Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยในชั้นเรียน เทอม 1 ปี 65

วิจัยในชั้นเรียน เทอม 1 ปี 65

Published by Niphol Toraksa, 2022-08-20 18:08:41

Description: วิจัยในชั้นเรียน เทอม 1 ปี 65

Search

Read the Text Version

วิจยั ในชนั้ เรยี น เรือ่ ง การพฒั นาทกั ษะการอ่านคาศพั ทพ์ ินอินจนี ของชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา โดยใช้แบบฝึ กอ่าน ผวู้ ิจยั นายนิพล โทรกั ษา โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา กล่มุ สาระการเรียนภาษาต่างประเทศ(ภาษาจีน) ภาคเรียนที่ 1ปี การศึกษา 2565

คำนำ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา เป็นโรงเรียนหนึ่งที่ได้เปิดสอนวิชาภาษาจีนเป็นวชิ า เพิ่มเติมมาเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา ได้มองเห็น ความสำคัญของภาษาจีน และได้มองการณ์ไกลว่าภาษาจีนจะต้องมีบาทสำคัญอย่างมากในการสื่อสารกับคน จีนในอนาคต แต่เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ยังมีนักเรียนบางกลุ่มไม่สามารถอ่านพินอินได้ ผู้วิจัยตระหนักใน ขอ้ นี้ดีว่า ถ้านักเรียนไมส่ ามารถอา่ นพินอินได้ ก็จะทำให้เกดิ ปญั หาในการเรยี นภาษาจนี ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านคาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี ของชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/2 โดยใชแ้ บบฝกึ หลงั จากดำเนนิ การวิจัยเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอนแล้ว กจ็ ะได้นำผลของการ วจิ ยั ไปเป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนวิชาภาษาจนี นพิ ล โทรกั ษา

บทคดั ย่อ ข ช่ือเรอื่ ง การพฒั นาทกั ษะการอา่ นคาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี ของชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 โดยใช้ แบบฝึก นายนิพล โทรกั ษา ช่ือผวู้ ิจยั โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา. สถานที่วิจยั ปี ที่วิจยั ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 การศกึ ษาคน้ ควา้ ในครงั้ น้ี มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื เพอ่ื การพฒั นาทกั ษะการอา่ นคาศพั ท์พนิ อนิ จนี โดยใชแ้ บบฝึก ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา ทม่ี ปี ัญหาการอ่านพนิ อนิ จนี 35 คนแลว้ นามาหาคา่ รอ้ ยละ ผลการศึกษาพบว่า -อย่ใู นขนั้ วิเคราะห์ข้อมูล

สารบญั ค คานา หน้า บทคดั ย่อ สารบญั ก บทท่ี 1 บทนา ข ค บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 1 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนินการวจิ ยั บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 3 บทท่ี 5 สรปุ ผล และขอ้ เสนอแนะ 9 บรรณานุกรม 14 ภาคผนวก 17 19

บทท่ี 1 บทนา ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา ภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศท่สี อง ท่ีมผี คู้ นสนใจและให้ความสำคญั เน่ืองจากเป็นภาษาท่ี มีผคู้ นใช้มาก ประเทศจีนได้มีการพฒั นาด้านเศรษฐกจิ อย่างรวดเร็ว และ พ.ร.บ. การศกึ ษา ทก่ี ำหนดให้มีการ เรยี นการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศโดยให้สถานศกึ ษาสามารถจัดทำสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ และภาษาจนี เป็นภาษาต่างประเทศอีกภาษาหนง่ึ ท่ีทางสถานศึกษาได้จัดให้มีการเรียนการ สอนข้ึนตามดุลยพินจิ ของสถานศึกษานั้น ๆ จึงทำใหส้ ถานศึกษาหลายแห่งเปิดการเรยี นการสอนภาษาจนี และ จัดทำหลักสตู รภาษาจีนข้ึนในโรงเรียน ดงั นั้นในการพัฒนาการอ่านคาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี ในครั้งน้ี จะใช้วิธีการโดยนำปฏิบัติแบบ การฝกึ ซ้ำ ๆ จะ ทำใหเ้ กดิ ความชำนาญ แล้วสามารถเรียนรู้ภาษาจีนได้อย่างรวดเร็ว วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย 1. เพอ่ื พัฒนาทกั ษะการอ่านคาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี โดยใชแ้ บบฝึก ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จงั หวดั พะเยา สมมติฐานการวจิ ัย นักเรียนมที ักษะการอา่ นพนิ อินจีนดขี ึ้นหลังจากใชแ้ บบฝึกการอ่าน ขอบเขตของการวิจัย ก. ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา ในการวิจัยคร้ังนมี้ ุ่งศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านคาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี โดยใช้แบบฝึก นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 24 จงั หวัดพะเยา ข. ขอบเขตดา้ นประชากร ประชากรในการวจิ ัยครงั้ นี้ คือ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ทมี่ ีปัญหาทักษะการอา่ น คาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี 35 คน ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา ตวั แปรต้น คอื แบบฝกึ อา่ นพินอนิ จนี ตัวแปรตาม คือ การอ่านพินอินจีน

ค. ขอบเขตของเวลา ใช้เวลาในการวิจยั ท้งั หมด 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 ครง้ั ในวนั อังคาร คาบ 3-4 เรม่ิ ตัง้ แตเ่ ดือนมกราคม ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 นิยามศัพท์ ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย สทั อักษรจีน( พนิ อนิ ) คือ ระบบในการถ่ายถอดเสียงภาษาจนี เป็นตวั คาราโอเกะหรือเรียกวา่ ตวั อกั ษรโรมนั แบบฝึก หมายถงึ สิ่งที่สรา้ งข้ึนเพื่อเสรมิ สรา้ งทักษะให้แก่นักเรียน มลี ักษณะเป็นแบบฝึกอ่านสทั อักษรจีน ให้นกั เรียนได้ทำกจิ กรรมโดยมีจดุ ม่งุ หมายเพอ่ื พฒั นาความสามารถของนักเรียนให้สทั อักษรจีนดีข้ึน แบบทดสอบ หมายถึง ชุดฝึกอา่ นสัทอักษรจนี ท่สี รา้ งข้ึนเพื่อใช้วดั ความรู้ สตปิ ัญญา ความถนัด และ บคุ ลกิ ภาพของบุคคล โดยบคุ คลน้นั จะตอบสนองโดยการแสดงพฤติกรรมในรูปแบบการออกเสียง เช่น พูด อา่ น สัทอักษรจีน เปน็ ตน้ ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1.นักเรยี นมีทักษะการอา่ นพนิ อนิ จีนทดี่ ขี น้ึ 2.ครสู ามารถนำผลวจิ ัยไปแก้ปญั หาในการเรยี นภาษาจีนได้

บทที 2 เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การวิจัย การวิจัยเรอื่ งการพฒั นาการอ่านคำศัพท์พินอินจีนโดยใชแ้ บบฝกึ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 24 จงั หวัดพะเยา ผูว้ จิ ัยได้ศกึ ษาคน้ ควา้ แนวคิด ทฤษฎี งานวิจยั ที่ เกยี่ วขอ้ งดังน้ี 1. ความหมายและความสำคัญของทักษะการอา่ น 2. ทฤษฎีการเรียนรู้ ธอรน์ ไดค์ (Thorndike) 3. ความสำคญั ของภาษา 4. แนวคิดเกี่ยวกับแบบฝึก 5. งานวจิ ยั ที่เกยี่ วข้อง 1. ความหมายและความสำคัญของทกั ษะการอา่ น ความหมายของการอ่าน การอา่ นเปน็ พฤตกิ รรมการรับสารที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการฟัง ปัจจุบันมีผู้ร้นู กั วชิ าการและ นักเขยี นนำเสนอความรู้ ข้อมูล ข่าวสารและงานสรา้ งสรรค์ ตีพิมพ์ ในหนงั สอื และสิง่ พิมพอ์ ืน่ ๆ มาก นอกจากน้ีแล้วข่าวสารสำคญั ๆ หลังจากนำเสนอดว้ ยการพูด หรอื อา่ นให้ฟังผ่านสื่อตา่ ง ๆ ทฤษฎีธอร์นไดค์ (Thorndike) ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Classical Connectionism) กลา่ วว่า ทฤษฎีการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ (Thorndike. 1814-1949 อ้างองิ ใน ทศิ นา แขมมณ.ี 2545 : 51- 52) เชอื่ ว่าการเรียนรเู้ กิดจากการเชอ่ื มโยงระหว่างสิง่ เร้ากับการตอบสนอง ซ่ึงมีหลายรูปแบบ บคุ คลจะมีการ ลองผิดลองถูก (trial and error) ปรบั เปรยี บไปเร่ือย ๆ จนกวา่ จะพบรูปแบบการตอบสนองท่สี ามารถให้ผล ทีพ่ งึ พอใจมากที่สดุ เม่อื เกดิ การเรียนร้แู ล้ว บคุ คลจะใช้รูปแบบการตอบสนองทเ่ี หมาะสมเพียงรปู แบบเดียว และจะพยายามใช้รปู แบบน้ันเช่ือมโยงกับส่ิงเร้าในการเรียนร้ตู อ่ ไปเรื่อย ๆ กฎการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ สรปุ ไดด้ ังน้ี 1. กฎแหง่ การพร้อม (Law of Readiness) การเรยี นรูจ้ ะเกิดขน้ึ ได้ดีถ้าผูเ้ รยี นมีความพร้อมท้งั ทางร่างกายและจิตใจ 2. กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise) การฝึกหดั หรือกระทำบ่อย ๆ ดว้ ยความเข้าใจจะทำ ให้การเรียนรู้น้ันคงทนถาวร ถา้ ไม่ไดก้ ระทำซำ้ บ่อย ๆ การเรียนรู้น้นั จะไม่คงทนถาวร และใน ที่สุดอาจลืมได้ 3. กฎแหง่ การใช้ (Law of Use and Disuse) การเรียนรูเ้ กิดจากการเชอื่ มโยงระหวา่ งสิ่งเร้า กบั การตอบสนอง ความมนั่ คงของการเรยี นรู้จะเกิดขึ้น หากได้มีการนำไปใช้ บ่อย ๆ หากไม่มี การนำไปใชอ้ าจมีการลืมเกิดขน้ึ ได้

3. ความสำคญั ของภาษา การอา่ นเปน็ ทกั ษะท่มี ีความจำเป็นมากทสี่ ดุ ในชีวิตประจำวัน ผู้ทม่ี คี วามสามารถในการอา่ น มักจะเป็นผู้ทปี่ ระสบความสำเรจ็ ในชวี ติ และหน้าทกี่ ารงานเสมอ เพราะการอา่ นไดแ้ ละอ่านเป็นจะช่วยให้ ผู้อ่านได้ขอ้ มูลและความรู้ และขยายความคดิ ให้กวา้ งขวางกลายเป็นคนฉลาดรอบรู้ มีความคิดสรา้ งสรรค์ ร้จู กั ค้นควา้ แสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเอง อกี ทั้งสามารถปรบั ตัวเข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อมได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ความสำคญั ของภาษาจีน ภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศ ที่มีผู้คนสนใจและให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นภาษาที่มีผู้คนใช้มาก ประเทศจีนได้มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการที่จะติดต่อกับประเทศต่างๆ ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ติดต่อทำธุรกรรมทางด้านสินค้าการเกษตรผลิตภัณฑ์ต่างๆรวมทั้งทาง การศึกษากับประเทศจีน และ พ.ร.บ. การศึกษา ที่กำหนดให้มีการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศโดยให้สถานศึกษาสามารถจัดทำสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และภาษาจีนเป็น ภาษาต่างประเทศ ทส่ี อง ทท่ี างสถานศึกษาไดจ้ ัดให้มีการเรียนการสอนขึ้นตามดลุ ยพินิจของสถานศึกษาน้ัน ๆ จงึ ทำใหส้ ถานศกึ ษาหลายแหง่ เปิดการเรียนการสอนภาษาจีนและจัดทำหลักสูตรภาษาจนี ขึน้ ในโรงเรยี น สัทอกั ษรจีน (พินอนิ ) สัทอกั ษรจีนหรอื ทีเ่ รียกวา่ พินอิน หรือ ฮนั่ ยวี่พินอิน (จนี ตัวเต็ม: 漢語拼音 จีนตัวยอ่ 汉语 拼 พินอิน: Hànyǔ Pīnyīn แปลว่า การถอดเสยี งภาษาจีน) คอื ระบบในการถา่ ยถอดเสียงภาษาจีน มาตรฐาน ด้วยตวั อกั ษรโรมัน ความหมายของพนิ อินคอื \"การรวมเสียงเข้าด้วยกนั \" (โดยนยั กค็ ือ การเขยี นแบบ สทั ศาสตร์ การสะกด การถ่ายถอดเสียง หรือการทับศัพท์) พนิ อินเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2501 และเร่ิมใช้กันในปี พ.ศ. 2522 โดย รฐั บาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้แทนท่รี ะบบการถา่ ยถอดเสียงแบบเกา่ เช่น ระบบเวดและไจลส์ และระบบจู้อนิ นอกจากนี้ ยงั มีการ ออกแบบระบบอน่ื ๆ สำหรับนำไปใชก้ บั ภาษาพดู ของจีนในถน่ิ ตา่ ง ๆ และภาษาของชนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช้ภาษา ฮ่นั ในสาธารณรฐั ประชาชนจีนดว้ ย

4. แนวคิดเก่ยี วกับแบบฝกึ ความหมายของแบบฝกึ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ( 2543: 190 ) กล่าวว่า “แบบฝึกหดั เป็นสือ่ การเรียนประเภทหน่ึงสำหรบั ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติเพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจและทักษะเพ่ิมขึ้น ส่วน ใหญห่ นงั สือเรียนจะมีแบบฝกึ หัดอยู่ทา้ ยบทเรยี น แบบฝกึ หดั ส่วนใหญ่จะจดั ทำในรูปของแบบฝึกหัด หรอื ชดุ ฝกึ ซ่ึงนกั เรียนจะฝึกหดั เรยี นดว้ ยตนเอง และจดั ทำเปน็ ชุดเน้นพฒั นา หรอื เสริมทักษะเรื่องใดเรื่องหน่งึ ” ความสำคัญของแบบฝึก ภาษาเป็นเรื่องทักษะ ซึ่งจำแนกได้ 2 ทาง คือ ทักษะการรับเข้า ได้แก่ การอ่านและการฟัง และ ทักษะการแสดงออก ได้แก่ การพูดและการเขียน ซึ่งครูจะต้องฝึกฝนหรือให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดมาก ๆ เพราะการฝึกฝนหรือการทำแบบฝึกหัดเป็นส่ิงที่จำเป็นต่อการเรียนภาษา ( มังกร ชัยชนะดารา .2515 : 41 ) สิ่งที่จะช่วยพัฒนาทางภาษาดีขึ้น คือ การนำความรู้ที่ได้เรียนผ่านมาฝึกให้เกิดความเข้าใจกว้างขวางมากขึ้น โดยอาศยั แบบฝกึ ทักษะโดยตรง หวั ใจของการสอนวชิ าทักษะอยู่ที่การฝึก การฝึกอย่างถูกวธิ เี ท่านั้นที่ทำให้เกิด ความชำนิชำนาญ คล่องแคล่ว ว่องไว ทักษะในด้านภาษาเป็นสิ่งจำเป็นต้องฝึกให้แก่เด็ก เพื่อให้เด็กมี ความสามารถในการติดตอ่ สอ่ื ความหมาย อันเปน็ วัตถปุ ระสงค์ของการสอนภาษา ประโยชน์ของแบบฝึก แบบฝึกมีประโยชน์ต่อการเรียนวิชาทักษะมาก เพ็ตตี ( สุจริตา ศรีนวล 2538 :62 ;อ้างอิงจาก Petty. 1963 : 469-472 ) ได้กล่าวไว้ดงั น้ี 1. เปน็ ส่วนเพิ่มหรือเสริมหนังสือเรยี นในการเรยี นทักษะ เป็นอุปกรณ์การสอนท่ชี ว่ ยลดภาระของครู ไดม้ าก เพราะแบบฝึกเปน็ สิง่ ทีจ่ ัดทำขนึ้ อย่างเป็นระบบระเบียบ 2. ช่วยเสริมทักษะทางการใช้ภาษา แบบฝึกเป็นเครือ่ งมือที่ช่วยให้เด็กได้ฝึกทักษะการใชภ้ าษาให้ดี ขน้ึ แตจ่ ะตอ้ งอาศัยการสง่ เสริมและความเอาใจใสจ่ ากครผู ู้สอนดว้ ย 3. ช่วยในเรอื่ งความแตกต่างระหวา่ งบุคคล เนือ่ งจากเด็กมคี วามสามารถทางภาษาแตกต่างกัน การ ให้ เด็กทำแบบฝกึ หดั ท่เี หมาะสมกบั ความสามารถของเขาจะช่วยให้เด็กประสบผลสำเร็จในดา้ นจิตใจมาก ขน้ึ 4. แบบฝึกช่วยเสรมิ ให้ทักษะทางภาษาคงทน โดยกระทำดังน้ี 4.1 ฝึกทนั ทีหลังจากเดก็ ไดเ้ รียนรใู้ นเรื่องนัน้ ๆ 4.2 ฝกึ ซำ้ หลายๆ ครั้ง 4.3 เน้นเฉพาะเรอื่ งทตี่ ้องการฝึก 5. แบบฝึกท่ใี ชจ้ ะเปน็ เครอื่ งมือวดั ผลการเรยี นหลังจากจบบทเรยี นในแต่ละครัง้

6. แบบฝึกที่จัดทำข้ึนเป็นรูปเล่มเด็กสามารถเก็บรักษาไว้ใช้เป็นแนวทางเพื่อ ทบทวนด้วยตนเองได้ ตอ่ ไป 7. การให้เด็กทำแบบฝึก ช่วยให้ครูมองเห็นจุดเด่นหรือปัญหาต่างๆ ของเด็กได้ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้ ครูดำเนินการปรับปรุงแกไ้ ขปัญหานั้นๆ ได้ทันท่วงที 8. แบบฝกึ ทีจ่ ดั ขึน้ นอกเหนอื จากที่มีอยู่ในหนังสือแบบเรียน จะช่วยให้เดก็ ได้ฝึกฝนอย่างเต็มท่ี 9. แบบฝกึ ท่จี ดั พมิ พ์ไว้เรยี บร้อยจะชว่ ยให้ครปู ระหยัดทัง้ แรงงานและเวลาในการทจี่ ะตอ้ งเตรยี มสร้าง แบบฝึกอยู่เสมอ ในด้านผู้เรียนก็ไม่ต้องเสียเวลาลอกแบบฝึกจากตำราเรียนทำให้มีโอกาสได้ฝึกฝน ทักษะต่างๆ มากขึ้น 10. แบบฝึกช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มที่แน่นอนย่อมลงทุนต่ำกว่าที่จะ พิมพ์ลงในกระดาษไขทุกครั้ง ผู้เรียนสามารถบันทึกและมองเห็นความก้าวหน้าของตนเองได้อย่างมี ระบบและเปน็ ระเบยี บ หลกั ในการสร้างแบบฝึก หลักการสร้างแบบฝึกเป็นส่ิงสำคัญ เพราะแบบฝึกที่ดีจะสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้ดีจึง จำเปน็ ตอ้ งสรา้ งใหม้ ีคุณภาพ ได้มนี กั การศึกษาเสนอหลกั การสรา้ งแบบฝึกไว้หลายท่านดังนี้ บัทส์ ( นิตยา ฤทธิโยธี 2530 : 40 ; อ้างอิงจาก Butts. ม.ป.ป. ) ได้สรุปหลักการสร้างแบบฝึกไว้ ดังน้ี 1. กอ่ นสร้างแบบฝึกจำเปน็ ต้องกำหนดโครงร่างไว้กอ่ นว่ามวี ตั ถปุ ระสงค์อยา่ งไรจะเขียน แบบฝึกเกยี่ วกับเรื่องอะไร 2. ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เก่ยี วข้องกบั เรอื่ งทที่ ำ 3. เขียนวตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 4. แจงวตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม เป็นกจิ กรรมย่อยโดยคำนึงถึงความเหมาะสมของผู้เรยี น 5. กำหนดอุปกรณท์ ี่จะใชใ้ นกิจกรรมแตล่ ะขน้ั ตอนให้เหมาะสม 6. กำหนดเวลาแต่ละขน้ั ตอนให้เหมาะสม 7. การประเมนิ ผลอยา่ งไร หลกั ในการสร้างแบบฝกึ ควรมีลักษณะดังตอ่ ไปนี้ 1. การตงั้ วัตถปุ ระสงค์ 2. การศกึ ษาเก่ยี วกับเนื้อหา 3. ขน้ั ตอนในการสรา้ งแบบฝกึ 3.1 ศกึ ษาปัญหาในการเรยี นการสอน 3.2 ศกึ ษาจติ วทิ ยาเก่ียวกับการเรยี นการสอนและจติ วิทยาพัฒนาการ 3.3 ศกึ ษาเนอ้ื หาวิชา 3.4 ศกึ ษาลกั ษณะของแบบฝึก 3.5 วางโครงเรื่องและกำหนดรูปแบบของการฝึกใหค้ รบตามที่กำหนด 3.6 เลือกเน้ือหาตา่ งๆ ที่เหมาะสมมาบรรจุในแบบฝกึ ให้ครบตามที่กำหนดไว้

ลักษณะของแบบฝึกทดี่ ี 1. ตอ้ งมีการฝกึ นักเรียนมากพอสมควรในเรอ่ื งหนึ่งๆ กอ่ นท่จี ะมกี ารฝึกเรื่องอื่นๆ ต่อไปเน่ืองจาก แบบฝึกทำขัน้ เพื่อการสอนมใิ ช่เพอ่ื การสอบ 2. แตล่ ะแบบฝึกควรใช้ประโยคเพยี งรปู แบบเดียวเท่านั้น 3. ฝึกโครงสร้างใหมๆ่ กบั สิ่งท่เี รียนรู้มาแล้ว 4. ประโยคท่ีใช้ฝกึ ควรเปน็ ประโยคสนั้ ๆ 5. คำศัพทแ์ ละประโยคควรเปน็ แบบที่ใชพ้ ดู กนั ในชีวิตประจำวัน 6. เป็นแบบฝกึ ทใี่ หน้ ักเรยี นไดใ้ ช้ความคดิ 7. ควรมีแบบฝกึ หลายๆ แบบเพ่ือไม่ใหน้ กั เรียนเกดิ ความเบือ่ หน่าย 8. ควรฝึกใหน้ กั เรยี นสามารถนำสิ่งทเ่ี รยี นไปแล้วไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ การกำหนดเกณฑ์ในการหาประสทิ ธิภาพของแบบฝึก อนุวตั ิ คูณแกว้ ( 2546 : 58 ) กลา่ วถึงการรหาประสทิ ธิภาพของสอื่ การสอน ดงั น้ี ก า ร ห า ประสิทธิภาพของส่อื การสอน เปน็ การหาคุณภาพของสื่อการสอนทีผ่ ู้วจิ ยั สร้างข้ึน โดยผวู้ จิ ัยจะให้นักเรียนทำ แบบฝึกหัดและแบบทดสอบหลังเรียน แล้วนำคะแนนของนักเรียนทั้งหมดมาคิดเป็นค่าร้อยละ เพ่ือนำไป เปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ีผู้วิจัยไดก้ ำหนดไว้ ซึ่งอาจจะเริ่มจาก 70/70 หรือ 80/80 ก็ได้ หรือ จะกำหนดให้ มากกว่าหรอื นอ้ ยกวา่ นก้ี ็ได้ โดยผู้วิจัยตอ้ งคำนึงถึงลักษณะของวชิ าเหล่าน้ันด้วย ความหมายของ 80/80 คือ 80 ตัวแรก หมายถึง คา่ เฉลี่ยของผลรวมของคะแนนทีน่ ักเรยี นทั้งหมดทำแบบฝึกหดั ระหว่างเรียน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป 80 ตัวหลงั หมายถึง ค่าเฉลี่ยของผลรวมของคะแนนท่ีนักเรียนทั้งหมดทำแบบทดสอบหลงั เรียน คิดเป็นรอ้ ยละ 80 ขึ้นไป สตู รการหาประสทิ ธิภาพของสือ่ การสอน E1 = E2 = เม่อื E 1 แทน ค่าเฉลีย่ ของคะแนนแบบฝึกหัดระหว่างเรยี น ที่คิดเป็นร้อยละ E 2 แทน คา่ เฉล่ยี ของคะแนนสอบหลงั เรยี นท่คี ิดเป็นรอ้ ยละ คะแนนรวมของนักเรียนจากการทำแบบฝกึ หดั  X แทน ระหว่างเรยี น  F แทน คะแนนรวมของนกั เรยี นจากการทาแบบทดสอบ หลงั เรยี น

N แทน จานวนนกั เรยี น A แทน คะแนนเตม็ ของแบบฝึกหดั ระหว่างเรยี น B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบหลงั เรยี น 5. เอกสารงานวจิ ัยทเี่ ก่ียวข้อง ศริ ิพร ธรรมสถติ วงศ์.(2549).การพัฒนาทักษะในด้านการอ่านระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นเทศบาล 3(บุญทวงค์อนกุ ูล) จงั หวัดลำปาง ผลการวจิ ยั พบว่าจำนวนนกั เรยี นหนงึ่ มีการพฒั นาทักษะ ในดา้ นการอา่ น โดยฝึกทักษะการประสมคำ พยัญชนะ สระ ตวั สะกด และรูปวรรณยุกต์ ไดอ้ ย่างถูกต้อง โดย นำมาซึง่ การพฒั นาทกั ษะในด้านการอา่ นได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องเขา้ ใจมากยง่ิ ข้ึน บทที่ 3 วิธีดำเนนิ การวจิ ัย การวิจัยเรื่องการพัฒนาการอ่านสัทอักษรจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 24 จังหวดั พะเยา เปน็ การวิจัยเชิงปฏบิ ตั กิ าร มีรายละเอียดดงั น้ี 1. ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง 2. เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการวิจยั 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 4. การวิเคราะหข์ ้อมูล 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ประชากรในการวิจยั ครั้งน้ี คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ที่มีปัญหาการอ่านคาศพั ทพ์ นิ อนิ จนี 35 คน ของโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 24 จงั หวดั พะเยา 2. เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั เครือ่ งมือที่ใช้ในการวจิ ัยครง้ั นี้ได้แก่ 2.1.1 แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคาศพั ท์พนิ อนิ จนี เป็นแบฝึกที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ ประกอบการฝึกทักษะการอ่านคาศัพท์พินอินจีน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จงั หวดั พะเยา ประกอบดว้ ยแบบฝกึ ทงั้ หมด 7 ชดุ 2.1.2 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เรื่อง สทั อักษรจนี เปน็ แบบทดสอบที่ ผ้รู ายงานสร้างขน้ึ เพื่อใช้วดั ความสามารถการอ่านสัทอักษรจีนของนักเรยี น หลงั จากนกั เรียน เรยี นจบท้ังหมด ซ่ึงเปน็ ข้อสอบปฏิบตั ิ ขน้ั ตอนการสรา้ งเครื่องมือ

1. แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ ขั้นตอนการสร้างแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านพินอินจีน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2.โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 24 จงั หวัดพะเยา ประกอบดว้ ยแบบฝึกท้งั หมด 7 ชดุ ได้ ดำเนินการดงั น้ี 1. ศกึ ษาทฤษฎีและรปู แบบของการสรา้ งแบบฝึกเสรมิ ทักษะการอ่านพินอินจีน จาก เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 2. ศึกษารายละเอียดเนื้อหาด้านการอ่านสัทอักษรจากหนังสือเรียนภาษาจีนตาม หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐา น กระทรวงศึกษาธิการ โดยนำเน้ือหาในหนังสือเรียน มาจัดทำเป็นแบบฝึกเสริมทักษะการ อา่ นสทั อักษรจีน จำนวน 7 ชดุ 3. จดั ลำดับเนื้อหาและส่วนประกอบในแบบฝึก 2.แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิก์ ารอา่ นสทั อักษรจีน 1. ศึกษาทฤษฎแี ละวธิ ีการสรา้ งแบบทดสอบวดั ความสามารถในการสทั อักษรจีน และเกณฑ์การตรวจใหค้ ะแนนจากเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง 2. สร้างแบบทดสอบ 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู การเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพอ่ื นำมาศกึ ษาค้นคว้าครั้งน้ี ผวู้ จิ ัยได้ดำเนนิ การตามขน้ั ตอนต่อไปน้ี 1. ผู้วจิ ยั สังเกตจากการเรยี นในห้องเรียน 2. ผู้วิจัยทำการสอน โดยใช้แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอา่ นสทั อกั ษรจีนกบั นกั เรียน สปั ดาห์ละ 4 ช่วั โมง ในวนั อังคาร และวัน พธุ ซึ่งมีลำดับการสอนดังนี้

ชดุ ท่ี เนื้อหา กิจกรรม เครื่องมือ 号码 内容 活动 评估方法 ชดุ ที่ bà bǒ bǐ bū bái bǎo béi běn bǎng 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอา่ นสทั 1 bèng bǐng 2.นกั เรยี นสอ่าน อกั ษรจนี ชุดท่ี 2 biá biě bīn biǎo pà pǒpí pǔ pái pào พรอ้ มกนั กบั ครู 2.แบบทดสอบ pán pōu ชุดที่ 3.นกั เรยี นประสม อา่ นสทั อกั ษรจนี 号码 pèi pēn pèng piāo piè pián pǐn pǐng ชดุ ท่ี pāng mā mò mē mǐ mù mǎi máo พยชั นะ สระ และผนั ประจาตวั นกั เรยี น màn máng mòu méi mén mèng วรรณยุกต์ 3 miǎo miè miū mián mǐn míng fǎ fǒ 4.ครตู รวจสอบการ อ่านของนกั เรยี น fù fōu fán fang fēi fēng fén dǎ dé dì dǔ dài dāo dàn dāng 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอ่านสทั dǒng dǒu déi 2.นกั เรยี นสอ่าน อกั ษรจนี děn děng diào diě diú diǎn dǐng พรอ้ มกนั กบั ครู 2.แบบทดสอบ duō duì duǎn dùn tā tè tǐ tù tài táo 3.นกั เรยี นประสม อ่านสทั อกั ษรจนี tān tāng tóu tong téng tiāo tiē tián tīng tuō tuǐ tùn tuǎn nǎ nǐ nē nǔ nǎi พยชั นะ สระ และผนั ประจาตวั นกั เรยี น nào nán nàng nóng nǒu nèi nén วรรณยุกต์ nèng niǎo niē niú nián nǐn niǎng 4.ครตู รวจสอบการ nìng nuò nuǎn nǚ nüè lüé lǜ lùn อ่านของนกั เรยี น luán luó lǐng liǎng lín lián liù lià lié liǎo lěng lěi là lǐ lé lú lǎi lǎo lán làng lóu lóng 内 กิจกรรม 活 เครอ่ื งมือ เนื้อหา 容 动 评估方法 gā gè gǔ gāi gǎo gān gáng gong 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอ่านสทั gǒu gěi gēn géng guǎn gùn guā guǒ guì guāi 2.นกั เรยี นอ่านพรอ้ ม อกั ษรจนี guǎng kuáng kuài kuī kuǒ kuā kǔn kuán kěng kēn kěi kà kè kǔ kāi kǎo กนั กบั ครู 2.แบบทดสอบ kán kǎng kōng kǒu hāhé hǔ hái hǎo hàn háng hóng hòu hēi hěn 3.นกั เรยี นประสม อา่ นสทั อกั ษรจนี พยชั นะ สระ และผนั ประจาตวั นกั เรยี น วรรณยุกต์

hèng huān hǔn huá huǒ huí huài 4.ครตู รวจสอบการ huáng อา่ นของนกั เรยี น ชดุ ที่ jǐ jù jiào jiē jiǎ jiú jiàn jǐn jiǎng jíng 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอ่านสทั 4 jiōng juǎn jùn jué quē qún quǎn qiòng qíng 2.นกั เรยี นอ่านพรอ้ ม อกั ษรจนี ชุดที่ qiǎng qīn qián qiǔ qiā qiě qiào qù 5 qí xī xú xiǎo xiè xiā xiǔ กนั กบั ครู 2.แบบทดสอบ xián xīn xiǎng xǐng xué xuǎn xùn ชดุ ที่ xióng 3.นกั เรยี นประสม อา่ นสทั อกั ษรจนี 号码 ชุดท่ี พยชั นะ สระ และผนั ประจาตวั นกั เรยี น 6 วรรณยกุ ต์ 4.ครตู รวจสอบการ อา่ นของนกั เรยี น zā zè zǐ zū zài zǎo zán zǎng zōng 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอ่านสทั zǒu zèi zēng zuò zuǐ zuǎn zún cǔn 2.นกั เรยี นอ่านพรอ้ ม อกั ษรจนี cuán cuī cuò céng cén cǒu cóng กนั กบั ครู 2.แบบทดสอบ cǎng càn cǎo cái cú cǐ cè cā sà sě sǐ 3.นกั เรยี นประสม อ่านสทั อกั ษรจนี sú sāi sǎo sān sang song sóu sěn พยชั นะ สระ และผนั ประจาตวั นกั เรยี น suǒ suì suān sùn วรรณยกุ ต์ 4.ครตู รวจสอบการ อ่านของนกั เรยี น เนื้อหา 内 กิจกรรม 活 เคร่ืองมือ 容 动 评估方法 zhà zhé zhǐ zhū zhái zhǎo zhán 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอ่านสทั zhǎng zhōng 2.นกั เรยี นอ่านพรอ้ ม อกั ษรจนี zhǒu zhèi zhēn zhèng zhuā zhuǒ กนั กบั ครู 2.แบบทดสอบ zhuái zhuì zhuán zhǔn zhuāng shuǎng chá 3.นกั เรยี นประสม อ่านสทั อกั ษรจนี chě chī chú chǎi cháo chǎn chāng hòng chǒu พยญั ชนะ สระ และ ประจาตวั นกั เรยี น chén chēng ผนั วรรณยกุ ต์ 4.ครตู รวจสอบการ chuá chuǒ chuǎi chuì chuan chǔn อา่ นของนกั เรยี น chuāng shǔn shuàn shuǐ shuāi shuǒ shuá shèng shěn shóu shǎng shā

shé shì shǔ shāi shǎo shàn rè rì rǔ rāo rǎn rāng róng ròu rén rěng ruá ruǒ ruí ruān rǔn ชุดที่ yǐ yù yāo yè yá yǒu yán yǐn yàng 1.นกั เรยี นอ่านตามครู 1. แบบฝึกอ่านสทั 7 yīng yǒng 2.นกั เรยี นอ่านพรอ้ ม อกั ษรจนี yuán yùn yuè wū wá wǒ wái wěi กนั กบั ครู wàn wēn 2.แบบทดสอบ wǎng wèng yāo yè yàng yīng wěi yǒng yuè 3.นกั เรยี นประสม อา่ นสทั อกั ษรจนี wū yǒu wá yán yǐn wǒ wái wàn พยชั นะ สระ และผนั ประจาตวั นกั เรยี น วรรณยุกต์ yuán wēn yǐ 4.ครตู รวจสอบการ yù wǎng wèng yùn yá อ่านของนกั เรยี น 4. การวเิ คราะหข์ ้อมลู ผวู้ ิจัยนำแบบทดสอบมาดำเนินการวิเคราะหด์ ้วยโปรแกรม SSPS ตามลำดับดังนี้ 1. วเิ คราะหห์ าคา่ ประสิทธภิ าพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น โดยหาค่าความยากและ คา่ อำนาจจำแนกของแบบทดสอบ 2. วิเคราะห์หาคา่ ประสิทธิภาพ (E1 /E 2 ) โดยใช้แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นสัทอักษรจีน โดยใช้สถิติ ค่าเฉลยี่ ร้อยละ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนทไ่ี ด้รับจากผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู การวจิ ยั ในครงั้ น้เี ป็นการพฒั นาทกั ษะการอ่านพนิ อนิ จนี ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 โดย ใชแ้ บบฝึก โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 24 จังหวดั พะเยา ผวู้ จิ ยั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู แลว้ นามาหาค่ารอ้ ย ละ ตาราง คะแนนและร้อยละของนักเรยี น ก่อนเรียน หลงั เรียน ท่ี รายชอ่ื คะแนน ร้อยละ คะแนน รอ้ ยละ (10) (10) 1 นายคงศกั ด์ิ กติ ติวโรสนั 2 นายชัดนรนิ ทร์ แก้วจินดา 3 นายณฐั พล สายป้อง 4 นายถนิต อถชิ ัยพรกลุ 5 นายทวที รัพย์ วบิ ูลยอ์ าชา 6 นายธีระ บษุ ยไพสิฐ 7 นายนที แดนนาสาร 8 นายเม่ง แซ่ว่าง 9 นายยงยทุ ธ์ แซ่ยา่ ง 10 นายศุภกร แซเ่ ติ๋น 11 นายอานันท์ แซ่ย่าง 12 นางสาวกัญญารตั น์ ท่อเจริญไชยกุล 13 นางสาวกัลยรตั น์ สงบ 14 นางสาวขวญั จริ า แซซ่ ง้ 15 นางสาวจักษณา แซย่ า่ ง 16 นางสาวจริ ัชญา แซฟ่ า่

ท่ี นางสาวตะวนั แซ่ว่าง ก่อนเรียน หลงั เรียน 17 นางสาวตะวนั แซ่วา่ ง คะแนน รอ้ ยละ คะแนน รอ้ ยละ 18 นางสาวถาวรีย์ แซ่เฮ้อ (10) (10) 19 นางสาวนภัส สุวรรณ 20 นางสาวนภสั สร เสธีวลั ย์ 21 นางสาวน้ำฝน แซย่ ่าง 22 นางสาวบุษบา แซค่ ู 23 นางสาวเบญจพร คำพินิจ 24 นางสาวพทิ ยาภรณ์ แซ่ลี 25 นางสาวพมิ พพ์ ร ลสี วสั ด์กิ ลุ 26 นางสาวพิยดา นอ้ ยมณี 27 นางสาวเพชรปราณี มง่ั เพชรศริ ิวฒั นา 28 นางสาวมทั รี บรริ ักษ์ 29 นางสาวรตั นาภรณ์ คำคง 30 นางสาววริศรา แซห่ าญ 31 นางสาววนั ระ แซ่ฟ้า 32 นางสาวแสงเดอื น ทอเจริญไชยกุล 33 นางสาวแสงสริ ิ วงศบ์ ุญชยั เลศิ 34 นางสาวอทิตยา แซ่จา๋ ว 35 นางสาวอรปรียา แซล่ ี

จากตาราง สรุปไดว้ า่ พบวา่ นกั เรยี นมที ักษะการอา่ นพินอนิ ดีข้นึ ตามลำดับ ซ่ึงจำแนกได้ดังน้ี

บทท่ี 5 สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ การวจิ ยั ครง้ั นี้มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อการพัฒนาทักษะการอ่านพินอนิ จีนของนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4/2 โดยใช้แบบฝึก การอ่านพินอินจีน แล้วนำมาวิเคราะหห์ าคา่ ร้อยละ สรุปผลการวิจัย

ข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม กังวาน เจยี รนยั ไพศาลและคณะ.(2545)การเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าภาษาจนี ระหว่าง กลุ่มนักเรียนที่เรียนการถอดเสียงระบบตัวอักษรหมายเสียงกับกลุ่มที่ใช้ระบบสัทอักษร. ครุศาสตรบัณฑิต, สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา คณะครู-อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษ. (2547) การพัฒนาการออกเสียง - ch และ - sh ไมถ่ ูกตอ้ งและ ไมช่ ดั เจนของนักเรยี นชน้ั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพปีที่ 1 โรงเรียนพาณิชยการ ศรีย่าน โดยนำทฤษฎีการทำซ้ำ การฝึก ซำ้ ๆ จะทำให้เกดิ ความชำนาญและเกิดทักษะ.วจิ ัยในช้ันเรียน โรงเรยี นพาณชิ ยการ ศรยี า่ น ศิริพร ธรรมสถิตวงศ์.(2549).การพัฒนาทักษะในด้านการอ่านระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน เทศบาล 3 (บญุ ทวงค์อนุกลู ) จงั หวัดลำปาง

ช่ือ-สกลุ 名字..............................................................ชนั้ 班级............เลขท่ี 学 号............. กอ่ นเรยี น หลังเรยี น คร้ังท่ี วนั เดอื นปี แบบฝกึ อา่ นทดสอบ คะแนน ร้อยละ คะแนน รอ้ ยละ 1 แบบฝึกอ่านคำศัพท์พนิ อินชดุ ท่ี 1 (10) (10) 2 แบบฝึกอ่านคำศัพท์พินอินชดุ ที่ 2 3 แบบฝกึ อ่านคำศัพท์พินอนิ ชุดที่ 3 4 แบบฝึกอ่านคำศัพท์พินอินชุดท่ี 4 5 แบบฝึกอ่านคำศัพท์พนิ อนิ ชุดที่ 5 6 แบบฝกึ อา่ นคำศัพท์พินอินชุดท่ี 6 7 แบบฝึกอา่ นคำศัพท์พนิ อินชดุ ท่ี 7 สรุปผลชดุ ท1ี่ -7 พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยกอ่ นเรียน....................... คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ........................ พบวา่ มีคะแนนเฉล่ียหลังเรียน....................... คะแนน คดิ เป็นร้อยละ......................... ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ60 ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ เพราะ...................................................... ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมิน (..................................................) ………./……………/………..

คำศพั ท์พินอินจนี ชุดท่ี1 bà bǒ bǐ bū bái bǎo béi běn bǎng bèng bǐng biá biě bīn biǎo pà pǒpí pǔ pái pào pán pōu pèi pēn pèng piāo piè pián pǐn pǐng pāng mā mò mē mǐ mù mǎi máo màn máng mòu méi mén mèng miǎo miè miū mián mǐn míng fǎ fǒ fù fōu fán fang fēi fēng fén สรุปชุดที่1 พบวา่ มคี ะแนนเฉล่ียก่อนเรียน....................... คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ........................ พบว่า มีคะแนนเฉลีย่ หลังเรยี น....................... คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ......................... ลงชือ่ ................................................ผ้ปู ระเมนิ (..................................................) ………./……………/………..

คำศัพทพ์ ินอนิ จนี ชุดที่2 dǎ dé dì dǔ dài dāo dàn dāng dǒng dǒu déi děn děng diào diě diú diǎn dǐng duō duì duǎn dùn tā tè tǐ tù tài táo tān tāng tóu tong téng tiāo tiē tián tīng tuō tuǐ tùn tuǎn nǎ nǐ nē nǔ nǎi nào nán nàng nóng nǒu nèi nén nèng niǎo niē niú nián nǐn niǎng nìng nuò nuǎn nǚ nüè lüé lǜ lùn luán luó lǐng liǎng lín lián liù lià lié liǎo lěng lěi là lǐ lé lú lǎi lǎo lán làng lóu lóng สรุปชดุ ที่2 พบว่า มคี ะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน....................... คะแนน คดิ เป็นร้อยละ........................ พบว่า มคี ะแนนเฉลี่ยหลังเรยี น....................... คะแนน คิดเป็นร้อยละ......................... ลงชอ่ื ................................................ผปู้ ระเมนิ (..................................................) ………./……………/………..

คำศัพท์พินอินจนี ชุดท่ี3 gā gè gǔ gāi gǎo gān gáng gong gǒu gěi gēn géng guǎn gùn guā guǒ guì guāi guǎng kuáng kuài kuī kuǒ kuā kǔn kuán kěng kēn kěi kà kè kǔ kāi kǎo kán kǎng kōng kǒu hāhé hǔ hái hǎo hàn háng hóng hòu hēi hěn hèng huān hǔn huá huǒ huí huài huáng สรปุ ชุดที่3 พบวา่ มคี ะแนนเฉลยี่ กอ่ นเรยี น....................... คะแนน คิดเป็นร้อยละ........................ พบว่า มคี ะแนนเฉลี่ยหลังเรยี น....................... คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ......................... ลงชอื่ ................................................ผปู้ ระเมิน (..................................................) ………./……………/………..

คำศัพท์พินอนิ จนี ชุดที่4 jǐ jù jiào jiē jiǎ jiú jiàn jǐn jiǎng jíng jiōng juǎn jùn jué quē qún quǎn qiòng qíng qiǎng qīn qián qiǔ qiā qiě qiào qù qí xī xú xiǎo xiè xiā xiǔ xián xīn xiǎng xǐng xué xuǎn xùn xióng สรุปชุดที่4 พบวา่ มีคะแนนเฉล่ยี กอ่ นเรยี น....................... คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ........................ พบว่า มีคะแนนเฉลีย่ หลงั เรยี น....................... คะแนน คดิ เป็นร้อยละ......................... ลงชือ่ ................................................ผปู้ ระเมิน (..................................................) ………./……………/………..

คำศัพทพ์ ินอินจีน ชุดท่ี5 zā zè zǐ zū zài zǎo zán zǎng zōng zǒu zèi zēng zuò zuǐ zuǎn zún cǔn cuán cuī cuò céng cén cǒu cóng cǎng càn cǎo cái cú cǐ cè cā sà sě sǐ sú sāi sǎo sān sang song sóu sěn suǒ suì suān sùn สรุปชดุ ท่ี5 พบว่า มีคะแนนเฉลีย่ ก่อนเรียน....................... คะแนน คิดเป็นร้อยละ........................ พบวา่ มคี ะแนนเฉลยี่ หลงั เรยี น....................... คะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ......................... ลงชื่อ................................................ผ้ปู ระเมิน (..................................................) ………./……………/………..

คำศัพทพ์ ินอินจนี ชุดท่ี6 zhà zhé zhǐ zhū zhái zhǎo zhán zhǎng zhōng zhǒu zhèi zhēn zhèng zhuā zhuǒ zhuái zhuì zhuán zhǔn zhuāng shuǎng chá chě chī chú chǎi cháo chǎn chāng hòng chǒu chén chēng chuá chuǒ chuǎi chuì chuan chǔn chuāng shǔn shuàn shuǐ shuāi shuǒ shuá shèng shěn shóu shǎng shā shé shì shǔ shāi shǎo shàn rè rì rǔ rāo rǎn rāng róng ròu rén rěng ruá ruǒ ruí ruān rǔn สรุปชุดท่ี 6 พบว่า มคี ะแนนเฉล่ียก่อนเรียน....................... คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ........................ พบวา่ มคี ะแนนเฉลีย่ หลงั เรียน....................... คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ......................... ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมิน (..................................................) ………./……………/………..

คำศพั ทพ์ ินอนิ จีน ชุดที่7 yǐ yù yāo yè yá yǒu yán yǐn yàng yīng yǒng yuán yùn yuè wū wá wǒ wái wěi wàn wēn wǎng wèng yāo yè yàng yīng wěi yǒng yuè wū yǒu wá yán yǐn wǒ wái wàn yuán wēn yǐ yù wǎng wèng yùn yá สรปุ ชุดท่ี 7 พบวา่ มคี ะแนนเฉลย่ี กอ่ นเรียน....................... คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ........................ พบว่า มีคะแนนเฉลีย่ หลังเรยี น....................... คะแนน คิดเป็นร้อยละ......................... ลงชือ่ ................................................ผูป้ ระเมิน (..................................................) ………./……………/………..

ชดุ ฝกึ อา่ นออกเสียงพนิ อินจีนเปน็ ประโยคหลังเรยี น wǒ tīng jiàn nǐ de shēng yīn, yǒu zhŏng tè bié de gǎn jué,ràng wǒ bú duàn xiǎng bù gǎn zài wàng jì nǐ wǒ jì de yǒu yī gè rén yǒng yuǎn liú zài wǒ xīn zhōng. nǎ pà zhĭ néng gòu zhè yàng de xiǎng nǐ rú guǒ zhēn de yǒu yī tiān ài qíng lǐ xiǎng huì shí xiàn,wǒ huì jiā bèi nǔ lì hǎo hao duì nǐ yǒng yuǎn bù gǎi biàn bù guǎn lù yǒu duō me yuǎn yī dìng huì ràng tā shí xiàn. wǒ huì qīng qīng zài nǐ ěr biān duì nǐ shuō duì nǐ shuō,wǒ ài nǐ ài zhe nǐ jiù xiàng lǎo shǔ ài dà mǐ. bù guǎn yǒu duō shǎo fēng yǔ , wǒ dōu huì yī rán péi zhe nǐ .wǒ xiǎng nǐ xiǎng zhe nǐ , bù guǎn yǒu duō me de kǔ, zhī yào néng ràng nǐ kāi xīn ,wǒ shén me dōu yuànyì zhè yàng ài nǐ.

ภาคผนวก 1. แบบฝึกอ่านสัทอักษรจนี 7ชุด 2. ภาพกจิ กรรม 3. สรุปแบบทดสอบรายบคุ คล

ภาพกิจกรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook