ค่านิยมและวฒั นธรรมที่มอี ิทธพิ ลตอ่ การตดั สินใจเข้าศกึ ษาต่อ ในมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตศรีลา้ นชา้ ง อาเภอชมุ แพ Values and culture influencing the decision to study in Mahamakut Buddhist University, Sri Lanchang Campus Chumpae วริ ะยา พมิ พพ์ ันธ์1, สุขี มากมูลด2ี , บุญธรรม วสิ าหาญ3, บันทะชยั ภูพมิ ทอง4 และ สถิตย์ เตปนิ 5 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชววิทยาลยั วทิ ยาเขตศรลี า้ นชา้ ง Wiraya Pimpun1, Sukhee Makmoondee2, Boontom Wisahan3, Banthachai Poopimthong4 and Satit Tapin5 Mahamakut Buddhist University, Sri Lanchang Campus, Thailand Corresponding Author; Email: [email protected] ******** บทคดั ยอ่ * บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงคเ์ พ่อื 1) ศกึ ษาค่านิยมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินในเข้า ศึกษาตอ่ ใน มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีลา้ นช้าง อาเภอชมุ แพ 2) ศกึ ษา วัฒนธรรมท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินในเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตศรลี ้านช้าง อาเภอชมุ แพ ผลการศกึ ษาพบวา่ 1. ขอ้ มลู ท่ัวไป นกั ศึกษาที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เปน็ เพศชาย 86รูป/คน คิด เป็นร้อยละ 65.15 เป็นคฤหัสถ์ 95 คน คิดเป็นร้อยละ 72.52 และนักศึกษาท่ีตอบ * ได้รับบทความ: 12 ธนั วาคม 2562; แกไ้ ขบทความ: 25 ธนั วาคม 2562; ตอบรบั ตีพมิ พ:์ 26 ธันวาคม 2562 Received: December 12, 2019; Revised: December 25, 2019; Accepted: December 26, 2019
370 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 แบบสอบถามสว่ นใหญ่มีรายไดต้ ่อเดือนต่ากวา่ 10,000 บาท จานวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 86.7 2. ค่านิยมท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช วิทยาลยั วทิ ยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชมุ แพ พบวา่ ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลในภาพรวมพบว่า คา่ นิยมในสังคมมีอิทธิพลตอ่ การตดั สนิ ใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากทสี่ ุด คือมีค่าเฉลีย่ ระดับคะแนนอยู่ท่ี 4.15 รองลงมา คอื คา่ นยิ มเกี่ยวกับการรับราชการโดยมีค่าเฉลย่ี ระดับคะแนนอยู่ท่ี 3.97 3. วฒั นธรรมที่มีอิทธิพลตอ่ การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลยั มหามกุฏราช วิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ พบว่า วัฒนธรรมในสังคมมีอิทธิพลต่อการ ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุม แพมากที่สุด คือมีค่าเฉล่ียระดับคะแนนอยู่ท่ี 4.08 รองลงมาคือวัฒนธรรมส่วนตัวและ วฒั นธรรมในครอบครัวโดยมคี ่าเฉล่ียระดบั คะแนนเท่ากันอยทู่ ่ี 3.63 คาสาคัญ : คา่ นิยม; วัฒนธรรม; การตดั สนิ ใจ Abstract This research article was aimed to study; 1) Values influencing the decision to study in Mahamakut Buddhist University, Sri Lanchang Campus Chumpae and 2) Culture influencing the decision to study in Mahamakut Buddhist University, Sri Lanchang Campus Chumpae. The Result founded that. 1. The majority of the respondents were males being 87 persons accounted for 65.15%. Lay people were 75 persons accounted for 72.52 % Most of respondent earn less than 10,000 baht a month were 86 persons accounted for 86.7%. 2. Values influencing the decision to study in Mahamakut Buddhist University, Sri Lanchang Campus Chumpae was founded that values in society was highest being at 4.15, secondly, the values of being a government officer rated at 3.97. 3. Culture influencing the decision to study in Mahamakut Buddhist University, Sri Lanchang Campus Chumpae was founded that social culture. was highest at 4.08, secondly, the personal culture and family culture were equally rated at 3.63. Keyword: Value; Culture; Decision
วารสารบณั ฑิตศกึ ษามหาจุฬาขอนแกน่ 371 ปที ี่ 6 ฉบับท่ี 4 ประจาเดอื นตุลาคม – ธนั วาคม 2562 บทนา การศึกษาถือได้ว่าเป็นส่วนสาคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการดาเนินชีวิต ใน ปัจ จุบั นป ระชาชนเห็ น ความ สาคัญ ข องการส่ งบุต รหล าน ให้ได้รับ การศึ กษ าใน ระดั บ ปรญิ ญาตรีมากข้นึ รัฐบาลเองไดม้ ีการสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ให้ประชาชนทกุ คนหันมาใสใ่ จใน เรื่องของการศึกษา เพราะถือได้วา่ การศึกษานั้นเป็นพื้นฐานแห่งความสาเร็จในชีวิตและยัง สามารถใช้เป็นเครื่องมอื ในการประกอบอาชีพเล้ียงดูตนเองและครอบครัว จากสภาวะการ เปลี่ยนแปลงของโลกในปจั จุบันที่พัฒนาก้าวหนา้ ไปอย่างรวดเรว็ ส่งผลต่อวิถีการดาเนินชวี ิต ของมนษุ ยย์ อ่ มมผี ลกระทบโดยอ้อมต่อระบบการศึกษา สถาบนั การศึกษาจะต้องดาเนินการ จัดระบบการเรียนการสอนโดยคานึงถึงการเปล่ียนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการ เปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยที ่ีมีบทบาทตอ่ การเรยี นรู้และการศึกษา ฉะน้ันผจู้ ัดการศึกษาจึง จาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีจะตอ้ งคาดการณ์สภาพอนาคต และเตรียมการจดั ระบบการเรยี นการสอนให้ มคี วามสอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ๆ ท่ีกาลังจะเกิดขน้ึ การศึกษาเป็นหัวใจสาคัญในการ พัฒนาความรู้ สามารถท่ีจะพัฒนาตนเองให้ไปสู่ศักยภาพสูงสดุ การจัดการศึกษาจะต้องยึด หลกั ผ้เู รียนทกุ คนมคี วามสามารถเรยี นรแู้ ละสามารถพัฒนาตนเองได้ ถอื ผู้เรยี นมคี วามสาคัญ ท่ีสุด ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทจากการเป็นผู้ช้ีนา ผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้ ช่วยเหลือส่งเส ริมและส นับส นุนผู้เรียนในการแส วงหาความรู้ จากส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ต่างๆ และให้ขอ้ มูลที่ถูกต้องแก่ผูเ้ รียนเพ่อื ทีจ่ ะได้นาความรู้น้นั ไปสร้างสรรคค์ วามรขู้ องตน การศกึ ษาในระดับอดุ มศกึ ษาในปัจจบุ ันมีการแข่งขันกนั สงู ของสถาบันอุดมศึกษาท้ัง มหาวิทยาลัยของรฐั และเอกชน เพื่อเป็นการดึงดดู ใจให้ผูท้ ่สี าเร็จการศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย (ม.6) ระดับประการศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชน้ั สูง (ปวส.) หรือผูท้ ี่สนใจอยากเรยี นปรญิ ญาตรีใบท่ี 2หรือผู้ท่ีกาลังจะสาเรจ็ การศึกษามที างเลือก ในการตดั สนิ ใจเลือกสถานศกึ ษา มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัยจงึ มคี วามจาเปน็ อย่างยง่ิ ท่จี ะต้องมกี ลยุทธใ์ นการหาวธิ ีท่จี ะทาใหโ้ รงเรยี นและนกั เรียนกลมุ่ เปา้ หมายตดั สนิ ใจเลอื กเข้า ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศ รีล้านช้าง อาเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น โดยการจัดกิจกรรมต่างๆ และรูปแบบการประชาสัมพันธ์ หลายช่องทาง เช่น ส่งแผ่นพับประชาสัมพันธ์ไปยังสถานศึกษาจัดกิจกรรมแนะแนวสัญจร เข้าร่วมโครงการกับทางหน่วยงานราชการ แนะนาเว็บไซด์ เพ่ือเป็นการประชาสัมพันธ์ มหาวทิ ยาลยั และหลกั สตู รทเ่ี ปิดสอนให้กบั ผูท้ สี่ นใจ
372 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 ปัจจุบันการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาในสถาบันของรัฐและเอกชนมีเพิ่ มมากขึ้น เปน็ การเปิดโอกาสให้ผู้ท่ีต้องการแสวงหาความร้แู ละประสบการณ์ สามารถเลือกเขา้ ศึกษา ต่อได้ตามความต้องการ เพื่อสามารถศึกษาต่อควบคู่ไปกับการทางานได้การศึกษาใน ระดับอุดมศึกษาเป็นเสมือนแหล่งความรู้ท่ีจะเสริมความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อใช้เป็น ปจั จัยในการพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ อันเปน็ ปัจจยั พ้ืนฐานในการพัฒนาประเทศ บคุ คลท่วั ไป จึงให้ความสาคัญแก่การศึกษาแนวคิดวา่ ผู้ที่มกี ารศึกษาสูงจะมีโอกาสเจริญกา้ วหนา้ ในด้าน ต่างๆ ได้ดีกว่า ดังน้ัน บุคคลท่ัวไปจึงพยายามที่จะศึกษาให้ถึงระดับสูงที่สุด คือ ระดบั อุดมศึกษา จนมีคากล่าวว่าสังคมไทยเป็นสงั คมที่นยิ มคนที่มีปริญญา ปัจจยั สาคัญที่มี อิทธิพลต่อการเรียนท่ีสาคัญอีกอย่างก็คือ ค่านิยมในปริญญา การได้รับปริญญาข้ันสูงจะมี ประโยชน์ในการทางาน ลักษณะการทางานหลายอย่างในประเทศไทยขึ้นอยู่กับปริญญา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความรู้ความสามารถเพียงอย่างเดียว คนที่มีปริญญาสูง เท่าน้ันท่ีจะสามารถเล่ือนไปสู่ตาแหน่งที่สงู ๆ บางตาแหน่งได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอนื่ ๆ อีก เช่น เรียนจบปริญญาตรีแล้วยังหางานทาไม่ได้ จึงเรียนต่อระดับปริญญาโทเพ่ือชะลอการ ว่างงาน นอกจากนี้การเรียนปริญญาโทเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นป ระโยชน์ เพราะมี สถาบันการศึกษาหลายแห่งเปดิ สอนปรญิ ญาโทหลังเลิกงาน จงึ มีผ้ทู ต่ี ้องการศึกษาหาความรู้ เพิ่มเติมเป็นจานวนมาก การตดั สินใจในการศกึ ษาต่อระดับบณั ฑติ ศึกษาน้นั แตล่ ะคนอาจมเี หตุผล มแี รงจงู ใจ แตกต่างกันไป เช่น ต้องการได้รับความรู้และประสบการณ์เพ่ิมขึ้น เพ่ือนาไปพัฒนางานใน หน้าท่ีให้เจริญก้าวหน้า ต้องการเพ่ิมวุฒิทางการศึกษา เพ่ือนาไปประกอบการแสวงหา ความก้าวหน้าและความม่ันคงในชีวิต บางคนอาจมีความมุ่งหวังเพื่อให้เป็นท่ียอมรับของ สงั คม และความมีช่ือเสยี งเกียรติยศนอกจากนี้เหตุจูงใจในการศึกษาต่อของบุคคลในแต่ละ ระดับจะแตกตา่ งกันออกไปตามวัย ฐานะ และโอกาส ความคิดเกี่ยวกบั การเรยี นอาจจะเร่มิ มี แนวหันเหเข้าหาผลทางเศรษฐกจิ เช่น เรียนในสาขาวิชาที่หางานทาไดง้ ่าย มรี ายได้ดี ไมต่ อ้ ง ทางานหนกั และท่ีสาคัญต้องเป็นงานประเภทที่ตนมีใจรักและชอบทจี่ ะทาดว้ ย บางครง้ั การ เลือกเรยี นต่อในระดับบัณฑติ ศึกษา มักขึ้นอยู่กบั ค่านิยมของผู้ปกครอง เนือ่ งจากมคี วามเห็น ว่าการเรยี นในระดับบณั ฑติ ศึกษาน้ันจะทาใหบ้ ุตรหลานมโี อกาสไดง้ านดีๆ ทามีเงินเดือนสูง เป็นเจา้ คนนายคน เป็นท่ีเชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูล ครอบครัวใดมีฐานะทางเศรษฐกจิ ดีก็
วารสารบณั ฑติ ศึกษามหาจฬุ าขอนแกน่ 373 ปที ่ี 6 ฉบับที่ 4 ประจาเดือนตุลาคม – ธนั วาคม 2562 จะพยายามส่งบุตรหลานใหไ้ ด้เรียนจนถงึ ระดับสงู สดุ อาจเรยี นจนถึงระดบั ปริญญาเอก เท่าที่ สติปญั ญาจะเออื้ อานวยใหเ้ รยี นได้ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ จังหวัด ขอนแก่น เปิดทาการสอนมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2547 เปิดสอน 3 คณะ ประกอบด้วย คณะสังคมศาสตร์ คณะศาสนาและปรชั ญา และคณะศึกษาศาสตรร์ ะดบั ปริญญาตรี เปิดสอน 5 สาขาวิชาประกอบดว้ ย สาขารัฐศาสตรก์ ารปกครอง สาขาวิชาการศกึ ษาปฐมวัย สาขาวชิ า การประถมศึกษา สาขาวชิ าการสอนภาษาอังกฤษ และสาขาวิชาพุทธศาสตร์ และเพื่อให้การ จัดการเรียนการสอนที่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของสานักงานคณะกรรมการการอุดม ศึกษา (สกอ.) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง ห้องเรียนชุมแพ ได้มีการ ปรบั ปรุงหลกั สตู รและเปิดทาการเรียนการสอน ปีการศึกษา 2554 เปดิ สอน 1 คณะ คอื คณะ สงั คมศาสตร์ ระดับปริญญาตรี 1 หลักสูตร คือหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.) สาขาวิชา รัฐ ศ าส ตร์ ก าร ป ก ค ร อ ง ตาม ป ร ะ ก าศ ม ห าวิ ท ย าลั ยม ห าม กุ ฏ ร าช วิ ท ย าลั ยแล ะ ส ภ าว ะ มหาวิทยาลัยอนมุ ัตหิ ลกั สตู รในการประชุมคร้ังท่ี 1/2554 โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง ศูนย์ การศกึ ษาชมุ แพ เพื่อใหเ้ ป็นสถาบนั อุดมศกึ ษาที่สามารถตอบสนองความต้องการของท้องถ่ิน ขยายโอกาสทางการศกึ ษาแก่พระภกิ ษุสามเณรและประชาชนท่ัวไปในพนื้ ทเ่ี พอ่ื เป็นการเพิ่ม ศกั ยภาพในการพัฒนาประเทศชาตแิ ละพระศาสนาสบื ไป การผลิตบัณฑิตใหม้ ีความเป็นเลิศ ทางวิชาการทางพระพทุ ธศาสนาในระดับชาติและนานาชาติและมศี ักยภาพทางการแข่งขัน กับมหาวิทยาลัยอ่ืนเพ่ิมขึ้น สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่เก่ียวกับพระศาสนาในการบาเพ็ญ ประโยชนต์ อ่ สงั คมและประเทศชาติ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยประสบกับปัญหาการรับนักศึกษาไม่ เปน็ ไปตามเป้าหมายในแต่ละปี ผศู้ กึ ษาเห็นถงึ ความสาคัญของปัญหาดงั กล่าวจงึ มคี วามสนใจ ที่จะศึกษาถึงวัฒนธรรมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ของนักศึกษา สาขารฐั ศาสตร์การปกครอง เพื่อใหท้ ราบถงึ ค่านยิ มและวัฒนธรรมที่มอี ิทธิพลตดา้ นตา่ งๆ ใน การตัดสินใจเลือกศึกษาต่อแล ะนาผ ล ที่ได้จากการวิจัยไ ปใช้เป็ นแนวทางในการกาหน ด นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ การวางแผนและเพอ่ื กาหนดกลยุทธเ์ ชงิ รกุ ทตี่ รงกับกลุ่มเป้าหมายอยา่ ง
374 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 มปี ระสิทธภิ าพเพอ่ื ให้มคี วามพรอ้ มสาหรับสภาพการแขง่ ขันที่สูงมากในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเปน็ แนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมต่อไป วัตถุประสงค์ของการวิจยั 1. เพื่อศึกษาค่านิยมท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย มหามกฏุ ราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชมุ แพ 2. เพ่ือศึกษาวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรลี ้านชา้ ง อาเภอชมุ แพ วธิ ดี าเนินการวจิ ัย การวิจัยคร้งั นี้เป็นการวิจัยเชิงสารวจ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บ รวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาค่านิยมและวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อใน มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตศรีลา้ นชา้ ง อาเภอชมุ แพ 1. ข้ันตอนในการสรา้ งเครอื่ งมือ การวิจัยครั้งน้ีผู้วิจัยใช้แบบสอบถามถึงวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้า ศึกษาตอ่ ในมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตศรลี ้านชา้ ง อาเภอชุมแพ โดยมแี นวทางในการสรา้ งแบบสอบถาม ดังนี้ 1) เกณฑใ์ นการวดั แบบสอบถาม ใช้วธิ ีการสร้างแบบสอบถามแบบมาตรส่วนประเมินคา่ (Rating scale) โดยเกณฑ์ ในการให้คะแนนแบง่ ออกเปน็ 5 ระดับ ดงั น้ี ตารางท่ี 1 คา่ ระดบั อิทธิพลต่อการตัดสินใจ ระดบั ระดบั คะแนน มากท่ีสดุ 5 มาก 4 ปานกลาง 3 นอ้ ย 2 น้อยทสี่ ุด 1
วารสารบัณฑิตศกึ ษามหาจุฬาขอนแกน่ 375 ปที ่ี 6 ฉบบั ที่ 4 ประจาเดือนตลุ าคม – ธนั วาคม 2562 เกณฑ์ในการแปลความหมายของคะแนน ผู้วิจัยได้แปลค่าระดบั ของผลสมั ฤทธิ์โดย ใช้ค่าเฉลี่ยของคะแนนเป็นตัวช้ีวัด โดยกาหนดช่วงในการวัดเป็น 5 ระดับ โดยกาหนดช่วง คะแนนในแตล่ ะระดบั จากสูตรการคานวณ ดงั น้ี คะแนนสงู สดุ – คะแนนต่าสดุ = 5–1 = 0.8 จานวนระดับ 5 จากสตู รการคานวณ ได้แปรคา่ ระดบั ความหมายของผลสมั ฤทธ์ิออกเป็น 5 ระดับดัง ตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 การแปรความหมายระดบั ค่านิยมและวัฒนธรรมที่มีอทิ ธิพลตอ่ การตัดสนิ ใจ ระดับผลสมั ฤทธิ์ ระดับคะแนน มากที่สดุ 4.21 - 5.00 มาก 3.41 – 4.20 ปานกลาง 2.61 – 3.40 นอ้ ย 1.81 – 2.60 น้อยท่สี ดุ 1.00 – 1.80 2) การสร้างเครื่องมอื สร้างเคร่อื งมือโดยการศึกษาเอกสาร งานวิจยั และทฤษฎีท่ีเกี่ยวกับแนวคิดการใช้ นวัตกรรมทางการศกึ ษาในการสรา้ งแบบสอบถาม ซึ่งเปน็ เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวจิ ัยในครงั้ น้ี โดยเครือ่ งมอื ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพ่ือศกึ ษาคน้ คว้าคร้งั น้ี ใชแ้ บบสอบถาม ในการเกบ็ ขอ้ มูลจากประชากรกล่มุ เปา้ หมาย โดยแบ่งออกเปน็ 3 ส่วน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ สถานภาพ สาขาวิชาที่ ศึกษา ชนั้ ปีท่กี าลงั ศกึ ษา รายไดต้ อ่ เดือน ตอนที่ 2 ศึกษาคา่ นยิ มและวัฒนธรรมทางสงั คมทมี่ อี ิทธพิ ลตอ่ การตัดสนิ ใจเข้าศกึ ษา ตอ่ ในมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรลี ้านช้าง อาเภอชมุ แพ ได้แก่ - คา่ นยิ มส่วนตวั - ค่านยิ มของครอบครวั - คา่ นยิ มในสังคม - ค่านิยมเกย่ี วกับการรับราชการ
376 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 - วฒั นธรรมส่วนตัว - วัฒนธรรมของครอบครวั - วฒั นธรรมในสังคม ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ 2. การตรวจสอบคุณภาพของเครอื่ งมอื ในการตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมือที่สร้างขึ้นมาเพื่อการศึกษาคร้ังนี้ผู้วิจัยได้ ดาเนินการทดสอบเครอื่ งมือโดยการทดสอบหาความเที่ยงตรง (Validity) และทดสอบหา ความเชอ่ื มน่ั (Reliability) ตามขั้นตอนดังนี้ 1) การทดสอบหาความเที่ยงตรง (Validity) นั้นผู้วิจัยได้นาร่างแบบสอบถามท่ี สร้างข้ึนไปนาเสนอผู้เช่ียวชาญจานวน5ท่านประกอบด้วยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิท้ังด้าน รฐั ศาสตร์ในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านชา้ ง ช่วยตรวจสอบความ ถกู ต้องครอบคลุมของข้อคาถามและแก้ไขปรับปรุงข้อคาถามตามคาแนะนาของผู้เช่ยี วชาญ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเที่ยงตรงเชงิ เนื้อหา (Content Validity) ผ้วู จิ ัยได้นาเคร่อื งมือทสี่ ร้างขน้ึ มาหาค่าดชั นีความสอดคล้องตามวตั ถุประสงคร์ ายข้อ (Index of Item – Objective Congruence) : IOC ซ่ึงค่า IOC จะต้องมีค่า≥ 0.5 ข้ึนไป จึงจะแปลผลว่า“ใช้ได้” ในการศึกษาคร้ังนี้ผู้วิจัยมีผลการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของ แบบสอบถามได้ค่า≥ 0.5 ทกุ ข้อ 2) การทดสอบหาความเชื่อมัน่ ของเครอ่ื งมอื (Reliability) ผู้วิจัยนาแบบสอบถามท่ีผ่านการแก้ไขปรับปรุงจากผู้เชี่ยวชาญมาทดสอบความ เชื่อมั่นโดยการขออนุญาตเก็บข้อมูลตัวอย่าง (Try out) กับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏ-ราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง ซ่ึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ีจานวน 30 คนเพ่ือหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของ แบบสอบถามโดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α- Coefficient) ตามวิธีของ “ครอนบาค (Cronbach)” (Pisanu Fongsri, 2006): 138-139) (โดยการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยได้ค่า สมั ประสทิ ธิ์ของความสอดคล้องรายข้อ) และสัมประสทิ ธข์ิ องความเชอื่ มั่นเทา่ กบั 0.9 3) นาแบบสอบถามที่ผ่านการเก็บข้อมูลตัวอย่าง (Try out) เสนอต่อท่ีปรึกษา งานวิจัยเพ่ือขอความเห็นชอบและจัดพิมพ์แบบสอบถามฉบับส มบูรณ์เพื่อใช้แ จกจ่ายให้ ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษาครงั้ นจ้ี านวน 131 รูป/คน
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจฬุ าขอนแกน่ 377 ปที ่ี 6 ฉบับท่ี 4 ประจาเดอื นตุลาคม – ธันวาคม 2562 3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การศกึ ษาวจิ ยั ครงั้ น้ีไดเ้ กบ็ รวบรวมข้อมลู เพื่อศกึ ษาคา่ นิยมและวฒั นธรรมทางสงั คม ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขต ศรีลา้ นช้าง อาเภอชุมแพ โดยมวี ธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดงั น้ี 1) บนั ทกึ ข้อความถึงผูบ้ งั คบั บญั ชาในการทาวจิ ัย 2) แจ้งการศึกษาการทาวิจัยให้กับนักศึกษาในคณะสังคมศาสตร์ของมหามกุฏราช วิทยาลยั วทิ ยาเขตศรีล้านชา้ งอาเภอชุมแพ 3) ดาเนินการเก็บข้อมลู และรวบรวมขอ้ มูลจากนักศึกษา 4) ตรวจแบบสอบถามที่ได้รับกลบั คนื มา คัดเลือกเฉพาะแบบสอบถามที่สมบูรณ์ไว้ เพอื่ ทาการวเิ คราะหข์ อ้ มูลต่อไป 4. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1) สถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู ได้แก่ 1.1 ขอ้ มลู ทัว่ ไปของกลุ่มตัวอย่างผตู้ อบแบบสอบถาม วิเคราะหด์ ว้ ยค่ารอ้ ยละ (Percentage) 1.2 วัฒนธรรมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อใน มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรีลา้ นช้าง อาเภอชุมแพ โดยเปน็ คาถามแสดง ระดบั ของวัฒนธรรมทางสังคม 5 ระดบั วิเคราะหด์ ว้ ยคา่ เฉลยี่ (Mean) และคา่ ส่วนเบยี่ งเบน มาตรฐาน (standard deviation) 2) การประมวลผลข้อมลู ใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป SPSS for Window โดยมีขน้ั ตอน ดังนี้ 2.1 ตรวจสอบความสมบูรณ์ และความถูกต้องของคาตอบท่ีได้ หลังจาก ดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากกลมุ่ ตัวอย่าง 2.2 บันทึกข้อมูลท่ีเป็นรหัสในแบบบันทึกข้อมูล และเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ตามลาดับ 2.3 ตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมูลดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 2.4 ประมวลผลขอ้ มลู ตามจดุ มงุ่ หมายของการศกึ ษาวิจยั 3) ข้อเสนอแนะแนวทาง ที่เหมาะสมกับทางคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยมหามกุฏ ราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตศรีลา้ นชา้ งวิเคราะห์และสรุปโดยใช้การพรรณนาวิธี
378 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 5. สถิตทิ ่ีใช้ในการวิจัย ใช้ค่าสถติ ิ คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี คา่ ส่วนเบย่ี งเบียนมาตรฐาน จากแบบสอบถาม 6. กรอบแนวคดิ การวจิ ยั - เพศ การตัดสินใจเข้าศกึ ษาต่ - สถานภาพ ระดบั อุดมศึกษาในมหาวทิ ยาลัย - รายได้ตอ่ เดือน มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั วิทยาเขต 1. คา่ นิยม ศรีลา้ นช้าง อาเภอชมุ แพ 5.2ผ. ลวกัฒานรธวริจรัยม ผลการวจิ ยั ผลการวิจัยพบว่า 1.ขอ้ มลู ทั่วไป นาแบบสอบถามท่ีสมบูรณ์มาวิเคราะห์ข้อมูลจานวน 131 รูป/คน ในจานวนน้ี นักศึกษาที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จานวน 86 รูป/คน คิดเป็นร้อยละ 65.15 เปน็ นักศึกษาท่ีเปน็ คฤหัสถจ์ านวน 75 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 72.52 และนักศกึ ษาท่ีตอบ แบบสอบถามส่วนใหญ่มีรายไดต้ ่อเดือนต่ากวา่ 10,000 บาทจานวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 86.7 2. ค่านิยมท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช วิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ พบว่า ค่านิยมส่วนตัวท่ีมีอิทธิพลต่อการ ตัดสนิ ใจเขา้ ศกึ ษาตอ่ ในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุม แพ คือต้องการเติมเต็มศักยภาพของตนเองโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.05 รองลงมาคือ มหาวทิ ยาลยั ต้งั อย่ใู กลบ้ า้ นโดยมีคา่ เฉล่ยี อยทู่ ่ีระดบั 3.61 และมีหลักสูตรและสาขาวชิ าทต่ี รง ตามความต้องการ มีค่าเฉล่ียระดับคะแนนอยู่ที่ 3.42 ค่านิยมของครอบครัวที่มีอิทธพิ ลต่อ การตดั สินใจเขา้ ศึกษาตอ่ ในมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอ ชุมแพมากท่ีสุด คือต้องการให้บุตรหลานมีอาชีพท่ีม่ันคง โดยมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 3.88
วารสารบณั ฑิตศกึ ษามหาจุฬาขอนแกน่ 379 ปที ่ี 6 ฉบับที่ 4 ประจาเดือนตลุ าคม – ธันวาคม 2562 รองลงมาคือตอ้ งการให้บุตรหลานรับราชการ มคี ่าเฉลีย่ อยู่ทร่ี ะดบั 3.46 ค่านยิ มในสังคมที่มี อทิ ธิพลต่อการตัดสินใจเขา้ ศกึ ษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตศรีล้าน ชา้ ง อาเภอชุมแพมากที่สุด คือคนทจ่ี บปรญิ ญามีความน่าเช่อื ถือ โดยมคี ่าเฉล่ียทีร่ ะดบั 4.26 รองลงมาคือคนท่ีจบปริญญาเป็นที่ยอมรับขององค์กรเม่ือจบการศึกษา โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี ระดับ 4.23 และคนที่จบปริญญามีโอกาสทางสังคมท่ีมากขึ้น มีค่าเฉล่ียระดับคะแนนอยู่ท่ี 4.23 ค่านิยมเกี่ยวกบั การรบั ราชการท่ีมอี ิทธพิ ลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวทิ ยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากท่ีสุด คือมคี วามมั่นคงในอาชีพ มคี ่าเฉลี่ยระดับคะแนนคอื 4.37 รองลงมาคือความมัน่ คงในชวี ิต โดยมีค่าเฉลย่ี ระดบั คะแนน อยูท่ ่ี 4.12และมีเกยี รตยิ ศช่อื เสียง มีคา่ เฉลย่ี ระดบั คะแนนอยทู่ ี่ 4.09 3. วัฒนธรรมท่มี ีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศกึ ษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช วิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ พบว่า วัฒนธรรมส่วนตัว ท่ีมีอิทธิพลต่อการ ตดั สินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตศรลี ้านช้าง อาเภอชุม แพมากที่สุด คอื การใฝห่ าความรู้ มีคา่ เฉลีย่ ระดบั คะแนนอยู่ที่ 4.00 รองลงมา คอื เลือกงานที่ มีความมั่นคง ค่าเฉลี่ยระดับ 3.76 วัฒนธรรมในครอบครัวท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้า ศกึ ษาต่อในมหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านชา้ ง อาเภอชุมแพมากที่สุด คอื การประกอบอาชีพที่มัน่ คง มีคา่ เฉลี่ยระดบั คะแนนอยทู่ ่ี 3.98 รองลงมาคือการรับราชการ ทาให้มีความม่ันคงในชีวติ มีคา่ เฉลี่ยระดบั คะแนนอยู่ท่ี 3.72 วฒั นธรรมในสังคมท่ีมอี ิทธิพล ต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากท่ีสุด คือให้ความเคารพกับข้าราชการ มีค่าเฉล่ียระดับคะแนนที่ 4.17 รองลงมาคือ ให้ความสาคัญกับสถานะทางสังคม โดยมคี ่าเฉล่ียระดับคะแนนคือ 4.12 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในภาพรวม พบวา่ ค่านยิ มในสังคมมีอิทธิพลตอ่ การตัดสินใจ เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมาก ท่ีสดุ คือมีคา่ เฉลย่ี ระดบั คะแนนอยู่ท่ี 4.15 รองลงมาคือค่านยิ มเกีย่ วกับการรับราชการโดยมี คา่ เฉลยี่ ระดับคะแนนอยู่ที่ 3.97วัฒนธรรมในสังคมมอี ิทธิพลต่อการตดั สินใจเขา้ ศึกษาต่อใน มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตศรลี า้ นชา้ ง อาเภอชุมแพมากท่ีสุด คอื มคี า่ เฉลย่ี ระดับคะแนนอยู่ที่ 4.08 รองลงมาคือวัฒนธรรมส่วนตัวและวัฒนธรรมในครอบครัวโดยมี ค่าเฉลย่ี ระดับคะแนนเท่ากนั อยู่ที่ 3.63
380 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 อภิปรายผลการวิจัย จากการศึกษาเรื่องการศึกษาค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้า ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ ของ นักศึกษาที่ลงทะเบยี นเรียนในภาคการศึกษาท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 นามาอภิปรายได้ ดงั น้ี คา่ นยิ มส่วนตัวที่มีอทิ ธพิ ลต่อการตดั สนิ ใจเขา้ ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราช วิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพ คือต้องการเติมเต็มศักยภาพของตนเองและ รองลงมาคือมหาวิทยาลัยต้ังอยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่านิยมของครอบครัวที่มีอิทธิพลต่อการ ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอ ชมุ แพมากท่ีสดุ คือต้องการใหบ้ ุตรหลานมีอาชพี ทีม่ ั่นคง รองลงมาคือต้องการใหบ้ ุตรหลาน รับราชการ และค่านิยมในสังคมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากที่สุด คือคนท่ีจบปริญญามี ความน่าเช่ือถือและรองลงมา คือคนที่จบปริญญาเป็นทย่ี อมรบั ขององค์กรเมื่อจบการศึกษา และคนที่จบปริญญามีโอกาสทางสังคมที่มากขึ้น ส่วนค่านิยมเก่ียวกับการรับราชการท่ีมี อิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขต ศรลี ้านช้าง อาเภอชมุ แพมากท่สี ดุ คอื มคี วามมั่นคงในอาชพี รองลงมาคอื ความมนั่ คงในชวี ิต ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ในภาพรวม พบวา่ คา่ นยิ มในสังคมมอี ิทธิพลต่อการตัดสินใจ เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมาก ทีส่ ุดรองลงมา คือคา่ นิยมเกย่ี วกับการรับราชการเน่ืองจากนกั ศกึ ษาส่วนใหญ่มีภูมิลาเนาอยู่ ในเขตพื้นทจ่ี งั หวัดขอนแกน่ และจงั หวัดชัยภมู ิ ค่านิยมและวฒั นธรรมของคนชนบททางภาค อีสานยังคงใหค้ วามสาคัญกับสงั คมรอบตัวและครอบครวั อย่างมากกลา่ วคือ สงั คมในชนบท ยังมีค่านิยมว่าการรับราชการเปน็ หน้าเปน็ ตาแกค่ รอบครัวและวงตระกลู จงึ นิยมให้ลูกหลาน เรียนในสาขาท่ีจบออกมาแล้วสามารถรับราชการได้ หรือรับการในตาแหน่งหน้าที่ท่ีได้รับ ความเคารพนับถอื จากคนทั่วไป เช่น การรบั การเป็น ปลดั อาเภอ นายอาเภอ ครู เปน็ ต้น วั ฒ น ธร ร ม ส่ ว น ตั ว ที่ มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ เข้ า ศึ ก ษ า ต่ อ ใน ม ห า วิ ท ย า ลั ย มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากที่สุด คือการใฝ่หาความรู้ รองลงมา คอื เลือกงานทม่ี ีความมั่นคง วฒั นธรรมในครอบครัวที่มีอทิ ธพิ ลต่อการตัดสินใจเข้า ศึกษาต่อในมหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากท่ีสุด คือการประกอบอาชีพที่ม่ันคง รองลงมาคือการรับราชการทาให้มีความม่ันคงในชีวิต
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจฬุ าขอนแกน่ 381 ปที ี่ 6 ฉบบั ท่ี 4 ประจาเดอื นตุลาคม – ธนั วาคม 2562 วัฒนธรรมในสังคมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช วิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง อาเภอชุมแพมากที่สุดคือให้ความเคารพกับข้าราชการ รองลงมาคือ ให้ความสาคัญกบั สถานะทางสงั คม ในภาพรวมพบว่า วัฒนธรรมในสังคมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อใน มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรีลา้ นช้าง อาเภอชุมแพมากที่สดุ คอื วัฒนธรรม ในสังคม รองลงมาคอื วัฒนธรรมสว่ นตวั และวฒั นธรรมในครอบครวั ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย 1.1 มหาวิทยาลัยควรมกี ารพจิ ารณาเรอื่ งการเปดิ หลกั สตู รทตี่ รงกบั ความ ตอ้ งการในตลาด เพอื่ เปน็ การเพมิ่ ศักยภาพการแข่งขันกับสถาบนั อ่นื 1.2 มหาวทิ ยาลัยควรพิจารณาเรื่องการอานวยความสะดวกใหแ้ ก่นักศกึ ษาไม่ ว่าจะเป็นในส่วนของงานบรกิ าร ควรมีการจัดอบรมแก่เจ้าหน้าท่ีเพ่ือให้ปฏิบตั ิหน้าท่ีไดต้ รง กับหน้าท่ีรับผดิ ชอบของตนเองและสามารถแก้ปญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 1.3 ควรพิจารณาเรอื่ งการจัดสร้างหอพักเพ่ือรองรับนักศึกษาท่ีอยไู่ กล เพื่อ เปน็ การเพ่ิมโอกาศในการตัดสินใจเลือกเรยี นท่ีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต ศรลี า้ นช้าง อาเภอชุมแพ 2. ข้อเสนอแนะสาหรับผปู้ ฏิบตั ิ 2.1 มหาวิทยาลัยควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนอ่ื งตลอดทั้งปี โดย การออกแนะแนวการศึกษาต่อหลักสูตรที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดทาการเรียนการสอนตาม โรงเรียนต่างๆ อย่างกว้างขวางนอกจากการประชาสัมพันธ์ทางสิ่งพิมพ์แล้ว ควรมีการ ประชาสัมพันธท์ างวทิ ยุ โทรทัศน์ สอื่ สังคมออนไลน์ เพือ่ ใหบ้ ุคคลไดร้ จู้ ักมากยิ่งข้ึน ซ่ึงอาจทา ให้มีนักเรียนตัดสนิ ใจที่จะเข้ามาศกึ ษาตอ่ มีจานวนเพิ่มมากขนึ้ 2.2 เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบตั ิการ ต้องอานวยความสะดวกแกน่ ักศึกษาเพอ่ื เพ่ิม ความประทบั ใจในมหาวทิ ยาลยั ให้มากยิ่งขน้ึ การท่ีนักศกึ ษาไม่ได้รับการปฏิบตั ิเก่ียวกับการ อานวยความสะดวกในเรื่องท่ีเป็นความรับผิดชอบของทางมหาวิทยาลัย อาจจะส่งผลต่อ ภาพลกั ษณข์ องมหาวิทยาลัยได้
382 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus Vol. 6 No. 4 October - December 2019 2.3 ควรจัดให้มีอาจารย์ท่ีปรึกษาปัญหาพิเศษเป็นอาจารย์ประจามากกว่าน้ี เพราะจะทาหนักศึกษาสะดวกในการตดิ ตอ่ และอาจารย์มีเวลาให้กบั นกั ศึกษามากขน้ึ 3. ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การศึกษาวจิ ัยตอ่ ไป 3.1 ควรทาการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์นักศึกษาทุกสาขา โดย สอบถามถึงค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย มหามกกุ ราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านชา้ ง อาเภอชุมแพ เพ่ือนาผลท่ไี ดเ้ ป็นแนวทางในการ ประชาสมั พนั ธ์มหาวทิ ยาลัยตอ่ ไป 3.2 ควรมกี ารศกึ ษาองค์ประกอบที่เป็นแรงจูงใจในการตัดสนิ ใจเข้าศึกษาต่อ ในมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัยโดยผา่ นสอื่ โฆษณาต่างๆ เช่นวิทยุ โทรทัศน์ 3.3 ควรทาการศึกษาวจิ ัยเก่ียวกับผู้ใช้บัณฑิต ในแต่ละหน่วยงานหรือสถาน ประกอบการท่ีนกั ศกึ ษาปฏิบตั งิ านอยู่ Reference Pisanu Fongsri. (2006). Educational research. 2nd edition. Bangkok : Tiam – Publishing.
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: