Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by น้องดิว โอเวอร์, 2020-11-03 08:17:52

Description: นาย ธนาวัฒน์ พันตาคม เลขที่1 ชั้น 5/6
นาย อัศนัย วงค์ธิมา เลขที่12 ชั้นม.5/6

Search

Read the Text Version

ลนั่ ทม เป็นไมด้ อกยนื ตน้ ในสกลุ Plumeria มีหลายชนิดดว้ ยกนั บาง คนมีความเช่ือวา ไม่ควรปลกู ตน้ ลน่ั ทมในบา้ นเพราะมีความเชื่อวา่ เนื่องจากมีชื่อเป็น อปั มงคล คือไปพอ้ งกบั คาวา่ 'ระทม' ซ่ึงแปลวา่ เศร้าโศก ทุกขใ์ จ แต่ปัจจุบนั นิยมเรียกช่ือใหม่ วา่ ลลี าวดี และนิยมปลกู กนั แพร่หลายอยา่ งมาก ช่ือพ้นื เมืองอื่นๆ ไดแ้ ก่ จาปา, จาปาลาว และจาปาขอม เป็นตน้ (สาหรับชื่อภาษาองั กกฤษ ไดแ้ ก่ Frangipani, Plumeria, Temple Tree, Graveyard Tree)

ชอื่ วทิ ยาศาสตร:์ Carica papaya L. ลกั ษณะทวั่ ไป :ไมล้ ม้ ลุกอายุหลายปีขนาดใหญ่ อายหุ ลายปี สงู 2-8 ม. ลาตน้ ตงั้ ตรงมกั ไมแ่ ตกกงิ่ ไมม่ แี กน่ ตน้ อวบน้า มรี อยแผลเป็นของ กา้ นใบทหี่ ลุดรว่ งไป มนี ้ายางสขี าวทวั่ ลาตน้ ใบ ใบเรยี งสลบั รอบตน้ บรเิ วณยอด ใบเดยี่ ว รปู ฝา่ มอื กวา้ ง ยาว 25-60 ซม. โคนใบเวา้ ปลายใบแหลม ขอบใบหยกั เวา้ เป็นแฉกลกึ 7-11 แฉก และจกั ฟนั เลอื่ ย กา้ นใบยาว 25-90 ซม. เป็นทอ่ กลวงยาว ดอก ดอกชอ่ สขี าวนวล มกี ลนิ่ หอม ออกทซี่ อกใบ มที งั้ ดอก สมบรู ณ์เพศและดอกแยกเพศ ดอกเพศผอู้ อกเป็นชอ่ กา้ นชอ่ ดอกยาว กลบี ดอกเชอื่ มตดิ กนั เป็นหลอดยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายแยกเป็น 5 กลบี เมอื่ บานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-2.5 ซม. เกสรเพศผมู้ ี 10 อนั ดอกเพศเมยี และดอกสมบรู ณ์เพศออกเดยี่ วหรอื 2-3 ดอก กลบี ดอก 5 กลบี ดอกมขี นาดใหญก่ วา่ ดอกเพศผู้ ผล ผลเป็นผลสดรปู ยาวรี ปลายแหลม ผลดบิ มเี น้อื สขี าวอมเขยี ว ผลสกุ มเี น้อื สแี ดงสม้ เน้อื หนาออ่ นนุ่ม รสหวาน มเี มลด็ มาก

พดุ ซอ้ น (Cape jasmine/Gardenia jasmine) หรอื ท่ี หลายคนรจู้ กั กนั ในชอ่ื พดุ จนี พดุ ใหญ่ อนิ ถะหวา และเคด็ ถวา มชี อ่ื วทิ ยาศาสตรว์ า่ Gardenia augusta (L.) Merr. หรอื Gardenia jasminoides จดั อยใู่ นวงศ์ Rubiaceae เชน่ เดยี วกบั พดุ น้าบศุ ยแ์ ละเขม็ ปา่ ตน้ กาเนิดมาจากประเทศจนี ไทย ไตห้ วนั และญป่ี ุน่ เป็นไมพ้ มุ่ สมนุ ไพร ดอกสขี าวสวย กลบี ซอ้ นเป็นชนั้ กลน่ิ หอมสดชน่ื คนสว่ นใหญจ่ งึ นยิ มปลกู ประดบั บา้ น ประดบั สวน แถม ยงั นาไปรอ้ ยเป็นพวงมาลยั บชู าพระ และใชเ้ ป็นดอกไมป้ กั แจกนั ไหวพ้ ระ ดว้ ย พดุ ซ้อน ต้นไม้มงคล พดุ ซอ้ นเป็นตน้ ไมท้ ม่ี คี วามเป็นมงคลเหมอื นกนั กบั พุด วา่ กนั วา่ ถา้ หากปลกู ตดิ ไวท้ บ่ี า้ น จะชว่ ยใหม้ คี วามเจรญิ มนั่ คง เน่อื งจากคาวา่ พดุ หมายถงึ ความสมบรู ณ์ แขง็ แรง ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ ยงั สอ่ื ถงึ ความบรสิ ทุ ธิ์ เน่อื งจากดอกพดุ ซอ้ นมสี ขี าวสะอาดและบานใหญ่ โดยเคลด็ มงคล เกย่ี วกบั ตน้ พดุ หรอื พดุ ซอ้ น แนะนาใหป้ ลกู ทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ ท่ี สาคญั ควรปลกู ในวนั เสารแ์ ละใหผ้ ชู้ ายเป็นคนปลกู

ชื่อสามญั : Lead Tree ช่ือวิทยาศาสตร:์ Leucaena leucocephala (Lamk.) de Wit ชื่อพนื้ เมอื ง: กระถนิ , กระถนิ น้อย, กระถนิ บา้ น, ผกั กา้ นถนิ ลกั ษณะทวั ่ ไปของกระถิน กระถนิ นนั้ จดั วา่ เป็นพชื ตระกลู ถวั่ ซง่ึ กระถนิ นนั้ คอื ไมพ้ มุ่ ยนื ตน้ ทจ่ี ะมี ความสงู ประมาณ 1.5-5เมตรโดยประมาณ ลกั ษณะใบจะเป็นใบ ประกอบลกั ษณะคลา้ ยขนนก จะออกแบบสลบั ใบยอ่ ยเป็น คู่ ประมาณ 6-19คู่ มลี กั ษณะเลก็ สว่ นของปลายและโคนใบจะมน ดอกจะมสี ขี าว นวล รปู รา่ งกลม และออกเป็นชอ่ แถวๆปลายกง่ิ ตามซอก สว่ นฝกั นนั้ จะออกเป็นพวง ถา้ ฝกั อ่อนจะมสี เี ขยี ว แตถ่ า้ หากสเี ปลย่ี นเป็นสนี ้าตาล แดงจะเรม่ิ แก่ เชน่ เดยี วกบั เมลด็ เมอ่ื อ่อนจะมสี เี ขยี วแตเ่ มอ่ื เมลด็ แกจ่ ะ มลี กั ษณะสนี ้าตาล ต้นกระถิน ไมผ่ ลดั ใบ ลกั ษณะทรงตน้ เป็นเรอื นยอดรปู ไขห่ รอื กลม เปลอื กตน้ มสี เี ทา และมปี ุม่ นูนของรอยกง่ิ กา้ นทห่ี ลุดรว่ งไป

อสามญั : Tamarind ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica Linn. วงศ์ : CAESALPINIACEAE มะขาม เป็น ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางจนถงึ ขนาดใหญแ่ ตก กง่ิ กา้ นสาขามากไมม่ หี นาม เปลอื กตน้ ขรขุ ระและหนา สนี ้าตาลออ่ น ใบ เป็นใบประกอบ ใบเลก็ ออกตามกงิ่ กา้ นใบเป็นคู่ ใบยอ่ ยเป็นรปู ขอบ ขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ดว้ ยใบยอ่ ย 10–15 คแู่ ต่ละใบ ยอ่ ยมขี นาดเลก็ กวา้ ง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกนั เป็นชอ่ ยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายกงิ่ ดอกมขี นาดเลก็ กลบี ดอกสเี หลอื ง และมจี ดุ ประสแี ดง/มว่ งแดงอยกู่ ลางดอก ผล เป็นฝกั ยาว รปู รา่ งยาวหรอื โคง้ ยาว 3-20 ซม. ฝกั ออ่ นมเี ปลอื กสเี ขยี วอมเทา สนี ้าตาลเกรยี ม เน้ือ ในตดิ กบั เปลอื ก เมอ่ื แกฝ่ กั เปลย่ี นเป็นเปลอื กแขง็ กรอบหกั งา่ ย สนี ้าตาล เน้อื ในกลายเป็นสนี ้าตาลหุม้ เมลด็ เน้อื มรี สเปรย้ี ว และ/หรอื หวาน ซง่ึ ฝกั หน่งึ ๆ จะม/ี หุม้ เมลด็ 3–12 เมลด็ เมลด็ แกจ่ ะแบนเป็นมนั และมสี ี น้าตาล

ผลมะนาวโดยทวั่ ไปมขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 4 – 4.5 เซนตเิ มตร ตน้ มะนาวเป็นไมพ้ มุ่ เตย้ี สงู เตม็ ทร่ี าว 5 เมตร กา้ นมหี นามเลก็ น้อย มกั มใี บดก ใบยาว เรยี วเลก็ น้อย คลา้ ยใบสม้ สว่ นดอกสขี าวอมเหลอื ง ปกตจิ ะมดี อกผลตลอดทงั้ ปี แต่ ในชว่ งหน้าแลง้ จะออกผลน้อย และมนี ้าน้อย มะนาวเป็นพชื พน้ื เมอื งในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ผคู้ นในภมู ภิ าคน้รี จู้ กั และ ใชป้ ระโยชน์จากมะนาวมาชา้ นาน น้ามะนาวนอกจากใชป้ รงุ รสเปรย้ี วในอาหารหลาย ประเภทแลว้ ยงั นามาใชเ้ ป็นเครอ่ื งดม่ื ผสมเกลอื และน้าตาล เป็นน้ามะนาว ซง่ึ เป็นท่ี รจู้ กั กนั ดที งั้ ในประเทศไทย และตา่ งประเทศทวั่ โลก นอกจากน้ีเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ บางชนิดยงั นยิ มฝานมะนาวเป็นชน้ิ บางๆ เสยี บไวก้ บั ขอบแกว้ เพอ่ื ใชแ้ ตง่ รส ในผลมะนาวมนี ้ามนั หอมระเหยถงึ 7% แตก่ ลน่ิ ไมฉ่ ุนอยา่ งมะกรดู น้ามะนาวจงึ มี ประโยชน์สาหรบั ใชเ้ ป็นสว่ นผสมน้ายาทาความสะอาด เครอ่ื งหอม และการบาบดั ดว้ ย กลนิ่ (aromatherapy) หรอื น้ายาลา้ งจาน สว่ นคุณสมบตั ทิ ส่ี าคญั ทวา่ เพงิ่ ได้ ทราบเมอ่ื ไมช่ า้ นานมาน้ี (ราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19) กค็ อื การป้องกนั และรกั ษาโรค ลกั ปิดลกั เปิด ซง่ึ เคยเป็นปญั หาของนกั เดนิ เรอื มาชา้ นาน ภายหลงั ไดม้ กี ารคน้ พบวา่ สาเหตุทม่ี ะนาวสามารถชว่ ยป้องกนั โรคลกั ปิดลกั เปิด เพราะในมะนาวมไี วตามนิ ซเี ป็น ปรมิ าณมาก

นอกจากจะใหร้ ม่ เงา และผลแสนอรอ่ ยแลว้ มะมว่ งยงั เป็นตน้ ไมม้ งคลทม่ี ี ความเชอ่ื มาตงั้ แตพ่ ทุ ธกาลวา่ หากปลกู ตน้ มะมว่ งไวท้ างทศิ ใตข้ องบา้ นแลว้ จะ ทาใหผ้ อู้ ยอู่ าศยั ในบา้ นร่ารวยยงิ่ ขน้ึ ยงิ่ ขน้ึ และยงั ชว่ ยป้องกนั ไมใ่ หค้ นอน่ื มา รงั แก รงั ควาน หรอื ใสค่ วามไดด้ ว้ ย การปลกู มะมว่ ง มะมว่ งเป็นพชื ทป่ี ลกู เพอ่ื รบั ประทานผล และผลทไ่ี ดน้ นั้ สามารถ รบั ประทานไดท้ งั้ ดบิ และสกุ มะมว่ งสามารถปลกู และผลดิ อกออกผลไดด้ ใี น พน้ื ทท่ี กุ จงั หวดั และทกุ ภาคของประเทศ แตจ่ ะใหผ้ ลแตกตา่ งกนั ไปตามสภาพ ของทอ้ งท่ี มะมว่ งหลายพนั ธุย์ งั เป็นผลไมท้ ต่ี ลาดตา่ งประเทศตอ้ งการอกี ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม การปลกู มะมว่ งแบบเป็นการคา้ นนั้ จะตอ้ งศกึ ษาถงึ สภาพความ เหมาะสมตา่ ง ๆ หลายประการดว้ ยกนั ผปู้ ลกู จะตอ้ งเลอื กพน้ื ทใ่ี หเ้ หมาะสม ดว้ ย เพอ่ื ใหป้ ระหยดั ตน้ ทุนในการผลติ ตลอดจนสามารถผลติ ผลมะมว่ งทม่ี ี คณุ ภาพออกสตู่ ลาดได้ เอกสารน้ีไดใ้ หค้ วามรพู้ น้ื ฐานกวา้ ง ๆ ตลอดจน เทคโนโลยบี างอยา่ งทเ่ี ป็นประโยชน์ ผทู้ ส่ี นใจจะปลกู มะมว่ ง สามารถใชเ้ ป็น คมู่ อื เบอ้ื งตน้ ในการทาสวนมะมว่ งไดเ้ ป็นอยา่ งดี พนั ธมุ์ ะมว่ งและการขยายพนั ธุ์

ยคู าลปิ ตสั (องั กฤษ: Eucalyptus) เป็นพรรณไมม้ ถี นิ่ กาเนิดใน ทวปี ออสเตรเลยี เกาะแทสเมเนยี มกี ารกระจายพนั ธุต์ งั้ แตห่ มเู่ กาะมนิ ดาเนา เซลเี บส ปาปวั นวิ กนิ ี ในพน้ื ทช่ี ุม่ ทม่ี นี ้าขงั ในเขตรอ้ น มมี ากกวา่ 700 ชนิด เมอ่ื ตน้ ยคู าลปิ ตสั เตบิ โตเตม็ ทพ่ี น้ื ทข่ี องกระพก้ี จ็ ะเพม่ิ ขน้ึ พรอ้ มกบั การ สรา้ งทอ่ ลาเลยี งน้าใหม่ ซง่ึ ทอ่ ลาเลยี งน้าอนั เกา่ หลงั จากใชง้ านมานาน กจ็ ะมกี ารสะสมของสารตา่ งๆ ภายในเซลล์ จนเกดิ การอุดตนั จน กลายเป็นแกน่ ทไ่ี มส่ ามารถลาเลยี งน้าไดอ้ กี ซง่ึ ยคู าลปิ ตสั นนั้ จะมแี กน่ กต็ ่อเมอ่ื อายุเกนิ 15 ปีขน้ึ ไป ยคู าลปิ ตสั เป็นไมท้ ม่ี พี น้ื ทข่ี องกระพม้ี ากจงึ หมายถงึ การมพี น้ื ทล่ี าเลยี ง น้าขน้ึ สเู่ รอื นยอดมากตามไปดว้ ย เน่อื งจากแนวโน้มการดดู น้าของ ตน้ ไมแ้ ตล่ ะตน้ มากน้อยนนั้ ขน้ึ อยกู่ บั พน้ื ทข่ี องกระพใ้ี นลาตน้ เป็นสาคญั

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Duranta erecta L. ช่ือสามญั : Golden Dewdrop ,Japan Camillia ,Pigeon berry ,Sky flower ชื่อพนื้ เมอื ง : เทยี นทอง ,พวงมว่ ง ,เทยี นพญาอนิ ทร์ ถิ่นกาเนิด : อเมรกิ า เขตรอ้ น การกระจายพนั ธ์ุ : - ในประเทศไทย พบในทวั่ พน้ื ท่ี เขตรอ้ น ไมพ้ มุ่ สงู 1 เมตร ผวิ ลาตน้ หยาบ ขรขุ ระ สเี ทาออ่ น ใบเดย่ี วแบบ ตรงขา้ ม ใบรปู รี กวา้ งประมาณ 1.5-2.5 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 5 เซนตเิ มตร ใบสเี ขยี วอ่อนอมเหลอื งถงึ สเี หลอื งทอง ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรยี ว ขอบใบเรยี บ ดอกชอ่ แบบชอ่ วงแถวเดย่ี ว กลนิ่ หอม ออทป่ี ลายยอด กลบี เลย้ี ง 6 กลบี สเี ขยี วกลบี ดอก 5 กลบี สมี ว่ ง ออ่ น เกสรเพศผู้ 5 เกสร เกสรเพศเมยี 1 อนั ผลเดย่ี ว ผลสด เมลด็ เดย่ี วแขง็ ผลอ่อน สเี ขยี ว ผลแกส่ สี ม้ เมลด็ 1 เมลด็ /ผล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Carmona retusa (Vahl) Masam. ชื่อพืน้ เมอื ง : ชาดดั ใบมนั ขอ่ ยจนี ชาญวน ชา ชาญป่ี นุ่ ชนิดพืช : ไมพ้ ุม่ ลกั ษณะทวั่ ไป ไมพ้ ุม่ ขนาดเลก็ ลาตน้ แตกกง่ิ กา้ นจานวนมากเป็นพมุ่ แน่นทบึ ใบ : ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั มกั ออกเป็นกระจุกสนั้ ๆ ตามกง่ิ รปู ไขก่ ลบั แคบ กวา้ ง 0.5-2 เซนตเิ มตร ยาว 1-4 เซนตเิ มตร ปลายแยกเป็นพแู หลมมกั เป็นตง่ิ หนามออ่ น โคนใบรปู ลมิ่ ขอบ ใบหยกั ผวิ ใบดา้ นบนสเี ขยี วเขม้ เป็นมนั คอ่ นขา้ งหนาดา้ นหลงั ใบสเี ขยี วออ่ น ดอก : สขี าว ออกเป็นชอ่ แบบช่อกระจกุ ตามซอกใบ มดี อกยอ่ ย 2-5 ดอก กลบี เลย้ี ง 5 กลบี รปู แถบ สเี ขยี วออ่ น ดา้ นนอกมขี นยาวประปราย โคนกลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั เลก็ น้อยเป็น รปู กรวย ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานเตม็ ทก่ี วา้ ง 0.8 มลิ ลเิ มตร

ต้นชาฮกเกี้ยน เป็นไมพ้ มุ่ ตน้ เลก็ ๆมถี นิ่ กาเนิดจากประเทศจนี คาวา่ “ตน้ ชาฮกเกย้ี น” คนอาจไมร่ จู้ กั หรอื ไมร่ สู้ กึ คุน้ เคย หากเรยี กชอ่ื พน้ื เมอื ง เชน่ ชาดดั ใบมนั ขอ่ ยจนี ชาญวน หรอื ชาญป่ี นุ่ คนสว่ นใหญ่ จะรจู้ กั กนั ดี ตน้ ชาฮกเกย้ี นนอกจากเป็นไมพ้ มุ่ หรอื ไมใ้ บแลว้ ยงั มดี อก เลก็ ๆสขี าวหมนุ เวยี นออกดอกตลอดทงั้ ปี ลกั ษณะที่โดดเด่น ต้นชาฮกเกี้ยน เป็นไมด้ ดั ทเ่ี ราพบเหน็ ไดท้ วั่ ไปแตค่ วาม น่าสนใจและลกั ษณะทโ่ี ดดเดน่ กค็ อื การนามาดดั หรอื ตดั แตง่ ใหเ้ ป็น รปู รา่ งตา่ งๆ เชน่ เป็นรปู สตั ว์ รปู คน ประตมิ ากรรม หรอื ตดั แตง่ ใหเ้ ป็น รปู ทรงอน่ื ๆตามความตอ้ งการ ถอื เป็นงานพเิ ศษ สาหรบั คนทม่ี ใี จรกั และมไี อเดยี สรา้ งสรรค์ นอกจากเป็นไมด้ ดั ทส่ี ามารถนามาดดั หรอื ตดั ตกแตง่ ใหเ้ ป็นรปู ตา่ งๆ ตามทเ่ี ราตอ้ งการไดแ้ ลว้ ประโยชน์ของตน้ ชาฮกเกย้ี นทน่ี ่าสนใจกค็ อื การนามาปลกู ทาเป็นแนวรวั้ หรอื กาแพง กงิ่ ทแ่ี ตกจากลาตน้ ลกั ษณะ เป็นพมุ่ มใี บมากและหนาแน่น ลาตน้ สงู ประมาณ 2 เมตร และมใี บเดย่ี ว ขนาดเลก็ เป็นจานวนมาก ทาใหเ้ หมาะสาหรบั นามาปลกู เป็นแนวรวั้

หน้าหนาวมาทไี ร แถวบา้ นใครทป่ี ลกู ต้นตีนเป็ด หรอื ต้น พญาสตั บรรณ เอาไวค้ งไดก้ ลน่ิ จากดอกของตน้ น้อี ยา่ งชดั เจน บา้ งก็ วา่ หอมชน่ื ใจ บา้ งกว็ า่ เหมน็ จนเวยี นหวั แตไ่ มว่ า่ อยา่ งไรตน้ ตนี เป็ดก็ กลายเป็นสญั ลกั ษณ์ของ “ลมหนาว” ไปโดยปรยิ าย นอกจากตน้ ตนี เป็ดจะเป็นตน้ ไมใ้ หญท่ ใ่ี หร้ ม่ เงากบั เราไดเ้ ป็นอยา่ งดี แลว้ ยงั มสี รรพคุณดๆี ทช่ี ว่ ยรกั ษาอาการต่างๆ ในฐานะของการเป็น สมนุ ไพรไทยไดอ้ กี ดว้ ย

อโศกอินเดีย หรอื อโศกเซนตค์ าเบรียล (ชว่ื ทิ ยาศาสตร:์ Polyalthia longifolia) เป็นไมย้ นื ตน้ สงู ในวงศ์ Annonaceae มลี กั ษณะเป็น ไมไ้ มผ่ ลดั ใบ ทรงพุม่ เป็นรปู ปิรามดิ แคบ ๆ สงู เตม็ ทไ่ี ดถ้ งึ 25 เมตร กงิ่ โน้มลู่ ลงทงั้ ตน้ ทาใหแ้ ลดตู น้ สงู ชลดู มาก เปลอื กตน้ เกลย้ี งสเี ทาเขม้ หรอื เทาปน น้าตาล ใบเดย่ี วรปู ใบหอกแคบ ๆ ปลายแหลมยาว 15 - 20 เซนตเิ มตร สเี ขยี ว เป็นมนั เงางาม ขอบใบเป็นคลน่ื ออกดอกในระหวา่ งเดอื นมนี าคม - เมษายน จะออกดอกสเี ขยี วออ่ นเป็น กระจกุ ตามขา้ งๆ กงิ่ แต่ละดอกเป็นรปู ดาว 6 แฉก กลบี ดอกเป็นคลน่ื น้อย ๆ ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5 - 2 เซนตเิ มตร ดอกบานอยนู่ าน 3 สปั ดาห์ ผลรปู ไข่ ยาว 2 เซนตเิ มตร เมอ่ื สกุ มสี ดี า เป็นไมต้ น้ ทรงสงู ชะลดู สามารถสงู ไดเ้ กนิ กวา่ 30 ฟุต เป็นแทง่ กลมปลายแหลม ทรงพุม่ แผน่ ทบึ ใบรปู หอก แนว ยาวสเี ขยี วเขม้ ขอบใบเป็นคลน่ื ดอกออกเป็นชอ่ สเี ขยี วอ่อน รปู ดาว 6 แฉก ดอกมกี ลนิ่ ออ่ น นิยมปลกู เป็นไมป้ ระดบั และเป็นรม่ เงา มถี น่ิ กาเนิดอยทู่ ่ี ประเทศอนิ เดยี และศรลี งั กา

นาย อศั นัย วงคธ์ ิมา เลขที่12 ชนั้ ม.5/6 [email protected] นาย ธนาวฒั น์ พนั ตาคม เลขที่1 ช้ัน ม5/6 [email protected]








Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook