Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปีงบประมาณ 2566

มาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปีงบประมาณ 2566

Description: มาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปีงบประมาณ 2566

Search

Read the Text Version

กลมุ่ งานสรา้ งเสริมภมู ิคมุ้ กนั โรค และแผนงานโรคปอ้ งกนั ดว้ ยวัคซีน กองโรคติดตอ่ ทว่ั ไป

คำนำ กำรบริหำรจัดกำรงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีวัตถุประสงค์เพ่ือใหป้ ระชำกรกลุ่มเป้ำหมำยไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อ ทป่ี ้องกันได้ด้วยวัคซีนน้ัน มีควำมจำเป็นท่ีผู้ปฏิบัติงำนตอ้ งเข้ำใจถึงขั้นตอนต่ำงๆ รวมทั้งควำมสอดคลอ้ งเกี่ยวเน่ืองกัน ต้ังแต่กำรประมำณกำรควำมต้องกำรใช้วัคซีนจำกจำนวนกลุ่มประชำกรเป้ำหมำยกำรจัดหำ กำรขนส่ง กำรเก็บรักษำวัคซีน เทคนิคกำรให้บริกำร กำรเตรียมกำรกู้ชีพเบื้องต้นหรือกรณีเกิดมีอำกำรภำยหลังได้รับวัคซีนท่ีรุนแรง กำรจัดทำทะเบียน / รำยงำนที่เก่ียวข้อง ทั้งในส่วนของกำรปฏิบัติงำนและควำมครอบคลุมของกำรได้รับวัคซีน รวมถึงแนวทำงกำรควบคุมโรค เม่อื มกี ำรระบำด เพ่ือเป็นหลักประกันคุณภำพของกำรสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคและคงรักษำระดับมำตรฐำนกำรปฏิบัติงำน สร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ให้บุคลำกรผู้รับผิดชอบกำรบริหำรจัดกำรวัคซีนและงำนสร้ำงเสริม ภูมิคุ้มกันโรคในทุกระดับตั้งแต่เขต จังหวัด อำเภอ และตำบล สำมำรถดำเนินงำนด้วยมำตรฐำนเดียวกัน เป็นกำรป้องกัน กำจัดและกวำดลำ้ งโรคท่ปี ้องกนั ไดด้ ้วยวคั ซีนให้หมดไป หรือให้มีแนวโนม้ ลดลง หรอื ไม่กลบั มำระบำดขึ้นใหมจ่ นเปน็ ปญั หำท่ี สำคัญทำงสำธำรณสุขของประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสำธำรณสุขจึงได้จัดทำ “มำตรฐำนกำรดำเนินงำนสร้ำงเสริม ภูมิคุ้มกันโรค” ข้ึน โดยกองโรคติดต่อทั่วไป สำนักงำนป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 สถำบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง หน่วยงำนสำธำรณสุขในระดับจังหวัดและอำเภอได้ดำเนินกำรติดตำมประเมินผลกำรปฏิบัติงำนในเครือข่ำยบริกำรที่ ได้ร่วมกันดำเนินกำรอย่ำงเป็นระบบต้ังแต่ปี 2553 เป็นต้นมำ ซึ่งหน่วยงำนที่รับกำรประเมินประกอบด้วยคลังวัคซีน ระดับอำเภอ หน่วยบริกำรวัคซีนในโรงพยำบำลแม่ข่ำยและโรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบล อีกท้ังหน่วยบริกำร วัคซีนในโรงพยำบำลแม่ข่ำยและโรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบลสำมำรถใช้เป็นมำตรฐำนกำรดำเนินงำนและ เครื่องมือในกำรติดตำมประเมินผลกำรดำเนินงำนของตนเอง ซ่ึงผลที่ได้จำกกำรประเมินมำตรฐำนกำรดำเนินงำน สร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคจะเปน็ ประโยชน์ต่อกำรพัฒนำกำรปฏิบัติงำนวัคซนี ข้ันพื้นฐำนและเพ่ือปรับปรุงแผนงำนสร้ำง เสริมภูมคิ ุม้ กันโรคให้มีประสิทธภิ ำพต่อไป กองโรคตดิ ตอ่ ทั่วไป กรมควบคุมโรค ตลุ ำคม 2565 มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 ก

สำรบญั กำรประเมนิ มำตรฐำนกำรดำเนนิ งำนสรำ้ งเสรมิ ภูมคิ ุ้มกนั โรค หนำ้ ตอนท่ี 1 มำตรฐำนกำรบริหำรจดั กำรวัคซนี และระบบลูกโซค่ วำมเยน็ 1. กำรกำหนดหรือแต่งตั้งผู้รบั ผดิ ชอบงำนกำรบริหำรจัดกำรวัคซีน 1 2. กำรมแี ละใช้เอกสำร/ค่มู ือ/หนังสือ/ตำรำในกำรบรหิ ำรจัดกำรวัคซีนและระบบลกู โซ่ควำมเยน็ 2 3. กำรเบกิ และ รับ-จำ่ ย วคั ซีน 2 4. กำรจัดทำทะเบยี นรบั -จำ่ ยวัคซนี 3 5. กำรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ระบบลูกโซค่ วำมเยน็ 3 6. กำรเกบ็ รักษำวัคซีน 4 7. กำรควบคมุ อุณหภูมิตูเ้ ย็น 4 8. กำรดูแล บำรุงรักษำอุปกรณร์ ะบบลูกโซ่ควำมเยน็ 8 9. กำรจัดทำแผนเตรียมควำมพร้อมรับเหตุกำรณ์ฉุกเฉนิ ในระบบลกู โซ่ควำมเย็น (กรณไี ฟฟ้ำดับ 10 10 หรือตูเ้ ย็นเสีย) สำหรับระดับคลังวคั ซนี 11 10. กำรจดั ทำผงั ควบคมุ กำกบั กำรปฏบิ ตั ิงำนกรณีเกิดเหตกุ ำรณ์ฉุกเฉนิ ในระบบลูกโซ่ควำมเย็น 11 สำหรับระดับคลงั วัคซนี และหนว่ ยบรกิ ำร 17 ตอนที่ 2 มำตรฐำนคณุ ภำพกำรใหบ้ รกิ ำรวคั ซนี 1. เตรยี มกลุ่มเป้ำหมำยผ้มู ำรบั บรกิ ำร 17 2. คำดประมำณจำนวนผมู้ ำรบั บรกิ ำรในแต่ละกลมุ่ เป้ำหมำย 17 3. วธิ ีกำรให้วัคซีน 17 4. กำรจัดทำทะเบยี นข้อมลู ผรู้ บั บรกิ ำร 29 5. กำรเตรียมกำรเพื่อกูช้ ีพเบือ้ งตน้ แก่ผูร้ ับวคั ซีนกรณีเกิด anaphylaxis หรอื มีอำกำรภำยหลัง 30 ไดร้ บั วัคซีนท่รี นุ แรง 34 6. กำรจดั เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ และยำทีจ่ ำเป็นในกำรกู้ชพี 34 7. กำรติดตำมกลมุ่ เป้ำหมำยใหม้ ำรบั วคั ซนี ตำมเกณฑ์ 35 ตอนที่ 3 มำตรฐำนกำรบันทึกข้อมูลในแฟม้ ขอ้ มลู งำนสร้ำงเสริมภมู คิ ุ้มกันโรค 35 1. กำรบันทึกข้อมูลในงำนสร้ำงเสรมิ ภูมคิ ุ้มกนั โรค 36 2. กำรติดตำมประเมินมำตรฐำนกำรดำเนนิ งำนสรำ้ งเสริมภมู ิคุ้มกนั โรคในระดบั พ้ืนที่ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 ข

เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นกำรประเมนิ มำตรฐำนฯ หนำ้ แบบประเมนิ มำตรฐำนกำรดำเนนิ งำนสร้ำงเสริมภมู คิ มุ้ กันโรค ในระดับคลังอำเภอ 37 กำรบริหำรจัดกำรวัคซีนและระบบลกู โซค่ วำมเยน็ (ฝำ่ ยเภสชั กรรม รพศ./รพท. และ รพช.) - แบบประเมินมำตรฐำนกำรดำเนินงำนสรำ้ งเสรมิ ภูมคิ มุ้ กนั โรค ในระดบั หนว่ ยบริกำร (โรงพยำบำล / โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพตำบล/ ศนู ยส์ ุขภำพชุมชน (PCU) - มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 ค

กำรประเมนิ มำตรฐำนกำรดำเนนิ งำนสรำ้ งเสรมิ ภมู คิ ้มุ กนั โรค ด้วยสภำพกำรณป์ ัจจุบันภำยหลงั จำกท่มี กี ำรปฏริ ูประบบสำธำรณสุข ทำใหม้ ีกำรปรบั เปลี่ยนโครงสร้ำงขององค์กร และหน่วยงำนทั้งในส่วนกลำงและภูมิภำค มีกำรปรับเปล่ียนกำรบริหำรจัดกำรสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคหลำยด้ำน ได้แก่ กำรบริหำรจัดกำรงบประมำณ ระบบกำรกระจำยวัคซีนด้วยระบบใหม่ ระบบกำรนิเทศ ควบคุมกำกับประเมินผล ควำมหลำกหลำยกำรให้บริกำรมีมำกข้ึน รวมทั้งมีกำรปรับเปลี่ยนบทบำทหน้ำที่ของบุคลำกรกำรเปล่ียนแปลงต่ำงๆ ดังกล่ำวล้วนส่งผลกระทบต่อคุณภำพกำรให้บริกำรวัคซีนเป็นอย่ำงมำก กำรนิเทศติดตำม ประเมินผล และสนับสนุนกำร ดำเนินงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค ให้รักษำระดับมำตรฐำนกำรปฏิบัติงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้สำมำรถดำเนินได้ อย่ำงต่อเนื่องและมีประสิทธิภำพ เป็นกำรป้องกันไม่ให้โรคติดต่อที่มีแนวโน้มลดลงหรือหมดไปแล้วกลับมำระบำดขึ้นใหม่ จนเปน็ ปัญหำที่สำคัญทำงสำธำรณสุขของประเทศต่อไป จึงจำเป็นต้องมีกำรจัดระบบกำรนิเทศ ติดตำมประเมินมำตรฐำน กำรปฏบิ ัติงำนสร้ำงเสริมภมู ิคุม้ กนั โรคของสถำนบริกำรระดับต่ำงๆ เพอ่ื ใหห้ น่วยงำนเครือขำ่ ยระดับเขต จังหวัด และอำเภอ สำมำรถ ติดตำมประเมินกำรปฏิบัติงำนเครือข่ำยบริกำรในพื้นท่ีให้ปฏิบัติงำนได้อย่ำงถูกต้องตำมมำตรฐำนท่ีกำหนดเนื้อหำของ มำตรฐำนกำรดำเนินงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค ประกอบด้วยมำตรฐำนกำรดำเนินงำน 3 ด้ำน ได้แก่ ด้ำนท่ี 1 มำตรฐำนกำรบรหิ ำรจดั กำรวคั ซีนและระบบลกู โซค่ วำมเยน็ ด้ำนท่ี 2 มำตรฐำนคุณภำพกำรใหบ้ ริกำรวัคซีน และ ดำ้ นที่ 3 มำตรฐำนกำรบันทกึ ขอ้ มูลในแฟ้มข้อมูลงำนสร้ำงเสริมภูมคิ มุ้ กนั โรค มำตรฐำนกำร กำรบรหิ ำรจดั กำรวคั ซนี และ ดำเนนิ งำนสร้ำงเสรมิ ระบบลกู โซค่ วำมเยน็ ภมู คิ มุ้ กนั โรค คุณภำพกำรใหบ้ รกิ ำรวคั ซนี กำรบนั ทกึ ขอ้ มูลในแฟม้ ขอ้ มลู งำนสรำ้ งเสรมิ ภมู คิ ้มุ กันโรค มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 1

ตอนท่ี 1 มำตรฐำนกำรบริหำรจัดกำรวัคซีนและระบบลกู โซ่ควำมเยน็ กำรดำเนินงำนบริหำรจัดกำรวัคซีนและระบบลูกโซค่ วำมเย็น มีผู้รับผิดชอบ 2 ระดับ คือ ระดับคลังวัคซีนอำเภอ มีเภสัชกรของโรงพยำบำลท่ีได้รับมอบหมำยเป็นผู้รับผิดชอบ และระดับหน่วยบริกำร มีหัวหน้ำหรือผู้รับผิดชอบงำนของ หน่วยบริกำร ในระดับโรงพยำบำลศูนย์ โรงพยำบำลท่ัวไป โรงพยำบำลชุมชน โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบล และ หน่วยบริกำรในโรงพยำบำลนอกสังกัดกระทรวงสำธำรณสุข รวมทั้งศูนย์กำรแพทย์ต่ำงๆ เป็นผู้ดำเนินงำนบริหำรจัดกำร วัคซีน ซง่ึ มกี จิ กรรมทดี่ ำเนินกำรตำมมำตรฐำน ดงั น้ี กำรบรหิ ำรจดั กำรวคั ซนี และระบบลกู โซค่ วำมเยน็ กำรเตรยี มควำมพรอ้ มรบั เหตฉุ กุ เฉินในระบบลกู โซค่ วำมเยน็ 1. กำรกำหนดหรือแต่งตั้งผู้รับผิดชอบงำนกำรบริหำร 1.กำรจัดทำแผนเตรียมควำมพร้อมรับเหตุกำรณ์ฉุกเฉินใน จัดกำรวคั ซนี ระบบลกู โซ่ควำมเยน็ (กรณไี ฟฟำ้ ดบั หรอื ต้เู ย็นเสยี ) 2. กำรมีและใช้เอกสำร/คู่มือ/หนังสือ/ตำรำในกำร 2.กำรจัดทำผังควบคุมกำกับกำรปฏิบัติงำนกรณีเกิด บรหิ ำรจดั กำรวัคซีนและระบบลูกโซค่ วำมเย็น เหตกุ ำรณ์ฉกุ เฉนิ ในระบบลกู โซค่ วำมเย็น 3. กำรเบกิ และ รบั -จ่ำย วคั ซนี 4. กำรจดั ทำทะเบยี นรบั -จ่ำยวคั ซีน 5. กำรจดั เตรียมวสั ดุอุปกรณร์ ะบบลกู โซ่ควำมเยน็ 6. กำรเก็บรักษำวัคซีน 7. กำรควบคุมอุณหภมู ติ ู้เยน็ 8. กำรดแู ล บำรุงรกั ษำ อปุ กรณ์ ระบบลูกโซ่ควำมเยน็ 1. กำรกำหนดหรอื แตง่ ตงั้ ผรู้ บั ผดิ ชอบงำนกำรบรหิ ำรจดั กำรวคั ซนี ในระดบั คลงั วคั ซนี ในระดับหน่วยบรกิ ำร  มีฝ่ำยเภสัชกรรมทำหน้ำท่ีรับผิดชอบกำรบริหำร  มีนักวิชำกำรสำธำรณสุข พยำบำลวิชำชีพ หรือ จัดกำรคลังวัคซีน โดยมอบหมำยให้เภสัชกรที่ได้รับกำร เจ้ำพนักงำนสำธำรณสุขชุมชน ทำหน้ำที่รับผิดชอบเป็น อบรม เรื่อง กำรบริหำรจัดกำรวัคซีนและระบบลูกโซ่ ลำยลักษณ์อักษรโดยเป็นบุคลำกรท่ีผ่ำนกำรอบรม เร่ือง ควำมเย็น รบั ผดิ ชอบเป็นลำยลักษณอ์ ักษร กำรบริหำรจัดกำรวคั ซีนและระบบลูกโซ่ควำมเย็น - ในกรณีเภสัชกรไม่เคยผ่ำนกำรอบรมดังกล่ำว ฝ่ ำย เ ภ สั ช ก ร ร มต้ อง ให้ ก ำร อบ ร มห รื อ ให้ คำแ น ะ น ำ ก่อ น มอบหมำยใหร้ บั ผิดชอบงำน  มีกำรจัดอบรมหรือประชุมช้ีแจง ผู้รับผิดชอบงำนใน ระดับเครอื ข่ำย 1 ครงั้ /ปี เพือ่ พัฒนำเครอื ขำ่ ย  มีกำรนิเทศงำนผู้รับผิดชอบงำนในระดับเครือข่ำย 1 คร้ัง/ปี เพ่ือพัฒนำเครอื ขำ่ ย มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 2

2. กำรมแี ละใช้ เอกสำร/คู่มือ/หนงั สือ/ตำรำในกำรบริหำรจัดกำรวคั ซนี และระบบลกู โซค่ วำมเย็น ในระดับคลงั วคั ซีน มแี ละใช้คู่มอื ดงั นี้ ในระดับหน่วยบรกิ ำร มีและใช้คู่มือ ดังน้ี  มำตรฐำนกำรดำเนินงำน ด้ำนคลังและกำรเก็บ  มำตรฐำนกำรดำเนินงำน ด้ำนคลังและกำรเก็บ รักษำวัคซีน (ปี 2556) หรือ คู่มือกำรบริหำรจัดกำร รักษำวัคซีน (ปี 2556) วคั ซีนและระบบลูกโซ่ควำมเย็น (ปี 2554)  ตำรำวัคซีนและกำรสร้ำงเสรมิ ภมู คิ ้มุ กันโรค  ตำรำวัคซีนและกำรสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค (ปี 2556 หรอื ปี 2562) (ปี 2556 หรอื ปี 2562)  หลักสูตรเชิงปฏิบัติกำรสำหรับเจ้ำหน้ำที่สร้ำงเสริม  หลักสูตรเชิงปฏิบัติกำรสำหรับเจ้ำหน้ำท่ีสร้ำง ภมู คิ มุ้ กันโรค ปี 2558-2561 เสริมภูมิคุ้มกนั โรค ปี 2558-2561 3. กำรเบกิ และรบั - จ่ำยวคั ซีน ในระดบั คลงั วัคซีน ในระดบั หนว่ ยบรกิ ำร • กำรเบิกวัคซีน : key inventory on hand ผ่ำนระบบ  กำรเบิกวัคซีน: จัดทำใบเบิกวัคซีนตำมแบบฟอร์ม VMI เดือนละครัง้ ตำมกำหนดเวลำ ว. 3/1 ที่ตรงตำมกำหนดกำรให้วัคซีนปัจจุบัน โดยกรอก • กำรรับวัคซีน : ตรวจรับวัคซีนที่องค์กำรเภสัชกรรม ข้อมูลกำรเบิกวัคซีนและกำรใช้ในเดือนท่ีผ่ำนมำ ครบถ้วน (GPO) จัดส่งให้ตำมรำยกำร ดงั น้ี ทุกช่อง คำนวณควำมตอ้ งกำรใช้วัคซีนและอตั รำกำรสูญเสีย ที่เกิดข้ึนจริงได้ถูกต้อง และส่งใบเบิกให้สำนักงำน - รถยนตม์ ีหลงั คำ และกล่องโฟมอยใู่ นสภำพดี - สง่ ถึงตำมวันและเวลำท่รี ะบไุ ว้หน้ำกลอ่ ง สำธำรณสุขอำเภอ หรือ ฝ่ำยเภสัชกรรมก่อนมำรับวัคซีน - วัคซีนสง่ มำในอุณหภูมติ ำมท่ีระบุไว้หนำ้ กล่อง อย่ำงน้อย 1 สัปดำห์ เพื่อให้ฝ่ำยเภสัชกรรม ตรวจสอบ - ซองนำ้ แขง็ (ice pack) / gel pack ยงั ละลำยไมห่ มด ควำมครบถ้วนถกู ต้องของใบเบกิ ก่อนจ่ำยวัคซนี - จำนวนวัคซีน เลขที่ผลิตและวันหมดอำยุครบถ้วน และตรงตำมท่รี ะบุในใบนำสง่ วคั ซนี  กำรรบั วคั ซนี : - ไมม่ ีวคั ซีนแตกเสียหำย กรณคี ลงั วคั ซนี ของโรงพยำบำลนำสง่ ใหห้ นว่ ยบรกิ ำร - เคร่ืองหมำย VVM ท่ีอยู่ข้ำงขวดวัคซีนบำงชนิด หน่วยบริกำรตรวจรับวคั ซีนตำมรำยกำร ยังมสี ีในสเี่ หลี่ยมออ่ นกว่ำสีในวงกลมทอ่ี ยู่ลอ้ มรอบ - กระติกหรอื กล่องโฟมอย่ใู นสภำพดี • เม่ือตรวจรับวัคซีนแล้ว ให้นำวัคซีนเข้ำตู้เย็นทันที ถ้ำมี - ซองน้ำแข็ง (ice pack) / gel pack ยังละลำยไมห่ มด ปัญหำในกำรตรวจรบั วคั ซีนตอ้ งรบี แจ้งองค์กำรเภสชั กรรม - จำนวนวัคซีน เลขท่ีผลิตและวันหมดอำยุครบถ้วน • กำรจ่ำยวคั ซีน : ฝำ่ ยเภสัชกรรมต้องตรวจสอบควำม และตรงตำมท่ีระบใุ นใบนำส่งหรือใบเบกิ วัคซีน ครบถ้วนถูกต้องของใบเบิกวัคซีนของหน่วยบริกำร - ไม่มีวคั ซีนแตกเสยี หำย (แบบฟอร์ม ว. 3/1) และตรงตำมกำหนดกำรให้วัคซีน - เครื่องหมำย VVM ที่อยู่ข้ำงขวดวัคซีนบำงชนิด ปัจจุบัน ก่อนจำ่ ยวัคซีน ดังน้ี ยงั มีสใี นส่เี หลยี่ มอ่อนกว่ำสใี นวงกลมทีอ่ ย่ลู ้อมรอบ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 3

- กรอกข้อมลู ในใบเบิกวัคซนี ครบถ้วนทุกช่อง กรณหี นว่ ยบรกิ ำรมำรบั วคั ซนี เอง - คำนวณจำนวนที่ขอเบิก และอัตรำสูญเสียได้ ฝำ่ ยเภสชั กรรมตรวจสอบอปุ กรณท์ ่ีนำมำรบั วคั ซนี ถกู ตอ้ ง - ตรวจสอบกระติก และซองนำ้ แข็ง (Icepacks) - ควำมสอดคล้องของปริมำณกำรเบิกและกำรใช้ ทีน่ ำมำรับวัคซนี ให้ครบถ้วนและได้มำตรฐำน วคั ซีน โดยพิจำรณำจำกจำนวนเป้ำหมำยกำรเบิกวัคซีน - ซองนำ้ แข็งท่ีใส่ในกระติกหรือ กลอ่ งโฟม ใกลเ้ คียงกบั จำนวนผู้รับบรกิ ำร ต้องทำใหเ้ รม่ิ ละลำย (Conditioning Icepack) ก่อนบรรจุ (เขย่ำซองนำ้ แข็งแล้วไดย้ ินเสยี งน้ำ) ** เมื่อตรวจรบั วัคซนี แลว้ ให้นำวคั ซีนเขำ้ ต้เู ยน็ ทันที 4. กำรจดั ทำทะเบียนรบั -จ่ำยวคั ซนี ในระดับคลังวัคซีน ในระดบั หน่วยบรกิ ำร • จัดทำทะเบียนรับ - จ่ำยวัคซีน โดยจำแนกตำมรำย • จัดทำทะเบียนรับ-จ่ำยวัคซีน โดยจำแนกตำมรำย ชนิดวัคซีน และระบุเลขท่ีวัคซีน (Lot. no.) และ ชนิดวัคซีน และระบุเลขที่วัคซีน (Lot. no.) และ วันหมดอำยใุ ห้ครบถ้วนถกู ตอ้ ง วันหมดอำยใุ หค้ รบถว้ นถูกต้อง • จำ่ ยวัคซีนตำมหลกั First Expire First Out (FEFO) • ใช้วคั ซีนตำมหลัก First Expire First Out (FEFO) • ลงบันทึกกำรรับ-จ่ำยวัคซีน แยกเป็นรำยหน่วยบริกำร • ลงบันทึกกำรรับ-จ่ำยวัคซีน โดยระบุเป็นรำยเลขที่ พรอ้ มทัง้ บนั ทึกเลขท่ีวคั ซนี ทุก Lot. no. และวนั หมดอำยุ วคั ซีน (Lot. no.) และวนั หมดอำยุ • ยอดคงคลังของวัคซีนเป็นปัจจุบัน โดยจำแนกเป็น • ยอดคงคลังของวัคซีน เป็นปัจจุบัน โดยจำแนกเป็น รำยเลขท่ีวัคซีน (Lot. no.) และวันหมดอำยุ ไดถ้ ูกตอ้ ง รำยเลขที่วัคซีน (Lot. no.) และวันหมดอำยุได้ถกู ตอ้ ง • ทะเบียนรับ-จ่ำยวัคซีนอำจจัดทำในรูปแบบเอกสำร • ทะเบียนรับ-จ่ำยวัคซีนอำจจัดทำในรูปแบบเอกสำร หรือฐำนข้อมูล (อิเล็กทรอนิกส์ไฟล์) ที่สำมำรถเปิดให้ หรือฐำนข้อมูล (อิเล็กทรอนิกส์ไฟล์) ที่สำมำรถเปิดให้ ตรวจสอบได้ ตรวจสอบได้ 5. กำรจดั เตรยี มวสั ดุอปุ กรณร์ ะบบลูกโซ่ควำมเยน็ ในระดับคลังวคั ซีน ในระดับหนว่ ยบรกิ ำร  ตู้เย็นเก็บวัคซีนโดยเฉพาะ อย่ำงน้อย 1 ตู้ท่ีมีลักษณะ  ตู้เย็นเก็บวัคซีนโดยเฉพาะ จำนวน 1 ตู้ท่ีมีลักษณะ ดังน้ี ดังนี้ - ตเู้ ยน็ ชนดิ แยกช่องแชแ่ ขง็ และช่องอณุ หภมู ิ  ตเู้ ยน็ ชนดิ แยกช่องแชแ่ ขง็ และชอ่ งอุณหภมู ิ +2 ถงึ +8 องศำเซลเซยี ส (Domestic refrigerator) +2 ถงึ +8 องศำเซลเซยี ส (Domestic refrigerator) ที่มฝี ำประตูทึบแสง 1 หรือ 2 ประตู - ฝำประตทู บึ แสง อย่ำงนอ้ ย 2 ประตู มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 4

- ขนำดควำมจุไมต่ ่ำกวำ่ 18 คิว - ขนำดควำมจุไม่ตำ่ กว่ำ 5 ควิ (หรือมีตู้เย็นชนิดแยกช่องแช่แข็งและช่องอุณหภูมิ - ฉ น ว น กั น ค ว ำ ม ร้ อ น ห น ำ ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ ำ +2 ถึง +8 องศำเซลเซยี ส มำกกว่ำ 1 ตู้ ทม่ี คี วำมจรุ วมกนั 30 มิลลิเมตร (3 ซม.) ไมต่ ำ่ กว่ำ 18 ควิ ) หมำยเหตุ หำกนำวัคซีนที่เหลือจำกกำรให้บริกำรไป เก็บไว้ในตู้เย็นของฝ่ำยเภสัชกรรม ตู้เย็นน้ันต้องเป็นไป - ฉ น ว น กั น ค ว ำ ม ร้ อ น ห น ำ ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ ำ ตำมมำตรฐำนฯ โดยมีกำรต้องแยกเก็บวัคซีนไว้ต่ำงหำก 30 มลิ ลเิ มตร (3 ซม.) และจัดเรยี งวัคซนี ได้ถูกตอ้ ง  ตู้เย็นแช่เย็นเวชภัณฑ์ (Pharmaceutical ตเู้ ยน็ แชเ่ ยน็ เวชภณั ฑ์ refrigerator) (Pharmaceutical refrigerator) - มี เ อ ก ส ำ ร รั บ ร อ ง จ ำ ก ผู้ ผ ลิ ต ว่ ำ เ ป็ น Pharmaceutical refrigerator หรือ มีคุณสมบัติ รักษำ อุณหภูมิได้ +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส กรณีไฟฟ้ำดับ สำมำรถรักษำอุณหภูมิได้ไมต่ ำ่ กว่ำ 3 ชวั่ โมง - โครงสรำ้ งสแตนเลส หรอื อลูมิเนียมแข็ง - ขนำดควำมจุไม่ตำ่ กว่ำ 18 ควิ - ฉนวนกันควำมร้อนมีควำมหนำไม่ต่ำกว่ำ 30 มิลลิเมตร (3 ซม.) - ขอบกระจกซีลด้วยยำงหนำไม่ต่ำกว่ำ 5 มิลลเิ มตร (0.5 ซม.) - มีเคร่ืองวัดอุณหภูมิแบบดิจิตอลแสดงเป็น ตัวเลข ตเู้ ยน็ ชนดิ แยกชอ่ งแชแ่ ขง็ และช่องอณุ หภมู ิ +2 ถงึ +8 องศำเซลเซยี ส (Domestic refrigerator) รปู ที่ 1 ตเู้ ยน็ เกบ็ วคั ซีน 5 มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566

 กระติกวัคซีนใบใหญ่ (Cold box) อย่ำงน้อย  กระตกิ วคั ซนี ใบเลก็ (Vaccine carrier) จำนวน 1 ใบ ทมี่ ลี กั ษณะ ดงั น้ี 1 ใบ ทีม่ ลี ักษณะ ดังน้ี - มีควำมหนำของฉนวนไม่ต่ำกว่ำ 30 มิลลิเมตร - มีควำมหนำของฉนวนไม่ต่ำกวำ่ 30 มิลลิเมตร (3 ซม.) (3 ซม.) - ปรมิ ำตรควำมจุภำยใน ไมต่ ำ่ กว่ำ 20 ลติ ร - ปริมำตรควำมจทุ ่ีเกบ็ วคั ซนี (Vaccine Storage - ไมม่ ีรอยแตกทง้ั ดำ้ นในและด้ำนนอก สะอำดฝำ Capacity) ไมน่ ้อยกว่ำ 1.7 ลิตร กระติกปดิ ล็อกไดส้ นิท - ไม่มีรอยแตกท้ังด้ำนในและด้ำนนอก สะอำด - รักษำอุณหภูมิให้อยู่ระหว่ำง +2 ถึง +8 องศำ ฝำกระตกิ ปดิ ล็อกได้สนิท เซลเซียส อย่ำงนอ้ ย 24 ชัว่ โมง - สำมำรถบรรจซุ องน้ำแข็งได้พอดีครบ 4 ด้ำน หรือ กล่องโฟมใบใหญ่ อย่ำงน้อย 1 ใบ ที่มีลักษณะ - รักษำอุณหภูมิให้อยู่ระหว่ำง +2 ถึง +8 องศำ ดังน้ี เซลเซยี ส อย่ำงนอ้ ย 24 ชวั่ โมง - มีควำมหนำของฉนวนไม่ต่ำกว่ำ 25 มิลลิเมตร (2.5 ซม.) - ปริมำตรภำยใน ไม่ต่ำกว่ำ 20 ลิตร หรือควำมจุ น้ำหนกั รวม ตงั้ แต่ 20 กโิ ลกรัม ขึ้นไป - ไม่มีรอยแตกท้ังด้ำนในและด้ำนนอก, สะอำด, ฝำปิดได้สนิท - รักษำอุณหภูมิให้อยู่ระหว่ำง +2 ถึง +8 องศำ เซลเซียส อย่ำงนอ้ ย 24 ชวั่ โมง  กระตกิ วคั ซนี ใบเลก็ (Vaccine carrier) ทีม่ ี ลักษณะ ดงั นี้ - มคี วำมหนำของฉนวนไมต่ ำ่ กว่ำ 30 มลิ ลเิ มตร - ปริมำตรควำมจุท่เี กบ็ วัคซนี (Vaccine Storage Capacity) ไม่น้อยกว่ำ 1.7 ลิตร - ไม่มรี อยแตกทง้ั ดำ้ นในและดำ้ นนอก สะอำด ฝำกระติกปิดลอ็ กไดส้ นทิ - สำมำรถบรรจุซองนำ้ แข็งได้พอดีครบ 4 ด้ำน - รักษำอุณหภมู ใิ ห้อย่รู ะหว่ำง +2 ถึง +8 องศำ เซลเซียส อย่ำงน้อย 24 ช่วั โมง มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 6

- จำนวนกระตกิ ทตี่ ้องสำรองข้ึนกบั จำนวนของ หนว่ ยบริกำรลกู ขำ่ ยดังน้ี จำนวนหนว่ ยบรกิ ำร จำนวนกระตกิ วคั ซนี ใบเล็ก ลกู ขำ่ ย (Vaccine carrier) อยำ่ งน้อย 1 ใบ ไม่เกนิ 15 แห่ง อย่ำงน้อย 2 ใบ มำกกวำ่ 15 แหง่ รปู ที่ 2 กระตกิ วัคซนี ใบใหญแ่ ละกล่องโฟมใบใหญ่ รปู ท่ี 3 กระติกวคั ซนี ใบเลก็  ซองนาแขง็ (Icepack) หรือ Gel pack พร้อมใช้  ซองนาแขง็ ทพ่ี อดกี บั กระติก พร้อมใช้งำน งำน อยำ่ งน้อย 12 อัน และเพยี งพอกับขนำดของ อยำ่ งน้อย 4 อัน กระติกวคั ซนี ใบใหญ่หรอื กลอ่ งโฟมใบใหญ่  เทอรโ์ มมเิ ตอร์ ทม่ี ีกำรสอบเทียบ หรือเทียบเคียง  เทอรโ์ มมเิ ตอร์ท่มี กี ำรสอบเทียบแลว้ แลว้ ปลี ะ 1 ครั้ง อย่ำงน้อย 2 อัน สำหรบั ชอ่ งแช่แข็ง ปีละ 1 คร้ัง อยำ่ งน้อย 2 อนั สำหรับช่องแชแ่ ขง็ และ และช่องอณุ หภูมิ +2 ถงึ +8 องศำเซลเซียส ชอ่ งอณุ หภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซยี ส มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 7

รปู ท่ี 4 เทอรโ์ มมเิ ตอร์ที่ไดร้ บั กำรสอบเทยี บ 6. กำรเก็บรักษำวัคซนี 6.1 อุณหภูมิของตู้เย็นในช่องธรรมดำอยู่ในอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส และช่องแช่แข็งอยู่ในอุณหภูมิ ระหวำ่ ง -15 ถึง -25 องศำเซลเซียส 6.2 กำรจัดเรียงวัคซีนในตู้เย็น: แยกเป็นสัดส่วน มีป้ำยแสดงชื่อวัคซีนแต่ละชนิด และมีช่องว่ำงให้ควำมเย็น ไหลเวยี นไดท้ ัว่ ถึง โดยจัดเก็บวคั ซีนแต่ละชนิด ดงั นี้ รปู ที่ 5 กำรจดั เรยี งวคั ซนี ในตเู้ ยน็ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 8

วคั ซนี ทีไ่ วตอ่ ความร้อน  OPV เก็บในช่องแชแ่ ข็ง (Freezer)  MMR/MR, BCG LAJE และ Rota เก็บอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซยี ส กรณีชัน้ เกบ็ ชนั้ ที่ 1 ไม่เพยี งพอ สำมำรถเก็บชนั้ ท่ี 2 ไดอ้ ีก 1 ช้นั (หำ้ ม เก็บในถำดรองใตช้ ่องแชแ่ ขง็ เพ่ือป้องกันกล่องวัคซีนเปยี กน้ำ หรอื ฉลำกหลุดลอก) วคั ซีนไวตอ่ ความเยน็ จัด  DTP, DTP-HB-Hib, HB, dT, IPV, HPV, Influenza, JE เชอื้ ตำย และ Rabies เก็บอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส เทำ่ นนั้ (ท่ีไมใ่ ชช่ ้ันท่ี 1 )  น้ำยำทำละลำยวัคซีนให้เก็บในอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส (ในระดับคลังวัคซีนสำมำรถจัดเก็บ นอกตเู้ ยน็ ไดท้ ่อี ุณหภูมิหอ้ ง (+25 องศำเซลเซียส)) วคั ซนี ที่ไวต่อแสง  BCG, MMR/MR, LAJE และ Rota ให้เก็บไว้ในกล่องทึบแสง เช่น กล่องวัคซีน/กล่องกระดำษ หรือ ซองยำสีชำทปี่ อ้ งกันแสง 6.3 กำรเกบ็ รักษำวัคซนี ในขณะให้บรกิ ำร  ควรให้บรกิ ำรในทรี่ ่ม  เก็บวัคซนี ในกระติกวคั ซีนหรือกลอ่ งโฟมทม่ี อี ุณหภูมอิ ยู่ในช่วง +2 ถึง +8 องศำเซลเซยี ส  วำงขวดวคั ซนี ให้ตั้งตรง  ห้ำมวำงขวดวัคซีนสมั ผัสกับ icepack หรือนำ้ แข็งโดยตรง  ดดู วคั ซนี ใส่ไซริงคแ์ ลว้ ใหบ้ ริกำรทนั ที หำ้ มเตรยี มไวเ้ ปน็ จำนวนมำก  ห้ำมมีเข็มปกั คำขวดวัคซีน ในระหว่ำงทร่ี อให้บริกำร  วัคซนี เชอื้ เป็นชนดิ ผงแหง้ ที่ผสมนำ้ ยำละลำยแล้ว ตอ้ งเกบ็ ไวไ้ ม่ให้โดนแสง  หลังเปดิ ใช้แล้วใหเ้ ก็บวัคซีนแต่ละชนดิ ตำมตำรำงท่ี 1 ในตอนท่ี 2 : มำตรฐำนกำรใหบ้ ริกำรวัคซนี 6.4 ปริมำณวคั ซนี คงคลงั ในแตล่ ะระดบั  ในระดบั คลังวคั ซนี : มวี ัคซนี แต่ละชนดิ คงคลงั ไม่เกนิ อัตรำกำรใช้ 2 เดือน หลงั จำ่ ยให้หน่วยบรกิ ำร  ในระดบั หนว่ ยบรกิ าร: มวี ัคซนี แตล่ ะชนิดคงเหลือไม่เกินอัตรำกำรใช้ 1 เดือน หลงั ใหบ้ ริกำร มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 9

7. กำรควบคุมอณุ หภูมติ ้เู ยน็ 7.1 ตรวจสอบอุณหภูมิเช้ำ (8.30 – 9.30 น.) และเย็น (15.30 – 16.30 น.) อย่ำงต่อเนื่องทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดรำชกำร และควบคุมให้อยู่ในอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส สำหรับช่องธรรมดำ และอุณหภูมิ -15 ถึง -25 องศำ เซลเซยี ส สำหรับชอ่ งแช่แขง็ หรือมรี ะบบแจง้ เตือนอุณหภมู ิตลอดเวลำ (แบบ Real time) 7.2 บันทึกอุณหภูมิท่ีตรวจสอบให้ถูกต้องตำมควำมเป็นจริง และเก็บไว้เพื่อตรวจสอบกำรทำงำนของตู้เย็น ไมน่ ้อยกวำ่ 6 เดอื น 8. กำรดูแล บำรุงรักษำ อุปกรณ์ระบบลกู โซค่ วำมเยน็ 8.1 ตเู้ ย็น  ทำควำมสะอำดรอบนอกตู้เย็น และขอบยำงฝำตู้เย็นไม่ให้มีเช้ือรำเกำะติด วำงตู้เย็นต้ังตรงและห่ำงจำกฝำผนัง แต่ละด้ำนไมต่ ำ่ กวำ่ 6 น้วิ  ประตูตู้เย็นปิดสนิทป้องกันไม่ให้ควำมเย็นออก ตรวจสอบโดยใช้กระดำษ A4 สอดเข้ำไป แล้วปิดฝำตู้ หำกสำมำรถดงึ กระดำษออกได้ แสดงว่ำ ขอบยำงเสอื่ มและอำจทำใหฝ้ ำต้เู ย็นปิดไม่สนิท  ปล๊ักตเู้ ย็นมลี ักษณะอย่ำงใดอยำ่ งหนึ่งตอ่ ไปนี้ - มี Breaker เฉพำะของตเู้ ย็น หรือ - ตเู้ ย็นใช้เต้ำเสียบชนิดเดี่ยว (ไมใ่ ช่ปลกั๊ ตอ่ พว่ ง) พันเทปกำวปดิ ทับปลกั๊ ตู้เย็นให้แน่น หรอื - ตู้เย็นใช้หลำยเต้ำเสียบ (ไม่ใช่ปลั๊กต่อพ่วง) และใช้เทปกำวปิดทับปล๊ักตู้เย็นวัคซีน สำหรับช่องเสียบปล๊ัก ท่ีเหลอื สำมำรถใชก้ บั ตูเ้ ย็นเกบ็ เวชภณั ฑ์อ่ืนได้  ละลำยน้ำแข็งในชอ่ งแชแ่ ขง็ เม่อื เกำะหนำ เกนิ 5 มิลลเิ มตร  ใส่ขวดน้ำที่มีฝำปิด (ปริมำณน้ำไม่ต่ำกว่ำ 3 ใน 4 ของขวด) หรือ Gel Pack ไว้ให้เต็มช่องแช่ผักหรือฝำประตูตู้เย็น เพ่อื เก็บรักษำอณุ หภูมติ ู้เยน็ ใหไ้ ดต้ ำมมำตรฐำนท่ีกำหนด 8.2 กระตกิ หรือ กล่องโฟม  ลำ้ งให้สะอำด และตำกไว้ในที่ร่มหรือเช็ดให้แห้ง เม่ือแหง้ สนิทแล้วให้เกบ็ ไว้ในท่รี ่มให้เรียบร้อย  ตรวจสอบรอยแตกร้ำว ถ้ำมี จะส่งผลต่อกำรเก็บรักษำอุณหภูมิไม่อยู่ในช่วง +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส ตอ้ งจดั หำใหม่ 8.3 ซองนำ้ แขง็ (Icepack) หรอื Gel pack  เกบ็ ในช่องแช่แขง็ เพ่ือหมุนเวียนออกไปใช้ เม่ือส่งกลบั มำ ให้ตรวจสอบรอยแตกรำ้ ว ไม่รั่วซึม  ระดับน้ำในซองนำ้ แข็ง ต้องไม่มำกกวำ่ ระดบั ทกี่ ำหนดเพรำะน้ำท่ีแข็งตัวจะขยำยออกจนทำให้แตกรำ้ วได้ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 10

8.4 เทอร์โมมเิ ตอร์  แขวนหรือวำงไวช้ ้ันกลำงตู้เยน็ บริเวณท่ีเกบ็ วัคซีนที่ไวต่อควำมเย็นจดั มำกท่สี ุด (HB และ DTP-HB-Hib)  ระวงั อย่ำให้หลุดหรือหล่นกระแทกพื้นตู้เย็นหรือพน้ื หอ้ ง เมือ่ เวลำเปดิ -ปิด ตู้เย็น  สอบเทียบหรอื เทยี บเคียงกบั เทอร์โมมเิ ตอร์มำตรฐำนแล้วปลี ะ 1 ครั้ง กำรเตรยี มควำมพรอ้ มรบั เหตฉุ ุกเฉนิ ในระบบลกู โซ่ควำมเยน็ 9. กำรจดั ทำแผนเตรยี มควำมพร้อมรบั เหตกุ ำรณ์ฉกุ เฉนิ ในระบบลกู โซค่ วำมเยน็ (กรณไี ฟฟ้ำดบั หรอื ตเู้ ยน็ เสยี ) สำหรบั ระดบั คลงั วคั ซนี 9.1 มแี ผนเตรยี มควำมพร้อมกรณฉี ุกเฉินในระบบลกู โซ่ควำมเย็น 9.2 มีเจ้ำหน้ำทีร่ ับผดิ ชอบเฉพำะ และจัดเตรยี มอุปกรณใ์ ห้พรอ้ ม 9.3 ซ้อมเตรียมควำมพร้อมกรณีฉกุ เฉินในระบบลูกโซ่ควำมเย็น โดยกำรฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise) อย่ำงน้อยปีละ 1 คร้ัง 10. กำรจดั ทำผงั ควบคมุ กำกบั กำรปฏบิ ตั งิ ำนกรณเี กดิ เหตกุ ำรณ์ฉกุ เฉนิ ในระบบลูกโซค่ วำมเย็น สำหรับระดบั คลงั วคั ซนี และหนว่ ยบริกำร 10.1 มีผงั ควบคมุ กำกบั กำรปฏิบตั ิงำนกรณเี กดิ เหตกุ ำรณฉ์ ุกเฉนิ ในระบบลูกโซค่ วำมเยน็ ฯ 10.2 ต้องระบุชอื่ ผรู้ บั ผดิ ชอบและเบอรโ์ ทรศัพทท์ ตี่ ิดต่อได้ของผรู้ ับผดิ ชอบในผังควบคุมกำกบั 10.3 ตดิ ผังควบคุมกำกบั ไวใ้ นท่มี องเหน็ ชัด เช่น ฝำประตูตเู้ ย็นด้ำนนอก กำรดำเนนิ งำนเมื่อเกดิ เหตกุ ำรณฉ์ กุ เฉนิ ในระบบลูกโซค่ วำมเย็น กรณีท่ี 1 ในระดบั คลังวคั ซีนหรอื หนว่ ยบริกำร ท่ีไม่มีเครอื่ งกำเนดิ ไฟฟ้ำสำรอง (Generator) ไฟฟ้าดับ ไมเ่ กิน 3 ช่วั โมง  ปดิ ประตตู เู้ ยน็ ไว้ ห้ำมเปิดเดด็ ขำด  สอบถำมกำรไฟฟำ้ วำ่ จะจ่ำยกระแสไฟฟ้ำได้ภำยใน 3 ชั่วโมงหรอื ไม่ ไฟฟ้าดับ เกิน 3 ช่ัวโมง  ย้ำยวคั ซนี ทั้งหมดไปเกบ็ ไวใ้ นกระติกวคั ซีนหรอื กลอ่ งโฟมใบใหญ่ ที่อุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซยี ส กรณที ี่ 2 ในระดับคลงั วัคซีนหรือหน่วยบรกิ ำร ทีม่ เี ครอื่ งกำเนิดไฟฟ้ำสำรอง (Generator)  เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟ้ำสำรอง (Generator) ตอ้ งสำมำรถทำงำนได้ทนั ที  ถ้ำเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้ำสำรอง (Generator) ไม่สำมำรถใช้งำนได้ใน 3 ชม. ให้ย้ำยวัคซนี เก็บในกระติกหรือ กลอ่ งโฟมอุณหภมู ิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 11

 กำรตรวจสอบกำรทำงำนและบำรุงรกั ษำเครื่องกำเนิดไฟฟ้ำสำรอง (Generator)  ทดสอบกำรทำงำนเครอ่ื งกำเนิดไฟฟ้ำสำรอง (Generator) อยำ่ งนอ้ ย 1 ครงั้ / สปั ดำห์  ตรวจสอบ/ซ่อมบำรุง อยำ่ งน้อย 1 คร้ัง/ปี กรณีที่ 3 ต้เู ยน็ เกบ็ วคั ซนี เสยี  ย้ำยวัคซนี ท้งั หมดไปเก็บไวใ้ นต้เู ยน็ อืน่ หรอื กระติกหรือกลอ่ งโฟมที่มีอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศำเซลเซยี ส  ดำเนินกำรแจ้งซ่อม/หรือจัดหำใหม่  นำวคั ซนี ไปฝำกไว้ทีส่ ถำนบริกำรใกลเ้ คียง มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 12

ตวั อยำ่ ง แผนกำรเตรียมควำมพรอ้ มกรณีเกดิ เหตกุ ำรณฉ์ กุ เฉนิ ในระบบลกู โซค่ วำมเยน็ ชอ่ื คลงั วัคซนี ระดับอำเภอ.................................................................อำเภอ..................... จงั หวดั ..................... ช่ือ-นำมสกลุ ผู้รับผดิ ชอบงำนวคั ซีนและระบบลูกโซ่ควำมเย็น.......................................................................... เบอรโ์ ทรศัพท์มือถือ ................................................................. สถำนกำรณ์ เนื่องด้วย (ช่ือคลังวัคซีนระดับอำเภอ...............) เป็นส่วนงำนซ่ึงมีหน้ำท่ีเก็บรักษำวัคซีน ประกอบด้วย วคั ซีนข้ันพน้ื ฐำนท่ใี ช้ในแผนงำนสร้ำงเสริมภูมิคมุ้ กันโรคของประเทศไทย วคั ซีนสำหรบั โครงกำรรณรงคใ์ ห้วคั ซีนชนดิ ต่ำงๆ และวคั ซีนเพื่อกำรป้องกันควบคุมกำรระบำดของโรค เป็นต้น รวมถึงมีหน้ำท่ีกระจำยวัคซีน ให้แก่ (หน่วยบริกำรวัคซีนลูก ขำ่ ย/ผรู้ ับบริกำรสรำ้ งเสริมภูมิคมุ้ กันโรคด้วยวัคซนี ..............) ซงึ่ วัคซีนท่จี ัดเก็บสว่ นใหญ่ท้ังชนดิ เช้ือเป็นออ่ นฤทธ์ิ ชนิดเช้ือ ตำย และชนิดท๊อกซอยด์ ต้องควบคุมอุณหภูมิ ให้อยู่ระหว่ำง +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส และสำหรับวัคซีนชนิดเช้ือเป็น อ่อนฤทธิ์บำงตัว ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดรับประทำนต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ระหว่ำง -15 ถึง -25 องศำ เซลเซียส ตลอดเวลำ ตำมมำตรฐำนกำรดำเนินงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค และมำตรฐำนกำรดำเนินงำนด้ำนคลังและ กำรเก็บรักษำวัคซีน ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสำธำรณสุข ทั้งนี้ แม้หน่วยงำนจะดำเนินกำรตำมข้อควรปฏิบัติต่ำงๆ ของกรมควบคุมโรค สำหรับควบคุม กำกับ และติดตำมกำรเก็บรักษำวัคซีน รวมทั้งกำรกระจำยวัคซีนท่ีดีแล้ว ก็ยังอำจ สำมำรถเกิดเหตุกำรณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในกำรเก็บรักษำวัคซีนและกำรกระจำยวัคซีน ที่ส่งผลทำให้วัคซีนต่ำงๆ อยู่ภำยใต้ อุณหภมู ิที่ไมเ่ หมำะสมกับชนดิ ของวคั ซีนหรือท่เี รียกว่ำ กำรเกิดเหตกุ ำรณ์ฉุกเฉินในระบบลกู โซค่ วำมเย็นขน้ึ ได้ โดยอำจเกิด มำจำกหลำยสำเหตุปัจจัย ท้ังท่ีสำมำรถควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ซ่ึงในบำงกรณี สำมำรถสมมติเหตุกำรณ์ท่ีอำจเกิดขึ้น ได้จริงในพ้ืนท่ี นำมำสู่กำรเตรียมควำมพร้อม เพ่ือหำข้อควรปฏิบัติ ไว้ก่อนล่วงหน้ำได้ ดังนั้น (ช่ือคลังวัคซีนระดับอำเภอ .......) จึงได้จัดทำแผนกำรเตรียมควำมพร้อมกรณีเกิดเหตุกำรณ์ฉุกเฉินในระบบลูกโซ่ควำมเย็นขึ้น เพ่ือเตรียมควำมพร้อม รองรับกับเหตุกำรณ์ฉุกเฉินที่อำจเกิดขึ้นในระบบลูกโซ่ควำมเย็น และสำมำรถตอบโต้เหตุกำรณ์ฉุกเฉินดังกล่ำวได้ทัน สถำนกำรณ์ และสำมำรถใช้เป็นแนวทำงประกอบกำรซักซ้อมบุคลำกรภำยในหน่วยงำนเพ่ือเตรียมควำมพร้อม กรณีเกดิ เหตกุ ำรณฉ์ กุ เฉนิ ในระบบลกู โซ่ควำมเยน็ ตำมมำตรฐำนของกรมควบคมุ โรค อยำ่ งน้อยปีละ 1 ครง้ั ไดอ้ กี ด้วย วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อเตรียมควำมพร้อมรองรับเหตุกำรณ์ฉุกเฉินที่อำจเกิดขึ้นในระบบลูกโซ่ควำมเย็นของ (ช่ือคลังวัคซีนระดับ อำเภอ......) และสำมำรถตอบโตเ้ หตกุ ำรณฉ์ ุกเฉินดังกล่ำวไดท้ ันสถำนกำรณ์ 2. เพ่ือใช้เป็นแนวทำงประกอบกำรซ้อมแผนกรณีเกิดเหตุกำรณฉ์ ุกเฉนิ ในระบบลูกโซ่ควำมเย็นของ (ชอ่ื คลังวัคซีน ระดับอำเภอ.......) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 13

ขน้ั ตอนกำรดำเนนิ งำน 1. วิเครำะหเ์ หตุกำรณฉ์ กุ เฉนิ ในระบบลกู โซ่ควำมเย็น ซง่ึ อำจเกดิ ขนึ้ ได้ของ (ช่ือคลังวคั ซนี ระดบั อำเภอ.....) มดี ังน้ี 1.1 เหตกุ ำรณ์ฉกุ เฉินของตเู้ ยน็ เกบ็ วัคซีน 1.2 เหตกุ ำรณฉ์ กุ เฉนิ ของรถสง่ วคั ซนี 2. กำรดำเนินกำร 2.1 กำรดำเนนิ กำรสำหรบั เหตุกำรณฉ์ ุกเฉินของตเู้ ย็นเก็บวัคซีน ซึ่งมีเหตกุ ำรณท์ ีอ่ ำจเกดิ ขึน้ ไดด้ งั น้ี 2.1.1 กรณีไฟฟำ้ ดบั 1) ผู้ที่พบเหตุกำรณ์ฉุกเฉินกรณไี ฟฟำ้ ดบั รบี แจ้งให้ผรู้ บั ผิดชอบงำนวัคซนี และระบบลกู โซ่ควำมเยน็ ทรำบ โดยเร็วท่ีสุด และให้มำยังหน่วยงำน หรือหำกไม่สำมำรถมำด้วยตนเองได้ ให้แจ้งข้อปฏิบัติ แก่ผู้ท่ีพบเหตุกำรณ์ฉุกเฉิน ทรำบ เพื่อดำเนนิ กำรตอ่ ได้ 2) รีบตรวจสอบข้อมูลกับกำรไฟฟำ้ ในพนื้ ท่ี ถึงระยะเวลำท่ไี ฟฟ้ำดับ 3) ระยะเวลำของกำรเกดิ ไฟฟ้ำดับ 3.1) กรณีได้รับแจ้งว่ำ ไฟฟ้ำดับไม่เกิน 3 ช่ัวโมง ให้ปิดประตูตู้เย็นไว้ ห้ำมเปิดเด็ดขำดและ ติดป้ำยกระดำษเตือน “หำ้ มเปิดตเู้ ยน็ ” ไว้ทห่ี น้ำประตตู เู้ ย็น จนกว่ำกระแสไฟฟ้ำจะกลบั มำเปน็ ปกติ จึงนำออก 3.2) กรณีไดร้ ับแจ้งว่ำ ไฟฟ้ำดบั เกิน 3 ชั่วโมง ให้ย้ำยวคั ซีนท้ังหมดท่ีมอี ยู่ในตเู้ ย็นทั้งช่องแชเ่ ย็น และช่องแช่แข็ง ไปเก็บไว้ในหีบเย็นวัคซีน หรือกล่องโฟมท่ีได้มำตรฐำน หรือกระติกวัคซีนมำตรฐำนที่มีอุณหภูมิระหว่ำง +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส 2.1.2 กรณีตู้เย็นเก็บวัคซีนเสีย 1) ผู้ที่พบเหตุกำรณ์ฉุกเฉินกรณีไฟฟ้ำดับ รีบแจ้งให้ผู้รับผิดชอบงำนวัคซีนและระบบลูกโซ่ควำมเย็น ทรำบโดยเรว็ ทส่ี ุด และให้มำยังหนว่ ยงำน หรอื หำกไม่สำมำรถมำดว้ ยตนเองได้ ให้แจ้งขอ้ ปฏิบัติแก่ผู้ทพ่ี บเหตุกำรณฉ์ ุกเฉิน ทรำบ เพื่อดำเนนิ กำรตอ่ ได้ 2) รีบสำรวจควำมเพียงพอและควำมพร้อมใช้ของอุปกรณ์ในระบบลูกโซ่ควำมเย็นต่ำงๆ ท่ีจะใช้ในกำร จดั เกบ็ วคั ซนี ชวั่ ครำว 3) ควำมเพียงพอของอุปกรณ์สำรอง 3.1) กรณีท่ีมีอุปกรณ์ในระบบลูกโซ่ควำมเย็นสำรองเพียงพอ ให้ย้ำยวัคซีนท้ังหมดไปเก็บไว้ใน ตู้เย็นอื่น หรือหีบเย็นวัคซีน หรือกล่องโฟมที่ได้มำตรฐำน หรือกระติกวัคซีนมำตรฐำน ที่มีอุณหภูมิระหว่ำง +2 ถึง +8 องศำเซลเซียส ช่ัวครำว และรีบดำเนินกำรแจ้งซ่อมตู้เย็นที่เสีย หรือจัดหำใหม่โดยเร็วในกรณีท่ีไม่สำมำรถซ่อมแซมตู้เย็น ท่เี สยี ได้ 3.2) กรณที ่ีไม่มีตู้เย็นอื่นเพ่ือจัดเกบ็ วัคซีนชั่วครำว หรือมีอุปกรณ์ในระบบลูกโซ่ควำมเย็นสำรอง แต่ไม่เพียงพอ เช่น มีหีบเย็นวัคซนี หรือกล่องโฟมท่ีไดม้ ำตรฐำนหรือกระตกิ วัคซีนมำตรฐำน แต่จัดเกบ็ วัคซีนได้ไม่เพียงพอ ท้ังหมด ให้นำวัคซีนไปฝำกไว้กับหน่วยบริกำรวัคซีนใกล้เคียง หรือคลังวัคซีนของโรงพยำบำลแม่ข่ำยชั่วครำว มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 14

(กรณีนี้ ควรมีกำรประสำนงำนกับหน่วยบริกำรวัคซีนใกล้เคียงหรือคลังวัคซีนของโรงพยำบำลแม่ข่ำยไว้แล้วในเบื้องต้น สำหรับกำรขอฝำกวคั ซนี ชั่วครำว) 2.2 กำรดำเนินกำรสำหรบั เหตกุ ำรณ์ฉุกเฉินของรถสง่ วคั ซีน ซ่ึงมเี หตุกำรณท์ ่ีอำจเกดิ ขึน้ ได้ดงั นี้ 2.2.1 กรณรี ถส่งวัคซีนเสยี ขณะขนสง่ วคั ซีน ให้ผู้รับผิดชอบงำนวัคซีนและระบบลูกโซ่ควำมเย็น รีบดำเนินกำรขอยืมรถสำหรับจัดส่งวัคซีนจำก หน่วยบริกำรวัคซนี ใกล้เคียงหรือโรงพยำบำลแม่ขำ่ ย โดยในขณะขนสง่ วัคซีนควรมเี ทอร์โมมเิ ตอรว์ ดั อณุ หภูมิภำยในกระติก วคั ซนี ด้วย และดำเนินกำรจดั ซอ่ มรถสง่ วคั ซีนที่เสยี ต่อไป ลำดบั กำรประสำนงำน 1. ผู้ทพ่ี บเหตุกำรณ์ฉุกเฉินกรณไี ฟฟ้ำดบั แจ้งให้ผรู้ บั ผิดชอบงำนวคั ซีนและระบบลูกโซค่ วำมเย็นทรำบ 2. ผูร้ บั ผิดชอบงำนวัคซีนและระบบลูกโซค่ วำมเย็น แจ้งใหห้ ัวหน้ำงำนทรำบ 3. หัวหนำ้ งำน แจง้ ให้ผู้อำนวยกำรทรำบ ************************************** มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 15

ตวั อยำ่ ง ผงั กำรเตรยี มควำมพร้อมกรณเี กิดเหตุกำรณฉ์ กุ เฉนิ ในระบบลกู โซค่ วำมเยน็ คลงั วคั ซนี ระดบั อำเภอ/ หน่วยใหบ้ รกิ ำรวคั ซีน ............................. ชอื่ ผรู้ บั ผดิ ชอบ.............................. เบอร์โทรศัพท์.............................. เหตกุ ำรณฉ์ ุกเฉนิ ของตเู้ ยน็ เกบ็ วัคซนี เหตกุ ำรณฉ์ กุ เฉนิ ของรถสง่ วคั ซนี ไฟฟำ้ ดบั ตเู้ ยน็ เกบ็ วคั ซนี เสยี รถสง่ วคั ซนี เสยี ขณะขนส่งวคั ซนี ไ ฟ ฟ้ ำ ดั บ ไ ม่ เ กิ น 3 มอี ปุ กรณส์ ำรองเพยี งพอ ขอยืมรถจำก ชว่ั โมง - ยำ้ ยวัคซนี ทง้ั หมดไปเก็บ หนว่ ยงำนใกล้เคยี ง - ปิดประตตู ูเ้ ย็นไว้ ไว้ในตเู้ ย็นอน่ื หรือ หีบเย็น (ขณะขนสง่ วัคซีน ห้ำมเปิดเด็ดขำด หรอื กระตกิ ท่ีมีอุณหภมู ิ ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ +2 ถงึ +8 °C ในภำชนะกล่องโฟม ไฟฟ้ำดับเกนิ 3 ชว่ั โมง - แจง้ ซอ่ มหรอื จัดหำใหม่ หรือกระติกทไี่ ด้ - ย้ำยวัคซีนท้ังหมดไป มำตรฐำน) เก็บไว้ในหีบเย็นหรือ ก ร ะ ติ ก ท่ี มี อุ ณ ห ภู มิ กรณที ี่ตเู้ ย็นเกบ็ วคั ซนี เสียแลว้ ไม่มตี ู้เยน็ อ่นื หรอื +2 ถึง +8 °C มหี บี เยน็ / กระติกแตเ่ ก็บวคั ซีนไดไ้ ม่เพียงพอ - นำวัคซีนไปฝำกไว้ที่หน่วยงำนใกล้เคีย ง หรอื รพ.แม่ขำ่ ย มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 16

ตอนที่ 2 มำตรฐำนคณุ ภำพกำรใหบ้ รกิ ำรวคั ซีน หน่วยบริกำรที่ให้วัคซีนแก่ประชำกรกลุ่มเป้ำหมำยมีหลำยหน่วยงำนทเ่ี ป็นเครือข่ำยหลักประกันสุขภำพถ้วนหน้ำ ได้แก่ โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบล หน่วยบริกำรในโรงพยำบำลท้ังในและนอกสังกัดกระทรวงสำธำรณสุข รวมท้ัง ศูนยก์ ำรแพทย์ตำ่ งๆ ซึง่ ในกระบวนกำรให้วคั ซีนมีกิจกรรมทต่ี ้องดำเนนิ กำรตำมมำตรฐำน ดังน้ี มำตรฐำนคณุ ภำพกำรใหบ้ รกิ ำรวคั ซนี  เตรียมกลุ่มเปำ้ หมำยผูม้ ำรับบรกิ ำร  คำดประมำณจำนวนผ้มู ำรับบริกำรในแต่ละกลมุ่ เปำ้ หมำย  วิธกี ำรให้วคั ซีน  กำรจดั ทำทะเบยี นข้อมูลผ้รู ับบรกิ ำร  กำรเตรยี มกำรเพื่อกู้ชพี เบ้อื งต้นแก่ผูร้ ับวคั ซีนกรณเี กดิ anaphylaxis หรือมอี ำกำรภำยหลงั ไดร้ ับวคั ซีนท่รี ุนแรง  กำรจดั เตรยี มวัสดอุ ุปกรณ์ และยำท่จี ำเปน็ ในกำรกชู้ พี  กำรตดิ ตำมกลมุ่ เป้ำหมำยใหม้ ำรบั วคั ซนี ตำมเกณฑ์ 1. เตรยี มกลมุ่ เป้ำหมำยผมู้ ำรบั บริกำร มีระบบกำรนัดกลุ่มเป้ำหมำยที่มำรับวัคซีน (ทั้งในและนอกพื้นที่ท่ีรับผิดชอบ) เช่น กำรเตือนผู้ปกครองผ่ำนทำง หอกระจำยขำ่ ว มีรำยชอื่ ให้ อสม. ชว่ ยนดั มีบตั รนดั เปน็ ตน้ 2. คำดประมำณจำนวนผมู้ ำรบั บรกิ ำรในแต่ละกล่มุ เปำ้ หมำย 2.1 ประมำณกำรจำนวนเปำ้ หมำยท่นี ดั หมำยมำรบั วคั ซนี โดยใชแ้ หล่งขอ้ มลู ตำ่ งๆ ดงั น้ี  โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ บ่ี นั ทึกข้อมูลกำรนัดหมำยมำรบั วัคซนี  บัญชรี ำยชอ่ื กลุ่มเปำ้ หมำยท่ีนัดหมำยท้ังในพืน้ ท่ีและนอกพ้ืนทีร่ บั ผิดชอบ  ทะเบยี นตดิ ตำมกำรไดร้ ับวคั ซีนของกลุม่ เป้ำหมำย (แบบ 0119 รบ 1 ก/3)  บญั ชีรำยชือ่ ผรู้ บั บรกิ ำรฉดี วัคซนี สร้ำงเสริมภมู คิ ้มุ กนั โรคในนักเรียน 2.2 คำดประมำณกลุ่มเป้ำหมำยรำยใหมท่ อ่ี ำจมำรับบริกำร โดยพจิ ำรณำจำกค่ำเฉล่ียผมู้ ำรับบรกิ ำรรำยใหม่ อยำ่ งนอ้ ย 3 เดอื นย้อนหลงั 2.3 รวบรวมเปน็ ข้อมลู จำนวนกลุ่มเปำ้ หมำยท้งั หมดทจ่ี ะตอ้ งใหบ้ ริกำร 3. วิธกี ำรให้วัคซีน กำรให้วคั ซนี แต่ละชนิดมีวธิ ีกำรให้อย่ำงถูกต้อง ตำมเทคนิค ขนำดวัคซีนตอ่ โดส ขนำดไซรงิ ค์และเข็มท่ีใช้ ดงั ตำรำงที่ 1 มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 17

ตำรำงท่ี 1 วธิ กี ำรใหว้ ัคซีนแต่ละชนดิ อำยทุ ี่รับวัคซนี หลงั เปิดขวด/ผสมแล้ว ใ หลงั เปดิ ชนดิ วัคซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซนี แลว้ ให เวลำก BCG  แรกเกดิ ภำยใน 7 วันหลังคลอด  6 ชวั่ โ  นักเรียนช้ัน ป.1 เฉพำะเด็กที่ไม่มีประวัติว่ำ โดยสภำก เคยได้รับวัคซีนบีซีจีมำก่อน แล้วตรวจร่ำงกำยเด็ก  6 ช่วั โ ไม่พบรอยแผลเป็นบซี จี ีปรำกฏ (ผลติ โดย Institute HB  แรกเกดิ ภำยใน 24 ชม. หลงั คลอด 8ช  1 เดือน กรณีแมเ่ ปน็ พำหะของไวรสั ตับอักเสบบี  นกั เรยี นช้นั ป. 1 ใหว้ ัคซีนโดยดจู ำกประวตั ิกำร ไดร้ ับวคั ซีน HB/DTP-HB/DTP-HB-Hib ในอดีต ดังน้ี - ไม่เคยไดร้ ับ ให้ HB 2 เข็ม เมื่อเข้ำเรยี นช้ัน ป.1 ห่ำงกนั อย่ำงน้อย 1 เดือน แลว้ ให้ HB เมื่อเข้ำเรียน ชั้น ป.2 อีก 1 เขม็ (เข็มท่ี 3 หำ่ งจำกเข็มท่ี 2 อย่ำงน้อย 6 เดือน) - ได้ 1 เข็ม ให้ HB 1 เข็ม เมื่อเข้ำเรยี นช้นั ป.1 แลว้ ให้ HB เมอ่ื เขำ้ เรียน ชน้ั ป. 2 อีก 1 เขม็ (เข็มท่ี 3 หำ่ งจำกเขม็ ท่ี 2 อย่ำงน้อย 6 เดือน) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ใหใ้ ช้ภำยในเวลำกช่ี ั่วโมง ขนำดวคั ซนี ต่อโดส ขนำดไซริงคแ์ ละเขม็ ที่ใช้ ดขวด/ผสม ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กชี่ วั่ โมง 26 G โมง (ผลิต ฉดี เขำ้ ในหนัง  0.1 มล. 1 มล. ยำว ½ นิ้ว 26 G กำชำดไทย) (ID) สำหรับทกุ กล่มุ อำยุ ยำว ½ นว้ิ โมง ฉีดเข้ำในหนัง  0.05 มล. สำหรับเดก็ 1 มล. 23 -26 G ย Serum 1 มล.หรือ ยำว 5/8 - e of India) (ID) อำยุต่ำกว่ำ 1 ปี 11/4 น้วิ ชัว่ โมง  0.1 มล. สำหรับเด็ก อำยุตง้ั แต่ 1 ปีขึ้นไป ฉีดเขำ้ กล้ำมเนื้อ 0. 5 มล. (IM) 3 มล. สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 18

ชนดิ วคั ซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซนี หลงั เปดิ แลว้ ให DTP-HB- - ได้ 2 เขม็ ให้ HB 1 เขม็ (ห่ำงจำกเข็มสุดท้ำย Hib อยำ่ งน้อย 6 เดอื น) เวลำก Rota - ได้ 3 เข็ม ไมต่ อ้ งให้  2, 4 และ 6 เดือน 8ช (ปรับเปลี่ยนการให้วคั ซนี DTP-HB เปน็ DTP-HB-Hib ตังแตป่ ี 2562) 8ช  2 เดอื น และ 4 เดือน (ใชแ้ บบ 2 โดส)  2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดอื น (ใช้แบบ 3 โดส) (เร่ิมให้ในแผนงานสรา้ งเสริมภมู ิคุ้มกนั โรคท่ัวประเทศ ในปี 2563) หมำยเหตุ - ห้ำมให้วัคซีนโรต้ำครั้งท่ี 1 ในเด็กอำยุมำกกว่ำ 15 สปั ดำห์ - หำ้ มใหว้ คั ซีนโรต้ำคร้ังสุดท้ำยในเดก็ อำยุมำกกว่ำ 32 สัปดำห์ - ให้ยกเว้นกำรได้รับวัคซีนโรต้ำครั้งท่ี 3 ในเด็กที่ ได้รับวัคซีน Rotarix มำแล้ว 2 ครั้ง มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กชี่ วั่ โมง ชั่วโมง ฉดี เข้ำกล้ำมเนอื้ 0.5 มล. 1 มล.หรอื 23 -26 G (IM) 3 มล. ยำว 5/8 - 11/4 นวิ้ ชั่วโมง รบั ประทำน 1.5 – 2 มล. - - ขนึ้ กบั บรษิ ัท สรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 19

หลงั เปดิ ชนดิ วคั ซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซีน แลว้ ให เวลำก OPV  2, 4, 6 เดอื น, 1 ปี 6 เดอื น และ 4 ปี 8ช (bivalent  นักเรียนชั้น ป. 1 ให้วัคซีนโดยดู จำกประวัติ OPV) กำรไดร้ ับวัคซนี OPV ในอดตี ดงั นี้ - เคยได้รับ OPV มำครบ 5 คร้ังแล้ว ไม่ต้องให้ OPV เมื่อเข้ำเรยี นช้ัน ป. 1 - ไม่เคยได้รับ OPV มำก่อน ให้ OPV 3 คร้ัง โดยให้ 2 ครั้ง เม่ือตอนเข้ำเรียนชั้น ป. 1 และอีก 1 ครั้ง (ห่ำงกันอย่ำงน้อย 1 เดือน) แล้วให้ OPV เมื่อ เขำ้ เรียนชน้ั ป. 2 อกี 1 ครงั้ (คร้ังท่ี 3 ห่ำงจำก ครัง้ ท่ี 2 อยำ่ งน้อย 6 เดอื น) - เคยไดร้ ับ OPV มำแลว้ 1 ครง้ั ให้ OPV 2 ครง้ั โดย ให้ OPV 1 คร้ัง เม่ือเข้ำเรียนช้ัน ป. 1 แล้วตำมไป ให้ OPV เม่อื เข้ำเรยี นช้ัน ป. 2 อีก 1 ครง้ั (คร้งั ที่ 3 หำ่ งจำกครั้งท่ี 2 อยำ่ งนอ้ ย 6 เดือน) - เคยได้รับ OPV มำแลว้ 2, 3 หรอื 4 คร้งั ให้ OPV เมอื่ เข้ำเรยี นชั้น ป. 1 อีก 1 คร้ัง มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน รับประทำน วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กชี่ วั่ โมง ช่วั โมง 2-3 หยด -- ขึน้ กับบริษัท สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 20

ชนดิ วคั ซนี อำยุ ทร่ี บั วคั ซีน หลงั เปดิ IPV แลว้ ให  4 เดอื น MMR  นกั เรยี นชนั้ ป. 1 ให้วัคซนี IPV 1 เข็ม พรอ้ ม OPV ใน เวลำก 8ช กรณตี ่อไปนี้ - เด็กที่ได้รับวัคซีน tOPV ** น้อยกว่ำ 3 คร้ัง 6ช และ ไมเ่ คยได้รับ IPV - เคยไดร้ ับ IPV 1 ครงั้ เมอ่ื อำยุนอ้ ยกว่ำ 4 เดือน (วัคซีน tOPV** มีให้บริกำรถึงวันท่ี 22 เม.ย. 2559 หลงั จำกนนั้ เปลย่ี นเป็น bOPV***) ** tOPV = Trivalent OPV เป็นวัคซีนโปลิโอชนิด รับประทำน ประกอบด้วย ทัยป์ 1, 2 และ 3 ปจั จบุ นั ยกเลกิ กำรใช้แล้ว *** bOPV = Bivalent OPV เป็นวัคซีนโปลิโอชนิด รับประทำน ประกอบด้วย ทัยป์ 1 และ 3  9 เดอื น  1 ปี 6 เดอื น (MMR ครังที่ 2 ปรับเป็นให้ท่ีอายุ 1 ปี 6 เดือน ตังแต่ เดือนมกราคม 2564) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วคั ซนี ตอ่ โดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กชี่ วั่ โมง ฉดี เข้ำกลำ้ มเนือ้ ชัว่ โมง (IM) 0.5 มล. 1 มล.หรือ 23 -26 G 3 มล. ยำว 5/8 - 11/4 น้วิ ชั่วโมง ฉีดเข้ำใตผ้ วิ หนัง 0.5 มล. 1 มล.หรือ 26 G (SC) 3 มล. ยำว ½ น้วิ สรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 21

ชนดิ วัคซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซนี หลงั เปดิ DTP แลว้ ให  นักเรียนช้ัน ป. 1 ให้วัคซีนโดยดูจำกประวัติกำร ได้รับวัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อหัด (เอ็ม-อำร์/ เวลำก เอ็ม-เอ็ม-อำร)์ (MMR/MR) ในอดีต ดงั นี้ -ไมเ่ คย / ไมแ่ นใ่ จ / ไมท่ รำบ ให้ MMR 1 ครัง้ เมื่อ 8ช เข้ำเรียนชั้น ป.1 -ไดร้ บั มำแลว้ 1 ครงั้ ให้ MMR 1 คร้งั เม่ือเข้ำเรียน ชั้น ป.1 (ห่ำงจำกเข็มสุดท้ำย 1 เดือน) -ไดร้ ับมำแล้ว 2 คร้งั ไมต่ อ้ งให้  1 ปี 6 เดอื น  4 ปี JE สำยพันธ์ุ  1 ปี ใหจ้ ำนวน 2 คร้ัง (หำ่ งกัน 1 เดอื น) 8ช Nakayama  2 ปี 6 เดอื น (เชื้อตำย) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กช่ี ว่ั โมง ช่ัวโมง ฉดี เขำ้ กล้ำมเนื้อ 0.5 มล. 1 มล.หรือ 23-26 G (IM) 3 มล. ยำว 5/8 - 11/4 นิว้ ชั่วโมง ฉดี เขำ้ ใต้ผิวหนงั • เด็ก <3 ปี ขนำด 0.5 มล. 1 มล.หรือ 26 G (SC) • เด็ก >3 ปี ขนำด 1 มล. 3 มล. ยำว ½ นิ้ว (ในกรณีใช้ กบั เดก็ อำยุ > 3 ปี) สรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 22

ชนดิ วคั ซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซีน หลงั เปดิ แลว้ ให JE สำยพนั ธุ์  1 ปี ใหจ้ ำนวน 2 ครงั้ (หำ่ งกัน 1 เดอื น) Beijing  2 ปี 6 เดอื น เวลำก (เชอ้ื ตำย) 8ช LAJE  1 ปี 6ช (เจอีเชื้อเป็น  2 ปี 6 เดือน อ่อนฤทธ์ิ)  นักเรียนชน้ั ป.1 ให้วคั ซนี โดยดูจำกประวัติกำรได้รบั วัคซีน JE ชนดิ เชื้อตำย/เชอ้ื เปน็ อ่อนฤทธ์ิ ในอดตี ดังน้ี - ไมเ่ คยไดร้ บั ให้ 1 เขม็ เม่ือเขำ้ เรยี นชน้ั ป.1 แล้ว ใหเ้ มื่อเข้ำเรียนชน้ั ป. 2 อีก 1 เข็ม (ห่ำงกนั 12 เดือน) - ได้ JE ชนดิ เช้อื ตำย 1 เขม็ ให้ 1 เข็ม เม่อื เข้ำ เรียนชัน้ ป.1 แลว้ ใหเ้ มอ่ื เข้ำเรียนช้ัน ป. 2 อีก 1 เขม็ (หำ่ งกัน 12 เดอื น) - ได้ JE ชนดิ เช้ือตำย 2 เขม็ หรอื ได้ JE ชนดิ เชอื้ เปน็ 1 เขม็ ให้ 1 เข็ม (หำ่ งจำกเข็มสุดทำ้ ย 12 เดือน) - ได้ JE ชนดิ เชอ้ื ตำย 3 เขม็ หรอื ได้ JE ชนดิ เชอื้ เปน็ 2 เขม็ ไมต่ อ้ งให้ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กช่ี วั่ โมง ชว่ั โมง ฉดี เข้ำใต้ผิวหนงั • เด็ก<3 ปี ขนำด 0.25 1 มล.หรอื 26 G 3 มล. ยำว ½ นวิ้ ช่ัวโมง (SC) มล. 1 มล.หรือ 26 G • เดก็ >3 ปี ขนำด 0.5 มล. 3 มล. ยำว ½ นิ้ว ฉีดเข้ำใต้ผิวหนัง 0.5 มล. (SC) สรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 23

ชนดิ วคั ซนี อำยุ ทร่ี บั วคั ซนี หลงั เปดิ dT แลว้ ให  นักเรียนชั้น ป. 1 ให้วัคซีนโดยดูจำกประวัติกำร ได้รับวัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อคอตีบและ เวลำก บำดทะยกั (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP) ในอดีต ดังนี้ 8ช  เคยได้รบั วคั ซนี ท่มี สี ว่ นประกอบของเช้ือคอตบี และบำดทะยกั (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP) มำครบ 5 ครงั้ แลว้ ไมต่ ้องให้ dT เม่ือเข้ำเรยี นชน้ั ป. 1  ไมเ่ คยไดร้ บั วคั ซนี ท่ีมสี ว่ นประกอบของเชอื้ คอตบี และบำดทะยกั (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP) มำกอ่ น ให้ dT จำนวน 3 คร้งั โดยให้ dT 2 คร้ัง เมือ่ เข้ำเรยี นชน้ั ป. 1 หำ่ งกันอยำ่ งนอ้ ย 1 เดอื น แล้วให้ เมอ่ื เข้ำเรียนชน้ั ป.2 อกี 1 ครั้ง (ครงั้ ท่ี 3 ห่ำงจำก ครงั้ ที่ 2 อยำ่ งน้อย 6 เดือน)  เคยไดร้ บั วคั ซนี ท่มี สี ว่ นประกอบของเชอ้ื คอตบี และบำดทะยกั (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP) มำแลว้ 1 ครงั้ ให้ dT จำนวน 2 คร้ัง โดยให้ dT 1 ครง้ั เม่ือเข้ำ เรียนช้ัน ป.1 แล้วตำมไปให้ dT เม่ือเข้ำเรียน ชั้น ป. 2 อีก 1 ครั้ง (ครั้งท่ี 3 ห่ำงจำกครง้ั ท่ี 2 อย่ำงนอ้ ย 6 เดอื น) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วคั ซนี ตอ่ โดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กช่ี วั่ โมง ฉีดเข้ำกลำ้ มเนื้อ ชวั่ โมง (IM) 0.5 มล. 1 มล.หรือ 23-26 G 3 มล. ยำว 5/8 - 11/4 น้ิว สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 24

ชนดิ วัคซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซนี หลงั เปดิ แลว้ ให เวลำก dT (ตอ่ )  เคยไดร้ บั วคั ซนี ท่ีมสี ว่ นประกอบของเชื้อคอตบี และบำดทะยัก (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP) มำแลว้ 2, 3 หรือ 4 ครง้ั ให้ dT เมอ่ื เขำ้ เรียนชน้ั ป.1 อกี 1 ครั้ง  นกั เรยี นชนั้ ป. 6 ใหว้ คั ซนี dT ทุกคน จำนวน 1 เข็ม  หญงิ มีครรภ์ ขนึ้ กับกำรไดร้ ับวัคซนี ทมี่ สี ว่ นประกอบ ของเช้ือบำดทะยัก (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP/dT/TT) ในอดีต ดังนี้ - เคยไดร้ บั วัคซีนที่มสี ่วนประกอบของเช้ือบำดทะยกั (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP/dT/TT) มำแลว้ 3 ครงั้ ครัง้ สดุ ทำ้ ยไม่เกิน 10 ปี ไม่ต้องให้ dT แต่ให้ dT กระตนุ้ 1 ครั้ง ทกุ 10 ปี - ไม่เคยได้รับวัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อ บำดทะยัก (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP/dT/TT) มำก่อน ให้ dT 3 คร้ัง ระยะห่ำง 0, 1, 6 เดือน และกระตุ้น 1 คร้ัง ทกุ 10 ปี มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กชี่ วั่ โมง สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 25

ชนดิ วัคซนี อำยุ ทร่ี บั วคั ซีน หลงั เปดิ dT (ตอ่ ) แลว้ ให - เคยไดร้ บั วคั ซีนทม่ี สี ว่ นประกอบของ เชื้อบำดทะยัก HPV (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP/dT/TT) แลว้ 1 คร้งั เวลำก ให้ dT อีก 2 คร้งั ระยะห่ำง 0, 6 เดือน และ กระต้นุ 1 คร้ัง ทุก 10 ปี 8ช - เคยได้รับวัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อบำดทะยัก (DTP-HB/DTP-HB-Hib/DTP/dT/TT) มำแล้ว 2 คร้ัง ให้ dT อกี 1 ครัง้ ระยะห่ำงจำกครั้งที่ 2 อย่ำงน้อย 6 เดือน และกระตุ้น 1 ครัง้ ทุก 10 ปี - เคยไดร้ ับ DTP/dT/TT มำแล้ว 3 คร้งั แต่ครงั้ สดุ ทำ้ ยนำนเกิน 10 ปี ให้ dT กระตุ้นอีก 1 ครั้ง และกระตุน้ 1 ครัง้ ทุก 10 ปี  กลมุ่ ผใู้ หญค่ นทมี่ อี ำยลุ งทำ้ ยดว้ ย 0 ตง้ั แต่ อำยุ 20, 30, 40, 50, 60, 70….ปี  นักเรยี นหญงิ ชน้ั ป. 5 - อำยุ 9 - 14 ปี ให้จำนวน 2 เขม็ (ระยะห่ำง 0, 6 เดอื น) - อำยุ ≥15 ปี ให้จำนวน 3 เขม็ (ระยะห่ำง 0, 1-2 เดือน, 6 เดอื น) (กรณีเด็กหญงิ ไทยที่ไม่ได้อยใู่ นระบบกำรศึกษำ ใหฉ้ ดี ที่อำยุ 11-12 ปี) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี วคั ซนี ตอ่ โดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กช่ี วั่ โมง ชวั่ โมง ฉีดเข้ำกลำ้ มเนื้อ 0.5 มล. 1 มล.หรือ 23-26 G (IM) 3 มล. ยำว 5/8 - 11/4 น้ิว สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 26

ชนดิ วัคซนี อำยุ ทรี่ บั วคั ซนี หลงั เปดิ Influenza แลว้ ให  บุคลำกรทำงกำรแพทยแ์ ละสำธำรณสขุ ท่มี ีควำมเส่ยี งต่อกำรสมั ผสั โรคไขห้ วดั ใหญ่ เวลำก ตำมฤดูกำล 8ช  ประชำชนกล่มุ เสีย่ ง 1) หญิงตัง้ ครรภ์ อำยุครรภ์ 4 เดือนข้ึนไป (ให้บริกำรตลอดทั้งป)ี 2) เด็กอำยุ 6 เดอื น ถึง 2 ปีทุกคน (หมำยถงึ กลุม่ เดก็ ที่มีอำยุต้งั แต่ 6 เดอื นจนถึงอำยุ 2 ปี 11 เดอื น 29 วัน) 3) ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังน้ี ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวำย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ ระหวำ่ งกำรได้รบั เคมีบำบดั และเบำหวำน 4) บคุ คลที่มอี ำยุ 65 ปีข้ึนไป 5) ผู้พิกำรทำงสมองที่ชว่ ยเหลอื ตนเองไม่ได้ 6) โรคธำลัสซีเมียและผูท้ ีม่ ีภูมคิ ้มุ กนั บกพรอ่ ง (รวม ผ้ตู ดิ เช้ือ HIV ทมี่ ีอำกำร) 7) โรคอ้วน (นำ้ หนกั >100 กโิ ลกรมั หรอื BMI >35 กโิ ลกรัมตอ่ ตำรำงเมตร) มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วคั ซนี ตอ่ โดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กช่ี วั่ โมง ฉีดเข้ำกลำ้ มเนื้อ ชวั่ โมง (IM) 0.5 มล. 1 มล.หรือ 23-26 G 3 มล. ยำว 5/8 - 11/4 น้ิว สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 27

ชนดิ วัคซนี อำยุ ทร่ี บั วคั ซนี หลงั เปดิ แลว้ ให MR  นักศกึ ษำทำงกำรแพทยแ์ ละสำธำรณสุข ให้จำนวน 1 ครง้ั เม่อื อยใู่ นช้นั ปที ี่ 1 เวลำก 6ช หมำยเหตุ : 1. วคั ซนี ทกุ ชนดิ ถำ้ ไมส่ ำมำรถเรม่ิ ใหต้ ำมกำหนดได้ กเ็ ร่ิมให 2. วัคซีนที่ต้องให้มำกกว่ำ 1 คร้ัง หำกเด็กเคยได้รับวัคซีน เม่อื พบเดก็ โดยไม่ต้องเร่มิ ต้นคร้งั ที่ 1 ใหม่ 3. กรณีทใี่ ชเ้ ข็ม draw วคั ซนี ไม่ควรใช้ เข็มทใี่ หญ่กว่ำเบอร์ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเส

ดขวด/ผสม วธิ กี ำรใหว้ คั ซนี ขนำด ขนำด ขนำด หใ้ ชภ้ ำยใน วคั ซนี ต่อโดส ไซรงิ ค์ เขม็ ฉดี กชี่ ว่ั โมง ฉดี เข้ำใต้ผิวหนงั ชว่ั โมง (SC) 0.5 มล. 1 มล.หรือ 26 G 3 มล. ยำว ½ น้วิ ห้ทนั ทีท่พี บครัง้ แรก นมำบ้ำงแล้ว และไม่มำรับคร้ังต่อไปตำมกำหนดนัดให้วัคซีนครั้งต่อไปนั้นได้ทันที 21 (เบอร์ 20 และ 18) สรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 28

4. กำรจดั ทำทะเบียนข้อมูลผู้รับบริกำร 4.1 บนั ทกึ ชื่อ นำมสกุล อำยุ ทอ่ี ยู่ ชนิด และ คร้ังท่ไี ด้รับวคั ซีนในกลมุ่ เป้ำหมำย  กลุม่ เด็กแรกเกิด  กลุ่มเด็กก่อนวัยเรียน  กลุม่ นกั เรียนชั้น ป.1  กลมุ่ หญิงมีครรภ์ นกั เรยี นหญงิ ช้ัน ป. 5 และ นกั เรยี นชนั้ ป.6  กลุ่มผ้ใู หญ่คนทมี่ ีอำยุลงท้ำยด้วย 0 ตง้ั แต่ 20, 30, 40, 50, 60, 70….ปี  นักศกึ ษำทำงกำรแพทยแ์ ละสำธำรณสุข  บคุ ลำกรทำงกำรแพทย์และสำธำรณสขุ และประชำชนกลมุ่ เสีย่ ง 4.2 บนั ทกึ เลขท่วี คั ซนี (lot.no.) และลำดบั ขวดวัคซีนของผู้รับบรกิ ำรในแต่ละรำย เพื่อใชใ้ นกำรตรวจสอบและ ตดิ ตำมอำกำรของผู้รบั วัคซนี ทไี่ ดร้ ว่ มขวด ร่วม Lot เดยี วกบั ผ้ปู ว่ ยที่มอี ำกำรรนุ แรงหลังไดร้ ับวัคซนี รปู ท่ี 6 ตวั อยำ่ งกำรจดั เกบ็ วคั ซนี เพ่ือตรวจสอบอำกำรภำยหลงั ไดร้ ับกำรสรำ้ งเสริมภมู ิคมุ้ กนั โรค (AEFI) กำรเกบ็ ขวดวคั ซนี เพื่อตรวจสอบอำกำรภำยหลงั ไดร้ ับกำรสรำ้ งเสรมิ ภมู คิ ุ้มกนั โรค (AEFI) - เก็บเฉพำะขวดวัคซีนชนดิ บรรจุหลำยโดส (Multi-dose vaccine vials) ท่ีเปิดใช้แลว้ หลังจำกใหบ้ ริกำรเพอื่ เตรยี มกำร รองรับอำกำรภำยหลงั ไดร้ ับกำรสร้ำงเสริมภมู คิ ้มุ กนั โรค (AEFI) - เก็บอยู่ในตเู้ ยน็ ภำยใตร้ ะบบลกู โซ่ควำมเยน็ ทไี่ ด้มำตรฐำน (อุณหภมู ิ +2 องศำเซลเซยี สถงึ +8 องศำเซลเซยี ส) แนะนำให้วำงไวท้ ่ีช้นั เหนอื ชอ่ งแชผ่ ัก - จัดเก็บในกล่องหรอื ภำชนะที่สำมำรถวำงขวดต้ังตรง ไมล่ ม้ ชนกนั เพ่ือปอ้ งกนั กำรปนเปอ้ื น และอยู่ในสภำพที่ สะอำดปรำศจำกเชอ้ื มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 29

- จดั เก็บไว้เพอ่ื รอสงั เกตอำกำร AEFI เป็นเวลำอย่ำงน้อย 7 วัน หลังจำกนั้นจงึ ส่งทำลำยแบบขยะติดเชอ้ื - ให้เขียนข้อควำมระบุให้ชัดเจนว่ำเป็นวัคซีนท่ีเปดิ ใช้แลว้ ปอ้ งกันกำรสับสนและเพ่อื สำมำรถนำวัคซนี ส่งตรวจ เมอ่ื เกิดอำกำรขำ้ งเคียงทรี่ ุนแรง - สำหรับวัคซีนขนำดบรรจขุ วดละ 1 โดส (Single vial หรอื Prefill syringe) ไม่ต้องกำหนดลำดบั ท่ีขวดวคั ซีน และไมต่ อ้ งเก็บขวดวคั ซนี ท่ใี ชแ้ ล้ว เพ่ือตรวจสอบอำกำร AEFI ท้งั นห้ี ำกเกดิ AEFI จะใชก้ ำรตรวจสอบคุณภำพวัคซีนที่ อยูใ่ น Lot number เดียวกัน 5. กำรเตรียมกำรเพ่อื กู้ชีพเบอ้ื งต้นแก่ผรู้ ับวัคซนี กรณีเกดิ Anaphylaxis หรือมอี ำกำรภำยหลงั ได้รบั วคั ซนี ทร่ี นุ แรง 5.1 กำรเตรียมกำรเพอ่ื กู้ชีพเบื้องต้นแก่ผู้รับวคั ซีนกรณเี กิด Anaphylaxis หรอื มีอำกำรภำยหลังได้รับวคั ซีนที่รุนแรง  ผูฉ้ ดี วคั ซนี ต้องผ่ำนกำรอบรมวธิ ีกำรกชู้ ีพเบอื้ งต้นอย่ำงน้อยทุก 3 ปี  จัดเตรียมสถำนทีใ่ หผ้ ู้รับวัคซีนน่ังรอภำยหลงั ไดร้ บั วัคซีน  ให้ข้อมลู อำกำรภำยหลังรับวัคซีนที่อำจเกดิ ขึ้นแก่ ผูร้ ับวคั ซีนหรือผปู้ กครองเด็กที่มำรับวัคซีน  ใหผ้ ้รู ับวคั ซีนน่งั รอเพื่อสังเกตอำกำรอยำ่ งน้อย 30 นำที ภำยหลงั ได้รบั วัคซีน  มีแผน/ผังช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับวัคซีนกรณีเกิด anaphylaxis หรือมีอำกำรภำยหลังได้รับวัคซีน ท่รี ุนแรง โดยเฉพำะในสว่ นของกำรดูแลระบบทำงเดนิ หำยใจ และระบบไหลเวยี นโลหิต  มีแผน/ผังกำกับกำรส่งผู้ป่วยไปรับกำรรักษำต่อ และสำมำรถส่งต่อผู้ป่วยได้ภำยใน 15 นำทีหลัง เรม่ิ มีอำกำรและไดร้ ับกำรชว่ ยเหลือปฐมพยำบำลเบื้องต้น 5.2 แนวทำงกำรดูแลผู้ปว่ ยภำวะ Anaphylaxis หลงั ได้รับวคั ซีน Anaphylaxis เป็นปฏิกิริยำรุนแรงที่เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่ำงรวดเร็วหลังจำกได้รับสิ่งกระตุ้น ท่ี ก่อให้เกดิ อำกำรแพอ้ ย่ำงรุนแรง ซงึ่ อำจนำไปสู่กำรเสียชวี ติ ก่อนไดร้ บั กำรรกั ษำ ภำวะ Anaphylaxis ที่เกิดภำยหลังกำรได้รับวัคซีน ระยะเวลำท่ีเกิดและควำมรุนแรงแตกต่ำงกันได้มำก ย่ิงเกิดเร็วจะรุนแรงมำก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเกิดอำกำรหลังจำกที่ได้รับวัคซีนในเวลำเป็นนำที แต่บำงรำยอำจแสดง อำกำรหลังได้รับวัคซีนไปแล้วหลำยช่ัวโมง โดยท่ัวไปผู้ป่วยจะมีอำกำรทำงผิวหนังร่วมกับอำกำรทำงระบบทำงเดิน หำยใจ หรือมีอำกำรแสดงผิดปกติของร่ำงกำย 2 ระบบข้ึนไป ซึ่งได้แก่ 1) ระบบผิวหนัง 2) ระบบทำงเดินหำยใจ 3) ระบบไหลเวียนโลหติ 4) ระบบทำงเดินอำหำร ก่อนให้วัคซีนควรถำมประวัติกำรแพ้ หำกทรำบว่ำผู้ท่ีได้รับวัคซีนเคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน หรือวัคซีนและมอี ำกำรผดิ ปกติของระบบไหลเวียนโลหิตภำยหลังไดร้ ับวัคซีนต้องนึกถงึ ภำวะ anaphylaxis และให้ กำรรักษำอยำ่ งรบี ด่วนดว้ ย adrenaline สำหรับอำกำรแพ้ท่ีแสดงออกทำงผิวหนังเพียงอย่ำงเดียวแบบไม่รุนแรง ได้แก่ อำกำรคันผิวหนัง ผ่ืนแดง ตำมตัว ลมพษิ และเยื่อบุตำ ปำก จมูกบวม ไม่ทำให้เกิดอันตรำย สำมำรถรักษำได้ด้วยยำ antihistamine แตห่ ำก มีอำกำรเปลี่ยนแปลงต้องพจิ ำรณำถงึ กำรให้ยำ adrenaline ซงึ่ เปน็ ยำหลกั ทใ่ี ชร้ กั ษำภำวะ anaphylaxis มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 30

เกณฑท์ ำงคลนิ กิ สำหรบั กำรวนิ จิ ฉยั Anaphylaxis หำกมีข้อใดข้อหน่ึงใน 3 ขอ้ ต่อไปน้ี ถือว่ำผูป้ ่วยนำ่ จะเปน็ Anaphylaxis 1. มีอำกำรเฉียบพลัน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภำยในเวลำเป็นนำที แต่บำงรำยอำจแสดงอำกำรหลังได้รับวัคซีนไป แล้วหลำยช่ัวโมง อำกำรอำจเกิดขนึ้ ทำงระบบผิวหนังหรือเยือ่ บขุ องร่ำงกำย (mucosal tissue) หรือท้งั สองอย่ำง เช่น มีลมพิษข้ึนทั้งตัว ผ่ืนแดง คันท่ัวตัว บวมบริเวณริมฝีปำก ลิ้น ล้ินไก่ เพดำนอ่อน เป็นต้น ร่วมกับมีอำกำรอย่ำงน้อย หน่ึงอยำ่ ง ดงั ตอ่ ไปน้ี 1.1 อำกำรทำงระบบทำงเดินหำยใจ เชน่ หำยใจลำบำก หอบเหน่ือย หำยใจเสยี งดงั วดี๊ จำกกำรตบี ตนั ของหลอดลม เสียงฮื้ด ตอนหำยใจเข้ำจำกกำรตีบของทำงเดินหำยใจส่วนบน (stridor) มสี มรรถภำพกำรทำงำนของ ปอดลดลง เชน่ peak expiratory flow (PEF) ลดลง ระดับออกซิเจนในเส้นเลือดลดลง เปน็ ตน้ 1.2 ควำมดนั โลหิตลดลงหรอื มีกำรล้มเหลวของระบบต่ำงๆ เช่น เป็นลม อจุ จำระรำด ปัสสำวะรำด เป็นต้น 2. มีอำกำรมำกกว่ำหรือเท่ำกับ 2 ข้อ ดังต่อไปน้ี ในผู้ป่วยท่ีสัมผัสกับสำรท่ีน่ำจะเป็นสำรก่อภูมิแพ้ ภำยใน เวลำเปน็ นำที แตบ่ ำงรำยอำจแสดงอำกำรหลังได้รับวัคซีนไปแล้วหลำยชัว่ โมง 2.1 มีอำกำรทำงระบบผิวหนังและเย่ือบุของร่ำงกำย เช่น ลมพิษทั่วตัว คัน ผ่ืนแดง ปำกล้ินและเพดำน อ่อนบวม เป็นต้น 2.2 มอี ำกำรทำงระบบทำงเดินหำยใจ เช่น หอบเหนื่อย หำยใจมีเสียงว๊ดี จำกหลอดลมท่ีตบี ตัน เสียงฮด้ื ตอนหำยใจเข้ำ (stridor) มีกำรลดลงของ PEF ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง เป็นต้น 2.3 ควำมดนั โลหิตลดลง หรอื มีกำรลม้ เหลวของระบบต่ำงๆ เชน่ เป็นลม อจุ จำระรำด ปัสสำวะรำด เป็นตน้ 2.4 มอี ำกำรทำงระบบทำงเดินอำหำร เชน่ ปวดท้อง คลนื่ ไส้ อำเจียน เปน็ ตน้ 3. ควำมดันโลหิตลดลง หลังจำกสัมผัสกับสำรท่ีผู้ป่วยทรำบว่ำแพ้มำก่อน (ในบำงรำยอำจไม่ทรำบ) ภำยในเวลำ เป็นนำที หรอื หลำยชว่ั โมง 3.1 ในเด็กให้ถือเอำควำมดัน systolic ท่ีต่ำกว่ำควำมดันปกติตำมอำยุ หรือควำมดัน systolic ที่ลดลง มำกกวำ่ รอ้ ยละ 30 ของควำมดัน systolic เดิม* 3.2 ในผใู้ หญใ่ หถ้ ือเอำควำมดนั systolic ทน่ี ้อยกวำ่ 90 mmHg หรอื ควำมดัน systolic ทีล่ ดลงมำกกว่ำ รอ้ ยละ 30 ของควำมดนั systolic เดิม หมำยเหตุ * ควำมดัน systolic ที่ตำ่ ในเดก็ คือ น้อยกว่ำ 70 mmHg ในเด็กอำยุ 1 เดือน ถึง 1 ปี นอ้ ยกวำ่ 70 mmHg + (2xอำยเุ ป็นปี) ในเด็กอำยุ 1-10 ปี น้อยกวำ่ 90 mmHg ในเดก็ อำยุ 11-17 ปี มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 31

ตำรำงที่ 2 แสดงอำกำรและอำกำรแสดงของภำวะ Anaphylaxis สดั สว่ น (รอ้ ยละ) อำกำรและอำกำรแสดง > 90 85-90 อำกำรทำงระบบผวิ หนัง (Cutaneous) 45-55 - ลมพิษ และเย่อื บุตำ จมูก ปำกบวม (Urticaria and Angioedema) 2-5 - ตัวแดงจำกกำรขยำยตวั ของหลอดเลอื ด (Flush) 40-60 - คนั ตำมผิวหนงั โดยไม่มีผ่ืน (Pruritus without rash) 45-50 อำกำรระบบทำงเดนิ หำยใจ (Respiratory) 50-60 - หำยใจลำบำก หำยใจเสยี งวี้ด (Dyspnea, wheeze) 15-20 - ทำงเดินหำยใจ ส่วนบนบวมซง่ึ มักมีอำกำรคัดจมูก เสยี งแหบ (Upper airway angioedema) - โพรงจมกู อักเสบ ซึง่ มกั มีอำกำรคัน คัดจมูก หำยใจไม่สะดวก (Rhinitis) 30-35 อำกำรระบบหมนุ เวยี นโลหติ (Cardiovascular) - วิงเวยี น มึนศรี ษะ หนำ้ มดื เปน็ ลม ควำมดนั โลหิตตำ่ (Dizziness, syncope, 25-30 hypotension) อำกำรระบบทำงเดนิ อำหำร (Abdominal) 5-8 - คลื่นไส้ อำเจยี น ถำ่ ยเหลว ปวดทอ้ งบิด (Nausea, vomiting, diarrhea, cramping pain) 4-6 อำกำรอนื่ ๆ ทพ่ี บ (Miscellaneous) 1-2 - ปวดศีรษะ (Headache) - เจบ็ กลำงหน้ำอก (Substernal pain) - ชกั (Seizure) ตำรำงท่ี 3 แสดงควำมรนุ แรง/ระยะกำรเปลีย่ นแปลง อำกำรและอำกำรแสดงของ Anaphylaxis ควำมรนุ แรง/ ระยะกำรเปลยี่ นแปลง อำกำรและอำกำรแสดงของ Anaphylaxis สัญญำณเตือนเลก็ น้อยเบื้องต้น - คันท่ีผิวหนัง มีผ่ืนและบวมรอบๆ ตำแหน่งท่ีฉีด เวียนศีรษะ มนึ รูส้ กึ ร้อนผ่ำวท่ัวตวั - มีบวมตำมส่วนต่ำงๆ เช่น ปำก หรือหน้ำ มีผิวหนังแดง คันตำมผวิ หนัง คดั จมกู จำม และมนี ำ้ ตำไหล - มเี สยี งแหบ คลนื่ ไส้ อำเจยี น - บวมในลำคอ หำยใจลำบำก ปวดทอ้ ง อำกำร/อำกำรแสดงรุนแรง - หำยใจมีเสียงว๊ีด เสียงฮื้ดเวลำหำยใจเข้ำ หำยใจลำบำก ทอ่ี ำจเสยี ชีวิตได้ ควำมดันโลหิตต่ำ ชีพจรเบำเร็ว และอำจเต้นผิดปกติ มภี ำวะช๊อก ไม่รู้สกึ ตัว มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค ปี 2566 32

แผนผงั ท่ี 1 แนวทำงกำรดูแลรกั ษำ Anaphylaxis ตรวจพบอำกำร/อำกำรแสดงทำงผวิ หนังหรือเยื่อบตุ ำ่ งๆ - ผนื่ /ผ่นื ลมพษิ (Rash/urticaria) - ตัวแดงจำกกำรขยำยตวั ของหลอดเลอื ด/คนั ตำมตัว (Flushing/pruritus) - เยื่อบตุ ำ จมูก ปำกบวม (Angioedema) มีอำกำรเกิดขึ้นอยำ่ งรวดเรว็ หรือมีกำร ใหอ้ อกซเิ จน เปดิ ทำงเดนิ หำยใจให้โลง่ หำกพบ เปล่ยี นแปลงเข้ำเกณฑ์ anaphylaxis* ส่งิ แปลกปลอมใหเ้ อำออก นอนรำบยกขำสงู ให้ adrenaline ทำงกลำ้ มเน้ือ ** (Rapid/progressive) (O2, clear airway, legs up, Adrenaline IM) ตรวจวัดสญั ญำณชีพเป็นระยะ (Vital signs) ใหย้ ำ antihistamine ได้แก่ นับกำรหำยใจ คลำชีพจร วดั ควำมดันโลหติ ใหย้ ำ corticosteroid ตรวจประเมนิ อำกำรอยำ่ งใกล้ชิดเปน็ ระยะ * หำกพบ - มีอำกำรหำยใจลำบำก (Respiratory difficulty) - ระบบหมุนเวยี นโลหิตลม้ เหลว (Circulatory collapse) ตรวจพบควำมดันโลหติ ตำ่ ( BP)* - ชว่ ยหำยใจด้วยแรงดันบวกผำ่ นทำง Ambu bag/ ท่อชว่ ยหำยใจ/ ตรวจพบควำมดนั โลหิตตำ่ ลง* ( BP) เจำะคอ (Airway function) - ทำกำรกชู้ ีพเมือ่ ผปู้ ่วยไม่รสู้ ึกตวั ไมห่ ำยใจ หรือหำยใจเฮือก รว่ มกบั หำยใจมีเสยี งวดี๊ ไมด่ ขี ึ้น (Wheezing) คลำชพี จรไมพ่ บ (CPR) - ให้สำรน้ำทำงหลอดเลอื ด ใหเ้ พยี งพอ (Maintain circulatory volume) - ให้ adrenaline ทำงหลอดเลอื ด** (adrenaline IV) ให้สำรน้ำชนดิ พเิ ศษ และพจิ ำรณำใหย้ ำเพิม่ ควำมดนั โลหติ (plasma expander+/- vasopressors) ให้ยำขยำยหลอดลมโดยกำรพน่ (Inhaled beta-agonist) ปอ้ งกนั กำรเกิดซำ้ (Prevention of recurrence) หมำยเหตุ - กรอบเส้น คอื ผฉู้ ีดวัคซีนตอ้ งสำมำรถใหก้ ำรดแู ลเบอ้ื งตน้ ได้ กรอบเสน้ คอื ให้กำรดแู ลภำยใต้กำรควบคมุ ของแพทย์ - * คอื ดเู กณฑก์ ำรวินจิ ฉัยภำวะ anaphylaxis และตำรำงท่ี 2 ประกอบ - ** คอื ให้ยำภำยใต้คำแนะนำของแพทย์ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 33

6. กำรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และยำทจี่ ำเปน็ ในกำรกชู้ พี มอี ุปกรณท์ ่ีจำเป็น ดงั นี้  Ambu bag สำหรบั เด็ก และผูใ้ หญ่  Oxygen face mask สำหรับเด็ก และผ้ใู หญ่  Set IV fluid  Normal saline หรอื Ringer’s lactate  Adrenaline (ก่อนฉีดทุกครงั้ ต้องไดร้ บั ควำมเห็นชอบจำกแพทยก์ ่อน)  Endotracheal tube (ท่อชว่ ยหำยใจ) สำหรบั เดก็ และผู้ใหญอ่ ยำ่ งน้อยควรมี เบอร์ 3.5 และเบอร์ 4 ไวส้ ำหรบั เดก็  Laryngoscope สำหรบั เด็กและผู้ใหญ่ 7. กำรตดิ ตำมกล่มุ เป้ำหมำยใหม้ ำรบั วคั ซนี ตำมเกณฑ์ 7.1 มีทะเบยี นติดตำมกำรได้รบั วัคซีนของกลุ่มเป้ำหมำยทเ่ี ปน็ ปจั จบุ ัน 7.2 มกี ำรบันทึกวันท่ีกลุ่มเป้ำหมำยไดร้ บั วคั ซีนท้ังที่ได้รับจำกสถำนบริกำรตนเองและสถำนบริกำรอ่นื 7.3 มีระบบตดิ ตำมกลมุ่ เปำ้ หมำยทไี่ มม่ ำรบั วัคซนี ตำมนดั มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 34

ตอนที่ 3 มำตรฐำนกำรบันทกึ ขอ้ มูลในแฟ้มข้อมูลงำนสรำ้ งเสริมภมู คิ ้มุ กันโรค ปัจจุบันกระทรวงสำธำรณสุข โดยกองยุทธศำสตร์และแผนงำน (กยผ.) สำนักงำนปลัดกระทรวงสำธำรณสุข และสำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ (สปสช.) กำหนดให้สถำนบริกำรจัดเก็บข้อมูลกำรให้บริกำรตำมกิจกรรม สำธำรณสุขเป็นรำยบุคคล (Individual record) ผ่ำนฐำนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ 43 แฟ้มมำตรฐำน และ กำหนดใหม้ ีกำรสง่ ฐำนข้อมูล ไปรวบรวมท่ีคลังข้อมูลสขุ ภำพระดับจังหวดั เพ่ือใหข้ อ้ มูลงำนสร้ำงเสริมภูมคิ ุ้มกันโรค มีควำมครบถ้วนถูกต้อง สำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ในกำรวำงแผนและประเมินผลกำรดำเนินงำนในทุกระดับได้ อย่ำงมีประสิทธิภำพ หน่วยบริกำรท่ีให้วัคซีนแก่ประชำกรกลุ่มเป้ำหมำย จำเป็นต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบในกำร บันทึกขอ้ มูลในงำนสรำ้ งเสริมภูมคิ ุม้ กนั โรคตำมมำตรฐำน ดงั น้ี 1. กำรบนั ทกึ ข้อมลู ในงำนสรำ้ งเสรมิ ภูมคิ มุ้ กนั โรค  รหสั วคั ซีนที่ใชต้ รงตำมรหัสมำตรฐำนที่กองยทุ ธศำสตร์และแผนงำน (กยผ.) กำหนด  มีกำรบันทึกข้อมูลกำรใหบ้ รกิ ำรวคั ซีนทกุ ชนิดเปน็ รำยบุคคลในแฟม้ EPI ดังนี้  กลมุ่ เด็กแรกเกดิ : วัคซีน BCG และ HB  กล่มุ เดก็ ก่อนวัยเรียน : วคั ซีน DTP-HB-Hib, Rota, DTP, OPV, IPV, MMR และ LAJE  กลุ่มเด็กนักเรียน ช้ัน ป.1 : วัคซีน MMR, dT, OPV, IPV, BCG, HB, LAJE (ข้ึนกับประวัติ กำรไดร้ ับวัคซีนในอดตี )  กลุม่ เด็กนักเรียนหญงิ ช้นั ป.5 : วัคซนี HPV  กลุ่มเด็กนักเรียน ช้นั ป.6 : วคั ซีน dT  กลมุ่ หญงิ ตง้ั ครรภ์ : วคั ซีน dT และ Influenza  กลุ่มผู้ใหญ่ : วัคซีน dT ในผ้ใู หญ่ทม่ี อี ำยุ 20, 30, 40, 50, 60 ปขี นึ้ ไป : วคั ซนี MR สำหรับนกั ศึกษำทำงกำรแพทยแ์ ละสำธำรณสขุ : วคั ซนี Influenza ในบุคลำกรทำงกำรแพทยแ์ ละสำธำรณสุข และประชำชนกลุ่มเสยี่ ง  ตรวจสอบกำรบันทึกข้อมูลกำรให้บริกำรให้ครบถ้วน ถูกต้อง เช่น Print out รำยงำนมำตรวจสอบกับ ทะเบยี นให้บรกิ ำร หรอื ตรวจสอบจำก family folder เปรยี บเทียบกับข้อมลู ในคอมพิวเตอร์ เปน็ ตน้  บันทกึ วนั นัดรบั วัคซีนครัง้ ต่อไป  ในกรณที ผ่ี ้รู บั วัคซนี ไมม่ ำตำมนัด ให้บันทกึ เลือ่ นนัดเพ่ือรบั วัคซีนคร้ังตอ่ ไป  เมือ่ บันทกึ ขอ้ มูลผรู้ บั บริกำรวคั ซนี ครบทุกคนแล้วให้ Print out รำยงำนเกบ็ ไว้  บนั ทึกรำยละเอียดผู้รับวัคซีนในพื้นที่รบั ผิดชอบทีไ่ ดร้ ับวคั ซนี จำกสถำนบริกำรอนื่ มำลงในคอมพิวเตอร์ โดยบนั ทกึ สถำนทรี่ ับวคั ซีนในชอ่ ง “ทอ่ี ืน่ ”  กำรตดิ ตำมกลมุ่ เปำ้ หมำยให้มำรับวัคซนี ตำมเกณฑ์ มาตรฐานการดาเนนิ งานสรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กนั โรค ปี 2566 35