ค�ำน�ำ คู่มือการปลูกมะพร้าวน้�ำหอมในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดฉบับน้ี จัดท�ำข้ึนเพ่ือเป็น แนวทางในการปลกู มะพร้าวน้�ำหอมในพื้นทดี่ ินเปรย้ี วจดั ซ่งึ ประกอบด้วย ขอ้ มูลท่ัวไป ของมะพร้าวน้�ำหอม ประเภทของมะพร้าวน�้ำหอม ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกมะพร้าวน้�ำหอม การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัด เพอ่ื ปลกู มะพรา้ วนำ้� หอม การดแู ลรกั ษา การเกบ็ เกยี่ ว โรคและแมลงศตั รพู ชื และตน้ ทนุ และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของการปลกู มะพร้าวนำ้� หอมในพืน้ ท่ีดินเปรยี้ วจดั ศนู ย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ หวังเป็นอย่างยิ่งวา่ “คู่มือการปลูกมะพรา้ ว น�้ำหอมในพนื้ ที่ดนิ เปร้ียวจดั ” ฉบับน้ี จะเป็นประโยชนส์ �ำหรบั เกษตรกร นกั เรียน และ ผทู้ สี่ นใจทวั่ ไปสามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการปลกู มะพรา้ วนำ�้ หอมในพน้ื ทดี่ นิ เปรยี้ วจดั ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาพิกุลทองฯ กรกฎาคม 2564 คู่มือการใชป้ ระโยชน์ปาล์มสาคู 1
สารบัญ เรอื่ ง หน้า 1. บทน�ำ 1 2. มะพร้าวน้�ำหอม 2 3. ดนิ เปรยี้ วจดั 6 4. การปรบั ปรุงดนิ เปร้ยี วจัดเพอ่ื ปลูกมะพร้าวน้ำ� หอม 8 5. โรคและแมลงศัตรูพชื 11 6. ต้นทนุ และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมะพรา้ วน�้ำหอม 18 7. เอกสารอ้างองิ 20 2 คมู่ ือการใชป้ ระโยชนป์ าล์มสาคู
1. บทนำ� มะพร้าวน้�ำหอม (Sweet Young Coconut) เป็นไม้ยืนต้นตระกูล ปาลม์ มถี น่ิ กำ� เนดิ อยใู่ นทวปี เอเชยี เปน็ พชื ทม่ี คี วามสำ� คญั ทางเศรษฐกจิ ชนดิ หนงึ่ ของประเทศไทย เน่ืองจากคนไทยรู้จักการใช้เน้ือและน้�ำมันมะพร้าวส�ำหรับ การบริโภคเป็นทั้งอาหารหวานและอาหารคาว มะพร้าวน�้ำหอมเจริญเติบโต ได้ดีในดินร่วนปนทราย มีการระบายน้�ำดี มีปริมาณน้�ำฝนกระจายสม่�ำเสมอ แทบทุกเดือน ช่วงอุณหภูมิท่ีปลูกมะพร้าวน้�ำหอมได้ดีควรอยู่ระหว่าง 20-27 องศาเซลเซยี ส มแี สงแดดมาก ดนิ มสี ภาพเปน็ กลางหรอื กรดเลก็ นอ้ ย ศนู ยศ์ กึ ษา การพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ ทำ� การศกึ ษาการปลกู มะพรา้ วนำ้� หอมในพนื้ ทด่ี นิ เปรยี้ วจดั พบวา่ มะพรา้ วนำ�้ หอมสามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นสภาพดนิ เปรย้ี วจดั ทผ่ี า่ นการ ปรับปรุงแล้ว และได้ท�ำการส่งเสริมการปลูกมะพร้าวน�้ำหอมในพ้ืนท่ีจังหวัด นราธิวาส ปจั จุบันมะพร้าวนำ�้ หอมไดร้ ับความนยิ ม จากเกษตรกรและผูบ้ ริโภค ท�ำให้พ้ืนที่ปลูกและจ�ำนวนผลผลิตเพ่ิมมากขึ้น ซ่ึงพ้ืนท่ีเกษตรกรบางส่วน มสี ภาพพน้ื ทเ่ี ปน็ ดนิ เปรย้ี วจดั การปลกู มะพรา้ วนำ�้ หอมจงึ เปน็ อกี ทางเลอื กหนง่ึ ทนี่ ่าสนใจ สำ� หรบั เกษตรกรทมี่ ีพ้ืนที่ทำ� การเกษตรเป็นดนิ เปร้ยี วจดั จากการท่ศี นู ยศ์ ึกษาการพฒั นาพิกลุ ทองฯ ไดศ้ ึกษาการปลูกมะพรา้ ว ในพ้ืนที่ดินเปร้ียวจัด โดยการปรับปรุงดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและ การใหผ้ ลผลติ ของมะพรา้ วนำ้� หอม ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ จงึ ไดจ้ ดั ทำ� คู่มือการปลูกมะพร้าวน�้ำหอมในพ้ืนที่ดินเปรี้ยวจัดขึ้น เพ่ือใช้เป็นแนวทาง ส�ำหรับเกษตรกร นกั เรียน นักศึกษา และบุคคลท่วั ไป ทส่ี นใจไดน้ ำ� องค์ความร้ ู ไปปรับใช้ กบั พ้นื ท่ีตนเองตอ่ ไป ค่มู ือการปลูกมะพรา้ วน้�ำหอมในพค่มู้ืนือทกด่ี าินรเใปชร้ปย้ี รวะจโัดยชน์ปาล์มสาคู 13
2. มะพรา้ วน�ำ้ หอม มะพร้าวนำ�้ หอม (Sweet Young Coconut) มชี อื่ วทิ ยาศาสตรว์ า่ Cocos nucifera L. เปน็ ไมย้ นื ตน้ ตระกูลปาล์มชนิดหน่ึง ล�ำต้นเด่ียวต้ังตรง มีระบบ รากแก้ว มีใบประกอบแบบขนนก และผลมีลักษณะ กลม ผิวเรียบ มะพร้าวเปน็ พชื ผสมข้ามพันธุแ์ ตล่ ะต้น จงึ ไมเ่ ปน็ พนั ธแ์ุ ท้ อาศยั หลกั การผสมขา้ มทเี่ ปน็ ไปตาม ธรรมชาติ 2.1 ประเภทของมะพรา้ ว มี 2 ประเภท ดงั นี้ 1) มะพร้าวต้นเต้ีย มะพร้าวประเภทน้ ี มีอัตราการผสมตัวเองสูงกว่าการผสมข้ามจึงมักให้ผล ดกและไม่ค่อยกลายพันธุ์ ส่วนใหญ่นิยมปลูกไว ้ รับประทานผลอ่อน โดยในช่วงดังกล่าวเนื้อมะพร้าว จะมีลักษณะอ่อนนุ่ม น�้ำมีรสหวาน และในบางพันธุ ์ จะมกี ลนิ่ หอม 2) มะพร้าวตน้ สูง มะพร้าวประเภทนี้ มีอัตราการผสมข้ามสูงกว่าการผสมตัวเอง เนื่องจาก ในแต่ละช่อดอก ดอกตัวผู้จะทยอยบาน และร่วงหล่น หมดก่อนดอกตัวเมียจะเร่ิมบานจึงมีโอกาสผสมพันธุ์ กันในต้นน้อย มะพร้าวประเภทน้ีส่วนใหญ่จะปลูก เปน็ สวนเศรษฐกจิ เพอื่ ใชผ้ ลแกไ่ ปประกอบอาหารและ ใช้ในภาคอตุ สาหกรรม เช่น น้�ำมันพืช และกะทิเข้มข้น เปน็ ต้น 24 คูม่ ือการใช้ประโยคชู่มนอื ป์ กาลรม์ปสลาูกคมู ะพรา้ วน�้ำหอมในพืน้ ท่ดี นิ เปร้ยี วจดั
2.2 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ มะพรา้ ว มถี ิน่ กำ� เนดิ ในเขตรอ้ น ทวปี เอเชีย เปน็ ไมย้ ืนตน้ ทม่ี ลี ักษณะของล�ำต้น ราก ใบ ดอก และผล ดงั นี้ 1) ล�ำต้น เป็นไม้ยนื ตน้ มีลำ� ต้นเดย่ี ว ตง้ั ตรง ทรงต้นเป็นเรือนยอด ล�ำต้นมีลักษณะกลม เปลือกแข็ง และเหนยี ว มปี มุ่ นนู ขรขุ ระ มรี อยของกงิ่ กา้ นทหี่ ลดุ ออกไป เปลือกมสี ีเทา 2) ราก มีระบบรากแก้ว แทงลึกลงในดิน มลี กั ษณะกลม มรี ากแขนง และรากฝอยเลก็ ๆ ออกรอบๆ มีสนี ้�ำตาล 3) ใบ เปน็ ใบประกอบแบบขนนก โคนกา้ น ใบใหญ่ จะแผ่กาบหุ้มล�ำต้นไว้ ใบเรียงเวียน มีลักษณะ เล็กๆรูปพัดจีบ โคนใบและปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบมนั มสี ีเขยี วแก่ 4) ดอก ลักษณะเปน็ ชอ่ มีดอกตวั ผแู้ ละ ดอกตวั เมยี อยแู่ ยกกนั แตด่ อกทง้ั สองชนดิ อยใู่ น “ชอ่ ดอก หรือจั่น”เดียวกัน โดยช่วงโคนช่อดอกเป็นเพศเมีย ช่วงปลายช่อดอกเป็นเพศผู้ ซ่ึงมีลักษณะทรงกลมเล็กๆ มสี ีเหลืองนวล และมนี ้�ำหวานอยู่มาก 5) ผล มลี กั ษณะทรงกลม หรอื ทรงรี มผี วิ เรยี บ ผลอ่อนเปลือกมีสีเขียว มีเส้นใยนุ่มอยู่ ข้างในถัดมา มกี ะลาแข็ง และมีเน้ือสขี าวนุ่ม รสชาตหิ วานมัน ขา้ งใน มนี ำ�้ ใสๆ รสชาตหิ วานหอม มกี ลน่ิ หอม คมู่ ือการปลกู มะพรา้ วน้�ำหอมในพคมู่ืน้ อืทก่ดี าินรเใปชร้ปีย้ รวะจโดัยชนป์ าลม์ สาคู 35
2.3 สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลกู มะพรา้ วนำ้� หอม มะพรา้ วสามารถเจรญิ เตบิ โตเม่ือไดร้ ับแสงอย่างเหมาะสม รวมทัง้ ปลกู ในสภาพทมี่ อี ณุ หภมู ิ นำ�้ ความสงู ของพน้ื ที่ และมสี ภาพดนิ ทเ่ี หมาะสม ดงั นี้ 1) แสงแดด เป็นปจั จยั ส�ำคัญอยา่ งหนงึ่ สำ� หรับการปลูกมะพรา้ ว มะพรา้ วควรไดร้ ับแสงแดดท่ีเหมาะสม หากได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ จะท�ำให้ มะพร้าวไมค่ อ่ ยออกดอกออกผล หรอื มีเนอ้ื บาง 2) อณุ หภมู ิ เปน็ ปจั จยั กำ� หนดลักษณะการเจรญิ เตบิ โตของมะพร้าว มะพรา้ วเจริญเติบได้ดที ีอ่ ุณหภูมิ 20-27 องศาเซลเซียส ในชว่ งอุณหภมู ิต�่ำกว่า 15 องศาเซลเซยี ส มผี ลท�ำใหม้ ะพร้าวออกผลนอ้ ยลง 3) ปรมิ าณนำ�้ ฝน เปน็ สว่ นประกอบส�ำคญั ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของ มะพรา้ ว โดยมะพรา้ วจะอาศยั นำ้� ฝนในการเจรญิ เตบิ โต ปรมิ าณนำ�้ ฝนทเ่ี หมาะสม คอื ไมน่ อ้ ยกวา่ 1,500 มลิ ลเิ มตรตอ่ ปี แตห่ ากมนี ำ้� ฝนตกนอ้ ยกวา่ 50 มลิ ลเิ มตร ต่อเดือน นานเกินกวา่ 3 เดือน จะทำ� ใหม้ ะพรา้ วออกผลนอ้ ยลง 46 คู่มือการใช้ประโยคชู่มนอื ป์ กาลรม์ปสลากู คมู ะพร้าวน้�ำหอมในพืน้ ทดี่ นิ เปร้ียวจดั
4) ความสูงของพ้ืนที่ ระดับความสูงของพื้นท่ีจะเก่ียวข้องกับ อณุ หภูมิ เนือ่ งจากความสงู ทเี่ พิม่ มากขน้ึ ทุกๆ 100 เมตร อณุ หภูมิจะต�่ำลง 0.6 องศาเซลเซยี ส ดงั น้ันการท�ำสวนมะพรา้ วเพื่อการค้าควรเลอื กพ้ืนท่ีท่มี คี วามสงู ไมเ่ กิน 500 เมตรเหนอื ระดบั นำ�้ ทะเล 5) ดินที่ใช้ปลูกมะพร้าว มะพร้าวสามารถเจริญเติบโตได้ในดิน ทกุ ชนดิ แต่การปลูกมะพรา้ วตอ้ งคำ� นึงถึงลกั ษณะพน้ื ที่ ดงั นี้ (1) ทลี่ มุ่ ทดี่ อน มะพรา้ วปลกู เจรญิ งอกงามบนทดี่ อนมากกวา่ ทลี่ มุ่ การทจ่ี ะปลกู มะพรา้ วใหเ้ จรญิ งอกงามในทลี่ มุ่ ตอ้ งยกเปน็ สนั รอ่ งใหส้ งู พน้ ระดบั นำ้� ทขี่ งั อยู่ ใหห้ ลงั คนั ดนิ ทยี่ กขน้ึ มาสงู กวา่ ระดบั นำ�้ สงู สดุ ในรอบปปี ระมาณ 60 เซนติเมตร ยกสันร่องเป็นคันยาวไปตามรูปเน้ือที่ท่ีมีอยู่ จึงจะพอใช้ปลูก มะพร้าวให้ได้ผลดี (2) พน้ื ท่ีที่มชี น้ั ดินดาน ดินท่ีมีชน้ั หนิ แขง็ หรือหินดานอยลู่ ึก จากผิวดนิ นอ้ ยกวา่ 1 เมตร ไม่ควรใช้ปลูกมะพรา้ วเพราะจะไม่คอ่ ยได้รบั ผลดี ถ้าจะได้ผลดีก็ต้องลงทุนสูง เนื่องจากรากของมะพร้าวไม่สามารถเจาะทะลุ ช้นั ดานได้ เมื่อปลกู ไปไดร้ ะยะหนึ่งลำ� ตน้ จะหยดุ การเจรญิ เติบโต คูม่ ือการปลกู มะพร้าวน�ำ้ หอมในพคูม่นื้ ือทกด่ี านิ รเใปชร้ปีย้ รวะจโัดยชน์ปาล์มสาคู 57
3. ดินเปรีย้ วจัด (acid sulphate soil) “ดนิ เปรยี้ วจัด” เป็นดินทีม่ ีปัญหา ทางด้านการเกษตร มีสมบัติทางกายภาพและ เคมที ีไ่ ม่เหมาะสมส�ำหรบั การเพาะปลกู พชื โดยมีเน้ือดินเปน็ ดนิ เหนยี วถงึ ดินเหนียวจดั มโี ครงสรา้ งดนิ แนน่ ทบึ ทำ� ใหด้ นิ มกี ารระบายนำ้� เลว มนี ำ้� ทว่ มขงั เมอื่ ดนิ แหง้ ดนิ จะแขง็ และแตกระแหง เมอื่ นำ� มาใชป้ ระโยชนจ์ ะพบปญั หาเรอื่ งดนิ มสี ภาพความ เปน็ กรดจดั มีการละลายออกมาของธาตอุ ะลมู นิ ัม เหล็ก และแมงกานีสทำ� ให้ เปน็ พษิ ตอ่ พชื มีผลตอ่ การเจริญของพชื ทีป่ ลกู นอกจากน้ธี าตอุ าหารหลกั ในดนิ มีปริมาณต่�ำและจะอยูใ่ นรปู ท่ีพชื ไม่สามารถน�ำมาใช้ประโยชนไ์ ด้ 3.1 ความหมายของดินเปรี้ยวจดั เปน็ ดินท่ีมคี า่ ความเปน็ กรด-ด่างตำ่� (pH ต�่ำกว่า 4.5) มีสภาพพื้นที่ เป็นท่ีราบลุ่มมีน�้ำท่วมขังในฤดูฝน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดและมีความอุดม สมบรู ณข์ องดินต่ำ� ทำ� ให้พืชท่ีปลกู ไมส่ ามารถเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ ได้ ดนิ เปรยี้ วจดั ในประเทศไทยมพี นื้ ทป่ี ระมาณ 5.26 ลา้ นไร่ (กรมพฒั นาทดี่ นิ , 2558) พบในบริเวณทร่ี าบลมุ่ ภาคกลางตอนใต้ ภาคตะวนั ออก และภาคใต้ 3.2 ลักษณะทั่วไปของดนิ เปร้ยี วจัด ดินชั้นบนเป็นดินเหนียวถึงเหนียวจัด มีสีเทาหรือเทาเข้มถึงด�ำ ดินชน้ั ล่างมสี เี ทาอ่อนและมีจดุ ประสีเหลืองฟางขา้ วของสารประกอบ จาโรไซต์ ซ่ึงเปน็ ตะกอนน�ำ้ ทะเลทร่ี ะดับความลกึ 1 เมตรจากผิวดนิ พบไดใ้ นพืน้ ท่ีราบลมุ่ หรอื พน้ื ทล่ี มุ่ นำ�้ ทะเลเคยทว่ มถงึ มากอ่ นสภาพพนื้ ทโ่ี ดยทวั่ ไป มพี ชื จำ� พวกเสมด็ จดู หนู กกสามเหลยี่ มขน้ึ ปกคลมุ อยู่ นำ�้ ใน พืน้ ทดี่ ินเปรี้ยวจดั มีลกั ษณะใสและเปน็ กรดจดั มาก มกั พบ คราบสนมิ เหลก็ ในดนิ และทผ่ี ิวน�้ำ 68 คู่มอื การใชป้ ระโยคช่มู นอื ์ปกาลร์มปสลาูกคมู ะพรา้ วน้ำ� หอมในพ้ืนท่ดี ินเปรย้ี วจัด
3.3 ปญั หาและข้อจำ� กัดการใชป้ ระโยชน์ดินเปรยี้ วจัด ดินเปร้ียวจัดเป็นดินที่ไม่เหมาะสม ต่อการเพาะปลกู ปัญหาท่พี บมีดงั นี้ 1) ดินมีสภาพเป็นกรดจัด มีค่า ความเป็นกรด-ดา่ ง (pH) ต่�ำกว่า 4.5 2) มีการละลายออกมาของธาต ุ บางชนิด เช่นอะลูมินัม เหล็ก และแมงกานีส ทำ� ใหเ้ ปน็ พษิ และมผี ลตอ่ การเจรญิ ของพชื ทปี่ ลกู 3) ธาตุอาหารหลกั ในดินมปี รมิ าณต่�ำ ได้แก่ ไนโตรเจนและฟอสฟอรสั โดยฟอสฟอรสั ถูกตรึงให้อยู่ในรูปท่ีพืชไม่สามารถน�ำมาใช้ ประโยชนไ์ ด้ 4) เน้ือดินเปน็ ดนิ เหนียวถึงดนิ เหนยี วจดั มโี ครงสรา้ งดนิ แนน่ ทบึ ทำ� ใหด้ นิ มกี าร ร ะ บ า ย น�้ ำ เ ล ว น้� ำ ท ่ ว ม ขั ง เ มื่ อ ดิ น แ ห ้ ง จ ะ แข็ ง และแตกระแหง คมู่ ือการปลกู มะพร้าวน้�ำหอมในพคูม่้นื อืทกด่ี าินรเใปชรป้ ้ียรวะจโดัยชนป์ าล์มสาคู 79
4. การปรบั ปรุงดนิ เปรย้ี วจดั เพื่อปลูกมะพรา้ วน้�ำหอม มะพร้าวน�้ำหอมเจริญเติบโตได้ในดินหลากหลายชนิด แต่ต้องมีการ ระบายนำ้� ดี ดนิ เปรี้ยวจดั อยใู่ นพน้ื ทลี่ ุม่ จำ� เป็นตอ้ งมีการเตรยี มพื้นที่ใหเ้ หมาะ สม รวมทงั้ ตอ้ งมกี ารปรบั ปรงุ ดนิ และการดแู ลรกั ษาทดี่ ี จงึ ทำ� ใหม้ ะพรา้ วนำ้� หอม ใหผ้ ลผลิตคุม้ คา่ กับการลงทนุ 4.1 การเตรยี มพนื้ ที่ จดั แบ่งพ้ืนท่ีท�ำร่องและครู ะบายน้�ำ ขุดคขู นาดกว้าง 2 เมตร ลึก 80 เซนติเมตร โดยใช้ดินชน้ั บนไวก้ ลางพ้นื ที่ ดนิ ชั้นลา่ งไว้ถัดออกมา การขดุ คลู กึ 80 เซนตเิ มตร เพอ่ื ไมใ่ หถ้ งึ ชนั้ ตะกอนนำ�้ กรอ่ ยทม่ี ไี พไรทส์ งู ตกแตง่ สนั รอ่ ง ขนาดกวา้ ง 6 เมตร บรเิ วณกลางพนื้ ทจี่ ะมสี ว่ นสงู และลดระดบั จนมาถงึ ครู ะบาย และส่งนำ�้ วดั ระยะปลูกโดยใชร้ ะยะปลกู ระหว่างตน้ 6-8 เมตร หวา่ นหินปูนฝุ่น ในอัตรา 1700 กิโลกรัม/ไร่ (เท่ากับครึ่งหนึ่งของความต้องการปูนของดิน) บรเิ วณสันรอ่ งทง้ั หมด 180 คมู่ ือการใชป้ ระโยคชู่มนอื ์ปกาลร์มปสลากู คมู ะพรา้ วนำ้� หอมในพนื้ ที่ดินเปรยี้ วจัด
4.2 การปลูก เตรยี มหลมุ ปลูกขนาดความกว้าง x ยาว x ลกึ เทา่ กบั 80 x80 x70 เซนตเิ มตร ใสห่ นิ ปนู ฝนุ่ ในอตั รา 2 กโิ ลกรมั /หลมุ และหนิ ฟอสเฟตรองกน้ หลมุ ในอัตรา 3 กิโลกรัม/หลุม ก่อนน�ำดินลงไปในหลุม แต่ละร่องมีการปลูก มะพรา้ วนำ�้ หอมแบบสลบั ฟนั ปลา หรอื แบบแถวเดยี ว โดยมีระยะหา่ งระหว่าง ต้น 6-8 เมตร โดยการนำ� ตน้ พันธ์ทุ ีเ่ ตรียมไวม้ าปลกู ตรงกลางหลมุ กอ่ นกลบดนิ ใหแ้ น่น 4.3 การดแู ลรกั ษา 1) การใหน้ ำ้� ช่วงที่มฝี นตกน้อยหรือแลง้ ตดิ ต่อกันเกนิ 3 เดอื น ควรใหน้ ำ้� แกต่ น้ มะพรา้ วแตใ่ นบางพน้ื ทที่ เ่ี ปน็ ทลี่ มุ่ นำ้� ขงั หากนำ้� ทว่ มขงั เปน็ เวลา นานมะพรา้ วจะเจรญิ เตบิ โตช้า ควรขุดครู ะบายนำ้� ออกจากแปลงทนั ที หากพบ ตน้ มะพรา้ วเสยี หายควรทำ� การปลกู ซอ่ มใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ หลงั จากปลกู ลงแปลงปลกู จรงิ ทงั้ นค้ี วรสำ� รองตน้ กลา้ ไว้ สำ� หรบั ปลกู ซอ่ มประมาณ 5 % ของตน้ กลา้ ทตี่ อ้ งการ ใช้ปลกู จริง คู่มือการปลกู มะพรา้ วน�้ำหอมในพค่มู้ืนอืทกด่ี าินรเใปชร้ปย้ี รวะจโดัยชนป์ าลม์ สาคู 191
2) การใสป่ ๋ยุ ชว่ งแรกของการปลกู (ก่อนใหผ้ ลผลิต) ใสป่ ๋ยุ เคมสี ตู ร 15-15-15 หรอื 16-16-16 อตั ราเทา่ กับอายุของมะพรา้ ว โดยแบง่ ใส่ 3 ครง้ั ตอ่ ปี ในชว่ งทีม่ ะพร้าวให้ผลผลติ แล้ว ใช้ปยุ๋ เคมสี ูตร 13-13-21 อตั รา 5 กิโลกรมั / ตน้ /ปี โดยแบง่ ใส่ 3 ครง้ั /ปี นอกจากนนั้ การเพ่มิ ปุ๋ยอนิ ทรียใ์ หแ้ กต่ น้ มะพรา้ ว สามารถท�ำได้หลายแบบ เช่น การใส่ปยุ๋ คอกและปยุ๋ หมัก โดยพบว่า การดูแล สวนมะพร้าวน้�ำหอมด้วยวิธีการใส่ปุ๋ยสามารถเพ่ิมผลผลิตได้ถึง 5,000-6,000 ผล/ไร่/ปี หากปลูกแบบยกร่องมีน้�ำใช้ตลอดปีผลผลิตมะพร้าวอาจสูงถึงไร่ละ 8,000-9,000 ผล/ไร่/ปี 4.4 การเกบ็ เกีย่ ว การเก็บเก่ียวมะพร้าวสามารถ เกบ็ เกยี่ วได้ 3 ระยะโดยดูจากความหนาของ เนอ้ื เปน็ เกณฑ์ 1) มะพร้าวช้นั เดียว คอื มะพรา้ ว ที่เรม่ิ สรา้ งเนื้อในกะลา เนอ้ื จะมลี กั ษณะเป็นวุน้ บางๆ ประมาณครึง่ ผลเม่ือเปดิ กน้ ผลดูแลว้ มอง ไปตรงๆ จะมองเหน็ กะลาสีเหลืองชัดเจน ผลมะพร้าวระยะนี้มีอายุหลังจั่นบาน ประมาณ 170 วัน วัดความหวาน ได้ประมาณ 5.0-6.0 องศาบริกซ์ 2) มะพร้าวชัน้ คร่งึ คอื มะพรา้ วเร่ิมสรา้ งเน้ือเพิ่มข้นึ จนเกือบเต็ม กะลาแต่ในสว่ นบรเิ วณข้ัวผลคงมลี กั ษณะเป็นวุน้ อยบู่ า้ ง มะพร้าวระยะน้มี อี ายุ หลงั จากจน่ั บาน ประมาณ 180 วนั เนือ้ มะพร้าวพอจะบริโภคได้บ้าง น้ำ� เรม่ิ หวานขนึ้ ความหวานอย่รู ะหวา่ ง 6.0-6.6 องศาบริกซ์ 3) มะพรา้ วสองชั้น คือ มะพรา้ วที่มอี ายุของผลนบั หลังจากจ่ันบาน ประมาณ 190-200 วัน เน้ือจะมีเต็มกะลาเน้ือหนาอ่อนนุ่ม น้�ำจะมีรสหวาน วัดความหวานได้ 6.6-7.0 องศาบรกิ ซ์ ถอื เป็นช่วงทเี่ หมาะสมสำ� หรบั เก็บเก่ียว มะพร้าวมากท่สี ุด 1102 คูม่ อื การใชป้ ระโยคชู่มนอื ์ปกาลร์มปสลาูกคมู ะพรา้ วน้�ำหอมในพนื้ ทด่ี นิ เปรย้ี วจดั
5. โรคและแมลงศตั รูพืชของมะพรา้ ว โรคและแมลงศัตรพู ืชจัดวา่ เป็นปญั หาท่ีส�ำคญั เน่ืองจากเปน็ ตวั การท่ี กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายใหก้ บั พชื ทงั้ ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพเปน็ จำ� นวนมาก ซงึ่ แมลงศตั รทู สี่ �ำคัญของมะพรา้ ว ไดแ้ ก่ ดว้ งแรดมะพรา้ ว แมลงด�ำหนามมะพร้าว หนอนหัวด�ำมะพร้าว นอกจากน้ียังมีโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ด้วงเจาะล�ำต้น หมอ่ น ที่สร้างความเสียหายใหก้ ับมะพร้าว ซึง่ มีวิธกี ารป้องกันก�ำจดั ดงั น้ี 5.1 ด้วงแรดมะพร้าว มีช่ือวิทยาศาสตร์ว่า Oryctes rhinoceros อยู่ในวงศ์ Scarabaeidae อันดับ Coleoptera 1) ลักษณะการท�ำลาย เฉพาะตวั เต็มวัยเทา่ น้ันทีเ่ ปน็ ศตั รพู ชื โดย บินขึ้นไปกดั เจาะโคนทางใบมะพร้าวหรอื ปาลม์ น�้ำมัน ทำ� ใหท้ างใบหักง่ายและ ยังกัดเจาะท�ำลายยอดอ่อน ท�ำให้ทางใบที่เกิดใหม่ไม่สมบูรณ์ มีรอยขาดแหว่ง เปน็ ร้วิ ๆ คล้ายรปู สามเหลย่ี ม ถา้ โดนทำ� ลายมากๆ ท�ำให้ใบเกิดใหมแ่ คระแกรน รอยแผลที่ถูกด้วงแรดกัดเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ท�ำให้ด้วงงวงมะพร้าวเข้ามาวางไข่ หรือเปน็ ทางให้เกิดโรคยอดเนา่ จนถงึ ตน้ ตายได้ในท่ีสุด คมู่ อื การปลูกมะพร้าวน้ำ� หอมในพคู่ม้นื อืทกีด่ าินรเใปชรป้ ี้ยรวะจโัดยชนป์ าล์มสาคู 113
2) การปอ้ งกันก�ำจดั (1) การควบคุมโดยวิธีเขตกรรม เป็นการก�ำจัดแหล่งขยาย พันธุ์ท่ีลงทุนน้อยและสะดวกเน่ืองจากอยู่บนพื้นดิน สามารถก�ำจัดไข่หนอน ดักแด้และตัวเต็มวัยไม่ให้เพ่ิมปริมาณได้ โดยยึดหลกั ปฏิบตั ิ ดงั น้ี - เผาหรอื ฝงั ซากล�ำตน้ หรอื ตอของมะพรา้ ว - เกล่ียกองซากพชื และกองมูลสตั วใ์ หก้ ระจายออกโดยมี ความสูงไมเ่ กนิ 15 เซนติเมตร - ถ้ามคี วามจ�ำเป็นต้องกองมลู สัตว์นานเกินกว่า 2-3 เดือน ควรหมั่นพลิกกลับกองหรือน�ำใส่ในถุงปุ๋ยผูกปากให้แน่นและน�ำไปเรียง ซ้อนกันไว้ (2) การควบคุมโดยวิธีกล หม่ันท�ำความสะอาดบริเวณคอ มะพรา้ วหรอื ปาลม์ ตามโคนทางใบ หากพบรอยแผลเปน็ รใู ชเ้ หลก็ แหลมแทงหา ดว้ งแรดเพอ่ื กำ� จัด (3) การควบคุมโดยใช้กับดักลอ่ ฟีโรโมนล่อจบั ตวั เต็มวยั และ น�ำมาทำ� ลาย (4) การควบคุมโดยชีววิธี ใช้เช้ือราเขียวและเช้ือไวรัสช่วย ท�ำลายหนอนและตวั เตม็ วัยด้วงแรด 1124 คมู่ ือการใช้ประโยคชมู่ นอื ์ปกาลรม์ปสลาูกคมู ะพร้าวน�ำ้ หอมในพ้ืนท่ีดินเปร้ียวจดั
5.2 แมลงดำ� หนามมะพรา้ ว มชี อื่ วทิ ยาศาสตรว์ า่ Plesispa sispinae อยใู่ นวงศ์ Chrysomelidae อนั ดบั Coleoptera 1) ลักษณะการท�ำลายท้ังตัวหนอนและตัวเต็มวัยของแมลงด�ำ หนามมะพร้าวซ่อนตัวในใบอ่อนและกัดกินยอดอ่อนโดยเฉพาะยอดท่ีไม่คล่ี ท�ำให้ยอดอ่อนของมะพร้าวชะงักการเจริญเติบโตหากต้นมะพร้าวถูกท�ำลาย รนุ แรงตดิ ตอ่ กนั ทำ� ใหใ้ บแหง้ กลายเปน็ สนี ำ้� ตาลหลายใบ มองเหน็ เปน็ สขี าวโพลน ชัดเจนชาวสวนเรยี กว่า “โรคหวั หงอก” 2) การป้องกันก�ำจัด การฉีดพ่นสารเคมีฆ่าแมลงเพ่ือควบคุม แมลงด�ำหนามมะพร้าวท�ำได้ยากและไม่ปลอดภัยต่อเกษตรกรและสภาพ แวดลอ้ ม กรมวชิ าการเกษตรจงึ ไดน้ ำ� เขา้ แตนเบยี นหนอนแมลงดำ� หนามมะพรา้ ว Asecodes hispinarum จากประเทศเวยี ดนามโดยความร่วมมือจากองคก์ าร อาหารและเกษตรแหง่ สหประชาชาติ (FAO) โดยนำ� เขา้ มาในลกั ษณะซากหนอนตาย ที่มีดักแด้แตนเบียนอยู่ภายในเรียกว่า “มัมม่ี” จ�ำนวน 100 ตัว ตัวเต็มวัย ของแตนเบียนเพศเมียทผ่ี สมพันธแ์ุ ล้ว จะใช้ อวยั วะวางไข่ในลำ� ตวั ของหนอนแมลงด�ำ หนามมะพร้าว เม่อื หนอนแตนเบียนฟักออก จากไข่จะดูดของเหลว และเจรญิ เตบิ โต เปน็ ดักแด้ในตวั หนอนแมลงดำ� หนามเมอื่ โต เต็มวัยกจ็ ะกดั กินผนังลำ� ตวั ของแมลงด�ำหนาม ทำ� ให้ตายไปในทีส่ ุด ค่มู ือการปลูกมะพร้าวน้�ำหอมในพคู่ม้ืนือทกีด่ าินรเใปชร้ปย้ี รวะจโัดยชนป์ าล์มสาคู 135
5.3 หนอนหัวด�ำมะพร้าว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oisini Arenosella Walker อยใู่ นวงศ์ Oecophoridae อันดับ Lepidoptera 1) ลักษณะการท�ำลาย หนอนหัวด�ำมะพร้าวเขา้ ท�ำลายใบ เฉพาะระยะตวั หนอนเทา่ นั้นโดย ตวั หนอนจะแทะกินผิวใบบรเิ วณ ใต้ทางใบ จากนน้ั จะถกั ใยน�ำมามูล ท่ีถ่ายออกมาผสมกับเสน้ ใยที่สรา้ งข้ึน นำ� มาสรา้ งเป็นอโุ มงคค์ ลมุ ล�ำตัวยาว ตามทางใบบรเิ วณใต้ทางใบตวั หนอน จะอาศยั อยภู่ ายในอโุ มงคท์ สี่ รา้ งขนึ้ และแทะกนิ ผวิ ใบ โดยทว่ั ไปหนอนหวั ดำ� ชอบ ท�ำลายใบแก่ หากการท�ำลายรุนแรงจะท�ำลายก้านทางใบ จั่นและผลมะพร้าว ต้นมะพร้าวที่ถกู หนอนหัวดำ� เข้าท�ำลายทางใบหลายๆ ทางจะพบวา่ หนอนหัว ด�ำมะพร้าวจะถักใยดึงใบมะพร้าวมะเรียงติดกันเป็นเพ เม่ือตัวหนอนโตเต็มที่ แล้วจะถักใยหุ้มล�ำตัวอีกคร้ัง และเข้าดักแด้อยู่ภายในอุโมงค์ ดักแด้มีสีน้�ำตาล เข้ม ดักแดเ้ พศผู้จะมขี นาดเล็กกวา่ ดกั แดเ้ พสเมยี เลก็ น้อยผีเสือ้ ท่ีผสมพันธุแ์ ลว้ จะวางไขบ่ นเส้นใยทส่ี รา้ งเป็นอโุ มงคห์ รอื ซากใบทีถ่ กู ทำ� ลายแล้ว ตวั หนอนเมื่อ ฝักออกจากไขจ่ ะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 1-2 วัน กอ่ นจะยา้ ยไปกักกนิ ใบมะพรา้ ว จงึ มกั จะพบหนอนหวั ดำ� มะพรา้ วหลายขนาดกดั กนิ อยใู่ นใบมะพรา้ ว ใบเดยี วกนั ตน้ มะพรา้ วทถ่ี กู หนอนหวั ดำ� มะพรา้ วลงทำ� ลายจะมใี บแหง้ และสนี ำ้� ตาล ผลผลติ ลดลงหากการทำ� ลายรุนแรงอาจท�ำใหต้ น้ มะพรา้ วตายได้ หนอนหวั ด�ำมะพร้าว สามารถแพร่กระจายตวั โดยติดไปกบั ต้นกลา้ มะพร้าว ผลมะพรา้ วหรือส่วนใบมะพรา้ ว ซึ่งถูกนำ� จากแหลง่ ทีม่ ี การระบาดเขา้ ไปในพน้ื ทใี่ หม่ นอกจากน้ียงั สามารถ กระจายผ่านพืชตระกลู ปาล์มทใี่ ช้ประดบั ต่างๆ 1146 คู่มอื การใช้ประโยคชู่มนอื ป์ กาลร์มปสลาูกคมู ะพร้าวน�ำ้ หอมในพ้ืนทด่ี ินเปรีย้ วจัด
2) การป้องกันกำ� จดั วธิ ีท่ีดีที่สุดในการปอ้ งกนั กำ� จดั คือ การไม่นำ� แมลงศัตรูพืชเข้าในพื้นที่หนอนหัวด�ำมะพร้าวอาจติดไปกับพืชตระกูลปาล์ม โดยเฉพาะปาลม์ ประดบั ตา่ งๆ กอ่ นนำ� ไปปลกู ในทใ่ี หมต่ อ้ งตรวจสอบใหแ้ นใ่ จวา่ ไม่มหี นอนหวั ดำ� ตดิ เขา้ ไป เมอื่ พบการระบาดควรดำ� เนนิ การ ดังนี้ (1) ตดั ใบทม่ี หี นอนหวั ดำ� ลงทำ� ลาย นำ� มาเผาหรอื ฝงั ทำ� ลาย (2) การพน่ ดว้ ยชวี ภณั ฑ์ บที ี ซง่ึ เปน็ จลุ นิ ทรยี ท์ มี่ ปี ระโยชน์ ใช้ในการควบคมุ หนอนผีเสือ้ ศัตรูพชื อัตรา 80-100 มิลลลิ ติ ร ผสมน�้ำ 20 ลติ ร ฉีดพ่นต้นละ 3-5 ลิตรท่ัวทรงพุ่ม ข้ึนกับขนาดทรงพุ่มและเคร่ืองพ่น ให้พ่น 3 ครงั้ ติดต่อกนั หา่ งกัน ครงั้ ละ 7-10 วนั (3) การใชแ้ ตนเบียน ควบคุมหนอนหวั ด�ำมะพร้าว Goniozus nephantidis แนะน�ำให้ปล่อยตัวเต็มวัย อตั รา 50-100 ตวั ต่อไร่ ปล่อย 3 คร้งั แต่ละครัง้ หา่ งกนั 1 เดอื น หากสามารถ ปลอ่ ยแตนเบยี น Goniozus ไดม้ ากจะท�ำ ใหเ้ หน็ ผลในการควบคมุ เร็วขึน้ (4) การควบคุมด้วยสารเคมีโดยวิธีฉีดเข้าล�ำตัว เป็นวิธีท่ีใช้ ในกรณที พ่ี บหนอนหวั ดำ� ระบาดรนุ แรง หา้ มใชก้ บั มะพรา้ วทม่ี ลี ำ� ตน้ สงู นอ้ ยกวา่ 12 เมตร และไม่ให้ใชใ้ นมะพร้าวน้ำ� หอมและมะพรา้ วกะทิ ค่มู อื การปลูกมะพรา้ วนำ้� หอมในพค่มูืน้ อืทกดี่ าินรเใปชร้ปยี้ รวะจโัดยชน์ปาล์มสาคู 175
5.4 โรคยอดเนา่ 1) เชื้อสาเหตุโรคพืชเกิดจากเชื้อรา Pythium sp. และมักเกิด กับมะพร้าวพันธุ์ที่น�ำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น พันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเต้ีย โรคนี้มกั พบในระยะต้นกลา้ ในสภาพที่มีฝนตกชุก และอากาศมีความช้ืนสูง 2) การป้องกันก�ำจัด ในการย้ายต้นกล้าพยายามอย่าให้หน่อช�้ำ เพราะโรคอาจจะเข้าท�ำลายได้ง่าย หากพบอาการของโรคในระยะแรกให้ตัด ส่วนท่ีเป็นโรคออกแล้วฉีดพ่นด้วยสารฆ่าเช้ือราที่มีสารประกอบทองแดง สว่ นตน้ กลา้ หรอื สว่ นทโี่ รคทำ� ลายใหเ้ ผาทำ� ลายใหห้ มด เพอ่ื ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดตอ่ ไป 5.5 โรคใบจุด 1) เช้อื สาเหตโุ รคพืชเกิดจากเชอ้ื รา Heiminthosporiurm sp. ทำ� ความเสียหายใหแ้ ก่มะพร้าวในระยะตน้ กลา้ และลุกลามอย่างรวดเร็ว 2) การป้องกนั กำ� จัด ฉดี พน่ ดว้ ยสารปอ้ งกนั กำ� จัดโรคพชื เช่น thirem อตั รา 50 กรัมต่อน้ำ� 2 ลิตร ผสมยาลงไป 15 ซีซี ฉีดพน่ ทกุ 10-14 วนั นอกจาก นี้ ยังมีโรคอ่ืนๆ เช่น โรคตาเน่า (Bud rot) โรคโคนผุ (Stem bleeding) โรคใบจุดสเี ทา (Frond break) โรครากเนา่ (Root rot) โรคเรื้อนดนิ เปน็ ตน้ โรคดังกล่าวน้ีแม้ว่าจะพบในแหล่งปลูกมะพร้าวแต่ไม่ท�ำความเสียหายให้กับ มะพร้าวมากนกั 1168 คูม่ อื การใช้ประโยคชมู่ นอื ป์ กาลร์มปสลาูกคมู ะพร้าวน�้ำหอมในพืน้ ทีด่ นิ เปรีย้ วจดั
5.6 โรคผลรว่ ง 1) เช้ือสาเหตุโรคพืชเกิดจากเชื้อรา Phytopthora palmivora อาการท่ีพบคือ มะพร้าวจะร่วงก่อนก�ำหนดอายุการเก็บเก่ียวของผลมะพร้าว คือ 12 เดือน โดยจะพบว่าหากเป็นโรคนผี้ ลมะพรา้ วจะรว่ งในชว่ งตง้ั แต่ 3 ถึง 9 เดือน อายขุ องผลทร่ี ว่ งมากคือ 8 เดอื น ดังน้นั ผลมะพร้าวท่ีร่วงจึงอ่อนกวา่ ทีจ่ ะนำ� มาใชป้ ระโยชน์ 2) การปอ้ งกนั กำ� จดั สภาพที่จะเกดิ โรคผลรว่ งระบาดคอื มะพร้าว มีผลดกมาก และฝนตกชุกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ให้ม่ันตรวจเช็ค ผลมะพร้าวโดยวิธีการสุ่มขึ้นไปบนต้น ถ้าพบมะพร้าวที่เป็นโรค ให้ตัดออก และน�ำผลไปเผาทง้ิ นอกแปลงมะพรา้ วทนั ที คมู่ อื การปลูกมะพรา้ วน�้ำหอมในพคมู่ืน้ ือทก่ดี านิ รเใปชรป้ ีย้ รวะจโดัยชนป์ าลม์ สาคู 197
6. ตน้ ทนุ และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของการปลูกมะพร้าวน้ำ� หอม การปลกู มะพรา้ วนำ้� หอมในพน้ื ทดี่ นิ เปรยี้ วจดั พนื้ ท่ี 1 ไร่ พบวา่ ลงทนุ คงที่ ได้แก่ ค่าขดุ ยกรอ่ ง วสั ดปุ รับปรงุ ดนิ และพนั ธ์ุมะพร้าวน�ำ้ หอม มีค่าการ ลงทุน 10,000 1,700 และ 3,300 บาท ตามล�ำดับ ส่วนผลตอบแทนทาง เศรษฐกิจ มะพร้าวน�ำ้ หอมเรม่ิ เก็บผลผลิตไดใ้ นปที ่ี 4 หลงั จากปลูกโดยในปีที่ 4 มผี ลผลิตเฉลย่ี 4,000 ลูกต่อไร่ และเพม่ิ สูงขึน้ ทกุ ๆ ปี และจะมีปรมิ าณผลผลติ ลดลงในปที ่ี 15 ดังแสดงไวใ้ นตารางท่ี 1 1280 คมู่ อื การใช้ประโยคช่มู นอื ์ปกาลร์มปสลาูกคมู ะพรา้ วน�้ำหอมในพนื้ ทดี่ นิ เปร้ียวจดั
ตารางท่ี 1 แสดงผลตอบแทนตน้ ทนุ และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ของการปลูกมะพรา้ วน�้ำหอม ในพืน้ ท่เี ปรีย้ วจดั (พื้นที่ 1 ไร)่ คา่ ลงทนุ คงท่ี (1) คา่ ลงทนุ ผนั แปร (2) ขดุ วัสดุ พนั ธ์ุ ดูแล รวมคา่ ผลผลติ รายได้ กำ� ไรสทุ ธิ ปี ยกรอ่ ง ปรับปรงุ ปุย๋ รกั ษา ลงทนุ (ผล /ไร/่ ป)ี (บาท /ไร/่ ป)ี (บาท /ไร/่ ป)ี ดิน (1)+(2) 1 10,000 1,700 3,300 5,225 2,000 22,225 - - -22,225 2 - - - 5,225 2,000 7,225 - - -7,225 3 - - - 5,225 2,000 7,225 - - -7,225 4 - - - 8,315 2,000 10,315 4,000 40,000 -6,990 5 - - - 8,315 2,000 10,315 5,000 50,000 39,685 6 - - - 8,315 2,000 10,315 5,800 58,000 47,685 7 - - - 8,315 2,000 10,315 6,600 66,000 55,685 8 - - - 8,315 2,000 10,315 7,200 72,000 61,685 9 - - - 8,315 2,000 10,315 7,800 78,000 67,685 10 - - - 8,315 2,000 10,315 7,900 79,000 68,685 11 - - - 8,315 2,000 10,315 8,200 82,000 71,685 12 - - - 8,315 2,000 10,315 8,200 82,000 71,685 13 - - - 8,315 2,000 10,315 8,300 83,000 72,685 14 - - - 8,315 2,000 10,315 8,400 84,000 63,685 15 - - - 8,315 2,000 10,315 8,000 80,000 69,685 16 - - - 8,315 2,000 10,315 6,800 68,000 57,685 17 - - - 8,315 2,000 10,315 5,300 53,000 42,685 18 - - - 8,315 2,000 10,315 4,500 45,000 34,685 19 - - - 8,315 2,000 10,315 2,700 27,000 16,685 20 - - - 8,315 2,000 10,315 2,000 20,000 9,685 ค่มู อื การปลูกมะพรา้ วนำ้� หอมในพคูม่้นื ือทก่ดี านิ รเใปชรป้ ย้ี รวะจโดัยชนป์ าล์มสาคู 2119
7. เอกสารอา้ งอิง กรมพฒั นาท่ดี ิน. 2558. สถานภาพทรัพยากรดนิ และที่ดนิ ของประเทศไทย. กรมพัฒนาทด่ี ิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ กองสง่ เสริมอาชพี สวน. 2543 คู่มอื ชพี สวนเศรษฐกจิ . กรมสง่ เสริมการเกษตร. การเกษตรชมุ ชนสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทยจำ� กดั กทม. หนา้ 60-63. เจรญิ เจรญิ จ�ำรัสชีพ. 2541. คมู่ ือดินเปร้ยี วจัด และการจัดการดิน เพอื่ ใชป้ ระโยชน์ ทางการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ หนา้ 109. พิสทุ ธิ์ วจิ ารสรณ,์ ชัยวฒั น์ สิทธิบศุ ย์, อภิชาต จงสกลุ , ถาวร มชี ยั , สายหยดุ ภกั ดสี วุ รรณ, เจรญิ ศริ อิ ดุ มภาส, สมจติ ร อนิ ทรมณ,ี สามารถ เดยี่ วทพิ ยส์ คุ นธ,์ นวลศรี กาญจนกุล, สพุ ร บญุ ประดับ และพจนีย์ มอญเจรญิ . 2536. คมู่ อื การปรบั ปรงุ ดนิ เปรยี้ วจดั เพอื่ การเกษตรโครงการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นา พิกุลทองฯ สรุ พล เจริญพงศ์ และณรงศ์ ศรสี วุ รรณ. 2536. รายงานผลการด�ำเนินงานโครงการ พฒั นาดนิ เปรยี้ วจดั และดนิ เคม็ ภาคใตใ้ นชว่ งแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม แหง่ ชาติฉบบั ที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) กองแผนงานกรมพัฒนาทด่ี นิ . สรสทิ ธิ์ วชั โรทยาน ศ.ดร. 2535 คมู่ ือการปรบั ปรุงดนิ และการใช้ปยุ๋ . ศูนย์การพมิ พ ์ พลชัย. กทม. หน้า 17-28. 2202 คู่มือการใชป้ ระโยคชูม่ นือป์ กาลรม์ปสลาูกคมู ะพร้าวน้�ำหอมในพื้นทด่ี นิ เปร้ียวจดั
สถานทีต่ ิดต่อ ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาพิกุลทองอนั เน่ืองมาจากพระราชดำ� ริ เลขที่ 95 หมู่ 6 ต.กะลวุ อเหนือ อ.เมอื ง จ.นราธวิ าส 96000 โทร. 073 – 631033 , 073 – 631038 โทรสาร 073 – 631034 Email : [email protected] คณะผูจ้ ดั ท�ำ นางสายใจ มณีรัตน ์ นกั วิชาการเกษตรช�ำนาญการพเิ ศษ ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ นางสาวนรุ ฮาฟซี นี ดาโอ๊ะ นกั วชิ าการเกษตร ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ุลทองฯ คู่มอื การปลูกมะพรา้ วนำ�้ หอมในพคู่มนื้ ือทกด่ี าินรเใปชร้ปี้ยรวะจโดัยชนป์ าล์มสาคู 213
24 คมู่ ือการใช้ประโยชนป์ าล์มสาคู
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: