ความเป็นมา เม่ือวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ พระบรมราชนิ ีนาถ ทรงรบั สงั่ กบั นายสหสั บุญญาววิ ฒั น์ ท่ี ปรึกษาสานักพระ ราช วัง และนายจรัลธาดา กรร ณสูต ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึงปัญหาการท่ีชาวประมงไม่ สามารถออกหาปลาได้เน่ืองจากน้ามันมีราคาแพง และทรงมี พระราชดารวิ ่า ในอนาคตผลผลติ สตั ว์ทะเลต่างๆ จากฟาร์มทะเล เพาะเลย้ี งสตั วน์ ้าแบบผสมผสานทถ่ี ูกสุขภาวะอนามยั แวดลอ้ มคนื สมดุลด้วย จะเป็นอกี หน่ึงทางเลอื กสาคญั ทดแทนการออกเรือไป จบั สตั ว์น้าในทะเลท่หี ่างไกล พรอ้ มทงั้ ทรงรเิ รม่ิ ให้ทาฟาร์มทะเล ตวั อย่างแบบผสมผสาน ในพน้ื ทด่ี นิ นาเกลอื รมิ ทะเล ซ่ึงนาง วาสนา เทพหสั ดนิ ณ อยุธยา น้อมเกลา้ ฯ ถวาย จานวน ๘๒ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา ณ หมู่ ๕ ตาบลบางแก้ว อาเภอบ้าน แหลม จงั หวดั เพชรบุรี เพ่อื เป็นฟารม์ ตวั อยา่ งใหท้ งั้ ผู้จบั สตั วน์ ้า ผู้ เพาะเล้ียงสัตว์น้า และผู้ท่ีสนใจทัว่ ไปได้ศึกษาเรีย นรู้ ดูงาน แลกเปล่ียนประสบการณ์ นาไปปรบั ใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับ สภาพแวดลอ้ มทอ้ งถน่ิ ของตนเองต่อไป
กลุ่มธนาคารปมู ้า การทาการประมงของชาวประมงท้องถ่ิน มีหลายแบบ เช่น การเดินเก็บหอย ปู การขงึ อวนดกั ปลา กุง้ ปู สตั ว์น้าต่างๆ ขณะน้าทะเลลงต่า การใชเ้ รอื รุน เรอื อวนปู เรอื อวนปลา และเรอื อวนลอ้ ม นอกจากน้ี ยงั มเี รอื ประมงขนาดใหญ่จากต่างถน่ิ เขา้ มาทาการ ประมงผดิ ประเภท ทาใหป้ รมิ าณสตั วน์ ้าในบรเิ วณน้ีมนี ้อยลง จนในฤดรู อ้ นแทบจะจบั สตั ว์ น้าไม่ไดเ้ ลย แต่หลงั จากมโี ครงการฟารม์ ทะเลตวั อย่างตาม พระราชดารฯิ ขน้ึ การทา การประมงพน้ื บา้ น เช่น การวางอวนปู กไ็ ดป้ เู ยอะขน้ึ จากเดมิ ทบ่ี างฤดูจบั ปไู ดน้ ้อย หรอื ไมไ่ ดเ้ ลย มาถงึ ทุกวนั น้ีจบั ปไู ดป้ รมิ าณสม่าเสมอ ออกเรอื ทุกวนั กจ็ ะมปี ตู ดิ อวนมาทุก วนั ชาวบา้ นทเ่ี ดนิ เกบ็ หอยตลบั หรอื ทน่ี ่ีเรยี กหอยขาว หอยแครง หอยเสยี บ กม็ มี ากขน้ึ เรอื ประมงจากทเ่ี คยไปจอดไวใ้ นคลองอ่นื ๆ กก็ ลบั มาจอดทน่ี ่ีเยอะขน้ึ อกี ทัง้ กรมประมง ยงั มาส่งเสรมิ เร่อื งธนาคารปูมา้ อกี ด้วย และในโครงการฯ กม็ กี ารเลย้ี งหอยแมลงภู่แบบ แพเชอื กแขวน ซง่ึ เป็นแนวกนั้ เรอื ประมงขนาดใหญ่ อยา่ งดี และเป็นแหล่งอนุบาลลกู ปมู ี ท่สี าคญั ของพ้นื ท่นี ้ีเลย อีกทงั้ ชาวบ้านเรมิ่ มคี วามรู้สกึ หวงแหนทรพั ยากรทางทะเลใน พ้นื ท่มี ากข้นึ ช่วยกนั สอดส่องดูแลไม่ให้คนต่างถิ่นเขา้ มาลุกล้าทาการประมงอย่างผดิ กฎหมาย ไมจ่ บั หอยตวั เลก็ ปตู วั เลก็ สง่ ผลใหส้ ตั วท์ ะเลพวกหอย ปู กุง้ มีเพม่ิ มากขน้ึ ไม่ ตอ้ งออกเรอื ไปหาสตั วน์ ้าไกลๆ มเี วลาอยกู่ บั ครอบครวั มากขน้ึ เพราะแคไ่ ปวางอวนแลว้ ก็ ไปเกบ็ อวน แคน่ ้ีกม็ ปี ขู ายทงั้ ปีแลว้ หลายคนจากเดมิ ตอ้ งไปรบั จา้ งไกลบ้าน กไ็ ดก้ ลบั มา ทางานใกลบ้ า้ น พบปะญาตพิ น่ี ้องมากขน้ึ ครอบครวั กอ็ บอุ่น ถงึ แมจ้ ะมคี ่าแรงน้อยกว่า ทางานแบบอ่ืน อีกหน่อยต้องมีนักท่องเท่ียวมา ทาให้ชาวประมงและคนในชุมชนมี ความหวงั ในการประกอบอาชพี มากขน้ึ พรอ้ มรว่ มแรงรว่ มในการพฒั นาทอ้ งถน่ิ ของพวก เขา
โครงการยงั เป็นการทาฟาร์มทะเลแบบผสมผสานกลมกลนื กนั มี การปลูกตน้ ไมช้ นิดต่างๆ มกี ารเลย้ี งปลา เลย้ี งกุง้ ใหไ้ ด้ผลผลติ ดี ไม่มี โรค มกี ารเพาะพนั ธุป์ ลาหายากและปลาเศรษฐกจิ เช่น ปลาทู มีการ เอาสาหร่ายมาทาเป็นอาหารสตั ว์ ซ่งึ ทาใหช้ าวบ้านได้เรยี นรูไ้ ปด้วย กจิ กรรมในโครงการกม็ มี ากมายทงั้ บนบกและในทะเล โครงการฯ ทา ใหส้ ตั วท์ ะเลต่างๆ กลบั มาอยแู่ ถวน้ีมากขน้ึ
การเลย้ี งอาร์ทเี มยี การเลี้ยงอารท์ ีเมียเชิงพาณิชย์ อารท์ เี มยี (Artemia spp.) หรอื ไรสนี ้าตาลหรอื ไรน้าเคม็ เป็นสตั ว์น้าท่ที นเคม็ ท่สี ุดในโลกชนิดหน่ึง มชี ่อื สามญั ภาษาองั กฤษว่า Brime shrimp จดั อย่ใู นพวกครสั เตเซยี น เช่นเดยี วกบั กุง้ กงั้ และปู แต่ไม่มี เปลอื กแขง็ หมุ้ ตวั ในวงการเพาะเลย้ี งสตั วน์ ้าทวั่ โลกนิยมใช้อารท์ เี มยี เป็นอาหารใน การอนุบาลสตั ว์น้าวยั อ่อนเช่น กุ้ง ปู และปลาชนิดต่างๆเน่ืองจากมคี ุณค่าทาง อาหารสงู ไขข่ องอาร์ทเี มยี สามารถเกบ็ ไวไ้ ด้นานหลายปีเม่อื ต้องการใช้เพยี งแต่ นามาเพาะฟักในระยะเวลาอนั สนั้ กจ็ ะไดต้ วั อ่อนอารท์ เี มยี นาไปเป็นอาหารของสตั ว์ น้าวยั อ่อนได้
การเลย้ี งสาหร่ายพวงองุ่น (กรนี คาเวยี ร)์ สาหร่ายพวงองุ่นมลี กั ษณะกลมโตคล้ายไข่ปลาคาเวียร์ จึงมีช่ือว่า กรนี คาเวยี ร์ ปัจจุบนั “กรมประมง”พฒั นาเทคนิคการเล้ยี งสาหร่าย พวงองุ่นให้มปี รมิ าณมาก คุณลกั ษณะดี ตลอดจนพฒั นาเทคโนโลยี การเกบ็ เกย่ี ว ใหไ้ ดส้ าหรา่ ยพวงองนุ่ ทส่ี ะอาด ปลอดภยั ต่อการบรโิ ภค และสามารถสง่ เสรมิ การเลย้ี งเพอ่ื สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กเ่ กษตรกร
ขนั้ ตอนการเลีย้ งสาหรา่ ยพวงองุ่น 1. เตรยี มแผงสาหรา่ ยขนาด 0.5 x 0.5 เมตร ใชท้ อ่ พวี ซี ี เป็นโครงแผง ใชต้ าขา่ ยขนาดตา 1 ซม. ขงึ ใหเ้ ตม็ กรอบเพอ่ื รองรบั ตน้ พนั ธุส์ าหรา่ ย 2. เกลย่ี ตน้ พนั ธสุ์ าหรา่ ยใหท้ วั่ แผงอตั ราสว่ น 0.5 กโิ ลกรมั /แผง ปิดทบั ดว้ ยตาขา่ ยพลาสตกิ อกี ชนั้ 3. แขวนแผงสาหรา่ ยในบอ่ เลย้ี งลกึ จากผวิ น้า 30 ซม. หรอื ระดบั ทแ่ี สงสอ่ งถงึ สบู น้าเขา้ บ่อเลย้ี งอยา่ งน้อย 3 ครงั้ /สปั ดาห์ 4. เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ได้ 10 กโิ ลกรมั /แผง ภายในระยะเวลา 1 เดอื น
การเกบ็ เกี่ยวผลผลิตและการจดั การหลงั การเกบ็ เก่ียว หากเป็นการเลย้ี งในบ่อดนิ สามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ได้ 5 กโิ ลกรมั /แผงจากน้าหนกั ผลผลติ ทงั้ หมด 10 กโิ ลกรมั /แผง ภายในระยะเวลา1 เดอื น สามารถ เกบ็ เก่ยี ว สาหรา่ ยได้ 2 สปั ดาห/์ ครงั้ นามาตดั ส่วนยอดและคงเหลอื ส่วนโคนของสาหร่าย ตดิ แผงไว้ หรอื คงปรมิ าณไว้ 25% เพอ่ื นาไปเลย้ี งต่อ และเกบ็ เกย่ี งครงั้ ต่อไป จาก นัน้ นาสาหร่ายทผ่ี ่านการคดั แยกไปพกั ทาความสะอาด ในถงั สกมิ เมอร์ ท่ี บรรจุน้าเค็มสะอาด 300 ลติ ร อตั รา 5 กิโลกรมั /ถงั เพ่อื กาจดั สง่ิ สกปรก ท่ี ปนเป้ือนมากบั สาหรา่ ย และยา้ ยไปทาความสะอาดครงั้ สดุ ทา้ ยก่อนบรรจุในถงั พกั ท่ี ตดิ ตงั้ ระบบหมุนเวยี นน้ามรี ะบบอลั ตราไวโอเลต (UV) และโอโซน เพ่ือฆ่า เชอ้ื แบคทเี รยี
คณุ ค่าทางโภชนาการ สาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายท่ีมีรสชาติดีและจดั เป็นอาหารสุขภาพเน่ืองจากมี คุณค่าทางอาหารสูงอุดมด้วยวติ ามนิ หลายชนิด ได้แก่ วติ ามนิ บี1, บ2ี วติ ามนิ อี และมเี บตา้ แคโรทนี ซง่ึ เป็นสารตงั้ ตน้ ของวติ ามนิ เอ สาหรา่ ยพวงองนุ่ จดั เป็น 1 ใน 5 อาหารแนะนาสาหรบั ผทู้ ไ่ี ปเยอื นเมอื งโอกนิ าวา ชาวโอกนิ าวาเชอ่ื วา่ การรบั ประทาน สาหรา่ ยทะเลช่วยใหห้ ายป่ายไดเ้ รว็ ขน้ึ เน่ืองจากมวี ติ ามนิ เอ วติ ามนิ ซี และเกลอื แร่ สงู นอกจากน้ีสาหร่ายทะเลยงั มกี รดอมโิ นจาเป็นเกอื บ 40% ของกรดอมโิ นรวม ซง่ึ ใกลเ้ คยี งกบั ไขแ่ ละโปรตนี ถวั่ เหลอื ง
การเลีย้ งหอยแมลงภู่ แบบแพเชอื ก เป็นการเปล่ยี นสารอาหารจากธรรมชาตเิ ป็นรายได้ ดว้ ยการเลย้ี งหอยทะเลทก่ี รองกนิ แพลงก์ตอนธรรมชาตทิ ่ี มมี ากในทะเลเป็นอาหาร และเปรยี บเสมอื นปะการงั เทยี ม ลอยน้า เป็นแหลง่ อาศยั และขยายพนั ธุข์ องสตั ว์ทะเลชนิด ต่างๆ เพิ่มความชุกชุมของสัตว์น้าเพ่ือประโยชน์แก่ ชาวประมงพน้ื บา้ น การเลย้ี งหอยแมลงภู่แบบแพเชอื ก เป็นวธิ เี ล้ียงแบบ หน่ึงท่ีสามารถเล้ียงได้ในบรเิ วณคล่ืนลมแรงพอสมควร พน้ื ดนิ เป็นดนิ แขง็ บรเิ วณท่ปี ักไมไ้ ม่ลงกส็ ามารถเล้ยี งได้ สว่ นตวั แพทเ่ี ลย้ี งมคี วามคงทนมอี ายกุ ารใชง้ านนานหลาย ปี วสั ดุท่ใี ช้หาง่ายมตี ามท้องตลาดทวั่ ไปและเป็ นการนา เศษวสั ดุกลบั มาใชใ้ หม่
อปุ กรณ์หรอื วสั ดทุ ี่ใช้ประกอบแพ 1. เชอื กโพลโี พรพลี นี (Polypropylene = pp) หรอื โพลเี อธลี นี (Polyethylene = PE) ขนาด 6-8, 16 และ 20 มลิ ลเิ มตร 2. ถงั ทนุ่ พลาสตกิ ขนาด 20-30 ลติ ร 3. ทนุ่ สมอปนู ขนาด 60-80 เซนตเิ มตร 4. กระชงั เหลก็ สาหรบั เคลอ่ื นยา้ ยท่นุ สมอปนู ขนาด 2×2 ตารางเมตร 5. เน้ืออวนขนาดตา 6 เซนตเิ มตร ขนาดเสน้ เชอื ก 700D/15
การประกอบตวั แพให้มีขนาด 40×40 ตารางเมตร 1. การถกั แพเชอื กขนาด 40×40 ตารางเมตร นาเชอื กขนาด 16 มลิ ลิเมตรตดั ยาว 50 เมตร มาถกั ให้ได้ขนาดตา 1×1 ตาราง เมตร กวา้ ง 40 เมตร ยาว 40 เมตร ซง่ึ จะเท่ากบั พน้ื ท่ี 1 ไร่ มา ถกั เสรจ็ แล้วใช้เชอื กขนาด 20 มลิ ลเิ มตร วางรอบนอกตวั แพ และใช้ปลายของเชือก 16 มิลลิเมตร ผูกติดกับเชือก 20 มลิ ลเิ มตร เหตุทใ่ี ชเ้ ชอื กขนาด 20 มลิ ลเิ มตร รอบนอกเพ่อื ใหต้ วั แพมสี ภาพคงทนและแขง็ แรง 2. การผูกถังทุ่นขนาด 20-30 ลิตร เม่ือถักเชือกขนาด 16 มลิ ลเิ มตรเป็นตวั แพเรยี บร้อยแล้วมขี นาด 40×40 ตารางเมตร ตวั แพจะมแี ถวตามแนวตงั้ 41 แนว แถวแนวนอน 41 แนว นา ถงั ทุ่นขนาด 20-30 ลติ ร มาใชเ้ ชอื กขนาด 6-8 มลิ ลเิ มตร ผูกถงั ทุ่นทป่ี มใหแ้ น่นโดยผกู 6 แถว ตามแนวตงั้ เวน้ 1 แถวจนหมด พน้ื ท่ี 1 ไร่ การเวน้ แถวเพ่อื ใหเ้ รอื เขา้ ซ่อมแซม ตัวแพและเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ไดส้ ะดวก ธนาคารสตั วท์ ะเลลอยน้า หลงั จากการเกบ็ เก่ยี วผลผลติ หอยแมลงภู่แลว้ แพเชอื กท่ปี ล่อยลอยในทะเลยงั จะมีสภาพ เป็นแหล่งท่อี ยู่อาศยั ของสตั ว์ทะเลอ่ืนๆ เช่น หอยนางรม หอยตะโกรม หอยมุก ฯลฯ แพเชอื กจงึ เป็นเสมอื นปะการงั เทยี มลอยน้าแหล่งอาศยั หากิน ขยายพนั ธุ์ของสตั ว์ทะเล เช่น ปู กุ้งและปลาทะเลต่างๆ คืนความอุดมสมบรูณ์ของ ทรพั ยากรสตั วน์ ้าสชู่ มุ ชน
การท้าน้าทะเลผง เกลอื เป็นสารประกอบ สถานะปกตเิ ป็นของแขง็ ไม่นาไฟฟ้า เกลอื อาจจะละลายน้าหรอื ไม่ละลายน้ากไ็ ดห้ ากละลายน้าจะ ทาใหน้ ้าเป็นสารละลาย (อเิ ลก็ โทรไลต์) เพราะเกลอื แตกตวั เป็นไอออนทาใหน้ ้านัน้ นาไฟฟ้าไดส้ ารละลายเกลืออาจเป็น กรด กลาง หรอื เบสกไ็ ด้ สว่ นเกลอื ทใ่ี ชท้ างโภชนาการทร่ี จู้ กั กนั แพร่หลายแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื เกลอื สมุทรและ เกลอื สนิ เธาว์ มชี ่อื ทางเคมวี ่า “โซเดยี มคลอไรด์” (NaCl) มี ลกั ษณะเป็นผลกึ สขี าว รสเคม็ ความเคม็ เป็นค่าความเขม้ ขน้ ของเกลือและแร่ธาตุทัง้ หมดในน้าทะเลเกลือเป็นอาหาร ธรรมชาติท่ีมีความสาคญั ต่อมนุษย์และสตั ว์มาตัง้ แต่สมยั โบราณจนถงึ ปัจจุบนั มนุษยต์ อ้ งบรโิ ภคเกลอื ประมาณวนั ละ 5-10 กรมั เพ่อื นาไปช่วยรกั ษาสมดุลของน้าในร่างกายให้ เซลล์เน้ือเย่ือต่างๆทางานอย่างปกติ เกลือยังสามารถ นาไปใชป้ ระโยชน์ต่างๆ เช่น ปรุงอาหาร ถนอมอาหารการ ทาสปาเกลอื และอุตสาหกรรมอ่นื ๆ เป็นตน้
การทาเกลือและน้าทะเลผงธรรมชาติ การทานาเกลอื จะเรม่ิ จากดนั น้า(สูบน้า)จากทะเลข้นึ มาแล้ว กกั เก็บไว้ในบ่อแปลงนาขงั ช่วงเดอื น ตุลาคม ถึง เมษายน และสูบน้าให้ผ่านไปตามแปลงต่างๆในนา ปัจจุบนั นิยมใช้ เครอ่ื งสบู น้าเพราะแรงดนั น้าแรงและสะดวกต่อการใช้งาน จงึ ไมไ่ ดใ้ ชร้ ะหดั วดิ น้าหรอื กงั หนั ลมอยา่ งในอดตี การสบู น้าเรยี ง ตามลาดบั ไปตามแปลงนาดงั น้ี 1.แปลงนาขงั จะสูบน้าทะเลเขา้ นาช่วงน้าเกิด ความเค็ม เป็น 0 ดกี รี (30 สว่ นในพนั ) 2.แปลงนาตาก เป็นแปลงนาส่วนทม่ี ขี นาดใหญ่ ลกึ 10 ซม. ใชต้ ากน้าไวเ้ พอ่ื ใหน้ ้ามคี วามเคม็ เพมิ่ มากข้นึ ทง้ิ ไวป้ ระมาณ 3 วนั น้ามคี วามเคม็ ประมาณ 5 ดกี รรี ะหว่างน้ีนายนาต้อง คอยชอ้ นขแ้ี ดด ทเ่ี ป็นสาหรา่ ยบรเิ วณพน้ื ของแปลงนาออก
3.แปลงนาดอก ท้งิ ไว้ให้มคี วามเค็มเพม่ิ ขน้ึ มากๆ จะเกิดรก เกลือ ต้องเล้ยี งรกเกลือไว้เพ่อื ใช้ทาเช้ือ หรือล่อให้เกลือตก ผลกึ ท้งิ ไว้ประมาณ 3 วนั น้ามคี วามเค็มประมาณ 23 ดกี รี 4.แปลงนาวาง จะมรี กเกลอื เกดิ ขน้ึ ทางดา้ นใต้ลม ผวิ หน้าน้ามี เกล็ดเกลือข้ึนเป็ นฝ้ า ฝ้ าน้ีจะจับตัวกันหนาข้ึน เร่ือยๆ จนกระทงั่ น้ามคี วามเคม็ 25 ดกี รี ทง้ิ ไว้ ประมาณ 7-15 วนั กไ็ ด้ ผลผลติ เกลอื รวมทงั้ การทยอยเกบ็ ดอกเกลอื โดยใชส้ วก ท่ีเป็น ขา่ ยมุง้ ฟ้านามาทาเป็นเครอ่ื งมอื คลา้ ยสวงิ ชอ้ นดอกเกลอื ใสล่ วั้ หวาย การคราดเกลอื เป็นอกี ขนั้ ตอนสาคญั ทจ่ี ะทาใหไ้ ดเ้ กลอื มากหรอื น้อย เรมิ่ จากเมอ่ื เกลอื แหง้ ในนาวางแลว้ จะคราดโดยใช้พวั ะมา เคาะใหเ้ กลอื แตก ถา้ เกลอื มขี นั้ หนามากกจ็ ะใชค้ ทาหรอื คราดท่ี มลี กั ษณะคล้ายสอ้ มขนาดใหญ่มากระเทาะให้เกลอื แตก เม่ือ เกลอื แตกเป็นขุยแล้วก็จะใช้ววั มาลากโดยใช้เคร่อื งมือท่เี ป็น เหมอื นเคร่อื งไถนามคี นคอยจบั ไม้ ถ้ากดไมม้ ากไปเกลือทอ่ี ยู่ ลกึ เกนิ ไปจะมขี ด้ี นิ ปนมา การกดเครอ่ื งตะเขห้ รอื เรียกอกี อยา่ ง ว่า “ววั ” จงึ มคี วามสาคญั ตะเขถ้ อื เป็นเคร่อื งมอื ประดษิ ฐ์ตาม ภมู ปิ ัญญาชาวบา้ นอกี ชนิดหน่งึ
ขนั้ ตอนการนาเกลือมาใช้ประโยชน์ 1.การคดั เกลอื จะคดั เกลอื ทค่ี ุณภาพดี คอื เกลอื ทม่ี ีสขี าว และมี ผลกึ ขนาดตามทต่ี ้องการ การคดั คุณภาพเกลอื เหล่าน้ีอาศยั การ สงั เกตและประสบการณ์ เน่ืองจากเกลือท่ีได้จากนาเกลือจะมี หลายแบบ เช่น เกลอื ตวั ผู้ เกลอื ตวั เมยี ดอกเกลอื ดเี กลือ เกลอื กะปิหรือเกลือจืด ส่วนสสี นั ก็จะมีเกลือดา เกลือเหลือง เกลือ กลาง เกลอื ขาวเป็นตน้ 2.เม่อื คดั เกลอื ท่ตี ้องการได้แล้วก็จะนาเข้าโรงงานผ่านการล้าง ดว้ ยน้าท่ี มคี วามเคม็ มากกวา่ เกลอื 3.จากนัน้ นาไปโม่บดให้ได้ขนาดตามวัตถุประสงค์ท่ีต้องการ แตกต่างกนั ไป เช่น เกลอื ขดั หน้า ตอ้ งเป็นเกลอื ทม่ี เี มด็ ขนาดเลก็ เกลอื ขดั ตวั มขี นาดเมด็ เกลอื ทใ่ี หญ่กว่า โดยการร่อนผ่านตะแกรง เบอรต์ า่ งๆ 4.นาเกลอื ทไ่ี ดไ้ ปอบจนแหง้ แลว้ จงึ นาไปผสมกบั สว่ นผสมอ่นื ๆ 5.สมุนไพรท่ีจะนามาผสมในผลิตภัณฑ์จะจดั ซ้ือมากจากกลุ่ม เครอื ข่ายอาชพี ท่ี ต.ไร่สม้ และรา้ นค้าในตลาดเพชรบุรี โดยจ้าง เขาบดแลว้ จงึ นามาอบในไมโครเวฟ ฆา่ เชอ้ื แลว้ นาไปชงั่ น้าหนกั เพอ่ื ผสมตามสว่ นผสมในสตู ร
การทาน้าทะเลผง 1.เป็นการพฒั นาต่อจากการทานาเกลอื เมอ่ื ทาการเกบ็ ผลผลติ เกลอื แกง เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ปล่อยน้าในนาตกผลกึ ใหต้ ากแดดและลมต่อไป 2.เมอ่ื น้ามคี วามเคม็ 32-33 ดกี รี ดเี กลอื (Mg2SO4) จะเรม่ิ ตกผลกึ เป็น รปู เขม็ เรม่ิ แยกเกบ็ สว่ นทย่ี งั คงเป็นสารละลายเขม้ ขน้ กบั ส่วนทต่ี กผลกึ ดี เกลอื และเกลอื อน่ื ๆ ใสภ่ าชนะทม่ี ฝี าปิดมดิ ชดิ 3.นาผลกึ ดเี กลอื และเกลอื อ่นื ๆ ผสมกบั เกลอื แกงในอตั ราส่วน 1.1-2 และตากใหแ้ หง้ แยกเกบ็ ไวใ้ นภาชนะทม่ี ฝี าปิดมดิ ชดิ 4.ทาการผสมเกลอื ทต่ี ากแลว้ กบั สารละลายเขม้ ขน้ และปูนขาวหรือปูน มารล์ 1.5-2 เปอรเ์ ซน็ ต์ของน้าหนักผสมทงั้ หมด ผสมใหเ้ ขา้ กันและใส่ ภาชนะทม่ี ฝี าปิดมดิ ชดิ 5.นามาตากใหแ้ หง้ แลว้ บรรจุใสถ่ ุงเป็นน้าทะเลผงธรรมชาตจิ านวน ถุง ละ 6 กโิ ลกรมั เม่อื จะใช้กน็ าไปละลายน้าจดื 200 ลติ รจะไดน้ ้าผสมท่มี ี ความเคม็ 30 สว่ นในพนั
วิดโี อ https://bit.ly/3bqg341
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: