๒๐๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพ้ืนฐาน ครูณีรนชุ กลมอ่อน กลุ่มวชิ าภาษาไทย ๒๐๐๐๐-๑๑๐๑
ความหมายของการส่ือสาร ความรู้พ้นื ฐานเร่ืองการส่ือสาร การส่ือสารเป็นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีวิต มนุษยจ์ าเป็นตอ้ งติดตอ่ ส่ือสารกนั อยู่ ตลอดเวลา การสื่อสารจึงเป็นปัจจยั สาคญั อยา่ งหน่ึงนอกเหนือจากปัจจยั พ้นื ฐานในการ ดารงชีวติ ของมนุษย์ การส่ือสารมีบทบาทสาคญั ต่อการดาเนินชีวติ ของมนุษยม์ าก การสื่อสาร มีความสาคญั อยา่ งยง่ิ ในปัจจุบนั ซ่ึงไดช้ ื่อวา่ เป็นยคุ โลกาภิวตั น์ เป็นยคุ ของขอ้ มลู ข่าวสาร การ สื่อสารมีประโยชน์ท้งั ในแง่บคุ คลและสังคม การสื่อสารทาใหค้ นมีความรู้และโลกทศั นท์ ่ี กวา้ งขวางข้ึน การสื่อสารเป็นกระบวนการท่ีทาให้สังคม เจริญกา้ วหนา้ อยา่ งไมห่ ยดุ ย้งั ทาให้ มนุษยส์ ามารถสืบทอดพฒั นา เรียนรู้ และรับรู้วฒั นธรรมของตนเองและสังคมได้ การส่ือสาร เป็นปัจจยั สาคญั ในการพฒั นาประเทศ สร้างสรรคค์ วามเจริญกา้ วหนา้ แก่ชุมชน และสังคมใน ทกุ ดา้ น ความหมายของการสื่อสาร คาวา่ การสื่อสาร (communications) มีที่มาจากรากศพั ทภ์ าษาลาติน วา่ communis หมายถึง ความเหมือนกนั หรือร่วมกนั การสื่อสาร (communication)หมายถึง กระบวนการถา่ ยทอดขา่ วสาร ขอ้ มูล ความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็น ความตอ้ งการจากผสู้ ่งสารโดยผา่ นส่ือต่าง ๆ ท่ีอาจเป็น การพูด การเขียน สญั ลกั ษณ์อ่ืนใด การแสดงหรือการจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ไปยงั ผรู้ ับสาร ซ่ึง อาจจะใชก้ ระบวนการส่ือสารท่ีแตกต่างกนั ไปตามความเหมาะสม หรือความจาเป็นของตนเอง และคูส่ ่ือสาร โดยมีวตั ถุประสงคใ์ หเ้ กิดการรับรู้ร่วมกนั และมีปฏิกิริยาตอบสนองตอ่ กนั บริบททางการสื่อสารที่เหมาะสมเป็น ปัจจยั สาคญั ที่จะช่วยใหก้ ารสื่อสารสัมฤทธ์ิผล บริบททางการสื่อสาร ความสาคญั ของการสื่อสาร การสื่อสารมีความสาคญั ดงั น้ี 1. การส่ือสารเป็นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีวติ ของมนุษยท์ ุกเพศ ทุกวยั ไมม่ ีใครท่ีจะ
ดารงชีวิตได้ โดยปราศจากการส่ือสาร ทุกสาขาอาชีพกต็ อ้ งใชก้ ารสื่อสารในการ ปฏิบตั ิงาน การทาธุรกิจตา่ ง ๆ โดยเฉพาะสังคมมนุษยท์ ่ีมีการเปล่ียนแปลงและพฒั นา ตลอดเวลา พฒั นาการทางสังคม จึงดาเนินไปพร้อม ๆ กบั พฒั นาการทางการสื่อสาร 2. การสื่อสารก่อใหเ้ กิดการประสานสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ งบุคคลและสงั คม ช่วยเสริมสร้าง ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งคนในสังคม ช่วยสืบทอดวฒั นธรรมประเพณี สะทอ้ นใหเ้ ห็นภาพ ความเจริญรุ่งเรือง วถิ ีชีวิตของผคู้ น ช่วยธารงสังคมใหอ้ ยรู่ ่วมกนั เป็นปกติสุขและอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันติ 3. การสื่อสารเป็นปัจจยั สาคญั ในการพฒั นาความเจริญกา้ วหนา้ ท้งั ตวั บคุ คลและสังคม การ พฒั นาทางสงั คมในดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ รวมท้งั ศาสตร์ ในการสื่อสาร จาเป็นตอ้ งพฒั นาอยา่ งไม่หยดุ ย้งั การสื่อสารเป็นเคร่ืองมือในการพฒั นาคุณภาพ ชีวติ ของมนุษยแ์ ละพฒั นาความเจริญกา้ วหนา้ ในดา้ นตา่ งๆ องค์ประกอบของการสื่อสาร องคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของการสื่อสาร มี 4 ประการ ดงั น้ี 1. ผ้สู ่งสาร (sender) หรือ แหล่งสาร (source) หมายถึง บคุ คล กลุ่มบุคคล หรือ หน่วยงานท่ีทาหนา้ ที่ในการส่งสาร หรือเป็นแหลง่ กาเนิดสาร ที่เป็นผเู้ ร่ิมตน้ ส่งสารดว้ ยการ แปลสารน้นั ใหอ้ ยใู่ นรูปของสัญลกั ษณ์ท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนแทนความคิด ไดแ้ ก่ ภาษาและ อากปั กิริยาต่าง ๆ เพ่ือส่ือสารความคิด ความรู้สึก ขา่ วสาร ความตอ้ งการและวตั ถุประสงคข์ อง ตนไปยงั ผรู้ ับสารดว้ ยวธิ ีการใด ๆ หรือส่งผา่ นช่องทางใดก็ตาม จะโดยต้งั ใจหรือไมต่ ้งั ใจก็ ตาม เช่น ผพู้ ูด ผเู้ ขียน กวี ศิลปิ น นกั จดั รายการวทิ ยุ โฆษก รัฐบาล องคก์ าร สถาบนั สถานีวทิ ยกุ ระจายเสียง สถานีวิทยโุ ทรทศั น์ กองบรรณาธิการ หนงั สือพมิ พ์ หน่วยงานของรัฐ บริษทั สถาบนั สื่อมวลชน เป็นตน้ คุณสมบตั ขิ องผ้สู ่งสาร 1. เป็นผทู้ ่ีมีเจตนาแน่ชดั ที่จะใหผ้ อู้ ่ืนรับรู้จุดประสงคข์ องตนในการส่งสาร แสดงความคิดเห็น
หรือวจิ ารณ์ ฯลฯ 2. เป็นผทู้ ี่มีความรู้ ความเขา้ ใจในเน้ือหาของสารที่ตอ้ งการจะส่ือออกไปเป็ นอยา่ งดี 3. เป็นผทู้ ่ีมีบคุ ลิกลกั ษณะที่ดี มีความน่าเช่ือถือ แคลว่ คล่องเปิ ดเผยจริงใจ และมีความ รับผดิ ชอบ ในฐานะเป็นผสู้ ่งสาร 4. เป็นผทู้ ่ีสามารถเขา้ ใจความพร้อมและความสามารถในการรับสารของผรู้ ับสาร 5. เป็นผรู้ ู้จกั เลือกใชก้ ลวธิ ีท่ีเหมาะสมในการส่งสารหรือนาเสนอสาร 2. สาร (message) หมายถึง เร่ืองราวท่ีมีความหมาย หรือส่ิงต่าง ๆ ที่อาจอยใู่ นรูป ของขอ้ มูล ความรู้ ความคิด ความตอ้ งการ อารมณ์ ฯลฯ ซ่ึงถ่ายทอดจากผสู้ ่งสารไปยงั ผรู้ ับ สารใหไ้ ดร้ ับรู้ และแสดงออกมาโดยอาศยั ภาษาหรือสัญลกั ษณ์ใด ๆ ที่สามารถทาใหเ้ กิดการ รับรู้ร่วมกนั ได้ เช่น ขอ้ ความท่ีพดู ขอ้ ความท่ีเขยี น บทเพลงที่ร้อง รูปท่ีวาด เรื่องราวท่ี อ่าน ทา่ ทางที่สื่อความหมาย เป็นตน้ 2.1 รหสั สาร (message code)ไดแ้ ก่ ภาษา สัญลกั ษณ์ หรือสัญญาณท่ีมนุษยใ์ ช้ เพอ่ื แสดงออกแทนความรู้ ความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกตา่ ง ๆ 2.2 เนื้อหาของสาร (message content) หมายถึง บรรดาความรู้ ความคิดและ ประสบการณ์ที่ผสู้ ่งสารตอ้ งการจะถ่ายทอดเพือ่ การรับรู้ร่วมกนั แลกเปลี่ยนเพื่อความเขา้ ใจ ร่วมกนั หรือโตต้ อบกนั 2.3 การจดั สาร (message treatment) หมายถึง การรวบรวมเน้ือหาของสาร แลว้ นามาเรียบเรียงใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีระบบ เพ่อื ใหไ้ ดใ้ จความตามเน้ือหา ที่ตอ้ งการดว้ ยการ เลือก ใชร้ หสั สารท่ีเหมาะสม 3. สื่อ หรือช่องทาง (media or channel) เป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั อีกประการ
หน่ึงในการสื่อสาร หมายถึง สิ่งที่เป็นพาหนะของสาร ทาหนา้ ที่นาสารจากผสู้ ่งสารไปยงั ผรู้ ับสาร ผสู้ ่งสารตอ้ งอาศยั สื่อหรือช่องทางทาหนา้ ที่นาสารไปสู่ผรู้ ับสาร การแบ่งประเภทของสื่อมีหลากหลายตา่ งกนั ออกไป ดงั น้ี (สถาบนั ราชภฏั สวนดุสิต, 2542: 6 ) เกณฑ์การแบ่ง ประเภทของสื่อ ตวั อย่าง 1. แบง่ ตามวธิ ีการเขา้ และถอดรหสั สื่อวจั นะ (verbal) สื่ออวจั นะ (nonverbal) คาพดู ตวั เลข สีหนา้ ทา่ ทาง น้าเสียง หนงั สือพิมพ์ รูปภาพ 2. แบง่ ตามประสาทการรับรู้ สื่อที่รับรู้ดว้ ยการเห็น สื่อท่ีรับรู้ดว้ ยการฟัง ส่ือที่รู้ดว้ ยการเห็นและการฟัง นิตยสาร เทป วทิ ยุ โทรทศั น์ ภาพยนตร์
วีดิทศั น์ 3. แบง่ ตามระดบั การสื่อสาร หรือจานวนผรู้ ับสาร สื่อระหวา่ งบคุ คล ส่ือในกลมุ่ สื่อสารมวลชน โทรศพั ท์ จดหมาย ไมโครโฟน โทรทศั น์ วทิ ยุ หนงั สือพิมพ์ 4. แบง่ ตามยคุ สมยั ส่ือด้งั เดิม ส่ือร่วมสมยั สื่ออนาคต เสียงกลอง ควนั ไฟ โทรศพั ท์ โทรทศั น์ เคเบิล วีดิโอเทกซ์ 5. แบ่งตามลกั ษณะของสื่อ สื่อธรรมชาติ ส่ือมนุษยห์ รือสื่อบคุ คล สื่อสิ่งพิมพ์
ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ ส่ือระคน อากาศ แสง เสียง คนส่งของ ไปรษณีย์ โฆษก หนงั สือ นิตยสาร ใบปลิว วทิ ยุ วีดิทศั น์ ศิลาจารึก สื่อพ้นื บา้ น หนงั สือ ใบขอ่ ย 6. แบง่ ตามการใชง้ าน สื่อสาหรับงานทวั่ ไป ส่ือเฉพาะกิจ จดหมายเวียน โทรศพั ท์ วารสาร จุดสาร วดี ิทศั น์ 7. แบง่ ตามการมีส่วนร่วมของผรู้ ับสาร สื่อร้อน สื่อเยน็ การพดู การอา่ น 4. ผู้รับสาร (receiver) หมายถึง บคุ คล กล่มุ บคุ คล หรือมวลชนท่ีรับเร่ืองราว
ข่าวสาร จากผสู้ ่งสาร และแสดงปฏิกิริยาตอบกลบั (Feedback) ต่อผสู้ ่งสาร หรือส่งสารตอ่ ไป ถึงผรู้ ับสารคนอื่น ๆ ตามจุดมุง่ หมายของผสู้ ่งสาร เช่น ผเู้ ขา้ ร่วมประชุม ผฟู้ ังรายการ วทิ ยุ กลุม่ ผฟู้ ังการอภิปราย ผอู้ ่านบทความจากหนงั สือพิมพ์ เป็นตน้ หลกั ในการสื่อสาร การสื่อสารจะประสบความสาเร็จตรงตามจดุ ประสงคห์ รือไมผ่ สู้ ่งสารควรคานึงถึงหลกั การส่ือสาร ดงั น้ี (ภาควิชา ภาษาไทย สถาบนั ราชภฏั เทพสตรี ลพบรี, 2542: 13-14) 1. ผทู้ ี่จะสื่อสารใหไ้ ดผ้ ลและเกิดประโยชน์ จะตอ้ งทาความเขา้ ใจเร่ืององคป์ ระกอบในการ ส่ือสาร และปัจจยั ทางจิตวิทยาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ระบบการรับรู้ การคิด การเรียนรู้ การจา ซ่ึงมีผล ตอ่ ประสิทธิภาพ ในการส่ือสาร 2. ผทู้ ี่จะสื่อสารตอ้ งคานึงถึงบริบทในการสื่อสาร บริบทในการส่ือสาร หมายถึง สิ่งที่อยู่ แวดลอ้ มที่มีส่วนในการกาหนดรู้ความหมายหรือความเขา้ ใจในการส่ือสาร 3. คานึงถึงกรอบแห่งการอา้ งอิง (frame of reference) มนุษยท์ ุกคนจะมีพ้ืน ความรู้ทกั ษะ เจตคติ คา่ นิยม สังคม ประสบการณ์ ฯลฯ เรียกวา่ ภมู ิหลงั แตกต่างกนั ถา้ คู่ สื่อสารใดมีกรอบแห่ง การอา้ งอิงคลา้ ยกนั ใกลเ้ คียงกนั จะทาใหก้ ารสื่อสารง่ายข้ึน 4. การส่ือสารจะมีประสิทธิผล เมื่อผสู้ ่งสารส่งสารอยา่ งมีวตั ถุประสงคช์ ดั เจน ผา่ นสื่อหรือ ช่องทาง ท่ีเหมาะสม ถึงผรู้ ับสารที่มีทกั ษะในการส่ือสารและมีวตั ถุประสงคส์ อดคลอ้ งกนั 5. ผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร ควรเตรียมตวั และเตรียมการลว่ งหนา้ เพราะจะทาใหก้ ารสื่อสาร ราบร่ืน สะดวก รวดเร็ว เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละสามารถแกไ้ ขไดท้ นั ท่วงที หากจะเกิดอุป สรรค์ ที่จุดใดจุดหน่ึง 6. คานึงถึงการใชท้ กั ษะ เพราะภาษาเป็นสญั ลกั ษณ์ที่มนุษยต์ กลงใชร้ ่วมกนั ในการ สื่อความหมาย ซ่ึงถือไดว้ า่ เป็นหวั ใจในการสื่อสาร คู่ส่ือสารตอ้ งศึกษาเร่ืองการใชภ้ าษา และ
สามารถใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ บคุ คล เน้ือหาของสาร และช่องทางหรือส่ือ ท่ีใชใ้ น การส่ือสาร 7. คานึงถึงปฏิกิริยาตอบกลบั ตลอดเวลา ถือเป็นการประเมินผลการสื่อสาร ท่ีจะทาใหค้ ู่ สื่อสารรับรู้ผลของการสื่อสารวา่ ประสบผลดีตรงตามวตั ถุหรือไม่ ควรปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแกไ้ ขขอ้ บกพร่องใด เพ่ือท่ีจะทาใหก้ ารสื่อสารเกิดผลตามท่ีตอ้ งการ วัตถุประสงค์ของการส่ือสาร คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั (2551: 17) กล่าวถึง วตั ถุประสงคข์ องการสื่อสารไวด้ งั น้ี 1. เพอื่ แจง้ ใหท้ ราบ (inform) ในการทาการสื่อสาร ผทู้ าการส่ือสารควรมีความ ตอ้ งการที่จะบอกกลา่ วหรือช้ีแจงข่าวสาร เรื่องราว เหตุการณ์ หรือส่ิงอื่นใดใหผ้ รู้ ับสารไดร้ ับ ทราบ 2. เพือ่ สอนหรือให้การศึกษา (teach or education) ผทู้ าการส่ือสารอาจมี วตั ถุประสงคเ์ พอ่ื จะ ถา่ ยทอดวชิ าความรู้ หรือเรื่องราวเชิงวิชาการ เพอ่ื ให้ผรู้ ับสารไดม้ ีโอกาส พฒั นาความรู้ใหเ้ พม่ิ พนู ยงิ่ ข้ึน 3. เพื่อสร้างความพอใจหรือใหค้ วามบนั เทิง (please of entertain) ผทู้ าการ สื่อสารอาจ ใชว้ ตั ถุประสงคใ์ นการสื่อสารเพือ่ สร้างความพอใจ หรือใหค้ วามบนั เทิงแก่ผรู้ ับ สาร โดยอาศยั สารท่ีตนเองส่งออกไป ไม่วา่ จะอยใู่ นรูปของการพูด การเขียน หรือการแสดง กิริยาตา่ ง ๆ 4. เพอ่ื เสนอหรือชกั จูงใจ (Propose or persuade) ผทู้ าการสื่อสารอาจใช้ วตั ถปุ ระสงคใ์ น การสื่อสารเพ่อื ใหข้ อ้ เสนอแนะ หรือชกั จูงใจในสิ่งใดส่ิงหน่ึงต่อผรู้ ับ สาร และอาจชกั จูงใจใหผ้ รู้ ับสารมีความคิดคลอ้ ยตาม หรือยอมปฏิบตั ิตามการเสนอแนะของ ตน 5. เพื่อเรียนรู้ (learn) วตั ถุประสงคน์ ้ีมีความเก่ียวขอ้ งโดยตรงกบั ผรู้ ับสาร การ
แสวงหาความรู้ ของผรู้ ับสาร โดยอาศยั ลกั ษณะของสาร ในกรณีน้ีมกั จะเป็ นสารที่มีเน้ือหา สาระเก่ียวกบั วิชาความรู้ เป็นการหาความรู้เพมิ่ เติมและเป็นการทาความเขา้ ใจกบั เน้ือหาของ สารท่ีผทู้ าการส่ือสารถา่ ยทอดมาถึงตน 6. เพือ่ กระทาหรือตดั สินใจ (dispose or decide) ในการดาเนินชีวติ ของ คนเรามี สิ่งหน่ึงที่ตอ้ งกระทา อยเู่ สมอกค็ ือ การตดั สินใจกระทาการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ซ่ึงการ ตดั สินใจ น้นั อาจไดร้ ับการเสนอแนะ หรือชกั จูงใจใหก้ ระทาอยา่ งน้นั อยา่ งน้ีจากบคุ คลอ่ืนอยู่ เสมอ ทางเลือกในการ ตดั สินใจของเราจึงข้ึนอยกู่ บั ขอ้ เสนอแนะน้นั ประเภทของการสื่อสาร การจาแนกประเภทของการส่ือสาร มีผจู้ าแนกไวห้ ลาย ๆ ประเภท โดยใชเ้ กณฑใ์ นการพิจารณา ตามจุดประสงคข์ องการศึกษาหรือวตั ถุประสงคท์ ่ีตอ้ งการจะนาเสนอ ซ่ึงสรุปไดต้ ามตารางดงั น้ี เกณฑ์การแบ่ง ประเภทของการส่ือสาร ตัวอย่าง 1. จานวนผ้ทู าการสื่อสาร 1.1 การส่ือสารภายในตวั บคุ คล (intrapersonal communication) - การพูดกบั ตวั เอง - การคิดคานึงเรื่องต่าง ๆ - การร้องเพลงฟังเอง - การคิดถึงงานท่ีจะทา เป็นตน้
1.2 การส่ือสารระหวา่ งบุคคล (interpersonal communication) - การพดู คุยระหวา่ งบุคคล 2 คนข้ึนไป - การพดู คุย - การเขียนจดหมาย - การโทรศพั ท์ - การประชุมกลมุ่ ยอ่ ย เป็นตน้ 1.3 การสื่อสารกลุ่มใหญ่ (large group communication) - การอภิปรายในหอประชุม - การพดู หาเรื่องเลือกต้งั - การปราศรัยในงานสงั คม - การกลา่ วปาฐกถา ในหอประชุม - การบรรยายทางวชิ าการ ณ ศูนยเ์ รียนรวม เป็นตน้ 1.4 การสื่อสารในองคก์ ร (organizational communication) - การส่ือสารในบริษทั - การสื่อสารในหน่วยงาน ราชการ - การส่ือสารในโรงงาน - การส่ือสารของธนาคาร เป็ นตน้ 1.5 การส่ือสารมวลชน
(mass communication) การส่ือสารที่ผา่ นส่ือเหล่าน้ี คือ - หนงั สือพมิ พ,์ นิตยสาร - วิทยุ - โทรทศั น์ - ภาพยนตร์ เป็ นตน้ 2.การเห็นหน้ากนั 2.1 การส่ือสารแบบเผชิญหนา้ (face to face communication) - การสนทนาตอ่ หนา้ กนั - การประชุมสัมมนา - การสัมภาษณ์เฉพาะหนา้ - การเรียนการสอนในช้นั เรียน - การประชุมกลุ่มยอ่ ย เป็ นตน้ 2.2 การสื่อสารแบบไม่เผชิญหนา้ (interposed communication) - เอกสารการสื่อสารท่ีผา่ น สื่อมวลชนทกุ ชนิด คือ - หนงั สือพมิ พ์ - วทิ ยุ
- โทรทศั น์ - วดี ิทศั น์การสื่อสารที่ผา่ น ส่ือมวลชนทกุ ชนิด - จดหมาย/โทรเลข/โทรสาร - อินเตอร์เน็ต เป็ นตน้ 3. ความสามารถในการโต้ตอบ 3.1 การสื่อสารทางเดียว (one-way communication) การส่ือสารท่ีผา่ นส่ือมวลชนทกุ ชนิด คือ - วทิ ย/ุ โทรทศั น์/วีดิทศั น์ - โทรเลข/โทรสาร - ภาพยนตร์ เป็ นตน้ 3.2 การสื่อสารสองทาง (two-way communication) - การส่ือสารระหวา่ งบุคคล - การสื่อสารในกลมุ่ - การพดู คุย / การสนทนา เป็นตน้ 4. ความแตกต่างระหว่าง ผู้รับสารและผ้สู ่งสาร
4.1 การสื่อสารระหวา่ งเช้ือชาติ (interracial communication) - ชาวไทยส่ือสารกบั คน ต่างประเทศ - คนจีน, มาเลย,์ อินเดีย ใน ประเทศมาเลเซีย สื่อสารกนั เป็นตน้ 4.2 การสื่อสารระหวา่ งวฒั นธรรม (gosscultural communication) - การส่ือสารระหวา่ งคนไทยภาคใตก้ บั ภาคเหนือหรือ ภาคอื่น ๆ - ชาวไทยส่ือสารกบั ชาวเขา เป็นตน้ 4.3 การส่ือสารระหวา่ งประเทศ (international communication) - การเจรจาติดต่อสมั พนั ธท์ างการทูต - การเจรจาในฐานะตวั แทน รัฐบาล เป็นตน้ 5. การใช้ภาษา 5.1 การสื่อสารเชิงวจั นภาษา (verbal communication) - การพดู , การบรรยาย - การเขียนจดหมาย, บทความ เป็ นตน้ 5.2 การสื่อสารเชิงอวจั นภาษา (non-verbal communication) - การส่ือสารโดยไมใ่ ชถ้ อ้ ยคา, คาพูด - อาการภาษา, กาลภาษา, เทศภาษา, สมั ผสั ภาษา, เนตรภาษา, วตั ถุภาษา
และปริภาษา เป็นตน้ อปุ สรรคในการส่ือสาร อุปสรรคในการส่ือสาร หมายถึง ส่ิงที่ทาใหก้ ารส่ือสารไมบ่ รรลุตามวตั ถุประสงค์ ของผสู้ ่ือสาร และผรู้ ับสาร อปุ สรรคในการส่ือสารอาจเกิดข้ึนไดท้ ุกข้นั ตอนของกระบวนการส่ือสาร ดงั น้นั อุปสรรค ในการสื่อสารจากองคป์ ระกอบต่าง ๆ ดงั น้ี 1. อปุ สรรคที่เกิดจากผสู้ ่งสาร 1.1 ผสู้ ่งสารขาดความรู้ความเขา้ ใจและขอ้ มูลเก่ียวกบั สารที่ตอ้ งการจะสื่อ 1.2 ผสู้ ่งสารใชว้ ิธีการถ่ายทอดและการนาเสนอท่ีไมเ่ หมาะสม 1.3 ผสู้ ่งสารไม่มีบุคลิกภาพท่ีไม่ดี และไมเ่ หมาะสม 1.4 ผสู้ ่งสารมีทศั นคติท่ีไม่ดีตอ่ การส่งสาร 1.5 ผสู้ ่งสารขาดความพร้อมในการส่งสาร 1.6 ผสู้ ่งสารมีความบกพร่องในการวิเคราะห์ผรู้ ับสาร 2. อุปสรรคท่ีเกิดจากสาร 2.1 สารไม่เหมาะสมกบั ผรู้ ับสาร อาจยากหรือง่ายเกินไป 2.2 สารขาดการจดั ลาดบั ท่ีดี สลบั ซบั ซอ้ น ขาดความชดั เจน
2.3 สารมีรูปแบบแปลกใหม่ยากต่อความเขา้ ใจ 2.4 สารท่ีใชภ้ าษาคลมุ เครือ ขาดความชดั เจน 3. อปุ สรรคที่เกิดข้ึนจากส่ือ หรือช่องทาง 3.1 การใชส้ ่ือไมเ่ หมาะสมกบั สารที่ตอ้ งการนาเสนอ 3.2 การใชส้ ื่อท่ีไม่มีประสิทธิภาพท่ีดี 3.3 การใชภ้ าษาที่ไมเ่ หมาะสมกบั ระดบั ของการส่ือสาร 4. อปุ สรรคที่เกิดจากผรู้ ับสาร 4.1 ขาดความรู้ในสารที่จะรับ 4.2 ขาดความพร้อมที่จะรับสาร 4.3 ผรู้ ับสารมีทศั นคติที่ไมด่ ีต่อผสู้ ่งสาร 4.4 ผรู้ ับสารมีทศั นคติที่ไม่ดีต่อสาร 4.5 ผรู้ ับสารมีความคาดหวงั ในการสื่อสารสูงเกินไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: