แสดงคา่ ร้อยละเฉลย่ี ความสำเร็จของตวั ชว้ี ดั ผลผลติ ประชาชนท่ัวไปเข้ารว่ มโครงการจำนวน 15 คน เป้าหมาย(คน) ผลสำเรจ็ ของโครงการ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20 ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ(คน) 100 20 จากตารางท่ี 5 พบวา่ ผลสำเรจ็ ของตัวช้วี ัดผลผลิตกจิ กรรมการเรยี นรูห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกจิ พอเพยี งท่ยี ่ังยืน มีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 คน คิด เปน็ ร้อยละ 100 ซง่ึ บรรลเุ ป้าหมายด้านตัวช้วี ัด ผลผลติ

17 ตารางท่ี 6 คา่ เฉล่ียและสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีมคี วามพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่อื เศรษฐกิจพอเพยี งทยี่ ่ังยืน ในภาพรวม รายการ คา่ เฉลี่ย สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ระดับ ความพงึ พอใจ ด้านบริหารจัดการ () () ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.49 0.56 ดี ด้านประโยชน์ท่ไี ด้รับ 4.55 0.60 ดีมาก รวมทกุ ดา้ น 4.62 0.61 ดีมาก 4.55 0.59 ดมี าก จากตารางท่ี 6 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทมี่ ีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพือ่ เศรษฐกจิ พอเพยี งทยี่ ั่งยืน ในภาพรวมอยใู่ นระดับดีมาก (=4.50) เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายดา้ น พบว่า ดา้ น ประโยชน์ท่ไี ด้รบั อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉล่ีย (= 4.62) รองลงมาคือ ด้านการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ มอี ยู่ในระดบั ดีมาก มีคา่ เฉลี่ย (= 4.55) และดา้ นบริหารจัดการ อยใู่ นระดบั ดี มคี า่ เฉลย่ี (= 4.49) ตามลำดบั โดยมสี ว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน () อย่รู ะหวา่ ง 0.56 - 0.61 แสดงวา่ ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมมีความพงึ พอใจสอดคลอ้ งกัน ตารางที่ 7 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชิง ปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงทีย่ ่ังยนื ดา้ นบริหารจดั การ รายการ ค่าเฉลีย่ สว่ นเบยี่ งเบน ระดับ ความพงึ พอใจ 1. อาคารสถานท่ี () มาตรฐาน () 2. สิง่ อำนวยความสะดวก ดมี าก 3. กำหนดการและระยะเวลาในการดำเนนิ โครงการ 4.77 0.42 ดี 4. เอกสารการอบรม 4.45 0.58 ดี 5. วทิ ยากรผู้ให้การอบรม 4.27 0.45 4.59 0.72 ดมี าก รวม 4.41 0.78 ดี 4.50 0.59 ดีมาก จากตารางที่ 7 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพียงที่ยั่งยืนด้านบริหารจัดการ ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย (= 4.50) เม่ือพิจารณา เป็นรายข้อ พบว่า อาคารสถานที่ มีค่าเฉล่ีย (= 4.77) รองลงมา คือ เอกสารการอบรม มีค่าเฉล่ีย (= 4.59) ส่ิงอำนวย ความสะดวก มีค่าเฉล่ีย (= 4.45) วิทยากรผู้ให้การอบรม มีค่าเฉลี่ย (= 4.41) กำหนดการและระยะเวลาในการดำเนิน โครงการ มีค่าเฉล่ีย (= 4.27) ตามลำดับ โดยมีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.42 - 0.78 แสดงว่า ผู้ตอบ แบบสอบถามมีความคดิ เหน็ ไปในทศิ ทางเดียวกนั

18 ตารางที่ 8 คา่ เฉลีย่ และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมท่ีมคี วามพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่อื เศรษฐกิจพอเพยี งท่ียั่งยนื ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายการ คา่ เฉลี่ย ส่วนเบีย่ งเบน ระดับ () มาตรฐาน () ความพงึ พอใจ 6. การจัดกจิ กรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพียงทยี่ ่ังยนื 4.41 0.49 ดี 7. การใหค้ วามรเู้ รื่องการเรยี นรูม้ งุ่ สคู่ วามพอเพยี ง 8. การตอบข้อซักถามของวิทยากร 4.50 0.50 ดีมาก 4.86 0.34 ดีมาก 9. การแลกเปลี่ยนเรียนรขู้ องผูเ้ ขา้ รบั การอบรม 10. การสรปุ องค์ความร้รู ว่ มกัน 4.32 0.47 ดี 11. การวัดผล ประเมนิ ผล การฝกึ อบรม 4.55 0.66 ดีมาก 4.41 0.49 รวม 4.51 0.49 ดี ดีมาก จากตารางที่ 8 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงที่ย่ังยืน ด้านการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉล่ยี (= 4.51) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การตอบข้อซักถามของวิทยากร มีค่าเฉลี่ย (= 4.86) รองลงมาคือ การสรุปองค์ความรู้ ร่วมกัน มีค่าเฉล่ีย (= 4.55 ) การให้ความรู้เร่ืองการเรียนรู้มุ่งสู่ความพอเพียง มีค่าเฉลี่ย (= 4.50 ) การจัดกิจกรรม โครงการโมเดล 5 ตารางวากับวิถีเศรษฐกิจพอเพียง มีค่าเฉลี่ย (=4.41) การวัดผล ประเมินผล การฝึกอบรม มีค่าเฉล่ีย (= 4.41) และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรม ( = 4.32) ตามลำดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อย่รู ะหว่าง 0.34 - 0.66 แสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามมคี วามคดิ เห็นสอดคล้องกัน ตารางที่ 9 ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมที่มีความพงึ พอใจต่อโครงการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพื่อเศรษฐกจิ พอเพยี งทยี่ ั่งยนื ดา้ นประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั รายการ คา่ เฉล่ยี สว่ นเบย่ี งเบน ระดบั ความ () มาตรฐาน () พึงพอใจ 12. ไดเ้ รียนรู้และฝึกตนเอง เกีย่ วกับการทำสบู่ 13. นำความรูท้ ีไ่ ด้รบั มาปรับใช้ในชวี ิตประจำวนั 4.73 0.45 ดีมาก รวม 4.59 0.49 ดมี าก 4.66 0.47 ดมี าก

19 จากตารางท่ี 9 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพียงท่ียั่งยืน ด้านประโยชน์ที่ได้รับ ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉล่ีย (= 4.66) เม่ือพิจารณาเป็น รายข้อ พบว่า ได้เรียนรู้และฝึกตนเอง เก่ียวกับการเรียนรู้มุ่งสู่ความพอเพียง มีค่าเฉล่ีย (= 4.73) รองลงมา นำความรู้ที่ ได้รับมาปรับใชใ้ นชวี ิตประจำวันมีค่าเฉล่ีย (= 4.59) โดยมสี ่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน () อยู่ระหวา่ ง 0.45 - 0.49 แสดงว่า ผตู้ อบแบบสอบถามมีความคิดเหน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกัน สรปุ ในภาพรวมของกจิ กรรมคิดเปน็ ร้อยละ 90.56 มีค่าน้ำหนกั คะแนน 4.53 ถือวา่ ผู้รบั บรกิ าร มีความพงึ พอใจทางด้านต่างๆ อยู่ในระดับดีมาก โดยเรียงลำดับดงั นี้  อนั ดบั แรก ดา้ นดา้ นประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั คดิ เป็นรอ้ ยละ 93.18 มคี ่านำ้ หนักคะแนน 4.66 อย่ใู นระดบั คุณภาพ ดมี าก  อันดับสอง ด้านการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ คิดเปน็ ร้อยละ 90.15 มคี ่าน้ำหนักคะแนน 4.51 อยู่ในระดับ คุณภาพดี  อันดบั สาม ด้านบริหารจัดการ คิดเป็นร้อยละ 90.00 มีค่านำ้ หนักคะแนน 4.50 อย่ใู นระดบั คณุ ภาพดี

บทที่ 5 20 อภปิ รายและข้อเสนอแนะ ผลการจดั กิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพยี งที่ย่ังยืนได้ผลสรุปดงั นี้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ให้ผู้อบรมขยายผลการเรียนรจู้ ากแหลง่ เรียนรใู้ นชุมชน 2. เพอื่ ให้สง่ เสริมผู้อบรมมีความสมั พันธ์ระหวา่ งคนในชุมชนกับภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ 3. เพอ่ื ให้ผู้อบรมสามารถนำไปประกอบอาชีพ และมีรายได้เสริมให้กบั ตนเอง เปา้ หมาย (Outputs) เป้าหมายเชิงปริมาณ - ประชาชนตำบลหนา้ พระธาตุ จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลสระสีเ่ หลย่ี ม จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลหัวถนน จำนวน 5 คน - ประชาชนตำบลหนองปรอื จำนวน 5 คน รวมทั้งสนิ้ 20 คน เปา้ หมายเชิงคุณภาพ - ผเู้ ข้ารว่ มโครงการฯ ร้อยละ 80 มกี ารขยายผลการเรียนรู้จากแหลง่ เรียนร้ใู นชุมชนและสง่ เสริมผู้อบรมมี ความสมั พนั ธ์ระหว่างคนในชุมชนกับภูมิปัญญาท้องถ่นิ และสามารถนำไปประกอบอาชีพ และมรี ายไดเ้ สริมใหก้ ับตนเอง เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เครือ่ งมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ในครง้ั น้ี คือ แบบประเมินความพงึ พอใจ การเก็บรวบรวมข้อมลู ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ได้มอบหมายให้ ครู กศน.ตำบล ที่รับผิดชอบกิจกรรมแจกแบบสอบถามความพงึ พอใจ ใหก้ บั ผรู้ ว่ มกจิ กรรม โดยใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมประเมินผลการจดั กิจกรรมต่างๆ ตามโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่อื เศรษฐกิจพอเพยี งทยี่ ่ังยืน สรุปผลการดำเนินงาน กศน.ตำบล ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมตาม โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพอื่ เศรษฐกจิ พอเพียงทย่ี ั่งยนื โดยดำเนนิ การเสร็จสนิ้ ลงแล้วและสรปุ รายงานผลการดำเนนิ งานได้ดังนี้ 1. ผ้รู ่วมกิจกรรมจำนวน 15 คน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีการขยายผลการเรยี นรจู้ ากแหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชนและส่งเสรมิ ผู้ อบรมมีความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งคนในชมุ ชนกับภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ และสามารถนำไปประกอบอาชีพ และมีรายไดเ้ สรมิ ให้กบั ตนเอง 2. ผู้ร่วมกิจกรรมร้อยละ 93.20 นำความร้ทู ่ีได้รับมาปรับใชใ้ นชีวติ ประจำวนั 3. จากการดำเนนิ กิจกรรมตามโครงการดงั กลา่ ว สรปุ โดยภาพรวมพบว่า ผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรมสว่ นใหญม่ ีความพงึ พอใจ ตอ่ โครงการ อยู่ในระดบั “ดีมาก ” และบรรลคุ วามสำเร็จตามเปา้ หมายตัวชว้ี ดั ผลลัพธ์ที่ตงั้ ไว้ โดยมีคา่ เฉลยี่ ร้อยละภาพรวม ของกจิ กรรม 90.56 และค่าการบรรลุเปา้ หมายค่าเฉลีย่ 4.53 ข้อเสนอแนะ - อยากให้มีการจัดกจิ กรรมอีก จะไดน้ ำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตตอ่ ไป

บรรณานกุ รม ท่ีมา กรมการศึกษานอกโรงเรียน (2546) บญุ ชม ศรสี ะอาด และ บญุ ส่ง นลิ แก้ว (2535 หน้า 22-25) กระทรวงศึกษาธกิ าร . (2543). http://singkle.blogspot.com/p/blog-page_6535.html https://www.ajourneyinspiredbytheking.org/th/knowledge/case-study-detail.php?id=17

แบบสอบถามความพึงพอใจ โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพียงท่ียั่งยนื ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 กศน.อำเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบุรี คำช้แี จง 1. แบบสอบถามฉบับนี้มวี ัตถุประสงค์ เพอื่ ใช้ในการสอบถามความพงึ พอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏิบตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพอ่ื เศรษฐกจิ พอเพียงทยี่ ั่งยืน 2. แบบสอบถามมี 3 ตอนดังนี้ ตอนท่ี 1 ถามข้อมลู เกย่ี วกับผตู้ อบแบบสอบถามจำนวน 4 ขอ้ ให้ทำเคร่อื งหมาย ✓ ลงในช่องใหต้ รงกับสภาพจริง ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจตอ่ โครงการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกจิ พอเพยี งทยี่ ั่งยืน จำนวน 13 ขอ้ ซึ่งมรี ะดับความพึงพอใจ 5 ระดบั ดงั น้ี 5 มากทส่ี ุด หมายถงึ มีความพงึ พอใจมากทส่ี ดุ 4 มาก หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจมาก 3 ปานกลางหมายถงึ มีความพงึ พอใจปานกลาง 2 นอ้ ย หมายถึง มีความพงึ พอใจน้อย 1 น้อยท่ีสุด หมายถงึ มคี วามพึงพอใจนอ้ ยท่ีสดุ ตอนที่ 3 ข้อคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะต่อโครงการปราชญช์ าวบ้านกับวถิ เี ศรษฐกจิ พอเพียง ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม หญงิ 40 ปี – 49 ปี เพศ 30 ปี – 39 ปี ชาย 60 ปีขน้ึ ไป อายุ 15 ปี – 29 ปี 50 ปี – 59 ปี การศกึ ษา ต่ำกวา่ ป.4 ป.4 ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ประกอบอาชพี อนุปรญิ ญา ปรญิ ญาตรี สูงกวา่ ปรญิ ญาตรี รับจ้าง คา้ ขาย เกษตรกร ลูกจา้ ง/ขา้ ราชการหนว่ ยงานภาครฐั หรือเอกชน อนื่ ๆ ………………………………….

ตอนที่ 2 ความพึงพอใจเกย่ี วกับโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ โคก หนอง นา โมเดล เพ่ือเศรษฐกิจพอเพยี งที่ย่งั ยืน ขอ้ ท่ี รายการ ระดบั ความคิดเหน็ 5 432 1 ดา้ นบรหิ ารจัดการ 1. อาคารและสถานท่ี 2. ส่ิงอำนวยความสะดวก 3. กำหนดการและระยะเวลาในการดำเนนิ โครงการ 4. เอกสารการอบรม 5. วทิ ยากรผู้ใหก้ ารอบรม ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 6. การจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โคก หนอง นา โมเดล เพอ่ื เศรษฐกิจพอเพียงทย่ี ่ังยืน 7. การให้ความรูเ้ รื่องปฏิบตั กิ ารเรียนรู้มุ่งสูค่ วามพอเพียง 8. การตอบขอ้ ซักถามของวิทยากร 9. การแลกเปลีย่ นเรียนรูข้ องผเู้ ข้ารับการอบรม 10. การสรปุ องค์ความรูร้ ว่ มกนั 11. การวดั ผล ประเมนิ ผล การฝึกอบรม ด้านประโยชน์ทไี่ ดร้ บั 12 ไดเ้ รียนรู้และฝึกตนเอง เกีย่ วกับปฏบิ ตั กิ ารเรียนรูม้ ุ่งส่คู วาม พอเพียง 13 นำความรทู้ ่ีได้รบั มาปรับใชใ้ นชีวิตประจำวนั ตอนที่ 3 ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ ขอ้ คิดเห็น .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ขอบขอบคุณทใ่ี หค้ วามรว่ มมอื กศน. อำเภอพนัสนิคม จังหวดั ชลบุรี

คณะผู้จัดทำ ท่ปี รึกษา หม่ืนสา ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอพนัสนิคม การงานดี ครู 1. นางณชั ธกญั ศรเี ทพ บรรณารักษ์ปฏบิ ัติการ 2. นางสาวมุทิกา ทำทอง ครผู ู้ชว่ ย 3. นางปลืม้ จิตร ศรีบณุ ยะแกว้ ครูผชู้ ่วย 4. นางพริ ุฬห์พร คลังสินธ์ ครู อาสาสมคั ร กศน. 5. นางสาวณภษร อดุ านนท์ ครู อาสาสมคั ร กศน. 6. นางสาวเฟอ่ื งฟ้า 7.นายวัชรินทร์ ประทุมทอง ครู กศน.ตำบลหนา้ พระธาตุ พุทธมาลี ครู กศน.ตำบลสระส่ีเหล่ียม คณะทำงาน เคนรำ ครู กศน.ตำบลหัวถนน อนิ ทศร ครู กศน.ตำบลหนองปรือ 1.นางสาวพจนยี ์ 2.นางสาวศริยา ประทุมทอง ครู กศน.ตำบลหน้าพระธาตุ 3.นางสาวทวพี ร พทุ ธมาลี ครู กศน.ตำบลสระสี่เหลย่ี ม 4.นางสาวนฤมล เคนรำ ครู กศน.ตำบลหัวถนน อนิ ทศร ครู กศน.ตำบลหนองปรือ บรรณาธกิ าร 1.นางสาวพจนยี ์ 2.นางสาวศริยา 3.นางสาวทวีพร 4.นางสาวนฤมล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook