สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นรูก้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวัน ก กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สังกดั กศน.อำเภอพนสั นคิ ม
สรปุ ผลการจดั กจิ กรรม โครงการเรียนรกู้ ารใช้ประโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวัน ก คำนำ กศน.ตำบลกุฎโง้ง สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพนัสนิคม ได้จัดทำกิจกรรมงบดำเนินงาน ค่าจัดกิจกรรมจัดสร้างแหล่งการเรียนรู้ในระดับตำบล โครงการเรียนรู้การใช้ ประโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้ความเข้าใจในการ ป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างถูกวิธี เกิดพฤติกรรมในการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอและ นำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีการสรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการดังกล่าวเพื่อต้องการทราบว่า การดำเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ทีก่ ำหนดไว้หรือไม่ บรรลุในระดับใดและได้จัดทำเอกสารสรุปผลการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเสนอต่อผู้บริหาร ผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการ ปรับปรุงและพฒั นาการดำเนินโครงการใหด้ ยี ่ิงข้ึน คณะผ้จู ัดทำ ขอขอบคุณผู้อำนวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอ พนัสนิคม ท่ีให้คำแนะนำ คำปรึกษา ในการจัดทำสรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก สมุนไพรในชวี ติ ประจำวนั ในครัง้ นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารสรุปผลการจัดโครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรใน ชีวิตประจำวันฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำไปใช้ในการจัด กจิ กรรมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ต่อไป (นางสาวกนกกร ฮกโก้) ครู กศน.ตำบล มนี าคม 2564 กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนร้กู ารใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชวี ิตประจำวนั ข สารบญั หน้า ก หวั เร่ือง ข คำนำ ค สารบัญ 1 สารบัญตาราง 1 บทท่ี 1 บทนำ 1 2 - หลกั การและเหตุผล 2 - วตั ถุประสงค์ 2 - เปา้ หมายการดำเนินงาน 3 - ผลลัพธ์ 3 - ตวั ชว้ี ัดผลสำเรจ็ ของโครงการ 4 บทที่ 2 เอกสารการศึกษาและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง 11 - กรอบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 14 - เอกสาร/งานทเ่ี กีย่ วข้อง 19 บทท่ี 3 วิธดี ำเนนิ งาน บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล บทที่ 5 อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ ภาคผนวก - โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชวี ิตประจำวนั - แบบประเมนิ ผู้รบั บริการ - ภาพประกอบการจดั กิจกรรม - หนงั สอื เชิญวทิ ยากร คณะผู้จดั ทำ กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนคิ ม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรกู้ ารใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวนั ค สารบัญตาราง ตารางท่ี รายละเอยี ด หน้า 1 ผู้เข้าร่วมโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามเพศ 14 2 ผู้เขา้ ร่วมโครงการท่ีตอบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามอายุ 14 3 ผ้เู ขา้ ร่วมโครงการท่ีตอบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามอาชพี 15 4 ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการท่ีตอบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามระดบั การศึกษา 15 5 แสดงคา่ ร้อยละเฉลยี่ ความสำเร็จของตัวชวี้ ดั ผลผลติ ประชาชนท่ัวไป 16 6 คา่ เฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ในภาพรวม 16 7 คา่ เฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ 17 ดา้ นการบริหารจดั การ 8 ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ 17 ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้/การอบรม 9 ค่าเฉลยี่ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจฯ โครงการ 18 ดา้ นประโยชน์ทไี่ ดร้ ับ กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สังกัด กศน.อำเภอพนสั นคิ ม
สรปุ ผลการจัดกิจกรรม โครงการเรยี นรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวิตประจำวนั 1 บทที่ 1 บทนำ หลกั การและเหตุผล การใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโรค เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์จากประสบการณ์ เพื่อแก้ปัญหาการดำรงชีวิตโดย พัฒนาเป็นองค์ความรู้ภูมิปัญญาตามศักยภาพและสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ของตน ผ่านการสังเกต ทดลองและถ่ายทอดเป็นความรู้มาสู่รุ่นต่อรุ่นมีการประยุกต์ ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ทาง สังคม วัฒนธรรม และ สิ่งแวดล้อม แต่ในปัจจุบันนักศึกษาและประชาชนส่วนใหญ่ขาดความรู้ และไม่มีการนำเอา สมุนไพรต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์เท่าทีค่ วร การเรียนรูช้ นิดและสรรพคุณของสมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัว แล้วนำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อรักษาโรคและดูแลตนเองด้วยสมุนไพรทั้งในด้านการกินอาหารเป็นยา หรือการรักษาอาการ เจ็บป่วยต่าง ๆ ไดด้ ้วยตนเอง จะเปน็ สง่ ที่ชว่ ยรักษาภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ มใิ ห้สูญหายต่อไป ภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพมีมาดั้งเดิมอยู่คู่กับประเทศไทยมาต้ั งแต่ก่อน สมัยกรุงสุโขทัย ซึ่งมีความหลากหลาย และเป็นเอกลกั ษณ์ที่แตกตา่ งกันไปตามแต่ละสงั คมวัฒนธรรม กลุ่มชาติพนั ธุ์ สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางด้านการรักษาสุขภาพ และความเจ็บป่วยของประชาชนได้เป็นอย่างดี แต่จากการพัฒนาในทุกด้านที่ยึดการพัฒนาตามระบบทุนนิยม ทำให้ชุมชนมีค่านิยมตามแนวทางของตะวันตกเป็น หลักโดยเฉพาะด้านการจัดการสุขภาพที่เน้นการพึ่งพิงจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ภูมิปัญญาและ องคค์ วามรู้การดแู ลสุขภาพเดิมท่ีมีอยู่ในชมุ ชนไม่ได้รบั การพฒั นาและถูกทอดทิ้งจากคนรุ่นใหม่ขาดการสบื ทอดทำให้ ชุมชนรับประโยชน์จาก ภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรพื้นบ้านน้อยกว่าที่ควรจะเป็นทั้ง ๆ ที่ความรู้เหล่านี้สามารถช่วย ดูแลรักษาความเจ็บป่วยให้กับชาวบ้านได้ อีกทั้งองค์ความรู้ทางการแพทย์พื้นบ้านไทย ทั้งที่เป็นตัวหมอพื้นบ้าน ตำรา พันธุ์พืชที่ใช้เป็นยา สมุนไพร วิธีการการรักษาโรค ตลอดจนสังคมวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิต ฯลฯ มี ความสำคญั และเป็นสิง่ ลำ้ คา่ ท่ีควรจะเกบ็ รวบรวม อนุรักษ์ ฟน้ื ฟู ภูมิปัญญาใหอ้ ยคู่ ูก่ บั ประเทศไทย เพื่อเป็นมรดกต่อ ลูกหลานในการสืบทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรเพิ่มพื้นที่ในการปลูก สมุนไพร และนำมาใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ใหม้ ากข้นึ กศน.ตำบลกุฎโง้ง จึงได้เล็งเห็นความสำคัญจากเหตุผลข้างต้นดังกล่าว จึงได้ดำเนินการจัดทำ “โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน” เพื่อให้ประชาชนในตำบลกุฎโง้งรู้วิธีการดูแล สุขภาพและแก้ปัญหาด้านสุขภาพด้วยตนเอง โดยสามารถใช้สมุนไพรในครัวเรือนนำมาปรับใช้ชีวิตประจำวันของ ตนเอง และครอบครวั ต่อไปได้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกิจกรรมมีความรคู้ วามเขา้ ใจในการป้องกันโรคไขเ้ ลือดออกอย่างถกู วธิ ี 2. เพ่อื ใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกิจกรรมเกิดพฤติกรรมในการทำลายแหลง่ เพาะพันธย์ุ งุ ลายอย่างตอ่ เนอื่ งสม่ำเสมอ 3. เพอ่ื ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนำความรทู้ ไี่ ดร้ ับไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรุปผลการจดั กจิ กรรม โครงการเรยี นรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวัน 2 เปา้ หมาย เชิงปรมิ าณ ประชาชนตำบลกุฎโงง้ จำนวน 15 คน เชิงคุณภาพ 1. ผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรมมคี วามรเู้ กีย่ วกับสมุนไพรในชีวิตประจำวนั 2. ให้มกี ารเพ่ิมพนื้ ที่ปลกู พชื สมุนไพรภายในครัวเรอื นและชมุ ชน 3. ผู้รว่ มกิจกรรมสามารถนำสมุนไพรภายในชุมชนมาใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจำวัน ผลลัพธ์ ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับสมนุ ไพรในชีวิตประจำวันใหม้ ีการเพม่ิ พน้ื ทีป่ ลกู พืชสมุนไพร ภายในครัวเรอื นและชมุ ชนและนำความรู้ทไ่ี ดร้ บั มาปรบั ใชใ้ นชีวิตประจำวัน ดัชนชี ว้ี ดั ผลสำเร็จของโครงการ ตวั ชว้ี ัดผลผลติ รอ้ ยละ 80 ผู้เข้ารบั การอบรมรจู้ ักการใช้พ้นื ท่ีอย่างมีประสิทธภิ าพสงู สุด ตัวช้วี ัดผลลพั ธ์ ร้อยละ 80 ผเู้ ข้ารับมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสมุนไพรในชวี ิตประจำวันใหม้ ีการเพิ่มพื้นท่ีปลกู พชื สมนุ ไพรภายในครัวเรือนและชมุ ชนและนำความรู้ท่ไี ดร้ ับมาปรบั ใช้ในชีวติ ประจำวนั กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สังกัด กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรุปผลการจัดกิจกรรม โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 3 บทที่ 2 เอกสารการศกึ ษาและงานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วข้อง ในการจดั ทำสรุปผล โครงการเรียนร้กู ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน ครง้ั น้ี ผู้จัดทำโครงการ ไดท้ ำการค้นคว้าเน้ือหาเอกสารการศกึ ษาและงานวจิ ัยท่ีเก่ียวขอ้ ง ดงั น้ี 1. กรอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เก่ยี วกับการใชป้ ระโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 2. เอกสาร/งานวจิ ัยท่ีเกย่ี วข้อง การใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโรค เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์จากประสบการณ์ เพื่อแก้ปัญหาการดำรงชีวิตโดย พัฒนาเป็นองค์ความรู้ภูมิปญั ญาตามศักยภาพและสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ของตน ผ่านการสังเกต ทดลองและถ่ายทอดเป็นความรู้มาสู่รุ่นต่อรุ่นมีการประยุกต์ ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ทาง สังคม วัฒนธรรม และ สิ่งแวดล้อม แต่ในปัจจุบันนักศึกษาและประชาชนส่วนใหญ่ขาดความรู้ และไม่มีการนำเอา สมุนไพรต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์เท่าที่ควร การเรียนรู้ชนิดและสรรพคุณของสมุนไพรที่อยู่ใกล้ตวั แล้วนำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อรักษาโรคและดูแลตนเองด้วยสมุนไพรทั้งในด้านการกินอาหารเป็นยา หรือการรักษาอาการ เจ็บป่วยต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง จะเป็นสง่ ท่ีชว่ ยรกั ษาภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ มิใหส้ ูญหายตอ่ ไป ภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพมีมาดั้งเดิมอยู่คู่กับประเทศไทยมาตั้งแต่ก่อน สมัยกรุงสุโขทัย ซึ่งมีความหลากหลาย และเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามแตล่ ะสังคมวัฒนธรรม กลุ่มชาติพนั ธุ์ สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางด้านการรักษาสุขภาพ และความเจ็บป่วยของประชาชนได้เป็นอย่างดี แต่ จากการพัฒนาในทุกด้านท่ียดึ การพัฒนาตามระบบทุนนยิ ม ทำใหช้ ุมชนมคี ่านยิ มตามแนวทางของตะวันตกเป็นหลัก โดยเฉพาะด้านการจัดการสุขภาพที่เน้นการพึ่งพิงจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ภูมิปัญญาและองค์ ความรู้การดูแลสุขภาพเดิมที่มีอยู่ในชุมชนไม่ได้รับการพัฒนาและถูกทอดทิ้งจากคนรุ่นใหม่ขาดการสืบทอด ทำให้ ชุมชนรับประโยชน์จาก ภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรพื้นบ้านน้อยกว่าที่ควรจะเป็นทั้ง ๆ ที่ความรู้เหล่านี้สามารถช่วย ดูแลรักษาความเจ็บป่วยให้กับชาวบ้านได้ อีกทั้งองค์ความรู้ทางการแพทย์พื้นบ้านไทย ทั้งที่เป็นตัวหมอพื้นบ้าน ตำรา พันธุ์พืชท่ีใช้เป็นยา สมุนไพร วิธีการการรักษาโรค ตลอดจนสังคมวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิต ฯลฯ มี ความสำคัญและเป็นส่ิงล้ำค่าที่ควรจะเก็บรวบรวม อนุรักษ์ ฟนื้ ฟภู ูมิปญั ญาให้อยู่คู่กบั ประเทศไทย เพ่ือเป็นมรดกต่อ ลูกหลานในการสืบทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรเพิ่มพื้นที่ในการปลูก สมนุ ไพร และนำมาใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ใหม้ ากขนึ้ กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สังกัด กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรปุ ผลการจดั กิจกรรม โครงการเรยี นรกู้ ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน 4 สมุนไพร ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และแร่ธาตุ ที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับสารอื่นตามตำรับยา เพ่ือ บำบดั โรค บำรุง ร่างกาย หรือใชเ้ ป็นยาพิษ\"[1] หากนำเอาสมุนไพรตั้งแตส่ องชนดิ ข้ึนไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า ยา ในตำรบั ยา นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยังอาจประกอบดว้ ยสัตว์และแรธ่ าตุอีกดว้ ย เราเรียกพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุที่ เปน็ สว่ นประกอบของยานวี้ า่ เภสัชวัตถุ พืชสมุนไพรบางชนดิ เช่น เรว่ กระวาน กานพลู และจนั ทนเ์ ทศ เปน็ ต้น ลกั ษณะ พืชสมนุ ไพร นั้นต้ังแต่โบราณกท็ ราบกนั ดวี ่ามีคุณค่าทางยามากมายซ่ึง เชอ่ื กันอกี ด้วยว่า ตน้ พชื ต่าง ๆ กเ็ ป็น พืชท่ีมีสารท่เี ป็นตัวยาดว้ ยกนั ทง้ั สิ้นเพยี งแต่ว่าพืชชนดิ ไหนจะมคี ณุ ค่าทางยามากน้อยกว่ากันเทา่ นนั้ พืชสมุนไพร หรอื วัตถุธาตุนี้ หรอื ตวั ยาสมนุ ไพรนี้ แบง่ ออกเป็น 5 ประการ ดังนี้ ➢ รูป ได้แก่ ใบไม้ ดอกไม้ เปลอื กไม้ แกน่ ไมก้ ระพี้ไม้ รากไม้ เมล็ด ➢ สี มองแล้วเห็นว่าเปน็ สีเขียวใบไม้ สีเหลอื ง สแี ดง สีส้ม สมี ่วง สีนำ้ ตาล สีดำ ➢ กลน่ิ ให้รวู้ า่ มีกลนิ่ หอม เหมน็ หรือกล่ินอย่างไร ➢ รส ใหร้ ้วู ่ามีรสอย่างไร รสจืด รสฝาด รสขม รสเค็ม รสหวาน รสเปร้ียว รสเย็น ➢ ช่อื ตอ้ งรู้ว่ามชี อื่ อะไรในพชื สมนุ ไพรนน้ั ๆ ใหร้ วู้ ่า ขิงเป็นอย่างไร ข่า เป็นอย่างไร ใบขี้เหลก็ เป็นอยา่ งไร พืชสมุนไพร แบง่ ตามลักษณะประเภทไม้ไดด้ ังน้ี ➢ ประเภทไม้ล้มลุก เช่น ฟ้าทะลายโจร ขิง ขมิ้น ว่านหาง จระเข้ หญ้าปักกง้ิ แมงลัก วา่ นนำ้ ➢ ประเภทไมพ้ ุ่ม เช่น พญายอ กระเจ๊ยี บแดง เสลดพงั พอน ตวั ผู้ มะแวง้ ต้น หญา้ หนวดแมว ทองพันชัง่ ➢ ประเภทไม้ต้น เช่น สะเดา ขี้เหล็ก อบเชย กานพลู มะขามแขก การบรู ฝร่ัง ➢ ประเภทไม้เถา เช่น มะแว้งเครือ บอระเพ็ด บัวบก พลู อญั ชนั หางไหลแดง กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนคิ ม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวนั 5 ประเภทของยาเภสัชวตั ถุ ในพระราชบัญญัตยิ าฉบับที่ 3 ปพี ทุ ธศกั ราช 2522 ได้แบง่ ยาทไี่ ด้จากเภสชั วัตถุน้ไี วเ้ ปน็ 2 ประเภทคือ 1. ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาที่ใชใ้ นการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ หรอื ในการบำบัดโรคของสัตว์ ซึง่ มีปรากฏอยู่ในตำรายาแผนโบราณท่ี รฐั มนตรปี ระกาศ หรือยาทีร่ ัฐมนตรีประกาศให้เปน็ ยาแผนโบราณ หรือ ไดร้ ับอนญุ าตใหข้ นึ้ ทะเบยี นตำรบั ยาเปน็ ยาแผนโบราณ 2. ยาสมุนไพร หมายถึงยาท่ีได้จากพืชสัตวแ์ ร่ธาตทุ ย่ี งั มิไดผ้ สมปรงุ หรือแปรสภาพสมนุ ไพรนอกจากจะใช้ เปน็ ยาแลว้ ยงั ใชป้ ระโยชนเ์ ป็นอาหาร ใชเ้ ตรียมเปน็ เครอื่ งดืม่ ใช้เปน็ อาหารเสรมิ เปน็ ส่วนประกอบใน เครื่องสำอาง ใช้แตง่ กลนิ่ แตง่ สีอาหารและยา ตลอดจนใช้เป็นยาฆ่าแมลงอีกดว้ ย ในทางตรงกนั ข้าม มี สมุนไพรจำนวนไมน่ อ้ ยที่มีพษิ ถา้ ใชไ้ ม่ถกู วิธหี รือใช้เกนิ ขนาดจะมีพิษถึงตายได้ ดงั น้นั การใชส้ มุนไพรจึงควร ใช้ด้วยความระมัดระวงั และใชอ้ ยา่ งถกู ต้อง ปัจจบุ ันมกี ารตื่นตวั ในการนำสมุนไพรมาใช้พัฒนาประเทศมากขนึ้ การเกบ็ รักษาสมุนไพร 1) ควรเก็บยาสมุนไพรไว้ในที่แห้งและเย็น สถานที่เก็บสมุนไพรนั้นต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อขับไล่ ความอับชนื้ ท่อี าจจะก่อใหเ้ กิดเชื้อราในสมุนไพรได้ 2) สมุนไพรที่จะเก็บรักษานั้นต้องแห้งไม่เปียกชื้น หากเสี่ยงต่อการขึ้นราได้ ควรนำสมุนไพรนั้นออกมาตาก แดดอยา่ งสม่ำเสมอ 3) ในการเก็บสมุนไพรนั้นควรแยกประเภทของสมุนไพรในการรักษาโรค เพื่อป้องกันการหยิบยาผิดซ่ึง อาจจะก่อให้เกดิ อนั ตรายได้ 4) ควรตรวจดูความเรียบร้อยในการเก็บสมุนไพรบ่อย ๆ ว่ามีสัตว์หรือแมลงต่าง ๆ เข้าไปทำลายหรือก่อ ความเสยี หายกับสมนุ ไพรทีเ่ ก็บรกั ษาหรือไม่ ถา้ มีควรหาทางปอ้ งกันเพื่อรักษาคณุ ภาพของสมนุ ไพร กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สังกัด กศน.อำเภอพนสั นคิ ม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรู้การใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวัน 6 สเปรย์ตะไคร้หอม ‘ไลย่ งุ ’ ทำเองได้ใน 4 ขนั้ ตอน “โรคไขเ้ ลือดออก” เกิดจาก การตดิ เชื้อไวรสั เดง็ กี เป็นอีกหน่ึงภัยร้ายที่มา พรอ้ มกับสายฝน ทีม่ ี “ยงุ ลายตัวเมีย” เป็น พาหะนำโรคโดยการกดั และปลอ่ ยเชอื้ เขา้ สู่ กระแสเลือด ซงึ่ เจา้ ยุงลายมักจะไปวางไขใ่ น บรเิ วณท่มี ีน้ำขังนิ่ง เพราะฉะน้นั เม่อื เข้าสู่ฤดูฝน อย่างเปน็ ทางการแบบนี้ ตอ้ งตรวจตรารอบบ้าน กำจดั แหล่งเพาะพนั ธย์ุ ุงลาย อย่าปลอ่ ยใหม้ ีนำ้ ขงั ใสท่ รายอะเบท กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กดั กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรุปผลการจัดกิจกรรม โครงการเรียนรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวติ ประจำวนั 7 เพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลาย หลกี เลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่ยุงชุกชมุ ไม่สวมเสื้อผา้ สีทึบ รวมไปถงึ ใช้ “สเปรย์ไล่ยุง” ก็ เป็นอกี หน่งึ วิธีท่ีไดร้ ับความนิยม ซึ่งในห้วงทีโ่ ควิด-19 ระบาดแบบน้ี อยู่บา้ นว่างๆ กส็ ามารถทำ “สเปรย์ไล่ยุง” ไวใ้ ช้เองได้ ตาม สูตรท่ี กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แนะนำไวด้ ังน้ี เตรียมวัตถุดิบ ประกอบด้วย ✓ ตะไครห้ อมหน่ั 100 กรัม ✓ ผิวมะกรูดหัน่ 50 กรมั ✓ การบูร 10 กรัม ✓ เอทลิ แอลกอฮอล์ หรือแอลกอฮอลลล์ ้างแผล 1 ลิตร ✓ ผ้าขาวบางขนาด 25*25 ซม. 1 ผนื ✓ โหลแก้วพร้อมฝาปิด 1 ใบ ✓ ขวดสเปรย์ตามชอบ วิธีทำ 1.นำตะไครห้ อมและผิวมะกรดู ที่เตรียมไว้ห่อด้วยผ้าขาวบาง ผกู ให้เรียบรอ้ ย จากน้นั ใสล่ งในโหลแกว้ 2.เติมเอทิลแอลกอฮอลล์ ปดิ ฝาใหส้ นทิ หมนั่ คนเชา้ -เย็นเป็นเวลา 7 วัน 3.พอครบ 7 วนั นำหอ่ ผา้ ออก แล้วเติมการบรู ลงไป และ 4.บรรจุในขวดสเปรยพ์ ร้อมปิดฉลากให้สังเกตได้ชัด ป้องกันการหยิบใช้ผิด สำหรบั วธิ ใี ช้ ให้ฉีดตามผิวกายแต่ควรระวังการสัมผัสกับเยื่อบุอ่อนที่บอบบาง เพราะอาจจะทำให้เกิด การระคายเคือง นอกจากนี้ ยังสามารถนำสมุนไพรอื่นๆ ที่ใช้ไล่ยุงได้ อาทิ ผิวมะกรูด กะเพรา โหระพา ยูคาลิปตัส มาทำสเปรย์ไล่ยุงตามวิธีข้างต้น หรือจะนำมาขยี้ ทุบให้มีกลิ่น แล้วนำไปวางไว้ที่มุมหรือจุดที่ต้องการ ก็ให้ประสิทธิภาพในการ ไล่ยุงและแมลงอ่ืน ๆ เช่นเดยี วกัน ประวัติกัญชา กัญชาเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนานหลายพันปี บ้างก็มองวา่ เปน็ สารเสพติดท่ีก่อให้เกิดอาการมึนเมา บา้ งก็เป็นของเล่นสนกุ ของเหล่าหนุ่มสาว และศลิ ปินท่ีทำให้ผ่อนคลายเกิดแรงบันดาลใจ แต่ขณะเดียวกนั กเ็ ปน็ สมนุ ไพรชั้นเย่ียมที่ชว่ ยรกั ษาใหใ้ ครหลายคน รอดพ้นจากอาการเจบ็ ป่วยเร้ือรงั มบี ันทกึ ว่า การใชก้ ัญชาครง้ั แรกของโลกมีข้นึ เมอ่ื ราว 4,700 ปีที่แลว้ โดยจกั รพรรดิเสินหนงแห่ง ประเทศจนี ไดใ้ ชพ้ ืชชนิดนีเ้ ป็นสมุนไพรรักษาโรคข้อต่ออักเสบ มาลาเรีย และโรคไขร้ ูมาติก ต่อมาเมือ่ ราว 2,500 ปีที่ แล้ว เรม่ิ ถกู สงั่ ห้ามในจนี เนื่องจากไดร้ บั การสันนษิ ฐานว่าทำให้เดก็ ๆ และวยั รุน่ ไมเ่ คารพผ้ใู หญ่ ทำใหส้ ติไม่อยู่กับ เน้ือกับตัว กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด กศน.อำเภอพนัสนคิ ม
สรุปผลการจดั กจิ กรรม โครงการเรยี นรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวนั 8 ส่วนในประเทศไทย เราใชก้ ัญชาในการรักษาโรคมาต้งั แต่สมัยอยุธยาในยุคสมเดจ็ พระนารายณ์ มหาราช โดยใชเ้ ปน็ ส่วนผสมสำคญั ในตำรบั แพทย์แผนไทยถึง 98 ตำรบั ส่วนใหญใ่ ช้รักษาอาการนอนไม่หลบั อาการ ปวด ตกเลือด ชว่ ยให้เจรญิ อาหาร แกล้ งแดง ขับลม และบำรุงกำลงั ในปี ค.ศ.1961 กญั ชากลายเปน็ ของตอ้ งหา้ ม ไมใ่ ชส่ มนุ ไพรหรือของเลน่ สนุกของหนุ่มสาวอีกต่อไป เพราะหลังจากที่สหประชาชาติประกาศลงนามในสนธิสัญญาร่วมเพื่อปราบยาเสพติดให้หมดไปจากโลกนี้ ผู้นำ ประเทศต่าง ๆ รวมถึงประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐอเมริกา จึงประกาศสงครามยาเสพติด โดยเปลี่ยน กัญชาขึ้นเป็นสารเสพติดประเภท 1 ซึ่งมีความรุนแรงเทียบเท่ากับเฮโรอีน พร้อมกับเชิญชวนให้ทั่วโลกร่วมทำ สงครามยาเสพติดเช่นกนั ส่วนการปราบปรามกัญชา ในประเทศไทย เริ่มในสมัยของพระยา พหลพลพยหุ เสนา นายกรัฐมนตรคี นที่ 2 ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ โ ด ย ข ณ ะ น ั ้ น ไ ด ้ มี พระราชบญั ญตั ิกญั ชา พ.ศ.2477 ซง่ึ ห้าม ให้ผู้ใดปลูก นำเข้า ซื้อขาย หรือเสพ กัญชาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะได้รับโทษทัง้ จำและปรับอย่างรุนแรง จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2522 รัฐบาลไทยออก พ.ร.บ. ยา เสพติดที่ใช้กันมาถึงปัจจุบัน โดยจัด กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทท่ี 5 หลงั จากกำหนดให้กัญชา กลายเปน็ ยาเสพติดชนดิ รนุ แรง ทำให้ เกดิ การวจิ ารณจ์ ากแพทย์และ นักวชิ าการท่ัวโลก เพราะแม้ว่ากญั ชาจะ มีฤทธิ์ให้มึนเมาและเส่ยี งต่อการเสพตดิ แต่มีประโยชน์มากในเชิงการรักษาโรค ในปี ค.ศ.1972 รัฐบาลเนเธอร์แลนดจ์ ึงตัดสนิ ใจจัดประเภทยาเสพตดิ ใหม่ โดยเลือกให้กัญชาเป็นยาเสพติดชนดิ ไมร่ า้ ยแรง และสามารถใชใ้ นเชิงการผ่อนคลายได้ใน “ร้านกาแฟ” การรกั ษาโรคโดยใช้กัญชาไดร้ ับความสนใจมากข้ึนในโลกตะวนั ตก เน่อื งจากทมี แพทยจ์ ากอเมรกิ า สามารถนำกัญชามารักษาผทู้ ี่ปว่ ยด้วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ ในปี ค.ศ.1996 จึงประกาศให้แคลิฟอรเ์ นยี เป็นรฐั แรก ของสหรฐั อเมริกาทส่ี ามารถใช้กัญชาในเชงิ การแพทย์ไดอ้ ย่างถกู กฎหมาย ปจั จบุ ันกว่า 20 ประเทศ เปลย่ี นให้กัญชา กลายเป็นพชื ถูกกฎหมาย แต่กย็ ังมีข้อบังคบั ท่แี ตกต่างกนั ออกไป ส่วนในประเทศไทย คณะรฐั มนตรไี ด้เห็นชอบหลักการร่างประมวลกฎหมายยาเสพตดิ ฉบับใหม่ ใน วนั ท่ี 2 กรกฎาคม 2561 ซง่ึ มีบททอี่ นุญาตให้ใชก้ ัญชาในทางการแพทย์หรือศึกษาวิจยั ในมนษุ ย์ได้ คาดวา่ จะเกิดข้ึน จรงิ ในวันท่ี 1 พฤษภาคม 2562 ภายใตก้ ารทำงานของคณะทำงาน 4 คณะ คือ คณะทำงานเพ่ือการพัฒนาการปลูก กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กัด กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรกู้ ารใชป้ ระโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวติ ประจำวนั 9 และปรับปรุงสายพันธ์ุ คณะทำงานเพื่อพฒั นาการสกดั ฯ คณะทำงานเพ่ือพจิ ารณานำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ และ คณะทำงานเพ่อื วางระบบการควบคุมฯ กญั ชา-กัญชง ต่างกันอยา่ งไร กฎหมายอนญุ าตใช้ประโยชน์อะไรไดบ้ า้ ง กญั ชา เปน็ พชื ทเ่ี ราคนุ้ ช่อื มานานและรูจ้ กั ในนามของพชื ตอ้ งห้ามเพราะกฎหมายจดั ว่าเป็นยาเสพตดิ สว่ นกัญ ชง ก่อนหนา้ น้เี ราไมค่ นุ้ ชื่อกันเท่าไหร่ แตช่ ่วงหลัง ๆ กเ็ ริ่มไดย้ นิ บ่อยจนคนุ้ หมู ากแลว้ เหมอื นกัน เนอ่ื งจาก รัฐบาลปัจจบุ นั ไดป้ ลดล็อกให้ใช้ประโยชนม์ ากมายของพืช 2 ชนดิ น้ี เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกจิ คำวา่ “ปลดล็อก” ไม่ไดห้ มายความว่า พืช 2 ชนดิ นถ้ี ูกถอดออกจากรายช่ือยาเสพติดแล้ว แต่หมายถงึ การ อนุญาตให้ใช้ประโยชนไ์ ดภ้ ายใตก้ รอบกฎหมาย กระทรวงสาธารณสขุ ได้ออกประกาศกระทรวง เร่ือง ระบุช่ือยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) เม่ือวนั ที่ 14 ธนั วาคม 2563 ให้บางส่วนของตน้ กัญชาและกัญชงไม่จัดเป็นยาเสพติด ส่วนตา่ ง ๆ ของกัญชาท่ีไม่จัดเป็นยาเสพตดิ ไดแ้ ก่ เปลือก ลำตน้ เส้นใย ก่งิ ก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอด หรือช่อดอกติดมาดว้ ย สารสกดั CBD ท่ีมี THC ไมเ่ กินรอ้ ยละ 0.2% และกากทีเ่ หลือจากการสกดั กัญชา ซึ่งตอ้ ง มี THC ไมเ่ กิน 0.2% สว่ นตา่ ง ๆ ของกญั ชงท่ไี มจ่ ัดเปน็ ยาเสพตดิ ได้แก่ เปลอื ก ลำต้น เสน้ ใย กงิ่ กา้ น ราก ใบ ซง่ึ ไมม่ ียอด หรือช่อดอกตดิ มาด้วย สารสกดั CBD ท่ีมี THC ไมเ่ กนิ 0.2% เมล็ด น้ำมนั หรือสารสกัดจากเมล็ด และกากท่ี เหลือจากการสกัดกัญชง ซ่งึ ตอ้ งมี THC ไม่เกิน 0.2% ประชาชน เอกชน สามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากส่วนเหลา่ น้ีของกญั ชาและกญั ชงได้ แต่มีข้อกำหนดวา่ ตอ้ งไดม้ าจาก สถานที่ปลกู หรือผลิตในประเทศ ซงึ่ ไดร้ ับอนญุ าตแล้วเท่านั้น กรณีการนำเข้าสามารถนำเขา้ ได้ โดยขออนุญาตเป็นยา เสพตดิ ยกเวน้ เปลือกแหง้ แกนลำตน้ แห้ง และเส้นใยแห้ง ได้รับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดตามประกาศนี้ กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กัด กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรปุ ผลการจดั กิจกรรม โครงการเรยี นร้กู ารใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวนั 10 กรณีกัญชงนั้นก้าวหน้าไปกอ่ นกัญชาแลว้ เพราะกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวง เรื่อง การขออนญุ าตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมไี ว้ในครอบครองซ่ึงยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ในประเภท 5 เฉพาะกญั ชง (Hemp) พ.