Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์น่ารู้ในวันลอยกระทง

วิทยาศาสตร์น่ารู้ในวันลอยกระทง

Published by Patcharee Wararatananurak, 2021-11-17 08:04:34

Description: วิทยาศาสตร์น่ารู้ในวันลอยกระทง
วันที่ 17/11/64

Search

Read the Text Version

ความเป็นมาและความสาคญั ประเพณีลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มต้ังแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่า ประเพณีนี้ได้สืบต่อกันมายาวนานต้ังแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคาแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า \"พิธจี องเปรียญ\" หรือ \"การลอยพระประทีป“ ในสมัยก่อนน้ันพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของ พราหมณ์ จัดขึ้นเพ่ือบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นาพระพุทธศาสนาเข้าไปเก่ียวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพ่ือบูชาพระบรม สารรี ิกธาตุ และลอยโคมเพ่อื บชู ารอยพระบาทของพระพทุ ธเจา้

ตอ่ มานางนพมาศ หรอื ทา้ วศรจี ฬุ าลกั ษณ์ สนมเอกของพระรว่ งจะคิดคน้ ประดิษฐ์กระทงดอกบวั ข้ึนเป็นคนแรกแทนการลอยโคม เมือ่ สมเดจ็ พระร่วงเจ้าได้เสดจ็ ฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนาง นพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดใหถ้ อื เปน็ เยี่ยงอยา่ ง และใหจ้ ัดประเพณลี อย กระทงข้ึนเปน็ ประจาทกุ ปี โดยใหใ้ ชก้ ระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดารัส ทวี่ า่ \"ตง้ั แต่นสี้ บื ไปเบอ้ื งหน้า โดยลาดบั กษตั ริย์ในสยามประเทศถงึ กาลกาหนดนกั ขตั ฤกษ์ วนั เพญ็ เดือน 12 ให้ทาโคมลอยเปน็ รปู ดอกบัว อทุ ิศสกั การบูชาพระพุทธบาทนมั มทานที ตราบเท่ากลั ปาวสาน\" พิธลี อยกระทงจงึ เปล่ยี นรูปแบบตงั้ แตน่ นั้ เป็นต้นมา

สาเหตทุ มี่ ปี ระเพณลี อยกระทงขนึ้ นัน้ เกิดจากความเชอื่ หลาย ๆ ประการของแต่ละทอ้ งท่ี ไดแ้ ก่ 1. เพอื่ แสดงความสา้ นกึ ถงึ บญุ คุณของแม่น้าท่ีให้เราไดอ้ าศัยนา้ กิน นา้ ใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแมค่ งคา ทไี่ ด้ ทงิ้ สิง่ ปฏิกลู ตา่ ง ๆ ลงไปในน้า อันเป็นสาเหตใุ หแ้ หลง่ นา้ ไมส่ ะอาด 2. เพือ่ เป็นการสักการะรอยพระพุทธบาท เมื่อคราวที่พระพุทธเจา้ เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรง ประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแมน่ ้านัมมทานที ซง่ึ เปน็ แม่นา้ สายหนง่ึ อยใู่ นแควน้ ทักขณิ าบถของประเทศอินเดยี ปจั จบุ ัน เรยี กวา่ แมน่ ้าเนรพทุ ท 3. เพือ่ เปน็ การสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทกุ ข์ ความโศกเศรา้ โรคภยั ไขเ้ จ็บ และสิง่ ไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแมน่ า้ ไปกับกระทง คลา้ ยกับพิธลี อยบาปของพราหมณ์ 4. เพื่อเปน็ การบชู าพระอุปคตุ ท่ชี าวไทยภาคเหนอื ใหค้ วามเคารพ ซ่ึงบาเพญ็ เพยี รบริกรรมคาถาอยูใ่ นทอ้ งทะเลลกึ หรือ สะดือทะเล โดยมีตานานเลา่ วา่ พระอปุ คตุ เปน็ พระมหาเถระรูปหน่ึงที่มอี ิทธิฤทธ์มิ าก สามารถปราบพญามารได้ 5. เพื่อรักษาขนบธรรมเนยี มของไทยไวม้ ิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังเป็นการสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วใหเ้ กิดขนึ้ ทัง้ ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ 6. เพื่อความบนั เทงิ เริงใจ 7. เพอื่ ส่งเสรมิ งานฝมี ือและความคิดสรา้ งสรรค์

กิจกรรมทีป่ ฏบิ ัติกันอยูใ่ นปจั จบุ ัน 1. การทาความสะอาดแม่นา้ ลาคลอง เช่น ขุด ลอก คคู ลอง 2. การทาบุญใหท้ าน 3. การปฏิบัตธิ รรม การฟงั เทศน์ 4. การประดิษฐก์ ระทงใหญ่ กระทงเลก็ 5. การจดั กิจกรรมการประกวดตา่ ง ๆ เช่น การประกวด กระทง การประกวดนางนพมาศ ประกวดโคมลอย 6. การจัดขบวนแห่กระทง 7. การนากระทงไปลอยในแมน่ ้า 8. การปลอ่ ยโคมลอย 9. การจดุ ดอกไมไ้ ฟ ประทดั หรอื พลุ เพอ่ื เปน็ การ เฉลิมฉลอง 10. การละเล่นรน่ื เรงิ ตามทอ้ งถิ่นน้นั ๆ

กิจกรรมทเี่ บี่ยงเบนไป 1. การจุดดอกไม้ไฟ ประทดั หรอื พลุ โดยเฉพาะเด็กและวยั รุน่ จดุ เลน่ กนั อย่างคกึ คะนองไมเ่ ปน็ ท่ีเปน็ ทาง ไมร่ ะมัดระวงั จดุ เล่นตามถนนหนทาง โดยไม่คานึงถึงอนั ตรายทจี่ ะเกิดแก่ผูค้ น และยวดยานท่สี ัญจรไปมา และอาจเปน็ สาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ บ้านเรอื นได้ 2. การประกวดนางนพมาศ ให้ความสาคญั มากเกินไป ถือเปน็ กจิ กรรมหลักของประเพณี ซ่ึงแทท้ จ่ี ริงแล้ว ไม่ใชแ่ กน่ แทข้ องประเพณี เปน็ เพียงกิจกรรมทีเ่ สริมข้ึนมาภายหลงั เพือ่ ให้ เกดิ ความสนกุ สนานและเปน็ สิง่ ดึงดูดนกั ทอ่ งเทยี่ ว 3. การประดษิ ฐก์ ระทง สมยั ก่อนใชว้ สั ดุพืน้ บา้ นหรือตามธรรมชาติ เช่น ทาจากใบตอง หยวกกล้วย ซ่ึง เป็นวสั ดทุ ่ีย่อยสลายงา่ ย แต่ปจั จุบันกลับนยิ มใชว้ สั ดโุ ฟม ซึ่งย่อยสลายยาก ทาให้แมน่ า้ ลาคลอง สกปรก เน่าเหมน็ เกดิ มลภาวะเป็นพิษ

แหลง่ กาเนดิ แสงท่นี กั เรยี นสงั เกตได้ ในวนั ลอยกระทง มอี ะไรบา้ ง

จากภาพ เงาเกดิ ข้นึ ได้อยา่ งไร

เพราะเหตใุ ดกระทงจงึ ลอยนา้ ได้

แสงไฟที่นกั เรยี นเห็นบรเิ วณผวิ น้า เกดิ ขึ้นไดอ้ ย่างไร

เพราะเหตใุ ด โคมถงึ ลอยได้

เราสามารถมองเหน็ วตั ถุตา่ งๆ ในวนั ลอยกระทงได้ เพราะเหตใุ ด









ความหมาย 5 สีดอกไมม้ งคลไทยในกระทง 1. ดอกบานไมร่ ู้โรย สีบานเย็น ชอ่ื ท่เี ป็นมงคลของดอกบานไมร่ ู้โรย จะส่งเสริมเรื่องความรักของคู่รกั ให้ ผูกพนั กนั ไปตราบนานเทา่ นาน

2. ดอกดาวเรือง ดอกไมม้ งคลท่นี ิยมปลกู กนั มาก และนิยมนามาเป็นหน่ึงในดอกไมป้ ระดบั กระทง เชื่อกนั วา่ จะ สง่ เสรมิ ให้ชีวิตเจรญิ กา้ วหน้า มีเงนิ มีทอง มชี ีวติ รงุ่ เรือง

3. ดอกกหุ ลาบ เป็นดอกไม้ทน่ี ยิ มนามาใช้ในเทศกาลต่างๆ ไมว่ ่าคนมีคู่หรอื ไมม่ คี ู่กส็ ามารถนามาใสก่ ระทงได้ กุหลาบสีชมพจู ะชว่ ยเสรมิ ความรักให้สมบรู ณพ์ ูนสุข

4. ดอกเข็ม เปน็ ตน้ ไมม้ งคลควรปลกู ตน้ เข็มไว้ในบริเวณบ้านเชื่อว่า “จะทาใหส้ มองปลอดโปร่งเกิดความคิดความ อ่านทดี่ คี วามคิดเฉียบขาด”

5. ดอกมะลิ สีขาวบริสุทธิ์ ดอกไมม้ งคลทีส่ งู คา่ นามาใสก่ ระทงจะช่วยเสริมให้ครอบครวั อยู่เยน็ เปน็ สุข และ กลิ่นหอมของดอกมะลิจะช่วยเสรมิ สริ ิมงคลใหค้ นในบา้ นดว้ ย

6.ดอกกลว้ ยไม้ ตามความเชื่อแบบคนโบราณมักเช่ือว่า “ดอกกล้วยไม”้ ทาใหเ้ กิดความประทบั ใจแกบ่ คุ คล ทั่วไป และทาให้คนในบา้ นมจี รยิ ธรรม

ค้นหาค้าตอบ 1. แสงเก่ียวขอ้ งกับการลอยกระทงอย่างไร 2. ความร้อนจากเทยี นไขส่งผลให้เกิดโคมลอยได้อยา่ งไร 3. แสงเดนิ ทางผา่ นตวั กลางชนิดใดบ้าง 4. แสงเดนิ ทางผ่านตวั กลางชนดิ ใด ท้าใหเ้ กดิ เงา 5. ดอกไม้ แตล่ ะชนดิ ทน่ี ้ามาใสใ่ นกระทง มคี วามหมายอยา่ งไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook