Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ONCE IN A LIFE TIME

ONCE IN A LIFE TIME

Published by Yasussawin (Win) Khemdaeng, 2022-04-27 06:54:12

Description: Youth Magazine

Search

Read the Text Version

WHAT'S NEW AT CURTFIELD HEALTHCARE: Community Service

สารบัญ 3 4 บทบรรณาธิการนิตยสาร 6 9 “Once In A Lifetime” 18 สมาชิกและหน้าที่จากนิตยสาร 2-22 24-26 “Once In A Lifetim e 28 31 คำนำ Read for Life Teen voice Magazine การส่งเสริมสนับสนุนบุตรให้มี ศักยภาพในการเป็นผู้นำที่ดี การสอบเข้ามหาวิทยาลัย aII Teen Voice magazine ภัยพิบัติ Covid-19 โครงการ ซอยด็อก บทรองบรรณาธิการนิตยสาร

บทบรรณาธิการนิตยสาร “Once In A Lifetime” สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน นิตรสาร “Once In A Lifetime” ที่ท่านกำลังจะเปิดอ่านอยู่นี้ เป็นฉบับที่ถูกจัดขึ้นในช่วงฤดูฝนพรำ ดั่งความงามของฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เราจึงขอมอบความสุขพร้อมกับการเปิด โลกทรรศน์ให้ ท่านด้วยเนื้อหาข้างในหนังสือเล่มนี้ ที่มีเรื่องราวสะท้อนทุกแง่มุมของชีวิตตัวละครที่คละเคล้าไปด้วย จินตนาการ อารมณ์ ความคิด และความรู้สึกที่มีต่อผู้คนในสังคม ความแตกต่างกันในด้าน วัฒนธรรมและความหลากหลายของอาชีพ ซึ่งอาจจะทำให้คุณผู้อ่านเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมท่าน ควรเลือกอ่านหนังสือเล่มนี้ นั้นก็เพราะว่า “Once In A Life” ได้ถูก จัดทำขึ้นอย่างทุ่มเท ตั้งใจ เรียบ เรียง เนื้อหาทุกถ้อยคำสร้างสรรค์ไว้ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ผู้อ่านมีความสุขทุกขณะจิตที่เปิดอ่าน หนังสือของเรา นิตยสาร “Once In A Lifetime” ฉบับนี้ พร้อมแล้วที่จะพาผู้อ่านที่ชอบแนวชีวิตบนโลกแห่งความจริง ไปเสพเนื้อหาลิ้มรสชาติของตัวหนังสือ ถ้อยคำบรรยายในทุก ๆ บทความไปพร้อมกับเรา ต่อจากนี้ไป รับรองได้ว่าท่านผู้อ่านจะได้รับความเพลิดเพลินติดตาตรึงใจมิรู้ลืม ในวันหยุดพักผ่อนสบาย ๆ ช่วงหน้าฝนนี้ อยากให้ท่านได้ลองหาหนังสือดี ๆ สักเล่มเพื่อเปิดอ่านไป พร้อมนั่งจิบชาพลาง ๆ มองใบไม้หญ้าที่เขียวชะอุ่มหลังฝนพรำ ๆ เพียงแค่เท่านี้ ท่านก็อาจเหมือน ล่องลอยอยู่ในแดนสวรรค์บนดินที่ใครหลายคนอยากสัมผัส เพราะการได้ครอบครองหนังสือดี ๆ นั้น ก็ไม่ต่างจากการมีแหล่งชุมทรัพย์มหาศาลในบ้านนั่นเอง ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หัวหน้าบรรณาธิการ และ รองบรรณาธิการ

สมาชิกและหน้าที่จากนิตยสาร “Once In A Lifetime”:



คำนำ “Read For Life” เป็นคอลัมน์ที่บรรณาธิการภูมิใจเสนอ บทความแต่ละ เรื่องถูกเรียบเรียงไว้อย่างน่าสนใจมาก เกี่ยวกับชีวิตในช่วงวัยรุ่นของ ศิลปินและบุคคลธรรมดาทั่วไป มีความหลากหลายทั้งแง่มุมและสอด แทรกความรู้ ทัศนคติ อารมณ์ และความคิดของผู้เขียนที่ต้องการ ถ่ายทอดเนื้อหาของแต่ละบทความให้ผู้อ่านได้เข้าถึงอรรถรสและสุนทรี ภาพ ซึ่งคอลัมน์นี้ ได้รวบรวมไว้ทั้งหมด 6 บทความ บทความแรก “Wonder” เด็กชายผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ “ออกัสต์ พูลล์แมน” ตัวละครที่มี อารมณ์เหงา เศร้า น้อยเนื้อต่ำใจกับใบหน้าของตน ท้อแท้กับโชคชะตา ชีวิต เนื้อหาให้แง่คิดว่า สังคมครอบครัวและเพื่อนมีอิทธิพลมาก รวมถึง การหยิบยื่นความรักให้ผู้ที่ด้อยกว่า สามารถพลิกชีวิตจากคนโดดเดี่ยว กลายเป็นคนที่มีความสุข บทความที่สอง “A Dog’s Purpose” เรื่องนี้เกี่ยวกับสุนัขที่เกิดมาเพื่อ หาเหตุผลว่าทำไมเขาต้องเกิดมาบนโลกนี้ และมาเพื่อแสวงหาอะไร ตัว ละครนำคือ สุนัข ชื่อ “ไบเลย์” มีเจ้าของชื่อ อีธาน เนื้อหามีความหลาก หลายในอารมณ์ คลุกเคล้าไปด้วยความสุข สนุก และหดหู่เสียใจ รวมไป ถึงการผจญภัยของพวกเขา สุดท้ายผู้อ่านจะเกิดความเข้าใจว่าสุนัขกำลัง สื่อสารอะไรกับมนุษย์ บทความที่สาม “Harry Potter” เป็นชื่อตัวละครพ่อมด ที่มีความรักเพื่อน เปรียบเสมือนรักคนในครอบครัว แฮรรี่ต้องพบกับการผจญภัย ที่มีเป้า หมายต้องการกำจัดพ่อมดชั่วร้าย เรื่องนี้ผู้อ่านจะซาบซึ้งถึงคำว่ารัก ที่ นอกเหนือจากรักตัวเอง ยังมีความรักครูและเพื่อน รวมทั้งแสดงให้เห็น ว่า พลังของความรักนั้นยิ่งใหญ่มาก ช่วยให้แฮรรี่รอดพ้นจากเงื้อมมือ แห่งความตายมาได้ทุกครา

บทความที่สี่ “That Night” เรื่องราวชีวิตของโทนี่ ผู้ที่ไม่เคยรู้สึก ยินดีกับความสุขของผู้อื่น แต่เขาก็เกลียดตนเองที่มีความรู้สึก แบบนี้เช่นกัน มันติดอยู่ในใจเขาตลอดมา ประสบการณ์เลวร้ายที่ ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา การโดนใส่ร้ายจนต้องติดคุก 15 ปี สุดท้าย เขาต้องการตามหาคำตอบที่สงสัย มันช่างเป็นมรสุมชีวิตที่เต็มไป ด้วยความแค้น การถูกทรยศ และความโศกเศร้า บทความที่ห้า “Chains” ถูกแต่งโดย Laurie Halse Anderson นักเขียนชื่อดังที่ได้รับรางวัลระดับโลก เรื่องนี้มีความพิเศษแตก ต่างจากนิยายธรรมดาทั่วไป เพราะเป็นงานเขียนในรูปเเบบของ สมุดบันทึกประจําวันตัวละครชื่อ “Isabel” ทาสสาวชาวอเมริกัน แอฟริกัน ในยุคสมัยการปฎิวัติอเมริกัน ซึ่งทาสจะถูกระรานอย่าง ไร้มนุษยธรรม ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความลำบากและน่า สงสาร บทความที่หก “รักนะครับคุณชายซกมก” พระเอกชื่อ ศตวรรษ อยากเป็นคนร่ำรวย จึงสมัครงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กหนุ่มชื่อว่า วาฬ เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกดีๆระหว่างคนทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น และ จากจุดนี้ ก็นำไปสู่ความรักระหว่างเพศเดียวกัน เรื่องนี้ผู้เขียนซึ่ง เป็นสาวประเภทวาย มีความเข้าใจตัวละคร จึงสามารถถ่ายทอด อารมณ์ให้ผู้อ่านคล้อยตามได้เป็นอย่างดี สุดท้ายนี้ คอลัมน์ “Read For Life” หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความ ทั้งหมดนี้จะเต็มไปด้วยความสนุก มีสาระส่งเสริมความรู้ให้แก่ผู้ อ่าน เพื่อนำไปดำรงชีวิตและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและส่วน รวม ขอขอบพระคุณ บรรณาธิการ



ทิชา ทิชา ๑๘ “ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่คุณยังรู้สึกโดดเดี่ยว \"It's not enough to be friendly. เหมือนอยู่ตัวคนเดียว บนโลกใบนี้” ความรู้สึกนี้เป็น You have to be a friend\". ความรู้สึกของเด็กชายคนหนึ่ง “ออกัสต์ พูลล์แมน” ผู้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหงา เศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง ต่อ โชคชะตาชีวิต ตั้งแต่เขาเกิดลืมตาดูโลก มาพร้อม กับใบหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ แตกต่างจากคนปกติ ทั่วไป สิ่งนี้มันได้กลายเป็นปมด้อยติดตัวเขามาโดย ตลอด ยากจะหาคนเข้าใจ เปรียบเสมือนเขาติดอยู่ใน อุโมงค์อันมืดมิดเพียงลำพัง แต่ถึงอย่างไร โชคชะตา ก็ยังนำพาให้เด็กชายได้พบเจอความหวัง ดั่งเช่นแสง สว่างที่เล็ดลอดให้เห็นตรงปลายอุโมงค์ วันเดอร์ เป็นงานเขียนประเภทบันเทิงคดี ประเภทนวนิยาย วรรณกรรมเด็ก ความยาวตลอด ทั้งเล่มประมาณ 316 หน้า ที่สะท้อนให้เห็นถึง ชีวิต ของเด็กชายที่มีหน้าตาพิการคนหนึ่ง แต่มีหัวใจที่เด็ด เดี่ยว กล้าหาญ มีความกล้าพอที่จะเผชิญกับเรื่องราว ร้าย ๆ ซึ่งรวมถึงการดูถูก รังเกียจ จากผู้คนรอบข้างที่ ผ่านเข้ามาในชีวิตออกัสต์ ตรงจุดนี้มันไม่ง่ายสำหรับ เขาเลย ที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ และเอาชนะ ความน้อยเนื้อต่ำใจในปมด้อยของตนเอง เพื่อมายืน อยู่ในจุดที่ทุกคนยอมรับให้ได้ การเข้าสู่ระดับชั้นเรียนขั้นประถมศึกษานี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นของออกัสต์ที่จะพิสูจน์หัวใจอันแข็งแกร่ง ของเขา เพราะที่โรงเรียนเขาจะพบกับความแตกต่างของเพื่อนที่แต่ละคนนั้นก็มาจากครอบครัวที่ต่างกัน ผู้อ่านจะได้พบกับตัวละครที่น่าสนใจ มีทั้งเพื่อนที่ดีคอยให้กำลังใจ และเพื่อนที่คิดร้าย ประสบการณ์ที่ โรงเรียนนี้ได้ทำให้ออกัสต์เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ดึงเขาขึ้นมาจากหลุมที่มืดมิดในจิตใจ เนื้อหา สำคัญคือ ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญของเพื่อน ทุกตัวละครจะมีบทบาทในการสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับออกัสต์มากขึ้น และในทางตรงกันข้าม บางตัวละครก็มีผลกระทบสร้างความกดดันให้ กับเขาไม่น้อยเช่นกัน “When given the choice between being right or being kind choose kind.” นี้ คือประโยคสั้น ๆ แต่มีแรงจูงใจมาก ที่ผู้เขียนต้องการสื่อให้รู้ว่า ในบางครั้ง ชีวิตคนเราอาจจะต้องพบเจอ ทางเลือกระหว่าง ความถูกต้อง กับความเมตตา เราควรเลือกความเมตตา ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านคิดตามว่า หนึ่ง พรสวรรค์มีอยู่ในตัวเราทุกคน อย่าตัดสินคน อื่นจากภายนอกที่คุณเห็นเท่านั้น สอง ความรักจากครอบครัวและเพื่อนมนุษย์สามารถเอาชนะทุกสิ่ง เหมือน ดั่งเช่นออกัสต์ได้รับความรัก ความเข้าใจ จนเขาสามารถทำลายกำแพงที่หนา ซึ่งถูกก่อตัวและสะสมมาเป็น เวลานาน ได้พังทลายลงไป สาม ชีวิตเหมือนการเดินทาง ในระหว่างทางนั้น เราควรเปิดใจกับมิตรภาพใหม่ ๆ ที่พบเจอ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร เพราะทุกคนไม่ได้เกิดมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ เราจึง ต้องการเพื่อนที่เข้าใจ และอยากเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากสังคม สุดท้ายนี้เรื่องราวของเด็กชายออกัสต์ เขาจะสามารถปรับตัวและเอาชนะกับปัญหาในการดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่น ได้มากน้อยเพียงใดนั้น ผู้อ่านคง ต้องไปหาอ่านในนวนิยายที่มีชื่อว่า “วันเดอร์” ของผู้แต่ง R.J. Palacio

พิม ๘ “ผมต้องการความเรียบง่ายในชีวิต การมีชีวิต ที่แสนสงบ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องความรัก เเละเรื่อง กินอยู่ทั้งหมด นี้จะเป็นไปได้ต่อเมื่อเรามีเงิน เท่านั้น” ข้อความดังกล่าวนี้อาจจะตรงกับใคร หลาย ๆ คน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะอยู่ส่วนไหนของ โลกก็ตาม เเน่นอนว่าทุก ๆ คนก็มีความต้องการที่ จะแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมีเงินและอยู่ อย่างสบาย ซึ่งก็มีความคล้ายคลึงกับหนุ่มสุดหล่อ ที่มีชื่อว่า “ศตวรรษ” จากนิยายเรื่อง รักนะครับ คุณชายซกมก แต่งโดย เจ้าหญิงละเมอ หนังสือเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทนวนิยาย และ มีความยาวโดยรวมทั้งหมด 375 หน้า นวนิยาย เรื่องนี้มีความโดดเด่นเเละเเตกต่างออกไปจาก นิยายรักทั่วไป เพราะว่าเล่มนี้เกี่ยวกับเรื่องรักร่วม เพศ หรือเป็นหนังสือ Y (วาย) นั่นเอง เนื้อหาใน เรื่องนี้ถูกอ้างอิงมาจากเรื่องจริง เพราะสมัยนี้การ ที่ใครคนหนึ่งจะรักคนอีกคนที่เป็นเพศเดียวกัน นั้นเป็นเรื่องปกติ และไม่ถือว่าเป็นความผิด นวนิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยเจ้าหญิงละเมอ ซึ่งเป็นนามปากกาของผู้เเต่งที่มีนามว่า เเจนส์ เเละเขา ได้สร้างผลงานออกมาหลายชิ้นโดยรวมแล้วมีทั้งหมด 8 เล่มด้วยกัน ผลงานที่เธอได้สร้างขึ้นมานั้น ต่าง ก็มีความหลากหลายผสมผสานไปด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ หนังสือนิยายเกือบทั้งหมดเป็นเเนวความรัก โรแมนติก และมีขนาด 16 หน้ายก ประกอบไปด้วยรูปแบบในการเขียนที่เล่าเรื่องจากความรู้สึกของตัว ละคร พระเอกที่มีชื่อว่าศตวรรษ อยากเป็นคนที่ร่ำรวยและมีเงินเหลือเฟือให้ใช้อยู่ตลอดเวลา กระทั่งวัน หนึ่งเขาได้ไปเจอใบปลิวที่ประกาศหาพี่เลี้ยงเด็ก และด้วยกิเลสที่เขามีอยู่นั้น ศตวรรษจึงตัดสินใจสมัคร ทำงานนี้ ทำให้เขาพบเจอเรื่องป่วน ๆ ของเด็กที่เขาต้องเลี้ยงชื่อว่า วาฬ ช่วงที่กำลังทำงานบ้านอยู่นั้น เจ้าวาฬก็มักจะชอบมาก่อกวนและทำให้บ้านเลอะเทอะตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไป จึงเกิดความรู้สึกดี ๆ ระหว่างทั้งสองคน โดยรวมเเล้วสิ่งที่น่าประทับใจของนิยายเรื่องนี้คือ วิธีการสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าถึงตัวละครเเละคล้อย ตามไปกับเรื่อง มากไปกว่านี้เนื่องจากผู้แต่งเป็นสาววาย หรือผู้หญิงที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับความรักของ ชายกับชาย เรื่องนี้จึงเป็นนิยายที่เข้าถึงกลุ่ม Y (วาย) ได้อย่างเข้มข้น ผู้อ่านจะรู้สึกเพลิดเพลินเเละอาจ ไปตรงกับชีวิตของใครหลาย ๆ คน เรื่องนี้ยังสอนให้รู้ว่าความรักมีหลายประเภท เเละไม่ได้กำหนดให้เเค่ ชายกับหญิงเท่านั้น เเต่ความรู้สึกดี ๆ นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ หนังสือเล่มนี้ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่ผู้แต่งอยากให้ผู้อ่านรับรู้ คือประวัติของแต่ละตัวละคร ที่มีบทบาทสำคัญ จึงทำให้โครงเรื่องมีความ ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา หากท่านคิดจะอ่านเรื่องนี้ ผู้อ่านควรมีอายุ 15 ปีขึ้นไป และควรใช้วิจารณญาณในการอ่านโดยไม่ ดูถูกหรือเอาเปรียบคนที่รักร่วมเพศ



เมจิ ๒๐ “She cannot chain my soul….” เขาไม่สามารถผูกมัด จิตวิญญาณของฉันได้  หญิงสาวชาวเเอฟริกัน-อเมริกัน คนหนึ่งได้กล่าว ไว้ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง  Chains เป็นหนังสือประเภท นวนิยายอิงเนื้อหา มาจากประวัติศาสตร์ในยุคสมัยของการปฎิวัติอเมริกัน ที่มีขนาด 16 หน้ายก เเละมีความยาว 320 หน้าโดย รวม นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่มีความโดดเด่น เเละเเตกต่างออกไปจากหนังสือธรรมดา เนื่องจากว่า เหตุการณ์เเละเนื้อหาภายในเรื่องนี้ไม่ได้เพียงเเต่เกิดมา จากจินตนาการของผู้เเต่ง เเต่ยังมีการอ้างอิง ประวัติศาสตร์ในยุคสมัยการปฎิวัติอเมริกันจริงๆ  นอกจากนี้เเล้ว ผู้เเต่งของนวนิยายเรื่องนี้คือ Laurie Halse Anderson นักเขียนชื่อดังที่ได้รับรางวัล เเละการยกย่องระดับโลกมาเเล้วมากกว่า 5 รางวัลตั้ง เเต่ปี 1999 ที่มีประสบการณ์ในการเขียนมามากกว่า 21 ปีโดยรวม ด้วยผลงานอันที่ได้รับการยกย่องโดยผู้ อ่านทั่วโลกมากกว่า 9 ฉบับ หนังสือเล่มนี้ยังมีรูปเเบบการเขียนที่มีความโดดเด่นเเละเเตกต่างออกไปจากนวนิยายธรรมดา โดยมีการนำเสนองานเขียนในรูปเเบบของสมุดบันทึกประจําวันของตัวละครหลักด้วยนามว่า “Isabel” โดย Laurie Halse Anderson มีเจตนาที่จะทําให้เนื้อหาภายในเรื่องนั้นมีความรู้สึกที่ใกล้ ชิดกับผู้อ่านด้วยหนังสือรูปเเบบของบุคคลที่หนึ่งจะทําให้ผู้อ่านมีความรู้สึกเหมือนกับการได้ใช้ชีวิต เป็นตัวละครหลักในสมัยการปฎิวัติอเมริกันอย่างเเท้จริง โดยรวมเเล้ว นวนิยายเรื่องนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ตั้งเเต่สาระสําคัญที่ผู้เเต่งต้องการที่ จะสื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ อย่างเช่นชื่อเรื่องของนวนิยายเล่มนี้ที่ใช้คําว่า “Chains” มีความหมายว่า \"โซ่\" ในภาษาไทย และยังสื่อถึงความรู้สึกของตัวละครหลักที่ได้เกิดมาเป็น ทาสเด็กสาวคนหนึ่งในยุคสมัยของการปฎิวัติอเมริกันในปี 1996 รวมถึงชีวิตของเธอที่เเฝงไปด้วย ความยากลําบากเเละความน่าสงสารในเวลาเดียวกัน เนื่องจากว่าทาสชาวอเมริกันเชื้อสายเเอฟริกัน ในสมัยการปฎิวัติอเมริกันนั้น หลายคนจะถูกระรานจากเจ้านายของพวกเขาอย่างไร้ มนุษยธรรมเเละความเห็นอกเห็นใจ  เพื่อเป็นการสรุปนวนิยายเรื่องนี้ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจในรายละเอียดของงานเขียนที่เเตก ต่างออกไปจากนวนิยายธรรมดาที่เขียนโดยนักเขียนที่ได้รับการยกย่องจากคนทั่วโลก เเละยังนํา ความรู้ด้านประวัติศาสตร์พร้อมๆไปกับความเพลิดเพลินในหนังสือเล่มนี้ เพื่อมอบให้แก่ผู้อ่านโดย เฉพาะ จึงทําให้ “Chains” เป็นหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมควรแก่การแนะนำให้ผู้อ่านหลาย ๆ ท่านไม่ ควรพลาดโอกาสของความตื่นเต้นเร้าใจในหนังสือเล่มนี้

หลินหลิน ๑๕ “I hate them for not being in pain like me, hate them for being able to enjoy themselves. Hate myself for feeling that way.” ข้อความดังกล่าวนี้ หมายถึง “ฉันเกลียดพวกเขาที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนฉัน เกลียดที่พวกเขาได้มีความสุข เเละเกลียดตัวเองที่รู้สึก เเบบนั้น” สำหรับบางคน ข้อความนี้อาจดูรุนเเรงหรือไร้ เหตุผลเเต่สำหรับโทนี่ ข้อความนี้คือ ความรู้สึกที่ติดอยู่ ในใจและไม่เคยลืม เนื้อหาพูดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ของเขา และนี่เลยเป็นที่มาของความรู้สึกลึกภายในใจ “That Night” เป็นงานเขียนประเภทบันเทิงคดีเเละ เป็นนวนิยายเเนวสืบสวน เเต่งโดย Chevy Stevens ความยาวของเล่มนี้มีทั้งหมด 376 หน้าและสะท้อนให้ เห็นถึงชีวิตของตัวละครหลักตั้งเเต่สมัยวัยรุ่นจนเติบโต เป็นผู้ใหญ่ โทนี่เเละเเฟนของเขาที่ชื่อว่า เเดเนียล ได้โดน กล่าวหาว่าทั้งสองได้ไปฆ่าน้องสาวของเธอที่ชื่อว่านิโคล เเต่ทั้งสองคนก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ โทนี่เเละเเด เนียลจึงต้องเข้าคุกไปเป็นเวลา 15 ปีเเละหลังจากที่พวก เขาออกมาจากคุก โทนี่ก็พยายามสุดความสามารถเพื่อที่ จะหาคำตอบว่าใครคือผู้ร้ายที่เเท้จริง ตั้งเเต่ทุกอย่างที่สาววัยรุ่นคนหนึ่งได้เจอมาไม่ว่าจะเป็นการโดนกลั่นเเกล้ง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคุก เเละความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ที่เธอพบ หรือเเม้กระทั่งตอนที่โทนี่พบเจอคำตอบที่เขาเเสวงหามานาน นั้นก็ คือค่ำคืนที่คนรักของเขาเสียชีวิตไป เค้าโครงเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านได้เข้าถึงตัวละครอย่างลึกซึ้ง จนวาง หนังสือเล่มนี้ไม่ลงเลยทีเดียว ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้โดดเด่นต่างกับหนังสือเล่มอื่น ๆ เพราะว่าผู้เเต่งได้เล่าเนื้อเรื่องช่วง เวลาที่ไม่เหมือนกัน ในเเต่ละบทมีการอธิบายอย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ผู้เเต่งจะเล่าเรื่อง ตามความเปลี่ยนเเปลงในความคิดของตัวละครเเต่ละตัว เเละรวมไปถึงฉากของบท ๆ นั้น นอกจากนี้เเล้ว เนื้อเรื่องยังมีมุมมองของคนที่เคยเข้าคุกมาก่อน เเต่ในเวลาเดียวกัน ผู้เเต่งก็สามารถ เขียนให้เรื่องราวมีความตื่นเต้นตลอดเวลา จึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจของนักอ่านนิยายแนวนี้ ข้อความในหนังสือเล่มนี้มีความสะเทือนใจอย่างมากเเละยังให้ข้อคิดเเก่ผู้อ่านคือ “Sometimes we have to go through difficult times in life, but they're just a test, and if we stay strong, we're eventually rewarded.” ข้อความดังกล่าวนี้หมายถึง “บางครั้งเราต้องเจอกับอุปสรรคในชีวิต เเต่ อุปสรรคเหล่านั้นเป็นเเค่การทดสอบ ถ้าเรายังเข้มเเข็ง เราก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต” ข้อความนี้ กำลังสื่อให้เรารู้ว่า ไม่ว่าในชีวิตเราจะเจอกับอุปสรรคมากมายเพียงใด เราควรสู้ต่อไปเหมือนโทนี่ผู้ไม่ เคยยอมเเพ้ให้กับปัญหาที่เขากำลังเผชิญอย่างง่ายดาย เรื่องราวชีวิตของโทนี่ก่อนที่เขาจะเข้าคุก ระหว่างที่อยู่ในคุก เเละหลังจากออกจากคุกจะเป็น อย่างไร จะเต็มไปด้วยความทรยศ ความโศกเศร้า หรือความเเค้น เเละความลับนี้จะถูกเปิดเผยใน นวนิยาย “That Night” รับรองว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างเเน่นอน



ริศา ๕ “สุนัขทุกตัวเกิดขึ้นด้วยเหตุผลเเละสุนัขตัวนี้เกิด มาเพื่อหาจุุดประสงค์ของเขาในชีวิต” ข้อความนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับสุนัขที่เกิดมาเพื่อ หาเหตุผลว่าทำไมเขาต้องเกิดมาในโลกนี้ เเละเกิดมา เพื่อแสวงหาอะไร ซึ่งผู้อ่านจะเห็นจากมุมมองของ สุนัขที่ชื่อไบเลย์ จากหนังสือนวนิยายที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 มกราคม ในเรื่อง “A Dog’s Purpose” เขียนโดย W.Bruce Cameron A Dog’s Purpose เป็นงานเขียนเเนวนวนิยายที่ ไม่ได้ยึดถือกับเรื่องจริง เเต่จะทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ คล้ายกับเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น หนังสือเล่มนี้มีความ ยาวรวมเเล้ว 319 หน้า ที่สะท้อนให้เห็นถึงความรัก เเละความผูกพันของหมาที่มีต่อเจ้าของ เเละยิ่งไป กว่านั้นหนังสือเล่มนี้จะทำให้ผู้อ่านเห็นว่าหมาทุกตัว ต้องการความรัก ความอบอุ่นจากเจ้าของ ชึ่งแปลว่า สุนัขเหล่านี้เกิดมาเพื่อหาจุดประสงค์ของพวกเขาใน การดำเนินชีวิต หลังหน้าปกนี้คือเรื่องเกี่ยวกับตัวละครหลักที่มีชื่อว่าอีธาน เเละหมาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ไบเลย์ ซึ่ง สองตัวละครหลักนี้มีความพูกพันธ์กันมาก น้องหมาตัวนี้ได้เห็นถึงจุดประสงค์ที่เขาเกิดมา เพื่อได้ เจอเเต่สิ่งดี ๆ ขณะเดียวกันไบเลย์ก็พบว่าตัวเองเกิดใหม่ในฐานะลูกสุนัขที่มีขนสีทอง ซึ่งดูโผงผาง เเละไม่มีใครอยากรับไปเลี้ยง ชีวิตที่น่าสลดใจในฐานะสุนัขจรจัดที่ต้องต่อสู้ชีวิต พยายามตลอดเพื่อ ที่จะได้กลับไปอยู่กับอีธานเจ้าของเดิม น้องหมาค้นหาความหมายของชีวิตใหม่ของเขา สุดท้ายได้ กลับสู่อ้อมแขนของอีธานอีกครั้ง สิ่งที่น่าประทับใจในหนังสือเล่มนี้คือ ผู้แต่งสามารถทำให้ผู้อ่านได้รู้ถึงความคิดของสุนัข ในเรื่อง นี้เราจะได้เห็นมุมมอง ความคิด และความรู้สึกของไบเลย์ ซึ่งออกมาเป็นเรื่องราวว่าตอนนี้ ไบเลย์ กำลังคิดอะไรอยู่ โดยการแสดงออก พร้อมกับบอกความรู้สึกของมัน โดยรวมแล้วก็จะทำให้ผู้อ่าน เข้าใจเเละสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับสุนัขของเราเอง และมากไปกว่านั้น หนังสือเล่มนี้ยังเสริม ความรู้ให้เราได้ทราบว่า ถ้าน้องหมามีปฏิกิริยาเเบบนี้ เราจะรู้ว่าสุนัขกำลังจะสื่ออะไรกับเรา เรื่องราวของเล่มนี้มีความหลากหลายในอารมณ์ ที่คลุกเคล้าไปด้วยความสนุก ความสุข เเละความ หดหู่เสียใจไปพร้อม ๆ กัน ผู้อ่านจะได้เห็นการผจญภัยของไบเลย์เเละอีธาน จะเกิดอะไรขึ้นต่อ เรื่องนี้ จะจบลงอย่างไร แนะนำให้ท่านอ่าน A Dog's Purpose เเละท่านจะได้รับรู้ถึงอรรถรสต่าง ๆ รวมถึง ความรู้สึกของ 2 ตัวละครหลัก ถ้าท่านรักและปลื้มหนังสือเล่มนี้ ก็สามารถติดตามได้สองทางเพราะมัน ได้ถูกนำมาดัดแปลงออกเป็นสองรูปแบบคือ ภาพยนตร์ (หรืออินเทอร์เน็ต) และหนังสือปกแข็ง

เอิร์น ๔ “Do not pity the dead. Pity the living, and, above all pity the ones who live without love.” ข้อความดัง กล่าวถูกกล่าวโดยศาสตราจารย์ผู้น่านับถือของเด็กหนุ่มคน หนึ่ง คำสอนของ Dumbledore ที่มีไว้ให้เด็กหนุ่มแฮรรี่ พอตเตอร์นั้นสอนให้แฮรรี่ไม่เห็นแก่ตัวและรักเพื่อนหรือ ครอบครัวมากกว่าตัวเอง คำสอนนี้ซึมลึกเข้าไปในแต่ละตัว หนังสือของนิยายแฟนตาชีเล่มที่ 7 (เล่มสุดท้าย) ของ J.K Rowling ที่นามว่า แฮรรี่ พอตเตอร์ กับ เครื่องรางมทูต แฮรรี่ พอตเตอร์ เป็นงานเขียนประเภท บันเทิงดีและ นวนิยายแนวแฟนตาซี ความยาวของเล่มมีความยาวที่แตก ต่างกันอ้างอิงจากฉบับของอังกฤษมี 620 หน้า และ ฉบับ อเมริกันมี 759 หน้า หนังสือเล่มนี้สะท้อนถึงพลังแห่งความ รักของแฮรรี่พอตเตอร์ที่มีต่อเพื่อนๆที่เปรียบเสมือน ครอบครัวที่เขาไม่เคยมี และบรรยายถึงการผจญภัยของพ่อ มด แฮรรี่ พอตเตอร์​ซึ่งจุดหมายของเขาที่จะต่อกรกับ บุคคลชั่วร้าย Lord Voldemort รวมไปถึงแฮรรี่พอตเตอร์ จะเข้าใกล้จุดจบในเรื่องราวของเขา คือ การหาวิธีหยุดยั้ง Lord Voldemort เพื่อที่จะนำความสงบสุขกลับมาสู่โลกแห่งเวทย์มนตร์ สุดท้าย เด็กหนุ่มแฮรรี่ พอตเตอร์ จะเรียนรู้สิ่งมหัศจรรย์ที่แปลกใหม่เกี่ยว กับตนเอง มีคำถามหลากหลายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขา ซึ่งจะ ถูกคลี่คลายในหนังสือเล่มนี้ มากไปกว่านี้การผจญภัยของแฮรรี่ จะสอนให้ผู้อ่านเข้าใจถึงคำว่า รัก คำว่ารักนั้นสามารถแปลออกมาได้หลายรูปแบบ เช่น รักตัวเอง รักครอบครัว รักครูผู้สั่งสอน และ รักเพื่อน หนังสือเล่มนี้จะพยายามสอนให้ผู้อ่านรู้ว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งและเป็นสิ่งที่ทำให้ แฮรรี่ พอตเตอร์นั้นรอดจากเงื้อมือแห่งความตายมาได้ตลอดตั้งแต่เขาเกิดมา คำคมที่อยู่ใต้รูปภาพนั้นเป็นคำพูดที่เปรียบเสมือนแก่นสารของเรื่องนี้ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว Lord Voldemort ผู้ยิ่งใหญ่และชั่วร้ายถูกโค่นล้มโดยแฮรรี่ พอตเตอร์ เหตุผลเพราะเขามีชีวิตอยู่ไร้ซึ่งความ รักและจิตวิญญาณ จุดบกพร่องที่ Voldemort มองข้ามนั้นได้หวนกลับมาหักหลังเขาเอง และสุดท้ายจึง ทำให้ตนเองพ่ายแพ้ต่อแฮรรี่พอตเตอร์ แต่ว่าเส้นทางของแฮรรี่ไม่ได้โปรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แต่มันเต็มไปด้วยความมืดครึ้มเช่นกัน อย่างเช่นในหนังสือเล่มนี้ศาสตราจารย์ รีมัส ลูปินที่เป็นสหายคน สนิทของพ่อแฮรรี่เสียชีวิตไประหว่างการต่อสู้เพื่อปกป้องภรรยาของตนเอง เขาต้องจบลงด้วยการนอน เป็นศพเขียงข้างภรรยาที่เสียชีวิต ผู้อ่านจะสามารถเข้าถึงอารมณ์ของความสูญเสียอย่างลึกซึ้ง เพราะว่า หนังสือเล่มนี้พูดถึงความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดต่อกัน ถึงแม้ว่าลมหายใจจะสิ้นก็ตาม หากผู้อ่านอยากสัมผัส อรรถรสของโลกแห่งเวทมนต์ โปรดติดตามอ่าน แฮรรี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต



การส่งเสริมสนับสนุนบุตรให้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำที่ดี Teen Voice Magazine การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ระหว่าง คุณแม่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่มีบุตรธิดากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน ร่วมฤดีวิเทศศึกษา (RIS) กับนักเรียน 2 ท่าน ในครั้งนี้คุณแม่จะ เป็นแขกรับเชิญ ผู้ถูกสัมภาษณ์ โดยนักเรียนทั้งสองท่าน จะทำ หน้าที่เป็นพิธีกรสลับกันสัมภาษณ์คุณแม่ คุณแม่ สมฤทัย เรืองสมบูรณ์ ( แขกรับเชิญ ) นักเรียน ปัณฑิตา สุขกิจประเสริฐ ( พิธีกร 1 ) นักเรียน พรเพรง พยัฆวิเชียร ( พิธีกร 2 ) Q: คุณแม่จะมีความรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ทราบว่าลูกของตนได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม ? A: เกิดความรู้สึกภูมิใจ และกังวลใจไปพร้อม ๆ กันค่ะ คือ เกิดความภูมิใจตรงที่ลูกได้รับเลือก แสดงว่า คุณครูมองเห็นศักยภาพในตัวของลูก แต่ในขณะเดียวกันก็จะเกิดความรู้สึกเป็นห่วงกังวลว่า ลูกจะต้อง พบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้างค่ะ Q: คุณแม่มีคำแนะนำอย่างไรบ้างในการสนับสนุนส่งเสริมให้ลูกเป็นผู้นำกลุ่มที่ดีคะ ? A: การเป็นผู้นำที่ดีบุคคลนั้นจะต้องผ่านการเรียนรู้ฝึกฝน สะสมประสบการณ์ก่อน ซึ่งสรุปได้ว่าผู้นำที่ดีควร มีคุณสมบัติ 5 ข้อค่ะ Q: ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างคะ ? A: หนึ่ง เป็นนักวางแผน สามารถเริ่มต้นวางแผนงานคร่าวๆได้ ทุกคนในกลุ่มก็จะรู้ว่า เราควรทำงานอะไร ก่อน หลัง สอง เป็นผุ้ที่สามารถกระจายอำนาจได้ แปลว่าหัวหน้าต้องมอบงานที่เค้าถนัดให้ทำ สาม เป็นคน คิดบวก จะต้องมีสติ ใช้ปัญญา เหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ สี่ เป็นผู้ที่มีความเสียลสะอดทน โดยการเปิดใจ รับฟังปัญหาของลูกน้องด้วยความเข้าใจ และข้อห้า เป็นผู้มีอัธยาศัยดี มีอารามณ์ขัน สามารถปรับตัวได้ ทุกสถานการณ์ การเป็นคนเก่งและได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้านั้น อาจจะเจออุปสรรคในการทำงานบ้าง เปรียบเสมือน หนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะการทำงานร่วมกับคนหมู่มากย่อมมีการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่มาจากการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเรามาอยู่ร่วมกัน ทุกคน ต้องปรับตัวเพื่อจะสามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งแขกรับเชิญที่เราสัมภาษณ์ในวันนี้ ได้ให้ข้อคิดหลักการที่มี ประโยชน์ เพื่อสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานภาพนักเรียน หรือ ทำงานใน ตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม คุณสมบัติดังกล่าวมาทั้งห้าข้อนี้ จะสามารถช่วยคุณให้เป็นหัวหน้าที่ทุกคนรักและ จดจำได้ค่ะ



การสอบเข้ามหาวิทยาลัย II Teen Voice magazine คุณ ออม มนัสนันท์ คงเกิดลาภ คือผู้ที่ได้รับเชิญในการ ร่วมสัมภาษณ์ในครั้งนี้ผู้ที่จะมาแนะนำเเนวทางในการสอบ และเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ในปัจจุบันคุณออมกำลัง ศึกษาอยู่ที่โรงเรียน ร่วมฤดีวิเทศศึกษา ในเกรดมัธยม ๕ ด้านการศึกษาสายวิทยศาสตร์และคณิตยศาสตร์ Q: งานอดิเรกของคุณออมมีอะไรบ้าง? A: งานประดิษฐ์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น การถักโครเชทย์ การถักเส้นด้าย การเย็บผ้า เเละการออกกําลังกาย เช่น การเต้น เป็นต้น Q: จุดมุ่งหมายในอนาคตทางการศึกษาของคุณคืออะไร? A: สอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ได้สำเร็จ Q: อาชีพในฝันของคุณคืออะไร? A: เป็นแพทย์ Q: เหตุผลอะไรทําให้คุณอยากเป็นแพทย์? A: ในความคิดเห็นส่วนตัว เเพทย์เป็นอาชีพที่มีเกียรติ และสามารถเป็นที่พึ่งพาของประชาชน ได้ เนื่องจาก ตนเองเคยประสบเหตุการณ์บางอย่างในอดีตฝังใจ และการเป็นแพทย์ยังทําให้ตนเองรู้สึกได้ว่า หากคนไข้ ได้อยู่ในความคุ้มครองของแพทย์แล้ว คนไข้จะมีความรู้สึกปลอดภัยและสบายใจมากขึ้น Q: มหาวิทยาลัยที่สนใจในอนาตค? A: เมื่อเราถึงจุดที่ต้องค้นคว้าเรื่องมหาวิทยาลัยในอนาคต ดิฉันคิดว่าเราควรมีตัวเลือกไว้หลายตัว เพราะ ทุกอย่างไม่มีความแน่นอน หากตัวเลือกแรกไม่เป็นไปตามความคาดหมายของเรา เราก็ยังมีตัวเลือกอื่น สำรองไว้ สำหรับตัวเลือกที่ดิฉันเลือกไว้ก็จะมี มศว มหิดลและ จุฬาภรณ์ Q: อะไรดึงดูดความสนใจของคุณในการเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยดังกล่าว A: สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของดิฉันคือ อุปกรณ์การแพทย์ของมหาวิทยาลัย ที่มีความพร้อมให้นิสิตมาใช้ และค้นคว้าเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ และยังเปิดโอกาสให้นิสิตได้รับประสบการณ์แบบเรียลไทม์ คือ ได้ พบเจอกับคนไข้ในเหตุการณ์จริงๆ เพราะสถานที่ของมหาวิทยาลัยดังกล่าวนั้น ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล รามาธิบดี

การสอบเข้ามหาวิทยาลัย II Teen Voice magazine Q: ในมุมมองของนักเรียนที่จะเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยไหนนั้น ควรใช้กฏเกณฑ์อะไรในการตัดสิน ใจ A: ดิฉันเริ่มต้นจากการค้นหาข้อมูลการจัดอันดับของมหาวิทยาลัย เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทุกคนอยากจะ เข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับท็อปกันหมด แต่สำคัญที่สุดคือ เราทุกคนควรรู้จักความถนัด ศักยภาพ ของตนเองให้ดีเสียก่อน จะสามารถมองเห็นอนาคตและเลือกมหาวิทยาลัยที่มีคณะได้เหมาะสมกับตนเอง พ่อ ของดิฉันพูดอยู่เสมอว่า เราควรที่จะเลือกเส้นทางที่ยากเอาไว้ก่อน แต่หากว่าวันหนึ่งเราพบว่ามันยากเกินไป ก็ ไม่ควรที่จะฝืนตนเอง เพราะเรายังมีทางเลือกอื่นรองลงมาที่ง่ายกว่า ให้เราสามารถไปต่อได้ Q: คุณคิดว่าเมื่อใดที่นักเรียนควรจะเริ่มวางแผนอนาคตของตัวเอง A: ทุกๆคนควรเริ่มสำรวจคิดทบทวนตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า เราชอบเรียนอะไร คณะอะไรที่ตอบโจทย์ และ อยากทำงานแบบไหน สามารถเริ่มคิดได้ตอนนี้เลย เพราะยิ่งคุณค้นหาตนเองเจอเร็วเท่าไหร่ คุณก็สามารถฝึก ทักษะของคุณให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะเจอในอนาคตได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง อย่างเช่น คุณสามารถเริ่่มเรียน BMATและ SATเพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคต เช่นเดียวกับปัจจุบันนี้ที่ดิฉันเพิ่งรู้ใจตนเองว่าอยาก เป็นหมอตอนเกรด11 อาจช้าไป จึงทำให้มีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก และโดยส่วนตัวแล้วดิฉันก็ยังไม่เหลือเวลา ว่างให้งานอดิเรกของตนเองอีกต่อไป เพราะว่ามีเวลาไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น หากคุณยังไม่ได้เริ่มคิดเกี่ยวกับ อนาคตของคุณเลย คุณควรจะเริ่มเสียตอนนี้ มันจะได้ไม่สายเกินไป Q: สำหรับคุณ อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย? A: วิธีการเตรียมตัวที่ดีที่สุด ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยคือ การดูกฏเกณฑ์เเละมาตรฐานต่างๆที่มหาวิทยาลัย นั้นใช้เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกนักศึกษาในเเต่ละคณะ อย่างเช่น คะเเนน GPA เเละคะเเนนข้อสอบต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของเเต่ละมหาวิทยาลัย สําหรับคณะเเพทย์นั้น มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะพิจารณาเรื่อง พอร์ตโฟลิโอของนักศึกษาเป็นหลัก เเต่ในปัจจุบันนี้พอร์ตโฟลิโอไม่ได้เป็นเพียง อย่างเดียวที่ถูกนำมาพิจารณาแล้ว นักศึกษาคณะเเพทย์นั้นจำเป็นต้องมีประวัติการทํางานเคยเป็นอาสา สมัครด้วย เนื่องจากว่าการเป็นเเพทย์ฝึกหัดนั้นใช้เพียงเเค่เงินทองเพื่อที่จะได้มา เเต่ประวัติงานอาสาสมัคร นั้นจะเเสดงให้เห็นถึงความพยายามของนักศึกษามากกว่าการใช้เงินในการได้สิทธิ์เป็นเเพทย์ฝึกหัด Q: คุณคิดว่าข้อสอบในการเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเช่น SAT IELTS BMAT นั้นยากเหมือนที่คนหลายๆคน คิดไหมคะ? A: ในความคิดเห็นส่วนตัว ข้อสอบ SAT นั้นเป็นเพียงเเค่ข้อสอบที่มีเนื้อหาผิวเผินมาจากทุกๆวิชา ซึ่งคําถาม ส่วนใหญ่ ในข้อสอบ SAT นั้นก็ไม่ได้มีเนื้อหาวิชาที่ลึกซึ้งเลย แต่จะเน้นไปทางด้านความรู้พื้นฐานมากกว่า สําห รับนักศึกษาที่อยากจะเป็นเเพทย์ในอนาคตเเล้ว ดิฉันเเนะนําว่า ควรไปสอบข้อสอบ sat1 ไว้ เนื่องจากว่ามัน จะทําให้คุณได้ฝึกทําข้อสอบเเละยิ่งคุณฝึกบ่อย คุณก็จะเก่งขึ้น สําหรับข้อสอบ BMAT เเล้ว โดยความคิดเห็น ส่วนตัวมันยากมาก เนื่องจากว่าข้อสอบ bmath นั้นมีเวลาทําข้อสอบน้อย เเละเปิดรับการยื่นข้อสอบอย่างจํา กัดอีกด้วย นอกจากนี้เเล้ว ข้อสอบ BMAT นั้นยังต้องใช้ความยากในการตัดสินใจด้วย อย่างเช่น การเลือกวัน เวลาในการทําข้อสอบ ถ้าหากว่าคุณเลือกที่จะสอบเร็ว คุณก็จะมีเวลาให้ติวน้อยเเต่ข้อสอบจะออกมาง่ายกว่า เเต่ถ้าหากว่าคุณเลือกที่จะทําข้อสอบช้าเพื่อที่จะได้มีเวลาติวเพื่มขึ้น ข้อสอบของคุณก็จะออกมายากกว่าแบบ แรกทั้งนี้ สําหรับข้อสอบการอ่านเเละเขียนหรือข้อสอบ ielts นั้น ฉันเชื่อว่านักเรียนโรงเรียนอินเตอร์โดยส่วน ใหญ่เเล้วจะไม่มีปัญหา เเต่สิ่งที่เด็กอินเตอร์ควรที่จะระวังคือข้อสอบทางด้านการใช้ภาษา ซึ่งต่างจากนักเรียน โรงเรียนไทยที่ได้มีการเรียนเรื่องหลักการใช้ภาษามาอย่างดี

การสอบเข้ามหาวิทยาลัย II Teen Voice magazine Q: สําหรับนักเรียนที่อยากเรียนกับ tutor เพื่อเป็นการเตรียมตัวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณอยาก จะแนะนำสถาบันการศึกษาที่ใหนบ้าง? A: สถานที่เรียนติวเตอร์ที่ฉันอยากจะแนะนำก็คงจะขึ้นอยู่กับแนวการเรียนของนักศึกษา สถานที่กวดวิชามี่ฉัน ไปเรียนบ่อยๆก็จะมีKEAESสาชาสุขภิบาลสาม ถ้าคุณดูบอร์ดของKEAESคุณจเห็นได้ว่าคนที่เคยเรียน กับKEAESสอบได้คะแนนดีเสมอ ส่วยมากนักเรียนของKEAESก็จะเป็นนักเรียนของโรงเรียนร่วมฤดีวิเทศ ศึกษาเช่นกัน หากคุณเป็นคนที่ต้องการเรียนที่ไม่กำหนดเวลาดิฉันจะแนะนำMedcoachหรือOndemand Medcoachเป็นสถานที่กวดวิชาเฉพาะเด็กนักเรียนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นหมอที่ช่วยเตรียมตัวเราสำหรับBMAT SATและIELTS Medcoachนั้นช่วยโปรโมทโอกาสช่วยเหลือสังคมให้กับเด็กนักเรียนด้วย OndemandและMedcoachสามารถเรียนonlineหรอตัวต่อตัวได้ ที่ๆคนอยากไปเรียนกวดวิชาขึ้นอยู่กับคุณ หากคุณไม่อยากเก่งถึงจะอัดสาระสำคัญเข้าไปในสมองแค่ไหนก็คงไม่ทำให้เก่งขึ้น Q: สุดท้ายแล้ว คุณอยากจะทิ้งข้อคิดอะไรไว้ให้ผู้ฟังบ้างคะ? A: สำหรับเด็กนักเรียนที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ตนเองชอบด้านไหน อยากประกอบอาชีพอะไร และจะ เข้าเรียนคณะอะไร ดิฉันอยากให้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเองว่า เราสามารถทำได้และจะไม่ยอมแพ้ ดิฉันอยากให้ ทุกคนใช้ความพยายามให้เต็มที่และหาเหตุผลว่าทำไมตนเองถึงอยากประกอบอาชีพด้านนี้ในอนาคต ดิฉันคิดว่าในเส้นทางที่เราเลือกแล้ว อาจจะได้พบเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นเราควรไตร่ตรองให้ดีก่อน ที่จะตัดสินใจเลือกอาชีพการงาน อีกอย่างนึงที่ดิฉันอยากแนะนำคือ เราทุกคนควรที่จะมีแผนสองไว้เสมอค่ะ “ไม่ว่าอย่างไรอนาคตคือของคุณ คุณต้องเลือกอนาคตให้ตัวเอง” -- คุณ ออม มนัสนันท์ คงเกิดลาภ



ภัยพิบัติ Covid-19 Teen Voice Magazine ตอนนี้ปัญหาที่ทั่วโลกประสบกันอยู่คือ การแพร่ระบาดของไวรัสที่เรียกว่า โควิค 19 ซึ่ง ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆมากมาย เช่น ระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ฯลฯ รวมถึงประเทศไทยเราด้วยก็ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิคเช่นกัน จากการสัมภาษ ณน​์ ักศึกษานิสิตมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ได้ให้ความคิดเห็นถึงผลกระทบของโควิคไม่ ว่าจะเป็นการเรียน เเละชีวิตประจำวันของเขา สิรภพ ลาภวิสุทธิสิน (เเขกรับเชิญ) ภูวริศา ลาภวิสุทธิสิน (พิธีกร 1) พัชรพร เซี่ยงเจ็น (พิธิกร 2) Q: ความคิดเห็นกับ Covid-19 ? A: ผมรู้สึกว่าภัยพิบัตินี้ได้ส่งผลกระทบกับหลายครอบครัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มี ฐานะดีหรือครอบครัวทั่วไป ทุกคนก็ต่างได้รับผลกระทบกับการแพร่ระบาดนี้ทั่วถึงกัน หมด Q: ผลกระทบการเรียน ? A: ผมรู้สึกว่ามันกระทบอย่างมากเลยครับจากการที่ผมเรียนอยู่สาขาศิลปะ การที่จะมี พื้นที่เเสดงผลงาน หรือการที่จะได้ปรึกษากับอาจารย์ตัวต่อตัว ซึ่งจะทำให้สื่อสารกันได้ ง่ายเเละได้รับรู้ถึงความคิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษาด้วยกันนัันได้หายไป ทั้งนี้ การ เรียนออนไลน์โดยผ่านหน้าจออยู่ในเวลานี้ ได้ส่งผลให้เกิดการสื่อสารที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตหรือทางมีเดี่ยใดๆก็ตาม มันไม่ชัดเจน โดยเฉพาะส่วนตัวผมได้เรียนอยู่ขณะศิลปะ การสื่อสารผ่านช่องทางนี้จะเกิดความคลุม เครือเเละทำให้ทุกอย่างค่อนข้างซับซ้อนมาก Q: ผลกระทบชีวิตประจำวัน ? A: สำหรับตัวผมเอง อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ ส่งผลกระทบด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน เเต่สำหรับด้านอื่นๆ ในชีวิตประจำวันนั้น มันก็ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายนัก เพราะปกติผมก็เป็นคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านอ ยู่เเล้ว แต่ทางตรงกันข้าม มันกลับส่งผลดีทางด้านจิตใจ ทำให้ผมมีเวลาเหลือได้ลองทำ สิ่งใหม่ๆ เเละได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นครับ

Q: ความคิดเห็นต่อผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการกักตัว ? A: ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่ามันก็เป็นสิทธ์ของพวกเขาที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะว่า ทุกคนก็มีมุมมองที่ต่างกันไป ส่วนตัวผมก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะไปมีความคิดเห็นเเบบนั้น ผมจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าทำไมเขาถึงคิดเเบบนั้นครับ Q: สิ่งที่อยากกล่าวต่อผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการกักตัว ? A: ผมก็อยากจะบอกนิดนึงว่าควรที่จะระวังตัวไว้ ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกไป ข้างนอกอย่างสม่ำเสมอ เเละพกเจลล้างมือไว้เพื่อใช้ตลอดเวลาที่อยู่ข้างนอก Q: การเปลี่ยนเเปลงต่ออาชีพ ? A: เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในการทำงานของหลายๆ อาชีพ มีคนจำนวนมากที่ต้อง เปลี่ยนวิธีการทำงานจากเดิม ไม่ต้องเดินทางออกไปทำงาน แต่หันมา work from home ทำงานที่บ้าน ซึ่งก็ถือได้ว่าสังคมเกิดการเปลี่ยนเเปลงในระดับหนึ่งเเล้ว คนเรา ไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานเฉพาะในออฟฟิศเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จ มันไม่จริง ใน โลกดิจิตอลนี้ คุณก็มีความสำคัญไม่น้อยลงเลย เพราะคุณสามารถติดต่อใครก็ได้ใน อินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีได้พัฒนามาถึงจุดนี้ที่ส่งผลให้มนุษย์เราต้องมี skill set ที่ หลากหลายมากขึ้น เเละสามารถพรีเซ้นตัวเองให้ได้มากขึ้นด้วยครับ Q: การเเข่งขันในด้านอาชีพ ? A: ผมรู้สึกว่าการเเข่งขันก็จะมีมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การทำอาหาร เราจะสังเกตุ ได้ว่าเริ่มมีหลายคนหันมาทดลองทำอาหารขายผ่านอินสตาเเกรม เฟสบุก หรือช่องทาง ออนไลน์อื่นๆ มากขึ้น และไม่ใช่เเค่อาหารวงการเดียว แต่มันก็มีวงการอาชีพ designer หรือว่าอาชีพอื่นๆ อีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ มันสามารถแทรกตัวขึ้นมาใหม่ ได้โดยที่ เราไม่รู้ตัว เพียงแค่มันเกิดจากการที่คนกักตัวอยู่บ้านเเล้วไม่มีอะไรทำ จึง เกิดความอยากลอง พอลองเเล้วเกิดทำได้ดี ก็เลยอยากที่จะทำไปเรื่อยๆ ส่งผลลัพธ์ให้ คนค้นพบในสิ่งที่ตัวเองถนัดและสามารถทำได้ เพียงเเต่ยังไม่ลองทำมาก่อน จึงเปิด โอกาสให้ภาคธุรกิจมีการเเข่งขันเพิ่มมากขึ้นครับ

Q: การเปลี่ยนเเปลงต่อโลก ? A: ผมรู้สึกว่าการ work from home ก็สามารถเปลี่ยนโลกได้เเล้ว ไม่มี ใครคิดว่าเราจะต้องมาทำงานอยู่ที่บ้านกันทุกคนขนาดนี้ พวกเจลล้าง มือหรือว่าหน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งของจำเป็นที่คนเราอาจจะขาด ไม่ได้เลยในอนาคตก็เป็นได้ เพราะเชื้อโรคมีความสามารถกลายพันธ์ุ เเละพัฒนาไปเรื่อยๆ ดังนั้นการที่เราจะต้องดูเเลความสะอาดของตัว เอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมกันมากขึ้น เราอาจจะไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอก พบผู้คนในที่มีชุมชนแออัดกัน มาก อย่างเช่น ตอนนี้การกินชาบูก็เปลี่ยนวิธีการกินโดยลูกค้าจะต้อง นั่งกินคนเดียวเเล้ว เเค่นี้ก็ถือว่าเราได้เห็นการเปลี่ยนเเปลงต่อโลกในระ ดับนึงเเล้วครับ อย่างที่ทุกคนรู้ ภัยพิบัติ Covid-19 ได้ส่งผลกระทบกับโลกใบนี้เเละ สังคมในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การศึกษา หรือการใช้ชีวิตประจำ วัน ชีวิตคนเราได้เปลี่ยนไปอย่างมากในพริบตาเดียวต่อประชาชนในทุก ด้านซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ เเขกรับเชิญของเราก็ได้ เเบ่งปันความคิดเห็นเเละเรื่องราวการใช้ชีวิตของตนในมุมมองของ นักศึกษาในช่วงเวลานี้ เเละวิธีที่เขาได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่ เกิดขึ้น



โครงการ ซอยด็อก โครงการซอยด็อกได้ถูกก่อตั้ง โดยคุณณจอห์นและคุณจิล คุณ กิจกรรมอันเลอค่าที่คุณจะได้ทําที่โครงการ “Soi Dog” จอห์นแล้วคุณจิลได้มาเที่ยวที่ คือ ได้รับฟังประวัติที่มาของโครงการ เหตุผลในการก่อ ประเทศไทยที่ภูเก็ตและท่านทั้ง ตั้งโครงการ ประวัติของน้องหมาน้องเเมวที่น่าสะเถือน สองคนได้เห็นปัญหาใน ใจ เเละ สิ่งที่โครงการนี้ทําเพื่อช่วยน้องหมาน้องเเมวทั้ง ประเทศไทยที่ไม่ได้พบเจอบ่อย หลาย น้องหมาเเละน้องเเมวพวกนี้นั้นไร้บ้าน ไร้เจ้าของ ในประเทศอังกฤษ ยกตัวอย่าง เช่นมีสุนัขจรจัดอยู่ตรงบริเวณ ป่วยเเละกําลังฟื้ นฟูสุขภาพอยู่ บางตัวนั้นมีเเผลเป็น ข้างถนนมากมายและพวกเขา ฝังใจจากเจ้าของเก่า ป่วยอย่างหนัก หรือถึงขั้นพิการ อยากช่วยสุนัขจรจัดพวกเขาจึง ตลอดชีวิตก็มี พี่ๆพนักงานประจําสาขาโครงการ “Soi สร้างโครงการซอยด๊อก ขณะนี้ Dog” นั้นยังมีความอ่อนโยน พูดจาไพเราะ เข้าใจง่าย คุณจิลเสียชีวิตแล้ว  แต่คุณ เเละต้อนรับทุกคนเป็นอย่างดี ภายในโครงการ “Soi จอห์นยังดำเนินโครงการนี้อยู่ Dog” สิ่งที่คุณสามารถทําได้เพื่อเป็นฯการสนับสนุน ซอยด๊อกตั้งอยู่ที่ภูเก็ตแต่มี โครงการนี้ให้ได้คงอยู่ต่อไปคือการบอริจากอาหารหมา กระจายออกมาที่กรุงเทพฯเช่น หรือเเมว ขนมกินเล่นของน้องหมาเเละน้องเเมว หรือ ที่เราไปนั้นเป็นสาขาที่รัชดา ของเล่นต่างๆก็ตามใจความปราถนาของคุณ ที่โครงการ สาขารัชดาจะแตกต่างจาก “Soi Dog” ยังมีของคุณภาพดีที่ได้นํามาจําหน่ายเพื่อนํ สาขาที่ภูเก็ตส่วนมากเพราะว่า าไปเป็นค่าเลี้ยงดูน้องหมาน้องเเมวอีกด้วย ไมาว่าคุณจะ สาขารัชดาจะเล็กกว่าและต้อง ไปเยี่ยมชมเพียงไม่กี่นาที หรือเป็นชั่วโมง สิ่งที่ทุกคนจะ ระมัดระวังความสะอาดมากขึ้น ได้รับคือ ความเข้าใจที่สะถ้อนมาหาตัวพวกเราว่าพวก มากไปกว่านี้หลังจากที่ เราโชคดีเเค่ใหน ที่ได้เกิดมาเเบบสมบูรณ์เเบบ มีพ่อ โครงการเริ่มเติบโต โครงการ เเม่เเละครอบครัวที่อบอุ่น มีบ้าน มีข้าว มีนํ้า มากเกิน ซอยด็อกก็เริ่มช่วยแมวจรจัด เยอะขึ้นเพื่ อที่จะช่วยกำจัด กว่าที่เราต้องการ เเละอื่นๆอีกมากมาย ปัญหาสัตว์จรจัด.

พวกเรามีเหตุผลหลักอยู่สองข้อที่เราร่วมมือกันตัดสินใจที่จะไปทำ กิจกรรมนี้เพราะว่าหนึ่ง เราอยากร่วมมือกันช่วยพี่ๆที่โครงการ “Soi Dog” สอง เราอยากเป็นส่วนร่วมในการเเก้ปัณหาสุนัข เเละเเมวจอมจัดของประเทศไทยเเละนอกจากนี้พวกเราทุกคนรัก เเละเอ็นดูสัตว์เลี้ยงค่ะ การที่พวกเราไปที่โครงการ “Soi Dog” ไป ช่วยพี่ ๆ ที่นั้นไม่ว่าจะเป็นเเข่การบริจากอาหารสุนัขเเละอาหารเเม วก็สามารถลดภาระให้เขาเเละพวกเราก็มีความสุขอย่างยิ่งที่ได้ช่วย ค่ะ นอกจากนี้พวกเราเลือกกิจกรรมนี้เพราะว่าพวกเราอยาก เป็นการส่วนร่วมในการเเก้ปัณหาสัตว์เลี้ยงจอมจัดของปัะเทศไทย ค่ะ ชาวไทยส่วนมากไม่ค่อยมีความสนใจเกี่ยวกับปัณหาใหญ่นี้เลย เพราะว่ามันไม่ใช่ปัณหาของเขา บางคนอาจไม่รู้เลยว่าปัณหานี้เป็น ปัณหาใหญ่ที่ชาวไทยควรร่วมมือกันช่วยเเก่ไข การที่พวกเราได้ไป บริจากอาหารสุนัขเเละอาหารเเมวก็ถือว่าพวกเราได้เป็นการร่วม มือในการเเก่ปัณหานี้ซึ่งพวกเรามีความสุขมากเเละภูมิใจในตนเอง ที่ได้เป็นกานส่วนร่วมค่ะ การได้ไปเยี่ยมน้องหมาและน้องแมวที่โครงการ “Soi Dog” นั้นเป็นสถานที่เปิดอกเปิดใจ และยินดีรับเชิญผู้เข้าชมเสมอ ที่นี้อาจดูเล็กแต่ว่าที่นี้มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำกับสัตว์เลี้ยง เยอะเลย! เหมือนกับว่าเราทุกคนได้ไปทำบุญเลย อย่างเช่นช่วยเบาบางภาระพี่ๆ พนักงาน ที่นั้นโดยการช่วยให้อาหารสัตว์เลี้ยง เล่นกับสัตว์เลี้ยง เเละได้ทำอะไรอีกมากมายที่เราอาจ จะไม่ได้ทำข้างนอก เราจีงคิดว่าคุณควรไปเก็บเกี่ยวประสบการที่นี้เเละเรียนรู้สิ่งใหม่ หลัง จากที่เราได้ไปโครงการนี้แล้วทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราควรหันกลับมาให้เวลาร่วมทั้งความรัก ความอบอุ่นกับสัตว์เลี้ยงที่อยู่ที่บ้าน เราได้รู้ถึงความรักที่เราควรจะให้น้องหมาที่บ้านเรา เเละได้รู้ว่าน้องหมารอเราอยู่ที่บ้านเสมอ ถ้าใครรักและเอ็นดูสัตว์เลี้ยงสถานที่แห่งนี้เต็มไป ด้วยรอยยิ้มของน้องหมาและน้องแมวที่เป็นนักสู้ชีวิตๆจากหลายๆสิ้งที่น้องหมาได้เจอมา ซึ้งพวกเขาสามารถทำให้คุณยิ้มและเห็นคุณค่าในชีวิตคุณได้ และสำหรับใครที่ไม่ชอบเลี้ยง สัตว์ก็ไม่เป็นไรเลยนะ แต่ว่าถ้าคุณลองเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆเเละไปช่วยน้องหมาที่ ต้องการความช่วยเหลือสิ่งนี้ อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้เลยนะ เราเลยอยากจะนำเสนอว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตทุกๆคนไม่ควรพลาดที่จะหาเวลาไปช่วยน้องๆ ที่โครงการ “Soi Dog” นะ

LISTEN & WATCH BTS BAND ON VLIVE!

บทรองบรรณาธิการนิตยสาร “Once In A Lifetime” สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ในฐานะรองบรรณาธิการขอสวัสดีและขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่ ตั้งใจอ่านนิตยสารฉบับนี้ ซึ่งพวกเราได้จัดทำนิตยสารฉบับนี้ขึ้น ด้วยความตั้งใจ และใส่ใจเพื่อให้นิตยสารเล่มนี้มีคุณภาพมากที่สุด เพื่อเป็นการนำเสนอในหลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ หวังว่าผู้ อ่านนิตยสารฉบับนี้จะเกิดความประทับใจในนิตยสารของเรา หาก มีข้อผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ค่ะ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หัวหน้าบรรณาธิการ และ รองบรรณาธิการ

Teen Voice Magazine


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook