Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุงในพื้นที่พรุ

การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุงในพื้นที่พรุ

Published by khasikarn364599, 2022-01-19 02:54:04

Description: การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุงในพื้นที่พรุ

Search

Read the Text Version

คำ� น�ำ คู่มือการท�ำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุงในพ้ืนท่ีพรุ ฉบับน้ี จัดท�ำข้ึนเพ่ือเป็น แนวทางความรู้เก่ียวกับยุง สมุนไพรที่มีฤทธิ์ไล่ยุง ตลอดจนการแปรรูปสมุนไพร เปน็ ผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรเพอื่ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนหนั มาใชส้ มนุ ไพรไลย่ งุ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถนิ่ หรือผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงที่ผลิตจากพืชสมุนไพรซ่ึงเป็นอีกทางเลือกท่ีปลอดภัย และสามารถป้องกันการเกดิ โรคติดต่อที่นำ� โดยแมลงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ หวงั เปน็ อย่างย่ิงว่าคู่มือ “การทำ� ผลติ ภณั ฑ์ สมนุ ไพรไลย่ งุ ในพืน้ ท่พี ร”ุ ฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์ส�ำหรับเกษตรกร นักเรยี น และผู้ที่ สนใจทั่วไปสามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการท�ำผลติ ภณั ฑส์ มุนไพรไล่ยงุ ในพืน้ ทพี่ รุ ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ กรกฎาคม 2564 คู่มอื การใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู 1

สารบญั เรื่อง หนา้ 1. บทน�ำ 1 2. พนื้ ท่พี รุ 2 3. ยงุ 3 4. สมนุ ไพรมีฤทธ์ไิ ล่ยุง 11 5. การแปรรปู สมุนไพรเป็นผลิตภณั ฑส์ มุนไพร 15 6. ตน้ ทุนในการท�ำผลติ ภณั ฑ์สมุนไพรไล่ยงุ 23 7. เอกสารอา้ งอิง 24 2 คูม่ ือการใช้ประโยชนป์ าลม์ สาคู

1. บทน�ำ ป่าพรุ เป็นป่าดิบช้ืนประเภทหนึ่งท่ีอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มเกิดจากแอ่งน้�ำ 13 จืดเกิดการขังตัวของน้�ำติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของช้ันดิน อนิ ทรีย์วตั ถุ เช่น ซากพืช ซากสตั ว์ ใบไม้ ตา่ งๆ จนย่อยสลายกลายเป็นดนิ พที หรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้�ำท่ีมีความหนาแน่นน้อย อมุ้ นำ้� ไดม้ าก ปา่ พรุเป็นทอ่ี ยู่ของยุง และยังเปน็ พาหะโรคต่างๆ ซึง่ ยุงเปน็ แมลง ดูดเลือดชนิดหนึ่งท่ีก่อปัญหาให้แก่ชุมชน ยุงเป็นพาหะน�ำโรคไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา โรคมาลาเรีย และโรคเท้าช้าง ซ่ึงการป้องกันโรคที่เป็นพาหะ โดยยงุ ควรเกบ็ บา้ นใหม้ อี ากาศปลอดโปรง่ ไมใ่ หย้ งุ เกาะพกั กำ� จดั วชั พชื นำ้� และ ปล่อยปลากินลูกน�้ำโดยเฉพาะปลาชนิดกินพืช อีกทั้งใช้มาตรการการพ่นฤทธ์ิ สารเคมีเพือ่ ก�ำจัดยุงชนดิ ต่างๆ ปจั จุบนั ประเทศไทยยังคงเผชญิ กบั สถานการณ์ ของโรคติดต่อท่ีน�ำโดยแมลงที่ยังเป็นปัญหาส�ำคัญทางการแพทย์ และยังมี ประชากรอกี จำ� นวนมากไดร้ บั ผลกระทบจากโรคซงึ่ มแี มลงเปน็ พาหะ โดยทวั่ ไป การรกั ษามกั จะรกั ษาตามอาการเทา่ นน้ั เนอ่ื งจากยงั ไมม่ วี คั ซนี ในการฉดี ปอ้ งกนั ฉะนน้ั การปอ้ งกนั ไมใ่ หถ้ กู ยงุ กดั จะเปน็ ทางเลอื กหนงึ่ ทป่ี ระหยดั และคมุ้ คา่ ทส่ี ดุ ในการป้องกนั โรคท่ีมียุงเป็นพาหะ โดยพืชสมนุ ไพรมีน้ำ� มันหอมระเหยท่มี ีฤทธ์ิ ไลแ่ มลง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใชใ้ นการไลย่ งุ เชน่ นำ�้ มนั ตะไครห้ อม ขมนิ้ ชนั มะกรดู เป็นต้น ซ่ึงสารป้องกันยุงท่ีสามารถสกัดได้จากธรรมชาติมีข้อดีกว่าสารเคมี สงั เคราะห์คือไม่สะสมเปน็ อันตรายต่อสุขภาพ หนว่ ยงานควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทอง อนั เนอ่ื งมาจาก พระราชดำ� ริ จงั หวดั นราธวิ าส เปน็ หนว่ ยงานทม่ี กี ารศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เกยี่ วกบั โรคตดิ ตอ่ ประจำ� ถนิ่ และนำ� มาจดั แสดงเปน็ นทิ รรศการใหผ้ ทู้ สี่ นใจไดเ้ ขา้ มาเรยี น รู้รวมทั้งมีการทดลองท�ำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุง ประกอบด้วย ครีมทากันยุง สตู รภาคใต้ ยาหมอ่ งทากนั ยงุ สเปรยไ์ ลย่ งุ และสมนุ ไพรจดุ กนั ยงุ โดยใชส้ มนุ ไพร ใกลต้ วั ซง่ึ สามารถใช้ ไลย่ งุ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ จึงได้จัดท�ำคู่มือการท�ำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุงในพ้ืนท่ีพรุข้ึน เพื่อให้ผู้สนใจ ได้น�ำไปเป็นแนวทางในการผลิตสมุนไพรไล่ยุงใช้ในครัวเรือน หรือท�ำเป็น อาชพี เสริม เพ่มิ รายไดใ้ นครัวเรอื นต่อไป คู่มอื การทำ� ผลิตภณั ฑค์สมู่ มือุนกไาพรรใไชล้ป่ยรงุ ะในโยพชืน้ นท์ปพี่ ารลุ์มสาคู

2. พนื้ ท่พี รุ ปา่ พรุ (Swamp forest, Peat swamp forest) เปน็ ปา่ ดบิ ชนื้ ประเภท หนึ่ง ท่ีอยู่ในพ้ืนที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน�้ำจืดเกิดการขังตัวของน�้ำติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน มกี ารสะสมของชนั้ ดินอินทรยี ว์ ัตถุ เช่น ซากพชื ซากสตั ว์ เศษซากของตน้ ไม้ ใบไม้ ตา่ ง ๆ จนย่อยสลายกลายเปน็ ดินพีทหรอื ดินอนิ ทรีย์ ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน�้ำท่ีมีความหนาแน่นน้อยอุ้มน�้ำได้มาก สภาพโดยทั่วไปของป่าพรุนั้น คือ พ้ืนด้านล่างจะเป็นพรุมีน�้ำขังตลอดท้ังปี น้�ำจะมีสีเขียวหรือน้�ำตาลเข้ม อันเกิดจากการหมักหมมตัวมาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันพื้นที่ป่าพรุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส คือ ป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 125,625 ไร่ หรือ 201 ตารางกิโลเมตร นอกจากน้ียังมีพรุบาเจาะ และพรกุ าบแดง โดยพ้ืนที่พรจุ ะเป็น แหลง่ เพาะพันธุ์ยุงหลายชนดิ เช่น ยงุ กน้ ปล่อง ยงุ ลาย ยงุ เสอื และยุงรำ� คาญ ได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมีน�้ำท่วมขังอยู่ตลอดท�ำให้เป็นแหล่งระบาดของยุง โดยเฉพาะยุงเสือ เป็นพาหะโรคเท้าช้าง ซ่ึงปัจจุบันประเทศไทยปลอดจาก การระบาดของโรคเทา้ ชา้ ง แตย่ งั มผี ปู้ ว่ ยทเี่ ปน็ โรคอยู่ จงึ ตอ้ งมมี าตรการเฝา้ ระวงั โรคเท้าช้าง เพ่ือป้องกนั ระบาดในพ้ืนท่ี 24 คู่มอื กคาู่มรใือชก้ปารระทโ�ำยผชลนิต์ปภาณัล์มฑสส์ ามคนุ ู ไพรไลย่ งุ ในพ้ืนทีพ่ รุ

3. ยุง ยงุ (mosquitoes) เปน็ แมลงดดู เลอื ดชนดิ หนง่ึ ทกี่ อ่ ปญั หาใหก้ บั ชมุ ชน ยุงบางชนิดสร้างความร�ำคาญ บางชนิดเป็นพาหะน�ำโรค โดยยุงท่ีเป็นพาหะ น�ำโรคที่ส�ำคัญ ได้แก่ ยุงลายเป็นพาหะน�ำโรคไข้เลือดออกและชิคุนกุนยา ยงุ ก้นปล่องเป็นพาหะน�ำโรคมาลาเรีย ยุงเสือเปน็ พาหะนำ� โรคเท้าช้าง เป็นต้น 3.1 ลกั ษณะท่ัวไปของยุง ยุงเป็นแมลง 2 ปกี ตัวผู้ มีหนวดเปน็ พุ่ม ไม่มคี วามส�ำคญั ทางการ แพทย์จะกินน�้ำหวานจากพืช เพื่อด�ำรงชีวิตและใช้เป็นพลังงานในการบิน จะมีอายุ 7 วนั ตวั เมียเท่านนั้ ทก่ี นิ เลอื ดเพื่อสกดั โปรตีนจากเลือดมาสร้างรังไข่ จะมีอายนุ านนับเดอื น และสามารถวางไขแ่ ต่ละคร้ังมจี ำ� นวนมากกวา่ 100 ใบ ยุงบางชนิดชอบดูดเลือดคน เช่น ยุงลายบ้าน แต่บางชนิด ชอบเลือดสัตว์มากกว่า เช่นยุงนาข้าว บางชนิดไม่เลือกเหยื่อแล้วแต่โอกาส ว่าพบเหย่ือประเภทใดยุงสามารถปรับตัวให้มีชีวิตได้หลายเดือน เช่น จ�ำศีล ในฤดหู นาวหรอื หลบในทป่ี ลอดภยั เมอื่ มสี ภาวะแหง้ แลง้ ยงุ จะกระพอื ปกี ถงึ 600 ครงั้ /วนิ าที ทำ� ใหเ้ กดิ เสยี งดงั “วนิ ๆ” ทหี่ นู สิ ยั การบนิ ของยงุ แตกตา่ งกนั แลว้ แต่ ชนิดของยุง เช่นยุงก้นปล่องและยุงเสือ สามารถบินได้ไกลโดยเฉล่ีย 1.6-2.0 กโิ ลเมตรยงุ นาขา้ ว สามารถบนิ ไกลได้โดยเฉลยี่ 5 กโิ ลเมตร ยงุ ลายบา้ น อาศยั ใกล้คนมาก สามารถบินไดไ้ ม่เกนิ 100 เมตรมกี ารศึกษาพบวา่ ยงุ สามารถตรวจ พบเหยอื่ ทเ่ี ปน็ คนไดเ้ มอ่ื บนิ เขา้ ใกลใ้ นระยะ 10 เมตร ถา้ เปน็ สตั วข์ นาดใกลเ้ คยี ง กับคนจะสามารถรู้ได้ในระยะ 15 เมตร ท้ังน้ีการเข้าหาเหย่ือขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายประการเชน่ อณุ หภมู ริ า่ งกาย กลนิ่ ตวั หรอื แมแ้ ตส่ เี สอ้ื ผา้ ของเหยอ่ื อวยั วะ รับรปู้ จั จยั เหลา่ นีข้ องยงุ คอื หนวดและงวงขา้ งท่อปาก จากการวิจัยสาเหตุที่ยุงชอบกัดเด็ก พบว่ายุงชอบกัดคนที่มีเหง่ือ ออกมาก เพราะเดก็ มีอุณหภมู ิบรเิ วณผวิ หนังสูงกว่าผใู้ หญย่ งุ ชอบกัดคนทีห่ ายใจแรง เพราะคารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ีปล่อยออกมากับลมหายใจเป็นตัวดึกดดู ยุงชอบกดั เด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะกล่ินและลักษณะผิวหนัง ยุงชอบกัดผู้หญิงมากกว่า ผู้ชาย เพราะฮอรโ์ มนแตกต่างกนั ยุงชอบกัดคนที่ใสเ่ ส้ือผ้าสเี ขม้ เชน่ ด�ำ กรมทา่ แดง เขียว มากวา่ สีขาว คูม่ ือการทำ� ผลติ ภณั ฑคส์ ู่มมือุนกไาพรรใไชลป้ ย่ รงุ ะในโยพช้ืนนทป์ ่พี ารลุ์มสาคู 53

3.2 ชนดิ ของยงุ ภาพท่ี 1 ลกั ษณะ 1) ยงุ ก้นปลอ่ ง (Anopheles spp.) น�ำโรค ของยงุ ก้นปลอ่ ง ไขม้ าลาเรยี ลกั ษณะทวั่ ไป ลำ� ตวั สนี ำ้� ตาลดำ� เวลากดั ลำ� ตวั ภาพที่ 2 ลกั ษณะ ยกขึ้นท�ำมุม 45 องศา ออกหากินในเวลากลางคืน ชอบกินเลือดคนและเลือดสัตว์แหล่งเพาะพันธุ์อยู่ในป่า ยุงลาย เชน่ ลำ� ธารแอง่ หนิ คนู ำ้� นาขา้ ว หลมุ พลอย หลมุ รอยเทา้ สตั ว์ ภาพที่ 3 ลกั ษณะ ทม่ี ีแสงแดดถึงและมีรม่ เงาบางส่วน 2) ยงุ ลาย (Aedes spp.) ยงุ ลายบา้ น (Aedes ยงุ เสือ aegypti.) น�ำโรคไข้เลือดออก ยุงลายสวน (Aedes ภาพท่ี 4 ลักษณะ albopictus.) น�ำโรคชิคุณกุนยาและยุงลาย (Aedes niveus.) น�ำโรคเท้าช้างชนิดวูเคอเรอเรียแบบครอฟไต ยุงรำ� คาญ ลกั ษณะสำ� คญั ลำ� ตวั และขา มลี ายสลบั ขาว เปน็ ยงุ ขนาดเลก็ ชอบออกหากินในเวลากลางวันแหล่งเพาะพันธุ์ที่ส�ำคัญ เช่น ภาชนะที่มีน�้ำขัง ยางรถยนต์ ตอไม่ไผ่ กะลา กาบใบพชื 3) ยงุ เสอื (Mansonia spp.) เป็นพาหะน�ำโรค เท้าช้างลักษณะท่ัวไป ล�ำตัวลายคล้ายเสือ มีสีน้�ำตาล เปน็ ยงุ ขนาดกลางออกหากนิ ในเวลากลางคนื แตบ่ างชนดิ ออกหากนิ ในเวลากลางวนั แหลง่ เพาะพนั ธ์ุ เชน่ หนอง บงึ ป่าพรุ ซึ่งมีพืชปกคลุม เนื่องจากลูกน�้ำยุงชนิดนี้อาศัย อยใู่ ตน้ ำ�้ ตลอดเวลา ใช้ท่อหายใจเกาะติดกบั พืชน�้ำหายใจ ผ่านพชื 4) ยงุ รำ� คาญ (Cullex spp.) เป็นพาหะหลัก ของโรคไข้สมองอักเสบตัวเต็มวัย อก ขา และเส้นเลือด บนปกี มกั ปกคลมุ ดว้ ยเกลด็ สนี ำ้� ตาล สคี ลำ้� สว่ นปลายของทอ้ ง มลี กั ษณะทรู่ ปู รา่ งยาวทรงกระบอก อยแู่ นวตงั้ เหนอื ผวิ นำ้� ติดกันเป็นแพประมาณ 300 ใบ แพมักมีขนาดยาว 3-4 มม. และกว้าง 2-3 มม.ท่ีอยู่มักขยายพันธุ์บนน�้ำน่ิงเสีย และในทอ่ เวลากดั กดั ตอนกลางคนื และชอบอยใู่ นที่ร่ม 46 คู่มอื กคามู่รใือชกป้ ารระทโ�ำยผชลนติ ์ปภาณัลม์ฑส์สามคนุ ู ไพรไล่ยุงในพนื้ ทพ่ี รุ

3.3 วงจรชวี ิต การพฒั นาการเจรญิ เตบิ โตของยุงเป็นแบบสมบูรณ์ (complete metamorphosis) หมายถงึ การเจรญิ เตบิ โตทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งในแตล่ ะ ระยะทแ่ี ตกตา่ งกนั แบ่งเป็น 4 ระยะ คอื ระยะไข่ (egg) ระยะลูกน้�ำ (larva) ระยะตัวโม่ง (pupa) และระยะตัวเต็มวัย (adult) ระหว่างการเจริญเติบโต ในแตล่ ะระยะ ตอ้ งมกี ารลอกคราบ (molting) ซงึ่ ถกู ควบคมุ โดยฮอรโ์ มนทส่ี ำ� คญั 3 ชนิด คอื brain hormone, ecdysone และ juvenile hormone 1) ระยะไข่ (egg) ไขย่ ุงแตล่ ะชนิดมีขนาดและลกั ษณะไม่เหมอื น กัน ลกั ษณะการวางไขอ่ าจบอกชนิดของกลมุ่ ยงุ ได้ ยงุ ชอบวางไข่บนผิวน้�ำหรอื บริเวณชน้ื ๆ เชน่ บริเวณขอบภาชนะเหนอื ระดับนำ้� การวางไขข่ องยุงแบ่งออก เปน็ 4 ประเภท • วางไขใ่ บเดี่ยว ๆ บนผวิ น�้ำ เช่น ยุงก้นปล่อง • วางไข่เปน็ แพ บนผวิ นำ้� เช่น ยงุ ร�ำคาญ • วางไขเ่ ดยี่ ว ๆ ตามขอบเหนอื ระดับน�้ำ เชน่ ยุงลาย • วางไข่ติดกบั ใบพชื น้ำ� เป็นกลมุ่ เชน่ ยงุ เสอื หรอื ยงุ ฟลาเรีย ภาพท่ี 5 ลักษณะ ระยะไข่ของยงุ ระยะไข่ใชเ้ วลา 2-3 วัน จงึ ฟก ตวั ออกเปน็ ลูกน้ำ� ในยงุ บางชนิด เชน่ ยงุ ลาย ไข่สามารถอยู่ในสภาพ แห้งได้หลายเดือนจนกระทงั่ เปน็ ปี เมือ่ มนี ำ�้ ก็จะฟกออกเป็นลูกน้�ำ แหล่งวางไข่ของยุงแต่ละชนิดแตกต่างกัน เช่น ยุงลาย ชอบวางไขใ่ นภาชนะทมี่ นี ำ้� ขงั ทมี่ นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ สว่ นยงุ รำ� คาญชอบวางไขใ่ นแหลง่ นำ้� สกปรกตา่ ง ๆ นำ�้ เสยี จากทอ่ ระบายนำ้� แตห่ ากไมพ่ บสภาพนำ้� ทช่ี อบยงุ กอ็ าจ วางไข่ในสภาพน้ำ� ที่ผิดไป นักวิทยาศาสตร์ หลายคนรายงานว่าปจ จยั ทชี่ ว่ ยให้ ยงุ ตวั เมียวางไข่มาจากสารเคมีบางอย่างในน้�ำ สารเคมีอาจเปน diglycerides ซง่ึ ผลติ โดยลูกน้ำ� ยุงท่อี าศยั อยใู่ นแหล่งน�้ำน้นั หรือเปน กรดไขมัน (fatty acid) จากแบคทเี รีย หรอื เปน สารพวก phenolic compounds จากพชื น�ำ้ เปนต้น คมู่ อื การทำ� ผลิตภณั ฑคส์ ู่มมอื ุนกไาพรรใไชลป้ ่ยรุงะในโยพช้นื นทป์ ีพ่ ารลุม์ สาคู 75

2) ระยะลูกน้�ำ (larva) ลูกน�้ำยุงแต่ละชนิดอาศัยอยู่ในแหล่งน้�ำ ท่ไี มเ่ หมือนกนั เช่น ตามภาชนะขังน้�ำตา่ ง ๆ ตามบ่อนำ�้ หนอง ลำ� ธาร โพรงไม้ หรือกาบใบไม้ท่ีอุ้มน�้ำ เปนต้น ลูกน�้ำยุงส่วนใหญ่ลอยตัวข้ึนมาหายใจบนผิวน้�ำ โดยมีท่อส�ำหรับ หายใจ เรียกว่า siphon ยกเว้นยุงก้นปล่องไม่มีท่อหายใจ แต่จะวางตัวขนานกับผิวน�้ำ โดยมีขนลักษณะคล้าย ใบพัด (palmate hair) ชว่ ยใหล้ อยตวั และหายใจทางรหู ายใจ (spiracle) สว่ นยงุ เสอื จะใชท้ อ่ หายใจซง่ึ สน้ั และปลายแหลมเจาะพวกพืชน�้ำและหายใจเอาออกซิเจนผ่านรากของพืชน้�ำ อาหารของลูกน�้ำยุง ได้แก่ สิ่งมีชีวิต เล็ก ๆ ในน�้ำน่ันเอง เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ สาหร่าย เปน ต้น ลกู น้�ำจะลอกคราบ 4 ครงั้ เมอื่ ลอกคราบคร้งั สุดทา้ ยกลายเปน ตัวโม่ง การเจริญเติบโตในระยะลูกน้�ำใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ขึ้นอยู่กับ ชนิดของลกู น้ำ� อาหาร อุณหภมู ิ และความหนาแนน่ ของลูกน้ำ� ดว้ ย ภาพท่ี 6 ลกั ษณะของระยะลูกน้�ำ 3) ระยะตัวโม่ง (pupa) ตัวโมง่ รปู รา่ งผดิ ไปจากลกู น้�ำ ส่วนหัวเช่อื มต่อ กับส่วนอก รูปร่างลักษณะคล้ายเครื่องหมายจุลภาค ( , ) ระยะน้ีไม่กินอาหาร เคล่อื นไหวอยา่ งรวดเรว็ มีทอ่ หายใจคู่หน่ึงท่ีส่วนหวั เรียก trumpets ระยะนสี้ นั้ ใชเ้ วลา 1-3 วนั ภาพที่ 7 ลักษณะ ระยะตัวโม่ง 68 คูม่ ือกคาูม่รใือชก้ปารระทโำ�ยผชลนติ ป์ ภาณัลม์ฑส์สามคุนู ไพรไลย่ ุงในพื้นท่พี รุ

4) ระยะตัวเต็มวยั (adult) ตวั ยุงแบง่ ออกเปน 3 ส่วน (1) ส่วนหัว (head) มีลักษณะกลมเช่ือมตดิ กบั ส่วนอก ประกอบ ด้วยตา 1 คู่ ตาของยุงเปนแบบตา ประกอบ (compound eyes) มีหนวด (antenna) 1 คู่ มีระยางค์ปาก (labial palpi) 1 คู่ และมีอวัยวะ เจาะดูด (proboscis) 1 อนั มีลักษณะเปนแท่งเรียวยาวคลา้ ยเขม็ สำ� หรับแทงดดู อาหาร หนวดของยุง แบง่ เปน 15 ปลอ้ ง สามารถใชจ้ �ำแนกเพศของยุงได้ แต่ละปล้อง จะมขี นรอบ ๆ ในยงุ ตวั เมยี ขนนจ้ี ะสนั้ และ ไมห่ นาแนน่ (sparse) เรยี กวา่ pilose antenna ส่วนยุงตัวผู้ขนจะยาวและเปนพุ่ม (bushy) เรียกว่า plumose antenna หนวดยุงเปนอวัยวะที่ใช้ในการรับคล่ืนเสียง ยุงตัวผู้จะใช้รับเสียง การกระพอื ปีกของ ยุงตัวเมีย ความช้นื ของอากาศ และรับกลิ่น (2) ระยางค์ปาก (labial palpi) แบ่งเปน 5 ปล้อง อยตู่ ดิ กบั proboscis ในยุงก้นปล่องตัวเมีย palpi จะตรงและยาวเท่ากับ proboscis ส่วนยุงตัวผู้ตรงปลาย palpi จะโป่งออกคล้ายกระบอง ในยุงอื่นท่ี ไม่ใช่ยุง ก้นปลอ่ ง palpi ของตวั เมียจะสัน้ ประมาณ 1/4 ของ proboscis สว่ นยงุ ตวั ผู้ palpi จะยาว แตต่ รงปลายไมโ่ ป่ง และมีขนมากทีส่ องปล้องสุดทา้ ยซงึ่ จะงอข้ึน ภาพท่ี 8 ลกั ษณะ ระยางค์ปาก คมู่ ือการท�ำผลิตภัณฑค์ส่มู มอื นุ กไาพรรใไชล้ป่ยรงุ ะในโยพชื้นนท์ป่ีพารลุ์มสาคู 97

(3) ส่วนอก (thorax) มปี ีก 1 คู่ ดา้ นบนของอก ปล้องกลาง (mesono- tum) ปกคลมุ ดว้ ยขนหยาบๆ และเกลด็ ซงึ่ มสี แี ละลวดลายตา่ งๆ กนั เราใชล้ วดลาย นี้ส�ำหรับแยกชนิดยุงได้ ด้านข้างของอกมีเกล็ดและ กลุ่มขนซ่ึงใชแ้ ยกชนดิ ของยุง ไดเ้ ชน่ กัน ดา้ นล่างของอกมขี าโดยขาแตล่ ะข้างจะประกอบดว้ ย coxa ซ่งึ มขี นาด สนั้ อยทู่ โ่ี คนสดุ ตอ่ ไปเปน็ trochanter คลา้ ยๆ บานพบั femur, tibia และ tarsus ซ่ึงมอี ยู่ 5 ปลอ้ ง ปล้องสดุ ท้ายมีหนามงอๆ 1 คู่ เรียกวา่ claws ขาก็มเี กล็ดสีต่างๆ ใช้แยกชนดิ ของยุงได้ ปกี มีลกั ษณะแคบ และยาว มีลายเสน้ ปกี (veins) ซึ่งมชี ือ่ เฉพาะของแต่ละเส้นปีกจะมีเกล็ดสีต่างๆ กันตรงขอบปีกด้านหลังจะมีขนเรียง เปน แถวเรียกเกล็ด (fringe) และขนบนปีกน้ีก็ใชใ้ นการแยกชนิดของยงุ ได้เช่นกนั นอกจากน้ยี งั มี halteres 1 คู่ อย่ทู ่อี กปลอ้ งสดุ ทา้ ย มลี กั ษณะเปน ปมุ่ เลก็ ๆ อยตู่ อ่ จากปกี เมอ่ื ยงุ บนิ halteres จะส่นั อย่างเร็วใช้ประโยชน์ในการทรงตัวของยุง (4) ส่วนท้อง (abdomen) มีลักษณะกลม ยาว ประกอบด้วย 10 ปล้อง แต่จะเห็นชัดเพียง 8 ปล้อง ปลอ้ งท่ี 9-10 จะดดั แปลงเปนอวัยวะสบื พันธ์ุ ในยุงตัวผจู้ ะใช้ส่วนนีแ้ ยกชนิดของยุงได้ ภาพที่ 9 ลักษณะ ระยะตวั เตม็ วัย ภาพที่ 10 วงจรชวี ิตของยุง ระยะไข่ ระยะลกู น�้ำ 1-2 วนั ระยะตวั เต็มวัย 7-10 วนั ระยะตวั โม่ง ตวั ผู้ 7 วนั 1-2 วัน ตวั เมยี 30 - 45 วนั 180 คมู่ อื กคา่มูรใอื ชก้ปารระทโ�ำยผชลนิตป์ ภาัณลม์ฑส์สามคุนู ไพรไลย่ งุ ในพ้ืนทพ่ี รุ

3.4 มาตรการปอ้ งกนั ยงุ 1) มาตรการในการป้องกันโรคท่นี �ำโดยยงุ ดังน้ี (1) มาตรการการส�ำหรับป้องกันยงุ ลาย ท่ีดที ีส่ ดุ คอื การท�ำลาย แหล่งเพาะพันธ์ยุ งุ ลาย โดยใช้มาตรการ ๓ เก็บ คือ - เก็บบ้านให้โล่ง อากาศปลอดโปรง่ ไม่ให้ยงุ เกาะพกั - เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ใหม้ ที ่ีเพาะพันธย์ุ งุ - เก็บน�้ำ ปิดฝาภาชนะให้มดิ ชิด หรือเปลีย่ นถา่ ยนำ้� ไมใ่ ห้ ยุงลายวางไข่ ท�ำตอ่ เนื่องทกุ สัปดาห์ ท้งั ทบ่ี ้าน ท่ที ำ� งาน โรงเรยี น ศาสนาสถาน สถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก โรงพยาบาลรวมท้ังการก�ำจัดยุงลายตัวเต็มวัย โดยการ พน่ หมอกควนั ไลย่ งุ และการปอ้ งกนั ไมใ่ หถ้ กู ยงุ กดั จะชว่ ยลดการแพรร่ ะบาดของ โรคได้ (2) มาตรการสำ� หรับการป้องกันยุงเสอื โดยรณรงคใ์ หม้ ีการ กำ� จดั วชั พชื นำ้� และปลอ่ ยปลากนิ ลูกน้ำ� โดยเฉพาะปลาชนิดกินพชื รวมทัง้ เนน้ การป้องกันไม่ให้ถกู ยงุ (3) มาตรการส�ำหรบั การปอ้ งกันยงุ กน้ ปลอ่ ง ในพน้ื ทแี่ พรโ่ รค ใช้มาตรการการพ่นฤทธิ์สารเคมีชนิดตกค้าง พ่นตามบา้ นเรอื น อย่างน้อยปีละ 1 ครง้ั สว่ นในระยะลกู นำ�้ มกี ารรณรงคท์ ำ� ลายแหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ เชน่ การถากถาง วชั พืช เพ่ือให้แหลง่ นำ�้ ไหลผา่ นสะดวก รวมทั้งเนน้ การป้องกันไม่ใหถ้ ูกยงุ กดั 2) วธิ ีการป้องกนั ไม่ใหถ้ กู ยุงกดั (1) นอนในมุ้ง หรือในห้องทต่ี ิดมุ้งลวด (2) ใสเ่ สอ้ื แขนยาวและมิดชิด เม่ือตอ้ งเข้าสวน หรือ เดนิ ปา่ (3) อยูใ่ นท่ีแสงสว่าง (4) สุม่ ไฟไลย่ ุง (5) ใช้สมุนไพรสดป้องกันยงุ กัด เช่น สมนุ ไพรตะไครห้ อมสดทบุ เพื่อให้มกี ล่นิ นำ้� มนั หอมระเหย แล้วน�ำมาเหน็บที่เอว เมื่อตอ้ งเข้าสวน หรอื วาง ตามมุมห้อง (6) ทายากันยุง คู่มอื การทำ� ผลิตภัณฑคส์ ู่มมอื นุ กไาพรรใไชลป้ ่ยรุงะในโยพชนื้ นท์ปี่พารลุม์ สาคู 191

วิธีการป้องกันตนเองจากยุงท่ีนิยมพบในปัจจุบัน คือ การใช้สาร ทากันยุงท่ีใช้ทาผิวหนัง หรือฉีดพ่น หรือทาบนเสื้อผ้าที่ใส่ ซึ่งการใช้สารไล่ยุง มกั จะเลือกทส่ี ะดวกซอื้ สะดวกใช้ เหน็ ผลเร็ว อยา่ งไรก็ตาม สารไลย่ งุ ทีว่ างขาย ตามท้องตลาด ส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบส�ำคัญในการออกฤทธิ์เป็นสารเคม ี ทส่ี ังเคราะห์ หากใชส้ ารเคมดี ว้ ยปรมิ าณ และ ขนาดที่ไมเ่ หมาะสม และเป็นเวลา นานๆ อาจจะมีผล กระทบต่อผู้ใช้ เช่นการดื้อสารเคมี ท�ำให้เกิดเป็นมะเร็ง และท�ำลายสิ่งแวดล้อมไดใ้ นอนาคต ประชาชนเริ่มตระหนักตอ่ พิษภยั การใชส้ ารเคมมี ากข้ึน และเรมิ่ ใหค้ วามสนใจในการดูแลตนเองทัง้ ด้านการรักษา ปอ้ งกนั โรค และเสริมความงาม โดยหันมาใช้สมุนไพรแทน และการน�ำสมุนไพรมาใช้ในการควบคุมยุงพาหะเป็น ทางเลือกหนึ่ง เพราะจะได้สารจากธรรมชาติท่ีมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง โดยทั่วไปพชื สมุนไพรจะมสี ารประกอบทางเคมีทีแ่ ตกตา่ งกันตั้งแต่ ชนิด ปรมิ าณ คุณสมบัติ และการกระจาย สารท่ีใช้ในการป้องกันที่มีฤทธิ์แตกต่างกัน เช่น ไลแ่ มลง ดึงดูดแมลง ฆ่าตวั แก่ และฆ่าตวั อ่อน เช่น กระเพรา ขม้ินชนั ตะไครห้ อม ทำ� มงั สะระแหน่ โหระพา มะกรดู ยคู าลปิ ตสั แมงลกั เปน็ ตน้ ซงึ่ พชื เหลา่ นส้ี ามารถ หาซื้อง่ายตามท้องถ่ินที่อยู่อาศัย และหากเป็นพืชสมุนไพรที่มีน้�ำมันหอมระเหย เปน็ องคป์ ระกอบดว้ ยน้ัน จะเป็นทางเลือกหนงึ่ ในการน�ำมาพฒั นาเป็นผลติ ภณั ฑ์ ปอ้ งกันยงุ กดั ได้ ตวั อยา่ งเชน่ น้�ำมนั หอมระเหยตะไคร้หอม มีฤทธใ์ิ นการปอ้ งกนั ยงุ กดั สามารถน�ำมาแปรรปู เป็นผลติ ภณั ฑไ์ ด้หลากหลายรูปแบบ เช่น โลชน่ั เจล ครมี ขผี้ ง้ึ สเปรย์ หรอื นำ� ไปผสมกบั สมนุ ไพรอน่ื ๆ เพอื่ นำ� ไปใชใ้ นการไลย่ งุ นอกจาก ใช้ในการป้องกันยุงกัดจากตัวเองแล้ว สามารถน�ำมาท�ำเชิงการตลาด เพิ่มมูลค่า และรายได้กบั ครัวเรือนได้ หน่วยงานควบคุมโรคติดต่อ ศูนย์ศึกษากรพัฒนาพิกุลทอง อนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำริ จงั หวัดนราธิวาส เป็นหนึ่งศูนยท์ ส่ี ามารถเข้ามาเรียน รู้เกี่ยวกับโรคติดต่อประจ�ำถิ่นแล้ว และสนับสนุนส่งเสริม การเรียนรู้ การผลิต ผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรไลย่ งุ ประกอบดว้ ย ครมี ทากนั ยงุ สตู รภาคใต้ ยาหมอ่ งทากนั ยงุ สเปรยไ์ ลย่ งุ และสมนุ ไพรจดุ กนั ยงุ เพอ่ื ทำ� ผลติ ภณั ฑท์ ใี่ ชต้ น้ ทนุ นอ้ ยสามารถทำ� ใชเ้ อง ท่บี ้าน หรือ ท�ำเป็นอาชีพเสรมิ เพิม่ รายได้ ให้แก่ครวั เรือนได้ 1102 ค่มู อื กคาู่มรใอื ชกป้ ารระทโ�ำยผชลนิต์ปภาัณลม์ฑสส์ ามคุนู ไพรไล่ยุงในพื้นทพ่ี รุ

4. สมนุ ไพรมีฤทธิไ์ ล่ยุง นำ�้ มนั หอมระเหยจากพชื หลายชนดิ มฤี ทธไ์ิ ลแ่ มลง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใช้ในการไล่ยงุ เช่น นำ�้ มนั ตะไคร้หอม ขม้นิ ชนั และประเทศไทยมคี วามหลาก หลายของพรรณพืชสมุนไพรท่ีมีน้�ำมันหอมระเหยอยู่เป็นจ�ำนวนมาก ท่ีมี คุณสมบัติในการป้องกันและก�ำจัดแมลงได้ ปัจจุบันจึงมีการศึกษาและใช้สาร จากธรรมชาตใิ นการปอ้ งกันยงุ กดั มากขน้ึ ได้แก่ สารสกดั จากสมนุ ไพรที่มกี ล้นิ จากนำ้� มนั หอมระเหย (essential หรือ volatile oils) สารปอ้ งกันยุงทไ่ี ด้จาก จากธรรมชาติมีข้อดีกว่าสารเคมีสังเคราะห์ที่ไม่สะสมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมอ่ื ใช้เปน็ เวลานาน และไมท่ �ำลายสง่ิ แวดล้อมและกระทบต่อระบบ นเิ วศวทิ ยาของพชื และสตั ว์ สารจากธรรมชาตจิ งึ ปลอดภยั ตอ่ ผใู้ ช้ นอกจากนมี้ กั มคี วามจำ� เพาะกบั ชนิดของยุงดว้ ย 4.1 น้ำ� มันหอมระเหยจากพชื 1) ตะไคร้หอม (Cymbopogonnar- dus(L.) Rendle มีกล่ินเฉพาะตัว เหง้าอยู่ใต้ดิน ล�ำต้นแตกเป็นกอ ใบยาว สาก หนา และคม มนี ำ�้ มนั หอมระเหยชนดิ Citronella, Citronellol และ Geraniol เปน็ สว่ นประกอบ ชว่ ยไลย่ งุ ลายได้ เพยี งแคน่ ำ� มาปลกู โดยใชแ้ กลบ หนิ หรอื ใบไมแ้ หง้ รองก้นกระถาง แล้วตามด้วยดินผสมปุ๋ยคอก เทา่ นก้ี จ็ ะทำ� ใหก้ ลน่ิ ของนำ้� มนั หอมระเหยชว่ ยไลย่ งุ ออกจากบ้าน หรือไม่เช่นนั้นน�ำตะไคร้หอม ประมาณ 4-5 ตน้ มาทุบ แลว้ วางไวใ้ นห้องมดื ๆ อบั ๆ กลนิ่ ของนำ�้ มนั หอมระเหยกจ็ ะชว่ ยกำ� จดั ยงุ ออกไปเอง นอกเหนือจากนี้เรายังสามารถ นำ� ตะไครห้ อมไปสกดั ทำ� เปน็ ครมี ทาตวั หรอื สเปรย์ ฉีดยงุ ไดอ้ ีกดว้ ย ค่มู ือการทำ� ผลิตภณั ฑคส์ ู่มมอื นุ กไาพรรใไชล้ป่ยรงุ ะในโยพชน้ื นท์ปีพ่ ารลุม์ สาคู 131

2) มะกรดู (Citrus hystrix DC.) พชื ยนื ตน้ มหี นาม มนี ำ�้ มนั หอมระเหย ทส่ี ามารถจดั การได้ทัง้ ยุงลาย ยงุ เสอื ยุงก้นปลอ่ ง และยงุ รำ� คาญ โดยจะใชว้ ิธีปลกู ด้วยการเพาะเมล็ดลงดินท่ีมีปุ๋ยคอก แล้วรอจนต้นโตเพื่อให้น้�ำมันหอมระเหยส่ง กลน่ิ ไลย่ งุ กไ็ ด้ จะนำ� ใบหรอื ผวิ มะกรดู มาบบี ใหก้ ลนิ่ นำ้� มนั หอมระเหยฟงุ้ เพอื่ กำ� จดั ยุงก็ดี นอกจากนยี้ งั นำ� ไปสกัดรว่ มกับตะไครห้ อมเป็นสเปรย์ฉดี ยุงกเ็ ด่น ทีส่ ำ� คญั ถา้ หากนำ� ลกู มะกรดู ใสไ่ วใ้ นตมุ่ หรอื แขวนไวใ้ กลป้ ากตมุ่ ยงั ชว่ ยปอ้ งกนั ลกู นำ้� ยงุ ลา 3) โหรพา (Ocimum basilicum Linn.) โหระพา สมุนไพรกลน่ิ หอม คู่ครัวไทย สามารถปลูกเพื่อไล่ยุงออกจากบ้านได้ โดยวิธีที่นิยมมากท่ีสุด คือ การปกั ช�ำ เพราะเพยี งแคเ่ ตรยี มดินให้ลกึ 20-25 เซนตเิ มตร แล้วนำ� กา้ นโหระพา ปกั ลงไป ใชฟ้ างคลมุ และรดน�ำ้ เลก็ น้อย กจ็ ะได้ตน้ โหระพาทีม่ ีกล่นิ ฉนุ และนำ้� มนั หอมระเหยมาช่วยไล่ยุงได้ไม่ยากแล้ว หรือถ้าหากใครไม่อยากปลูก จะน�ำใบ โหระพามาขย้ีจนมีกล่ินฟุ้ง แล้วน�ำไปวางในบริเวณท่ีมียุงชุมหรือหน้าพัดลมก็ได้ รับรองยุงรบี บนิ หนหี ายแน่ ย่ิงไปกว่าน้ันถา้ หากน�ำใบโหระพามาตม้ น้�ำเปลา่ 110 มลิ ลิลติ ร สกั ประมาณ 2-3 ชั่วโมง พรอ้ มเติมวอดกา้ 110 มลิ ลิลติ รลงไป ก็จะชว่ ย ให้เรามสี เปรยไ์ วฉ้ ีดตามตัว ชว่ ยไลย่ ุงเวลาออกไปขา้ งนอกแล้ว 1124 ค่มู ือกคามู่รใือชกป้ ารระทโ�ำยผชลนิตป์ ภาณัลม์ฑส์สามคุนู ไพรไลย่ ุงในพน้ื ทพี่ รุ

4) สะระแหน่ (Mentha cordifolia Opiz.) อีกหน่ึงสมนุ ไพรไลย่ งุ ยอดฮิต มีน�้ำมันหอมระเหย เช่น P-Cymene, B-Pinene, Ocimene และ Limonene เปน็ สว่ นประกอบ จงึ ปลกู กนั ยงุ ได้ โดยสว่ นใหญน่ ยิ มปกั ชำ� ดว้ ยการ ตัดยอดให้เหลือใบอ่อนประมาณ 5-6 ใบ แลว้ นำ� มาปกั ลงดินท่ผี สมป๋ยุ คอกและ กาบมะพรา้ วสบั ไมเ่ ชน่ นน้ั กส็ ามารถนำ� ใบสะระแหนม่ าบดขยใ้ี หก้ ลนิ่ ของนำ้� มนั หอมระเหยกระจายออกมา แลว้ ทาลงบนผวิ ไดโ้ ดยตรงสำ� หรบั ผทู้ ไ่ี มแ่ พ้ หรอื จะ น�ำไปวางไว้ในบริเวณท่ียุงชมุ หน้าพดั ลม 5) มะนาว (Citrus aurantifolia Swingle) พชื ตระกลู สม้ สเี หลืองสวย รสเปรี้ยวจ๊ีด มีน�้ำมันหอมระเหยท่ีสามารถไล่ยุงก้นปล่องได้เป็นส่วนประกอบ บอกเลยแค่น�ำเปลือกมะนาวมาบีบจนกล่ินและน้�ำมันหอมระเหยกระจาย ออกมา เท่าน้กี จ็ ะชว่ ยไลย่ ุงในบา้ นของเราไดแ้ ลว้ คมู่ อื การท�ำผลิตภัณฑค์สู่มมอื นุ กไาพรรใไชล้ปย่ รุงะในโยพชนื้ นท์ป่ีพารลุ์มสาคู 135

6) สม้ (Citrus aurantium Linn.) ผลไม้รสเปรยี้ วหวานสดุ โปรดของ ใครหลายคน ก็เป็นสมนุ ไพรไล่ยงุ อีกหนงึ่ ชนิด เพราะในผิวส้มมีนำ้� มนั หอมระเหย ทช่ี ่วยไลย่ งุ ไดเ้ พยี บ ไมว่ า่ จะเป็น P-Cymene, B-Pinene, Ocimene, Citralและ Limonene ดังน้ันกินเสร็จแล้วอย่าเผลอท้ิงเปลือกไปเฉยๆ น�ำมาบีบๆ ขย้ีๆ ให้น้�ำมันหอมระเหยกระจายออกมาก่อน จะได้ช่วยไล่ยุงให้หมดไปจากบ้าน ด้วยนน่ั เอง 7) ยูคาลิปตัสไม้ยืนต้น ทรงพุ่มหนา ใบยาวรูปหอก สีเขียวหม่น เส้นกลางใบชัด มีน้�ำมันหอมระเหยชนิดพิเศษท่ีมีสรรพคุณช่วยไล่ยุงและแมลง เพียงแค่น�ำใบสดประมาณ 1 ก�ำมือ มาขยี้ให้กลิ่นของน้�ำมันหอมระเหยกระจาย ออกมา แลว้ นำ� ไปวางไว้ตามมุมห้อง กจ็ ะช่วยก�ำจัดหรอื ฆ่ายงุ หรอื แมลงได้ 1146 คมู่ ือกคามู่รใือชกป้ ารระทโำ�ยผชลนติ ์ปภาณัลม์ฑส์สามคนุ ู ไพรไลย่ ุงในพ้นื ที่พรุ

5. การแปรรปู สมนุ ไพร เปน็ ผลติ ภัณฑ์ไล่ยุง การปอ้ งกนั ตนเองจากยงุ โดยการนำ� สมนุ ไพรมาใชใ้ นการควบคมุ ยงุ พาหะ เปน็ ทางเลอื กหนงึ่ เพราะไดส้ ารจากธรรมชาตทิ ม่ี คี วามปลอดภยั ซง่ึ สามารถนำ� มา แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โลชั่น เจล ครีม ข้ีผึ้ง สเปรย์ เพ่อื นำ� ไปใช้ในการไล่ยุง นอกจากใชใ้ นการป้องกนั ยุงกดั จากตัวเองแลว้ สามารถ น�ำมาท�ำเชิงการตลาด เพิ่มมูลค่าและรายได้กับครัวเรือนได้ ดังตัวอย่างวิธีการ ทำ� ผลติ ภัณฑ์ดังนี้ 5.1 สเปรยต์ ะไครห้ อมกนั ยุง 1) วตั ถุดบิ (1) น�้ำมนั หอมระเหยตะไครห้ อม 475 ซีซ ี (2) แอททลิ แอลกอฮอร์ 25 ซีซี (3) สีผสมอาหาร (สีเขียว) 450 ซีซี 2) อุปกรณ์ (1) ขวดพลาสตกิ ใส 500 ซซี ี (2) ขวดแก้วขนาด 0-50 ซีซี (3) ขวดสเปรย์บรรจขุ นาด 100 ซีซี 3) วธิ ีทำ� (1) เตรยี มขวดแอททิลแอลกอฮอล์ ท่ีเตรียมไว้ 450 ซซี ี (2) ใสน่ ำ้� มนั หอมระเหยตะไครห้ อม ลงในขวดแอลทแิ อลกอฮอล์เขย่าให้เขา้ กนั (3) ผสมสอี าหารเลก็ นอ้ ย ใช้ 1 หยด ใสล่ งในขวดแอททลิ แอลกอฮอล์เขย่าใหเ้ ขา้ กัน (4) บรรจุในขวดสเปรย์ และติด ฉลากสเปรย์นำ�้ มันไคร้หอมให้ทวั่ คมู่ ือการท�ำผลิตภณั ฑค์สมู่ มือุนกไาพรรใไชลป้ ย่ รงุ ะในโยพชนื้ นท์ปีพ่ ารลุ์มสาคู 175

5.2 สมุนไพรจุดกันยงุ 1) วตั ถุดบิ (1) ไม้มะม่วงบดละเอียด 100 กรมั (2) ไม้จนั ทรเ์ หนยี วบดละเอยี ด 25 กรมั (3) สมนุ ไพรบดละเอียด 20 กรมั (4) สผี สมอาหาร 1.50 กรัม (5) นำ�้ สะอาด 600 กรัม (6) นำ้� มันหอมระเหยตะไครห้ อม 5 ซซี ี 2) อุปกรณ์ (1) กะละมัง 1 ใบ (2) บกี เกอร์ขนาด 500 ซซี ี 1 อัน (3) กระถางพร้อมใส่ทราย 1 ใบ (4) กา้ นไมไ่ ผ่ท่ีชุบจนั ทร์เหนยี ว 80 ก้าน (5) ถว้ ยโฟม 5 ถว้ ย 3) วิธที ำ� (1) น�ำผงมะม่วงบดละเอยี ดใสใ่ นกะละมงั (2) ใสน่ ้ำ� สะอาด 200 ซซี ี แล้วนวดใหน้ ุ่มมือ (3) ใสผ่ งจันทร์เหนยี วลงไปเล็กนอ้ ย นวดให้เขา้ กนั และเติมน้�ำลงไปประมาณ 50 ซีซี (4) ใส่สีผสมอาหาร 1.50 กรัม และนวดให้เขา้ กัน และเตมิ น�้ำลงไปอีกประมาณ 20 ซซี ี 1168 คมู่ ือกคาู่มรใือชก้ปารระทโ�ำยผชลนิตป์ ภาัณล์มฑส์สามคุนู ไพรไลย่ งุ ในพื้นทีพ่ รุ

(5) ใสผ่ งสมนุ ไพร ซงึ่ ประกอบดว้ ยตะไครห้ อม สะเดา ผวิ มะกรดู เปลอื กส้ม หรอื ใช้ขมน้ิ ชัน เสมด็ และท�ำมงั พืชทหี่ าได้ในท้องถนิ่ และเตมิ นำ�้ ลงอกี ไปอีกทีละน้อยจน ครบ 300 ซีซี และนวดให้เข้ากัน แล้วเติมน�้ำมันหอมระเหย ตะไคร้หอม 5 ซีซี นวดตอ่ ไปจนเขา้ กัน (6) นำ� ส่วนผสมที่นวดเสร็จแล้วมาทดลองรูดกับก้านธูปว่าติด หรอื ไม่ ถ้าติดแสดงว่าใชไ่ ดโ้ ดยป้ันชนดิ กลมหรอื เกลยี วก็ได้ (7) ป้ันบนก้านไม้ไผ่ชบุ จันทรเ์ หนียว (8) ตากไวใ้ นทร่ี ่มจนกวา่ จะแหง้ ใชเ้ วลาประมาณ 2-3 วนั (9) เพ่มิ กล่ินน้�ำมันหอมระเหยตะไครห้ อมได้อีกโดยการ (10) บรรจุเขา้ ถงุ พลาสติก ค่มู อื การทำ� ผลติ ภัณฑค์สมู่ มือุนกไาพรรใไชล้ป่ยรงุ ะในโยพชืน้ นทป์ ี่พารลุ์มสาคู 179

5.3 ยาหมอ่ งสมนุ ไพรกันยงุ 1) วัตถดุ ิบ (1) วาสลนี 200 กรัม (2) ขผ้ี ้งึ 100 กรัม (3) เกลด็ สาระแหน่ 70 กรัม (4) พิมเสน 60 กรัม (5) การบูร 50 กรัม (6) วาสลีน 10 กรัม (7) น�ำ้ มันงา 10 มลิ ลิลติ ร (8) น้�ำมนั ระกำ� 50 มลิ ลลิ ิตร (9) นำ�้ มันมะกรูด 40 มิลลลิ ติ ร (10) นำ�้ มันยูคาลิปตสั 30 มิลลิลติ ร (11) น้�ำมันงาไพล 30 มลิ ลลิ ติ ร (12) น�ำ้ มนั มะกรูด 30 มลิ ลิลติ ร (13) นำ�้ มนั ขิง 10 มลิ ลลิ ติ ร 2) อุปกรณ์ (1) เตาไฟฟ้า ขนาด 20-30 เซนตเิ มตร 1 ตวั (2) หมอ้ ขนาด 20-30 เซนติเมตร 1 ตวั (3) บกี เกอรข์ นาด 600 มิลลลิ ิตรและขนา 200 มลิ ลติ รอย่างละ 1 ใบ (4) หม้อต้มน้�ำไฟฟ้า 1 เครอื่ ง (5) พายคนครีม 5 อนั (6) กระชอน ขนาด 7-10 เซนติเมตร 1 อัน (7) ขวดใสย่ าหม่อง 30 ขวด 1280 คูม่ ือกคามู่รใือชกป้ ารระทโ�ำยผชลนติ ป์ ภาณัล์มฑสส์ ามคนุ ู ไพรไลย่ ุงในพนื้ ที่พรุ

3) วธิ ที �ำ (1) เตรยี มพมิ เสนเกลด็ สาระแหน่ การบูร ใส่ในบีกเกอร์ ขนาด 500 มิลลิลติ ร กวนใหล้ ะลายเข้ากนั เป็นของเหลว (2) น�ำน้�ำขผ้ี ้ึงวาสลีน นำ�้ มันงาไพลและนำ้� มนั งา ใส่ในหม้อ สเตนเลสหรือบกี เกอร์ ขนาด 100 มิลลิลิตร ต้งั เตาที่เบอร์ 3 (3) เมื่อละลายหมดแล้วลดระดับความร้อนท่ีเบอร์ 1 เตมิ ขอ้ ที่ 1 กวนใหเ้ ขา้ กนั ตามดว้ ยนำ�้ มนั ยคู าลปิ ตสั นำ้� มนั มะกรดู นำ�้ มนั ขงิ นำ้� มนั ตะไคร้ภเู ขา น้ำ� มนั ระกำ� และวาสลีน กวนใหล้ ะลายจนเปน็ เน้ือเดียวกนั เทใสข่ วด ทิ้งไว้จนกวา่ จะแข็งตัว ปิดฝา และตดิ สตก๊ิ เกอร์ คมู่ อื การทำ� ผลติ ภัณฑคส์ ู่มมอื ุนกไาพรรใไชล้ปย่ รงุ ะในโยพชื้นนทป์ ่พี ารลุม์ สาคู 2191

5.4 ครีมทากนั ยุงสตู รภาคใต้ 1) วัตถดุ บิ (1) ไขลาเนต (Lanette N) 75 กรัม (2) นำ้� มนั ไอพเี อ็ม (IPM) 10 ซซี ี (3) ผงพบี บี ี (PPB) สารกันบูด 10.96 กรัม (4) ผงเอม็ พบี ี (MPB) สารกันบูด 25 กรมั (5) นำ้� มันพีพีจี (PPG) 25 กรมั (6) ผงวานิลนี (Vanilline) 24 กรมั (7) น�้ำมนั จับกลนิ่ (Musk) 10 หยด (8) กลีเซอรีน (Glycerine) 12.5 ซซี ี (9) นำ้� กลนั่ หรือ น�้ำกรอง 300 ซีซี (10) น�้ำมันมะพรา้ ว 25 ซีซี (11) นำ้� มันหอมระเหยทำ� มัง 5 ซีซี (12) น�้ำมนั หอมระเหยยูคาลิปตสั 10 ซีซี (13) นำ้� มันหอมระเหยตะไครห้ อม 20 ซีซี 2) อุปกรณ์ (1) เตาปรับความร้อนได้ 1 ตัว (2) หมอ้ สแตนเลส สำ� หรับผสม 1 ใบ (3) บกี เกอร์ขนาด 100 ซีซี 1 ใบ (4) บกี เกอรข์ นาด 500 ซซี ี 1 ใบ (5) แทง่ แกว้ คน หรอื ไมพ้ าย 1 อัน (6) เครอื่ งตีไข่ 1 ตัว (7) เทอร์โมมิเตอร์ 1 อนั (8) ชอ้ นตัก 2 อนั (9) หลอดบรรจุ 15 หลอด (10) ถุงพลาสตกิ ขนาด 4x6 และหนังยาง 2202 คู่มอื กคาู่มรใอื ชก้ปารระทโ�ำยผชลนิตป์ ภาณัลม์ฑสส์ ามคนุ ู ไพรไล่ยงุ ในพ้นื ทพ่ี รุ

3) วธิ ที ำ� (1) ชง่ั – ตรวจนับสว่ นประกอบตา่ งๆ ให้พรอ้ ม (2) น�ำผงพพี ีบี (PPB) ผงเอม็ พีบี (MPB) และ น�ำ้ มันพพี ีจี (PPG) ใส่ลงในบีกเกอร์ ขนาด 100 ซซี ี ใชแ้ ท่งแกว้ กวนส่วนผสมให้ละลาย - ใส (ทอี่ ุณหภมู หิ ้อง) แล้วต้ังท้ิงไว้ (3) น�ำไขลาเนต (Lanette N) และน�้ำมนั ไอพเี อม็ (IPM) ใส่ลงในหมอ้ สะแตนเลส ตัง้ บนเตา โดยใช้ ไฟออ่ นๆ ใชแ้ ทง่ แกว้ หรอื ไมพ้ ายกวนจนละลายเตมิ สว่ นผสม ขอ้ ที่ 2 ลงไป คนใหเ้ ขา้ กัน ยกลงจากเตา (4) เตรียมน้�ำอ่นุ (อุณหภมู ิ 60 – 70 องศา เซลเซยี ส) ปริมาณ 300 ซีซี บกี เกอรข์ นาด 500 ซซี ี (5) ละลายกลเี ซอรนี (Glyoerine) โดยค่อยๆ เทนำ�้ อนุ่ ในขอ้ ท ่ี 4 จำ� นวน 100 ซซี ี ลงในบกี เกอร์ ใชแ้ ทง่ แกว้ กวนใหเ้ ขา้ กนั หลงั จากนนั้ เทสว่ นผสมทไ่ี ดน้ ้ี ลงในสว่ นผสม ขอ้ ท่ี 3 แลว้ คอ่ ยๆ เตมิ นำ�้ อนุ่ ทเี่ หลอื จนหมดแลว้ ตใี หเ้ ขา้ กนั ด้วยเคร่ืองตีไข่ ควบคุมอุณหภูมิ อย่าให้เกิน 50 องศา เซลเซยี ส (6) คอ่ ย ๆ ใสน่ �้ำมันมะพรา้ ว ลงในเนอ้ื ครมี ที ละน้อยๆ อย่างต่อเนอ่ื งตใี ห้เข้ากัน (7) คอ่ ย ๆ ใส่นำ�้ มันหอมระเหยท�ำมงั ตะไครห้ อม ยูคาลิปตัส และน้�ำมันจับกลิ่น (Musk) ลงในเนื้อครีม ทลี ะนอ้ ยตามลงลำ� ดบั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งและสมำ่� เสมอตใี หเ้ ขา้ กนั (8) ใส่ผงวานลิ ีน (Vanillin) ลงในเน้อื ครีม กวนใหเ้ ขา้ กนั แลว้ ตีต่อ จนกระทงั่ ผสมเขา้ กนั เปน็ เนอ้ื เดยี วใชเ้ วลาประมาณ 30 นาที (9) บรรจใุ สห่ ลอด ติดฉลาก คู่มอื การท�ำผลิตภัณฑค์สมู่ มอื ุนกไาพรรใไชล้ปย่ รุงะในโยพช้ืนนท์ปพ่ี ารลุม์ สาคู 231

5.5 ข้อควรระวังในการแปรรูปสมุนไพรเปน็ ผลิตภณั ฑ์ไลย่ งุ การเตรยี มอปุ กรณ์ และวัตถดุ ิบ ก่อนการทำ� ผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ตอ้ งคำ� ถงึ ความปลอดภยั ในการใชอ้ ปุ กรณท์ มี่ คี วามรอ้ น และสารเคมี เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตุข้นึ ในขณะการทำ� ผลิตภณั ฑ์ 1) ภาชนะต่างๆ ทีใ่ ชต้ อ้ งสะอาด 2) ความรอ้ นท่ีใช้ไมต่ ้องสงู มาก เพราะจะทำ� ใหเ้ นอ้ื ครมี เปน็ ฟอง และสว่ นผสมไมค่ งตวั 3) ต้องใสส่ ว่ นประกอบใหค้ รบถ้วนตามลำ� ดับ 4) การใสน่ ้ำ� มันหอมระเหยตา่ งๆ ลงในเน้อื ครมี ทลี ะนอ้ ยๆ อย่างต่อเน่ืองและสม่ำ� เสมอ จะชว่ ยใหไ้ ด้เนอ้ื ครมี ทม่ี ีความสวยงาม เปน็ เงา สมุนไพรจดุ กนั ยุง ยาหม่องสมุนไพรกนั ยงุ 2224 คู่มอื กคามู่รใอื ชก้ปารระทโ�ำยผชลนติ ์ปภาณัล์มฑสส์ ามคุนู ไพรไล่ยงุ ในพ้ืนท่ีพรุ

6. ตน้ ทนุ ในการท�ำผลติ ภณั ฑ์สมุนไพรไลย่ งุ รายการ ต้นทุนการผลิต ราคาขาย ก�ำไรสุทธิ (บาท/ชิ้น) (บาท/ชิน้ ) (บาท/ช้ิน) ครมี ทากันยงุ สตู รภาคใต้ (ขนาด 30 กรมั ) 21 30 9 ยาหมอ่ งสมุนไพรทากันยงุ (ขนาด 15 กรมั ) 29 35 6 สมนุ ไพรจดุ กันยงุ (ขนาด 6 ก้าน/หอ) 12 15 3 สเปรย์ตะไคร้หอมไล่ยงุ (ขนาด 75 ซีซี) 50 55 5 สเปรย์ตะไครห้ อมกันยุง ครีมทากันยุงสตู รภาคใต้ คูม่ ือการท�ำผลติ ภณั ฑคส์ ู่มมือนุ กไาพรรใไชล้ปย่ รงุ ะในโยพชนื้ นทป์ พ่ี ารลุ์มสาคู 235

7. เอกสารอ้างองิ เอกสารประกอบการประชมุ เชงิ ปฎิบตั กิ าร. เรือ่ งการผลติ ผลติ ภัณฑป์ ้องกันยุงกัด จากพืชสมุนไพรท้องถิ่น และควบคุมโรคท่ีนำ� โดยยงุ ระดับชมุ ชนจงั หวัด พัทลุง วนั ท่ี 17-21 สิงหาคม 2550. ภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตรเ์ ขตรอ้ น มหาวิทยาลยั มหดิ ล. 2552. คู่มอื สมุนไพรปอ้ งกันกำ� จัดแมลงทางการแพทย์ 2 น้�ำมนั หอมระเหย. สถาบันวิจยั สมุนไพร.สถาบันวิจัยวทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ กรมวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 80 หนา้ . 2548. น้�ำมนั หอมระเหยจากพชื . www.disthai.com 2246 คู่มอื กคาู่มรใือชก้ปารระทโ�ำยผชลนติ ป์ ภาัณล์มฑส์สามคุนู ไพรไลย่ ุงในพืน้ ที่พรุ

สถานทตี่ ิดต่อ ศูนยศ์ กึ ษาการพฒั นาพิกลุ ทองอันเนื่องมาจากพระราชดำ� ริ เลขท่ี 95 หมู่ 6 ต.กะลวุ อเหนือ อ.เมือง จ.นราธวิ าส 96000 โทร. 073-631033, 073-631038 โทรสาร 073-631034 E-mail : [email protected] คณะผูจ้ ดั ท�ำ นางสาวสมุ าศ ลอยเมฆ หวั หนา้ งานควบคุมโรคติดต่อฯ ศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ นางสาวฟองหทยั บญุ หา นกั วิชาการเกษตร ศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ คมู่ อื การท�ำผลิตภณั ฑค์สู่มมือนุ กไาพรรใไชลป้ ่ยรงุ ะในโยพช้ืนนท์ปีพ่ ารลุม์ สาคู 275

28 คมู่ ือการใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook