คำ� น�ำ คมู่ อื เทคนคิ การปลกู ขา้ วในพนื้ ทดี่ นิ เปรยี้ วจดั ฉบบั น้ี จดั ทำ� ขนึ้ เพอ่ื เปน็ แนวทาง ในการปลูกข้าวในพ้ืนที่ดินเปรี้ยวจัด ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลลักษณะของดินเปรี้ยวจัด ปัญหาและข้อจ�ำกัดในการใช้ประโยชน์ของดินเปร้ียวจัด การจัดการดินเปรี้ยวจัด ใหเ้ หมาะสมตอ่ การปลกู ขา้ ว เทคนคิ การปลกู ขา้ วในพนื้ ทดี่ นิ เปรยี้ วจดั การเตรยี มพนื้ ท่ี การปลกู การใส่ป๋ยุ อาการขาดธาตุอาหารพชื รวมถงึ การจดั การควบคมุ โรคและแมลง ศัตรูข้าว ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “คู่มือเทคนิคการปลูก ขา้ วในพ้ืนที่ดนิ เปรย้ี วจัด” ฉบบั นี้ จะเปน็ ประโยชนส์ �ำหรับเกษตรกร นักเรียน และผู้ที่ สนใจทวั่ ไปสามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการปลกู ขา้ วในพนื้ ทดี่ นิ เปรยี้ วจดั เพอื่ เปน็ หนทาง หนงึ่ ในการลดตน้ ทนุ การผลิต ศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาพกิ ุลทองฯ กรกฎาคม 2564 คมู่ ือการใชป้ ระโยชน์ปาลม์ สาคู 1
สารบัญ เรอ่ื ง หนา้ 1. บทนำ� 1 2. ดนิ เปร้ียวจัด 2 3. เทคนคิ การปลูกขา้ วในพื้นทด่ี นิ เปร้ยี วจดั 3 4. อาการขาดธาตุอาหารพืช 12 5. โรคและแมลงศตั รขู า้ ว 14 6. เอกสารอ้างอิง 20 2 คู่มือการใชป้ ระโยชนป์ าล์มสาคู
1. บทนำ� ดนิ เปรย้ี วจดั (acid sulphate soil) เปน็ ดนิ ทม่ี ปี ญั หาทางดา้ นการเกษตร มสี มบัติทางกายภาพและเคมที ่ไี มเ่ หมาะสมส�ำหรับการเพาะปลูกพชื โดยมเี น้อื ดิน เปน็ ดนิ เหนยี วถงึ ดนิ เหนยี วจดั มโี ครงสรา้ งดนิ แนน่ ทบึ ทำ� ใหด้ นิ มกี ารระบายนำ้� เลว มีน�้ำทว่ มขังเม่อื ดนิ แห้งจะแข็งและแตกระแหง เมื่อน�ำมาใชป้ ระโยชน์จะพบปญั หา เรอื่ งดนิ มสี ภาพความเปน็ กรดจดั มกี ารละลายออกมาของธาตอุ ะลมู นิ มั เหลก็ และ แมงกานสี ทำ� ใหเ้ ปน็ พษิ มผี ลตอ่ การเจรญิ ของพชื ทปี่ ลกู ในขณะเดยี วกนั ธาตอุ าหาร หลกั ในดนิ มปี รมิ าณตำ�่ อยใู่ นรปู ทพี่ ชื ไมส่ ามารถนำ� มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ศนู ยศ์ กึ ษาการ พฒั นาพกิ ลุ ทองฯ ไดด้ ำ� เนนิ การศกึ ษาทดลองการปรบั ปรงุ ดนิ เปรย้ี วจดั เพอื่ ปลกู ขา้ ว ภายในพ้ืนท่ีศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ พบว่า ข้าวสามารถเจริญเติบโต และใหผ้ ลผลิตไดด้ ใี นพนื้ ท่ีดินเปรย้ี วจัดทผ่ี ่านการปรับปรุงบ�ำรงุ ดิน แล้วควบค่กู ับ การปลกู การดแู ลรกั ษาทเี่ หมาะสม ซงึ่ พนั ธ์ุขา้ วที่เหมาะส�ำหรับปลูกในดนิ เปรย้ี ว จดั มที ้ังพนั ธ์ุขา้ วทีม่ คี วามทนทานตอ่ สภาพดนิ เปรย้ี วจัดได้ดีทสี่ ดุ เช่น พันธ์ลุ กู แดง ปัตตานี พนั ธ์ขุ าวตายก พนั ธ์ไุ ขม่ ด พันธ์ุช่อมุก พันธข์ุ า้ วท่ีมีความทนทานปานกลาง ต่อสภาพดินเปร้ียวจัด เช่น พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 พันธุ์กข 7 พันธุ์กข 19 พนั ธ์ุกข 21 พันธ์กุ ข 23 พันธก์ุ ข 27 นอกจากนนั้ ยังมีพนั ธุข์ ้าวพ้ืนเมืองทเ่ี กษตรกร นยิ มปลูกกันมากในพน้ื ที่ 5 จงั หวัดชายแดนใตม้ ี 2 สายพันธุ์ ไดแ้ ก่ ขา้ วพันธุ์ซีบู กนั ตงั และขา้ วพนั ธห์ุ อมกระดงั งา ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ ไดศ้ กึ ษา ทดลอง วิจัย หาวธิ ีการปรบั ปรุงดินเปรยี้ วจดั การคัดเลอื กพันธ์ขุ ้าว การปลกู และการดแู ล รักษาข้าวในพ้ืนทดี่ ินเปร้ยี วจดั มาอยา่ งยาวนาน และได้นำ� องคค์ วามร้ตู า่ งๆ ไปขยายผล ส่งเสริมแก่เกษตรกรในพื้นท่ดี นิ เปร้ียวจัด จนสามารถปลูกขา้ วทม่ี คี ุณภาพ ผลผลิต สูงข้นึ และลดตน้ ทนุ ในการผลิตขา้ วได้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้จัดท�ำคู่มือเทคนิคการปลูกข้าว ในพนื้ ทด่ี นิ เปรย้ี วจดั ซงึ่ ประกอบดว้ ยขอ้ มลู ลกั ษณะของดนิ เปรย้ี วจดั ปญั หาและขอ้ จำ� กดั ในการใช้ประโยชน์ของดินเปร้ียวจัด การจัดการดินเปร้ียวจัดให้เหมาะสมต่อการ ปลูกข้าว เทคนิคการปลูกข้าวในพื้นที่ดินเปร้ียวจัด การเตรียมพื้นที่ การปลูก การใสป่ ยุ๋ อาการขาดธาตอุ าหารพชื รวมถงึ การจดั การควบคมุ โรคและแมลงศตั รขู า้ ว เพื่อใหผ้ ู้สนใจได้นำ� มาเปน็ ข้อมูลและปรับใช้ในพน้ื ทข่ี องตนเอง ซึง่ เป็นหนทางหนึ่ง ในการลดต้นทนุ การผลิต คมู่ อื การใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู 13
คู่มอื เทคนคิ การปลกู ขา้ วในพื้นท่ีดนิ เปรยี้ วจัด 2. ดินเปรย้ี วจัด ดินเปรี้ยวจัด (acid sulphate soil) เป็นดินที่มีปัญหาทางด้าน การเกษตร มคี ณุ สมบตั ทิ างกายภาพและเคมที ไ่ี มเ่ หมาะสมสำ� หรบั การเพาะปลกู พืช มีเน้ือดินเป็นดินเหนียวถึงดินเหนียวจัด มีโครงสร้างดินแน่นทึบท�ำให้ดินมี การระบายน้ำ� เลว มีน้�ำท่วมขงั เม่อื ดินแหง้ ดนิ จะแข็งและแตกระแหง เมอื่ นำ� มา ใชป้ ระโยชนจ์ ะพบปญั หาเรอื่ งดนิ มสี ภาพความเปน็ กรดจดั มกี ารละลายออกมา ของธาตอุ ะลมู นิ มั เหลก็ และแมงกานสี มากจนเปน็ พษิ มผี ลตอ่ การเจรญิ ของพชื ทป่ี ลกู และมธี าตอุ าหารหลกั ในดนิ มปี รมิ าณตำ่� และอยใู่ นรปู ทพ่ี ชื ไมส่ ามารถนำ� มาใชป้ ระโยชน์ได้ 2.1 ความหมายของดนิ เปรย้ี วจดั เปน็ ดนิ ท่มี คี า่ ความเปน็ กรด-ดา่ งต�่ำ (pH ต่�ำกว่า 4.5) มี สภาพพื้นที่เป็นท่ีราบลุ่มมีน้�ำท่วมขังในฤดูฝน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดและมีความอุดมสมบูรณ์ ของดินต่�ำ ท�ำให้พืชท่ีปลูกไม่สามารถเจริญเติบโต และให้ผลผลิตได้ ดินเปรี้ยวจัดในประเทศไทยมี พ้ืนท่ีประมาณ 5.26 ล้านไร่ (กรมพัฒนาท่ีดิน, 2558) พบในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางตอนใต้ ภาคตะวนั ออก และภาคใต้ 2.2 ลกั ษณะทวั่ ไปของดนิ เปรยี้ วจดั ดนิ ชนั้ บนเปน็ ดนิ เหนยี วถงึ เหนยี วจดั มีสีเทาหรือเทาเข้มถึงด�ำ ดินช้ันล่างมีสีเทาอ่อนและมีจุดประสีเหลืองฟางข้าว ของสารประกอบจาโรไซต์ พบได้ในพื้นท่ีราบลุ่มหรือพื้นที่ลุ่มน�้ำทะเลเคยท่วม ถึงมาก่อนสภาพพื้นที่โดยท่ัวไปมีพืชจ�ำพวกเสม็ด จูดหนู กกสามเหลี่ยมข้ึน ปกคลมุ อยู่ นำ�้ ในพน้ื ทดี่ นิ เปรย้ี วจดั มลี กั ษณะใสและเปน็ กรดจดั มาก มกั พบคราบ สนิมเหลก็ ในดนิ และทผ่ี วิ นำ�้ 42 คมู่ อื การใชป้ ระโยชน์ปาล์มสาคู
ค่มู อื เทคนคิ การปลกู ขา้ วในพนื้ ทด่ี ินเปร้ยี วจดั 2.3 ปัญหาและขอ้ จ�ำกัดการใชป้ ระโยชน์ดนิ เปรยี้ วจัด ดนิ เปรี้ยวจดั เป็นดินท่ไี ม่เหมาะสมต่อการเพาะปลกู ปญั หาทพี่ บมดี ังน้ี 1) ดนิ มีสภาพเป็นกรดจดั มีคา่ ความเป็นกรด-ดา่ ง (pH) ต่�ำกวา่ 4.5 2) มกี ารละลายออกมาของธาตบุ างชนดิ เชน่ อะลมู นิ มั เหลก็ และแมงกานสี ทำ� ใหเ้ ปน็ พษิ และมผี ลตอ่ การเจรญิ ของพชื ทปี่ ลกู 3) ธาตุอาหารหลกั ในดินมีปริมาณต�่ำ ไดแ้ ก่ ไนโตรเจนและ ฟอสฟอรสั โดยฟอสฟอรสั ถกู ตรงึ ใหอ้ ยใู่ นรปู ทพี่ ชื ไมส่ ามารถ น�ำมาใชป้ ระโยชน์ได้ 4) เนอ้ื ดนิ เปน็ ดนิ เหนยี วถงึ ดนิ เหนยี วจดั มโี ครงสรา้ งดนิ แนน่ ทบึ ทำ� ใหด้ นิ มกี ารระบายนำ�้ เลวนำ�้ ทว่ มขงั เมอ่ื ดนิ แหง้ จะแขง็ และ แตกระแหง 3. เทคนิคการปลกู ข้าวในพ้นื ท่ีดนิ เปรยี้ วจดั การปลูกข้าวในพ้ืนท่ีดินเปร้ียวจัดต้องมีการจัดการดินท่ีเหมาะสม โดยเทคนิคการปลูกข้าวในพ้ืนที่ดินเปร้ียวจัดเพ่ือเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุน ในการปลูก เช่น การเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมส�ำหรับปลูกในพื้นดินเปร้ียว การปรับปรุงดินก่อนการปลูกข้าว วิธีการปลูกข้าวในพ้ืนที่ดินเปรี้ยว และการ จัดการปุ๋ยเคมีในนาขา้ ว ค่มู อื การใช้ประโยชน์ปาล์มสาคู 35
คู่มอื เทคนิคการปลกู ขา้ วในพน้ื ท่ีดนิ เปรี้ยวจัด 3.1 พันธ์ขุ ้าวทีเ่ หมาะสมส�ำหรบั ปลูกในพน้ื ดนิ เปร้ียว พันธุ์ข้าวเป็นปัจจัยหน่ึงที่มีความส�ำคัญอันดับแรกในการเพิ่ม ประสิทธภิ าพการผลติ ขา้ ว โดยไม่ตอ้ งเพ่ิมต้นทุนการผลิต ถา้ หากว่ามีพันธข์ุ ้าว ทใี่ หผ้ ลผลติ สงู และมคี ณุ ภาพ มคี วามตา้ นทานโรคและแมลง และมคี วามเหมาะสม กบั สภาพแวดลอ้ มในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ซง่ึ การปลกู ขา้ วในพน้ื ทด่ี นิ เปรย้ี วจดั การเลอื ก ใชพ้ นั ธข์ุ า้ วทท่ี นดนิ เปรย้ี วจดั เปน็ พนั ธท์ุ ป่ี ลกู จงึ เปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทส่ี ำ� คญั และเปน็ วิธีที่สะดวกและง่ายต่อการปฏิบัติของเกษตรกร ซ่ึงพันธุ์ข้าวท่ีทนดินเปรี้ยวจัด สามารถแบง่ ตามลกั ษณะพนื้ ทข่ี องการปลูกขา้ วได้ดงั นี้ 64 คู่มือการใช้ประโยชนป์ าลม์ สาคู
คูม่ อื เทคนคิ การปลกู ขา้ วในพืน้ ทีด่ ินเปร้ียวจดั 1) พนั ธุ์ข้าวท่ีมีความทนทานต่อสภาพดนิ เปรี้ยวจดั ไดด้ ีที่สุด ไดแ้ ก่ ข้าวพันธุ์ลูกแดงปัตตานี พันธุ์ขาวตายก พันธุ์ไข่มด พันธุ์ช่อมุก พันธุ์สีรวง พันธุ์อลั ฮัมดูลิลละห์ พันธด์ุ อนทราย พันธล์ุ กู เหลือง พนั ธ์ุนอ้ ย และพันธมุ์ ัทแคนดุ 2) พนั ธุ์ข้าวที่มคี วามทนทานปานกลางต่อสภาพดินเปรีย้ วจดั ได้แก่ ข้าวพันธุ์เหลืองประทิว 123 พันธุ์ข้างแดง พันธุ์อะพอลโล พันธุ์ยาไหร พันธุท์ ุ่งทอง พันธุด์ อกมดุ พันธ์ุนวลแก้ว พันธขุ์ า้ วตลุ พันธุ์ลกู ขาว พนั ธข์ุ า้ วขาว ดอกมะลิ 105 พนั ธุก์ ข 7 พันธุ์กข 19 พนั ธก์ุ ข 21 พันธ์กุ ข 23 พันธุ์กข 27 พนั ธุก์ ข 215 พนั ธสุ์ ุพรรณบุรี 90 พนั ธดุ์ อกมะลิ 3 พันธุ์พันธส์ุ ะกยุ 19 พนั ธพุ์ นั ธุ์ ตะเภาแกว้ 161 พนั ธเ์ุ ล็บมือนาง 3 พันธุ์ขา้ วตาแห้ง และพนั ธลุ์ ูกนาค จากการส�ำรวจข้อมลู ของศูนยว์ ิจัยข้าวปตั ตานี เกษตรกรในพ้ืนท่ี 5 จงั หวดั ชายแดนใตย้ งั มคี วามตอ้ งการปลกู ขา้ วพน้ื เมอื งมากถงึ 75 % โดยพนั ธ์ุ ขา้ วพนื้ เมอื งทนี่ ยิ มปลกู กนั มากทส่ี ดุ มี 2 สายพนั ธ์ุ ไดแ้ ก่ ขา้ วพนั ธซ์ุ บี กู นั ตงั และ ขา้ วพนั ธห์ุ อมกระดงั งา ซง่ึ เปน็ พนั ธข์ุ า้ วทที่ นกรดไดด้ ี และเกษตรกรในพน้ื ทสี่ ว่ น ใหญน่ ิยมบรโิ ภคกัน โดยข้าวหอมกระดังงาและขา้ วซีบูกนั ตังมีการปลูกในพน้ื ท่ี จงั หวดั นราธวิ าสมายาวนาน พนื้ ทส่ี ว่ นใหญอ่ ยทู่ อี่ ำ� เภอตากใบ ซงึ่ อาํ เภอตากใบ มพี ื้นทป่ี ลูกข้าวมากทส่ี ดุ 19,000 ไร่ โดยปลกู ขา้ วพนั ธุห์ อมกระดงั งา 2,500 ไร่ ทเี่ หลอื 16,500 ไร่ ปลกู ขา้ วพนั ธซ์ุ บี กู นั ตงั ประมาณรอ้ ยละ 90 (สำ� นกั งานเกษตร และสหกรณจ์ งหวดั นราธวิ าส, 2559) โดยขา้ วพนั ธซ์ุ บี กู นั ตงั เปน็ พนั ธท์ุ เ่ี กษตรกร ใช้ปลกู กันทัว่ ไปและเป็นทีน่ ิยมบริโภคของชาวไทยมุสลมิ คูม่ อื การใชป้ ระโยชน์ปาล์มสาคู 57
คู่มือเทคนิคการปลูกขา้ วในพืน้ ทด่ี นิ เปร้ียวจดั 3.2. การปรบั ปรุงดนิ กอ่ นการปลกู ขา้ ว การปลกู ขา้ วในพนื้ ทดี่ นิ เปรย้ี วจดั จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารปรบั ปรงุ ดนิ กอ่ นการปลกู ขา้ ว เพอื่ ปรบั สภาพพนื้ ทแี่ ละปรบั สภาพดนิ ใหเ้ หมาะสมตอ่ การปลกู ขา้ ว โดยมวี ธิ กี าร ดังนี้ 1) การปรบั สภาพพน้ื ท่ี โดยการปรับระดับพื้นที่กระทงนา และคันนาให้มีความสม่�ำเสมอเพอ่ื สะดวกตอ่ การขงั นำ้� และระบายนำ้� 2) เก็บตัวอย่างดินมาวิเคราะห์และตรวจสอบความเป็นกรด ของดิน เพ่ือค�ำนวณปริมาณการใช้วัสดุปูนในการลดความเป็นกรดของดิน ซึ่งการใส่ปูนเป็นวิธีการจัดการดินเปร้ียวจัดที่ง่าย สะดวก และเห็นผลรวดเร็ว ส�ำหรับการปลูกข้าว การใสป่ นู มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื เพิ่มปรมิ าณแคลเซยี มให้กบั ดิน ลดความเป็นกรดของดิน ท�ำให้ดินมีค่า pH สูงขึ้น และลดความเป็นพิษ ของเหล็กและอลมู นิ ่มั ซ่ึงวัสดปุ นู ทีใ่ ชป้ รับปรุงดนิ มหี ลายชนิด ไดแ้ ก่ ปูนมาร์ล ปนู ขาว หนิ ปนู ฝนุ่ เปลอื กหอยเผา และปนู โดโลไมท์ ซงึ่ ปนู แตล่ ะชนดิ จะมคี วาม สามารถในการปรับสภาพความเป็นกรดของดินที่แตกต่างกัน ส�ำหรับพ้ืนที่ดิน เปรี้ยวจัดในภาคใต้น้ันจะใช้หินปูนฝุ่นเป็นวัสดุปรับปรุงดิน เน่ืองจากเป็นวัสดุ ที่หาได้ง่ายในภาคใต้ และมีคุณภาพท่เี หมาะสม โดยแนะน�ำให้ใช้อัตรา 1.4-1.6 ตนั /ไร่ โดยการหวา่ นใหท้ ว่ั แปลงแลว้ ไถคลกุ เคล้ากับดนิ กอ่ นปลูกขา้ วประมาณ 15 วัน 86 คู่มอื การใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู
คู่มือเทคนคิ การปลกู ข้าวในพื้นท่ีดนิ เปร้ียวจัด 3.3 การปลูกขา้ วในพน้ื ที่ดินเปรย้ี วจัด การปลกู ขา้ วสามารถแบง่ ออกไดต้ ามวธิ กี ารเพาะปลกู ได้ 2 วธิ กี าร คอื การปลกู ข้าวนาด�ำ และการปลกู ขา้ วนาหวา่ น 1) การปลกู ขา้ วนาด�ำ เปน็ วิธีการท�ำนาทีน่ ำ� เมล็ดข้าวไปเพาะใหง้ อก เปน็ ต้นกล้า เมื่ออายุต้นกลา้ ประมาณ 30-35 วัน ทำ� การถอนและน�ำไปปักด�ำ ในพื้นท่ีนาท่ีมีน้�ำขังท่วมสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร ระยะปักด�ำ 25x25 เซนติเมตร ปกั ด�ำกอละ 3 ตน้ โดยพน้ื ที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธ์ุ 5 กิโลกรมั 2) การปลูกข้าวนาหว่าน เป็นการปลูกข้าวโดยหว่านเมล็ดลงไป ในกระทงนาโดยตรง ใชเ้ มล็ดพันธ์ุแช่น�้ำ 12 ชั่วโมง หมุ้ ไว้ 24-36 ชว่ั โมง จะได้ เมลด็ พันธซุ์ ง่ึ แตกตุ่มตา จากนั้นน�ำไปหวา่ นในแปลงที่เตรยี มไว้ อตั ราเมลด็ พันธุ์ 15-20 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ (ตอ้ งเตรยี มพื้นที่นาให้สม�่ำเสมอ) คู่มือการใชป้ ระโยชนป์ าล์มสาคู 79
คูม่ อื เทคนิคการปลูกขา้ วในพืน้ ท่ีดินเปรี้ยวจดั 3.4 การจดั การปยุ๋ เคมใี นนาขา้ ว การใช้ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรยังคง เปน็ สงิ่ จาํ เปน็ และมคี วามสาํ คญั ในการเพม่ิ ผลผลติ พชื ตอ่ ไรใ่ หส้ งู ขนึ้ สำ� หรบั การปลกู ขา้ ว ในดินเปรี้ยวจัด ธาตุอาหารที่จ�ำเป็นได้แก ่ ธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรสั และโพแทสเซยี ม ซึ่งเป็นธาตุอาหารท่ีพืชต้องการในปริมาณ มาก การใสป่ ุย๋ เคมีในนาข้าวท่ปี ลกู ในพ้ืนที่ ดินเปร้ียวจัด สามารถใส่ได้ 2 รูปแบบ คือ ใส่ตามค�ำแนะน�ำ และใส่ปุ๋ยตามค่า วิเคราะหด์ นิ (ตารางที่ 1) 1) การใส่ปุย๋ ตามคำ� แนะนำ� การใชป้ ยุ๋ เคมขี องเกษตรกรยงั คงเปน็ ปจั จยั ส�ำคัญในการเพ่ิมผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันมีการใช้ปุ๋ยในนาข้าวกัน อย่างกว้างขวาง แตป่ ริมาณการใชต้ อ่ พน้ื ท่ี ยังต�่ำอยู่มาก ส่วนใหญ่ไม่ถูกต้องตามหลัก วิชาการ ท�ำให้ผลการใช้ปุ๋ยยังไม่สามารถ เพิ่มผลผลิตข้าวได้มากนัก จากการศึกษา ทดลอง วจิ ยั การใชป้ ยุ๋ เคมใี นนาขา้ วตามคำ� แนะนำ� พบวา่ การใสป่ ยุ๋ ตามคำ� แนะนำ� ชว่ ย ให้เกษตรกรมีการใช้ปุ๋ยได้อย่างถูกต้อง ตามความตอ้ งการของขา้ ว และเพมิ่ ผลผลติ ตอ่ ไร่รวมทงั้ ลดต้นทุนการผลติ ได้ 180 คูม่ อื การใชป้ ระโยชน์ปาล์มสาคู
คูม่ อื เทคนคิ การปลูกขา้ วในพ้นื ท่ดี นิ เปร้ียวจดั ตารางที่ 1 การใชป้ ยุ๋ เคมสี �ำหรบั การปลกู ขา้ วในพ้ืนทด่ี ินเปร้ยี วจัด การใส่ปุย๋ รองพนื้ (กก./ไร)่ ชนิดของป๋ยุ และอตั ราการใส่ป๋ยุ (กก./ไร)่ สตู รปยุ๋ อัตร าการใส่ปุ๋ย ใ ส ่ป คยุ๋ รแง้ัตทง่ ี่ห1น* ้า ใ ส คป่ รุ๋ย้งั แทต่ี ่ง2ห**น้า ที่แนะนำ� ข้าวไวตอ่ ช่วงแสง ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง ปุ๋ยยเู รยี ปุย๋ แอมโมเนียม ปุ๋ยยูเรยี ปุย๋ แอมโมเนยี ม ซลั เฟต ซัลเฟต 16-20-0 18-22-0 20-25 23-25 5 10 5 10 20-20-0 ท่ีมา : ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ุลทองฯ (2553) อา้ งโดย สายหยุด (2557) หมายเหตุ : การปลูกข้าวส�ำหรับดินเหนียว, *ใส่ระยะขา้ วแตกกอ, **ใส่ระยะขา้ วกำ� เนดิ ชอ่ ดอก ค่มู อื การใชป้ ระโยชน์ปาล์มสาคู 191
ค่มู อื เทคนิคการปลกู ขา้ วในพ้นื ท่ดี ินเปรีย้ วจัด 2) การใสป่ ุ๋ยตามค่าวเิ คราะหด์ ิน แม้ว่าในปัจจุบันมกี ารใชป้ ุ๋ยเคมกี นั อย่างกว้างขวาง แต่ส่วนใหญย่ ังใช้ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ หากใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารน้อยกว่าความต้องการ ของพืชกจ็ ะทําใหพ้ ืชเจรญิ เตบิ โตชา้ แคระแกรน ใหผ้ ลผลติ ตํ่า หากใส่มากเกนิ ไป หรอื ใสไ่ มต่ รงตามความตอ้ งการของพชื นอกจากจะมตี น้ ทนุ สงู กวา่ ทคี่ วรจะเปน็ แลว้ ยงั อาจสง่ ผลกระทบตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื ความตา้ นทานตอ่ โรคแมลง ศตั รพู ชื ทาํ ใหไ้ ดร้ บั ความเสยี หายอยา่ งรนุ แรงไดง้ า่ ย จนกระทบตอ่ การใหผ้ ลผลติ ของพชื การใชป้ ุย๋ ตามค่าวิเคราะหด์ นิ จงึ เปน็ อีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งการใชป้ ุย๋ ตาม คา่ วเิ คราะหด์ นิ เปน็ การประเมนิ หรอื วเิ คราะหค์ วามอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ กอ่ นการ ปลูกพืช โดยการเก็บตัวอย่างดินที่เป็นตัวแทนของพื้นท่ีนาท้ังหมดประมาณ 15-20 จดุ ท่รี ะดบั ความลกึ 0-15 เซ็นตเิ มตร จากน้ันนำ� ไปตากให้แห้งในท่รี ม่ น�ำตัวอย่างดินประมาณคร่ึงกิโลกรัมส่งวิเคราะห์ เพ่ือวิเคราะห์หาปริมาณธาตุ อาหาร ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรสั (P) โพแทสเซยี ม (K) ปริมาณอนิ ทรยี วตั ถุ ในดิน และค่าความเป็นกรดด่างของดิน ซึ่งปรากฏว่ามีปริมาณต่�ำ ปานกลาง หรือสูง แล้วน�ำมาพิจารณาตามค�ำแนะน�ำการใส่ปุ๋ยตามตาราง (ตารางที่ 2) และนำ� ไปใส่ในนาขา้ วตามอตั ราทก่ี ำ� หนด ตารางท่ี 2 ค�ำแนะน�ำการใชป้ ุ๋ยในนาขา้ ว ปรมิ าณธาตอุ าหาร การใส่ปุย๋ ครง้ั ที่ 1 การใสป่ ยุ๋ ครงั้ ที่ 2 ท่วี เิ คราะหไ์ ด้ (กก./ไร)่ (กก./ไร่) N P K 46-0-0 18-46-0 0-0-60 46-0-0 M M M 2 7 4 5 L L L 3 11 7 7 L M H 4 7 0 7 หมายเหต ุ L = ต่�ำ M = ปานกลาง H = สูง 120 คมู่ ือการใชป้ ระโยชน์ปาลม์ สาคู
คู่มอื เทคนคิ การปลูกข้าวในพน้ื ที่ดนิ เปร้ียวจัด การใส่ปุ๋ยตามค�ำแนะน�ำ และการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน หากเกษตรกรสามารถผสมปยุ๋ เคมใี ชเ้ องจะสามารถชว่ ยลดตน้ ทนุ ในการผลติ ได้ โดยการผสมปุ๋ยใช้เองคือ การท่ีเกษตรกรน�ำเอาแม่ปุ๋ยมาผสมให้เข้ากันตาม ตารางผสมปุย๋ และเกษตรกรสามารถผสมไดท้ กุ สตู รท่มี ีขายในทอ้ งตลาด ซึ่งจะ ชว่ ยลดต้นทนุ คา่ ใชจ้ ่ายจากการใช้ปยุ๋ เคมสี ตู รส�ำเรจ็ ลง 20-30 % (ตารางท่ี 3) ตารางที่ 3 การผสมปุย๋ ใชเ้ องในนาข้าว ชนดิ ด นิ ท ตี่น้อ้ำ� หงกนาักรป/กุย๋ ก . แม่ป๋ยุ ท่ีตอ้ งการผสม/กก. 18-46-0 46-0-0 0-0-60 25 11 5 - ดินเห นียว 50 22 9 - 100 44 18 - ด ปินนททรารย า/ยรว่ น 25 9 6 4 50 18 11 7 100 35 22 14 คู่มอื การใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู 1113
ค่มู ือเทคนิคการปลูกขา้ วในพ้นื ทีด่ ินเปรีย้ วจัด 4. อาการขาดธาตอุ าหารพืช เน่ืองจากดินเปร้ียวจัดเป็นดินท่ีมีความเป็นกรดรุนแรง ส่งผลให้ อะลูมินัม เหล็ก และแมงกานีส ละลายออกมาจนถึงระดับท่ีเป็นพิษต่อข้าว ที่ปลูก ท�ำให้ธาตุอาหารบางชนิดถูกตรึงไว้ในรูปท่ีพืชไม่สามารถดูดไปใช้ได้ อาการขาดธาตอุ าหารพืชในต้นขา้ ว เปน็ ดงั น้ี 4.1 การขาดไนโตรเจน ข้าวแสดงอาการในส่วนของใบท่ีอยู่ส่วนล่าง ของล�ำต้น ท�ำให้มีการเจริญเติบโตช้าเน่ืองจากขบวนการสร้างโปรตีนของพืช ผิดปกติ ล�ำต้นและใบจะมีสีเหลืองเพราะคลอโรฟิลล์ลดลง ปุ๋ยไนโตรเจนที่ใส ่ ในนาข้าว คอื ปยุ๋ ยูเรยี (46% N) อตั รา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ อาการขาดไนโตรเจนในขา้ ว 4.2 การขาดฟอสฟอรสั ขา้ วทข่ี าดฟอสฟอรสั จะแคระแกรน็ การแตกกอนอ้ ย ใบแคบ สั้น ตั้งตรง และมีสีเขียวเข้มปลายใบเป็นสีม่วง ล�ำต้นผอมเรียว ข้าวจะชะงักการเจริญเติบโต จ�ำนวนใบ จ�ำนวนรวง และจ�ำนวนเมล็ดต่อรวง ลดลง ควรใส่ปุ๋ยทใ่ี หฟ้ อสฟอรสั สงู เชน่ ปุย๋ เดี่ยวซุปเปอร์ฟอสเฟตหรือปุ๋ยผสม สูตรทใี่ ห้ธาตุฟอสฟอรสั สูง เชน่ สตู ร 12-24-6 อาการขาดฟอสฟอรัสในข้าว 142 คู่มือการใชป้ ระโยชนป์ าลม์ สาคู
คู่มือเทคนิคการปลกู ขา้ วในพ้ืนท่ีดินเปรีย้ วจดั 4.3 การขาดโพแทศเซียม ข้าวท่ีขาดโพแทสเซียมต้นจะแคระแกร็น การแตกกอลดลง ใบส้ัน เหี่ยวแหง้ ใบโน้มลงและมสี ีเขียวเขม้ ใบล่างจะมีปลาย ใบสนี ำ�้ ตาลเหลอื ง มสี เี หลอื งระหวา่ งเสน้ ใบโดยเรม่ิ จากปลายใบและขอบใบแลว้ คอ่ ยๆ ลกุ ลามสโู่ คนใบ จากนน้ั ใบจะแหง้ และกลายเปน็ สนี ำ�้ ตาล หากขาดรนุ แรง มากข้ึนจะมีจุดประสีน้�ำตาลบนใบที่เป็นสีเขียวเข้ม โดยเริ่มท่ีปลายใบก่อนแล้ว จะขยายสสู่ ่วนอนื่ ๆ ของใบ รวงข้าวจะผอมยาวอาจมีจุดดา่ ง ขนาดและนำ้� หนกั ของเมล็ดลดลง อาการขาดโพแทสเซยี มในขา้ ว 4.4 การขาดแมกนเี ซยี ม ตน้ ขา้ วทขี่ าดแมกนเี ซยี มจะมอี าการคลา้ ยการ ขาดโพแทสเซยี ม คอื จะมสี ซี ีดบริเวณพื้นที่ระหว่างเสน้ ใบจะเป็นสีเขยี วซดี โดย จะเกดิ กับใบแก่ก่อนและเม่อื ขาดมากข้นึ จะลามมาถงึ ใบอ่อน ในกรณีทข่ี าดรณุ แรง ใบแกข่ องขา้ วจะกลายเปน็ สเี หลอื ง นอกจากนนั้ ขา้ วจะมกี ารแตกกอ จำ� นวน ใบ และขนาดใบปกติ แตใ่ บจะบดิ ไปมาและโนม้ ลง ขา้ วจะมจี ำ� นวนและนำ้� หนกั เมลด็ ลดลง คณุ ภาพเมล็ดไม่ดี อาการขาดแมกนเี ซยี มในขา้ ว คูม่ ือการใชป้ ระโยชนป์ าล์มสาคู 1135
ค่มู ือเทคนคิ การปลกู ข้าวในพ้ืนที่ดินเปรี้ยวจัด 5.โรคและแมลงศัตรูขา้ ว โรคและแมลงศัตรูข้าวมีหลายชนิด มีท้ังชนิดท่ีระบาดท�ำลายนาข้าว และชนิดที่ระบาดท�ำความเสียหาย ซ่ึงเป็นปัญหาส�ำคัญที่ก่อให้เกิดความเสีย หายตอ่ ขา้ วทง้ั ดา้ นปรมิ าณและคุณภาพ โดยโรคข้าวทพี่ บระบาดท่วั ไปเกดิ จาก เชอ้ื รา เชอื้ ไวรสั และการมสี ภาพแวดลอ้ มทไี่ มเ่ หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของ ขา้ ว นอกจากนั้นยงั มกี ารเข้าทำ� ลายของแมลงศตั รูข้าว เชน่ แมลงหลา่ แมลงสงิ เพลี้ยกระโดดสีน้�ำตาล เพล้ยี จักจ่นั สีเขียว หนอนห่อใบขา้ ว หอยเชอรี่ หนพู ุก ใหญ่ และปูนา ที่สรา้ งความเสียหายใหก้ ับข้าว ซึ่งมีวิธีการป้องกันกำ� จดั ดังนี้ โรค ลกั ษณะ การปอ้ งกัน โรคไหม้ ระยะกลา้ ใบมแี ผลจดุ สนี ำ้� ตาล 1. ใชพ้ ันธ์ุขา้ วต้านทานโรค คลา้ ยรปู ตา มสี เี ทาอยตู่ รงกลาง 2. ควรแบ่งแปลงให้มีการระบาย แผลความกว้างประมาณ 2-5 ถ่ายเทอากาศดี และไม่ควรใส่ปุ๋ย mm. ความยาวประมาณ ไนโตรเจนสงู เกนิ ไป 10-15 mm.ระยะแตกกอ 3. คลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกัน พบที่ใบ ข้อต่อของใบ และ ก�ำจัดเช้ือรา เช่น คาซูกาไมซิน ข้อต่อของล�ำต้น ขนาดแผล ไตรไซคลาโซล คาร์เบนดาซิม จะใหญ่กว่าท่ีพบในระยะกล้า เป็นตน้ ระยะออกรวง เชอื้ ราเขา้ ทำ� ลาย ในระยะขา้ วเรมิ่ ใหร้ วง เมลด็ จะ ลีบหมด แตถ่ า้ เปน็ โรคตอนรวง ขา้ วแกใ่ กลเ้ กบ็ เกยี่ ว จะปรากฎ รอยแผลช้�ำสีน้�ำตาลที่บริเวณ คอรวง ท�ำให้เปราะหักง่าย ข้าวรว่ งหล่นเสียหายมาก 164 คมู่ ือการใช้ประโยชน์ปาล์มสาคู
คมู่ อื เทคนิคการปลกู ข้าวในพ้นื ทด่ี นิ เปรย้ี วจัด โรค ลักษณะ การป้องกนั โรคใบจดุ สนี ำ้� ตาล แผลที่ใบข้าวพบมากในระยะ 1. ใชพ้ ันธตุ์ ้านทานโรคใบสสี ม้ โรคใบสีส้ม แตกกอ มีลักษณะเป็นจุด 2. ปรับปรุงดินโดยการไถกลบฟาง สีน�้ำตาลรูปกลมหรือรูปไข่ หรือเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ดิน ขอบนอกสดุ ของแผลมสี เี หลอื ง โดยการปลูกพชื ปยุ๋ สด มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5- 3. คลกุ เมล็ดพนั ธุก์ ่อนปลกู ดว้ ยสาร 1 mm. บางแผลอาจใหญ ่ ป้องกันก�ำจัดเชอื้ รา คลุมเมล็ดข้าวเปลือก ท�ำให้ 4. ใสป่ ยุ๋ เคมสี ตู ร 0-0-60 อตั รา 5-10 เมล็ดข้าวเป ลือกสกป รก กก./ไร่ ช่วยลดความรุนแรงของโรค เสอื่ มคณุ ภาพ เมอื่ นำ� ไปสจี ะหกั งา่ ย 5. ก�ำจัดวัชพืชในนา ดูแลแปลง ให้สะอาด และใส่ปุ๋ยในอัตรา ทเ่ี หมาะสม ตน้ ขา้ วเปน็ โรคได้ ทง้ั ระยะกลา้ 1. ใช้พันธุ์ข้าวต้านทานแมลงเพล้ีย แตกกอ ตั้งท้อง หากขา้ วไดร้ บั จกั จน่ั สเี ขียว เชน่ กข1 กข3 เชื้อในระยะกล้าถึงระยะแตก 2. กำ� จดั วชั พชื และพชื อาศยั ของเชอื้ กอ ข้าวจะเสียหายมากกว่าได้ ไวรสั และแมลงพาหะน�ำโรค รับเช้ือในระยะต้ังท้องถึงระยะ 3. ใช้สารป้องกันก�ำจัดแมลงพาหะ ออกรวง ข้าวเร่ิมแสดงอาการ ได้แก่ ใช้สารฆ่าแมลงในระยะ หลังจากได้รับเช้ือ 15-20 วัน ทแี่ มลงเปน็ ตวั ออ่ น เชน่ ไดโนทฟี เู รน อาการเริ่มต้นใบข้าวจะเร่ิมมีสี หรอื บูโพรเฟซิน หรอื อโี ทเฟนพรอกซ์ เ ห ลื อ ง ส ลั บ เขี ย ว ต ่ อ ม า จะเปลยี่ นเปน็ สเี หลือง เริ่มจาก ปลายใบเข้าหาโคนใบ ถ้าเป็น รุ น แร ง ใ น ร ะ ย ะ ก ล ้ า ต ้ น ข ้ า ว อาจถงึ ตาย ตน้ ทเี่ ปน็ โรคจะเตย้ี แคระแกรน ช่วงล�ำต้นสั้นกว่า ปกติมาก ใบใหม่ที่โผล่ออกมา มีต�ำแหน่งต่�ำกว่าข้อต่อใบ ล่าสุด ถ้าเป็นรุนแรงอาจตาย ท้ังกอ ถ้าไม่ตายจะออกรวง ล่าช้ากว่าปกติ ใหร้ วงเลก็ หรอื ไมอ่ อกรวงเลย คู่มือการใช้ประโยชนป์ าลม์ สาคู 1157
คมู่ อื เทคนคิ การปลูกข้าวในพน้ื ท่ดี นิ เปรยี้ วจดั โรค ลกั ษณะ การปอ้ งกัน โรคเมาตอซัง เริ่มพบอาการเม่ือข้าวอายุ 1. ระบายนำ�้ เสยี ในแปลงออก ทง้ิ ให้ แมลงหล่า ประมาณ 1 เดือน หรือระยะ ดินแห้งประมาณ 1 สปั ดาห์ เพือ่ ให้ แตกกอ ตน้ ขา้ วจะแสดงอาการ รากขา้ วไดร้ บั อากาศ หลงั จากนน้ั จงึ คล้ายขาดธาตุไนโตรเจน น�ำน�้ำใหมเ่ ข้าและหวา่ นปุ๋ย ต้นแคระแกร็น ใบซีดเหลือง 2. หลังเก็บเกี่ยวข้าว ควรทิ้งระยะ จากใบล่างๆ มอี าการโรคใบจุด พักดินประมาณ 1 เดือน ไถพรวน สีน้�ำตาล จะพบเมื่อการเน่า แล้วควรท้ิงระยะให้ตอซังเกิดการ สลายของเศษซากพืชในนา หมักสลายตัวสมบูรณ์อย่างน้อย ยงั ไมส่ มบรู ณ์ ทำ� ใหเ้ กดิ สารพษิ เชน่ 2 สัปดาห์ สารซัลไฟด์ ไปท�ำลายรากข้าว 3. ไม่ควรให้ระดับน�้ำในนาสูงมาก ท�ำให้เกิดอาการรากเน่า ราก เกินไปและมีการไหลเวียนของน้�ำ ไม่สามารถดูดธาตุอาหาร อยเู่ สมอ จากดนิ ได้ ตน้ ขา้ วจงึ แสดงอาการ ขาดธาตุอาหาร และสร้างราก ใหม่ในระดบั เหนือผิวดิน ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกิน 1. ใชแ้ สงไฟฟา้ ลอ่ แมลงและท�ำลาย น�้ำเล้ียงจากกาบใบข้าวบริเวณ ในช่วงที่มีการระบาด เนื่องจาก โคนต้นข้าว ท�ำให้บริเวณที่ถูก แมลงหล่าชอบบินมาเล่นแสงไฟ ท�ำลายเป็นสีน�้ำตาลแดงหรือ เวลากลางคนื เหลือง ขอบใบข้าวเปลี่ยนเป็น 2. ปลกู ข้าวทีม่ อี ายุเกบ็ เก่ียวส้ันเพือ่ สีน้�ำตาลด�ำคล้ายข้าวเป็นโรค ลดการเพมิ่ ประชากรในนาข้าว ไหม้ การท�ำลายในระยะข้าว 3.ก�ำจัดวัชพืชที่ข้ึนหนาแน่น แตกกอท�ำให้ต้นข้าวที่อยู่ ในนาข้าว เพื่อให้นาข้าวโปร่ง กลางๆกอข้าวมีอาการแคระ แสงแดดส่องถึงโคนต้นข้าว ท�ำให้ แกรน มีสีเหลืองหรือเหลือง สภาพนาข้าวไม่เหมาะแก่การอยู่ แกมนำ้� ตาล และการแตกกอลดลง อาศัยของแมลงหล่า ถา้ ทำ� ลายหลงั ระยะขา้ วตง้ั ทอ้ ง 4. หม่ันตรวจแปลงสม�่ำเสมอ ท�ำให้รวงข้าวแกรนออกรวง ในระยะขา้ วแตกกอเตม็ ทถี่ งึ เกบ็ เกย่ี ว ไม่สม�่ำเสมอ และรวงข้าว ถา้ พบแมลงหลา่ มากกวา่ 5 ตวั ตอ่ กอ มีเมล็ดลีบ ต้นข้าวอาจเหี่ยว หรือกลุ่มข้าว ควรใช้สารฆ่าแมลง ตายได้ ถ้ามีแมลงจ�ำนวนมาก คาร์โบซัลแฟน (พอสซ์ 20% อีซ๊) ท�ำให้ต้นข้าวแห้งไหม้คล้ายกับ อตั รา 80 มลิ ลิเมตรต่อนำ�้ 20 ลิตร ถกู เพลย้ี กระโดสนี ำ้� ตาลทำ� ลาย พน่ เฉพาะจดุ ทมี่ กี ารระบาด โดยพน่ แมลงหล่าท�ำลายได้ทุกระยะ บริเวณโคนตน้ ขา้ ว การเจริญเติบโต แต่มักพบ ทำ� ลายในชว่ งขา้ วแตกกอเตม็ ที่ ถงึ เกบ็ เกย่ี ว 186 คูม่ อื การใช้ประโยชนป์ าลม์ สาคู
คู่มือเทคนคิ การปลกู ข้าวในพนื้ ที่ดินเปรี้ยวจดั โรค ลกั ษณะ การป้องกัน แมลงสิง ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยใช้ปาก 1. สวิงจบั ตวั ออ่ น, ตัวแก่ท�ำลาย แทงดูดกินน้�ำเลี้ยงจากเมล็ด 2. ใชส้ ารฆ่าแมลงเฟนนโิ ทรไทออน ข้าว ระยะเป็นน�้ำนม แต่ก็ (50% EC) อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน�ำ้ สามารถดูดกินเมล็ดข้าว 20 ลติ ร พน่ เมอื่ ตรวจพบแมลง 4 ตวั ทง้ั เมล็ดอ่อนและเมลด็ แขง็ โดย ตอ่ ตารางเมตร ในระยะขา้ วออกรวง ตัวเต็มวัยจะท�ำความเสียหาย ระยะเมลด็ เป็นนำ้� นม มากกว่า เพราะดูดกนิ เป็นเวลา 3. หลีกเลี่ยงการปลูกข้าวต่อเนื่อง นานกว่าท�ำให้เมล็ดลีบ หรือ เพ่ือลดการแพรข่ ยายพนั ธุ์ เมล็ดไม่สมบูรณ์และผลผลิต 4. กำ� จดั วชั พชื ในนาขา้ ว คนั นา และ ข้าวลดลงการดูดกินของแมลง รอบๆ แปลง สิงไมท่ ำ� ให้เปน็ รูบนเปลือกของ เมลด็ เหมอื นมวนชนิดอน่ื เพลี้ยกระโดดสนี ำ้� ตาล ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ท�ำลาย 1. ปลูกข้าวพันธุ์ต้านทานเพล้ีย ข้าวโดยการดูดกินน้าเลี้ยงจาก กระโดดสีน�้ำตาล และไม่ควรปลูก เซลล์ท่อน้าท่ออาหาร บริเวณ พนั ธเุ์ ดียวตดิ ตอ่ กันเกิน 4ฤดูปลกู โคนต้นข้าวระดับเหนือผิวน้า 2. ในแหล่งท่ีมีการระบาด และ ท�ำให้ต้นข้าวมีอาการใบเหลือง ควบคมุ ระดบั นำ้� ในนาได้ หลงั ปกั ดำ� แห้งลักษณะคล้ายถูกน้าร้อน หรือหว่าน 2-3 สัปดาหจ์ นถึงระยะ ลวกแห้งตายเป็นหย่อมๆ เรียก ตั้งท้องควบคุมน�้ำในแปลงนาให้พอ อาการไหม้ โดยทวั่ ไปพบอาการ ดินเปียก หรือมีน�้ำเร่ียผิวดินนาน ไหม้ในระยะข้าวแตกกอ 7-10 วนั แลว้ ปลอ่ ยขังทิง้ ไว้ใหแ้ ห้ง ถึงระยะออกรวง นอกจากนี้ เองสลบั กนั ไป จะชว่ ยลดการระบาด เพล้ียกระโดดสีน้าตาลยังเป็น ของเพลี้ยกระโดดสีนำ้� ตาล พาหะน้าเชื้อไวรัส โรคใบหงิก 3. การลดจำ� นวนขา้ วทปี่ ลกู ในแตล่ ะ มาสู่ต้นข้าว ท�ำให้ต้นข้าว หลุม/กอ ท�ำให้ข้าวไม่แน่นเกินไป มีอาการแคระแกร็นต้นเต้ีย หรือมีจ�ำนวนมากเกินไป แสงแดด ใบสีเขียวแคบและสั้นใบแก่ช้า สามารถสอ่ งถงึ โคนตน้ ได้ กส็ ามารถ กว่าปรกติ ปลายใบบิดเป็น ช่วยลดการระบาดของเพล้ีย เกลยี ว และขอบใบแหว่งวนิ่ กระโดดได้ คูม่ ือการใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู 1179
คู่มอื เทคนคิ การปลูกข้าวในพื้นทีด่ นิ เปรี้ยวจดั โรค ลกั ษณะ การปอ้ งกัน เพลย้ี จกั จน่ั สเี ขยี ว ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้�ำเลี้ยง 1. ใช้สารฟิโปรนิล (0.2% G) ปริมาณ จากใบและลำ� ตน้ ขา้ ว ทำ� ใหข้ า้ วชะงกั 4 กก./ไร่ หรอื อโี ทเฟนพรอกซ์ (5% EC) การเจริญเติบโตและอาจแห้งตายได้ ปริมาณ 40 มล. อัตราการใช้ต่อน้�ำ ถ้ามีปริมาณมาก และเป็นแมลง 20 ลิตร พ่นเมื่อตรวจพบแมลงมากกว่า พาหะน�ำโรคใบสีส้มมาสู่ข้าว ท�ำให้ 10 ตัวตอ่ กอ หรอื 1 ตวั ต่อตน้ ต้นข้าวแคระแกร็น ใบเหลือง 2. ใช้สารไอโซโปรคาร์บ (50% WP) ข้าวออกรวงไม่สมำ่� เสมอ เมลด็ ลบี ปริมาณ 60 กรัม อัตราการใช้ต่อน�้ำ 20 ลิตร และควรใช้ขณะแมลงส่วนใหญ่ เป็นตวั อ่อน 3. ใชแ้ สงไฟลอ่ แมลงและทำ� ลายเมอ่ื มกี าร ระบาดรนุ แรง หนอนห่อใบขา้ ว ผีเส้ือหนอนห่อใบข้าวจะเคลื่อนย้าย 1. ในพื้นท่ที ม่ี ีการระบาดเป็นประจำ� ควร เข้าแปลงนา ตั้งแต่ข้าวยังเล็กและ ปลกู ข้าว 2 พนั ธขุ์ น้ึ ไป โดยปลูกสลับพนั ธ์ุ วางไข่ที่ใบอ่อน โดยเฉพาะใบที่ 1-2 กนั จะชว่ ยลดความรนุ แรงของการระบาด จากยอด เม่ือตัวหนอนฟักออกมาจะ 2. ก�ำจัดพืชอาศัย เช่น หญ้าข้าวนก แทะผิวใบข้าวส่วนท่ีเป็นสีเขียว ท�ำให้ หญ้านกสีชมพู หญ้าปล้อง หญ้าไซ เห็นเป็นแถบยาวสีขาว มีผลให้การ หญ้าชนั กาด และข้าวป่า สังเคราะห์แสงลดลง หนอนจะใช้ใย 3. เมื่อเร่ิมมีการระบาดของหนอนห่อใบ เหนียวท่ีสกัดจากปาก ดึงขอบใบข้าว ในแปลงข้าว ไม่ควรใช้ปุ๋ยไนโตรเจนเกิน ทั้งสองด้านเข้าหากันเพ่ีอห่อหุ้มตัว 5 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยยูเรียไม่เกิน ห น อ น ไว ้ ห น อ น จ ะ ท� ำ ล า ย ใ บ ข ้ า ว 10 กิโลกรัมต่อไร่ ควรแบ่งใส่ปุ๋ยในช่วง ทุกระยะการเจริญเติบโตของข้าวถ้า ขา้ วกำ� ลงั เจรญิ เตบิ โตและลดปรมิ าณปยุ๋ ที่ หนอนมีปริมาณมากจะใช้ใบข้าว ใส่ โดยปุ๋ยสูตร 16-20-0 ใส่ไม่เกิน หลายๆ ใบมาห่อหุ้มและกัดกินอยู่ 30 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ภายใน ซงึ่ ปรกตจิ ะพบตวั หนอนเพียง 4. เมอื่ ตรวจพบผเี สอื้ หนอนหอ่ ใบขา้ ว 4-5 ตวั เดียวในใบหอ่ นัน้ ในระยะข้าวออก ตัวต่อตารางเมตร และพบใบข้าว รวงหนอนจะท�ำลายใบธงซ่ึงมีผลต่อ ถกู ท�ำลายมากกว่า 15 เปอรเ์ ซน็ ตใ์ นขา้ ว ผลผลิตเพราะท�ำให้ข้าวมีเมล็ดลีบ อายุ 15-40 วัน ใช้สารฆ่าแมลงประเภท นำ้� หนกั ลดลง หนอนหอ่ ใบสามารถเพม่ิ ดูดซึม เช่น ฟิโปรนิล (แอสเซ็นด์ 5% ปริมาณได้ 2-3 อายุขัยต่อฤดูปลูก เอสซี) อัตรา 30-50 มิลลิเมตรต่อน้�ำ พบระบาดในนาเขตชลประทาน โดย 20 ลติ ร สาร เบนซลั แทป (แบนคอล 50% เฉพาะแปลงข้าวที่ใส่ปุ๋ยอัตราสูง ดับบลิวพี) อัตรา 10-20 กรัมต่อน�้ำ หนอนใชใ้ บขา้ วหอ่ หมุ้ ตวั และกดั กนิ อยู่ 20 ลติ ร และสาร คารโ์ บซัลแฟน (พอสซ์ ภายใน บรเิ วณท่ถี กู ท�ำลายจะเปน็ ทาง 20% อซี )ี อัตรา 80-110 มิลลลิ ติ รตอ่ น�้ำ ขาวยาวขนานกับเส้นกลางใบ ท�ำให้ 20 ลติ ร เฉพาะพนื้ ทม่ี ใี บถกู ทำ� ลายจนเหน็ การสังเคราะหแ์ สงของต้นข้าวลดลง รอยขาวๆ 2108 คู่มือการใช้ประโยชนป์ าลม์ สาคู
คมู่ อื เทคนคิ การปลกู ข้าวในพื้นท่ดี นิ เปรยี้ วจดั โรค ลักษณะ การปอ้ งกนั หอยเชอร่ี หอยเชอรี่เป็นศัตรูส�ำคัญของข้าวใน 1. ใชว้ สั ดกุ นั้ ทกุ ทางทน่ี ำ้� เขา้ ไดด้ ว้ ยตาขา่ ย ระยะหลังหว่าน ชอบกัดกินต้นข้า 2. เก็บตัวหอยและไขน่ �ำไปทำ� ลาย วออ่ นๆ ระยะกลา้ จนถงึ แตกกอในชว่ ง 3. ใช้สารก�ำจัดหอยนิโคลซาไมด์ อัตรา เช้าและเย็นโดยจะกัดกินล�ำต้นข้าวใต้ 50 กรัมต่อไร่ หรือเดทมีท 80% ชนิดผง ผวิ น้�ำสงู เหนือระดับโคนต้น 0.5-1 น้ิว อัตรา 100 กรัมต่อไร่ หรือยาก�ำจัด แ ล ะ กิ น ส ่ ว น ใ บ ที่ ล อ ย น้� ำ ต ่ อ ไ ป หอย กากชา ชาโปนิน จนหมดตน้ หนพู กุ ใหญ่ ทำ� ลายขา้ วตงั้ แตร่ ะยะปลกู จนถงึ ระยะ 1. กับดัก, ร้วั กนั หนู ปนู า เกบ็ เกยี่ ว สว่ นพชื ยนื ตน้ พบการทำ� ลาย 2. ศัตรูธรรมชาติ เช่น งู นกเค้าแมว เฉพาะในสวนปลูกใหม่ ส่วนยอดหรือ เหยี่ยวฯ โ ค น ต ้ น ข อ ง ก ล ้ า พื ช ถู ก กั ด แ ท ะ 3. สารก�ำจัดหนู เช่น สะตอม 0.005% เปน็ อาหารและลับฟนั แทะ คลเี รต็ หรอื ใชซ้ งิ คฟ์ อสไฟด์ (80% ชนดิ ผง) 4. ก�ำจัดวัชพืช ท�ำความสะอาดแปลง ทำ� ลายแหล่งอาศยั ปู น า เ ป ็ น ศั ต รู ส� ำ คั ญ ใ น น า ข ้ า ว 1. ดักจับแล้วท�ำลายหรือใช้เป็นอาหาร กัดทำ� ลายข้าวในระยะตน้ กลา้ โดยกดั หรอื เหยอ่ื ดักหนู กินเฉพาะส่วนทีอ่ อ่ นและอวบนำ้� 2. ใช้ต้นกล้าข้าวท่ีแข็งแรงอายุประมาณ 30 วัน 3. ระบายนำ�้ ออกทนั ทเี มอื่ กลา้ ขา้ วตง้ั ตวั ได้ 4.ถา้ ระบาดมากใชส้ ารฆา่ ปู ตามคำ� แนะนำ� คู่มือการใชป้ ระโยชน์ปาลม์ สาคู 1291
ค่มู ือเทคนิคการปลกู ขา้ วในพ้นื ที่ดนิ เปรีย้ วจดั 6. เอกสารอา้ งอิง กรมการขา้ ว. 2562. ศตั รขู ้าวและการป้องกนั ก�ำจดั . กรมการข้าว กระทรวง เกษตรและสหกรณ์. กรมพฒั นาทดี่ นิ . 2558. สถานภาพทรพั ยากรดนิ และทดี่ นิ ของประเทศไทย. กรม พัฒนาท่ีดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. กลุ่มสง่ เสริมการวินจิ ฉยั ศัตรูพืช กองส่งเสรมิ การอารกั ขาพชื และจดั การดินปุ๋ย. 2557. การวนิ ิจฉัยศตั รพู ืช. กรมสง่ เสริมการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ.์ พิสทุ ธ์ิ วจิ ารสรณ์ ชยั วฒั น์ สิทธิบุศย์ อภชิ าต จงสกลุ และคณะ. 2553. คูม่ ือ การปรบั ปรงุ ดนิ เปรย้ี วจดั เพอ่ื การเกษตร ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทอง อนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำร.ิ 75 หนา้ . สายหยดุ เพช็ รสุข. 2557. แนวทางการปรับปรุงดนิ เปรยี้ วจดั เพอื่ การปลกู ขา้ ว ในบรเิ วณพน้ื ท่พี รุ. ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก พระราชดำ� ริ.64 หน้า. สาํ นกั งานเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั นราธิวาส. 2559. พนื้ ท่ีเปา้ หมายปลกู ข้าว รอบท่ี 1 ปี 2559/60. 22 หน้า. 220 คู่มือการใชป้ ระโยชน์ปาลม์ สาคู
คู่มอื เทคนคิ การปลูกข้าวในพ้ืนท่ดี นิ เปรี้ยวจัด สถานทต่ี ดิ ตอ่ ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองอันเน่อื งมาจากพระราชด�ำริ เลขที่ 95 หมู่ 6 ต.กะลวุ อเหนือ อ.เมือง จ.นราธวิ าส 96000 โทร. 073-631033 , 073-631038 โทรสาร 073-631034 E-mail : [email protected] Website : www.pikuthong.com คณะผู้จัดท�ำ นางสายใจ มณรี ัตน์ นกั วชิ าการเกษตรชำ� นาญการพเิ ศษ ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาพิกุลทองฯ นางสาวบญุ ญา จินดาวงศ์ นกั วชิ าการเกษตรปฏบิ ัติการ ศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ คูม่ ือการใช้ประโยชน์ปาลม์ สาคู 2213
24 คมู่ ือการใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: