1
2 ประวตั ิกีฬาแฮนด์บอล กีฬาแฮนด์บอล มีท่ีมาจากประเทศเยอรมนี โดยนาย Konrad Koch ครูพละศึกษาคนหน่ึงแต่ก็ยัง ไม่เป็นท่ีนิยมมากนัก จนกระท่ังปี พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) กีฬาแฮนด์บอลก็ถูกพัฒนาขึ้นในทวีปยุโรป และ กาหนดกติกาขึ้นโดยอ้างอิงจากกติกาของกีฬาฟุตบอลเป็นหลัก ซึ่งเป็นการดัดแปลงกีฬาฟุตบอลมาเล่นด้วย มือแทน เดิมใช้ผู้เล่นทีมละ 11 คน แต่ลดลงเหลอื ทีมละ 7 คนแทน เนื่องจากผู้เล่นมีจานวนมากจนเกนิ ไปทา ให้เล่นไม่สะดวก จากนั้นจึงค่อย ๆ แพรห่ ลายเร่ือยมา ในปี พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) แฮนด์บอลถูกนาไปสาธิตในงานกีฬาโอลิมปกิ และถูกบรรจเุ ขา้ เป็นหน่ึง ในรายการการแข่งขนั กฬี าระดบั ชาตเิ มอื่ ปี พ.ศ. 2474 (ค.ศ.1931) และเปน็ ทน่ี ยิ มอย่างแพรห่ ลายจนถกู บรรจุ เข้าเป็นชนิดกีฬาการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก เมื่อปี พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) ก่อนท่ีจะเจอกับเหตุการณ์ สงครามโลกครงั้ ที่ 2 จนความนยิ มลดลง ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) ก็ได้มีการแก้ไขกติกาแฮนด์บอลใหม่ ด้วยการนาเอากติกาของ กีฬาฟุตบอล และกีฬาบาสเก็ตบอลมาผสมกัน เพ่ือฟื้นฟูความนิยมกีฬาแฮนด์บอลให้กลับมาอีกครั้ง ปัจจุบัน กีฬาแฮนด์บอลกลายเป็นกฬี าทีน่ ิยมกันไปทว่ั โลก ประวัติแฮนดบ์ อลในประเทศไทย หลังจากที่กีฬาแฮนด์บอลนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายไปท่ัวโลกแล้ว ประเทศไทยก็เร่ิมนาเอากีฬา แฮนด์บอลเข้ามาเมื่อปี พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) โดย อาจารย์กอง วิสุทธารมย์ อดีตอธิบดีกรมพลศึกษาใน ขณะนั้น ซ่ึงในตอนนั้นยังกติกาแฮนด์บอลยังต้องมีผู้เล่นทีมละ 11 คน จึงทาให้ไม่สะดวก และไม่เป็นท่ีนิยม ในไทยมากนกั จนกระทั่งปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) อาจารย์ชนิต คงมนต์ ได้บรรจุกีฬาแฮนด์บอลเข้าสอนใน โรงเรียนฝึกหัดครูพลานามัย และวิทยาลัยพลศึกษาอื่น ๆ ก่อนท่ีจะแพร่หลายไปยังโรงเรียนต่าง ๆ จน กลายเป็นหลักสูตรบังคับของชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) และใช้กติกาการ แขง่ ขนั แบบสากลเม่ือปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) และเป็นทน่ี ิยมในประเทศไทยในที่สดุ กฎ กติกา มรรยาท การเลน่ และการแข่งขนั กีฬาแฮนดบ์ อล การเลน่ และการแขง่ ขนั กฬี าแฮนดบ์ อล การแข่งขันกฬี าแฮนดบ์ อล มี 2 ประเภท คือ • การแขง่ ขันแฮนด์บอลทีมชาย • การแขง่ ขันแฮนดบ์ อลทีมหญงิ
3 กติกาแฮนด์บอล การแข่งขันแฮนดบ์ อล ทีมชายและทีมหญิงอายตุ ้งั แต่ 18 ปขี น้ึ ไป แบง่ เปน็ 2 ครึ่ง ครง่ึ ละ 30 นาที พัก 10 นาที ถา้ ครึง่ แรกเล่นเกินเวลาที่กาหนดไว้ในคร่งึ หลงั ก็จะตอ้ งหกั เวลาทเี่ กินออกไป แลว้ เล่นจนเต็มเวลา 30 นาทขี องครึง่ หลัง ถา้ ผลเสมอกนั ในชว่ งเวลาปกติ ให้เพมิ่ เวลาพิเศษ หลงั จากพกั แล้ว 5 นาที เพอื่ เสยี่ งเลือกส่ง หรอื เลือกแดนสาหรับเวลาในการต่อเวลาพิเศษ โดยช่วงเวลาท่ีเพิ่มจะแบง่ เป็น 2 คร่งึ คร่ึงละ 5 นาที (เปล่ียน แดนกันในคร่ึง โดยไม่มีเวลพัก) ถ้าผลยังเสมอกันอีก ก็ให้ต่อเวลาพิเศษในช่วงท่ี 2 โดยให้เส่ียงเลือกส่งหรือ เลือกแดน และการแข่งขันจะไม่มีการพัก (ถ้าผลจากการต่อเวลาพิเศษยังเสมอกันอยู่ ให้ประยุกต์กติกานี้เพอ่ื หาผู้ชนะ) วิธกี ารเลน่ แฮนด์บอล • ใช้มือจับ ขวา้ ง โยน ลกู บอล ส่งต่อกนั กับผ้เู ล่นในทีมตนเอง เพอื่ ขว้างบอลทาประตฝู ่ายตรงขา้ ม • ห้ามใชร้ า่ งกายส่วนที่ต่ากว่าหัวเขา่ ลงไปโดนลูกบอล • ผู้เล่นสามารถถอื ลูกบอลไว้ในมอื ได้ไม่เกิน 3 วนิ าที • ขณะถอื ลกู บอลสามารถกา้ วขาได้ไม่เกิน 3 ก้าว • หา้ มผู้เลน่ ดงึ ย่งลกู บอลจากมอื ของฝา่ ยตรงข้าม • หา้ มเขา้ ไปในเขตประตูของฝ่ายตรงขา้ ม • ใช้เวลาในการแข่งขันคร่ึงละ 30 นาที พัก 10 นาที หากมีการต่อเวลาพิเศษจะเพ่ิม 2 ครึ่ง คร่ึงละ 5 นาที การเล่นลูกบอล 1. อนุญาตให้ผู้เล่นใช้มือ รวมท้ังแขน ศีรษะ ลาตัว ต้นขา เข่า ขว้าง จับ หยุด ผลัก หรือตีลูกบอล จับลูก บอลไว้ในมอื เดยี วหรอื 2 มือ จะทาได้ไมเ่ กนิ 3 วนิ าที หรือกา้ วได้ไมเ่ กิน 3 ก้าว การพจิ ารณาก้าว คอื ▪ ผู้เล่นยืนดว้ ยเท้าทง้ั 2 ข้างบนพ้ืน แลว้ ยกเทา้ หน่ึงวางลงหรอื เคล่ือนไปท่ีอ่นื ▪ ผูเ้ ล่นสัมผัสพน้ื เพียงเทา้ เดยี ว จับลกู บอลแล้วใช้เทา้ ข้างหนึง่ สัมผสั พน้ื ▪ ก้าวขากระโดดลงพื้นดว้ ยเทา้ เดียว และกระโจนด้วยเท้าเดมิ หรือสัมผสั พืน้ ด้วยเทา้ อนื่ ▪ กระโดดลงสมั ผสั พ้นื ด้วยเท้าท้ัง 2 พรอ้ มกนั แล้วยกเทา้ ขา้ งหน่ึงแลว้ วางเท้านน้ั ลง หรอื เคลื่อน เทา้ หน่ึงไปยงั ท่ีอื่น (ใหล้ ากเท้าอกี ขา้ งตามได้) ▪ ในขณะยนื หรอื วิ่ง กระดอนลูกครัง้ หนึง่ และจบั ดว้ ยมอื เดยี วหรือ 2 มอื
4 ▪ การเลี้ยงลูกบอล กระดอนซ้าด้วยมือเดียวหรือกลิ้งบอล หลังจากนั้นจึงจับลูกบอลหรือเก็บลูก บอลข้ึนมาด้วยมอื เดียวหรอื 2 มือ ▪ ขณะทีจ่ ับลกู บอลดว้ ยมือเดียวหรือ 2 มอื น้นั ทาไดภ้ ายใน 3 วินาที หรอื จากก้าวไม่เกิน 3 กา้ ว การกระดอนลูกสามารถใช้ส่วนต่าง ๆ ได้ เม่ือลูกบอลถูกผู้เล่นคนอื่นหรือถูกประตูผู้เล่น สามารถทจ่ี ะปดั กระดอน และจับลูกบอลไดอ้ กี ▪ ส่งบอลจากมอื หน่งึ ไปยงั อีกมอื หน่ึง ▪ การเล่นลูกบอลในขณะที่กาลังคุกเข่า น่ัง หรือนอนอยู่บนพื้นไม่อนุญาตให้ผู้แข่งขัน กระทา ดังนี้ ▪ ถกู ลกู บอลมากกวา่ 1 คร้งั นอกจากลกู บอลไปถูกผเู้ ลน่ อื่น หรือเสาประตู ▪ การพยายามครองลกู บอลพลาด (Fumbling) จะไม่ถูกลงโทษ (ลูกบอลพลาด หมายถึงการทผี่ ู้ เลน่ พยายามท่ีจะจับหรอื หยุดลกู บอล แตพ่ ลาดจากการครอบครอง) ▪ ถูกลูกบอลด้วยเท้าหรือขาซึ่งอยู่ต่ากว่าเข่าลงไปยกเว้นในกรณีที่คู่ต่อสู้ได้ขว้างลูกบอลมาถูกผู้ เล่น แต่อย่างไรกต็ าม การทาผดิ อย่างนีจ้ ะไม่ถูกลงโทษถ้าไม่เปน็ การทาให้เกิดการได้เปรียบกับ ผเู้ ลน่ หรอื ทีมของเขา ▪ ทิ้งตัวลงเล่นในขณะที่ลูกบอลวางอยู่บนพ้ืนหรือกาลังกลิ้งอยู่ แต่กติกาข้อน้ีจะต้องไม่นาไปใช้ กับผรู้ ักษาประตูในขณะท่อี ยู่ในเขตประตูของตัวเอง ▪ เจตนาทาลูกบอลออกนอกเสน้ ข้างหรือเส้นประตู กตกิ าข้อน้ีจะตอ้ งไม่นาไปใช้กับผูร้ ักษาประตู ในขณะท่ีพยายามที่จะครอบครองลูกบอลพลาดภายในเขตประตู และลูกบอลได้ออกไปทาง เส้นประตโู ดยตรง (ส่งจากประตู) ▪ ครอบครองลูกบอลอยู่ภายในทีม โดยไม่พยายามท่ีจะรุกหรือทาประตู การเล่นในลักษณะน้ีจะ ถูกลงโทษโดยใหส้ ่งลกู กินเปลา่ จากจุดท่ีลกู ไดห้ ยุดลง ▪ การเลน่ จะดาเนินตอ่ ไปถ้าลกู บอลถกู ผู้ตัดสนิ ในสนาม การนับคะแนน การนับคะแนนนับจากการทาประตู โดยขว้างบอลเข้าประตฝู ั่งตรงข้ามไดเ้ มื่อลกู บอลท้ังลูกผ่านเข้าไป ในเส้นประตโู ดยผู้ทาประตแู ละเพือ่ นรว่ มทีมไมท่ าผิดกติกากอ่ น คิดเป็น 1 คะแนนตอ่ 1 คร้ัง หากมีการทาเข้า ประตตู นเองกจ็ ะเสียคะแนนใหก้ ับฝ่ายตรงข้าม ถ้าลกู บอลจะเข้าประตูแน่นอน หากแต่มบี ุคคลอื่นหรอื สิง่ อ่ืนที่ ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในสนามมาป้องกันไม่ให้ลูกบอลเข้าประตู ผู้ตัดสินพิจารณาให้เป็นประตู เมื่อผู้ตัดสินเป่า
5 นกหวีดให้ทาการสง่ เรมิ่ เล่นต่อไป ประตทู ไ่ี ด้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เมื่อผตู้ ดั สินเป่านกหวดี หมดเวลา ทมี ใดทที่ า ประตไู ดม้ ากกวา่ ถือเปน็ ผชู้ นะการแขง่ ขนั **หมายเหตุ ถา้ ทั้ง 2 ทีมไดค้ ะแนนเสมอกนั ให้ถือว่าเสมอกนั การสง่ เรมิ่ เลน่ จะทาท่ีจุดกึ่งกลางสนามในในทิศทางใดก็ได้ต้องทาภายใน 3 วินาที ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องอยู่ห่าง จากผูส้ ่งเรมิ่ เล่นอย่างนอ้ ย 3 เมตร (ยกเว้นผูก้ ระโดด) การสง่ ลกู เขา้ เล่น ต้องส่ง ณ บริเวณที่ลูกบอลออกโดยผู้ส่งลูกเข้าเล่นจะต้องมีเท้าข้างหน่ึงอยู่บนเส้นข้างจนกว่าลูกจะ หลุดมอื แลว้ ผ้ตู ดั สินไมต่ ้องใช้สญั ญาณนกหวีด ผรู้ ักษาประตสู ง่ ลูก จะตอ้ งสง่ ลกู บอลข้ามเส้นเขตประตไู ม่ตอ้ งมสี ญั ญาณนกหวีดจากผู้ตดั สนิ การสง่ ลูกกนิ เปล่า 1. การสง่ ลกู กนิ เปล่าจะกระทาในกรณีดงั น้ี ➢ การเปลีย่ นตวั ไม่ถูกตอ้ ง หรอื เขา้ สู้สนามผิดกติกา ➢ ผู้รักษาประตูทาผิดกตกิ า ➢ ผู้เลน่ ในสนามทาผิดกติกาในเขตประตู ➢ เลน่ ลกู บอลโดยไม่ถูกต้อง ➢ เจตนาทาใหล้ กู บอลออกนอกเสน้ ประตูหรือเส้นข้าง ➢ ถว่ งเวลาในการเลน่ ➢ การฟาวลเ์ นอื่ งจากการเข้าเล่นกับคู่ตอ่ สู้ ➢ การทาผิดกติกาเกย่ี วกบั การส่งเร่ิมเล่น ➢ การทาผดิ กติกาเก่ียวกับการสง่ เข้าเล่น ➢ การทาผิดกตกิ าเกยี่ วกบั การส่งจากประตู ➢ การทาผิดกติกาเกี่ยวกับการสง่ ลูกกินเปล่า ➢ การหยดุ เล่นโดยที่ไมม่ กี ารทาผดิ กตกิ า
6 ➢ การทาผิดกติกาเกีย่ วกับการยงิ ประตูโทษ ➢ การทาผดิ กติกาเก่ยี วกับการโยนลูกของผู้ตดั สนิ ➢ ทาผิดระเบียบเก่ียวกับการสง่ ➢ การกระทาท่ไี ม่มนี ้าใจเปน็ นกั กฬี า ➢ การรกุ ราน 2. ส่ง ณ จุดท่ีผิดกติกาโดยไมต่ อ้ งมีสัญญาณนกหวีดจากผู้ตดั สิน ถ้าฝ่ายรุกได้ส่งลกู กินเปล่า และจุดทีผ่ ิด กติกาอยู่ระหว่างเส้นเขตประตกู ับเสน้ ส่งลกู กนิ เปล่าของฝ่ายรับ การส่งนี้ให้ส่ง ณ จุดท่ีใกล้ที่สุดกับจุด ที่ผิดกติกานอกเสน้ สง่ ลูกกินเปล่า 3. ในขณะท่ีผู้เล่นฝ่ายรุกอยู่ในตาแหน่งพร้อมลูกบอลแล้ว เขาจะเลี้ยงลูกบอลหรือวางลูกบอลลงแล้วเกบ็ ขึ้นมาอกี ไม่ได้ 4. ผ้เู ล่นฝ่ายรกุ จะต้องไม่ถกู หรือข้ามเส้นส่งลูกกินเปล่าของฝ่ายตรงข้ามในขณะท่ีทาการสง่ ลูกกนิ เปล่า ผู้ ตัดสินจะต้องจัดตาแหน่งผู้เล่นฝ่ายรุกที่เข้าไปอยู่ในเส้นส่งลูกกินเปล่าให้ถูกต้องจากนั้นผู้ตัดสินจึงให้ สญั ญาณนกหวดี เพือ่ สง่ ลูกกินเปล่า 5. ในขณะส่งลูกกินเปล่า ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องอยู่ห่างจากจุดส่งลูกกินเปล่าอย่างน้อย 3 เมตร แต่ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นฝ่ายรับอาจยืนใกล้จุดนอกเส้นเขตประตูได้ ถ้าการส่งลูกกินเปล่าได้ทาการส่งบน เส้นส่งลกู กินเปลา่ 6. ผู้ตัดสินจะต้องไม่ให้มีการส่งลูกกินเปล่าในขณะท่ีฝ่ายป้องกันทาผิดกติกา ซ่ึงจะทาให้ฝ่ายรุกเกิดการ เสียเปรียบ ถ้าการทาผิดกติกานั้นเป็นเหตุใหฝ้ ่ายรุกเสียการครอบครองลูกบอล จะต้องให้ฝ่ายรุกไดส้ ง่ ลูกกินเปล่าเป็นอย่างน้อยถ้ามีการทาผิดกติกา แล้วฝ่ายรุกยังคงครอบครองลูกบอลได้อีกครั้ง จะต้อง ไม่ใหม้ กี ารส่งลกู กนิ เปล่า 7. ในกรณีท่ีการเล่นไดห้ ยดุ ลงโดยไมม่ ีฝา่ ยใดทาผิดกตกิ า และมที มี หนึ่งครอบครองลกู บอลอยู่ การเลน่ จะ เร่ิมใหม่โดยทีมท่ีครอบครองลูกบอล ณ จุดที่การเล่นได้หยุดลง โดยการส่งลูกกินเปล่าหรือการส่งตาม ข้อกาหนด และผ้ตู ดั สนิ ต้องให้สัญญาณนกหวดี 8. ในขณะท่ีมีการตัดสนิ ฝา่ ยที่กาลงั ครอบครองลกู บอลอยู่จะต้องวางลูกบอลลงใกลๆ้ กับผ้เู ลน่ น้นั ทนั ที การยงิ ลูกโทษ ฝ่ายรับจะต้องอยู่ห่างจากจุดยิง ไม่น้อยกว่า 3 เมตร -ถ้าในขณะที่มีการยิงลูกโทษ ผู้รักษาประตูแตะ หรือข้ามเส้นเขตผู้รักษาประตู (เส้น 4 เมตร) ก่อนท่ีลูกจะหลุดจากมือผู้ยิงลูกโทษ ให้ทาการยิงประตูลูกโทษ ใหม่ (ถ้าลูกน้ันไมไ่ ดป้ ระตู)
7 การโยนลกู โดยผู้ตดั สนิ เมื่อมีการทาผิดกติกาพร้อมกัน โดยผู้เล่นท้ัง 2 ทีม หรือหยุดการเล่นโดยไม่มีฝ่ายใดทา กระทาท่ีจุด ก่ึงกลางสนาม การสั่งพัก 2 นาที จะส่งเม่ือมีการเปลี่ยนตัวไม่ถูกต้องหรือกระทาผิดซ้า ฯลฯ ถ้าคนเดิมถูกส่ังพักคร้ังที่ 3 คนน้ันจะถูก ตัดสินออกจากการแข่งขัน ในการเตือนจะให้ใบเหลืองเพื่อแสดงให้ผู้บันทึกทราบ และให้ใบแดงในกรณีท่ีทา ผดิ รนุ แรงเกนิ กว่าเหตอุ ื่นๆ อาจจะใหแ้ กผ่ ู้เล่น การเข้าเล่นกบั ฝา่ ยตรงข้าม อนญุ าตใหก้ ระทาดงั ตอ่ ไปน้ี ✓ ใช้มือหรือแขนเพื่อประโยชนใ์ นการครอบครองลกู บอล ✓ แบมือเล่นลกู บอลจากคตู่ อ่ สูไ้ ด้ทุกทศิ ทาง ✓ ใช้ลาตัวบังคับคู่ต่อสู้ ถ้าคตู่ ่อสไู้ มไ่ ด้เปน็ ฝา่ ยครอบครองลูกบอล ไมอ่ นญุ าตใหก้ ระทาดงั ตอ่ ไปน้ี กดี กันคูต่ ่อสูด้ ้วยมอื แขน หรือขา ผลักคูต่ อ่ สูใ้ หเ้ ข้าไปอยู่ในเขตประตู ดึงหรือตีลกู บอลดว้ ยมือเดียวหรอื 2 มือให้ออกจากมอื คตู่ อ่ สทู้ คี่ รอบครองลกู บอลอยู่ ใชก้ าป้ันทบุ ลกู บอลจากค่ตู ่อสู้ ใช้ลูกบอลทาใหค้ ตู่ อ่ สูเ้ กิดอันตราย ทาให้ผู้รกั ษาประตเู กดิ อนั ตราย ดงึ ค่ตู ่อสดู้ ้วยมอื เดยี วหรือ 2 มอื หรอื ผลกั คู่ต่อสู้ ทาฟาวลเ์ กีย่ วกับการเข้าเลน่ กบั ฝ่ายตรงข้าม จะถูกลงโทษโดยการสง่ ลกู กินเปล่า หรือใหย้ งิ ลกู โทษ การทาฟาวล์เกี่ยวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงข้าม การกระทาฟาวล์ในลักษณะดังกล่าว เว้นแต่การเข้า หาคตู่ ่อสู้โดยท่มี ิไดค้ รอบครองลูกบอลจะถูกลงโทษซ้าใหพ้ จิ ารณาถงึ การกระทาทไี่ มม่ นี ้าใจเป็นนักกีฬา ดว้ ย การทาฟาวล์ท่ีร้ายแรงเก่ียวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงข้าม หรือลักษณะการกระทาท่ีไม่มีน้าใจเป็น นกั กฬี าจะต้องถูกลงโทษโดยการตัดสิทธิ์ผเู้ ลน่ คนนน้ั ผเู้ ล่นท่ที ารา้ ยผูอ้ ื่นในสนามจะถูกไลอ่ อก
8 การลงโทษ 1. การเตอื นโดยไมม่ ีการบนั ทกึ 2. การเตอื นทผี่ ตู้ ดั สินแจง้ ให้กับผจู้ ับเวลาและผู้บนั ทึกทราบ โดยการใช้บตั รสเี หลอื ง หมายเหตุ การเตอื น ท้งั ทีมไมค่ วรเกิน 3 ครง้ั ผูเ้ ล่นคนอน่ื ๆ ทาผิดอกี จะไม่มกี ารเตอื น แตจ่ ะใหเ้ ปน็ การสงั่ พักเทา่ นน้ั 3. การส่ังพัก จะต้องแสดงสัญญาณมือให้ผู้เล่นท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนผู้บันทึก ผู้จับเวลา ได้เห็นอย่าง ชัดเจน (ชูมือข้างหนึ่งข้ึนและเหยียดนิ้วขึ้น 2 น้ิว) การส่ังพักโดยปกติหยุดพัก 2 นาที แต่ถ้าเป็นผู้เล่น คนเดิมถกู สัง่ พักเปน็ คร้งั ที่ 3 ผ้เู ล่นคนน้นั จะถูกตัดสทิ ธิ์ออกจากการแขง่ ขัน 4. การตดั สทิ ธ์จิ ากการแขง่ ขนั o ผเู้ ลน่ ท่ไี ม่มสี ิทธิ์เกี่ยวขอ้ งเข้าไปในสนาม o การทาผดิ อยา่ งรา้ ยแรงที่เก่ยี วกบั การเข้าเลน่ กับคูต่ อ่ สู้ o กระทาโดยไม่มีนา้ ใจเป็นนกั กฬี า o ถูกส่ังพักครงั้ ท่ี 3 o กา้ วรา้ วเจา้ หน้าท่หี รือผเู้ ลน่ นอกสนามแขง่ ขัน หมายเหตุ o การตัดสิทธิ์จากการแข่งขันผู้เล่นในสนาม จะต้องทาคู่ไปกับการส่ังพัก 5. การไล่ออกจากการ แข่งขัน เม่ือมีการทารา้ ยกันในสนาม o การทาร้าย คือการรุกราน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการทาต่อร่างกายผู้อื่น เช่น ผู้เล่น ผู้ตัดสิน ผู้บันทึก ผจู้ ับเวลา เจา้ หนา้ ท่ี หรอื ผูช้ ม (การไลอ่ อกจากสนามผตู้ ัดสินจะใช้สัญญาณ ยกมือไขว้เหนอื ศรี ษะ) 5. ผู้เล่นอืน่ ทถี่ กู ไลอ่ อกจากสนามจะไม่อนญุ าตให้ผู้เล่นอ่นื เขา้ แทน ผู้ถูกไล่ออกจะตอ้ งออกจากสนามแข่ง ขนั และนอกบริเวณท่ีนัง่ ผู้เลน่ สารอง 6. ถ้าผู้รักษาประตูถูกสั่งพัก ตัดสิทธิ์ หรือไล่ออก จะอนุญาตให้เปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูสารองเข้าแทนได้ ในกรณีนผ้ี ู้เล่นในสนามจะต้องออกจากสนามแทน 7. การกระทาทไี่ ม่มนี ้าใจเปน็ นกั กฬี า หรือการก้าวรา้ ว จะพจิ ารณาโทษดงั น้ี • การตัดสิทธิ์ก่อนการแขง่ ขัน ผ้เู ล่นในทีมน้นั จะไดเ้ ลน่ โดยมจี านวนผเู้ ลน่ เตม็ 12 คน • การตัดสิทธ์ิระหว่างการแข่งขัน จะมีการเตือนก่อน และถ้าทาการก้าวร้าวซ้า จะถูกพิจารณา ลงโทษตัดสทิ ธิ์การแข่งขนั • การตัดสิทธ์หิ ลังการแขง่ ขนั มกี ารเขยี นรายงานให้ทราบ
9 อปุ กรณ์การเลน่ และการแข่งขันกฬี าแฮนดบ์ อล ลกู แฮนดบ์ อล ลกู แฮนดบ์ อลทีใ่ ช้ในการแขง่ ขนั แฮนดบ์ อลเป็นรปู ทรงกลม สีไม่สะท้อนแสงหรือลนื่ • ลูกบอลของนักกีฬาชาย มเี สน้ รอบวง 58-60 ซม. นา้ หนัก 425-475 กรัม จะมีลูกบอล 2 ลูก ทกุ ครั้งท่ี มกี ารแขง่ ขนั • ลกู บอลของนักกฬี าหญิง มีเสน้ รอบวง 54-56 ซม. น้าหนกั 325-400 กรัม จะมีลกู บอล 2 ลูกทุกคร้ังที่ มกี ารแข่งขนั ประตู ประตู มีความกว้าง 3 เมตร สูง 2 เมตร มีตาข่ายขึงติดไว้มีลักษณะหยุ่น เม่ือลูกบอลขว้างไปถูกจะไม่ กระดอนกลับออกมาอยา่ งรวดเร็วในสนามมีเสน้ ส่งกนิ เปลา่ เสน้ เขตประตู เสน้ เขตผ้รู กั ษาประตู เสน้ เปลย่ี นตวั และเสน้ 7 เมตร เสน้ ประตูอยู่ระหว่างเสาประตทู ้ัง 2 ขา้ ง สนามแขง่ กีฬาแฮนดบ์ อล สนามแขง่ ขันแฮนด์บอล เป็นรปู สีเ่ หลยี่ มผนื ผ้า มคี วามยาว 40 เมตร กวา้ ง 20 เมตร ประกอบด้วยเขต ประตสู องดา้ นและเขตสนามแขง่ ขนั เสน้ รอบสนามดา้ นยาวเรยี กวา่ เส้นข้าง และเสน้ สัน้ เรยี กวา่ เส้นประตู ข้อกาหนดของสนามแข่งขัน จะต้องไม่ทาให้เกิดการได้เปรียบต่อทีมหนึ่งทีมใด และเพ่ือความ ปลอดภัย ควรมีพ้ืนที่รอบสนามแข่งขันกว้างอย่างน้อย 1 เมตร ตลอดแนวจากด้านข้าง และกว้าง 2 เมตร ตลอดแนวจากหลังเส้นประตู ผเู้ ล่นและทมี แข่งขนั ต้องส่งรายช่ือผู้เล่นแฮนด์บอล ทีมละ 12 คน (ผู้เล่น 6 คน ผู้รักษาประตู 1 คน ท่ีเหลือเป็นผู้เล่นตัว สารอง) ขณะเรมิ่ แขง่ ขนั ทีมหนึ่งจะตอ้ งมีผู้เล่นไมน่ ้อยกว่า 5 คน เมือ่ แขง่ ไปจะมีผู้เลน่ นอ้ ยกว่า 5 คนก็ได้ การ เปล่ยี นตัวเขา้ ออกไดต้ ลอดเวลา เปล่ียนออกมาแลว้ ก็เปลี่ยนกลับลงไปเล่นได้อีก โดยไมต่ ้องบอกผบู้ นั ทึกและผู้ จับเวลา แต่จะตอ้ งรอใหผ้ ู้เล่นในสนามออกจากสนามก่อน แล้วก็จะต้องเข้าออกตรงบริเวณเส้นเปล่ียนตัวของ ฝ่ายตนเองเท่านั้น ถ้ามีการเข้ามาเกินผู้เล่นคนนั้นจะถูกสั่งพัก 2 นาที และผู้เล่นในทีมน้ันจะต้องออกจาก สนาม 1 คน ใหเ้ หลอื 6 คน อยู่ 2 นาทีแลว้ แตผ่ ู้ตดั สินจะกาหนดให้ใครออก
10 ผู้รักษาประตู ผู้เล่นในตาแหน่งผู้รักษาประตู สามารถออกไปเล่นในสนามเสมือนผู้เล่นคนอ่ืนได้ และสามารถท่ีจะ เปล่ียนเป็นผู้รักษาประตูได้ตลอดเวลาแต่จะต้องเปลี่ยนเส้ือกันด้วย เคล่ือนท่ีไปในเขตประตูพร้อมกับลูกบอล ได้โดยไม่มีขดี จากดั แตจ่ ะพาลูกออกไปนอกเขตประตูไม่ได้ ถ้าออกมานอกเขตแล้วจะกลับเขา้ เขตประตูพรอ้ ม กับลูกบอลไม่ได้ ใหน้ บั เป็นประตู ถา้ ผูเ้ ล่นเจตนาสง่ ลกู บอลกลับเข้าประตขู องตนกใ็ หน้ ับประตูนัน้ ดว้ ย ผู้ตดั สินกีฬาแฮนด์บอล ผู้ตดั สินมี 2 คน สวมชดุ สีดา หากมคี วามเห็นในการตดั สินไมต่ รงกนั ให้ถอื คาตัดสินจากผูต้ ดั สนิ ท่ีอยูใ่ น สนามเป็นหลัก (ผู้ตัดสินที่มีช่ือแรก) และมีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมใบบันทึกที่สมบูรณ์ถูกต้อง ผู้ ตัดสินสามารถยุติการแข่งขันได้ แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องดาเนินการแข่งขันต่อไปก่อนท่ีจะมีการตัดสินให้ยุติ การแข่งขนั มารยาทในการเล่นแฮนด์บอล 1. แตง่ กายให้ถกู ต้องเรยี บร้อย เหมาะสมตามกติกา 2. ปฏบิ ตั ติ อ่ เพอื่ นร่วมทีมและค่ตู อ่ สู้ด้วยความสภุ าพ มีมิตรภาพ ให้เกยี รติซึง่ กันและกัน 3. แขง่ ขันด้วยน้าใจนักกฬี า 4. เชื่อฟังผู้ตัดสิน ไม่โต้แย้งผู้ตัดสินหรือแสดงกิริยาไม่เหมาะสม หากมีข้อสงสัยให้หัวหน้าทีมเป็นผู้ สอบถามดว้ ยอาการสุภาพ 5. เม่ือผลการแข่งขันออกมาแพ้หรือชนะ ควรแสดงมารยาทท่ีดี เช่น จับมือ รู้จักการขอบคุณหรือกล่าว คาขอโทษ 6. เช่อื ฟังปฏบิ ัตติ ามและขยนั ฝกึ ซ้อมตามท่ผี ู้ฝกึ สอนกาหนด 7. แสดงความเปน็ มิตรต่อผชู้ มถึงแม้จะได้รับการย่วั ยุ หรือแสดงอาการทไ่ี ม่เหมาะสม 8. เตรยี มความพร้อมของรา่ งกายกอ่ นการแขง่ ขัน
11
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: