Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเลี้ยงปลากินพืชต้นทุนต่ำ

การเลี้ยงปลากินพืชต้นทุนต่ำ

Published by khasikarn364599, 2022-01-19 02:46:40

Description: การเลี้ยงปลากินพืชต้นทุนต่ำ

Keywords: ปลา

Search

Read the Text Version

ค�ำน�ำ คู่มือการเลี้ยงปลากินพืชต้นทุนต�่ำ ฉบับน้ี จัดท�ำข้ึนเพื่อเป็นแนวทางในการ ลดต้นทุนการเลี้ยงปลากินพืช ประกอบด้วย การเลือกพันธุ์ปลากินพืชที่เหมาะสม ตอ่ การเล้ียงในลกั ษณะรปู แบบตา่ งๆ เชน่ การเล้ียงบอ่ ดนิ บ่อซีเมนต์ บ่อผ้าพลาสติก กระชงั และในแปลงนาขา้ ว เป็นต้น รวมถงึ สตู รอาหารปลากนิ พชื ท่สี ามารถหาได้ตาม ท้องถ่ิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงและตารางค่าเปรียบเทียบผลตอบแทน ทางเศรษฐกิจของการผลิตอาหารปลาไวใ้ ชเ้ อง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ หวังเป็นอย่างย่ิงว่า “คู่มือการเล้ียงปลา กนิ พชื ตน้ ทนุ ตำ่� ” ฉบบั นี้ จะเปน็ ประโยชนส์ ำ� หรบั เกษตรกร นกั เรยี น และผทู้ ส่ี นใจทวั่ ไป สามารถใชเ้ ปน็ แนวทางการเล้ียงปลากินพชื ตน้ ทุนต�่ำ ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ุลทองฯ กรกฎาคม 2564 คมู่ ือการใช้ประโยชน์ปาลม์ สาคู 1

สารบัญ เร่ือง หน้า 1. บทน�ำ 1 2. พันธป์ุ ลากินพชื 2 3. รปู แบบการเล้ียงปลา 5 4. อาหารส�ำหรบั เลีย้ งปลากินพชื 14 5. โรคสำ� คญั ที่ควรระวังในการเลยี้ งปลากนิ พชื 18 6. เอกสารอ้างอิง 25 2 คมู่ อื การใช้ประโยชน์ปาล์มสาคู

1. บทน�ำ ปลากนิ พชื เปน็ ปลาทม่ี ฟี นั ซเี่ ลก็ ๆ ละเอยี ด มลี ำ� ไสย้ าว และมกี ระเพาะ ท่ีเล็ก หรืออาจไม่มีกระเพาะอาหารเลย เป็นปลาท่ีเลี้ยงง่าย โตเร็ว หาพันธุ ์ ได้ง่าย มีลูกดก อดทน เน้ือมีรสดีและได้รับความนิยมน�ำมาบริโภค ได้แก ่ ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลาจีน และปลากระโห้ ซ่ึงการเลี้ยงปลากินพืช เปน็ การเพม่ิ อตั ราการเจรญิ เตบิ โตทางดา้ นขนาดและนำ�้ หนกั ใหไ้ ดต้ ามเปา้ หมาย ด้วยการให้อาหาร และการดูแล นอกเหนือจากการปล่อยเล้ียงตามธรรมชาติ โดยมรี ปู แบบการเลยี้ งทแ่ี ตกตา่ งกนั ตามความเหมาะสมของพนื้ ทข่ี องเกษตรกร เช่น การเล้ียงในบ่อดิน เป็นการเลี้ยงจ�ำนวนมากเพื่อการค้าขาย ต่างจากการ เล้ียงในบ่อพลาสติกหรือการเล้ียงในบ่อซีเมนต์ ที่สามารถเล้ียงปลาได้ในพื้นท่ี บริเวณรอบบ้านเลี้ยงในปริมาณน้อย เน้นการบริโภคในครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีการลี้ยงในกระชัง และการเลี้ยงปลาในนาข้าว ซ่ึงเป็นการเล้ียงในแม่น�้ำ ลำ� คลอง ครู อ่ งรอบแปลงนา สว่ นสตู รอาหารทใ่ี ชใ้ นการเลยี้ งปลากนิ พชื ประกอบ ไปดว้ ย โปรตนี คารโ์ บไฮเครต ไขมนั และวติ ามนิ ซง่ึ การผลติ อาหารทมี่ คี ณุ ภาพ เกษตรกรต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และรู้จักวัตถุดิบอาหารสัตว์ท่ีเป็นแหล่ง ของสารอาหารตา่ งๆ ทส่ี ามารถหาไดใ้ นพนื้ ที่ เพอื่ ลดตน้ ทนุ การผลติ อาหารปลา กนิ พชื รวมทง้ั มคี วามรเู้ กย่ี วกบั โรค และวธิ กี ารปอ้ งกนั รกั ษาโรคตา่ งๆ ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ กับปลาที่เล้ยี ง งานประมง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้ศึกษาการเล้ียงปลา กนิ พชื ตน้ ทนุ ตำ�่ โดยใชว้ ตั ถดุ บิ อยา่ งงา่ ยทม่ี ใี นทอ้ งถนิ่ และราคาถกู ทำ� ใหต้ น้ ทนุ อาหารปลาถกู กวา่ ราคาขายปลกี ในทอ้ งตลาด และมคี ณุ ภาพใกลเ้ คยี งกบั อาหาร ทผ่ี ลิตเป็นการคา้ รวมทั้งจัดท�ำ คูม่ ือการเล้ยี งปลากินพืชต้นทุนต�่ำ ซง่ึ จะช่วย แก้ไขปัญหาด้านต้นทุนการผลิตของเกษตรกรรวมลดความเส่ียงต่อการขาดทุน เพื่อเปน็ แนวทางสำ� หรบั การเลยี้ งปลากินพชื ตน้ ทุนตำ�่ คู่มือ การเลย้ี งปลากนิ พชื คตมู่ ้นอื ทกนุ าตรใ�ำ่ ช ป้ ระโยชนป์ าลม์ สาคู 13

2. พนั ธุป์ ลากนิ พชื “ปลากินพืช” (herbivorous fish) หรือเรียกว่า พวกวีด-ฟีดเดอร์ (weed-feeder) เป็นปลาทบี่ รโิ ภคร�ำ ปลายข้าว แหนเป็ด เศษผกั หญ้า และ เศษอาหารในครวั เรอื น เพราะปลาชนดิ นี้มฟี ันซ่ีเล็กๆ ละเอยี ด ล�ำไสท้ ีย่ าว และ มีกระเพาะทเี่ ลก็ หรอื อาจไม่มีกระเพาะอาหารเลยก็ได้ เพราะอาหารสว่ นใหญ่ ที่กินเป็นพวกพืช ซึ่งผนังเซลล์ที่แข็งแรงและย่อยได้ยาก จึงต้องพัฒนาระบบ ย่อยอาหารโดยเฉพาะล�ำไสท้ ่ยี าวขึน้ เพ่ือทจ่ี ะใหอ้ าหารอยูใ่ นทางเดนิ อาหารได้ นานขึ้น มีการย่อยและดูดซึมได้ดีข้ึน และเป็นปลาที่เล้ียงง่าย โตเร็ว หาพันธุ ์ ไดง้ า่ ย มีลูกดก อดทน เน้ือมรี สดีและมีผ้นู ยิ มบรโิ ภค ซึ่งปลากนิ พชื ท่นี ิยมเล้ยี ง มีอย่หู ลายชนิด อาทิเชน่ 2.1 ปลานลิ เปน็ ปลานำ�้ จืดชนดิ หนงึ่ อยู่ในตระกูล Cichlidae มีถ่นิ กำ� เนิดเดมิ อย่ใู น ทวีปแอฟริกา พบทัว่ ไปตามหนอง บึง และ ทะเลสาบ ในประเทศซดู าน ยกู นั ดา แทนแกนยกี า โดยทปี่ ลาชนิดน้ีเจริญเติบโตเรว็ และเล้ียงง่าย เหมาะสม ที่จะน�ำมาเพาะเล้ียงในบ่อได้เป็นอย่างดีจึงได้รับความนิยม และเล้ียงกันอย่าง แพรห่ ลายในภาคพนื้ เอเซยี แมแ้ ตใ่ นสหรฐั อเมรกิ ากน็ ยิ มเลย้ี งปลาชนดิ น้ี รปู รา่ ง ลักษณะของปลานิลคล้ายกับปลาหมอเทศ แต่ปลานิลมีลักษณะพิเศษ คือ มรี มิ ฝปี ากบนและลา่ งเสมอกนั ทบี่ รเิ วณแกม้ มเี กลด็ 4 แถว ตามลำ� ตวั มลี ายพาด ขวางจ�ำนวน 9-10 แถบ ส่วนลักษณะอื่นๆ คือ มีครีบหลังครีบเพียง 1 ครีบ ประกอบด้วยก้านครบี แขง็ และกา้ นครบี อ่อนเป็นจ�ำนวนมาก ครบี ก้นประกอบ ด้วยกา้ นครบี แขง็ และอ่อน เช่นกัน มีเกล็ดตามแนวเสน้ ขา้ งตัว 33 เกลด็ ลำ� ตัว มีสีเขียวปนน�้ำตาล ตรงกลางเกล็ดมีสีเข้ม ท่ีกระดูกแก้มมีจุดสีเข้มอยู่จุดหนึ่ง บริเวณส่วนอ่อนของครีบหลัง ครีบก้นและครีบหาง นั้นจะมีจุดสีขาวและสีด�ำ ตดั ขวางแลดูคลา้ ยลายข้าวตอกอย่โู ดยทัว่ ไป 24 คู่มอื การใช้ประโยชนค์ปมู่าอืลม์ กสาารคเลู ี้ยงปลากนิ พชื ตน้ ทนุ ต่ำ�

ในประเทศไทยพบปลานิลสีเหลืองขาว-ส้ม ซึ่งเป็นการกลายพันธุ์ จากปลานิลสีปกติหรือเป็นการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างปลานิลกับปลาหมอเทศ ซ่ึงนอกจากสีภายนอกท่ีแตกต่างจากปลานิลธรรมดาแล้วภายในตัวปลาที่ผนัง ช่องท้องยงั เปน็ สขี าวเงินคล้ายผนังชอ่ งท้องของปลากินเนื้อ และสีของเนื้อปลา เป็นสีขาวชมพูคล้ายปลากะพงแดงซึ่งเป็นท่ีนิยมรับประทานในต่างประเทศ มีชอื่ เรยี กเป็นทีร่ จู้ ักกันว่า “ปลานลิ แดง” 2.2 ปลาตะเพียนขาว เป็นปลาพื้นเมืองของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ นับเป็นปลาน้�ำจืดที่คน ไทยรจู้ กั ดี และอยใู่ นวถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยมู่ าแตโ่ บราณ เชน่ ปลาตะเพยี นใบลาน มกี ารเลยี้ งปลาชนดิ นใ้ี นประเทศมานานกวา่ 30 ปี และถกู นำ� พนั ธไ์ุ ปเลยี้ งยงั ตา่ ง ประเทศ เช่น มาเลเซีย, บอร์เนียว, อินโดนีเซีย ปลาตะเพียนขาวมีขนาดโดย เฉล่ยี 36 เซนตเิ มตร พบชกุ ชมุ ในทุกแหลง่ น�ำ้ ทกุ ภาคของไทย มีนสิ ัยอยกู่ นั เปน็ ฝงู และพบไดม้ ากในพ้นื ทท่ี ม่ี ีนำ�้ ไหล เปน็ ปลากนิ พชื , แมลง และสตั วห์ นา้ ดนิ มกี ารผสมพนั ธแ์ุ ละวางไขใ่ นชว่ งฤดฝู น ตวั เมยี เมอื่ ถงึ สภาพสมบรู ณ์ ลำ� ตัวจะอวบอว้ นและใหญ่กว่าตัวผูถ้ งึ 2–3 เทา่ ตวั ผู้บริเวณขา้ งแก้มจะมีตุม่ คล้าย สิวอันเป็นเอกลักษณ์ของปลาในวงศ์ปลาตะเพียน ตัวเมียใช้เวลาอุ้มท้องจน กระท่งั วางไขป่ ระมาณ 1 เดือน ปจั จบุ ันมีการเพาะพนั ธ์ุปลาเพือ่ นำ� ไปปลอ่ ยใน แหล่งน�ำ้ ต่างๆ น�ำมาทำ� เปน็ อาหาร เชน่ ปลาตะเพียนตม้ เค็มหรอื ปลาสม้ นับวา่ เป็นต�ำรับท่มี ชี อ่ื มากของปลาชนดิ น้ี คูม่ อื การเลยี้ งปลากินพชื คตมู่ น้ อื ทกนุ าตรใำ�่ ช ้ประโยชน์ปาลม์ สาคู 35

2.3 ปลาจีน เปน็ ชือ่ ท่ใี ช้เรยี ก กลมุ่ ปลาทีม่ ตี ้นก�ำเนดิ มาจากลุ่มแมน่ ้�ำแยงซีเกยี ง ประเทศจีน สามารถ เจริญเตบิ โตไดด้ ใี นประเทศไทย มีอย่ดู ้วยกนั 5 ชนิด คอื ปลาไน ปลาเฉา ปลาลิ่น ปลาซง่ และปลาเฉาดำ� แตม่ เี พยี ง 3 ชนดิ ทน่ี ยิ มเลย้ี งรวมกนั คอื ปลาเฉา ปลาลน่ิ และปลาซง่ ทง้ั 3 ชนดิ เป็นปลาที่มีรูปร่างและลักษณะคล้ายกัน แต่มีจุดที่แตกต่างกันสังเกตได้ง่ายๆ คอื ปลาเฉา เปน็ ปลาทมี่ เี กลด็ ใหญ่ ลำ� ตวั กลมยาวคลา้ ยกระบอกไมไ้ ผ่ สตี ามลำ� ตวั คอ่ นขา้ งเขยี ว ทสี่ ำ� คญั คอื ชอบหากนิ อยตู่ ามผวิ นำ�้ หรอื วา่ ยนำ�้ อยตู่ ามผวิ หนา้ นำ�้ ส่วนปลาล่ินและปลาซ่งนัน้ มีเกลด็ ละเอยี ด ปลาลิน่ ตวั แบนขา้ ง สเี งนิ ทอ้ งเปน็ สัน ท่ีบริเวณต้ังแต่กระพุ้งแก้มเร่ือยไปจนถึงครีบก้น หากินอยู่ตามบริเวณกลางน้�ำ ในระดับ 1-1.5 เมตร ส่วนปลาซ่งน้ัน หัวค่อนข้างใหญ่ หลังสีด�ำ ตัวสีคล้�ำ ทอ้ งเปน็ สนั ตงั้ แตค่ รบี ทอ้ งถงึ ครบี กน้ หากนิ ตามพนื้ ดนิ กน้ บอ่ ปลาจนี ทงั้ สามชนดิ อยใู่ นตระกูลเดยี วกัน คือ Cyprinidae 2.4 ปลากระโห้ เปน็ ปลานำ�้ จดื ชนดิ มีเกล็ดทมี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ุดในโลก ชนดิ หนงึ่ เป็นปลาน้ำ� จดื จำ� พวกปลาตะเพยี น ที่มีขนาดใหญ่ ที่สดุ ในโลก ลำ� ตวั คอ่ นขา้ งปอ้ มแบนขา้ ง พนื้ ลำ� ตัวสเี ทา แซมชมพู สนั หลงั เป็นสีน�้ำตาลอมด�ำ ดา้ นขา้ งและสว่ นทอ้ ง มสี จี างกวา่ ลกั ษณะเดน่ ของปลาชนดิ นค้ี อื มหี วั ยาวและใหญ่ ผิดปกติ หวั มีผวิ เรยี บมนั ไม่มเี กลด็ คลุม ความยาวของหัว ประมาณ 1 ใน 3 ของล�ำตวั ตาโตและยนื่ โปน ริมฝปี ากล่าง หนาและย่ืนออกมาพ้นริมฝีปากด้านบน ปากกว้างขากรรไกรยาวถึงบริเวณตา มีฟันที่คอหอยเป็นแถวอยู่ข้างละแถว ไม่มีหนวด เกล็ดมีขนาดใหญ่ขอบเรียบ ครีบหลงั สงู และอยู่ตรงกบั ครีบทอ้ ง ครีบกน้ คอ่ นขา้ งยาว ครบี หางเป็นแถบเว้า ลึก ครีบทกุ อนั มสี แี ดงปนสม้ ปลาตัวผู้มีลำ� ตวั เลก็ และเรียว ส่วนท้องแบบเรียบ สดี �ำคล�้ำกวา่ ตัวเมยี มนี ิสยั รกั สงบ ตื่นตกใจงา่ ย ชอบอย่รู วมเป็นฝงู ในแหล่งนำ�้ ลึก แข็งแรงและอดทน อาศัยอยู่ใกล้แม่น�้ำล�ำคลองหรือพ้ืนท่ีท่ีน�้ำชลประทาน เขา้ ถงึ รวมถงึ พืน้ ท่นี าต่างๆ ทมี่ บี อ่ กักเก็บนำ�้ ตามฤดูกาล ซึง่ สามารถสร้างรายได้ อย่างมากต่อปี 46 คูม่ ือการใช้ประโยชนค์ป่มูาือล์มกสาารคเลู ี้ยงปลากนิ พชื ต้นทุนตำ่�

3. รูปแบบการเล้ียงปลากินพืช การเล้ียงปลากินพืชไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามจุดหมายหลักก็คือ ตอ้ งการใหป้ ลาทเ่ี ลย้ี งโตเรว็ เลย้ี งงา่ ย ไมม่ โี รค และประการสดุ ทา้ ยกค็ อื ตอ้ งการ ใหผ้ ลตอบแทนหรอื กำ� ไรสงู สดุ นน่ั เอง ทงั้ นกี้ ารเลยี้ งปลากนิ พชื ในปจั จบุ นั ทเ่ี ปน็ ที่นิยมเลี้ยงกันโดยท่ัวไป ได้แก่ การเล้ียงในบ่อ การล้ียงในกระชัง การเล้ียง ในนาข้าว ซึง่ มรี ายละเอียดดงั นี้ 3.1 การเล้ยี งปลาในบอ่ บ่อเลีย้ งปลา หมายถึง ภาชนะที่ใชใ้ นการเลีย้ งปลา สามารถ กกั เกบ็ น�ำ้ ได้ ภาชนะอาจท�ำดว้ ย แก้ว กระเบ้อื ง ดิน ซีเมนต์ ไฟเบอร์ หรืออ่นื ๆ ทเ่ี หมาะสม บ่อเลยี้ งปลาตอ้ งสามารถกกั เก็บนำ้� ไดต้ ลอดระยะเวลาในการเลีย้ ง และมรี ะบบการถา่ ยเทน�ำ้ ไดด้ ี โดยน้�ำท่ใี ช้ในการเล้ียงปลาสว่ นใหญเ่ ป็นนำ�้ ทีไ่ ด้ จากธรรมชาติ เช่น ลำ� คลอง แม่นำ�้ หนอง บงึ หรือจากบาดาล โดยทัว่ ไปรูปรา่ ง ของบ่อนิยมท�ำแบบส่ีเหลี่ยมผืนผ้า หรือวงกลม ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค ์ ของการใช้งานเป็นหลัก โดยในปัจจุบัน บ่อเลี้ยงมีอยู่ 3 ประเภท คือ บ่อดิน บอ่ ซเี มนต์ บ่อผา้ พลาสติก ซ่ึงมีรายละเอยี ด ดังน้ี 1) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน หมายถึง การเล้ียงปลาในบ่อดินที่ขุด ขึ้นตามพ้ืนท่ีว่าง โดยใช้ดินเป็นคันบ่อและพื้นก้นบ่อ การเลี้ยงปลาในบ่อดิน เป็นการเพาะเลย้ี งปลาตลอดฤดูกาล ปลาท่เี หมาะสมตอ่ การเลยี้ งในบอ่ ดนิ เช่น ปลานลิ ปลาตะเพียนขาว ปลาจีน เป็นตน้ มีขั้นตอนการดำ� เนนิ การเตรยี ม ดังนี้ คู่มอื การเลยี้ งปลากินพืชคตู่มน้ ือทกุนาตรใำ่� ช ้ประโยชน์ปาล์มสาคู 57

(1) การเตรียมบ่อดินควรมีความลกึ อยา่ งน้อย 1 เมตร กรณี ทีเ่ ปน็ บอ่ เก่าควรสบู น้�ำออกจากบอ่ เพื่อก�ำจดั วัชพชื และก�ำจดั ศัตรูปลา สูบน�้ำออกจากบอ่ (2) โรยปูนขาวใหท้ ่ัวบอ่ ในอัตรา 1 กิโลกรัมตอ่ 30 ตาราง เมตร (ประมาณ 60 กโิ ลกรัม/ไร่) เพอ่ื ปรบั สภาพดินในบอ่ (ตารางที่ 1) (3) ตากบอ่ เป็นเวลา 1 สปั ดาห์ (การตากบอ่ ควรตากจนเกิด รอยแตกร้าวของดนิ ) (4) สบู น้�ำเข้าบอ่ ประมาณ 30-50 เซนตเิ มตร แล้วใส่ปยุ๋ คอก ในอตั รา 200- 250 กโิ ลกรมั /ไร่ ทง้ิ ไวป้ ระมาณ 5-7 วนั เพอื่ เปน็ การสรา้ งอาหาร ธรรมชาติและช่วยประหยดั ต้นทนุ คา่ อาหารปลา (5) เมอ่ื นำ�้ ในบอ่ เรม่ิ เขยี วใหส้ บู นำ�้ เขา้ ในบอ่ จนมรี ะดบั 1-1.5 เมตร ทิ้งไว้ 3-5 วนั แลว้ จึงนำ� ปลามาปล่อย (6) อตั ราการปลอ่ ยลกู ปลาทเี่ หมาะสมในบอ่ ดนิ คอื 2-3 ตวั / ตารางเมตร กอ่ นปลอ่ ยปลาควรแชถ่ งุ บรรจปุ ลาทง้ิ ไวป้ ระมาณ 10-15 นาที เพอ่ื ให้ปลาปรบั สภาพกบั น�ำ้ ในบอ่ แล้วค่อยๆ ปลอ่ ยให้ปลาว่ายออกไปอยา่ งช้าๆ ก�ำจัดวชั พชื โรยปูนขาว แชถ่ ุงปลากอ่ นปล่อย 68 คมู่ อื การใช้ประโยชนคป์ มู่าอืลม์ กสาารคเลู ย้ี งปลากนิ พืชต้นทนุ ต�่ำ

ตารางที่ 1 การใช้ปนู เพือ่ ปรบั pH ของดินใหเ้ หมาะสมในการเล้ียงปลา p H ดนิ ความตอ้ งการปูนขาวของดิน (กก./ไร่) ดนิ เหนียว ดินเหนียวปนทราย ดนิ ทราย น้อยกวา่ 4.0 640 300 200 4.0-4.5 480 200 200 4.5-5.0 400 200 200 5.0-5.5 240 160 160 5.5-6.0 160 80 40 6.0-6.5 80 - - 2) การเล้ียงปลาในบอ่ ซเี มนต์ สามารถเลยี้ งไดท้ ุกท่ี ใชเ้ วลาเล้ยี ง ในระยะสั้น รุ่นละประมาณ 90-120 วนั สามารถเลย้ี งเชิงพาณิชย์ได้โดยการใช้ พันธุ์ปลาที่อดทนต่อสภาพน้�ำได้ดี เล้ียงและดูแลรักษาได้สะดวก ส�ำหรับ เกษตรกรทส่ี นใจในเรื่องนี้ ขอ้ สำ� คัญเบ้อื งต้นทตี่ ้องพจิ ารณา มีดังน้ี คู่มือ การเล้ียงปลากนิ พืชคตมู่ ้นอื ทกุนาตรใ�่ำช ้ประโยชน์ปาล์มสาคู 97

(1) เลอื กสถานที่สรา้ งบ่อ ซงึ่ ควรอยู่ใกล้บา้ นหรอื ทีส่ ามารถ ดแู ลไดส้ ะดวก อยู่ในร่มมีหลงั คา เพราะปลาจะไมช่ อบแสงแดดจดั และปอ้ งกนั เศษใบไมล้ งสู่บอ่ จะทำ� ใหน้ ้�ำเสียได้ (2) มีแหลง่ น้�ำส�ำหรบั ใชเ้ ปลีย่ นถ่ายนำ้� ในบ่อไดส้ ะดวก และ การเลี้ยงในพื้นที่บริเวณบ้านท่ีมีพ้ืนท่ีพอ มีระบบระบายน้�ำที่ดี หรือถ้าม ี แปลงเกษตร สามารถนำ� น้�ำไปรดใหแ้ ก่ตน้ ไมไ้ ด้กย็ ิง่ ดี จะไดห้ มุนเวยี นการใช้น�ำ้ ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด (3) ท�ำการก�ำจัดด่างในบ่อปูน โดยให้น�ำโคนกล้วยมาสับ ให้เป็นช้ินเล็กๆ น�ำมูลวัวมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วน�ำใส่ไปในบ่อใส่น้�ำ ให้เต็ม แล้วหมกั ไว้ 5 วัน จากน้ันใหเ้ ปดิ น้ำ� ทงิ้ แล้วเอาโคนกล้วยออกทงิ้ (4) นำ� น้ำ� สะอาดใสไ่ ปในบอ่ แลว้ แชท่ ง้ิ ไว้ 1 วนั หลงั จากนนั้ ก็ให้เปิดน�้ำทิ้ง แล้วน�ำผักบุ้งมาถูให้ท่ัวบ่อ แล้วตากบ่อท้ิงไว้ให้แห้ง 1 วัน เพอื่ เป็นการปรบั สภาพภายในบ่อเล้ียง (5) ควรใสน่ ำ�้ ใหม้ คี วามสงู 10-15 เซนตเิ มตร แลว้ เตมิ นำ้� หมกั 1 ชอ้ นโตะ๊ หรือใสเ่ กลอื แกงประมาณ 2-3 ช้อนแกง กอ่ นปลอ่ ยปลา (6) ปลาที่น�ำมาปล่อยควรมีความยาวประมาณ 5-7 เซนตเิ มตร โดยอตั ราการปลอ่ ยลงเลย้ี งคำ� นวณจากเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของบอ่ ท่ี 1 เมตร ลึก 40 เซนติเมตร ใชล้ กู ปลาประมาณ 80-100 ตวั ระดับนำ�้ ที่ปล่อยปลา คร้ังแรก 10-15 เซนติเมตร ควรปล่อยในตอนเช้า โดยน�ำถุงปลาท่ีจะปล่อย ลงเล้ียงแช่ในบ่อประมาณ 30 นาที เพื่อให้อุณหภูมิน�้ำในถุงปลาและน้�ำในบ่อ ไมแ่ ตกต่างกนั ปอ้ งกนั ปลาตาย (7) จดั วสั ดสุ ำ� หรับใหป้ ลาหลบซอ่ นภายในบ่อ เช่น ทอ่ พวี ซี ี ตัดเปน็ ท่อนหรอื กระบอกไม้ไผ่ เพราะปลาตัวใหญจ่ ะกวนปลาตวั เลก็ (8) ควรมีการคดั ขนาดปลา เมอื่ มอี ายปุ ระมาณ 15-20 วนั โดยแยกบอ่ ใหช้ ดั เจนระหวา่ งตวั เลก็ กบั ตวั ใหญ่ เมอ่ื เลยี้ งปลาในบอ่ ซเี มนตไ์ ปได้ 10-15 วนั เพิม่ ระดบั นำ้� แตไ่ ม่เกนิ 40 เซนตเิ มตร ถ่ายเทน้ำ� ทุก 5-7 วนั แตล่ ะคร้งั ไม่ควรถา่ ยน�ำ้ จนหมด ควรเทถ่ายนำ�้ ประมาณ 1 ส่วน 3 ของน้ำ� ในบ่อ ขณะถ่ายเทน้ำ� ไม่ควรรบกวนให้ปลาตกใจเพราะปลาจะไม่กินอาหาร 2-3 วัน ไม่ปล่อยปลา หนาแน่นเกนิ ไป และไม่ใหอ้ าหารมากจนเกนิ ไป พรอ้ มทั้งรกั ษาคณุ ภาพนำ�้ 180 ค่มู ือการใช้ประโยชนค์ปมู่าอืลม์ กสาารคเลู ี้ยงปลากินพชื ต้นทนุ ตำ่�

(8) ควรมีการคดั ขนาดปลา เม่ือมีอายุประมาณ 15-20 วัน โดย ตัว แยกบ่อให้ชดั เจนระหว่างตัวเล็กกับตัวใหญ่ เมื่อเลี้ยงปลาในบ่อซีเมนต์ไปได้ 10- ปลา 15 วนั เพมิ่ ระดบั น้า่ แตไ่ ม่เกนิ 40 เซนตเิ มตร ถ่ายเทน่้าทุก 5-7 วัน แต่ละครั้งไม่ ให้ต ปลา ผ ้า พ 3ล) ากสาตรเิกลเย้ี พงื่อปกลักาขในังนบ�้ำ่อไผม้า่ในหคพหว้่นารไลา้รมถแา่่า่ัควนยสวซ่นนรตเึมร่้ากบจกิินสนกไูป่ดหหวนมินแมใดลหบาะค้ปยไ่อวลมถรา่ใลเหตึงทัก้อกถากใษ่าจหยาเาณพนรร่้ารมเะปาาละนกรย้ีปะจี้จมนลงาาะเปกณจมนิละไไ1ีขาปมใสน่กพน่วินารนอบอ้ดา3ม่อหเทลขาทง้ั อร็รกป่ีงกั2นษรู-้่าแ3าอใคนลวณุงันบะดภ่อตไา้วมขพ้ืนย่ปณนล้่าะ่อถย่าปยลเทา 30% กตาารมเขลอ้ ้ียจงำ� ดกังดั นขี้ องขนาดผา้ พลเบล่าอ้ียสผง้าตปพลกิ ลาทาในสใี่ 3ตชบ)ิก่อ้ กโทดาหี่ปรมยเูรลามอ้ียยงขีงถดปึงนั้้วลยกตาผาใอน้รานการเตรยี มบอ่ พลาสตกิ ใน รู ป แ พลาสติกเพ่ือกักขังน้่าไม่ให้ร่ัวซึม ประ สู่ดินบ่อลักษณะนี้จะมีขนาดเล็ก ทะเ และตื้น ตามข้อจ่ากัดของขนาด เ ลื อ ผ้าพลาสติกที่ใช้ โดยมีขั้นตอน ออก ก า ร เ ต รี ย ม บ่ อ พ ล า ส ติ ก ใ น ก า ร ให้ป เล้ยี ง ดงั น้ี เลีย้ ง (1) ขดุ ดนิ ขในหาดล้ กึ3.50X.65เมเมต(ร1ต)ปรขูพดุ คื้นดบวนิ ่อาใโหมด้ลยลกึ ตาอ้0ดง.5รชะเมวนั งัตไรม1่ใคห:ว้ข2าามดแลหาลรดอืว้ชมันใรีชอ1พ้ ย:รล2ว่ั าแสลต้วใกิช้พลาสติก มีหล ขนาด 3.5X6 เมตร ปพู ื้นบอ่ โดยต้องระวังไมใ่ หข้ าดหรือมีรอยร่ัว 4 (2) หลงั จากปูพลาสตกิ แลว้ จะเหลือ 0.5 ม. ม. 1.5 0.5 ม. ความลาดชนั ม.รูปแบบบ่อพลาสตกิ (2) หลงั จากปพู ลาสตกิ แลว้ จะเหลอื พน้ื ทบ่ี อ่ เลย้ี งขนาด กวา้ ง 1.5 เมตร ยาว 4 เมตร ลกึ 0.5 เมตร ใสน่ ำ้� ลงในบอ่ พลาสตกิ ใหม้ รี ะดบั สงู 10-20 เซนตเิ มตร (3) ปลอ่ ยลกู พนั ธป์ุ ลาขนาด 5-7 เซนตเิ มตร ในอตั รา 50-80 ตวั ตอ่ ตารางเมตร (ขนาดบ่อ 1.5X4.0 เมตร ปลอ่ ยได้ 300-480 ตวั ) เมอ่ื ลกู ปลา เติบโตข้ึนคอ่ ยๆ เพม่ิ ระดับนำ้� (5 เซนติเมตรตอ่ สัปดาห์) (4) ขอ้ ควรระวัง และการจัดการบ่อพลาสติก - ให้อาหารแตพ่ ออิม่ อย่าใหอ้ าหารจนเหลือและระวงั อยา่ ให้ตกค้างในบอ่ - ถา่ ยเทนำ�้ ทุก 4-7 วัน และขณะถ่ายน้�ำไม่ควรรบกวน ให้ปลาดกุ ตกใจ เพราะจะท�ำใหป้ ลาไม่กนิ อาหารหลายวัน ควรถ่ายน้�ำเก่าออก 20-30% ของน�้ำในบอ่ และน�ำนำ้� ที่พกั ไว้เติมลงให้ได้ระดบั เดมิ - หมัน่ ตรวจอาการของปลาอยา่ งสมำ่� เสมอ คมู่ อื การเล้ยี งปลากินพืชคตู่มน้ ือทกุนาตรใ�่ำช ป้ ระโยชน์ปาลม์ สาคู 191

3.2 การเลย้ี งปลาในกระชัง การเล้ียงปลาในกระชัง เปน็ รูปแบบหนึง่ ส�ำหรบั การเลยี้ งปลาทม่ี ี ภูมปิ ระเทศใกลแ้ หลง่ น้�ำไหล เชน่ แม่นำ้� ลำ� คลอง ทะเลสาบ ท้ังนก้ี ารเล้ยี งปลา ในกระชงั จะตอ้ งเลอื กแหลง่ นำ�้ ทม่ี คี ณุ ภาพนำ�้ ทดี่ ี และมอี อกซเิ จนเพยี งพอ เพราะ ในสภาพเชน่ นจี้ ะสง่ ผลใหป้ ลามกี ารเจรญิ เตบิ โตทดี่ สี ามารถปลอ่ ยไดใ้ นอตั ราทสี่ งู กว่าการปลอ่ ยปลาลงเลยี้ งในบอ่ และสามารถดูแลจดั การไดง้ ่ายกวา่ ในบอ่ ด้วย ปจั จบุ นั กระชงั เลย้ี งปลามกี ารพฒั นารปู แบบ และวสั ดทุ ใ่ี ชท้ ำ� กระชงั มีหลากหลายตามแต่วัตถุประสงค์ กระชังที่ใช้เล้ียงปลาสามารถแบ่งออกได้ 2 รปู แบบ คอื 1) กระชงั ประจำ� ที่ กระชงั แบบน้ี จ ะ มี ก า ร ผู ก ยึ ด ตั ว ก ร ะ ชั ง ติ ด กั บ เ ส า ท่ี ป ั ก ไว ้ กั บ พื้นดินใต้น้�ำ ตัวกระชังไม่สามารถลอยข้ึนลงตาม ระดับน�้ำได้เหมาะส�ำหรับแหล่งน�้ำท่ีระดับน�้ำลึกไม่ เกิน 2 เมตร นิยมใช้ส�ำหรับการเพาะและอนุบาล ลูกปลาในบอ่ 2) กระชังลอยน�้ำ กระชังแบบนี้ ตัวกระชังจะถูกแขวนอยู่บนแพ หรือทุ่นลอยน้�ำ เหมาะส�ำหรับแหล่งเลี้ยงปลาท่ีมีระดับความลึก มากกวา่ 2 เมตร กระชังแบบนท้ี �ำด้วยอวนไนล่อน เปน็ คอกสเี่ หลยี่ มคลา้ ยมงุ้ หงายทอ้ ง เชอื กครา่ วดา้ น บนจะมดั ตดิ กับแพหรือทนุ่ ลอยน�้ำ คร่าวล่างมวี สั ดุ ทมี่ นี ำ้� หนกั ถว่ งไว้ หรอื ทำ� โครงกระชงั ดว้ ยเหลก็ เสน้ ขนาด 6 หุน เพื่อให้กระชังคงรูปอยู่ได้และไม่ลู ่ ไปตามกระแสน�ำ้ วางหรือผูกติดบนแพหรือทนุ่ ลอย 1102 คู่มอื การใชป้ ระโยชนคป์ ่มูาอืลม์ กสาารคเลู ้ยี งปลากนิ พชื ต้นทนุ ต�่ำ

การเลี้ยงปลาในกระชงั จงึ ตอ้ งคำ� นึงถึงปจั จยั ทส่ี ำ� คัญตา่ งๆ ทีจ่ ะมี ผลต่อการเล้ียง ดงั นี้ 1) การเลอื กสถานท่ี คอื การเลอื กสถานทท่ี เี่ หมาะสม ซง่ึ ตอ้ ง หลีกเล่ียงแหล่งชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็ต้องไม่ไกลจากตลาดหรือ แหล่งรบั ซ้ือมากจนเกนิ ไป แหลง่ น�้ำมกี ารไหลของน้�ำที่คอ่ นข้างคงทไ่ี มแ่ รงหรือ ชา้ จนเกนิ ไป มคี วามลึกของลำ� นำ้� ทพ่ี อเหมาะเพ่อื ให้เกดิ การถา่ ยเทของตะกอน ของเสียจากกระชงั ปลาได้เป็นอยา่ งดี โดยกน้ กระชังควรมรี ะยะหา่ งจากพื้นน้�ำ อยา่ งนอ้ ย 1 เมตร อกี ทั้งสถานทตี่ อ้ งปราศจากการลักขโมย 2) ลักษณะของกระชังเลี้ยงปลาน้ันจะใชว้ สั ดุ เช่น ไมไ้ ผ่หรือ ทอ่ เหล็กในการสรา้ ง และมีถงั พลาสติกหรือถังเหล็กเปน็ ทนุ่ ลอยนำ้� เพื่อค�้ำจนุ โครงสรา้ งของกระชัง โดยขนาดของกระชงั นน้ั มีความหลากหลายไปตามความ ต้องการของผ้เู ลยี้ ง เชน่ กว้าง 3 เมตรยาว 3 เมตรลกึ 2.5 เมตรหรอื ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 5 เมตร ลกึ 2.5 เมตร เปน็ ตน้ โดยเกษตรกรจะเลอื กใชข้ นาดกระชงั แบบไหนน้ันข้ึนอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ลักษณะของสถานท่ีเล้ียงและ การจดั เรยี งกระชงั การจดั วางเนอ้ื อวนกระชงั จะมที งั้ สว่ นทอ่ี ยบู่ นนำ�้ และมสี ว่ น ที่อยู่ใต้น้�ำ โดยส่วนท่ีอยู่บนน�้ำนั้นจะเป็นส่วนที่ยึดติดกับโครงสร้างเหล็กและมี การใช้มุ้งเขียว (ในความเห็นของผู้เขียนน่าจะเรียกว่ามุ้งฟ้ามากกว่าเน่ืองจาก มีสีฟ้า) ก้ันโดยรอบผนังกระชังด้านบนมีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เพือ่ ป้องกันอาหารไมใ่ ห้หลุดลอดออกนอกกระชัง 3) ควรมีการใช้ตาข่ายปิดด้านบนของกระชังไว้ในกรณีที่มี ปลาเลก็ เพอื่ ปอ้ งกนั นกเขา้ มากนิ ปลาในกระชงั การจดั เรยี งกระชงั ควรจะจดั เรยี ง ให้มีช่องว่างระหว่างแต่ละกระชังให้พอเหมาะเพ่ือให้เกิดทางไหลของน้�ำท�ำให้ การแลกเปล่ียนน�้ำแต่ละกระชังและการถ่ายเทของของเสียเป็นไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพหากมีการวางกระชังหลายชั้น ควรจะมีการวางเครื่องตีน้�ำ หรือ การใหอ้ ากาศในกระชงั เพอื่ ชว่ ยใหน้ ำ�้ รกั ษาระดบั ของออกซเิ จนละลายใหเ้ พยี งพอ ต่อความตอ้ งการของปลา 4) อัตราการปล่อยลกู ปลาท่เี หมาะสมตอ่ การเลีย้ งในกระชัง นัน้ ควรมีขนาดประมาณ 30-40 กรมั มคี วามยาวประมาณ 12 เซนตเิ มตรมอี ายุ ประมาณ 2 เดอื น สาเหตทุ ี่น�ำลูกปลาขนาดดงั กลา่ วมาเล้ียงในกระชงั เน่ืองจาก ลกู ปลาขนาดดงั กลา่ วมขี นาดทใ่ี หญ่กวา่ ขนาดตาอวนของกระชังอีกท้งั สามารถ ทนตอ่ สภาพแวดล้อมได้ดกี วา่ ลูกปลาขนาดเลก็ คู่มือ การเลี้ยงปลากนิ พชื คตมู่ ้นอื ทกนุ าตรใ่ำ� ช ้ประโยชน์ปาลม์ สาคู 113

3.3 การเล้ียงปลาในนาข้าว การเลย้ี งปลาในนาขา้ วเปน็ วธิ กี ารทดี่ อี ยา่ งหนง่ึ ในการใชป้ ระโยชน์ จากแหลง่ นำ้� ทมี่ อี ยเู่ พอ่ื ผลติ อาหารโปรตนี เพม่ิ ขนึ้ ตามปกตนิ าขา้ วจะมรี ะดบั นำ้� ลกึ 5–25 เซนติเมตร และดินพ้ืนท้องนาค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ท�ำให้มีแพลงก์ตอน พืชและแพลงก์ตอนสัตว์ในปริมาณสูงทรัพยากรดังกปลร่าะโวยเชปน็นจ์ าอกาแหาล่งรนอ่า้ ยท่าีมงอี ดยูเ่ี พอ่ื ผลติ อาหารโปร สตกำ�ับ้อหงกมราบัีทรปปี่สลล่วนูากลขขึก้าา้ ววใหเปก้ปน็่อลพนาไอชื ดหื่น้หลคลกัวบรในอจกะาศวาราัยทงเมทำ� ่ือน่อรทาะาฉดงะับรนะนน้ั บ้�ำกาลายดรนตเล�้ำ่�ำไ ย้ีใแอรวหะกพยง้อ้เดป่าลาขยงับงรา้ลดก่ากนเาสีล์งตับ้่าจ่าสอี้ยลกหงึ นึมกางรตรปพับบอ้ป5ืชปลูร–ลงแลาณ2ปูกลาใ5ขระน์ ขา้ บัเแแวนซ้าพใวลนากหเละตปขอ่ งเ้ ิจเนน็ข้ากมะอพวา้์ตตืน่ชือรคหนแวลสรลักัตจะใวะนด์ใวนกินาาปพงรรทื้นทิม่อท่าาทน้อณางาสง จะกระทำ� ไดเ้ ฉพาะในทอ้ งทที่ ม่ี นี ำ้� อดุ มสมบรู ณ์ มชี ลปรจะทตอ้ างนมมที นีส่ ว่ำ้� นตลลกึ อใหด้ปปลีาหไดรห้อื ลบอาศยั เม่อื ระดับน เอปยน็ า่ องนาหอ้ ายรไ3ด–้ ก6ารเดเตอื รนยี มซแ่งึ ปพลองเนพาียเงพสอ่ื ำ� ใหชรเ้ ลบั ยี้ กงาปรลเจารในิญผเนืตอจอิบนะยาโาหก่าตไงราปขนระดออ้ไทดว้ยง่า้ยปไก3ดนลา–้เร6นฉ้ัาเพตเคดพารวือะียอรนใมนทเแตซท่ีจป่งึร้อะลพยีงใงอทมชนเ่ีทพ้า่ีมเยี พีนงื่อส่้าใา่อชหุด้เรลมับ้ียสกงมาปบรลูรเจาณใรน ให้เสร็จก่อนระยะเตรยี มดนิ และไถคราด โดยปฏิบัติตาเมสรขจ็ ัน้ กต่อนอรนะยดะังเตนร้ี ียมดินและไถคราด โดยปฏบิ ตั (1) (1) การเสรมิ คนั นาแปลง รางส่งน้�ำ ลุ่มและสามาร นาที่เป็นที่ลุ่มและสามารถเก็บกักน้�ำไดลึก บอ่ รวมปลา ตลอดฤดูท่าน 50 เซนติเมตร ตลอดฤดูท�ำนา ควรเสริม แปลงนา คันนา ระดับพน้ื นาเด คั น น า ใ ห ้ สู ง ขึ้ น จ า ก ร ะ ดั บ พ้ื น น า เ ดิ ม ประมาณ 80 เซนตเิ มตร และมีความม่นั คง คใู นนา มีความมั่นคง แข็งแรงเพียงพอ เพื่อป้องกันน้�ำท่วมและ ท่วมและการ การพังทลายของคันนา แปลงนาที่มีบ่อ บ่อล่อปลาอย นาใหแ้ ข็งแรง 30 เซนติเมต ลอ่ ปลาอยแู่ ลว กใ็ หด้ ดั แปลงโดยเสรมิ คนั นา รูปรแูปบแบบบกกาารรเเลลี้ยย้ี งใงนในนานขา้าวข้าว ขนาดประมาณ 10 เท ให้แข็งแรงสามารถเก็บกักน้�ำไดลึกอย่างต่�ำ (2) ก 30 เซนติเมตร โดยให้พ้ืนที่ของแปลงนา ปลาบริเวณทีล่ ึกที่สดุ ของแปลงนา เพื่อให้ปลามา แปลงนาข้าว โดยมีพ้นื ท่ีประมาณ 16-40 ตาราง มขี นาดประมาณ 10 เทา ของพน้ื ทบี่ อ่ ลอ ปลา และลกึ กวารองนาประมาณ 50 เซนติเมตร บอร 1124 คมู่ ือการใช้ประโยชนคป์ มู่าือล์มกสาารคเลู ี้ยงปลากินพืชต้นทนุ ต�่ำ

(2) การขุดบ่อรวมปลาควรขุดบ่อรวมปลาบริเวณที่ลึกท่ีสุด ของแปลงนา เพื่อใหป้ ลามารวมกันในขณะทลี่ ดระดับนำ�้ ในแปลงนาข้าว โดยมี พื้นทป่ี ระมาณ 16-40 ตารางเมตร แลว แตข่ นาดของแปลงนาและลึกกวารอง นาประมาณ 50 เซนตเิ มตร บอรวมปลาน้ียังใช้เปน บออนุบาลลูกปลาท่ีมขี นาด เล็กใหมีขนาดใหญ คือ มีความยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ซึ่งเหมาะ ที่จะปลอยเลี้ยงในแปลงนาไดดีโดยการอนุบาลลูกปลาไวลวงหนาประมาณ 1 เดือนกอนถงึ ฤดทู ำ� นา (3) การปล่อยพันธุปลา พันธุ์ปลาท่ีเหมาะสมต่อการเล้ียง ในนาข้าว ควรเป็นปลาทเี่ ลยี้ งงา่ ยโตเร็ว หาพันธ์งุ ่าย เลย้ี งแลว้ ไมท่ ำ� ลายตน้ ขา้ ว เชน่ ปลาใน ปลาตะเพยี นขาว ปลานลิ เปน็ ตน้ ขนาดและจำ� นวนปลาทจี่ ะปลอ่ ย ลงเลย้ี งในนาแปลงหนง่ึ ๆ นนั้ ควรใชป้ ลาขนาดความยาว 5-10 เซนตเิ มตร เพราะ เปน็ ปลาขนาดทเี่ ตบิ โตไดร วดเรว็ และพอทจ่ี ะเลย้ี งตวั หลบหลกี ศตั รไู ดด ี จาํ นวนปลา ท่ีจะปลอยลงเลี้ยงน้ัน ควรปล่อยในอัตราที่เหมาะสมตอเนื้อท่ีนา อยาใหมาก หรือ นอยเกินไป หากมากจนเกินไปปลาจะเจริญเติบโตช้า ในเน้ือท่ีนา 1 ไร ควรปล่อยปลาลงเล้ียงประมาณ 400-800 ตวั การเลี้ยงปลาในนาข้าวสามารถท่จี ะท�ำคขู่ นานไปกับการปลูกขา้ ว โดยควรมีการใส่ปุ๋ยคอกเพื่อเป็นอาหารปลาและข้าว จนเมื่อครบระยะเวลา การเก็บเกี่ยวข้าว (ประมาณ 4 เดอื น) จึงจะจับปลาไปพรอ้ มกัน โดยเม่อื ถงึ เวลา เกย่ี วขา้ วนำ้� ในนาลดลง ปลาจะไปรวมตวั กนั ในบอ่ รวมปลาทขี่ ดุ ไวท้ มี่ มุ ใดมมุ หนงึ่ ของแปลง ท�ำให้จบั ปลาไดง้ า่ ยข้ึน คูม่ อื การเล้ยี งปลากนิ พืชคตู่มน้ ือทกุนาตรใ่ำ� ช ้ประโยชน์ปาล์มสาคู 135

4. อาหารส�ำหรบั เลี้ยงปลากนิ พืช อาหารปลากินพืช ใช้ได้กับปลากินพืชทุกชนิด ส่วนผสมเหมือนกัน กบั สตู รอาหารปลากนิ เนอ้ื แตใ่ ชป้ รมิ าณไมเ่ ทา่ กนั ในสว่ นของอาหารปลากนิ พชื มสี ดั สว่ นของพชื มากกวา่ โปรตนี อาหารปลากนิ เนอ้ื จะใชส้ ดั สว่ นของอาหารเสรมิ โปรตีนมากกว่า การเลี้ยงปลา น้ันเราต้องการให้ปลาอยู่สงบเงียบ หากปลา ถกู รบกวนหรือตกใจ ใชพ้ ลงั งานงานมากข้ึน นน้ั ยอ่ มหมายความว่าปลาตอ้ งใช้ อาหารในการเสรมิ สรา้ งรา่ งกายอาหารทใี่ ชเ้ ลย้ี งปลาจงึ มคี วามสำ� คญั เกษตรกร ผู้เล้ียงปลาจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัตถุดิบส�ำหรับผลิตอาหารปลา และขน้ั จอนการผลติ อาหารปลาเพอื่ ลดต้นทุนดังนี้ 4.1 วัตถดุ ิบอาหารส�ำหรับผลติ อาหารปลากนิ พชื วัตถดุ ิบอาหารปลากนิ พชื เปน็ แหลง่ ของสารอาหารต่างๆ ซ่งึ มคี วาม เข้มข้นของสารอาหารแตกต่างกันไป การท่ีจะให้ปลาได้รับสารอาหารทุกชนิด เพยี งพอดกี บั ความตอ้ งการ จงึ ตอ้ งนำ� เอาวตั ถดุ บิ อาหารหลายๆ ชนดิ มาผสมกนั ซง่ึ วตั ถดุ บิ แตล่ ะชนิดมรี ะดับโปรตนี แตกตา่ งกัน ดังนี้ 1) ปลาป่น เป็นแหล่งโปรตีนที่ส�ำคัญ ให้โปรตีนสูงและมีคุณภาพดี ท�ำมาจากปลาเป็ด เศษปลาเลก็ ปลานอ้ ย หรือหัวปลาท่เี หลือ จากโรงงาน ท�ำปลากระป๋อง ท�ำให้ปลาป่นท่ีผลิตได้มีคุณภาพ หลากหลาย ดังนั้นในการซ้ือขายปลาป่น จึงมีการ แบง่ เกรด ตามเปอรเ์ ซน็ ตโ์ ปรตนี ในปลาปน่ โดยปลาปน่ จะใหโ้ ปรตีนไมน่ ้อยกวา่ 60% 2) ร�ำข้าว มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย มกี รดอะมโิ นเมไธโอนนี สงู มวี ติ ามนิ บสี งู ปรมิ าณไขมนั สงู ไมค่ วรเก็บไว้นาน (เกิน 1 เดอื น) จะเหม็นหนื สัตวจ์ ะไมช่ อบกนิ โดยรำ� ข้าวสามารถให้โปรตีนอยู่ 12% 1146 คูม่ อื การใช้ประโยชนคป์ มู่าือล์มกสาารคเลู ย้ี งปลากินพชื ตน้ ทุนต่�ำ

3) ข้าวสวย เป็นวัตถุดิบท่ีมีคุณค่า ทางอาหาร ซ่ึงนอกจากจะเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต แลว้ ในขา้ วสวยยงั มโี ปรตนี เปน็ องคป์ ระกอบอยถู่ งึ 10% เป็นวัตถุดิบหนึ่งส�ำหรับผลิตอาหารแก่ปลากินพืช ได้เปน็ อย่างดี 4) กล้วยน�้ำว้า ในกล้วย 1 ผล สามารถให้พลังงานได้ร่วม 100 แคลอร่ี มีน�้ำตาล ธรรมชาติอยู่ 3 ชนิด ท้งั ซูโครส ฟรคุ โทส และกลูโครส รวมไปถึงเสน้ ใยและกากอาหาร อดุ มไปด้วย วติ ามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน แถมแร่ธาตุอย่าง แมกนเี ซยี มและโพแทสเซยี ม ทชี่ ว่ ยปอ้ งกนั โรคความดนั นอกจากนก้ี ลว้ ยนำ�้ วา้ ยงั มโี ปรตนี อยู่ 2% 5) หญ้าเนเปยี ร์ เป็นหญา้ ทม่ี ีโปรตนี สงู เย่ือใยต่�ำสูง ให้พลังงาน ไม่ท�ำให้มูลสัตว์เหม็น เปน็ ทน่ี า่ รำ� คาญตอ่ สขุ ภาพ เนอ่ื งจากหญา้ เนเปยี รม์ เี อม็ ไซส์ ที่สามารถบ�ำบัดกล่ินไดในระดับหน่ึง สายพันธุ์หญ้า เ น เ ป ี ย ร ์ ท่ี เ ก ษ ต ร ก ร ใช ้ ท� ำ อ า ห า ร สั ต ว ์ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ คื อ พนั ธ์ปุ ากชอ่ ง 1 โดยท่ีหญา้ เนเปยี ร์มโี ปรตีนอยู่ 10% คูม่ อื การเล้ยี งปลากนิ พืชคตมู่ น้ อื ทกุนาตรใำ�่ ช ป้ ระโยชนป์ าล์มสาคู 157

4.2 การทำ� อาหารปลากนิ พืชสูตรประหยัด การเล้ียงปลาในปัจจุบันเกษตรกรสามารถใช้อาหารส�ำเร็จรูป ที่จ�ำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด แต่การใช้อาหารส�ำเร็จรูปในท้องตลาดนั้น พบว่า ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต งานประมง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้ท�ำการศกึ ษาสตู รอาหารสำ� หรบั ปลากินพืช ท่ใี ชว้ ตั ถดุ บิ ในท้องถนิ่ นำ� มาเลี้ยง แทนการใช้อาหารส�ำเร็จรูป ซ่ึงช่วยให้เกษตรกรประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง ได้บางส่วน ดงั นี้ 1) สูตรกล้วยน�้ำว้า (1) วตั ถุดบิ ทใ่ี ช้ (1.1) กลว้ ยนำ้� วา้ 1 กโิ ลกรมั (1.2) รำ� ขา้ ว แบบละเอยี ด 2 กิโลกรมั (1.3) ปลาป่น 1 กโิ ลกรมั (อาจใช้อาหารส�ำเรจ็ รูป แทน กรณไี ม่สามารถหาปลาปน่ ได้) (1.4) นำ�้ เปล่า 1 ลิตร (1.5) นำ้� มนั พืช 50 มิลลติ ร (1.6) วติ ามนิ ซี 1 กรมั (อาจใช้วติ ามนิ รวมได้) (1.7) ยสี ต์ 5 กรมั (1 ช้อนชา) (2) ขน้ั ตอนการผสมอาหาร (2.1) นวดสว่ นผสมทุกอยา่ งจนเข้าดี (2.2) นำ� ส่วนผสมไปอัดเปน็ เสน้ ดว้ ยเคร่ืองบดเน้อื (2.3) ผง่ึ แดด 2-3 วนั หรอื จนแหง้ หากเครอ่ื งอดั อาหาร ไม่มใี บมีดตรงหนา้ แว่นให้ตากอาหารให้แหง้ จนสามารถหักเปน็ ทอ่ นสนั้ ๆ ได้ 1168 คมู่ ือการใชป้ ระโยชนคป์ ูม่าือลม์ กสาารคเลู ี้ยงปลากนิ พชื ตน้ ทุนต่�ำ

(3) ขอ้ แนะน�ำ (3.1) ควรใหป้ ลากนิ ให้หมดภายใน 10 วัน ต่อการ ท�ำอาหาร 1 คร้ัง เพอื่ ปอ้ งกนั การเกดิ เชื้อรา ในอาหาร (3.2) เศษอาหารท่เี หลอื จากการหกั อาหารให้เป็น ช้นิ เล็กๆ จะมลี ักษณะเป็นผง หรอื เศษอาหาร ปลาขนาดเล็กๆ สามารถเก็บรวบรวมไว้น�ำไป ผสมใหมใ่ นรอบหนา้ หรอื อาจนำ� ไปอนุบาล ลกู ปลาขนาดเล็กได้ 2) สูตรหญา้ เนเปียร์ (1) วตั ถุดบิ ท่ีใช้ (1.1) ปลาป่น 1 กิโลกรมั (1.2) รำ� ข้าว แบบละเอียด 2 กโิ ลกรัม (1.3) หญ้าเนเปยี ร์ (พนั ธ์ปุ ากชอ่ ง 1) 5 กโิ ลกรมั (1.4) กากผงชรู ส (อามิ) 5 ชอ้ นโต๊ะ (1.5) นำ้� เปลา่ 1 ลติ ร (2) ข้นั ตอนการผสมอาหาร (2.1) น�ำหญา้ เนเปียร์ (พนั ธุป์ ากชอ่ ง 1) มาบด ใหล้ ะเอยี ดดว้ ยเครอ่ื งบด (2.2) น�ำสว่ นผสมท้งั หมดมาคลกุ เคลา้ ให้เขา้ กนั ป้นั เปน็ ก้อนๆ โยนใหป้ ลากนิ ได้เลย (3) ข้อแนะนำ� (3.1) ถา้ ตอ้ งการเกบ็ ไวใ้ ช้แบบไม่ต้องท�ำบอ่ ยๆ หรือทกุ วนั ก็สามารถนำ� อาหารสูตรนต้ี ากแดด ใหแ้ หง้ แล้วอัดเมด็ เก็บไว้ใชไ้ ด้หลายเดือน (3.2) สำ� หรบั สตู รนจ้ี ะเรม่ิ ใหอ้ าหารแกป่ ลาทม่ี ี อายุ ประมาณ 1 เดอื นเศษ ชว่ งเวลาที่ใหค้ อื เชา้ หรอื เยน็ ก็ได้วันละ 1 ครงั้ คู่มือ การเลย้ี งปลากนิ พืชคตมู่ น้ ือทกุนาตรใ่�ำช ้ประโยชนป์ าลม์ สาคู 179

4.3. ตน้ ทุนการผลติ อาหารปลากินพืช เม่อื เปรยี บเทยี บระหวา่ งอาหารส�ำเร็จในทอ้ งตลาด กบั อาหารของ ปลากนิ พชื สตู รทผ่ี ลติ เอง พบวา่ ตน้ ทนุ อาหารสำ� เรจ็ รปู ในทอ้ งตลาด เทา่ กบั 25 บาท/กโิ ลกรัมหรอื 625 บาท/กระสอบ สว่ นต้นทุนอาหารทเ่ี กษตรกรผลติ เอง เทา่ กับ 19.5 บาท/กิโลกรมั หรอื 487.5 บาท/กระสอบ เมือ่ เปรียบเทยี บแลว้ การผลิตอาหารปลากินพืชใช้เองสามารถลดต้นลงได้ 5.5 บาท/กิโลกรัม หรือ 137.5 บาท/กระสอบ ดงั ตารางทีแ่ สดง ตารางที่ 2 เปรียบเทียบต้นทุนอาหารปลากนิ พืช ต้นทนุ อาหารปลาสำ� เรจ็ รปู อาหารทเี่ กษตรกรมผสมเอง ลดต้นทุนได้ 25 บาท/กโิ ลกรมั 19.5 บาท/กโิ ลกรัม 5.5 บาท/กิโลกรมั หรอื หรือ หรือ 625 บาท/กระสอบ 487.5 บาท/กระสอบ 137.5 บาท/กระสอบ 5. โรคสำ� คัญที่ควรระวังในการเล้ยี งปลากนิ พืช การเล้ียงปลากินพืชให้มีอัตราการเกิดและการรอดชีวิตมาก เป็นสิ่ง ส�ำคัญสิ่งหนึ่งที่จะส่งผลต่อการเล้ียงให้ได้ก�ำไร ปัจจัยส�ำคัญท่ีท�ำให้มีอัตราการ เกิดและอัตราการรอดชีวิตของปลากินพืชมากหรือน้อย นอกจากการคัดเลือก พันธุ์การเพาะฟัก การเล้ียงให้ดีแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการป้องกันโรคและการดูแล รักษา ถ้าหากปลาพันธเ์ุ ปน็ โรค ต้องสามารถวเิ คราะห์หาสาเหตุของโรคได้ รูจ้ ัก ชนิดของโรค และแนวทางในการรักษาโรคได้ โรคที่มักพบในปลากนิ พชื และวธิ ี การรกั ษาเบอ้ื งตน้ ดงั นี้ 1280 ค่มู อื การใช้ประโยชนค์ปู่มาอืลม์ กสาารคเลู ้ียงปลากนิ พชื ตน้ ทนุ ต�่ำ

ตารางท่ี 3 โรคสำ� คญั ท่คี วรระวงั ในการเล้ียงปลากนิ พืช โรค ลกั ษณะ การป้องกันและรักษา โรคจุดขาว (ICH) จดุ สขี าวขนุ่ ขนาดเทา่ หวั เขม็ ยังไมม่ วี ิธกี ำ� จดั ปรสิตทฝ่ี ังอยใู่ ต้ หมดุ เลก็ ๆ กระจายอยทู่ ว่ั ลำ� ตวั ผวิ หนงั ทไี่ ดผ้ ลเตม็ ที่ แตว่ ธิ กี ารทค่ี วร และครีบ สาเหตุของโรคน้ีคือ ทำ� คอื การทำ� ลายตวั ออ่ นในนำ้� หรอื โปรโตซัว ชนิดท่ีกินเซลล์ ทำ� ลายตวั แกข่ ณะวา่ ยนำ�้ โดยการใช้ ผวิ หนงั เปน็ อาหาร เมอื่ พยาธโิ ต สารเคมีดังน้ี เต็มท่ีจะออกจากตัวปลาแล้ว (1) ใช้สารฟอร์มาลิน จ�ำนวน จมลงสู่ก้นบ่อ และสร้างเกราะ 150-200 ซซี ี ต่อน�้ำ 1,000 ลติ ร แช่ หุ้มตวั ต่อจากนัน้ จะมีการแบ่ง ไว้นาน 1 ชม. (ส�ำหรับปลาขนาด เซลล์เป็นตัวอ่อนจ�ำนวนมาก ใหญ่) หรอื 25-50 ซซี ี ต่อน�ำ้ 1,000 เมื่อสภาวะแวดล้อมภายนอก ลิตร นาน 24 ชม. เหมาะสมเกราะหุ้มตัวจะแตก (2) ใช้มาลาไค้ท์กรีน จ�ำนวน ออก ตัวอ่อนของพยาธิจะว่าย 1.0-1.25 กรัม ตอ่ น้�ำ 1,000 ลติ ร นำ้� เขา้ เกาะตามผวิ หนงั ของปลา แช่ไว้นาน 1/2 ชม. (ส�ำหรับปลา ตอ่ ไป ซง่ึ พบโรคนก้ี บั ปลาหลาย ขนาดใหญ)่ หรือ 0.15 กรมั ต่อน้ำ� ชนดิ 1,000 ลิตร นาน 24 ชม. หรอื เมท ทลิ นี บลู 1-2 กรมั ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แช่ติดต่อกนั 7 วนั (3) ใชม้ าลาไค้ทก์ รีน และ ฟอร์มาลินในอัตราส่วน จ�ำนวน 0.15 กรมั และ 25 ซซี ี ตอ่ นำ�้ 1,000 ลิตร นาน 24 ชม. แช่ติดต่อกัน ประมาณ 7 วัน ควรเปลีย่ นน�้ำใหม่ ทุกวันและท�ำการแช่ยาวันเว้นวัน จนกระทง่ั ปลามีอาการดขี น้ึ วธิ ีนจี้ ะ ให้ผลดีมากโดยเฉพาะเมื่อน�้ำมี อณุ หภูมิ 28-30 องศาเซลเซยี ส คมู่ ือ การเลีย้ งปลากินพชื คตมู่ น้ ือทกุนาตรใ่ำ� ช ป้ ระโยชน์ปาล์มสาคู 2119

โรค ลักษณะ การป้องกนั และรกั ษา โรคโอโอดีเนียม ปลาที่เป็นโรคน้ีจะว่ายน้�ำ แชป่ ลาทเ่ี ปน็ โรคนดี้ ว้ ยฟอรม์ าลนิ โรคจากพยาธิเหบ็ ระฆัง ทุรนทุราย บางครั้งพบว่า จ�ำนวน 30-40 ซีซี ต่อน้�ำ 1,000 กระพุ้งแก้มเปิดอ้ามากกว่า ลติ ร นาน 24 ชม. แลว้ เปลยี่ นนำ้� ใหม่ ปกติอาจมีแผลตกเลือดหรือ ถ้าปลายังมีอาการไม่ดีขึ้นควร รอยด่างสีน�้ำตาลหรือเหลือง เปลี่ยนน�้ำแล้วให้ยาซ�้ำอีก ปลาที่ คล้ายสีสนิมตามลำ� ตวั ครบี ตก ปว่ ยจะมกี ารดขี นึ้ ภายใน 3-4 วนั ใน หรือลู่ลง ปลาจะทยอยตาย ระหว่างการใช้ยาถ้ามีปลาตายควร ตดิ ตอ่ กนั ทกุ วนั ถา้ ไมไ่ ดร้ บั การ ตักออกให้หมด หรือใช้เกลือเม็ด รักษาอย่างถูกต้องปลาจะตาย จำ� นวน 5-10 กโิ ลกรมั ตอ่ นำ้� 1,000 หมดบอ่ โรคนม้ี กั พบเกดิ มากใน ลติ ร แชน่ าน 24 ชม. ทงั้ นข้ี นึ้ กบั ชนดิ ลูกปลาขนาดเลก็ และขนาดของปลา ถา้ ปลาขนาดเลก็ ควรใชเ้ กลอื นอ้ ยกวา่ ปลาขนาดใหญ่ โรคน้ีจะท�ำให้ปลาเกิด การป้องกันจะดีกว่าการรักษา อาการระคายเคืองเนื่องจาก เพราะปรสิตชนิดน้ีแพร่ได้รวดเร็ว พยาธิ ซึ่งเป็นปรสิตเซลล์เดียว และท�ำให้ปลาตายได้ในระยะเวลา รูปร่างกลมๆ มีแผ่นขอหนาม อันสั้น การป้องกันท�ำได้โดยการ อยู่กลางเซลล์จะเข้าไปเกาะอยู่ ตรวจปลาก่อนท่ีจะน�ำมาเล้ียงว่ามี ตามลำ� ตวั และเหงอื ก และมกี าร ปรสิตนีต้ ิดมาด้วยหรอื ไม่ ระวังการ เคล่ือนที่ไปมาจากท่ีหน่ึงไปอีก ตดิ ตอ่ ระหวา่ งบอ่ ผา่ นทางอปุ กรณท์ ี่ ท่ีหนึ่งอยู่ตลอดเวลาท�ำให้ปลา ใช้ร่วมกัน ควรขังปลาไว้ประมาณ เกิดเป็นแผลขนาดเล็กตามผิว 2-3 วนั เมอ่ื ตรวจจนแนใ่ จวา่ ไมม่ โี รค ตวั และเหงอื ก มกั พบในลกู ปลา แล้วจึงค่อยปล่อยลงเล้ียง แต่ถ้ามี ถ้าพบเป็นจ�ำนวนมากก็ท�ำให้ ปรสิตเกิดขน้ึ ก�ำจดั ได้โดยการใช้ยา ปลาตายได้หมดบ่อหรือหมดตู้ หรือสารเคมี คอื ฟอรม์ าลิน จำ� นวน ชนิดของปลาท่ีพบว่าเป็นโรคนี้ 150-200 ซีซี ต่อน�้ำ 1,000 ลิตร แช่ มีหลายชนิดเช่น ปลาดุก ปลา ไว้นาน 1 ชม. หรอื จ�ำนวน 25-50 ซี ช่อน ปลากะพงขาว ปลาไน ซี ตอ่ น้�ำ 1,000 ลติ ร นาน 24 ชม. ปลาตะเพียน ปลาทรงเครื่อง ปลาสวาย เป็นต้น ควรรีบ ท�ำการรักษาโรคนี้ตั้งแต่ปลา เรมิ่ เปน็ โรคในระยะแรกๆ จะได้ ผลดีกว่าเมื่อปลาติดโรคแบบ เร้ือรงั แล้ว 2202 คมู่ ือการใชป้ ระโยชนค์ป่มูาือล์มกสาารคเลู ้ียงปลากนิ พืชต้นทุนตำ�่

โรค ลกั ษณะ การป้องกันและรักษา โรคตกเลือดตามซอกเกลด็ ปลาจะมีแผลเปดิ สีแดงเป็น (1) เกลอื เม็ด จำ� นวน 5-10 กโิ ลกรัม จ�้ำๆ ตามล�ำตัว โดยเฉพาะที่ ต่อนำ้� 1,000 ลิตร แช่นาน 48 ชม. ครีบและซอกเกล็ด มักพบใน (2) ฟอร์มาลนิ จำ� นวน 25-40 ซี ปลามีเกล็ดเป็นส่วนใหญ่ ถ้า ซี ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แชน่ าน 48 ชม. เป็นแผลเร้ือรังอาจมีอาการ หลังจากแช่ยาแล้ว ถ้าปลายังมี เกล็ดหลุดตามมาด้วยบริเวณ อาการไมด่ ขี น้ึ ควรเปลยี่ นนำ้� แลว้ พกั รอบๆ และด้านบนของแผนจะ ไว้ 1 วันก่อนจากนั้นใส่ยาซ้�ำได้อีก มีส่วนท่ีคล้ายส�ำลีสีน�้ำตาลปน 1-2 ครง้ั ถา้ รกั ษาถกู โรคปลาควรจะ เหลอื งติดอยู่ โรคนีเ้ กดิ จากเช้อื มีอาการดีข้ึนภายใน 2-3 วัน หลัง ปรสิตเซลล์เดียวท่ีอยู่รวมกัน จากการรกั ษา เปน็ กลมุ่ หรอื กระจกุ พบมากใน ปลาแฟนซคี ารฟ์ ปลาแรด และ ปลาชอ่ น ฯลฯ โรคพยาธิปลงิ ใส ปลาทม่ี ีพยาธิปลงิ ใสเกาะจะ (1) ฟอรม์ าลิน จำ� นวน 25-40 มี อ า ก า ร ว ่ า ย น�้ ำ ทุ ร น ทุ ร า ย ซีซี ต่อน้ำ� 1,000 ลติ ร แช่นาน 24 ลอยตัวตามผิวน้�ำ ผอม กระพุ้ง ชัว่ โมง แกม้ เปดิ ปดิ เร็วกว่าปกติ อาจมี (2) ดิพเทอร์เร็กซ์ จ�ำนวน 0.25- แผลขนาดเล็กเท่าปลายเข็ม 0.5 กรัม ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แชน่ าน หมุดกระจายอยู่ท่ัวล�ำตัว ถ้า 24 ชม. เป็นการติดโรคในข้ันรุนแรง อาจมองเห็นเหมือนกบั วา่ ปลา มีขนสีขาวสั้นๆ อยู่ตามล�ำตัว ซ่ึงจะท�ำให้ปลาตายได้ ปลา เกอื บทกุ ชนดิ พบวา่ เปน็ โรคนไี้ ด้ ท้ังน้ัน โดยเฉพาะอย่างย่ิง ลูกปลาดุกที่เร่ิมปล่อยลงเลี้ยง ในบ่อดินใหม่ๆ ควรระวังโรคนี้ ด้วย ถ้าพบการติดเชื้อพยาธิ ชนิดน้ีตั้งแต่ระยะเร่ิมต้นก็ สามารถรักษาให้หายได้ไม่ยาก คมู่ ือ การเลี้ยงปลากินพชื คตมู่ น้ ือทกนุ าตรใำ่� ช ้ประโยชนป์ าลม์ สาคู 231

โรค ลักษณะ การป้องกนั และรกั ษา โรคเมือกขุ่น อาการของโรคนีค้ อื ปลาจะ (1) ฟอร์มาลิน จำ� นวน 25-40 ซี มีเมือกสีขาวปกคลุมล�ำตัวเป็น ซี ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แชน่ าน 48 ชม. หย่อมๆ หรือขับเมือกออกมา (2) ดา่ งทบั ทิม จ�ำนวน 1-3 กรมั มากจนกระทงั่ ไดก้ ลนิ่ คาว ครบี ต่อน�้ำ 1,000 ลิตร แชน่ าน 24 ชม. หุบ ว่ายน้�ำกระเสือกกระสน (3) เกลอื เมด็ จ�ำนวน 5-10 บางคร้ังจะลอยอยู่ตามผิวน�้ำ กิโลกรัม ต่อน�ำ้ 1,000 ลิตร แชน่ าน สาเหตุของโรคนี้คือการติดเช้ือ 48 ชม. ปรสิตเซลล์เดียวจ�ำพวกคอส เตียชิโลโดเนลล่า และโบโด โมแนส ปลาทพ่ี บวา่ เปน็ โรคนมี้ ี หลายชนิด ได้แก่ ปลาเงิน ปลาทอง ปลาดุก ปลาช่อน ฯลฯ โรคจากเชื้อสปอร์โรซัว โรคน้จี ะทำ� ใหป้ ลาเปน็ แผล เนื่องจากเปน็ ปรสิตชนิดทฝี่ งั ตวั ชำ�้ บรเิ วณลำ� ตวั หรอื มตี มุ่ สขี าว เข้าไปอยู่ใต้ผิวหนัง ดังน้ัน จึงไม่ ข่นุ อมเหลอื งอ่อน คลา้ ยเมด็ สา สามารถใช้สารเคมกี �ำจดั ได้ สำ� หรบั คูเลก็ ๆ อยบู่ รเิ วณกล้ามเนอ้ื ลำ� สปอร์ที่หลุดออกจากเกราะแล้ว ตัว เหงือก และอวัยวะภายใน กำ� จดั ไดโ้ ดยใชส้ ารเคมชี นดิ เดยี วกบั ถ้ามีการติดเชื้อโรคระยะไม่ ทใี่ ช้ในการรักษาโรคจุดขาว ส่วนบอ่ รุนแรงมากจะท�ำให้ปลาตาย หรือตู้กระจกหลังจากจับปลาขึ้น แต่ถ้ามีการติดโรคท่ีเหงือกเป็น หมดแล้ว ควรใส่ฟอร์มาลินเข้มข้น จ�ำนวนมาก ก็จะท�ำให้ปลา จำ� นวน 250 ซซี ี ตอ่ น�ำ้ 1,000 ลิตร หายใจไม่สะดวกและตายได้ ลงไป แล้วทงิ้ ไวป้ ระมาณ 1 วัน จึง โดยเฉพาะกับปลาขนาดเล็ก ถา่ ยนำ้� ออกตากบอ่ หรอื ตกู้ ระจกให้ ปลาท่ีมีรายงานว่าเป็นโรคน้ี แห้ง จะชว่ ยก�ำจัดปรสติ ท่ีหลงเหลอื ได้แก่ ปลาบู่ ปลากระด่ี ปลา อยู่ได้หมด หมอไทย ปลากะพงขาว ฯลฯ 2224 คู่มือการใชป้ ระโยชนคป์ มู่าือล์มกสาารคเลู ีย้ งปลากินพชื ต้นทนุ ต�่ำ

โรค ลักษณะ การปอ้ งกันและรักษา โรคหดู เม็ดข้าวสาร ปลาที่เป็นโรคนจ้ี ะมตี ่มุ สขี าวขนุ่ อยู่ (1) อย่าปล่อยปลาแนน่ จนเกนิ ไป และ ตามล�ำตัวลักษณะคล้ายเม็ดข้าวสาร ควรท�ำการถ่ายเทน้�ำให้บ่อปลาอย่าง มกั พบในกรณที ม่ี กี ารปลอ่ ยปลาเลย้ี ง สมำ�่ เสมอ อย่างหนาแน่น และการถ่ายเทน้�ำไม่ (2) ถา้ พบปลาเปน็ โรคควรเผาหรือฝงั สะดวก ปลาจะมีอาการผอมไม่กิน เพอื่ ป้องกันการระบาดของโรค เมอ่ื ปลา อาหาร และทยอยตาย สาเหตขุ องโรค เปน็ โรคแล้วไมม่ ที างรกั ษา นี้เกิดจากเชื้อสปอร์โรซัวขนาดเล็ก (3) ถ้านำ� ปลาทเ่ี ป็นโรคในขนั้ ไม่รุนแรง ชนิดของปลาท่ีมีรายงานว่าเป็นโรคน้ี มากมาเลี้ยงในท่ีที่มีน�้ำถ่ายเทสะดวก ได้แก่ ปลาดกุ ปลาสวาย และในอตั ราทไี่ มห่ นาแนน่ มากปลากอ็ าจ จะหายจากโรคไดเ้ องบางสว่ น โรคจากเช้อื รา โดยท่วั ไปโรคท่ีเกดิ จากเช้อื รามัก (1) ส�ำหรับปลาปว่ ยในโรงเพาะฟักใช้ จะเกดิ รว่ มกบั โรคอน่ื ๆ หลงั จากทป่ี ลา มาลาไคท้ ก์ รนี จำ� นวน 0.1-0.15 กรมั ตอ่ เกดิ เปน็ แผลแบบเรอ้ื รงั แลว้ มกั พบเชอ้ื นำ้� 1,000 ลิตร แชน่ าน 24 ชม. ราเข้ามารว่ มทำ� ใหแ้ ผลลกุ ลามไป โดย (2) กรณขี องปลาป่วยในบ่อดินมักพบ จะเหน็ บริเวณแผลมเี ชอ้ื ราเกดิ เปน็ ปุย ต้นเหตุท่ีท�ำให้ปลาป่วยเป็นเชื่อราเน่ือง ขาวๆ ปนเทาคล้ายส�ำลีปกคลุมอยู่ใน มาจากคณุ ภาพของนำ�้ ในบอ่ ไมด่ ี ใหป้ รบั การเพาะปลา ถา้ หากมไี ขเ่ สยี มากกจ็ ะ ดว้ ยปูนขาวในอัตรา 60 กโิ ลกรัม/ไร่ พบราเข้าเกาะกินไข่เสียเหล่านั้นแล้ว ลุกลามไปท�ำลายไข่ดีต่อไป ถ้าหาก ไมไ่ ดท้ ำ� การรกั ษาอย่างทันท่วงที โรคเหบ็ ปลา ปลาทเี่ ปน็ โรคนี้เราจะสังเกตเห็น (1) แช่ปลาที่มพี ยาธินใ้ี นสารละลาย ได้วา่ มีพยาธริ ูปรา่ งกลมๆ สเี ขยี วปน ยาฆา่ แมลงจำ� พวกดพิ เทอเรก็ ซ์ (Dipter- น�ำ้ ตาลขนาดประมาณ 5-7 มลิ ลเิ มตร ex) ในอัตราสว่ น 0.5-0.75 กรัม ตอ่ น้ำ� เกาะอยตู่ ามลำ� ตวั หวั และครบี มกั พบ 1,000 ลติ ร นาน 24 ชม. เกดิ กบั ปลามเี กลด็ เชน่ ปลาชอ่ น ปลา (2) แช่ปลาในสารละลายด่างทบั ทิม แรด ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน (โปรแตสเซียมเปอร์แมงกาเนต) ใน เป็นต้น ในปลาท่ีมีการติดโรคน้ีเป็น อัตราส่วน 1 กรัม ตอ่ นำ้� 10 ลิตร นาน เวลานาน จะมีแผลตกเลือดเล็กๆ ประมาณ 15-30 นาที แลว้ จงึ จะยา้ ยปลา กระจายอยู่ทั่วตัว ปลาจะว่ายน้�ำ ไปใส่ในน�ำ้ สะอาด ทุรนทุราย และพยายามถูตัวเองกับ (3) ก�ำจดั เหบ็ ปลาออกโดยการจดั ออก ข้างบ่อหรือตเู้ พือ่ ให้พยาธิหลดุ ด้วยปากคีบ หากพยาธิชนิดน้ีเกาะแน่น เกินไปให้หยดน้�ำเกลือเข้มข้นประมาณ 1-2 หยด ลงบนตวั พยาธแิ ลว้ จงึ ใชป้ ากคบี ดึงออก พยาธิจะหลดุ ออกโดยงา่ ย (4) การกำ� จดั เหบ็ ปลาทเี่ กิดขึน้ ในบอ่ ท�ำได้โดยการตากบ่อให้แห้งแล้วโรยปูน ขาวให้ท่วั บ่อ คมู่ อื การเลย้ี งปลากินพชื คต่มู น้ อื ทกนุ าตรใ�ำ่ ช ป้ ระโยชนป์ าลม์ สาคู 253

โรค ลักษณะ การปอ้ งกนั และรกั ษา โรคหนอนสมอ เป็นพยาธิท่ีพบเสมอในปลาน�้ำจืด (1) ยา้ ยปลาท่มี หี นอนสมอเกาะอยู่ โรคหมัดปลา หนอนสมอตัวเมียมักพบเกาะอยู่ตามผิด ไปไว้ในถังอ่ืนประมาณ 3-4 อาทิตย์ หนังของปลาโดยเฉพาะบริเวณโคนครีบ ท้ังนี้เพ่ือกันไม่ให้ตัวอ่อนของหนอน ตัวเมียท่ีโตเต็มวัย มีลักษณะล�ำตัวยาว สมอที่เพ่ิงออกเป็นตัวมีท่ียึดเกาก็จะ คลา้ ยหนอน ทสี่ ว่ นหวั มอี วยั วะสำ� หรบั ยดึ ท�ำใหม้ ันตายไปเองได้ เกาะกับผิวหนังปลาซ่ึงมีรูปร่างคล้าย (2) แชป่ ลาท่ีมีพยาธิในสารละลาย สมอเรือ เราจะเห็นเฉพาะส่วนล�ำตัวที่มี ดิพเทอเรก็ ซ์ ในอตั รส่วน 0.5 กรมั ต่อ ลกั ษณะคลา้ ยหนอนซง่ึ ตอนปลายมถี งุ ไข่ นำ�้ 1,000 ลิตร แช่นานประมาณ 24 ตดิ อยู่ 1 คู่ โผลอ่ อกมาจากผวิ หนงั ของ ชม. แลว้ เปลย่ี นนำ�้ เวน้ ระยะไป 5-7 วนั ปลา สว่ นทเี่ ปน็ อวยั วะยดึ เกาะคลา้ ยสมอ จงึ ท�ำการแชย่ าซ้�ำอกี 2-3 ครัง้ จะแตกแขนงและแทงทะลุลงไปใต้ (3) การก�ำจดั หนอนสมอในบ่อท่ไี มม่ ี ผิวหนังงึกถึงช้ันกล้ามเน้ือ พยาธิชนิดน้ี ปลาอยแู่ ลว้ สามารถกำ� จดั ใหห้ มดไปได้ จะดูดกินเนื้อเยื่อของปลาท�ำให้เกิดเป็น โดยการละลายดพิ เทอเร็กซ์ 2 กรมั ตอ่ แผลขนาดใหญ่ได้ ปลาที่มีหนอนสมอ น�ำ้ 1,000 ลิตร แล้วสาดลงไปในบอ่ ให้ เกาะอยู่มักมีแผลตกเลือดเต็มตัวและมี ท่วั ทิง้ ไว้ 1-2 อาทติ ย์ แล้วจึงน�ำปลาก อาการระคายเคอื ง ปลาทเ่ี ปน็ โรคจะผอม ลบั มาเลยี้ งตามเดมิ ได้ ลงจนผิดปกติ ถ้าเกิดโรคนี้ในปลาขนาด เลก็ อาจทำ� ใหป้ ลาตายได้ ปลาท่เี ปน็ โรค นมี้ หี ลายชนดิ ไดแ้ ก่ ปลาแรด ปลากะพง ขาว ปลาบู่ ปลาตะเพียนขาว ปลาคาร์ฟ ปลาซ่ง ปลาทอง ปลามิดไนท์ เป็นต้น ปลาท่ีเป็นโรคนี้จะมีอาการว่ายน้�ำ (1) ถ้าเปน็ ปลาท่เี ล้ยี งในกระชงั ทุรนทุรายและพยายามเสียดสีล�ำตัวกับ ท�ำการรักษาได้ยากควรน�ำปลาข้ึนมา ข้างบ่อ กระโดดขึ้นลงจากผิวน�้ำ ถ้า พกั ในบอ่ ดนิ และทำ� การรกั ษาตามขอ้ 2 สังเกตุจะเห็นหมัดปลาท่ีมีล�ำตัวยาวรี (2) ถา้ เปน็ กับปลาในบอ่ เลี้ยง ใช้ เป็นปลอ้ งๆ สแี ดงเขม้ เกอื บดำ� เกาะอยู่ ดิพเทอร์เร็กซ์ จ�ำนวน 0.25-0.5 ตามส่วนต่างๆ ของตวั ปลา พยาธชิ นดิ นี้ กรมั ต่อนำ�้ 1,000 ลติ ร แชส่ ปั ดาห์ จะไม่เกาะอยู่บนตัวปลาแบบถาวร มัน ละคร้งั ตดิ ตอ่ กัน 3 - 4 สปั ดาห์ โดย จะดดู เลอื ดปลากนิ เปน็ อาหารแลว้ ทง้ิ ตวั ควรท�ำการถ่ายน้�ำบางส่วนก่อนแช่ ลงไปอยทู่ พ่ี น้ื กน้ บอ่ เมอ่ื อาหารยอ่ ยหมด ดพิ เทอร์เรก็ ซ์ครง้ั ต่อไป แล้วก็จะกลับมาเกาะตัวปลาใหม่ ปลา ขนาด 2-3 เซนติเมตร ถา้ มหี มดั ปลาเข้า เกาะ 3-4 ตัว ก็จะท�ำให้ปลาตายได้ ภายในเวลา 3-4 ชม. ปลาที่ตายจะมี เหงือกสีซีดมาก ปลาที่พบว่าเป็นโรคนี้ ไดแ้ ก่ ปลาสวาย ปลาบกั ปลานลิ เปน็ ตน้ 2246 คู่มือการใช้ประโยชนค์ปมู่าอืล์มกสาารคเลู ี้ยงปลากินพืชต้นทุนต�่ำ

6. เอกสารอา้ งอิง กมลพร ทองอไุ ทย. 2539. โรคปลานลิ . เอกสารวชิ าการฉบบั ที่ 176. สถาบนั วจิ ยั ประมงนำ้� จดื . กรมประมง. 19 หนา้ กองพฒั นาและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารประมง. 2553. การเพาะเล้ยี งปลานลิ . โรงพมิ พช์ มุ ชนสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กดั , กรงุ เทพ. 32 หนา้ . กองวจิ ัยและพัฒนาประมงน้ำ� จดื กรมประมง. 2558. การลดต้นทุนการเล้ยี ง ปลานิล. 8 หนา้ . กองวิจยั และพัฒนาการเพาะเลยี้ งสัตว์น้ำ� จืด กรมประมง. 2559. ค่มู ือ การเพ่ิม ประสทิ ธภิ าพ และการลดตน้ ทุน การเลีย้ งปลานลิ . การเพาะเลยี้ งปลานลิ เพือ่ การค้า. (มปป.). [ออนไลน์]. เข้าได้จาก : https://sites.google.com/a/skat.ac.th/apsrrsm/karte-ri-ym- bx-laea-kar-plxy-pla-lng-leiyng (วันทค่ี ้นข้อมูล : 30 มีนาคม 2564). ศนู ย์ศึกษาการพัฒนาพกิ ุลทองอันเนอื่ งมาจากพระราชด�ำริ จังหวดั นราธิวาส. 2553. คมู่ ือ การเลีย้ งปลาในสภาพน�ำ้ เปร้ยี ว ศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองอนั เน่อื งมาจากพระราชด�ำริ จงั หวดั นราธิวาส. 2560. คมู่ ือ การเลย้ี งสัตว์น้ำ� ในพ้ืนท่ีดนิ เปรยี้ วจดั สำ� นักงานพฒั นาและถา่ ยทอดเทคโนโลยีการประมง กรมประมง. 2557. การ เลย้ี งปลานิลในกระชัง. หลักการเล้ียงปลาทวั่ ไป. (มปป.). [ออนไลน]์ . เขา้ ได้จาก : https://www.fisheries.go.th/fpo-angthong/know_f_5.htm (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มูล : 30 มนี าคม 2564). คมู่ ือ การเลี้ยงปลากินพชื คต่มู น้ อื ทกุนาตรใ�่ำช ป้ ระโยชนป์ าล์มสาคู 275

สถานทีต่ ิดต่อ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพิกลุ ทองอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ เลขที่ 95 หมู่ 6 ต.กะลุวอเหนอื อ.เมอื ง จ.นราธวิ าส 96000 โทร. 073-631033 , 073-631038 โทรสาร 073-631034 E-mail : [email protected] คณะผู้จดั ทำ� นักวิชาการประมงชำ� นาญการพเิ ศษ นายสุชาต ิ ไกรสุรสีห์ หวั หนา้ งานประมงศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ เจา้ พนกั งานการเกษตรชำ� นาญงาน นายธีระพงศ์ บิลสรุ ยิ ะ ศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาพิกุลทองฯ 28 คมู่ ือการใชป้ ระโยชน์ปาลม์ สาคู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook