Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2563 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2563 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

Description: JITR เป็นวารสารของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเผยแพร่แบบสองภาษา โดยใช้กระบวนการ peer review แบบ double blind เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใน 2 รูปแบบคือ บทความวิจัย (Research articles) และบทความทางวิชาการ (academic articles) โดยมีสาขาย่อย ดังต่อไปนี้ อาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ, เทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพ, วิศวกรรม พลังงานและสิ่งแวดล้อม, ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์

Search

Read the Text Version

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, กมลศกั ด์ิ รตั นวงษ์, หน้า 40-46 1. บทนำ สมรรถนะของเครอื่ งสีขา้ วกล้องแบบเดมิ ที่มีจุดเด่นในการ สังคมไทยถือว่าเป็นสังคมที่มีเพาะปลูกข้าวมา ใช้เกลียวและตะแกรงเป็นตัวสีข้าวให้มีการสีเพียงรอบ เดียวและลดการแตกหักของเมล็ดข้าวสาร รวมไปถึงการ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากข้าวเป็นอาหารหลักท่ี ซ่อมบำรงุ รักษาของตัวเครื่องสีขา้ ว คนไทยนิยมบริโภค นอกจากนั้นข้าวยังถือได้ว่าเป็นพืช เศรษฐกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง [1] ประเทศไทยมีพื้นที่ 2. วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย การเกษตรประมาณ 66 ล้านไร่ใช้สำหรับเพาะปลูกข้าว 2.1 เพ่ือพฒั นาเครอื่ งสขี ้าวกล้องขนาดครัวเรือน ประมาณ 57 ล้านไร่เป็นข้าวนาปี และ 9 ล้านไร่เป็นข้าว นาปรัง ซึ่งทำให้ผลผลิตข้าวเปลือกรวมเฉลี่ย 19 ล้านตัน 2.2 เพื่อหาสมรรถนะของเครื่องสีข้าวกล้องขนาด ต่อปี ผลผลติ ดังกล่าวจะถกู แปรรูปเพ่ือการส่งออกร้อยละ ครวั เรือน 35-40 และการบริโภคภายในประเทศ ร้อยละ 60-65 การแปรรูปข้าวให้ได้คุณภาพตามความต้องการของ 3. วรรณกรรมทเ่ี ก่ยี วข้อง ผู้บริโภค คุณภาพดีมีราคาสูง และข้าวที่มีคุณภาพต่ำมี สุรินทร์ แหงมงาม และคณะ [5] ได้นำเสนอเครื่อง ราคาถกู ซง่ึ ตัวแปรทส่ี ำคัญสำหรับการแปรรูปข้าวเปลือก ให้ได้ตามความต้องการของตลาด คือการเลือกใช้ สีขา้ วขนาดเล็กสำหรบั ใช้ในครวั เรอื น ท่ีควบคมุ การทำงาน เครื่องจักรสขี ้าวที่เหมาะสม [2] การแปรสภาพข้าวจึงเร่ิม โดยใชไ้ มโครคอนโทรลเลอร์ PIC16F887 ซง่ึ เครอื่ งสีขา้ วที่ มีการพัฒนาจากวิธีดัง้ เดิมที่ใช้แรงงานคนเปล่ียนเป็นการ นำเสนอนี้สามารถสีได้ทัง้ ขา้ วกล้องและข้าวขาว สามารถ นำเครือ่ งสขี า้ วเขา้ มาใช้ แตก่ ารท่ีผู้บรโิ ภคจะไดบ้ รโิ ภคขา้ ว ตั้งเวลาการสีข้าวได้ ในงานวิจัยน้ีทำการศึกษาการปรับ สดใหม่และมีคุณค่าทางอาหารอย่างเพียงพอนั้นมีน้อย ความเร็วรอบของมอเตอร์เครื่องสีข้าวขนาดเล็กเพื่อให้ มากเพราะระยะเวลาทขี่ ้าวสีเสร็จออกจากโรงสีข้าวกว่าจะ เหมาะสมกับการสีข้าวแต่ละชนิด โดยทำการทดสอบ ถึงผู้บริโภคใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน ทำให้ความสด กับข้าว 7 ชนิด ได้แก่ กข 31, กข 41, กข 47, พิษณุโลก ใหม่และคณุ ค่าทางอาหารที่อยู่ในขา้ ว ปัจจุบันจึงมีบริษัท 2, ปทุมธานี 1, ข้าวเหนียวกำ่ และขา้ วเหนยี วขาว จากผล ผลิตเครื่องสีข้าวออกมาจำหน่ายแต่ ส่วนใหญ่มีราคาสูง การทดสอบพบว่าความเร็วรอบของมอเตอร์ที่เหมาะสม ทำให้ผู้บรโิ ภคทม่ี ีฐานะยากจนยังไม่สามารถหาซื้อมาใช้ใน กบั การสขี ้าวขาวและข้าวกล้องอยทู่ ี่ประมาณ 3,300 และ การสีข้าวได้ จึงมีนักวิจัยออกแบบและพัฒนาเคร่ืองสีข้าว 3,500 รอบต่อนาที ตามลำดับ และผลการทดสอบการสี ในระดับชุมชนมาเปน็ เคร่ืองสีขา้ วระดับครวั เรือน จะใชช้ ุด ข้าวกล้องและข้าวขาว ของข้าวทั้ง 7 ชนิดได้ข้าวกล้อง กะเทาะเปลือกเป็นแบบจานแรงเหวี่ยง และมีชุดขัดข้าว และขา้ วขาวเฉล่ียแลว้ ไมต่ ำ่ กวา่ ร้อยละ 60 และร้อยละ 40 เป็นแกนโลหะ แต่ปัญหาในการสีข้าวด้วยเครื่องนี้ จะทำ ตามลำดบั ให้ข้าวที่สีออกมาแตกหัก และชิ้นส่วนอะไหล่บางอย่าง ต้องนำเข้าจากตา่ งประเทศ [3] นายพงพันธ์ ฉิมสุข และคณะ [ 4] ได้ศึกษา เปรียบเทียบแกนเหล็กสีข้าว โดยเลือกใช้ขา้ วเปลอื กพนั ธุ์ คณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาเครื่องสีข้าว หอมมะลิ 1 กิโลกรัม ใช้แกนเหล็กสีข้าวแบบเกลียว กล้องขนาดครัวเรือน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประดิษฐ์เครื่องสี ลำเลียงผสมเกลียวตรง ได้ข้าวกล้อง 625 กรัม และแกลบ ข้าวขนาดครวั เรอื น แตย่ ังพบวา่ เครอ่ื งไม่สามารถทำการสี 375 กรัม เป็นการสีข้าวที่ได้ผลดีที่สุดได้ข้าวกล้องมาก ข้าวได้เพียงรอบเดียว รวมไปถึงการสีข้าวแต่ละครั้งข้าว ทส่ี ดุ และพบแกลบสิ่งเจือปนน้อยทีส่ ุด ข้าวพันธุ์พิษณุโลก เกิดการแตกหักทำให้เสียคุณภาพของข้าวสาร และยังไม่ มวล 1 กโิ ลกรมั ไดข้ ้าวกลอ้ ง 440 กรัม แกลบ 560 กรัม สามารถที่ทำการบำรุงรักษาและทำการซ่อมหรือเปลี่ยน อะไหล่ได้ [4] ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงต้องการปรับปรุง อภินันท์ ใจกว้าง และคณะ [6] พบว่าเครื่องสีข้าว กลอ้ งชมุ ชนชนิดลูกยางคูจ่ ะมอี ตั ราการทำงานปริมาณข้าว กลอ้ ง และขา้ วเต็มเมล็ดปานกลางและมีปริมาณแกลบต่ำ 42

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, กมลศักดิ์ รตั นวงษ์, หน้า 40-46 ผลการทดสอบประสิทธภิ าพการกะเทาะของเครื่องสีข้าว 64.00 กิโลกรัมต่อชวั่ โมง และสมรรถนะของเคร่ืองสีข้าวมี กล้องชุมชนชนิดลกู ยางคู่ที่ความเร็วของลกู ยางเร็วต่อลูก ไซโคลนดูด รำ ใช้เวลา 6.10 นาที ข้าวสารรวม 8.40 ยางช้า 1,840 ต่อ 950, 1,680 ต่อ 860 และ 1,360 ต่อ กิโลกรัม มสี มรรถนะ83.16 กิโลกรมั ต่อชวั่ โมง 700 รอบต่อนาที พบว่าเมื่อลดความเร็วของลูกยาง ปรญิ ญา ดีรัศมี [9] ไดท้ ดสอบหาประสิทธิภาพของเคร่ือง กะเทาะจะทำให้อัตราการทำงานที่ความเร็ว 1,840 ต่อ สีข้าวจากภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยใช้ข้าว 3 สายพันธุ์ คอื 950, 1,680 ต่อ 860 รอบตอ่ นาที ไมแ่ ตกต่างกันทางสถิติ ข้าวปทุมธานี 1 ข้าวหอมมะลิ 105 และข้าวพันธุ์ กข 15 คือ 45.80 และ 45.85 แตท่ ีค่ วามเรว็ ลูกยางกะเทาะ1,360 พบว่าความเร็วของหัวขัดที่เหมาะสมกับการสีข้าว คือ ต่อ 700 รอบต่อนาที มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยมี ความเร็ว 240 รอบ/นาที มวลที่ได้จากการสีข้าวกล้อง อตั ราการทำงานลดลง คอื 43.85 กิโลกรัม ต่อช่วั โมงส่วน ปทุมธานี 1 มีค่าเฉลี่ย 513 กรัม/ข้าว 1,000 กรัม มวล อัตราการกะเทาะมีความแตกต่างกันทางสถิติโดยมีอัตรา การแตกหกั เฉลยี่ 23 กรมั /ขาว 1,000 กรมั เวลาในการสี ลดลง คือ ร้อยละ 87.62, 85.05 และ 81.77 ตามลำดับ ข้าวเฉลี่ย 3.45 นาที ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 ค่าเฉล่ีย ปริมาณต้นข้าวที่ได้รับ มีความแตกต่างกันทางสถิติแต่มี 551 กรัม/ข้าว 1,000 กรัม มวลการแตกหักเฉลี่ย 23 ปริมาณเพิ่มขึ้น คือร้อยละ 87.84, 88.43 และ 89.24 กรัม/ข้าว 1,000 กรัม เวลาในการสีข้าวเฉลี่ย 3.42 นาที ตามลำดับ ขณะที่ปริมาณแกลบที่ได้มีความแตกต่างกัน ข้าวพันธ์ุ กข 15 ค่าเฉลี่ย 552 กรัม/ขา้ ว 1,000 กรมั มวล ทางสถิติโดยมีปริมาณลดลง คือร้อยละ 12.16, 11.57 การแตกหกั เฉลยี่ 22 กรมั /ข้าว 1,000 กรัม เวลาในการสี และ 10.76 ตามลำดับ นั้นคือเมื่อลดความเร็วของลูกยาง ขา้ วเฉลีย่ 3.43 นาที เม่ือคิดประสิทธภิ าพการทำงานของ กะเทาะให้น้อยลงจะทำให้อัตราการทำงาน อัตราการ เครื่องสีข้าวกล้องสามารถคิดเป็นร้อยละในการแตกหัก กะเทาะ และปริมาณแกลบที่ได้ลดลง แต่จะทำให้ได้รับ ของขา้ วไดร้ ้อยละ 2.3 ปรมิ าณต้นขา้ วเพิ่มข้ึน 4. วธิ ีการดำเนนิ การวิจัย สุรสิทธิ์ ช่อวงศ์ [7] ได้สร้างเครื่องสีข้าวกล้อง เครื่องสีข้าวขนาดครัวเรือนที่พัฒนาขึ้นได้มีการปรับปรุง สาธติ การทำงาน และประเมนิ คณุ ภาพใน 3 ด้าน คือ ดา้ น สมรรถนะของเครื่องสีข้าวกล้องแบบเดมิ ท่มี จี ุดเด่นในการ โครงสรา้ ง ด้านการใช้งาน และด้านคณุ ภาพของผลิตภณั ฑ์ ใช้เกลียวและตะแกรงเป็นตัวสีข้าวให้มีการสีเพียงรอบ พบว่าเครื่องสีข้าวกล้องมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับดมี ากท้งั ใน เดยี วและต้องการลดการแตกหักของเมล็ดข้าวสาร รวมไป ภาพรวมและแตล่ ะด้านจากการทดลองสีข้าว 1,000 กรัม การซ่อมบำรงุ รักษาของตวั เคร่ืองทีส่ ะดวกมากข้ึน แล้วนำมา 10 กรัมเพื่อทำการนบั เมล็ดโดยทำการทดลอง 3 ครงั้ ได้ร้อยละเมลด็ ดี 85.14 คา่ เฉลี่ยของร้อยละ เมลด็ ดี 4.1 ออกแบบเครื่องสีข้าวกลอ้ งขนาดครวั เรือน โดย จากการสีด้วยเครื่องสขี ้าวกล้อง มีค่ามากกวา่ การบดด้วย ข้อมูลจำเพาะของเครื่องแสดงดังตารางที่ 1 หลักการ ครกสีข้าวสำหรบั การวเิ คราะห์หาช่วงความเช่อื มัน่ ของการ ทำงานของเครื่องอาศัยตะแกรงกะเทาะเปลือกข้าว ขัด สีข้าวกล้องด้วยเครื่อง ที่ความเชื่อมั่นไม่น้อยกว่าร้อยละ ขาวข้าว และแยกแกลบรำ โดยใช้สแตนเลสกลมมี 95 จากการทดลองพบวา่ ร้อยละเมล็ดดีของผลิตภัณฑ์ข้าว เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 2.45 เซนติเมตร ยาว 11.5 กล้องทีส่ ีด้วยเคร่ืองสีข้าวกล้องในแต่ละคร้ังมีค่าโดยเฉล่ีย เซนติเมตร และรูแยกแกลบรำ เกลียวลำเลียงข้าวเปลอื ก อยู่ระหว่างร้อยละ 84.2921 ถึง 85.9946 และข้าวสารใช้เหล็กหล่อกลมขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางที่ 2 เซนติเมตร ยาว 14.5 เซนตเิ มตร แล้วกลึงเกลียวตามแบบ สมพล ผลมูล [8] ได้ทดสอบสมรรถนะของเครื่องสี โดยกลงึ เกลียวทั้งหมด 7 เกลียว ระยะหา่ งของเกลียวอยู่ท่ี ข้าวจากเครื่องที่ไม่มีไซโคลนดูดรำและมีไซโคลนดูดรำ 2.5 มิลลิเมตร ความหนาเกลียว 2 มิลลิเมตร มีการ พบว่า สมรรถนะของเครื่องสีข้าวที่ไม่มีไซโคลนดูดรำใช้ ออกแบบอัตราทดของความเร็วรอบมอเตอรใ์ หม้ ีการหมุน เวลา 7.50 นาที ข้าวสารรวม 8.00 กิโลกรัม มีสมรรถนะ 43

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, กมลศกั ดิ์ รตั นวงษ์, หนา้ 40-46 ทช่ี า้ ลง เพอ่ื ทจ่ี ะทำการสขี ้าวได้ ใช้เฟืองขนาด 4 นว้ิ จะได้ รูปที่ 1 ขั้นตอนการสีข้าว 1) ชั่งมวลข้าวเปลือก 1,000 อัตราทดที่ 6:1 กลา่ วคอื เฟอื งตน้ กำลังหมนุ 6 รอบ จะทำ กรัม 2) นำข้าวเปลือกเทใส่ที่กรวยที่เครื่องสีข้าว 3) ทำ ให้เฟืองส่งกำลังหมุน 1 รอบ โดยมีสายพานเป็นตัวส่ง การสีขา้ ว และ 4) ขา้ วกลอ้ งและข้าวสารท่ผี ่านการสี กำลงั สขี า้ วเฉลยี่ 496 วนิ าท/ี 1,000 กรมั มสี มรรถนะอยทู่ ่ี 4.20 4.2 การทดสอบหาสมรรถนะของเครื่องสีข้าว กิโลกรัม/ชั่วโมง ส่วนมวลข้าวสารเฉลี่ย 541 กรัม มวล กลอ้ งขนาดครวั เรอื น ในเรื่องต่อไปนี้ แกลบและรำเฉลี่ย 436 กรัม มวลข้าวหักเฉลี่ย 42 กรัม เวลาในการสีข้าวเฉลี่ย 566 วินาที / 1,000 กรัม 1) ทดสอบหาความเร็วรอบของเครื่องสีข้าว สมรรถนะอยู่ที่ 3.44 กโิ ลกรัม/ช่ัวโมง กล้องขนาดครัวเรือน ที่ 2,000 2,300 และ 2,500 รอบ/ นาที โดยใช้ข้าวเปลือก 1,000 กรัม จำนวน 2 สายพันธ์ุ 6. อภปิ ราย คือ ข้าวพนั ธุ์ กข 31 และขา้ วพันธหุ์ อมมะลิ อัตราเร็วของมอเตอร์มีผลต่อการแตกหักของเมล็ดข้าว และทำใหไ้ ด้ปริมาณข้าวสารและข้าวกลอ้ งลดลง 2) ทดสอบหาอัตราการสีข้าวเปลือก เวลาที่ใช้ ในการทดสอบ กิโลกรัมตอ่ ชัว่ โมง 7. สรุปผล ผลการทดสอบหาสมรรถนะของเครื่องสีข้าวกล้องขนาด 3) หาอัตราปรมิ าณไฟฟา้ ที่ใช้เครื่องสีข้าวกล้อง ครัวเรอื นที่พัฒนาขึ้น โดยทำการสขี า้ ว 2 สายพันธุ์ คอื กข ขนาดครวั เรอื นตอ่ ช่วั โมง ขัน้ ตอนการสีข้าวแสดงดงั รูปท่ี 1 31และหอมมะลิ พบว่าข้าวแต่ละสายพันธุ์ที่นำมาสจี ะใช้ เวลาต่างกัน มวลของข้าวที่ผ่านการสีต่างกัน มีปริมาณ 5. ผลการวจิ ัย การแตกหักของเมล็ดขา้ วแตกต่างกัน โดยทคี่ วามเร็วรอบ ผลการทดสอบหาสมรรถนะของเครื่องสีข้าวกล้อง ที่เหมาะสมในการสีข้าว ให้ได้ข้าวกล้อง ข้าวสาร และ ความแตกหักน้อยอยู่ท่ี 2,300 รอบ/นาที ขนาดครัวเรือนที่พัฒนาขึ้น โดยทำการสีข้าวทั้งหมด 2 สายพันธุ์ ทำการทดลองสีข้าว 3 ครงั้ พบว่าขา้ วแต่ละพันธุ์ ที่นำมาสีจะใช้เวลาต่างกัน มวลของข้าวต่างกัน จากการ ทดสอบความเร็วรอบที่เหมาะสมในการสีข้าว ให้ได้ข้าว กล้อง ข้าวสาร และความแตกหักน้อยอยู่ที่ 2,300 รอบ/ นาที โดยที่ 1) ข้าวพันธุ์ กข 31 มวลข้าวกล้องเฉลี่ย 645 กรัม มวลแกลบและรำเฉลี่ย 345 กรัม มวลข้าวหักเฉลี่ย 35 กรัม เวลาในการสีข้าวเฉลี่ย 490 วินาที/1000 กรัม มี สมรรถนะอยู่ที่ 4.74 กิโลกรัม/ชั่วโมง ส่วนมวลข้าวสาร เฉลี่ย 597 กรัม มวลแกลบและรำเฉลี่ย 366 กรัม มวล ขา้ วหักเฉลย่ี 41 กรมั เวลาในการสีข้าวเฉล่ีย 547 วินาที/ 1,000 กรมั มสี มรรถนะอยทู่ ี่ 3.93 กโิ ลกรัม/ชวั่ โมง แสดง ดงั ตารางท่ี 2 และ 3 2) ขา้ วพนั ธ์หุ อมมะลิ ผลการทดลองแสดงดังตารางที่ 4 และ 5 มวลข้าวกล้องเฉลี่ย 579 กรัม มวลแกลบและ รำเฉลี่ย 403 กรัม มวลข้าวหักเฉลี่ย 37 กรัม เวลาในการ 44

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, กมลศักด์ิ รตั นวงษ์, หน้า 40-46 ตารางท่ี 1 ข้อมลู จำเพาะของเครือ่ งสขี า้ วขนาดครวั เรือน เครอื่ งสขี ้าวกลอ้ งขนาดครวั เรอื น 220 แรงดนั ไฟฟา้ (โวลท)์ 45 120.8 w ความถี่ (เฮริ ต์ ) กำลังไฟฟ้า 25.50 ขนาดภายนอกของเคร่อื งสีขา้ ว(เซนติเมตร) กว้าง 35.50 มวล (กโิ ลกรัม) 40 ยาว 10 สงู ตารางท่ี 2 การทดสอบสมรรถนะของเครื่องสขี ้าว ข้าวพันธ์ุ กข31 (ตำแหน่งข้าวกลอ้ ง) ความเร็วรอบ มวลข้าวกลอ้ งเฉลย่ี มวลแกลบ และรำ มวลข้าวหกั เฉล่ีย เวลาในการสขี า้ ว สมรรถนะของเครอ่ื ง รอบ/นาที (กรัม) เฉลยี่ (กรัม) เฉลีย่ (วินาที) สขี ้าว (กรัม) (กก./ชม.) 2,000 590 390 35 532 3.99 2,300 645 345 35 490 4.74 2,500 482 506 53 477 3.63 หมายเหตุ มวลของข้าวทุกชนิดรวมกนั เกิน 1,000 กรมั เนอ่ื งจากเปน็ มวลเฉลี่ยของการทำการทดลองซ้ำ 3 คร้งั ตารางที่ 3 การทดสอบสมรรถนะของเคร่ืองสขี ้าว ขา้ วพันธุ์ กข31 (ตำแหน่งขา้ วสาร) ความเร็วรอบ มวลข้าวสารเฉลี่ย มวลแกลบ และรำ มวลขา้ วหักเฉลี่ย เวลาในการสขี า้ ว สมรรถนะของเคร่ือง รอบ/นาที (กรัม) เฉลย่ี (กรัม) เฉลย่ี (วนิ าที) สขี า้ ว (กรัม) (กก./ชม.) 2,000 587 390 42 555 3.80 2,300 597 366 41 547 3.93 2,500 450 525 65 384 4.21 หมายเหตุ มวลของข้าวทุกชนิดรวมกันเกิน 1,000 กรมั เนอ่ื งจากเป็นมวลเฉลี่ยของการทำการทดลองซำ้ 3 ครั้ง ตารางท่ี 4 การทดสอบสมรรถนะของเครือ่ งสีข้าว ขา้ วพันธุ์ หอมมะลิ (ตำแหนง่ ข้าวกลอ้ ง) ความเรว็ รอบ มวลขา้ วกล้องเฉลย่ี มวลแกลบ และรำ มวลขา้ วหักเฉลี่ย เวลาในการสีข้าว สมรรถนะของเคร่ือง รอบ/นาที (กรัม) เฉล่ยี (กรมั ) (กรมั ) เฉล่ยี (วนิ าท)ี สีขา้ ว (กก./ชม.) 2,000 570 390 47 538 3.81 2,300 579 403 37 496 4.20 2,500 475 518 54 491 3.48 หมายเหตุ มวลของข้าวทกุ ชนิดรวมกันเกิน 1,000 กรมั เนื่องจากเปน็ มวลเฉล่ียของการทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง ตารางท่ี 5 การทดสอบสมรรถนะของเคร่ืองสขี ้าว ข้าวพันธ์ุ หอมมะลิ (ตำแหนง่ ข้าวสาร) 45

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, กมลศักดิ์ รัตนวงษ์, หนา้ 40-46 ความเรว็ รอบ มวลข้าวสารเฉล่ยี มวลแกลบ และรำ มวลขา้ วหักเฉลยี่ เวลาในการสีขา้ ว สมรรถนะของเคร่อื ง รอบ/นาที (กรมั ) เฉลยี่ (กรัม) (กรมั ) เฉลย่ี (วนิ าท)ี สขี ้าว (กก./ชม.) 2,000 535 390 47 538 3.58 2,300 541 436 42 566 3.44 2,500 447 525 66 561 3.06 หมายเหตุ มวลของขา้ วทกุ ชนิดรวมกันเกิน 1,000 กรัม เนอื่ งจากเปน็ มวลเฉลยี่ ของการทำการทดลองซำ้ 3 คร้ัง กติ ติกรรมประกาศ [5] สุรินทร์ แหงมงาม, ศศิวรรณ อินทรวงศ์, ธีรวัฒน์ ขอขอบคุณคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยี แม้นพวก, ธนาวุฒิ ชินบุตร, อนาวิน กรรณแก้ว, ราชมงคลล้านนา พิษณุโลก ที่ให้การสนับสนุนด้าน ภูมิใจ เหล่าผง. (2558). เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก งบประมาณ เครือ่ งมอื และอุปกรณ์ในการทำวจิ ยั สำหรับใช้ในครัวเรือน. ปริญญานิพน ธ์. ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย เ ท ค โ น โ ล ย ี ร า ช ม ง ค ล ธ ั ญ บ ุ รี . บรรณานุกรม สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี [1] สุรพงศ์ บางพาน และพีรพันธ์ บางพาน. (2555). ราชมงคลธัญบรุ ี: 8-11. เครื่องสีข้าวขนาดเล็กแบบเปิด. การประชุม วิชาการสมาคมวิศวกรรมเกษตรแหง่ ประเทศไทย [6] อภนิ นั ท์ ใจกวา้ ง, สมบูรณ์ สารสทิ ธ์ิ และธนาภรณ์ ครั้งที่ 13, ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะ เมอื งมุงคณุ . (2553). การสรา้ งและทดสอบเครื่อง วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช สีข้าวกล้องชุมชนชนิดลูกยางคู่ วารสาร มงคลลา้ นนา ภาคพายพั : 128-134. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีที่ 4 (2) : 9- [2] พนม เกิดแสง. (2555). เครื่องสีข้าวกล้องขนาด 15. เล็กสำหรับชุมชน. สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์: 1-9. [7] สุรสิทธิ์ ช่อวงศ์. (2553). การสร้างเครื่องสีข้าว [3] วรวีร์ ปัญญาคำ, ปราโมทย์ พลิคามิน, สมเกียรติ กล้อง. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราช เติมสุข และดสุ ติ สิงหพ์ รหมมาศ. (2559). การหา นครนิ ทร์ ปที ่ี 2(1) : 133-143. ค่าควบคุมที่เหมาะสมสำหรับเครื่องสีข้าวขนาด เล็กโดยใช้วิธีพื้นผิวตอบสนอง. การประชุม [8] สมพล ผลมูล. (2558). การพัฒนาเครือ่ งสีข้าวและ วชิ าการวศิ วกรรมฟาร์มและเทคโนโลยีการควบคมุ การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ข้าวสารของสมาชิกกลุม่ อัตโ นมัติร ะดับช าติ ค ร ั้ง ที่ 3, ภ าค วิชา ชาวนาตำบลตะปอน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุร.ี วิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปริญญาวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ : 127-132. จัดการงานวิศวกรรม. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพ [4] พงพันธ์ ฉิมสุข, พิทักษ์ อินทุยศ, วิชัย แก้วคูณ, พรรณี: 89 หน้า. ชินวัฒน์ พิลึก. (2558). การสร้างเครื่องสีข้าว กล ้อง ขนาดค ร อบ ค ร ัว. ป ร ิญญานิพนธ์ . [9] ปริญญา ดีรัศมี. (2557). การพัฒนาปรับปรุง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประสิทธิภาพเครื่องสีข้าวกล้องจากภูมิปัญญา พิษณุโลก: 78 หนา้ . ชาวบ้านเพื่อลดการแตกหักของเมล็ดข้าว. มหาวทิ ยาลัยราชภัฎอตุ รดิตถ์: 81 หน้า. 46

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, สริ ินทรา สทิ ธิชยั วงค์, หนา้ 47-52 การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์คุกกี้กรอบดว้ ยวัตถุดิบแตกหกั จากกระบวนการบรรจหุ ีบหอ่ กล้วยทอดกรอบ สิรนิ ทรา สทิ ธิชยั วงค์1* ปรเมศ ศรแี กว้ 1 หรพิ ล ธรรมนารกั ษ์1 และสมอ บญุ พนั ธ์2 1 คณะบรหิ ารธุรกจิ และศลิ ปศาสตร์ 2 คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา เชยี งราย 99 หมู่ 10 ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย 57120 รับบทความ 30 ตลุ าคม 2561 ตอบรบั บทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพร่ออนไลน์ 15 มิถนุ ายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคัดยอ่ การวจิ ยั นม้ี วี ัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาผลติ ภัณฑ์คกุ กี้กรอบด้วยวัตถุดิบแตกหักจากกระบวนการบรรจุหีบห่อกล้วย ทอดกรอบ และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์คุกกี้กรอบจากกล้วยทอดกรอบ การดำเนินการวิจัยเป็นการ พัฒนาสูตรผลติ ภัณฑ์คกุ กี้กรอบด้วยวตั ถุดิบแตกหักจากกระบวนการบรรจุหีบห่อกล้วยทอดร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วย หอมทองยัดเยียด บ้านปางป้อมเหนือ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริโภคจำนวน 356 คน การ วิเคราะห์ข้อมูลใช้คา่ เฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนือ้ หา ผลการวจิ ยั พบว่า สูตรส่วนผสมผลิตภณั ฑ์คกุ ก้ี กรอบด้วยวัตถุดิบแตกหักจากกระบวนการบรรจุหีบห่อกล้วยทอดกรอบท่ีเหมาะสม มีส่วนประกอบ แป้งข้าวสาลี เนยเค็ม เบคกิ้งโซดา กลิ่นวนิลา น้ำตาลไอซิ่ง ไข่ไก่ นมสด กล้วยทอดกรอบแตกหัก โดยสูตรที่ 4 มีความเหมาะสมมากที่สุด คือ มี รสชาติหวานพอดี คุกกี้มีความแน่นไม่แตกหัก เนื้อคุกกี้มรี สชาติกล้วยกรอบ และความพึงพอใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์คุกกี้ กรอบจากกลว้ ยทอดกรอบโดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดับมากท่สี ดุ คำสำคญั : คุกกี้, กล้วยทอดกรอบ Email: [email protected], 08 9986 5598 47

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, สิรินทรา สทิ ธิชยั วงค์, หนา้ 47-52 The Development of Crispy cookie products with raw materials from packaging process Decisive Sirintra Sitthichaiwong1* Porramet Srikaew1 Haripon Thammanarak1 and Samor Boonphan2 1 Faculty of Business Administration and Liberal Arts, 2 Faculty of Science and Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Lanna Chiang Rai, 99 Mu 10, Sai Khao subdistrict, Phan District, Chiang Rai 57120, Thailand Receive: 30 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract The objective in this research to Development of cracked cookie products with raw materials from packaging process. And Consumer Satisfaction Survey of Crispy Banana Cookies from 365 consumers. Data analysis uses the average. standard deviation and content analysis. It was found that the Crispy cookie ingredients to consist of wheat butter, salted butter, baking powder, vanilla, icing, eggs, fresh milk, banana cracking. And formula 4 is the most appropriate is the sweet taste. Cookies are not firmly broken. Cookies have a crisp banana flavor. The consumer satisfaction of crispy cookie products from whole crisps was the highest level. Keywords: cookie, Crispy Banana 48

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, สริ นิ ทรา สทิ ธชิ ยั วงค์, หน้า 47-52 1. บทนำ ทำให้ความต้องการในการบริโภคทั้งในจังหวัดและ ผลิตภัณฑ์ขนมอบเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปพร้อมบริโภค ต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ทำให้การผลิตกล้วยทอดกรอบมี ปัญหาขาดวัตถุดิบหลักคือกลว้ ยดิบภายในชุมชนมนี ้อย อีก ทันที ทำจากแปง้ เปน็ สว่ นประกอบหลัก มีการใช้ยีสตห์ รอื ผง ทั้งกระบวนการบรรจุหีบห่อตามขนาดความต้องการของ ฟู และอาจเติมส่วนประกอบอื่นตามลักษณะเฉพาะของ ลูกคา้ ซึง่ มที ้งั แบบขายสง่ ขายปลกี บรรจเุ ปน็ ถงุ ขนาดใหญ่ ๆ ผลิตภัณฑ์ และทำให้สุกด้วยความร้อนโดยการอบ ทอด 5-10 กิโลกรัม ถุงขนาดเล็กตั้งแต่ 50 กรัม ถึง 200 กรัม ไดแ้ ก่ เค้ก พาย คกุ ก้ี ขนมปังกรอบ แครกเกอร บสิ กติ และ ซ่งึ การบรรจถุ ุงขนาดเลก็ ต้องทำอยา่ งระมดั ระวงั ด้วยมือทีละ ขนมเป๊ีย เปน็ ต้น [1] คุกก้ี (cookies) หรือ บิสกิต (Biscuit) ถงุ หรอื ซอง เนือ่ งจากผลิตภัณฑ์กล้วยทอดกรอบมีความบาง เปน็ ผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ีทีม่ คี วามช้ืนต่ำ ขนาดเลก็ รสหวาน มี กรอบมากและแตกหักง่าย จากกระบวนการบรรจุหีบห่อ รูปร่างและกลิ่นรสแตกต่างกัน ซึ่งส่วนผสมมีทั้งส่วนผสม แบบถุงและแบบซอง พบว่ามีวัตถุดิบแตกหกั ประมาณ 3-5 เหลวและส่วนผสมแห้ง คุกกี้มีส่วนผสมหลักคือ แป้งสาลี เปอร์เซ็นต์ ทำให้สูญเสียผลผลิตและวัตถุดิบ อีกทั้งยังเป็น ไขมัน และน้ำตาล [2] เป็นขนมอบที่มีลักษณะกรอบร่วน การเพิ่มต้นทุนในการผลิต โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีความ ขึ้นอยู่กับชนิดของคุกกี้แต่ละชนิด และส่วนผสมเสริมอ่ืน ๆ ตอ้ งการของตลาดเรง่ ดว่ นทำให้การเรง่ การผลติ เกดิ ความเสีย เช่น ผลไม้เชื่อมแห้ง เมล็ดผลไม้ เป็นต้น ซึ่งใหส้ ารอาหารที่ ทีม่ ากย่งิ ข้ึนด้วย การวิเคราะห์วัตถุดิบทแ่ี ตกหัก พบว่าคุณคา่ เป็นประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย นอกจากน้คี กุ กีย้ ังนยิ มรับประทาน ทางอาหารและรสชาติไมไ่ ด้เปล่ียนไปและยงั สามารถขายได้ เป็นอาหารว่าง มีให้เลือกหลากหลายรสและมีลักษณะ แต่ราคาค่อนข้างถูกมาก ผู้วิจัยจึงสนใจสร้างมูลค่าของ เฉพาะตัว ใช้เป็นขนมในการจัดเลี้ยงและของฝากในงาน วัตถุดิบแตกหักดังกล่าว โดยสนใจพัฒนาแปรรูปเป็น โอกาสพเิ ศษเนอ่ื งจากเป็นขนมท่ที ำไดง้ ่ายและมีอายุการเก็บ ผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วยกรอบด้วยวัตถุดิบกล้วยทอดกรอบ นาน แต่คุกกี้มีส่วนผสมหลักเป็นแป้ง น้ำตาล และไขมันมาก แตกหักจากกระบวนการบรรจุหีบห่อ โดยมุ่งเน้นการแปร มีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มได้ง่าย ทำให้ร่างกายเส่ียงเกิดโรค รูปผลิตภัณฑ์ใหม่จากวัตถุดิบแตกหักเสียหายดังกล่าว อ้วนและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา ปัจจบุ ันมีการพัฒนา เป็นการเพิ่มรายไดแ้ ละเกิดประโยชนค์ ุณคา่ ทางอาหารได้อีก คุกกใี้ หม้ ีคุณค่าทางโภชนาการเพมิ่ มากข้ึน เช่น คกุ ก้ีเสริมใย แนวทางหนึ่ง อาหารจากอัลเบโดของส้มโอ คกุ ก้เี สรมิ ผกั ผลไม้ [3] การนำ แป้งถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธรเบอร์ 1 มาทดแทนแป้งสาลี 2.วตั ถุประสงค์ บางส่วนในคุกกี้ เพิ่มคุณคา่ โภชนาการให้กบั ผลติ ภัณฑ์คุกกี้ 1. พัฒนาผลติ ภัณฑค์ ุกกก้ี ลว้ ยกรอบดว้ ยวตั ถุดบิ แตกหกั และเพมิ่ ทางเลือกให้กบั ผู้บริโภคทใ่ี สใ่ จในสุขภาพ [4] จากกระบวนการบรรจหุ ีบหอ่ กล้วยทอดกรอบ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียดเป็นกลุ่ม 2. ศึกษาความพงึ พอใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑค์ ุกกี้กลว้ ย แม่บ้านเกษตรกรบ้านปางป้อมเหนือ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวดั พะเยา รวมกลุม่ กนั ดำเนินกิจกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ กรอบจากวัตถดุ ิบแตกหกั จากกระบวนการบรรจหุ ีบห่อกลว้ ย จากกล้วย มันฝรั่ง พริก โดยเฉพาะการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ทอดกรอบ กล้วยทอดกรอบมีความนิยมมากกว่าผลิตอื่น ๆ และได้รับ การพิจารณาคุณภาพและความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์ 3. วิธีการวิจยั การผลิตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 1. ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวข้องเกี่ยวกับการ เลขที่ 56-2-01646-2-0001 และขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP จากกรมการพฒั นาชมุ รหสั เครอ่ื งหมาย 5/56/0147 แปรรูปอาหารประเภทขนมอบ คกุ กกี้ รอบ 49

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, สิรนิ ทรา สิทธิชยั วงค์, หนา้ 47-52 2. การเตรยี มวัตถุดิบและการวิเคราะห์องคป์ ระกอบ 3.2 เติมไข่ไก่ (ไข่แดง) ตใี หเ้ ขา้ กัน และใส่กล่ินวนิลา เคมขี องกล้วยทอดกรอบ ค่อย ๆ เทแป้งลาสีผสมลงเบา ๆ ตีด้วยความเร็วปานกลาง จนเป็นเน้อื เดียวกนั 2.1 กล้วยทอดกรอบ ผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนกล้วย หอมทองยัดเยียด บ้านปางป้อมเหนือ ตำบลลอ อำเภอจุน 3.3 นำกล้วยทอดกรอบผสมด้วยมือจนเป็นเนื้อ จงั หวดั พะเยา เดียวกันพกั ไว้ประมาณ 15 นาที 2.2 นำกล้วยทอดกรอบที่ได้วิเคราะห์องค์ประกอบ 3.4 น้ำสว่ นผสมคุกกี้มาปั้นขน้ึ รูปรา่ งใหม้ ีขนาดเทา่ ๆ เคมีได้แก่ ความชื้น เถ้า โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล กนั ตามความต้องการในถาดโดยวางหา่ งกันประมาณ 1 น้วิ โซเดยี ม โดยวิธี AOAC [5] 3.5 นำคุกกี้อบที่อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเซียส 3. การผลติ คุกก้กี ลว้ ยกรอบด้วยวตั ถุดบิ แตกหัก นาน 30 นาที โดยหมั่นคอยสังเกต เมื่อคุกกี้สุกนำออกมา เตรียมส่วนผสมของคุกกไี้ ดแ้ ก่ แป้งสาลี กลว้ ยกรอบ เนย จากเตาผ่ึงบนตะแกรงใหเ้ ยน็ นำ้ ตาล ผงโซดาไบ-คารบ์ อเนต กล่ินวนลิ า ไขไ่ ก่ นมสด ดงั ตารางที่ 1 โดยมีขัน้ ตอนการผลติ คุกก้ีดงั นี้ 4. ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ คุกกก้ี ล้วยกรอบจากสว่ นผสมกลว้ ยทอดกรอบแตกหัก 3.1 ตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู เติมนมสด ผงโซดาไบ- คารบ์ อเนตตใี ห้เข้ากัน โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจากผู้บริโภคใน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงรายและ บรเิ วณใกลเ้ คยี งจำนวน 365 คน ตารางที่ 1 สว่ นผสมคกุ กี้กล้วยทอดกรอบ คุกกกี้ ลว้ ยทอดกรอบ สว่ นผสม คกุ กี้ สตู รท่ี 1 สตู รท่ี 2 สูตรท่ี 3 สตู รท่ี 4 สลัดน้ำมนั สูตรที่ 5 สลัดน้ำมัน (กรมั ) (กรมั ) (กรมั ) (กรัม) (กรมั ) แป้งสาลี 160 115 115 115 100 100 กลว้ ยกรอบ - 45 45 45 65 65 เนย 110 110 110 110 110 110 กลน่ิ วนลิ า 1.50 1.50 1.50 1.50 1.50 1.50 ผงโซดาไบ-คาร์บอเนต 1 1 1 น้ำตาลทราย 80 1 1 1 - - นำ้ ตาลไอซิ่ง - 40 - - 40 80 ไขไ่ ก่ - - 40 80 17 17 นมสด 15 17 17 17 15 15 367.50 15 15 15 349.50 389.50 รวม 344.50 344.50 384.50 50

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, สิรินทรา สิทธชิ ยั วงค์, หนา้ 47-52 4. ผลการวจิ ัย และไดน้ ำคุกกีส้ ูตรท่ี 4 มาใชใ้ นการวิเคราะหอ์ งค์ประกอบ 1. การศึกษาองค์ประกอบเคมีกล้วยทอดกรอบทีผ่ ลติ ทางเคมขี องคกุ ก้ีตอ่ ไป โดยวิสาหกิจชมุ ชนกล้วยหอมทองยัดเยียด บ้านปางป้อม 3. การศึกษาองค์ประกอบเคมีของผลิตภัณฑ์คุกก้ี เหนอื ตำบลลอ อำเภอจุน จงั หวดั พะเยา โดยองค์ประกอบ กล้วยกรอบ โดยองค์ประกอบทไี่ ดว้ เิ คราะหไ์ ด้แก่ ความช้นื ที่ได้วิเคราะห์ได้แก่ ความชื้น เถ้า โปรตีน ไขมัน เถ้า โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล โซเดียม โดยวิธี คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล โซเดียม โดยวิธี AOAC [5] ดัง AOAC [5] ดังตารางท่ี 3 ตารางท่ี 2 4. ความพึงพอใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วย 2. ผลการทดลองผลิตคุกกี้กล้วยกรอบด้วยวัตถุดิบ กรอบ สูตรท่ี 4 โดยผ้ตู อบแบบสอบถามหลงั จากไดท้ ดลอง แตกหกั และอภปิ รายผล บริโภคคุกกี้กล้วยกรอบ พบว่ามีความพึงพอใจต่อ ผลิตภัณฑ์คุกกกี้ ลว้ ยกรอบโดยรวมในระดบั มากทีส่ ดุ 2.1 การศึกษาปรมิ าณส่วนผสมท่ีเหมาะสมใน การผลติ คุกกีก้ ลว้ ยกรอบ ตารางที่ 2 แสดงองค์ประกอบทางเคมีกล้วยทอดกรอบ การผลิตคกุ ก้ีกล้วยกรอบสูตรท่ี 1 พบว่าคุกกี้ใน องคป์ ระกอบทางเคมี ผลการทดสอบ สูตรนี้เมื่ออบแล้ว มีรสชาติเค็ม มัน มีกลิ่นเนยมีมากกว่า (กรัมตอ่ 100 กรัม) กลว้ ยทอดกรอบ คกุ กีม้ ีความรว่ นแตกหักง่าย หวานเลี่ยน และมันมากเกินไป เนื่องจากสูตรที่ 1 ได้ใช้น้ำตาลทราย เถ้า 2.19 เป็นสว่ นประกอบทำให้การยึดเกาะของเนื้อคุกกี้น้อยและ แตกหกั ร่วนงา่ ยและมคี วามหวานเลย่ี น ความชน้ื 0.00 คุกกี้สูตรที่ 2 มีรสชาติหวานพอดี เนื้อคุกกี้มี โปรตีน 2.35 ความแน่นไม่แตกหัก มีปริมาณเนื้อแป้งมีมากกว่ากล้วย กรอบกรอบ ไม่มีรสชาติของกล้วยทอดกรอบ และหวาน ไขมัน 34.27 มากในสูตรท่ี 3 เนื่องจากในสูตรท่ี 2 และ 3 ได้ใช้นำ้ ตาล ไอซิง่ ซง่ึ มลี ักษณะละเอยี ดคลา้ ยแปง้ ทำให้การยดึ เกาะของ คารโ์ บไฮเดรต 61.17 เนือ้ คกุ กม้ี ีความแน่นมากข้ึนแตห่ วานมากในสูตรที่ 3 ทั้งน้ี เนื่องจากกล้วยกรอบที่ผสมมีรสหวานอยู่บ้าง และทั้ง 2 ปริมาณน้ำตาลทงั้ หมด 14.97 สูตรยังคงมีความมันและเมื่อทิ้งไว้ 2-3 วันทำให้เนื้อแป้ง ขนมเปยี กติดภาชนะหรอื ถงุ เม่ือนำมาบริโภค โซเดยี ม 41.35 คกุ กส้ี ตู รที่ 4 ไดน้ ำเนือ้ กล้วยทอดกรอบแตกหัก ตารางที่ 3 แสดงองค์ประกอบทางเคมคี ุกกี้กลว้ ยทอด ไปสลัดน้ำมันด้วยเครื่องสลัดน้ำมันแบบเหวี่ยงก่อนนำไป ผสมผลิตคุกก้สี ตู รท่ี 4 และสูตรท่ี 5 พบวา่ มีรสชาติหวาน กรอบ มนั พอดี เนื้อคกุ กีม้ ีความแน่นไม่แตกหกั เนอื้ คุกกีม้ รี สชาติ กล้วยกรอบมากขึ้น แต่หวานมากในสูตรที่ 5 เนื่องจาก องค์ประกอบทางเคมี ผลการทดสอบ กล้วยกรอบทผ่ี สมอาจมรี สหวานอย่บู ้าง (กรัมต่อ 100 กรมั ) 2.2 เมอื่ นำคกุ กส้ี ูตรที่ 1 สตู รท่ี 2 และ สตู รที่ 4 เถ้า 1.15 ไปประเมนิ ความชอบเบือ้ งต้นของผบู้ ริโภคจำนวน 20 คน พบว่าคกุ ก้ี สูตรท่ี 4 ผบู้ รโิ ภคมีความชอบโดยรวมมากทส่ี ดุ ความชนื้ 0.00 โปรตีน 5.75 ไขมัน 30.40 คารโ์ บไฮเดรต 62.68 ปริมาณนำ้ ตาลทั้งหมด 21.04 โซเดยี ม 284.23 51

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, สริ ินทรา สิทธชิ ยั วงค์, หน้า 47-52 5. อภิปรายผลการวจิ ัย เอกสารอา้ งองิ การทดลองผลิตคุกกี้กล้วยกรอบด้วยวัตถุดิบแตกหัก [1] ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. จากกล้วยทอดกรอบ พบว่ามีความมันและเมื่อทิ้งไว้ 2-3 2554. คำชี้แจงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง วันทำให้เนื้อแป้งขนมเปียกติดภาชนะหรือถุงเมื่อนำมา แก้ไข เพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี บริโภคเนื่องจากส่วนผสมกล้วยกรอบแตกหักมีปริมาณ 193) พ.ศ. 2553 (ฉบับที่ 2) (ฉบับแก้ไข). สำนักงาน ไขมัน ควรมกี ารปรบั ลดปรมิ าณเนย นอกจากนค้ี ุกกี้กล้วย คณะกรรมการ อาหารและยา. กรงุ เทพฯ. กรอบซึ่งกล้วยทอดกรอบมีลักษณะคล้ายคลึงกับวัตถุดบิ [2] วิภาวรรณ วงศ์สุดาลักษณ์. 2559. การประยุกต์ใช้ ของคุกกี้เมล็ดกระบก [6] และเมล็ดทานตะวันที่มีเน้ือ ฟลาวร์เมล็ดจำปาดะในผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบ. สัมผัสที่แข็งและเป็นเกล็ด ๆ หรือเม็ดเล็ก ๆ ผู้บริโภคมี (รายงานวจิ ัย). มหาวทิ ยาลัยราชฎชั สงขลา. ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วยกรอบโดยรวมใน [3] จิตธนา แจ่มเมฆและอรอนงค์ นัยวิกลุ . 2539. เบเกอ ระดบั มากทส่ี ุด สอดคลอ้ งกับ การพฒั นาคุกก้ีเมล็ดกระบก รีเทคโนโลยีเบื้องต้น. ภาควิชาวิทยาศาสตร์และ [6] ในลักษณะกลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัสของคุกกี้โดยมี เทคโนโลยีการอาหาร. คณะอุตสาหกรรมเกษตร ความชอบในระดับมากถึงมากท่ีสดุ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ กรงุ เทพฯ. [4] ณัฐณิชา ทวีแสงและกัญญารัตน์ เหลืองประเสริฐ. 6. สรุป 2561. การทดแทนแป้งสาลีบางส่วนด้วยแป้ง ผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วยกรอบด้วยวัตถุดิบแตกหักจา ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธรเบอร์ 1 ในคุกกี้. วารสาร วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี ปที ่ี 26 (7) (ฉบับเสริม) : กระบวนการบรรจหุ ีบหอ่ กลว้ ยทอดกรอบมีส่วนผสมได้แก่ 1222-1233 แป้งสาลี กล้วยกรอบ เนย นำ้ ตาล ผงโซดาไบ-คาร์บอเนต [5] AOAC. 1990. Official Method of Analysis of the กล่นิ วนลิ า ไข่ไก่ และนมสด โดยสูตรท่ี 4 มีความเหมาะสม Association of Official Analytical Chemists 14th มากที่สุด คือ มีรสชาติหวาน มันพอดี เนื้อคุกกี้มีความ ed. Association of Official Analytical Chemists, แน่นไมแ่ ตกหัก เนอื้ คุกกม้ี ีรสชาตกิ ล้วยกรอบมากข้ึน และ Inc., Arlington., Virginia ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วยกรอบ [6] พจนยี ์ บุญนาและคณะ. (2556). คกุ กเ้ี มล็ดกระบก. โดยรวมในระดับมากที่สุด รายงานวิจัย คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลระนคร. กติ ตกิ รรมประกาศ การวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีโดยการสนับสนุนจาก หลายฝ่าย คณะผู้วิจัยขอขอบคณุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลล้านนา ภายใต้ทุนวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP (OTOP Mentor) ท่ีสนบั สนนุ เงนิ ทุนวจิ ัย วสิ าหกจิ ชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียด บ้านปางป้อมเหนือ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา คุณอชิรา ปัญญาฟู ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียด รวมถึงคุณภัทราวรรณ รวมจิตร ที่อำนวยความสะดวก และร่วมในการทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วย กรอบ และผูม้ ีส่วนร่วมในการวจิ ยั ครงั้ น้ี 52

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, หรพิ ล ธรรมนารักษ,์ หนา้ 53-61 การใชเ้ ทคโนโลยเี สมอื นจริงเพ่ือส่งเสริมการจัดจำหน่ายผลติ ภณั ฑก์ ลว้ ยกรอบ กลุ่มวสิ าหกจิ ชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยยี ด อำเภอจุน จังหวดั พะเยา หรพิ ล ธรรมนารกั ษ์1* ชินดนัย คำคม2 และลทั ธพล บุตรเทศ2 1 คณะบริหารธุรกจิ และศลิ ปศาสตร์ 2 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย 99 หมู่ 10 ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย 57120 รบั บทความ 30 ตลุ าคม 2561 ตอบรบั บทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพรอ่ อนไลน์ 15 มิถุนายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ย่อ การวจิ ัยนม้ี วี ัตถปุ ระสงค์เพอื่ 1) ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยเี สมือนจริงบนฉลากผลติ ภัณฑ์และบรรจุภณั ฑ์เพ่อื สง่ เสริมการ จดั จำหน่ายผลิตภัณฑ์กล้วยกรอบ กลุ่มวสิ าหกจิ ชุมชนกล้วยหอมทองยดั เยียด อำเภอจนุ จังหวดั พะเยา2) ศกึ ษาความพงึ พอใจ ของผู้บริโภคที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนจริง ในการนำเสนอข้อมูลเพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยการสื่อสาร การ โฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มลู บนสมาร์ทโฟน โดยวิธีซอ้ นภาพสองมิตหิ รือสามมิติเสมือนจรงิ ซง่ึ มีเนอื้ หาเก่ียวกับประวัติแหล่ง ผลิต ผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย โดยผู้บริโภคสามารถอ่านสัญลักษณ์บนฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เสมอื นจริงผา่ นรปู แบบวดิ โี อ กลมุ่ ตวั อยา่ งในการศึกษาความพงึ พอใจของผบู้ รโิ ภคทม่ี ีตอ่ เทคโนโลยเี สมอื นจริงโดยจำนวน 250 คนโดยใช้แบบสอบถาม การวิเคราะหข์ อ้ มลู ใช้ คา่ ความถ่ี ร้อยละ คา่ เฉลย่ี ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานและการวเิ คราะหเ์ นอ้ื หา ผลการศึกษา พบวา่ เทคโนโลยีเสมอื นจรงิ บนฉลากผลติ ภณั ฑ์และบรรจุภัณฑ์สามารถอา่ นสญั ลกั ษณแ์ ละแสดงผลเสมอื นจริง ผา่ นรปู แบบวิดีโอโดยใช้แอพพลเิ คชั่นเลยา (Layar) และความพงึ พอใจของผบู้ รโิ ภคที่มตี อ่ การสง่ เสริมการจัดจำหน่ายด้วย เทคโนโลยเี สมือนจรงิ ผ้บู รโิ ภคมคี วามพงึ พอใจโดยรวมอยู่ในระดบั มาก โดยขนาดและภาพเสมอื นจริงมคี วามเหมาะสมมากทส่ี ุด และผบู้ รโิ ภคมีความรู้เกี่ยวกบั การจัดจำหนา่ ยผลติ ภณั ฑห์ อมทองยัดเยียดเพมิ่ ข้นึ คำสำคัญ: เทคโนโลยีเสมือนจรงิ , การส่งเสริมการจดั จำหน่าย, ฉลากผลิตภัณฑ์, บรรจุภณั ฑ์ Email: [email protected], 08 9986 5598 53

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หริพล ธรรมนารกั ษ,์ หนา้ 53-61 Application of Augmented Reality Technology to Promote the Distribution of Crispy Bananas Product of Kluai Hom Thong Yad Yiad Community Enterprise, Chun District, Phayao Province Haripon Thammanarak1* Chindanai khamkhom2 and Lattaphon Bootted2 1 Faculty of Business Administration and Liberal Arts, 2 Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Chiang Rai, 99 Mu 10, Sai Khao subdistrict, Phan District, Chiang Rai 57120, Thailand Receive: 30 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract The objectives of the study are 1) to apply the Augmented Reality (AR) technology on product labels and packages for promotion of the distribution of crispy bananas product of Kluai Hom Thong Yad Yiad Community Enterprise, Chun District, Phayao Province and 2) to examine the consumer satisfaction of AR technology on the information presentation for promotion of product distribution through communications and advertisements on smart phones by the matrix technique of two-dimensional or three- dimensional AR pictures containing information relative to production site history, products, production process and product distribution. This method enables consumers to understand the AR codes on product labels and packages via video format. Questionnaires of satisfaction on AR technology were distributed to 250 consumers as a sample size. Descriptive statistics including average, percentage, mean and standard deviation together with content analysis are used for data analysis. The results reveal the AR technology on product labels and packages recognizes the codes and renders the AR in video format from the Layar application, while the overall consumers are satisfied with the use of AR on distribution promotion at high level. For all attributes, the AR size and pictures rank the highest level. The respondents also accept the more understanding on distribution of Hom Thong Yad Yiad products. Keywords: augmented reality, distribution promotion, product label, package 54

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หริพล ธรรมนารกั ษ,์ หน้า 53-61 1. บทนำ ระหวา่ งผู้บริโภคโดยผู้บริโภคมพี ฤติกรรมเข้าอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีเสมือนจรงิ หรอื Augmented Reality (AR) เพื่อพิจารณาข้อมูลสินค้าหรือบริการผ่านเครือข่ายส่ือ สังคมออนไลน์ และแตกต่างกันระหว่างลักษณะของ เป็นเทคโนโลยีทีใ่ ช้สร้างตัวอักษร ข้อความ รูปภาพ หรือ ผู้บริโภคแบ่งตามหลักประชากรศาสตร์และวิถีชีวติ ดิจิทัล วดิ โี อใหเ้ กดิ ข้นึ เปน็ ภาพเสมือนซ้อนทบั กับภาพจริงปรากฏ นอกจากนี้สถิติแคมเปญทางการตลาดผ่านทางเว็บไซต์ บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ Smartphone Tablet จำนวนการเข้าชมหน้าเพจเฉลี่ย 55,561 ครั้งต่อเดือน แว่นตาอัจฉริยะ (Smart Glasses) และอุปกรณ์แสดง สถิติแคมเปญเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR) ที่เกี่ยวข้องกับ ภาพเสมือนแบบสวมศีรษะ (Head Mounted Display) กิจกรรมทางการตลาดและงานแสดงสินคา้ ขอ้ มลู สำรวจ เมื่อผู้ใช้งานส่องกล้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังภาพ พบวา่ มี 83 แอปพลิเคชันเออาร์ (AR) ทีถ่ ูกพฒั นาขนึ้ ก่อน หรือบริเวณทีม่ ีสัญลกั ษณ์ AR Code ระบบจะประมวลผล ปี 2009 มีการเปิดตัวแอปพลิเคชันเออาร์เฉลี่ย 35 แอป สัญลักษณ์ดังกล่าวออกมาเป็นภาพ 3 มิติ หรือ พลิเคชันต่อเดือน และมีการใชง้ านเออารผ์ ่านคอมพวิ เตอร์ ภาพเคลื่อนไหวปรากฏบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สร้าง ด้วยเว็บแคมเฉลีย่ 79 % โดยแสดงให้เห็นการเติบโตของ ความรู้สึกให้กับผู้ใช้งานเสมือนกบั เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ เทคโนโลยตี ้งั แต่ในช่วงปี 2009-2015 โดยเฉพาะในช่วงปี นั้นจริง ๆ ปัจจุบันในภาคธุรกิจได้ประยุกต์ใช้งาน 2014 แนวโน้มของการเติบโต AR จึงมีความชัดเจนอย่าง เทคโนโลยีเสมือนจริง ในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริม มาก ทำให้ตลาด AR จะกลายเป็นอีกหนึ่งปจั จัยสำคัญใน การขายผลิตภณั ฑเ์ พ่ือสร้างมลู ค่าเพิ่มและโอกาสให้ไดร้ ับ การแข่งขันในอนาคตอันใกล้ (ชลิดา อู่ผลเจริญ, 2559) คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น อาทิ IKEA นำแอพพลิเคชั่น AR มาใช้ สำหรบั ผู้ประกอบการทเ่ี น้นประสบการณ์ของผู้บริโภคกับ เพื่อให้ลูกคา้ ไดส้ ามารถเลือกเฟอร์นเิ จอรจ์ ากหนังสือแสดง สินค้า การวางแผนประยุกต์ใช้ AR ถือเป็นเรอ่ื งทหี่ ลกี เลี่ยง รายการสินค้าที่มี AR Code และใช้ Smartphone หรือ ไมไ่ ดส้ ำหรับการแข่งขนั ในตลาดยคุ ดิจทิ ัลและสำหรับการ Tablet ช่วยอ่านแสดงผลข้อมูล ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถ บริหารจดั การภายในองค์กร เทคโนโลยเี สมือนจริงมีส่วน ตัดสินใจเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับสถานที่ที่ต้องการ ช่วยในการสนับสนุนและสง่ เสริมทกั ษะในการปฏิบัติงาน ติดตั้งได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยี AR ให้มีประสทิ ธิภาพทดแทนประสบการณ์ที่ขาดหายได้เป็น ยังช่วยลูกค้าค้นหาตำแหน่งที่ตั้งร้านจำหน่ายสินค้าและ อยา่ งดี ระยะทางระหว่างลูกค้ากับที่ตั้งร้านหรือบริเวณจุด จำหน่ายที่ใกล้เคียงกับลูกค้า กลยุทธ์ดังกล่าวจูงใจให้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียดเป็นกลุ่ม ลูกค้าอยากซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น (พนิดา แม่บ้านเกษตรกรบ้านปางป้อมเหนือ ตำบลลอ อำเภอจุน ตันศิริ, 2553) ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงเพ่ือเข้าส่ยู ุคของ จ ั ง ห ว ั ด พ ะ เ ย า ร ว ม ก ล ุ ่ ม ก ั น ด ำ เ น ิ น ก ิ จ ก ร ร ม แ ป ร รู ป ดิจิทัล (Digital Transformation) การเข้าถึงสื่อสาร ผลิตภัณฑ์จากกล้วย มันฝรั่ง พริก โดยเฉพาะการแปรรปู สนเทศ (Information) สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ผลิตภัณฑก์ ล้วยทอดกรอบมคี วามนิยมมากกว่าผลิตอ่ืน ๆ ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการค้นหา และได้รับการพิจารณาคุณภาพและความปลอดภัยตาม ได้ง่าย ความได้เปรียบเสียเปรียบถูกลดทอนด้วย หลักเกณฑ์การผลิตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีปัจจัยและข้อมูลที่ทำให้ผู้บริโภค แล ะยา (อย.) เล ขที่ 56-2-01646-2-0001 แล ะข้ึ น ตัดสนิ ใจเลอื กว่าจะบริโภคสินค้าและบริการใด ๆ มากขึ้น ทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP จากกรมการพัฒนาชุม โดยเฉพาะข้อมูลในสังคมออนไลน์ ต่างจากในอดีตทีก่ าร รหัสเครื่องหมาย 5/56/0147 ทำให้ความต้องการในการ ส่อื สารการตลาดจะต้องใชส้ ่อื สารมวลชนทีม่ ีราคาสูง (วรสุ บริโภคทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น การ วชิ ช์ โพธสิ ตั ย์, 2561) โดยผลการศึกษาของพันธุ์ทิพย์ภา ส่งเสริมการจัดจำหน่ายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รูปแบบ หอมสร้อยและคณะ (2559) พบวิธีการสร้างความผูกพัน บรรจุภณั ฑแ์ ละฉลากภณั ฑท์ ำใหก้ ล่มุ วิสาหกจิ ชุมชนกล้วย 55

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หรพิ ล ธรรมนารกั ษ,์ หน้า 53-61 หอมทองยัดเยียดขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เป็น ซอฟแวร์ที่สามารถทำให้การผสานกันระหว่างโลกแห่ง ผลิตภัณฑ์เลียนแบบ ในขณะเดียวกันกลุ่มวสิ าหกิจชุมชน ความเป็นจริงและโลกเสมือนให้เห็นอย่างกลมกลืนบน เองได้ทดลองปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากผลิตภัณฑ์ หน้าจอที่หลากหลายอย่างอัศจรรย์ (Jiravarapong B, เช่นกัน แต่ยังไม่เป็นทีย่ อมรับเท่าที่ควร การส่งเสริมการ 2010) Ronald Azuma (1997) ได้ให้คำนิยามเกี่ยวกับ จดั จำหนา่ ยเป็นกจิ กรรมทางการตลาดท่นี ิยมใช้ในธรุ กิจค้า “เทคโนโลยีความจริงเสริม (Augmented Reality หรือ ปลีกแบบเดิม เนื่องจากมีรูปแบบกิจกรรมท่ีหลากหลาย AR) ว่ามีอยู่ 3 ประการ คือ 1) ผสมผสานระหว่างโลกจริง ดึงดูดความสนใจผู้บริโภคได้ดี แต่บางกิจกรรมต้องใช้เงิน กับโลกเสมือนจรงิ 2) โตต้ อบแบบเรียลไทม์ (Real Time) ลงทุนสูง จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ไมไ่ ด้ผลตอบแทนตาม และ 3) เปน็ สามมิติ เป้าหมาย (รติวัลย์ วัฒนสิน, 2555)การนำเทคโนโลยีเส มือจริง มาใช้บนฉลากผลิตภัณฑ์ สามารถเลอื กใช้ในการ กระบวนการทำงานของเทคโนโลยีเสมือนจริงมี ประชาสมั พนั ธ์ สร้างแบรนด์ รวมถึงใชเ้ ป็นกลยทุ ธใ์ นการ กระบวนการดงั นี้1) การวิเคราะห์ภาพ (Image analysis) จัดจำหน่ายทเ่ี หมาะสมกบั กลุ่มผู้บรโิ ภคมากยิง่ ขน้ึ รวมท้ัง เป็นขั้นตอนการคน้ หามาร์คเกอร์ (Marker) จากภาพท่ไี ด้ ยังเป็นโอกาสต่อยอดธุรกิจ Start-up ในรูปแบบบริการ จากกล้องวิดีโอ โดยสืบค้นจากฐานข้อมูลมาร์คเกอร์ ข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ทจ่ี ะนำเสนอตำแหน่งที่ต้ังแหล่ง (Marker database) ที่มีการเก็บข้อมูล ขนาดและ ผลติ การะบวนการผลติ รวมถึงแหล่งผลิตวัตถุดิบที่ปลอด รูปแบบของมาร์คเกอร์ที่ออกแบบไว้ 2) การคำนวณค่า สารพิษ ผู้วิจัยจึงสนใจนำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาใช้ ตำแหนง่ เชิง 3 มิติ ของมารค์ เกอร์เม่ือเทยี บกับกลอ้ งวิดีโอ ส่งเสริมการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กล้วยกรอบ กลุ่ม ซง่ึ จะแสดงในรปู แบบเมตรกิ ซ์ที่ระบุความสมั พันธ์ระหว่าง วิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียด อำเภอจุน จังหวัด ตำแหน่งของกล้องและตำแหน่งของมาร์คเกอร์ 3) พะเยา เปน็ การสร้างมลู ค่าและความเช่อื ม่ันของผลติ ภณั ฑ์ กระบวนการสรา้ งภาพโมเดล 3 มติ ิ (3D rendering) เป็น รวมทงั้ วตั ถุดิบในการผลติ การเพ่มิ ขอ้ มลู (โมเดล 3 มติ )ิ เข้าไปในภาพท่ีไดจ้ ากกล้อง ณ ตำแหน่งที่ตรวจพบจากขั้นตอนที่ (1) โดยใช้ค่า 2.วัตถปุ ระสงค์ ตำแหน่งจากขน้ั ตอนท่ี (2) 1. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลาก แนวคิดการสื่อสารการตลาดเพื่อส่งเสริมการจัด ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่าย จำหนา่ ย ทำใหล้ ูกค้ารูส้ ึกสนุกกับการมสี ว่ นร่วมกับแบรนด์ ผลิตภัณฑก์ ลว้ ยกรอบ หรือผลติ ภัณฑ์ในปจั จุบันเทคโนโลยีเสมือนจริงจะเป็นอกี หนึ่งเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อแนวคิดการตลาดเชิง 2. ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้ ประสบการณ์หรือเรียกว่า เทคโนโลยีความจรงิ เสริมที่ใช้ เทคโนโลยีเสมือนจริงในการนำเสนอข้อมูลเพื่อส่งเสริม ในการตลาดเชิงประสบการณ์ (Augmented Reality การจัดจำหน่ายผลติ ภณั ฑ์ Experiential Marketing: AREM) โดยมีองค์ประกอบ หลัก 5 องค์ประกอบ Schmitt, B.H. (1999) ไดแ้ ก่ 3. แนวคิด ทฤษฎแี ละงานวิจยั ท่เี กย่ี วขอ้ ง เทคโนโลยีเสมือนจริง(Augmented Reality: AR) 1. การตลาดเชิงประสบการณ์จากประสาทสัมผัส (Sense) ประสบการณ์ท่เี กิดขน้ึ จากแนวคิดประสาทสัมผัส หรือเทคโนโลยีผสานความจริงเสมือนเป็นปรากฏการณ์ ทั้ง 5 ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น รสชาติ สำคัญของการส่ือสารสมยั ใหม่รูปแบบหน่งึ ทีส่ ามารถนำไป และการสมั ผัส ซึ่งการตลาดจะใชค้ วามแตกต่าง การจูงใจ ประยุกต์ใช้กับกิจการต่าง ๆ ของสังคมทั้งการสื่อสาร ในการตัดสนิ ใจซ้ือ หรือคุณคา่ ของผลิตภณั ฑ์ การแพทย์ การอุตสาหกรรม การบันเทิง ธุรกิจและ การศึกษา เพราะระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับ 2. การตลาดเชิงประสบการณ์จากความรู้สึก (Feel) การตลาดที่มุ่งเน้นประสบการณ์เกี่ยวกับความรู้สึกเชิงลกึ 56

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หริพล ธรรมนารักษ,์ หนา้ 53-61 และอารมณแ์ กผ่ ู้บรโิ ภค เพอ่ื ใหเ้ กดิ ทศั นคติและความรู้สึก สื่อสารในเวลาทันทีทันใด (Real-Time) และในเวลาท่ี ด้านบวกต่อสินค้าและตราสินค้า (Brand) จนกลายเป็น ถกู ต้อง (Right-Time) เพื่อใหผ้ ู้บรโิ ภคยงั คงเปน็ ลูกค้าของ ความร่นื รมย์ เบิกบานและภาคภมู ใิ จ ตราสินค้าน้ัน ๆ ตอ่ ไป (อรสิ รา ไวยเจรญิ , 2557) งานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 3. การตลาดเชิงประสบการณ์จากความรูค้ วามเข้าใจ (Think) ประสบการณ์ที่เกิดจากสติปัญญา ความคิด P.Butler (2013) กลา่ วถึง บรรจุภัณฑส์ รา้ งปฏสิ ัมพนั ธ์ สร้างสรรค์ ในการมีสว่ นรว่ มแกไ้ ขปัญหา โดยการตลาดซ่ึง (Interactive Packaging) เป็นบร ร จ ุภ ัณฑ ์ท ี่ ส ร ้ า ง มุ่งสร้างประสบการณ์เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความรู้ ปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค โดยอาจอยู่ในรูปแบบการ ความเข้าใจ ออกแบบผสมกับการใช้วัสดุพิเศษเพื่อให้ผู้บริโภคเกิด ประสบการณท์ ี่ดีระหว่างการใช้งาน หรือการใช้เทคโนโลยี 4. การตลาดเชิงประสบการณ์ทางกายภาพหรือการ ทางการสื่อสารมาช่วย เช่นการใช้เทคโนโลยีQR Codes กระทำ (Act) ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทาง (Quick Response Codes Technology) เ ท ค โ นโ ล ยี กายภาพและการผสมผสานพฤติกรรมของบุคคลกับวิถี เสมือนจริง (Augmented Reality Technology) เช่น ชวี ิต การตลาดทม่ี งุ่ เสรมิ ประสบการณด์ ้านการใช้หรือการ การให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้า วิธีการประกอบอาหาร บรโิ ภคสินคา้ ของกลุม่ เปา้ หมาย การปรงุ อาหาร การสอบย้อนกลบั แหลง่ ท่ีมาหรือเกมสต์ ่าง ๆ เพื่อเป็นการทำโปรโมชั่นให้กับสนิ ค้า 5. การตลาดเชิงประสบการณ์จากความเชื่อมโยง (Relate) ประสบการณ์ที่เกิดจากการเชื่อมต่อหรือมี ชลิดา อู่ผลเจริญ (2559) ได้วิเคราะห์ปัจจัยการตลาด ความสมั พนั ธ์กบั กลมุ่ สังคมและวัฒนธรรม การตลาดท่ีมุ่ง เชิงประสบการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมผ่าน ขยายผลจากการสร้างประสบการณ์มาเป็นการสานสร้าง แคมเปญสื่อสารการตลาด พบว่า ปัจจัยการตลาดที่ใช้ ความสัมพันธ์กับบางสิ่งบางอย่างซึ่งเกี่ยวโยงกับสังคม เทคโนโลยีความจรงิ เสริมผ่านแคมเปญสอ่ื สารการตลาดมี ภายนอก 2 ปัจจัยสำคัญได้แก่ ปัจจัยส่วนประสมการตลาด และ ปัจจัยการตลาดเชิงประสบการณ์ โดยพบว่า แนวโน้ม การสื่อสารข้อมูลและรูปภาพบนฉลากผลติ ภณั ฑห์ รอื ความเป็นไปได้ในอนาคตของเทคโนโลยีความจรงิ เสริมใน บรรจุภณั ฑ์ต้องมีความชัดเจน กลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาว การตลาดเชิงประสบการณ์ สามารถแบ่งออกเป็น 4 มักพึ่งพาเทคโนโลยี เน้นอารมณ์เป็นหลัก ดังนั้นฉลาก ประเด็นท่สี ำคัญ ได้แก่ 1) การใช้งานเทคโนโลยีความจริง ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ต้องสามารถสื่อสารผ่านสี เสริมในด้านการสื่อสารการตลาด 2)การพัฒนาและลด การออกแบบ และการใช้งาน (นุชเนตร จักรกลม, 2557) ขอ้ จำกัดของเทคโนโลยีความจรงิ เสรมิ ท่ใี ชใ้ นการตลาดเชงิ นอกจากนี้การโฆษณา การส่งเสริมการจัดจำหน่ายสินค้า ประสบการณ์ 3) การยอมรับเทคโนโลยีความจริงเสริมใน หรือผลิตภัณฑ์กับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล การ ด้านการสือ่ สารการตลาด และ 4) ทิศทางความเปน็ ไปได้ ดำเนินชีวิตของผูบ้ รโิ ภคในยุคดิจิทัล มคี วามสะดวก สบาย ในอนาคตของการใชเ้ ทคโนโลยคี วามจริงเสรมิ รวดเร็วมีการสื่อสารข้อมูลหลายหน้าจอในเวลาเดียวกัน นิยมที่จะเข้าร่วมเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ เพื่อค้นหา พันธุ์ทิพย์ภา หอมสร้อยและคณะ (2559) ได้ศึกษา และศึกษาข้อมูลสินค้า มีการรวมกลุ่มทางสังคมเพื่อมอง เรื่องการสื่อสารสร้างความผูกพันระหว่างผู้บริโภคกับ หาแสวงหาเพือ่ นที่ชอบในสิ่งเดียวกันสามารถแสดงความ อาหารสำเรจ็ รปู บรรจหุ อ่ ผ่านเทคโนโลยเี สมอื นจรงิ พบว่า คดิ เหน็ และแบ่งปันเร่ืองราวตา่ ง ๆ ภายในกลุ่ม ดงั นั้นการ การสอื่ สารผา่ นบรรจุภัณฑ์และการส่ือสารผ่านเทคโนโลยี สื่อสารทางการตลาดนั้นมีการเปล่ียนแปลงเป็นการทำให้ เสมอื นจรงิ น้นั สง่ ผลกบั ความผกู พันของผู้บริโภคต่อสินค้า ผู้บริโภคเกิดการแบ่งปัน บอกต่อ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ สำเร็จรูปบรรจหุ ่อ โดยมีระดบั ความสัมพันธร์ อ้ ยละ 52.70 ตามที่องค์กรธุรกิจได้นำเสนอที่ต้องสอดคล้องกับ พฤติกรรมผู้บรโิ ภคและการสื่อสารไปยังผู้บริโภค จะต้อง 57

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หรพิ ล ธรรมนารักษ,์ หนา้ 53-61 และพบว่าการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริงช่วยเพิ่ม 2) จัดทำ Marker และทำการ Generator ความผกู พนั ใหก้ ับบรรจภุ ัณฑ์ Marker 4. วิธีการวิจัย 2.2 จดั ทำวิดโี อ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนาด้วยวิธีการพัฒนา 2.3 Export Program AR เขา้ ระบบ เพื่อใช้งาน 3. ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนจริง เทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือบรรจภุ ัณฑ์ เพ่อื สง่ เสรมิ การจดั จำหนา่ ยผลิตภัณฑ์กลว้ ยกรอบ เพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑแ์ ละศึกษาความพงึ การวิเคราะห์ขอ้ มูล เป็นการวิเคราะห์เชิงปรมิ าณโดย พอใจของผบู้ ริโภคทมี่ ีตอ่ เทคโนโลยีเสมือนจริง โดยการส่มุ ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ เพื่อวิเคราะห์ความพึง ตัวอย่างแบบไม่ทราบความน่าจะเป็น (Purposive พอใจที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนจริง โดยสถิติที่ใช้ได้แก่ Sampling) ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ทางสถิติโดยประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยนี้อ้างอิงจาก ประชากรผู้บรโิ ภคผลิตภณั ฑ์กลว้ ยกรอบหอมทองยัดเยียด ภาพท่ี 1 ตวั อย่างภาพการอ่าน Marker ในเขตจังหวัดพะเยา เชียงราย โดยสามารถเก็บตัวอย่าง และแสดงเน้อื หาบนฉลากผลติ ภณั ฑ์ แบบสอบถามได้ทงั้ สิ้น 250 คน 5. ผลการวิจยั เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั 1. ผลการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงที่พัฒนาขึ้นใน 1.1 เทคโนโลยีเสมือนจริง (Augmented Reality: AR) บนฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการ รปู แบบวดิ ีโอเม่อื อา่ น Marker รปู บนฉลากผลิตภัณฑ์และ จัดจำหนา่ ยผลติ ภณั ฑก์ ลว้ ยกรอบ บรรจุภัณฑ์ พบว่า เทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลาก 1.2 แบบประเมินคุณภาพเทคโนโลยีเสมือนจริง ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สามารถอ่านสัญลักษณ์และ (Augmented Reality: AR) บนฉลากผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุ แสดงผลเสมือนจร ิงผ่านร ูปแบบวิดีโอโด ย ใ ช้ ภัณฑเ์ พอ่ื สง่ เสริมการจัดจำหนา่ ยผลิตภณั ฑ์กลว้ ยกรอบ แอพพลิเคชั่นเลยา (Layar) และผลการประเมินคุณภาพ 1.3 แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อเทคโนโลยี เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่าย เ ส ม ื อ น จ ร ิ ง ( Augmented Reality: AR) บ น ฉ ล าก ผลิตภณั ฑ์กลว้ ยกรอบจากผู้เช่ียวชาญโดยรวมอยู่ในระดับ ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่าย มากทีส่ ุด ผลติ ภัณฑก์ ลว้ ยกรอบ โดยก่อนใช้เคร่อื งมือดงั กล่าวได้ให้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน พจิ ารณา 2. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อ วธิ ีการดำเนนิ การวิจยั เทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุภณั ฑ์ การดำเนินการวจิ ยั มีวธิ ีการดำเนนิ การดังน้ี เพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กล้วยกรอบ ดัง 1. ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง แสดงในตารางท่ี 1 และตารางที่ 2 2. ออกแบบและพฒั นาเทคโนโลยเี สมอื นจริงบนฉลาก ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์กลว้ ยกรอบ 2.1 การออกแบบ Marker ผู้วิจัยได้ทำการศึกษา และออกแบบ Marker บนฉลากผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ณั ฑ์ 1) ออกแบบMock up ของ Marker ฉลาก ผลติ ภัณฑ์ 58

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, หรพิ ล ธรรมนารักษ,์ หน้า 53-61 ตารางที่ 1 ข้อมลู ทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ความถ่ี ร้อยละ 144 57.60 เพศ ชาย 106 42.40 หญิง 64 25.60 166 66.40 15-20 ปี 10 4.00 10 4.00 อายุ 21-30 ปี 28 11.20 31-40 ปี 202 80.80 20 8.00 41 ปขี ้ึนไป 242 96.80 8 3.20 ต่ำกว่าปรญิ ญาตรี 174 69.60 76 30.40 ระดบั การศกึ ษา ปรญิ ญาตรี สงู กวา่ ปรญิ ญาตรี อปุ กรณ์พกพาทใี่ ชป้ ระจำ โทรศพั ท์ แท็บเล็ต ระบบปฏิบตั ิการทใี่ ช้ Android IOS ตารางที่ 2 ความพงึ พอใจของผูบ้ ริโภคที่มีต่อเทคโนโลยีเสมอื นจริงบนฉลากผลิตภัณฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑ์ รายการประเมิน Mean SD. ความพึงพอใจ 1. ความรู้เกีย่ วกับการจดั จำหน่ายผลิตภัณฑ์ หอมทองยัดเยียดก่อน 2.72 1.25 น้อย ใช้เทคโนโลยเี สมือนจริง 3.78 0.80 มาก 2. แอพพลิเคช่ันสะดวกต่อการใชง้ าน 4.04 0.86 มาก 3. ความรวดเรว็ ในการแสดงผลข้อมูลบนอุปกรณพ์ กพาของทา่ น 4.22 0.83 มาก 4. ความสามารถในการเชอ่ื มโยงข้อมูลกบั เว็บไซต์ / Fb / page 3.72 1.14 มาก 5. ความสามารถในการอ่าน Marker บนฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุ 4.19 0.94 มาก ภณั ฑ์ 4.46 0.67 มาก 6. การจดั ลำดับการนำเสนอเนือ้ หามคี วามเหมาะสม/ น่าสนใจ 4.60 0.62 มากท่ีสดุ 7. ภาพและเสยี งมีความเหมาะสม 4.50 0.65 มาก 8. ขนาดและภาพเสมอื นจรงิ มีความเหมาะสม 4.38 0.61 มาก 9. ความเหมาะสมโดยรวมของเทคโนโลยี AR 10. ความรเู้ กี่ยวกบั การจดั จำหน่ายผลิตภัณฑ์ หอมทองยัดเยียดหลัง 4.06 0.42 มาก ใชเ้ ทคโนโลยเี สมอื นจริง รวม 59

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หริพล ธรรมนารักษ,์ หนา้ 53-61 จากตารางที่ 1 ผู้ตอบแบบสอบถาม 250 คนที่ พระเจดยี อ์ น่ื ๆ และสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของ ก้องเกียรติ ประเมินความพึงพอใจที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนจริงบน วิจิตขจี (2558) ได้ทำการวิจัยเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี ฉลากผลิตภัณฑแ์ ละบรรจุภณั ฑก์ ล้วยทอดกรอบหอมทอง เสมือนจริงส่งเสริมการเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษ ผลจาก ยัดเยียด พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 57.60) การศึกษา พบว่า สื่อเทคโนโลยีเสมือนจริงส่งเสริมการ อายุอยูร่ ะหว่าง 21-30 ปี (รอ้ ยละ 66.40) ระดบั การศึกษา เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษประกอบด้วย 4 Markerตาม ระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 80.80) ใช้โทรศัพท์ในการ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ Rabbit Cat Fish Dog และ เข้าถึงและอ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (ร้อยละ 96.80) Bird ไ ด ้ น ำ เ ส น อ ใ น ร ู ปแ บ บ Augmented Reality และใชร้ ะบบปฏบิ ตั ิการ Android (ร้อยละ 69.60) แสดงผลรูปแบบ 3 มิติ ผลจากการประเมินคุณภาพจาก ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน ในภาพรวมพบว่า มีความพึง จากตารางที่ 2 พบวา่ ความพงึ พอใจของผู้บริโภค พอใจอยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีตอ่ ท่มี ตี ่อเทคโนโลยีเสมอื นจริงบนฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุ เทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุภณั ฑ์ ภัณฑ์โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยผู้บริโภคมีความรู้ อยู่ในระดับมากทำให้ผูบ้ รโิ ภครับรู้ข้อมูลเก่ียวกับประวัติ เกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หอมทองยัดเยียด ความเป็นมา การผลิต ซึ่งเทคโนโลยีเสมือนจริงสามารถ เพิ่มขึ้นหลังจากรับข้อมูลผา่ นเทคโนโลยีเสมือนจริง โดย แสดงรายละเอียดผ่านฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ขนาดและภาพเสมือนจรงิ มคี วามเหมาะสมมากทีส่ ุด โดยแตกต่างจากจากแบบเดิมที่ผู้บริโภครับรู้ได้น้อย การ น ำ เ ท ค โ น โ ล ย ี เ ส ม ื อ น จ ร ิ ง ม า ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ใ ช ้ ท ำ ใ ห ้ เ พ่ิ ม 6. อภิปรายผลการวจิ ยั ประสบการณ์การรับรู้ โดยใช้จุดเด่นของเทคโนโลยี การพฒั นาเทคโนโลยีเสมือนจริงเพอ่ื จดั จำหน่าย เสมือนจริง ทำให้เห็นข้อมูลจริงหรือเสมือนจริงบน หน้าจอที่หลากหลาย สามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้ทันที ซ่ึง ผลิตภัณฑ์กล้วยกรอบ มีความพึงพอใจต่อผู้บริโภคและ สอดคล้องกับแนวคิดการตลาดเชิงประสบการณ์ การ ผู้ประกอบการในระดับมากทั้งนี้เกิดจาก สื่อสารการตลาดเพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่าย ทำให้ กระบวนการพฒั นาผู้วจิ ยั ได้แบ่งการทำงานเปน็ ขั้นตอนท่ี ผู้บรโิ ภคร้สู กึ มีส่วนรว่ ม สัมผสั ได้จากประสาทสมั ผัส เช่น ชัดเจน 3 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นตอนการออกแบบ Marker ฉลาก การมองเห็น การไดย้ ิน ทำให้เกดิ แรงจงู ใจในการตดั สนิ ใจ ผลติ ภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ 2) ขนั้ ตอนการสรา้ งวิดโี อ และ 3) ซ้อื เกดิ ทศั นคติและความรสู้ กึ ดา้ นบวกต่อผลติ ภณั ฑ์ ขั้นตอนการนำโปรแกรมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต และ พบว่าเทคโนโลยีเสมือนจริงแสดงผลบนฉลากผลิตภัณฑ์ 7. สรุป และบรรจุภัณฑ์โดยสามารถอ่านสัญลักษณ์และแสดงผล เทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลากผลิตภัณฑ์และ เสมือนจริงผ่านรูปแบบวิดีโอโดยใช้แอพพลิเคชั่นเลยา (Layar) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ อัฉราวุฒิ ศรีประ บรรจุภัณฑ์สามารถอ่านสัญลักษณ์และแสดงผลเสมือน ไหมและพจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ (2560) ได้ศึกษาวิจัย จริงผ่านรูปแบบวิดีโอโดยใช้แอพพลิเคชั่นเลยา (Layar) เรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงส่งเสริมการ และความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มตี ่อการส่งเสรมิ การจัด ท่องเที่ยววัดมหาธาตุ ผลการศึกษาพบว่า เทคโนโลยี จำหน่ายด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงผู้บริโภคมีความพึง เสมือนจริงส่งเสริมการท่องเที่ยววัดมหาธาตุสุโขทัย พอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากส่งผลให้ผู้บรโิ ภครู้สึกมสี ่วน ได้ผลลัพธ์ 3 อย่าง คือ Maker โมเดล และแอพพลิเคชั่น ร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ เกิดแรงจูงใจ การ AR Sukhothai วัดมหาธาตุสุโขทัยจำนวน 8 แบบได้แก่ ตดั สนิ ใจซื้อ เกดิ ทัศนคตแิ ละความร้สู ึกดา้ นบวก เจดีย์ประธาน พระวิหารหลวง พระวิหารคือ เจดีย์ ประธาน พระวิหารหลวง พระวิหารสูง พระอุโบสถ มณฑปพระอัฏฐารศ เจดีย์ทรงระฆัง เจดีย์ห้ายอด และ 60

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, หริพล ธรรมนารกั ษ,์ หนา้ 53-61 กติ ติกรรมประกาศ [6] รตวิ ัลย์ วัฒนสนิ . (2555). การสง่ เสรมิ การขายที่มี การวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีโดยการสนับสนุนจาก ประสิทธิภาพในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่: มุมมอง ของผู้บริโภคและผู้บริหาร. วารสารวิจัย หลายฝ่าย คณะผู้วิจัยขอขอบคณุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต. 8(2) : 153-173. ราชมงคลล้านนา ภายใต้ทุนวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP (OTOP Mentor) ท่สี นบั สนนุ เงนิ ทุนวจิ ยั วสิ าหกจิ [7] วรสุวิชช์ โพธิสัตย์. (2561). บริบทและแนว ชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียด บ้านปางป้อมเหนือ ทางการดำเนนิ การธุรกจิ ท่องเที่ยวดจิ ิทลั . วารสาร ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา คุณอชิรา ปัญญาฟู รัชต์ภาคย์. 12(26) พฤษภาคม-สิงหาคม : 255- ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองยัดเยียด 269. รวมถึงคุณภัทราวรรณ รวมจิตร ที่อำนวยความสะดวก และให้ข้อมลู ในการพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงบนฉลาก [8] อริสรา ไวยเจริญ. ( 2557). การโฆษณากับ และบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์กล้วยกรอบและผู้มีส่วนร่วมใน พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล. วารสารนิเทศ การวจิ ยั คร้งั น้ี ศาสตร์ธุรกิจบณั ฑติ ย์. 1: 11-35. เอกสารอา้ งองิ [9] อัฉราวุฒิ ศรีประไหมและพจน์ศิรินทร์ ลิมปิ [1] กอ้ งเกียรติ วจิ ิตขจี. (2558). การพัฒนาการพฒั นา นันทน.์ (2560). การพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริง เทคโนโลยีเสมือนจริงส่งเสริมการเรียนรู้ศัพท์ ส่งเสริมการ. ท่องเที่ยววัดมหาธาตุ. The 5th ภาษาองั กฤษ. ปรญิ ญานพิ นธ์วิทยาศาสตร์บัณฑิต ASEAN Undergraduate Conference in ส า ข า เ ท ค โ น โ ล ย ี ม ั ล ต ิ ม ี เ ด ี ย แ ล ะ แ อ น ิ เ ม ชั น Computing (AUC2): 44-48. มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม. [2] ชลิดา อู่ผลเจริญ. (2559). การวิเคราะห์ปัจจัย [10] Azuma, R. T. (1997). A survey of augmented การตลาดเชิงประสบการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีความ reality. In Presence. Teleperators and จริงเสริมผ่านแคมเปญสื่อสารการตลาด. วารสาร Virtual Environments. 6(4), 355-385. นเิ ทศศาสตร์และนวตั กรรม นดิ า้ . 3(2) ก.ค.- ธ.ค.: 1-27. [11] Jiravarapong B. ( 2010) . AR: Augmented [3] นุชเนตร จักรกลม. (2557). แนวโน้มนวัตกรรม Reality. Journal of Education Naresuan และบรรจุภัณฑ.์ อตุ สาหกรรมสาร, 5-7. University. 12(3):189-194. (in Thai) [4] พนิดา ตันศิริ. (2553). โลกเสมือนผสานโลกจริง Augmented Reality. Executive Journal. [12] P. Butler. (2013). Smart and interactive (Online). มหาวิทยาลัยกรงุ เทพ. : 169-173. packaging developments for enhanced [5] พันธุ์ทิพย์ภา หอมสร้อยและคณะ. (2559). การ communication at the packaging/ user สื่อสารสร้างความผูกพันระหว่างผู้บริโภคกับ interface. Woodhead Publishing Limited. อาหารสำเร็จรูปบรรจุห่อผ่านเทคโนโลยีเสมือน จริง. วารสารการประชุมวิชาการระดับชาติและ [13] Schmitt, B.H. (1999). Experiential Marketing: นานาชาติครัง้ ที่ 23 มิถนุ ายน 2559 มหาวทิ ยาลัย How to Get Customers to Sense, Feel, หาดใหญ.่ Think, Act, and Relate to Your Company and Brands. New York: Free Press. 61

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรีดา เสมา, หน้า 62-68 รูปแบบการพฒั นาสถาบนั เครอื ขา่ ยดว้ ยกระบวนการสอนแบบ STEM กรณีศึกษาโรงเรียนนครชมุ พิทยา รัชมังคลาภเิ ษก ประเทยี บ พรมสีนอง1 , แมน ฟกั ทอง2, ไพบลู ย์ สวนพันธุ์3, ศกั ด์ิสิทธ์ิ ช่ืนชมนาคจาด4 และปรีดา เสมา5* มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา พษิ ณโุ ลก ตำบลบา้ นกรา่ ง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณโุ ลก รหัสไปรษณีย์ 65000 รับบทความ 30 ตุลาคม 2561 ตอบรับบทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพร่ออนไลน์ 15 มิถุนายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบและประเมินผลการพัฒนาสถาบันเครือข่ายด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM โดยรูปแบบการพัฒนาสถาบนั เครือข่ายด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM แบ่งขั้นตอนการดำเนินงานประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1) สร้างความเข้าใจ ระยะที่ 2) ให้การส่งเสริม ระยะที่ 3) ดำเนินการสอน และระยะที่ 4) วัดและ ประเมินผล ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ พบวา่ มีคา่ เฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด (������̅=4.55, S.D.=0.51) เม่ือ พจิ ารณาเปน็ รายข้อพบวา่ ส่วนใหญผ่ ลการประเมินมคี า่ อยูใ่ นระดับมากท่ีสุด นอกจากนี้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรียนท่ี ส่งเสรมิ มคี ่าเฉล่ียสูงกว่าก่อนการสง่ เสริม โดยทีค่ รูผ้สู อนมคี วามพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับมากที่สุด (������̅ =4.83, S.D.=0.29) และผู้บริหารสถานศกึ ษามคี วามพึงพอใจตอ่ การดำเนินงานพบว่ามคี า่ เฉล่ียรวมอยู่ในระดบั มากท่ีสุด (������̅ =4.76, S.D.=0.33) คำสำคญั : การสอนแบบ STEM , การพัฒนาสถาบันเครือขา่ ย Email: [email protected] 62

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรีดา เสมา, หนา้ 62-68 The Development model of Institute Network with STEM Teaching Process: Nakornchumphittaya School Case study Prataeb promsinong1, Man Fakthong2 Paiboon Sounpan3 Saksit Chuenchomnakjad4 and Preda Sama5* Rajamungalalanna phitsanulok University District Mung Province Phitsanulok 65000 Receive: 30 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract The purposes of this research were to develop and to evaluate the model of institute network development through STEM teaching process. The model of network development through STEM teaching process was divided into four stages of operation such as, 1) Understand phase 2) Promote phase 3) Implement teaching phase and 4) Measure and evaluate phase. The results of the assessment of the suitability of the model showed the overall mean average at the highest level (������̅=4.55, S.D.=0.51). In the individual case, it was found that most of the results were at the highest level. Moreover, the academic achievement of students was higher than before using this promotion. The teachers were satisfied with teaching and learning at the highest level (������̅ =4.83, S.D.=0.29) and the school administrator was satisfied with the operation at the highest level (������̅ =4.76, S.D.=0.33). Keyword : STEM teaching, institute network development 63

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรีดา เสมา, หน้า 62-68 1. ความเป็นมาและความสำคญั เรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องการผู้เรียนส่วนใหญ่ต้องการให้ นโยบายของรัฐบาลให้มีการส่งเสริมสนับสนุน ครูผู้สอนเน้นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติ เนื่องจากการลงมือปฏิบัติทำให้ผู้เรยี นทำงานได้จริง และ ก า ร พ ั ฒ น า ค ุ ณ ภ า พ ก า ร ศ ึ ก ษ า ท ้ อ ง ถ ิ ่ น โ ด ย มี นำไปใช้ในการประกอบอาชีพต่อไปได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส ถาบ ันอุดมศ ึกษ าเป ็นพี่เล ี้ยง โ ดยมุ่ง เน้นให้ นักเรียนมีความต้องการพัฒนาวิชาชีพ ซึ่งมีความ สถาบันอุดมศึกษานำความรู้ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ สอดคล้องกับการผลิตบัณฑิตของ มทร. ล้านนา ที่เน้น ของบุคลากร ทรัพยากร และเทคโนโลยีไปช่วยพัฒนา บณั ฑติ นักปฏบิ ตั ิ ดงั น้ันการดำเนนิ การวิจัยพัฒนาสถาบัน คุณภาพการศึกษาให้กับโรงเรียนที่เปิดสอนระดับ เครือข่ายด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM ของโรงเรียน การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานด้วยการพัฒนาศกั ยภาพครูในการจัด นครชุมพิทยารัชมังคลาภิเษก จึงเปน็ การพัฒนาผูเ้ รียนให้ กิจกรรมในการเรียนการสอนใหส้ อดคล้องกับรูปแบบการ มีความพร้อมเพือ่ กา้ วสู่การประกอบอาชีพและการศึกษา เรียนการสอนที่หลากหลาย ให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นร้ผู ่าน ระดับอุดมศึกษาในอนาคต อันเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มี การทำกิจกรรมมากกว่าการเรียนทฤษฎีในห้องเรียนเพียง คุณลักษณะอันพึงประสงค์สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ อย่างเดียว เพื่อให้การขบั เคล่ือนนโยบายการเรยี นรู้สู่การ การศึกษาแห่งชาติที่เน้นผู้เรียนเป็น คนดี คนเก่ง และ ปฏิบัติอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ เป็นการพฒั นาผเู้ รียนให้พร้อม นำไปสู่การเป็นทรัพยากรบุคลอันมคี ุณภาพท่ีดีในอนาคต เข้าสู่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สอดคล้องกับ หลาย ตอ่ ไป ประเทศท่ีเป็นผู้นำด้านการศึกษาของโลกที่เห็นพ้องกันกับ แนวคิดสำคัญในศตวรรษที่ 21 การศึกษายุคใหม่ซึ่งมี 2 วัตถุประสงค์ของการวจิ ยั แนวทางการศึกษาที่ได้บูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์ 2.1 เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาส ถาบัน วิชาต่างๆ รวมเข้าด้วยกันเรียกว่าสะเต็มศึกษา (STEM Education) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีการบูรณาการ เครอื ขา่ ยดว้ ยกระบวนการสอนแบบ STEM ระหว่างสาขาวิชาให้มีความเชื่อมโยงกับชีวิตจริงในการ 2.2 เพื่อประเมินผลการดำเนินตามรูปแบบการ ดำรงชีวิตหรือการ ประกอบอาชีพเพื่อให้ผู้เรียนเห็น ความสำคญั ของการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ พฒั นาสถาบันเครือข่ายดว้ ยกระบวนการสอนแบบ STEM เทคโนโลยี ในช้นั เรียนกบั บรบิ ทโลกของความเปน็ จรงิ เกดิ ทักษะสำคัญเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมและการนำมา ซ่ึง 3. วธิ ีการดำเนนิ การวจิ ัย การพัฒนาส่ิงใหม่ ๆ หรือนวัตกรรม โดยนำสิ่งท่ีเรียนรู้ใน วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ระบบโรงเรียนไปใช้แกป้ ัญหาในชีวิตประจำวัน ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ไดแ้ ก่ 1.สร้างรปู แบบการพฒั นาสถาบันเครือข่ายด้วย โรงเรียนนครชุมพิทยารัชมังคลาภิเษก เป็น โรงเรียนมธั ยมศกึ ษาที่อยู่ห่างไกลจากจังหวดั พษิ ณโุ ลกเปน็ กระบวนการสอนแบบ STEM ระยะทาง 120 กม.พื้นที่โดยรอบของโรงเรียนเป็นภูเขา 2.ด ำ เ น ิ น ต า ม ร ู ป แ บ บ ก า ร พ ั ฒ น า ส ถ า บั น ล้อมรอบทำให้การเดินทางค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการ จดั การเรียนการสอนของครูยงั ต้องมีการพัฒนาเพ่ือให้ทัน เครือข่ายด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM 3. ต่อการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 จากการสอบถามครูผู้สอน ประเมินผลการดำเนินตามรูปแบบการพัฒนาสถาบัน พบว่าจัดการเรียนรู้ส่วนใหญ่เป็นการบรรยายทำให้การ เครอื ขา่ ยด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM เรยี นรกู้ ารสอนความนา่ สนใจ ทำใหเ้ กดิ ความเบ่ือหน่ายใน การเรียน และจากการสอบถามผู้เรียนถงึ แนวการ จดั การ โดยแต่ละขน้ั ตอนมกี ารดำเนนิ งานวิจัยดังนี้ 3.1 สร้างรูปแบบการพัฒนาสถาบนั เครือข่าย ด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM การสร้างรูปแบบการดำเนินงานประกอบด้วย 4 ระยะ ดังแสดงในรูปที่ 1 64

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรีดา เสมา, หนา้ 62-68 รูปท่ี 1 การสร้างรปู แบบการดำเนนิ งาน จากรูปท่ี 1 ขั้นตอนการดำเนนิ งานตามรปู แบบ ประกอบด้วย 4 ระยะ ไดแ้ ก่ ระยะท่ี 1) สรา้ งความเข้าใจ รปู ท่ี 2 การสง่ เสริมการดำเนินงาน ระยะที่ 2)ให้การส่งเสริม ระยะที่3) ดำเนินการสอน และ ระยะที่ 4) วัดและประเมินผล หลังจากการสร้างรปู แบบ รปู ที่ 3 ผสู้ อนดำเนินการจัดการเรียนการสอน/ ฯ คณะผู้วิจัยได้นำรูปแบบการดำเนินงานไปให้คณะ การจำหนา่ ยผลผลิตและเกษตรกรศกึ ษาดงู าน ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน จำนวน 12 ท่าน ทำการประเมินความระดับความ เหมาะสมในการดำเนนิ งานตามรปู แบบ 3.2 ดำเนินตามรูปแบบการพัฒนาสถาบัน เครือขา่ ยด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM ระยะที่ 1 สร้างความเขา้ ใจ ในการดำเนินงานตามรูปแบบฯ จะต้องมีการ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการ ประกอบด้วยคณะกรรมการดำเนินงานฝ่ายต่างๆ เพื่อ ดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยค วาม เรยี บร้อย จากน้นั ดำเนินการสำรวจหาแนวร่วม เพอ่ื ชี้แจง วตั ถุประสงคก์ ารดำเนินงานตามรปู แบบฯ ระยะที่ 2 ใหก้ ารส่งเสริม ในการดำเนินการให้การสง่ เสริมเป็นการพฒั นา ความรู้แก่ครูผู้สอน โดยการฝึกอบรมให้ความรู้เพื่อนำ ความรู้ ทักษะ นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนสนับสนุนวสั ดุอุปกรณ์ประกอบการจัดเรียนการ สอน ซ่งึ วสั ดุที่ดำเนินการในครั้งนีเ้ ปน็ โรงเรอื นขนาด 8x12 เมตร พร้อมอุปกรณ์ปลูกในการปลูกผักไฮโดรปอนิกส์ ตามแผนการสอนทีค่ รูผู้สอนกำหนดไว้ ดงั แสดงในรูปท่ี 2 ระยะที่ 3 ดำเนินการสอน ในระยะนี้ครูผู้สอนนำความรู้และอุปกรณ์ ประกอบการเรียนการสอน จากการดำเนินงานในระยะท่ี 2 มาดำเนินการ โดยมี คณะทำงานของ มทร.ล้านนา พษิ ณุโลก ติดตามให้ขอ้ แนะนำในการดำเนนิ งานในระยะนี้ เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนดำเนินการเป็นไปด้วย ความเรยี บรอ้ ย ดงั แสดงในรปู ที่ 3 จากภาพที่ 3 ผลการดำเนินงานในการจัดการ เรียนการสอนทำให้ได้ผลผลิตเป็นผักที่ปลอดสารพิษ เนื่องจากเป็นการปลูกในมุ้ง และนักเรียนสามารถนำเอา ผลผลิตจากการดำเนินงานไปจำหน่ายในแหล่งชุมชนเป็น 65

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรดี า เสมา, หนา้ 62-68 การสร้างรายได้ ทำใหม้ ีเงินหมนุ เวยี นในการดำเนินการใน ตารางท่ี 1 ผลการประเมินความระดบั ความเหมาะสมของ การดำเนนิ งานในรอบต่อไป นอกจากนที้ ำใหโ้ รงเรียนเป็น แหล่งเรียนรู้ของชุมชนในการปลูกผกั แบบปลอดสารพษิ รปู แบบ (N=12) ระยะที่ 4 วัดและประเมนิ ผล ข้อ ่ีท ประเด็นการประเมิน ������̅ S.D. ร ะ ดั บ ในการวัดและประเมินผล พิจารณาจาก คณุ ภาพ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และประเมินระดับ ความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตาม 1 ระยะท่ี 1 สรา้ งความเขา้ ใจ 4.67 0.49 มากทส่ี ดุ รูปแบบฯ เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลในการปรับปรุงการ ดำเนินการในคร้งั ตอ่ ให้มีความสมบูรณม์ ากยงิ่ ข้ึน 2 ระยะที่ 2 ให้การสง่ เสริม 4.42 0.51 มาก 4. ผลการวิจยั 3 ระยะที่ 3 ดำเนนิ การสอน 4.58 0.51 มากท่ีสดุ 4.1 ผลการประเมินระดับความเหมาะสม 4 ระยะที่ 4 วดั และประเมินผล 4.50 0.52 มากทส่ี ุด รปู แบบ ดังแสดงในตารางที่ 1 จากตารางที่ 1 ผลการประเมินความเหมาะสม 5 เป็นรูปแบบที่สามารถนำไป 4.58 0.51 มากที่สดุ ปฏิบตั ใิ หบ้ รรลุผลได้ ของรูปแบบฯ พบว่ามีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (������̅=4.55, S.D.=0.51) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าส่วน เฉล่ียรวม 4.55 0.51 มากที่สดุ ใหญ่ผลการประเมินมีค่าอยู่ในระดับมากที่สดุ มีเพียงข้อที่ 2 การดำเนินงานในระยะที่ 2 ให้การส่งเสริมผลการ ตารางท่ี 2 ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนักเรยี น ประเมินมีคา่ อยู่ในระดับมาก (������̅=4.55, S.D.=0.51) เพียง ข้อเดียว ปกี ารศึกษา N ������̅ S.D. 4.2 ผลการประเมินการดำเนนิ งานตามรูปแบบ หลงั สง่ เสรมิ ปี 2560 24 78.20 4.61 ฯ พิจารณาจาก 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 2) ความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อการจดั การเรียนการ กอ่ นสง่ เสรมิ ปี 2559 21 72.48 3.78 สอน 3)ความพึงพอใจของครูผู้สอนมีต่อการจัดการเรียน การสอน และ 4) ความพึงพอใจของผู้บริหารสถานศกึ ษา ตารางท่ี 3 ความพึงพอใจของนกั เรยี นทม่ี ีตอ่ การจัดการ ทมี่ ีตอ่ การดำเนนิ งาน โดยมรี ายละเอียด ดงั ต่อไปนี้ เรยี นการสอน 4.2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเม่อื เปรียบเทียบกับกลุ่มนักเรียนปีการศึกษา2559 ก่อนการ ประเด็นการประเมนิ ������̅ S.D. ความพงึ พอใจ ดำเนินการสง่ เสริม ดงั แสดงในตารางท่ี 2 ดา้ นสาระการเรียนรู้ 0.24 มากที่สดุ จากตารางที่ 2 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 0.48 มาก ของนักเรียนที่ส่งเสรมิ ในปีการศึกษา 2560 มีค่าเฉลี่ยสงู 1. เนอ้ื หาสาระท่ีเรยี นไมย่ ากเกินไป 4.58 0.45 มากทส่ี ุด กวา่ กอ่ นการส่งเสรมิ ในปกี ารศกึ ษา 2559 0.39 มากทส่ี ุด 2. ความตอ่ เนื่องเนอื้ หาในการเรียน 4.36 4.2.2 ผลความพึงพอใจของนักเรยี นที่มตี ่อการ 0.40 มากทส่ี ุด จดั การเรยี นการสอน แสดงในตารางที่ 3 3. สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั 4.74 0.52 มากทีส่ ุด 0.23 มาก เฉลีย่ ดา้ นสาระการเรียนรู้ 4.56 0.53 มากที่สุด 0.58 มากที่สุด ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 0.28 มากที่สุด 0.32 มากทส่ี ุด 4. ได้มีการคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง 4.72 0.41 มากทส่ี ดุ 5. ทำให้ทา่ นมีการทำงานเป็นทมี 4.54 0.50 มากทสี่ ดุ 6. ทำใหท้ ่านเรยี นอย่างมคี วามสขุ 4.35 0.62 มากที่สุด 0.56 มากที่สุด 7. ช่วยฝึกการคดิ อย่างมีเหตผุ ล 4.78 0.43 มากท่สี ดุ 8. ทำให้ทา่ นมีทักษะในการปฏิบตั งิ าน 4.60 9. ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อทำงานหรือ 4.52 ศกึ ษาตอ่ 10. ครูผู้สอนมที กั ษะการสอน 4.76 เฉลี่ยดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.61 ด้านสือ่ การเรยี นการสอน 11. ครูผู้สอนใชส้ ือ่ -อุปกรณท์ ำใหก้ ารเรยี น 4.80 ทน่ี ่าสนใจ 12. มีสื่อ-อุปกรณ์การเรียนการสอน 4.66 เพยี งพอตอ่ การเรยี นของนักเรียน เฉล่ียด้านส่อื การเรียนการสอน 4.73 เฉลี่ยรวม 4.62 66

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรีดา เสมา, หนา้ 62-68 ตารางที่ 4 ความพึงพอใจของครูผู้สอนมีต่อการจัดการ จากตารางที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการจัดการเรียนการสอน พบว่ามีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ใน เรยี นการสอน ระดับมากที่สุด(������̅ =4.62, S.D.=0.43) และเมื่อพิจารณา เป็นรายด้านพบว่าทุกด้านนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ใน ประเด็นการประเมิน ������̅ S.D. ความพงึ ระดับมากที่สุด 5.00 พอใจ 1. การสนบั สนุนวสั ดปุ ระกอบการเรยี นรู้ 4.67 4.2.3 ผลความพึงพอใจของครูผู้สอนมีต่อการ 2. การเปน็ พเ่ี ล้ยี งโดยคณะอาจารย์ มทร. 5.00 0.00 มากทส่ี ดุ จัดการเรยี นการสอน แสดงในตารางที่ 4 ลา้ นนาพิษณุโลก 0.58 มากทส่ี ุด 3. การให้ข้อเสนอแนะของคณะอาจารย์ 4.57 0.00 มากทส่ี ดุ จากตารางท่ี 4 ผลความพึงพอใจของครูผู้สอนมี มทร.ล้านนาพิษณุโลก ต่อการจัด 5.00 ต่อการจัดการเรียนการสอน พบว่ามีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ใน กิจกรรม 4.93 0.00 มากทส่ี ุด ระดบั มากที่สดุ (������̅ =4.83, S.D.=0.29) 4. ทักษะของนกั เรยี นในการจัดการเรียน 4.83 0.00 มากท่สี ดุ และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านนักเรียนมี การสอน 0.58 มากทสี่ ุด ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ 5. การติดต่อประสานงานระหว่าง 4.67 0.58 มากทสี่ ุด โรงเรยี นกับ มทร.ล้านนา พษิ ณโุ ลก 4.83 4.2.4 ผลความพงึ พอใจของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา 6. องค์ความรู้ที่ได้จากการจัดกิจกรรม 0.58 มากที่สดุ ทมี่ ีต่อการดำเนินงาน แสดงในตารางที่ 5 การเรียนการสอน 0.29 มากทีส่ ุด 7. การพฒั นาความรู้ของนักศกึ ษาร่วมกนั จากตารางที่ 5 ความพึงพอใจของผู้บริหาร ระหว่างโรงเรียนนครชุมฯ กับ มทร. สถานศึกษาทีม่ ีต่อการดำเนินงาน พบว่ามีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ ลา้ นนา พิษณโุ ลก ในระดับมากที่สุด(������̅ =4.76, ฆS.D.=0.33) และเมื่อ 8. การดำเนินงานร่วมกับ มทร.ล้านนา พิจารณาเป็นรายข้อพบว่าส่วนใหญ่ผู้บริหารมีความพึง พิษณุโลก ในงบประมาณปีต่อไป พอใจอยู่ในระดับมากที่สดุ มีเพียงข้อที่ 2 การเป็นพี่เลี้ยง โดยคณะอาจารย์ มทร.ล้านนา พิษณุโลกผู้บริหารมคี วาม เฉลีย่ รวม พึงพอใจอยู่ในระดบั มาก ตารางที่ 5 ความพงึ พอใจของผู้บรหิ ารสถานศึกษาที่มีต่อ 5. สรุปผลการวิจยั และ 5.1 สรปุ ผลการวจิ ัย รปู แบบการพฒั นาสถาบัน การดำเนนิ งาน เครือข่ายด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM ขั้นตอนการ ประเดน็ การประเมนิ ������̅ S.D. ความพงึ ดำเนินงานตามรปู แบบประกอบดว้ ย 4 ระยะ ได้แก่ ระยะ พอใจ ท่ี 1) สรา้ งความเข้าใจ ระยะที่ 2)ใหก้ ารส่งเสริม ระยะที่ 1. การสนับสนุนวัสดุประกอบการเรียน 5.00 3) ดำเนนิ การสอน และระยะที่ 4) วดั และประเมนิ ผล ผล การสอนโดย มทร.ล้านนา พษิ ณโุ ลก 4.33 0.00 มากทส่ี ุด การประเมนิ ความเหมาะสมของรปู แบบฯ พบว่ามคี ่าเฉลี่ย 4.67 0.58 มาก รวมอยู่ในระดับมากที่สุด (������̅=4.55, S.D.=0.51) เมื่อ 2. การเป็นพเี่ ล้ยี งโดยคณะอาจารย์ มทร. 0.58 มากที่สดุ พิจารณาเปน็ รายข้อพบวา่ สว่ นใหญผ่ ลการประเมินมีค่าอยู่ ลา้ นนาพษิ ณโุ ลก 4.67 ในระดับมากท่สี ุดมเี พียงข้อที่ 2 การดำเนินงานในระยะท่ี 4.67 0.58 มากที่สุด 2 ให้การส่งเสริมผลการประเมินมีค่าอยู่ในระดับมาก 3. การให้ข้อเสนอแนะของคณะอาจารย์ 0.58 มากทสี่ ุด (������̅=4.55, S.D.=0.51) เพยี งข้อเดียว ซง่ึ ผลความพึงพอใจ มทร.ลา้ นนาพิษณโุ ลก ตอ่ การจดั กจิ กรรม 5.00 ของครูผู้สอนมีต่อการจัดการเรียนการสอน พบว่ามี การเรียนรู้ 5.00 0.00 มากที่สดุ ค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด(������̅ =4.83, S.D.=0.29) 4.76 0.00 มากท่ีสุด 4. ทกั ษะของนกั เรยี นในการจดั การเรียน 0.33 มากทส่ี ดุ การสอน 5. การพฒั นาความรู้ของนกั ศกึ ษารว่ มกัน ระหว่างโรงเรียนนครชุมฯ กับ มทร. ล้านนา พิษณโุ ลก 6. การติดต่อประสานงานของคณะ อาจารย์ มทร.ลา้ นนา พิษณโุ ลก 7. การดำเนินงานร่วมกับ มทร.ล้านนา พษิ ณโุ ลก ในงบประมาณปตี อ่ ไป เฉลยี่ รวม 67

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปรดี า เสมา, หนา้ 62-68 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านนักเรียนมี วารสารพัฒนาเทคนิคศึกษา มหาวิทยาลัยพระ จอมเกล้าพระนครเหนอื .2561 ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยที่ผู้บริหาร [3] นัสรินทร์ บือซา. ผลการจัดการเรียนรู้ตาม สถานศึกษามีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานพบว่ามี แนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) ที่มี ค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ������̅ ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชีววิทยา ความสามารถในการแก้ปัญหาและความพึง =4.76,S.D.=0.33) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า พอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้น สว่ นใหญผ่ บู้ รหิ ารมคี วามพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ มัธยมศึกษาปีที่ 5.มหาวิทยาลัยสงขลาน ครินทร.2558. 5.2 ขอ้ เสนอแนะ [4] ปรียานุช มานุจาํ และ อุทศิ อินทรป์ ระสทิ ธิ์. ผล 5.2.1 การส่งสถาบันเครือข่ายเป็นการนำองค์ การจัดการเรยี นรูโ้ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐานเช่ือมโยง กับ แนวคิดของสะเต็มศึกษาต่อการคิด ความรู้ของคณะครูอาจารย์ที่สังกัดในมหาวิทยาลัยฯ ลง ไตร่ตรอง. มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธาน.ี 2560 ไปสู่โรงเรียนเครือข่ายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความพร้อม [5] ขนิษฐา จิตอรุณ. เทคนิคการฝึกอบรมและ ประชุม. กรุงเทพมหานคร : มณฑลการพิมพ์, หรือตัดสินใจที่จะเข้าศึกษาต่อในระดบั ทีส่ ูงขึ้น ตลอดจน 2540 เป็นการพัฒนาตัวป้อนของมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งจากการ [6] เครือวัลย์ ลิ่มอภิชาต. หลักและเทคนิคการ จัดการฝึกอบรมและพัฒนา. กรุงเทพฯ : สยาม ดำเนินการร่วมกบั โรงเรียนนครชุมพิทยา รัชมังคลาภเิ ษก การพิมพ์, 2531. มีนักเรียนสมัครเข้าศึกษาต่อ มทร. ล้านนา จากการ [7] ธานินทร์ ศิลป์จารุ. การวิจัยและวิเคราะห์ ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS. พิมพ์ครั้งท่ี 3. ดำเนินการพัฒนาสถาบันเครือข่ายจำนวน 6 คน ดังนั้น กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์วี อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด, 2548 การดำเนินการพัฒนาสถาบันเครอื ขา่ ยควรมีการขยายผล [8] Best, John W. Research in Education. ในการดำเนินการกับกลุ่มสถาบันการศึกษาอื่นๆ เพื่อเพิม่ Eglewood Cliffs : Prentice-Hall, 1977. จำนวนนักศึกษาของมหาลัยฯ ในสถานการณ์ทีม่ ีการแย่ง นักเรียนเพอื่ เขา้ เรยี นต่อในแต่ละสถานศึกษา 5.2.2 ภาครัฐบาล ควรจัดสรรงบประมาณในการ ดำเนินการพัฒนาสถาบันเครือข่ายเนื่องจากบางโรงเรียน การจัดการเรียนการสอนในบางรายวิชาที่สอดคล้องกับ ชมุ ชนในท้องถิ่น ทางโรงเรยี นยงั ขาดวัสดุอปุ กรณ์ส่งเสริม การเรียนรทู้ ่ีตอ้ งอาศัยสถาบนั อดุ มศกึ ษา 5.2.3 สถาบันการศึกษาควรจัดรายวิชาการเรียนรู้ที่ สอดคล้องกับชุมชนในท้องถิ่นเพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพ ให้กับชุมชนและเปน็ การพัฒนาคณุ ภาพของผลิตภัณฑใ์ น ชุมชน บรรณานุกรม [1] กิ่งแก้ว อารีรักษ์ และคณะ การจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ สำนกั พมิ พิเ์ มธีทปิ ส์, 2548. [2] เพ็ญศรี ศรีสวัสดิ์ และคณะ. รูปแบบการจัด กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้โดยใช้ปัญหา เป็นฐานพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีส่ือสังคม 68

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ชนิ านาฏ วิทยาประภากร, หน้า 69-75 เทคโนโลยีไมโครนาโนบบั เบิล้ ในกระบวนการลา้ งกล้วยหอมทอง เพื่อลดการปนเปือ้ นของเชื้ออีโคไล ชนิ านาฏ วทิ ยาประภากร1,* วษิ ณุ ทองเลก็ 2 และ พรรณพร กุลมา3 1 สาขาวิทยาศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร 2 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, 128 ถ.ห้วยแก้ว ต.ช้างเผอื ก อ.เมอื ง จ.เชียงใหม่ 50300 3 สาขาวทิ ยาศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา, 59 ต.ฝายแก้ว อ.ภเู พยี ง จ.นา่ น 55000 รบั บทความ 30 ตลุ าคม 2561 ตอบรบั บทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพรอ่ อนไลน์ 15 มิถนุ ายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคัดยอ่ เทคโนโลยีฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโคร/นาโนเมตร ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัยและปลอดการใช้สารเคมี ในงานวิจัยนี้ได้นำเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลมาประยุกต์ใช้ใน กระบวนการล้างกล้วยหอมทองเพื่อยับย้ังเช้ืออีโคไล โดยใชน้ ้ำตวั อย่าง 3 ชนดิ เปรียบเทยี บกัน ไดแ้ ก่ 1) น้ำผ่านกระบวนการ ริเวิร์สออสโมซิส (RO) 2) น้ำแอร์ไมโครนาโนบับเบิ้ล (Air MNBs) 3) น้ำโอโซนไมโครนาโนบับเบิล้ (O3 MNBs) แช่ล้างกลว้ ย หอมทองนาน 10 นาที แล้วนำน้ำล้างไปวิเคราะห์หาเชื้ออีโคไลด้วยวิธี Dilution and spread plate method จากผล การศกึ ษาพบว่า ในน้ำ RO พบเชอ้ื อีโคไลท้งั กอ่ นแช่และหลงั แช่ลา้ งกล้วยหอมทอง ส่วนน้ำ Air MNBs และ นำ้ O3 MNBs ไม่ พบเชอ้ื อีโคไลทง้ั กอ่ นแชแ่ ละหลังแชก่ ล้วยหอมทอง จึงสรปุ ไดว้ ่าน้ำทผ่ี ่านกระบวนการทำให้เป็นฟองอากาศขนาดเล็กระดับไม โครและนาโนเมตรสามารถยับยั้งเชื้ออีโคไลได้โดยการแช่ล้างกล้วยหอมทองนาน 10 นาที ซ่งึ ถือว่าเปน็ แนวทางทมี่ ศี ักยภาพใน การศึกษาและพัฒนาต่อไป คำสำคญั : กล้วยหอมทอง ,เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบล้ิ , เช้ืออโี คไล Email: [email protected], โทร. 0 5392 1444 ตอ่ 2830 69

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ชินานาฏ วิทยาประภากร, หนา้ 69-75 Micro/Nano Bubbles Technology in Gold Banana Washing Process for Reduce E. coli Contaminate Chinanat Withayaprapakorn 1,* Vishnu Thonglek 2 and Phannaphon Kullama3 1 Faculty of Science and Agricultural Technology in Science, 2 Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna, Chiangmai 128 Huay Kaew Road, T. Changpuak, A. Muang Chiang Mai 50300 3 Faculty of Science and Agricultural Technology in Science, Rajamangala University of Technology Lanna 59 T.Faikaew. A. Phu Phiang, Nan 55000 Receive: 30 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract Micro/Nano Bubble Technology (MNBs Technology) has much attention in the past decade years which is safety and no chemicals method. In this research, the MNBs Technology was applied on the washing process of Gold banana to inhibit Escherichia coli (E. Coli). Comparison 3 types of water samples 1) Reverse Osmotic systems water (RO) 2) Air Micro/Nano Bubble water (Air MNBs) 3) Ozone Micro/Nano Bubble water (O3 MNBs) soaked Gold banana for 10 minutes. Then analyst E. coli by Dilution and spread plate method. It was found that E. coli was detected both before and after soaked in RO water. While E. coli was non detected both before and after soaked in Air MNBs and O3 MNBs water. It can concluded that MNBs water completely inhibit E. coli during washing process by soaked for 10 mins. That is potential results for approach to study and develop in the further work. Keywords: Gold Banana, Micro/Nano Bubble Technology, E. coli 70

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ชนิ านาฏ วทิ ยาประภากร, หนา้ 69-75 1. บทนำ หรือผักดิบ ปรุงไม่สุก รวมถึงนมและน้ำที่ไมผ่ า่ นกรรมวิธี ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้การ ดว้ ยมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนาได้ ปนเปื้อนของเชื้อโรคจากอุจจาระสู่อาหารและน้ำ อาจ เกิดขึน้ ไดร้ ะหวา่ งการเตรยี มและการปรุงอาหารได้เช่นกนั เล็งเหน็ ถึงปัญหาทีพ่ บในผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรมของชมุ ชน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประยุกต์ใช้ ที่ ไม่สามารถเข้าสู่ช่องทางการตลาดในปัจจุบันได้ จึง เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลในกระบวนการล้างกล้วย หอมทองเพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไล กรณีศึกษา ได้จัดทำโครงการเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก กล่มุ วิสาหกจิ กล้วยหอมเมืองแกน อำเภอแม่แตง จังหวัด เชียงใหม่ เนื่องจากมีโอกาสปนเปื้อนเชื้ออีโคไลใน สำหรับเกษตรกรพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วยพืชหลัก กระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน การ ตดั การเก็บ การขนสง่ และกระบวนการล้าง สำคัญ 5 อย่าง ได้แก่ กล้วยหอมทอง มะม่วง 2.วตั ถปุ ระสงค์ น้ำดอกไม้ กระเจี๊ยบเขียว สัปปะรด MD2 และขิง เพื่อ 2.1 เพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไมโครนา สนับสนุนเกษตรกรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โนบับเบล้ิ ในกระบวนการลา้ งกลว้ ยหอมทอง 2.2 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใ ช้ ตลอดจนเพ่ือถ่ายทอดเทคโนโลยงี านวิจยั จากนักวิจัยและ เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลในกระบวนการล้างกล้วย ผู้เชี่ยวชาญของ มทร.ล้านนา สู่เกษตรกร ให้ หอมทองเพอ่ื การลดการปนเปื้อนของเชอื้ อีโคไล เกดิ SMART FARMER และเพ่ือยกระดับพืชเศรษฐกจิ เพอ่ื 3. แนวคดิ ทฤษฎีที่เกย่ี วข้อง เทคโนโลยีฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโคร การสง่ ออกที่มีคณุ ภาพ และนาโนเมตรหรอื ทีม่ ักจะเรียกกันวา่ เทคโนโลยีไมโครนา กล้วยหอมทองจัดเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่ โนบับเบิ้ลเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาจากประเทศ ญี่ปุ่น โดยทำให้เกิดฟองแก๊สขนาดเล็กในวัสดุหรือสสาร สำคัญตามโครงการส่งเสริมการเกษตรอุตสาหกรรม ตวั กลาง เช่น นำ้ โดยฟองอากาศขนาดเล็กนจ้ี ะมปี ระจุลบ ล้อมรอบ ทำให้ฟองคงตัวอยู่ในน้ำได้นาน กระจายตัวใน ตน้ แบบ เกษตรปลอดภัย เกษตรอตุ สาหกรรม เกษตรซื้อ นำ้ ได้อยา่ งหนาแน่น สามารถประยุกตใ์ ชก้ บั แก๊สออกซิเจน โอโซนและคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้แก๊สเหล่านี้ละลาย ขายลว่ งหนา้ ภายใตค้ วามความร่วมมอื ของมหาวิทยาลัย ในน้ำได้มากกว่าค่าอิม่ ตวั ปกติหลายเทา่ และคงอยู่ไดน้ าน มีการรายงานการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีฟองแก๊ส เทคโนโลยี ราชมงคลล้านนา ตากและสภา ขนาดเล็กที่หลากหลาย เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีสะอาด ไมใ่ ชส้ ารเคมเี ช่น การล้างสารพษิ และจลุ ินทรีย์จากผักและ อุตสาหกรรมจังหวัดตาก ในโครงการ TAK Model [1]. ผลไม้ การบำบดั น้ำเสีย สปา การเกษตร การประมง เป็น ตน้ . ในการผลิตกล้วยหอมทองสู่ตลาด ยังพบปัญหาหลาย ประการ ตั้งแต่กระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยวและหลัง เกบ็ เกย่ี ว ปญั หาการปนเป้อื นของเช้ือจุลินทรยี ก์ ็เปน็ ปจั จัย ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพกล้วยหอม ทองทงั้ ตลาดในประเทศและเพอื่ การสง่ ออก ส่งผลกระทบ ตอ่ สุขอนามัยของผบู้ ริโภค โดยเฉพาะเชอื้ จุลนิ ทรีย์พื้นฐาน อย่าง เชน่ เช้ืออโี คไล เปน็ ต้น เชื้ออีโคไล (Escherichia coli, E. coli) เป็น แบคทีเรียชนิดหนึ่ง ปกติพบอาศัยอยู่ในทางเดินอาหาร ส่วนลำไส้ของคนและสัตว์ สายพันธุ์ที่ก่อโรคในคนได้ มี ตั้งแต่ที่ก่อโรคไม่รุนแรง เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะ อักเสบ และอาหารเป็นพิษ ไปจนถึงท่ีกอ่ โรครุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือด โดยปกติ แล้วจะพบเชอื้ อโี คไลไดใ้ นส่ิงแวดล้อมท่ัวไป โดยเฉพาะ ในมูลสัตว์ และส่วนใหญ่แพร่สู่คนได้ทางการรับประทาน อาหาร ผักผลไม้สดหรือเครอื่ งดื่มทมี่ เี ช้อื ปนเป้ือนอยู่ พบ เชือ้ ได้ในอาหารที่ได้รบั การปรุงไมถ่ ูกสขุ ลักษณะ เช่น เนื้อ 71

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ชนิ านาฏ วิทยาประภากร, หน้า 69-75 รูปที่ 1 แสดงลักษณะฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโคร 4.วิธีการวิจัย และนาโนเมตร (สืบค้นจาก jindanee.wordpress.com 4.1. การเตรยี มน้ำตัวอยา่ ง วันที่ 22 พฤศจกิ ายน 2561) เครื่องกำเนิดฟองแก๊สขนาดเล็กไมโคร วราภาและคณะรายงานประสทิ ธิภาพของน้ำท่ี นาโนบับเบิ้ล รุ่น KVM10 ออกแบบและผลิตโดยนักวิจัย มีฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโครเมตรในขั้นตอนการ ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านการประยุกต์ใช้ ล้าง ทำความสะอาดว่าสามารถลดปริมาณเชื้ออโี คไลและ ไ ฟ ฟ ้ า แ ร ง ส ู ง พ ล า ส ม า แ ล ะ ไ ม โ ค ร / น า โ น บ ั บ เ บ ิ ้ ล เ พ่ื อ เชอื้ ซาโมเนลลาทป่ี นเป้อื นในผกั สดได้ [2] ณัฐชัยและคณะ การเกษตรและการประมงข้ันสงู มทร.ลา้ นนา ใชอ้ ตั ราการ พบว่าน้ำที่มีฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโครและนาโน ไหลของน้ำ 1.7 ลิตรต่อนาที การไหลของฟองอากาศ 0.5 เมตร (Air-MNBs) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการยบั ย้งั เชือ้ ลิตรต่อนาที กำลังไฟฟ้า 240 วัตต์ อัตราการไหลของ แบคทเี รยี ในผกั ผลไม้ตัดแต่งโดยไม่ใช้สารเคมี [3] ปติ ริ ตั น์ อากาศ 0.5 ลติ รตอ่ นาที ขนาดของไมโครบบั เบ้ิลท่ีเกิดข้ึน แ ล ะ ค ณ ะ ร า ย ง า น ว ่ า ฟ อ ง อ า ก า ศ ข น า ด เ ล ็ ก ร ะ ดั บ มีขนาด 40-50 ไมโครเมตรความเขม้ ขน้ ของไมโครบับเบ้ิล ไมโครเมตรและน้ำยาซักล้าง เช่น NaOCI, Acetic acid มีค่า 60,000 บับเบิ้ล ต่อมิลลิลิตร และขนาดของนา and Citric and สามารถใช้ล้างผักสดเพื่อกำจัดเช้ืออีโคไล โนบับเบิ้ลที่เกิดขึ้นมีขนาด 200-1,000 นาโนเมตร ความ โดยการแชน่ าน 5 นาที ได้ดีกว่าการลา้ งด้วยน้ำประปา[4] เข้มข้นของนาโนบับเบิ้ลมีค่า 108-1,011 บับเบิ้ลต่อ ในขณะเดียวกันมีการรายงานผลของการประยุกต์ใช้แก๊ส มลิ ลลิ ิตร โอโซนหรอื เทคโนโลยีฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโครนา โนบบั เบลิ้ ร่วมกับแกส๊ โอโซนในการล้างเช้ือจลุ ินทรีย์ในผัก สำหรับการผลิตน้ำโอโซนไมโครนาโนบับเบิ้ล และผลไม้ [5-10] และโอโซนนาโนบบั เบล้ิ ใชเ้ คร่อื งกำเนดิ ไฟฟ้าฟองอากาศ ขนาดเล็ก (RMUTL-KVM15) และเป็นแก๊สออกซิเจนเชิง สมมตฐิ าน พาณชิ ย์ (O2, บริสุทธ์ิ 99.5%, บรษิ ัท แพรเซก็ ซ์ (ประเทศ สมมติฐานในการทำวิจัยในครั้งนี้ คือ เครื่อง ไทย) จำกดั ) กำเนิดฟองอากาศขนาดไมโครและนาโนเมตรท่ีออกแบบ และผลิตโดยนักวิจัยศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้าน 4.2. การศึกษาอิทธิพลของน้ำประเภทต่างๆ การประยุกต์ใช้ ไฟฟ้าแรงสูงพลาสมาและไมโคร/นา ในกระบวนการแช่ลา้ งกล้วยหอมทอง โนบับเบิ้ลเพื่อการเกษตรและการประมงขั้นสูง มทร. ล้านนา มีความสามารถในการลดปริมาณเชื้ออีโคไลที่ เก็บตัวอย่างกล้วยหอมทองดิบมีความแก่ ปนเป้ือนกล้วยหอมทองโดยการแชล่ ้างได้ ประมาณรอ้ ยละ 80 หลังการตดั 1 วนั จากเกษตรกรกลุ่ม วิสาหกิจกล้วยหอมเมอื งแกน นำตวั อยา่ งกล้วยหอมทองดิบทเี่ ตรียมไว้มาผ่าน การแช่ล้างด้วยน้ำตวั อย่างท้งั 5 ชนิด ดว้ ยอตั ราส่วนกล้วย หอมทองน้ำหนัก 50 กรัมต่อน้ำตัวอย่าง 200 มิลลิลิตร แช่เปน็ เวลา 10 นาที ตามวธิ ีการของกรมวิชาการเกษตร. [18] ซึ่งแบ่งเป็นตัวอย่างละ 3 ซ้ำ โดยวางแผนการ ทดลองแบบ CRD ดงั น้ี ตัวอยา่ งที่ 1 นำ้ ผ่านกระบวนการรีเวริ ์สออสโม ซสิ (RO) ตัวอย่างที่ 2 นำ้ แอรไ์ มโครนาโนบับเบิ้ล (Air MNBs) 72

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ชินานาฏ วทิ ยาประภากร, หน้า 69-75 ตวั อย่างท่ี 3 น้ำโอโซนไมโครนาโนบบั เบิล้ (O3 6. อภปิ รายผลการวิจยั MNBs) กลไกการทำงานของฟองอากาศขนาดเล็กใน 4.3 การศึกษาจุลินทรีย์ในน้ำล้างกล้วยหอม การยับย้ังเชอ้ื อโี คไลดงั แสดงในรปู ที่ 3 คือ สภาพโดยรอบ ทอง หลังจากแชก่ ลว้ ยหอมทองในน้ำนาน 10 นาที จงึ นำ ข อ ง ฟ อ ง อ า ก า ศ ท ี ่ เ ป ็ น ล บ จ ะ ด ึ ง ไ ฮ โ ด ร เ จ น ซ ึ ่ ง เ ป็ น น้ำแช่ล้างกล้วยหอมทองมาวิเคราะห์หาเชื้ออีโคไล ด้วย ส่วนประกอบในโมเลกลุ ของผนงั เซลล์ ทำให้ผนังเซลล์เสีย วิธกี าร Dilution and spread plate method สภาพ ในทางวิทยาศาสตร์ด้านจุลชีววิทยาถือเป็นการ ยับยั้งเช้ืออีโคไลผ่านกระบวนการทำลายท่ผี นังเซลล์ เชื้ออี 5. ผลการวิจัย โคไลจัดเปน็ แบคทเี รียแกรมลบท่ีมผี นงั เซลลบ์ าง ดงั น้ันจึง ผลการศึกษาเช้ืออีโคไลบนกลว้ ยหอมทอง ถกู ทำลายได้งา่ ยกวา่ เชอ้ื แบคทีเรียแกรมบวกที่มีผนังเซลล์ หลงั จากการแชล่ ้างกลว้ ยหอมทองในนำ้ ตัวอย่าง หนา ทั้ง 3 ประเภท นาน 10 นาที จำนวน 3 ซ้ำ แล้วนำน้ำ รูปที่ 2 แสดงผลการวิเคราะห์หาเชื้ออีโคไลในน้ำ RO แช่ ตัวอย่างหลังการแช่กล้วยหอมทองมาวิเคราะห์หาเชื้ออี ล้างกล้วยหอมทองนาน 10 นาทีด้วยวิธี Dilution and โ ค ไ ล ด ้ ว ยว ิ ธี Dilution and spread plate method spread plate method ได้ผลดังแสดงในตารางท่ี 1 รูปที่ 3 แสดงกลไกการยับยั้งแบคทีเรียของฟองอากาศ จากผลการศึกษาพบว่า ในน้ำ RO พบเชื้ออี ขนาดเล็กระดับไมโครและนาโนเมตร (สืบค้นจาก โคไลทงั้ ก่อนแชแ่ ละหลังแชล่ า้ งกล้วยหอมทอง ดังแสดงใน www.mongmongshop.com วันที่ 20 พฤศจิกายน รูปท่ี 2 ส่วนนำ้ Air MNBs และ นำ้ O3 MNBs ไมพ่ บเชอื้ อี 2561) โคไลทั้งก่อนแช่และหลังแช่กล้วยหอมทอง จากผลการ ทดลองพบว่าการแช่ล้างกล้วยหอมทองในน้ำที่ผ่าน กระบวนการทำให้เป็นฟองอากาศขนาดเล็กระดับไมโคร และนาโนเมตรนาน 10 นาทสี ามารถยับย้งั เชื้ออีโคไลได้ ตารางที่ 1 แสดงผลการศึกษาเชอื้ อีโคไลในน้ำล้างกลว้ ย ตวั อยา่ งนำ้ จำนวน E. coli (x 104) (cell/ml) 1. น้ำ RO กอ่ นแช่ลา้ ง 3.40.5 2. น้ำ RO แช่ 10 นาที 5.10.5 3. น้ำ air MNBs ก่อนแช่ลา้ ง 0 4.น้ำ air MNBs แช่ 10 นาที 0 5. นำ้ O3 MNBs ก่อนแช่ล้าง 0 6. นำ้ O3 MNBs แช่ 10 นาที 0 73

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ชนิ านาฏ วทิ ยาประภากร, หน้า 69-75 การแช่ล้างทำความสะอาดกล้วยหอมทองในน้ำ สะดวกในการใชอ้ ปุ กรณ์และห้องปฏิบัติการในการทำวิจัย ทีผ่ า่ นกระบวนการทำให้เปน็ ฟองอากาศขนาดเล็กระดบั ไม ครั้งน้ี โครและนาโนเมตรด้วยเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลที่ ผลิตจากเครื่องกำเนิดฟองอากาศขนาดเล็ก มทร.ล้านนา เอกสารอ้างอิง ทั้งแบบ Air MNBs และ O3 MNBs มีประสิทธิภาพในการ 1.https://www.kasetkaoklai.com/home/2017/09/ ยับยั้งเชื้ออีโคไลได้ร้อยละ 100 และยังทำให้ยางกล้วย รวมตัวกันตกตะกอนนอนก้น ทำให้น้ำหลังจากล้างกล้วย ดันกล้วยไทยบุกตลาดโลก ค้นคว้าวันที่ 19 หอมทองแล้วมีสภาพใส ไม่ข่นุ และไมม่ ยี างเหนียวปน ซ่ึง มีนาคม 2561 เป็นข้อดีทำให้ไม่มียางติดที่ผิวกล้วยหอมทองอีก ซึ่งยาง [2] M. Warapa, K. Pitirat, and T. Sasitorn กล้วยเป็นสาเหตุหลักของการเน่าเสียและรอยตำหนิที่ผวิ “Using Sanitizer and Fine bubble กล้วยหอมทอง Technologies to Enhance Food Safety,”Food security and safety, 2015. 7. สรุป [3] N. Pongprasert, N. Tatmala, and V. จากการศึกษาการใช้เทคโนโลยีไมโครนา Srilaong “The Application of Air Micro- and Nano-bubbles in Combination with โนบับเบ้ิลในการผลิตน้ำที่มีฟองอากาศขนาดเล็กระดบั ไม Sodium Hypochlorite to lnactivate Total โครและนาโนเมตรมีประสิทธิภาพในการยั้งยั้งเชือ้ อีโคไล Bacteria and Improve the Quality of ในน้ำตัวอย่างและกำจัดเชื้ออีโคไลบนผิวกล้วยหอมทอง Fresh – cut Lettuce,”Agricultural Sci J., ด้วยการแชน่ าน 10 นาทีได้ 42(2)(Suppl.) , pp. 61-64, 2012. [4] K. Pitirat, T. Sasitorn, and C. Wanee กติ ติกรรมประกาศ “Effect Micro Bubbles in Washing Process การวิจัยครั้งนี้สำเร็จลงได้ด้วยความอนุเคราะห์ for Microbial Reduction on Fresh Vegetables,”Food Science & Technology สนับสนุนทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล , 2015. ล้านนา ภายใต้โครงการจัดการศึกษาเชิงบูรณาการ [5] P.J. Cullen, B.K. Tiwari and C.P.O’Donnell ระหว่างการเรียนรู้ในสถานศึกษากับการนำวิทยาศาสตร์ “Modelling approaches to ozone เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปพัฒนาและยกระดับ processing of liquid foods,”Trends in ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่ภาคเหนือ 6 Food Science& Technology,20(2009) , จังหวัด ประเภททุนพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม (Agro- 125-136 , 2009. Industry: AG) กลุ่มทุนเกษตรอุตสาหกรรมปลายทาง : [6] B.G. Yershov, P.V. MoroZov and AG3 และขอขอบคุณวิสาหกิจชุมชนกล้วยเมืองแกนที่ให้ A.V.Gordeev “Kinetic Regularities of การสนับสนุนวตั ถุดิบในการทดลอง Ozone Decomposition in Water,”Journal of Water Chemistry and Technolgy, vol. ขอขอบคุณความอนุเคราะห์จากคณะ 31, No. 6, 381-388 , 2009 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร หลักสูตร [7] Curiale, M.S., Sons, T and McIver, D. Dry วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ศนู ยค์ วามเปน็ เลิศ rehydratable film for enumeration of ทางวิชาการดา้ นการประยุกต์ใช้ ไฟฟา้ แรงสงู พลาสมาและ total coliforms and Escherichia coli in ไมโคร/นาโนบับเบลิ้ เพอื่ การเกษตรและการประมงขั้นสูง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ที่ให้ความ 74

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ชินานาฏ วิทยาประภากร, หนา้ 69-75 foods: collaborative study. J. AOAC 74, 635–648, 1991 [8] H. Sae, A. Shinichi and T. Masayoshi “Effects of ozone nano-bubble water on periodontopathic bacteria and oral cells- in vitro studies,” Science and Technology of Advanced Materials, 2014 [9] F. Akiko., A. Shinichi and M. Yoshihiro “Comparative Analysis of Effects of Ozone Nano-Bubble Water (NBW3) with Established Antimicrobials Bactericidal Efficacy and Cellular Response An In vitro Study,” J Oral Tissue English, 10(3):131- 141, 2013 [10] N. Chaitsara., S. Achariya. and S. Sitthisuntorn “Reduction of Carbendazim in Chinese Chives and Re-absorption from Washing Solution Using Methods of Department of Agriculture,” Journal of Science and Technology, 2016 75

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม Journal of Innovative Technology Research (JITR) เปน็ วารสารพิมพเ์ ผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการทางดา้ นเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา รวมทั้งสถาบันและหน่วยงานอน่ื ๆ ทั่วประเทศ วตั ถปุ ระสงค์ : เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการทางดา้ นเทคโนโลยีและนวัตกรรม ขอบเขตเนอ้ื หา ประกอบดว้ ย : 1. เทคโนโลยนี วัตกรรม ดา้ นอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชวี ภาพ 2. เทคโนโลยนี วตั กรรม ด้านเทคโนโลยีทางการแพทยแ์ ละสุขภาพ 3. เทคโนโลยนี วัตกรรม ดา้ นวิศวกรรม พลังงานและส่ิงแวดล้อม 4. เทคโนโลยีนวัตกรรม ด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ กำหนดตีพิมพเ์ ผยแพร่ : ปลี ะ 2 ฉบับ ดงั น้ี 1. ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มิถนุ ายน 2. ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online) นโยบายการพิจารณารับตพี ิมพ์ผลงาน ข้อแนะนำทวั่ ไป : 1. บทความในวารสารวิจยั นีต้ ้องไมเ่ คยเผยแพร่ในวารสาร รายงานหรอื สิ่งพมิ พอ์ ืน่ ใดมากอ่ น และไม่อยู่ในระหว่างการ พิจารณาตพี มิ พ์ในวารสารอนื่ 2. ต้นฉบบั จะตอ้ งได้รับการกล่ันกรอง ตรวจสอบเชิงวชิ าการจากผู้ทรงคุณวฒุ ิก่อนการตีพิมพ์ 3. ส่งทางระบบวารสารออนไลน์ วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ประเภทของบทความทตี่ พี มิ พ์ : 1. บทความวิจัย (Research Article) เป็นบทความทไ่ี ดจ้ ากงานวจิ ัย 2. บทความวชิ าการ (Academic Articles) เปน็ บทความท่ีมลี กั ษณะ ดังนี้ 1) Literature Review เปน็ บทความจากการทบทวนเอกสาร ซ่ึงเป็นผลมาจากการวิจัยหลาย ๆ ครง้ั ถอื เป็น บทความท่ีมีความสำคญั เปน็ อย่างยิง่ 2) Technical Paper เปน็ บทความนำเสนอกระบวนการในการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ การทดสอบภาคสนาม รวมไป ถึงเทคนคิ การวเิ คราะห์ใหมๆ่ 3) Professional Practice เปน็ บทความที่มาจากประสบการณ์ หรอื ความชำนาญของผเู้ ขียน 4) Policy Paper เป็นบทความเกี่ยวกับนโยบายด้านตา่ งๆ ของหน่วยงาน ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 ขั้นตอนการดำเนนิ งานภายหลังรบั ตน้ ฉบับ : 1. ขอ้ ความยนื ยนั การไดร้ ับบทความหรือส่งิ ตีพิมพ์ (ต้นฉบบั ) ทางอเี มล์ 2. กองบรรณาธกิ ารวารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ตรวจสอบบทความเบื้องต้น และใหผ้ ู้ทรงคณุ วฒุ ิตรวจสอบ บทความแล้วหากพบว่าเนื้อหายงั ไม่สมบูรณ์ ไมผ่ า่ นการพจิ ารณาของผทู้ รงคุณวฒุ ิทางวารสารฯ จะแจง้ ทางอเี มล์ ส่วนบทความท่ีสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ทางวารสารฯ จะแจง้ สง่ิ ที่ต้องปรบั แกไ้ ขใหเ้ จ้าของบทความทราบเพื่อทำ การแกไ้ ขต่อไป การแก้ไขน้ีอาจทำถึง 2 ครงั้ จนกวา่ บทความจะมคี วามสมบูรณ์ไดม้ าตรฐานและผู้ทรงคุณวฒุ ยิ นื ยัน ใหล้ งตีพมิ พไ์ ด้ 3. บทความทผ่ี ่านผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ที่ยืนยนั ให้ตีพมิ พ์ได้แล้ว จะเขา้ ส่กู ารพจิ ารณาโดยกองบรรณาธิการวารสารฯ เป็นขั้น สุดท้าย บทความบางเรอ่ื งอาจไมไ่ ดร้ ับการพิจารณาในขน้ั ตอนสดุ ท้าย ซ่ึงผลการพิจารณาของกองบรรณาธกิ าร วารสารฯ ถือเป็นท่สี ิน้ สุด 4. แจ้งกำหนดการตีพมิ พ์ใหเ้ จ้าของผลงานทราบทางอีเมล์ การส่งตน้ ฉบบั : 1. สง่ แฟม้ ข้อมลู บทความนามสกุล .Doc 2. ทางระบบออนไลน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JIT/user/register ติดต่อสอบถาม กองบรรณาธกิ ารวารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม สถาบันวิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 98 หม8ู่ ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชยี งใหม่ 50220 โทรศพั ท์ : 0 5326 6518 #1006 , โทรสาร : 0 5326 6522 Email: [email protected] บรรณาธิการ รองศาสตราจารย์ ดร.พานชิ อินต๊ะ โทร. (+66) 89 755 1985 Email: [email protected] ผูป้ ระสานงาน นางสาวณิชกมล โพธ์แิ กว้ โทร. (+66) 87 079 0797 Email: [email protected] ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)