ศ. 2563 ใหข้ ออนุญาตปลูก ผลิต ส่งออก จำหนา่ ย ครอบครองได้ต้ังแต่ วันที่ 29 มกราคม 2564 ส่วนการนำเข้าเมล็ดพันธ์กุ ัญชงเข้ามาปลกู จะสามารถทำไดภ้ ายใน 5 ปี นบั ตั้งแต่ กฎกระทรวงฉบับนบี้ ังคบั ใช้ กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจดั กิจกรรม โครงการเรียนรูก้ ารใช้ประโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน 11 บทท่ี 3 วิธดี ำเนินงาน การดำเนิน โครงการเรียนรู้การใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชวี ติ ประจำวัน ได้ดำเนินการตามขั้นตอนตา่ ง ๆ ดังน้ี 1. ขนั้ เตรียมการ การศึกษาเอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ งกับ โครงการเรยี นรู้การใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงการได้ศกึ ษาคน้ คว้าเอกสารที่เกี่ยวขอ้ งเพ่ือเปน็ ข้อมูลและแนวทางในการดำเนินการ โครงการเรียนรกู้ ารใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน ดังนี้ 1. ศึกษาเอกสาร / คู่มือ ข้อมูลจากหนงั สือ เก่ยี วกับการใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ติ ประจำวัน เพื่อเป็น แนวทางเกย่ี วกบั การจัด โครงการเรยี นรู้การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน 2. ศกึ ษาขัน้ ตอนการดำเนิน โโครงการเรียนรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวัน เพ่อื เป็น แนวทางในการจัดเตรียมงาน วสั ดอุ ุปกรณ์ และบคุ ลากรใหเ้ หมาะสม การสำรวจความตอ้ งการของประชาชนในพื้นท่ี (ตามนโยบายของรัฐบาล) กลมุ่ ภารกจิ การจัดการศึกษานอกระบบ มอบหมายให้ ครู กศน.ตำบล สำรวจความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายเพื่อทราบความตอ้ งการที่แท้จริงของประชาชนในตำบล และมีขอ้ มลู ในการจัดกจิ กรรมท่ีตรงกับความ ตอ้ งการของชมุ ชน การประสานงานผู้นำชมุ ชน /ประชาชน /วิทยากร 1. ครู กศน.ตำบล ได้ประสานงานกับหัวหน้า/ผู้นำชมุ ชนและประชาชนในตำบลเพื่อร่วมกัน ปรกึ ษาหารือในกลุ่มเก่ียวกับการดำเนินการจัดโครงการให้ตรงกบั ความต้องการของชุมชน 2. ครู กศน.ตำบล ได้ประสานงานกับหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้องเพอ่ื จดั หาวทิ ยากร การประชาสัมพันธ์โครงการฯ ครู กศน.ตำบล ไดด้ ำเนินการประชาสัมพันธก์ ารจัด โครงการเรยี นรกู้ ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพร ในชีวิตประจำวัน เพื่อใหป้ ระชาชนทราบข้อมูลการจัดกิจกรรมดังกลา่ วผา่ นผูน้ ำชมุ ชน ประชมุ เตรยี มการ /วางแผน 1) ประชมุ ปรึกษาหารือผทู้ ่ีเกี่ยวข้อง 2) เขียนโครงการ วางแผนมอบหมายงานใหฝ้ ่ายตา่ ง ๆ เตรียมดำเนนิ การ 3) มอบหมายหน้าท่ี แต่งตั้งคณะทำงาน การรบั สมคั รผ้เู ขา้ ร่วมโครงการฯ ครู กศน.ตำบล ไดร้ บั สมัครผเู้ ขา้ ร่วม โครงการเรยี นรู้การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวนั โดยใหป้ ระชาชนตำบลกฎุ โง้ง จำนวน 15 คน กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรุปผลการจัดกิจกรรม โครงการเรียนรู้การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวนั 12 การกำหนดสถานทีแ่ ละระยะเวลาดำเนินการ ครู กศน.ตำบล ได้กำหนดสถานท่ใี นการจัดอบรมคอื กศน.ตำบลกฎุ โงง้ หมทู่ ่ี 6 ตำบลกุฎโงง้ อำเภอพนสั นิคม จังหวดั ชลบุรี ในวันที่ 25 มีนาคม 2564 จำนวน 1 วัน เวลา 13.00-16.00 น. 2. ขัน้ ดำเนนิ งาน กลมุ่ เป้าหมาย กล่มุ เปา้ หมายของโครงการเรียนรูก้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวนั จำนวน 15 คน สถานทด่ี ำเนินงาน จัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชนจ์ ากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน โดยจดั กจิ กรรมอบรมให้ ความรู้ ในวันท่ี 25 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.00-16.00 น. ณ กศน.ตำบลกฎุ โงง้ หมู่ที่ 6 ตำบลกุฎโงง้ อำเภอ พนัสนิคม จังหวดั ชลบรุ ี การขออนมุ ัติแผนการจัดกิจกรรม กศน.ตำบลกุฎโง้ง ได้ดำเนินการขออนุมัตแิ ผนการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นรู้การใช้ประโยชนจ์ าก สมนุ ไพรในชีวติ ประจำวัน ตอ่ สำนกั งาน กศน.จังหวัดชลบรุ ี เพอ่ื ใหต้ ้นสงั กดั อนุมัติแผนการจดั กิจกรรม การจดั ทำเครอื่ งมือการวัดความพึงพอใจของผูร้ ว่ มกิจกรรม เคร่อื งมือที่ใช้ในการติดตามประเมนิ ผลโครงการ ไดแ้ ก่ แบบประเมินความพึงพอใจ ขน้ั ดำเนนิ การ /ปฏบิ ตั ิ 1. เสนอโครงการเพอื่ ขอความเห็นชอบ/อนมุ ตั จิ ากต้นสังกดั 2. วางแผนการจดั กิจกรรมใน โครงการเรยี นรูก้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวติ ประจำวัน โดยกำหนดตารางกิจกรรมที่กำหนดการ 3. มอบหมายงานใหแ้ ก่ผ้รู บั ผิดชอบฝา่ ยต่าง ๆ 4. แตง่ ตัง้ คณะกรมการดำเนนิ งาน 5. ประชาสัมพนั ธ์ โครงการเรียนร้กู ารใชป้ ระโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวัน 6. จัดกิจกรรมโครงการฝกึ อบรมรณรงค์การป้องกัน ควบคุม โรคไขเ้ ลือดออก กศน.ตำบลกฎุ โง้ง ตามตารางกิจกรรมท่ีกำหนดการ 7. ติดตามและประเมนิ ผล โครงการเรยี นรกู้ ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน 3. การประเมนิ ผล วิเคราะหข์ ้อมลู 1. บันทกึ ผลการสงั เกตจากผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรม 2. วเิ คราะห์ผลจากการประเมินในแบบประเมินความพงึ พอใจ 3. รายงานผลการปฏบิ ตั ิงาน รวบรวมสรุปผลการปฏบิ ัติงานของโครงการนำเสนอตอ่ ผบู้ ริหาร นำปญั หา ขอ้ บกพร่องไปแก้ไขคร้ังต่อไป กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สังกดั กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน 13 คา่ สถิตทิ ใ่ี ช้ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละในการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวชี้วัดความสำเร็จของ โครงการตามแบบสอบถามคิดเป็นรายขอ้ โดยแปลความหมายคา่ สถิตริ ้อยละออกมาไดด้ ังนี้ คา่ สถติ ิรอ้ ยละ 90 ขึ้นไป ดีมาก คา่ สถติ ิร้อยละ 75 – 89.99 ดี คา่ สถิตริ อ้ ยละ 60 – 74.99 พอใช้ ค่าสถิตริ ้อยละ 50 – 59.99 ปรับปรงุ ค่าสถิติร้อยละ 0 – 49.99 ปรบั ปรุงเร่งด่วน ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นรายข้อซึ่งมีลักษณะเป็นค่าน้ำหนักคะแนน และนำมาเปรยี บเทียบ ไดร้ ะดบั คุณภาพตามเกณฑก์ ารประเมิน ดังนี้ เกณฑก์ ารประเมิน (X) คา่ น้ำหนักคะแนน 4.50 – 5.00 ระดบั คุณภาพ คือ ดมี าก คา่ น้ำหนักคะแนน 3.75 – 4.49 ระดับคุณภาพ คือ ดี คา่ นำ้ หนกั คะแนน 3.00 – 3.74 ระดบั คณุ ภาพ คอื พอใช้ ค่าน้ำหนกั คะแนน 2.50 – 2.99 ระดบั คุณภาพ คอื ตอ้ งปรับปรงุ ค่าน้ำหนักคะแนน 0.00 – 2.49 ระดับคุณภาพ คือ ตอ้ งปรบั ปรงุ เรง่ ด่วน กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กดั กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรปุ ผลการจัดกิจกรรม โครงการเรยี นรูก้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวติ ประจำวัน 14 บทท่ี 4 ผลการดำเนินงานและการวเิ คราะห์ข้อมลู ตอนท่ี 1 รายงานผลการจัดกิจกรรม โครงการเรียนร้กู ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชีวติ ประจำวัน การจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นรู้การใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวนั สรปุ รายงานผลการจดั กิจกรรมได้ดงั น้ี ในการจัดกจิ กรรมอบรมให้ความรตู้ าม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน เป็นการอบรมให้ความรู้ โดยมี นางสาวฉตั ราภรณ์ ฤทธิพนั ธ์ุวรกลุ เปน็ วทิ ยากรในการบรรยายให้ความรู้ เรื่อง สมุนไพรในชีวิตประจำวัน ประโยชนข์ องสมุนไพร พร้อมทง้ั สาธติ และปฏิบตั ิการทำน้ำมนั ตะไคร้ไล่ยงุ ตอนท่ี 2 รายงานผลความพึงพอใจของ โครงการเรียนรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวนั การจดั กจิ กรรม โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน ซึ่งสรปุ รายงานผลจาก แบบสอบถามความคิดเหน็ ข้อมลู ที่ไดส้ ามารถวเิ คราะห์และแสดงค่าสถิติ ดงั นี้ ตารางที่ 1 ผ้เู ขา้ รว่ มโครงการท่ตี อบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามเพศ ร้อยละ เพศ จำนวน 6.67 ชาย 1 93.33 หญงิ 14 100 รวม 15 จากตารางที่ 1 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีเข้ารว่ มกิจกรรม จำนวน 15 คน ส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญงิ จำนวน 15 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 ตารางท่ี 2 ผู้เข้ารว่ มโครงการท่ตี อบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามอายุ อายุ จำนวน รอ้ ยละ - 15 – 25 ปี - - 26 - 39 ปี - 13.33 13.33 40 – 49 ปี 2 73.33 100.00 50 - 59 ปี 2 60 ปีขนึ้ ไป 11 รวม 15 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กัด กศน.อำเภอพนัสนคิ ม
สรปุ ผลการจดั กิจกรรม โครงการเรยี นรกู้ ารใชป้ ระโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวนั 15 จากตารางท่ี 2 พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามทเ่ี ขา้ ร่วมกิจกรรม จำนวน 15คน สว่ นใหญม่ ีอายุ 60 ปขี ้นึ ไป จำนวน 11 คน คิดเปน็ ร้อยละ 73.33 รองลงมาคือ อายุระหวา่ ง 40-49 ปี จำนวน 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 13.33 อายุ ระหว่าง 50-59 ปี จำนวน 2 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 13.33 ตารางท่ี 3 ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการท่ีตอบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามอาชีพ ประกอบอาชีพ จำนวน รอ้ ยละ 20.00 รบั จา้ ง 3 6.67 20.00 ค้าขาย 1 - เกษตรกร 3 53.33 100.00 ลกู จ้าง/ข้าราชการหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน - อนื่ ๆ 8 รวม 15 จากตารางท่ี 3 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามทีเ่ ข้ารว่ มกิจกรรม จำนวน 15 คน สว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพอื่นๆ จำนวน 8 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 53.33 รองลงมาคืออาชีพคา้ ขาย จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 20.00 อาชีพรับจ้าง จำนวน 3 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 20.00 และอาชพี ค้าขาย จำนวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.67 ตามลำดับ ตารางที่ 4 ผู้เข้าร่วมโครงการทีต่ อบแบบสอบถามไดน้ ำมาจำแนกตามระดับการศึกษา ระดบั การศึกษา จำนวน ร้อยละ - ต่ำกวา่ ป.4 - 26.67 ป.4 4 - ประถมศึกษา - 13.33 53.33 มธั ยมศึกษาตอนต้น 2 - มัธยมศึกษาตอนปลาย 8 6.67 อนุปริญญา - - 100.00 ปริญญาตรี 1 สงู กวา่ ปริญญาตรี - รวม 15 จากตารางที่ 4 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามทเ่ี ขา้ รว่ มกจิ กรรม จำนวน 15 คน สว่ นใหญม่ ีการศึกษาระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จำนวน 8 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 53.33 รองลงมาคือระดบั ป.4 จำนวน 4 คน คดิ เป็นร้อยละ 26.67 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 13.33 ระดบั ปรญิ ญาตรี จำนวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 6.67 ตามลำดับ กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กัด กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชวี ติ ประจำวัน 16 ตารางที่ 5 แสดงคา่ ร้อยละเฉลี่ยความสำเรจ็ ของตวั ชีว้ ัด ผลผลิต ประชาชนทวั่ ไปเข้าร่วมโครงการจำนวน 15 คน ผลสำเร็จของโครงการ จำนวน ร้อยละ เปา้ หมายโครงการ 15 100.00 ผ้เู ข้าร่วมโครงการ 15 100.00 จากตารางที่ 5 พบวา่ ผลสำเรจ็ ของตัวช้ีวดั ผลผลิตกิจกรรม มผี ูเ้ ข้ารว่ มโครงการ จำนวน 15 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ซ่งึ บรรลุเป้าหมายดา้ นตัวช้วี ดั ผลผลิต ตารางท่ี 6 ค่าเฉลี่ยและสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมที่มคี วามพงึ พอใจต่อ โครงการ เรียนรกู้ ารใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวิตประจำวนั ในภาพรวม รายการ คา่ เฉลย่ี ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ระดับ ความพงึ พอใจ ด้านการบรหิ ารจัดการ () () ความพึงพอใจด้านกระบวน 4.39 0.54 ดีมาก การจดั กิจกรรมการเรยี นรู/้ การอบรม 4.22 0.44 ดมี าก ดา้ นประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับ รวมทุกด้าน 4.33 0.48 ดมี าก 4.31 0.49 ดีมาก จากตารางที่ 6 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความพึงพอใจต่อโครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก สมุนไพรในชีวิตประจำวัน ในภาพรวม จำนวน 15 คน อยู่ในระดับดีมาก (=4.31) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านประโยชน์ที่ได้รับ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (= 4.39) รองลงมาคือ ความพึงพอใจด้าน กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้/การอบรม มีอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย (= 4.22) และสุดท้ายด้านการ บริหารจัดการ อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย (= 4.33) ตามลำดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยรู่ ะหว่าง 0.50 - 0.53 แสดงวา่ ผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรมมคี วามพงึ พอใจสอดคล้องกนั กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สังกดั กศน.อำเภอพนัสนคิ ม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรู้การใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชวี ติ ประจำวนั 17 ตารางท่ี 7 ค่าเฉล่ยี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมทม่ี ีความพึงพอใจต่อ โครงการฝกึ อบรมรณรงค์การป้องกัน ควบคุม โรคไข้เลือดออก กศน.ตำบลกุฎโง้ง ดา้ นการบรหิ ารจัดการ รายการ คา่ เฉลีย่ ส่วนเบ่ียงเบน ระดับ มาตรฐาน () ความพงึ พอใจ 1. อาคารสถานที่ () 2. ส่ิงอำนวยความสะดวก 4.60 0.49 ดีมาก 3. กำหนดการและระยะเวลาในการดำเนนิ โครงการ 4.27 0.44 ดี 4. เอกสารการอบรม 4.20 0.40 ดมี าก 5. วทิ ยากรผู้ให้การอบรม 4.60 0.71 ดีมาก 4.27 0.44 ดี รวม 4.39 0.54 ดมี าก จากตารางที่ 7 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความพึงพอใจต่อ โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก สมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน ดา้ นการบรหิ ารจัดการ ในภาพรวมอยูใ่ นระดบั ดีมาก มีคา่ เฉลี่ย (= 4.39) เมื่อพิจารณา เป็นรายข้อ พบว่า อาคารสถานที่ มีค่าเฉลี่ย (= 4.60) รองลงมา คือ เอกสารการอบรม มีค่าเฉลี่ย (= 4.60) สิ่ง อำนวยความสะดวก มีค่าเฉลี่ย (= 4.27) วิทยากรผู้ให้การอบรม มีค่าเฉลี่ย (= 4.27) และกำหนดการและ ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ มีค่าเฉลี่ย (= 4.20) ตามลำดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.44 - 0.55 แสดงว่า ผูต้ อบแบบสอบถามมคี วามคิดเหน็ ไปในทิศทางเดยี วกัน ตารางที่ 8 ค่าเฉลยี่ และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีมีความพึงพอใจต่อ โครงการ เรยี นรู้การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน ดา้ นกระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้/การอบรม รายการ คา่ เฉลี่ย สว่ นเบย่ี งเบน ระดับ () มาตรฐาน () ความพึงพอใจ 6. การจดั กิจกรรมโครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก 4.27 0.44 ดมี าก สมนุ ไพรในชวี ติ ประจำวนั 7. การใหค้ วามรู้เรื่อง การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรใน 4.80 0.40 ดีมาก ชีวิตประจำวนั 8. การตอบข้อซักถามของวทิ ยากร 4.00 0.38 ดีมาก 9. การแลกเปล่ียนเรยี นร้ขู องผเู้ ข้ารบั การอบรม 4.13 0.34 ดีมาก 10. การสรปุ องค์ความร้รู ่วมกัน 3.93 0.25 ดมี าก 11. การวัดผล ประเมนิ ผล การฝกึ อบรม 4.20 0.40 ดมี าก 4.22 0.44 ดีมาก รวม กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด กศน.อำเภอพนสั นคิ ม
สรุปผลการจดั กิจกรรม โครงการเรยี นรูก้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวนั 18 จากตารางที่ 8 พบว่า ผตู้ อบแบบสอบถามมคี วามพึงพอใจต่อ โครงการเรียนรู้การใชป้ ระโยชน์จาก สมุนไพรในชวี ติ ประจำวนั ด้านกระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้/การอบรม ในภาพรวมอยู่ในระดบั ดีมาก มคี า่ เฉลี่ย(= 4.31) เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่า การให้ความรู้ มีค่าเฉลีย่ (= 4.80) รองลงมา คอื การจดั กจิ กรรม มีค่าเฉล่ีย (= 4.27) การวดั ผล ประเมินผล การฝกึ อบรม มีคา่ เฉลยี่ (= 4.20) การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ของผเู้ ข้ารับการอบรม มีคา่ เฉลย่ี (= 4.13) การตอบข้อซกั ถามของวทิ ยากร มีค่าเฉล่ีย(= 4.00) การสรปุ องค์ ความรรู้ ว่ มกัน มคี ่าเฉลีย่ (= 3.93) ตามลำดบั โดยมีส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน () อย่รู ะหวา่ ง 0.38 - 0.56 แสดง วา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามมีความคดิ เห็นสอดคล้องกัน ตารางท่ี 9 ค่าเฉล่ียและสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมที่มีความพึงพอใจโครงการ ฝึกอบรมรณรงค์การป้องกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก กศน.ตำบลกฎุ โง้ง ดา้ นประโยชน์ท่ไี ด้รับ รายการ คา่ เฉลยี่ ส่วนเบย่ี งเบน ระดับความ () มาตรฐาน () พงึ พอใจ 12. การเรียนรแู้ ละฝกึ ตนเองเกีย่ วกบั โรคไข้เลือดออก 4.27 0.44 ดีมาก 13. การนำความรทู้ ี่ไดร้ บั มาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวัน 4.40 0.49 ดีมาก รวม 4.33 0.48 ดีมาก จากตารางที่ 9 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อ โครงการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก สมุนไพรในชีวิตประจำวนั ด้านประโยชน์ที่ได้รับ ในภาพรวมอยู่ในระดับดมี าก มีค่าเฉลี่ย (= 4.33) เมื่อพิจารณา เป็นรายข้อ พบว่า การนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน มีค่าเฉลี่ย (= 4.40 และการเรียนรู้และฝึก ตนเองเกี่ยวกบั โรคไขเ้ ลือดออก มีคา่ เฉลย่ี (= 4.27) โดยมีสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.44 - 0.60 แสดงวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามมคี วามคดิ เห็นไปในทิศทางเดียวกัน สรปุ ในภาพรวมของกจิ กรรมคิดเป็นรอ้ ยละ 91.42 มีคา่ น้ำหนกั คะแนน 4.31 ถือวา่ ผ้รู ับบรกิ าร มคี วามพึงพอใจทางด้านตา่ ง ๆ อย่ใู นระดับดีมาก โดยเรยี งลำดับดังนี้ อนั ดับแรก ดา้ นประโยชนท์ ่ีได้รับ คิดเป็นร้อยละ 93.80 มคี า่ น้ำหนักคะแนน 4.39 อยู่ในระดบั คณุ ภาพดีมาก อนั ดบั สอง ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้/การอบรม คิดเป็นร้อยละ 93.40 มีคา่ นำ้ หนกั คะแนน 4.22 อยู่ในระดับคุณภาพดี อนั ดับสาม ด้านการบริหารจัดการ คิดเปน็ รอ้ ยละ 93.00 มคี า่ น้ำหนักคะแนน 4.33 อยใู่ นระดับ คณุ ภาพดี กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจดั กิจกรรม โครงการเรยี นรกู้ ารใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ติ ประจำวนั 19 บทที่ 5 อภิปรายและขอ้ เสนอแนะ ผลการจดั กจิ กรรม โครงการเรยี นรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน ได้ผลสรุปดังนี้ วัตถุประสงค์ 1) เพื่อใหผ้ ูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมมคี วามรเู้ ก่ยี วกบั สมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน 2) เพ่อื ใหม้ กี ารเพิม่ พน้ื ท่ปี ลูกพืชสมนุ ไพรภายในครวั เรือนและชุมชน 3) เพือ่ ให้ผู้ร่วมกจิ กรรมสามารถนำสมุนไพรภายในชุมชนมาใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจำวัน เปา้ หมาย (Outputs) เป้าหมายเชิงปรมิ าณ ประชาชนตำบลกุฎโงง้ จำนวน 15 คน เปา้ หมายเชิงคณุ ภาพ 1) ผ้เู ขา้ รว่ มกจิ กรรมมคี วามรูเ้ กยี่ วกับสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวัน 2) มกี ารเพมิ่ พ้นื ทป่ี ลูกพืชสมุนไพรภายในครัวเรอื นและชุมชน 3) ผูร้ ่วมกิจกรรมสามารถนำสมุนไพรภายในชุมชนมาใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวัน เคร่อื งมือทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในคร้งั นี้ คือ แบบประเมินความพึงพอใจ การเก็บรวบรวมข้อมลู ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ได้มอบหมายให้ ครู กศน.ตำบลที่รับผดิ ชอบกจิ กรรมแจกแบบสอบถามความ พึงพอใจให้กบั ผูร้ ว่ มกิจกรรม โดยใหผ้ ้เู ข้าร่วมกจิ กรรมประเมินผลการจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ตามโครงการเรยี นรู้การใช้ ประโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชีวติ ประจำวัน สรปุ ผลการดำเนนิ งาน กศน.ตำบลกุฎโง้ง ไดด้ ำเนินการจดั กจิ กรรม โครงการเรยี นรู้การใชป้ ระโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ติ ประจำวนั โดยดำเนินการเสร็จสน้ิ ลงแลว้ และสรุปรายงานผลการดำเนินงานไดด้ งั นี้ ผ้รู ว่ มกจิ กรรมจำนวน 15 คน มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั สมุนไพรในชีวิตประจำวัน มกี ารเพม่ิ พื้นที่ปลกู พืชสมุนไพร ภายในครวั เรือนและชมุ ชนและสามารถนำสมนุ ไพรภายในชมุ ชนมาใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวัน ผ้รู ่วมกิจกรรมร้อยละ 91.42 นำความร้ทู ไี่ ดร้ ับมาปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั จากการดำเนนิ กิจกรรมตามโครงการดงั กลา่ ว สรุปโดยภาพรวมพบว่า ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมส่วนใหญม่ คี วามพึง พอใจตอ่ โครงการ อยู่ในระดบั “ดีมาก ” และบรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายตัวชว้ี ัดผลลัพธท์ ่ตี ั้งไว้ โดยมี ค่าเฉล่ียร้อยละภาพรวมของกิจกรรม 91.42 และคา่ การบรรลุเป้าหมายคา่ เฉล่ีย 4.31 ข้อเสนอแนะ - อยากให้มีการจดั กจิ กรรมน้ีอีก ประชาชนสามารถนำความร้ทู ่ไี ดร้ ับไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจำวนั รวมทั้ง สามารถพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของตนเองใหด้ ีย่ิงขึน้ กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรียนรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 20 ภาคผนวก กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สังกดั กศน.อำเภอพนสั นิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 21 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 22 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 23 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 24 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 25 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 26 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 27 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 28 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรุปผลการจดั กจิ กรรม โครงการเรยี นรกู้ ารใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรในชวี ิตประจำวัน 29 แบบประเมนิ ผรู้ ับบริการ โครงการเรียนรู้การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมุนไพรในชวี ิตประจำวัน สถานศึกษา ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอพนสั นคิ ม กจิ กรรม จัดสรา้ งแหล่งเรียนรู้ในระดบั ตำบล ************************************************************************************ ส่วนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป คำชีแ้ จง ใส่เครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งทตี่ รงกับข้อมลู ของทา่ นเพียงช่องเดียว เพศ ชาย หญิง อายุ 15 - 25 ปี 26 – 39 ปี 40 – 49 ปี 50 – 59 ปี 60 ปีขนึ้ ไป อาชพี รับจา้ ง ค้าขาย เกษตรกรรม ลูกจา้ ง/ขา้ ราชการหนว่ ยงาน อนื่ ๆ ระบุ การศึกษา ตำ่ กวา่ ป.4 ป.4 ประถมศกึ ษา ม.ตน้ ม.ปลาย อนปุ ริญญา ปรญิ ญาตรี สูงกว่าปรญิ ญาตรี สว่ นที่ 2 ดา้ นความพงึ พอใจของผรู้ บั บริการ คำชแ้ี จง ใสเ่ คร่ืองหมาย ลงในชอ่ งท่ตี รงกับขอ้ มลู ของทา่ นเพียงช่องเดียว ระดับความพงึ พอใจ หมาย เหตุ ข้อ รายการประเมนิ ความพึงพอใจ มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย ตอนท่ี 1 ความพึงพอใจดา้ นการบริหารจดั การ ท่ีสุด กลาง ทส่ี ุด 1 อาคารสถานท่ี 2 ส่งิ อำนวยความสะดวก 3 กำหนดการและระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 4 เอกสารประกอบการอบรม 5 วิทยากรผใู้ ห้การอบรม ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจด้านกระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นร/ู้ การอบรม 6 การจัดกิจกรรมโครงการเรยี นรู้การใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชีวติ ประจำวนั 7 การให้ความรเู้ รือ่ ง การใช้ประโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในชีวิตประจำวนั 8 การตอบข้อซักถามของวิทยากร 9 การแลกเปลย่ี นเรยี นรูข้ องผู้เข้ารบั การอบรม 10 การสรปุ องค์ความรรู้ ่วมกนั 11 การวดั ผลและประเมินผลการฝกึ อบรม ตอนท่ี 3 ความพงึ พอใจด้านประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ 12 การเรยี นรู้และฝึกตนเองเก่ียวกับการใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชวี ติ ประจำวนั 13 การนำความรทู้ ไี่ ดร้ ับมาปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ผ้ผู า่ นการฝึกอบรมได้นำความรไู้ ปใช้จรงิ เพิ่มรายได้ ลดรายจา่ ย นำไปประกอบอาชพี พัฒนาคุณภาพชีวติ ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ อืน่ ๆ ระบุ………………………. ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................................................................................................ ขอขอบคุณทกุ ทา่ นท่ีกรุณาตอบแบบประเมนิ : จาก กศน.ตำบล กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กัด กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกิจกรรม โครงการเรยี นร้กู ารใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในชวี ิตประจำวนั 30 รายงานผลการดำเนนิ งาน โครงการเรียนรกู้ ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวติ ประจำวนั ประจำปงี บประมาณ 2564 ผู้รบั ผดิ ชอบโครงการ กศน.ตำบลกุฎโงง้ สังกดั กศน.อำเภอพนัสนิคม กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด กศน.อำเภอพนสั นคิ ม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 31 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรุปผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นรูก้ ารใช้ประโยชนจ์ ากสมุนไพรในชวี ิตประจำวนั 32 คณะผจู้ ัดทำ ทป่ี รึกษา หม่นื สา ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอพนัสนิคม การงานดี ครู 1. นางณัชธกญั ทำทอง ครูผูช้ ว่ ย 2. นางสาวมทุ ิกา ศรีบุณยะแกว้ ครูผู้ช่วย 3. นางพริ ุฬห์พร คลังสินธ์ ครู อาสาสมคั ร กศน. 4. นางสาวณภษร 3. นางสาวเฟ่อื งฟ้า ครู กศน.ตำบลกฎุ โง้ง คณะทำงาน ฮกโก้ ครู กศน.ตำบลกฎุ โง้ง นางสาวกนกกร บรรณาธิการ ฮกโก้ นางสาวกนกกร กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สังกัด กศน.อำเภอพนัสนิคม
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรม โครงการเรยี นร้กู ารใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพรในชีวิตประจำวัน 33 กศน.ตำบลกฎุ โงง้ สงั กดั กศน.อำเภอพนัสนิคม
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: