10 สมุนไพรไทย
“สมุนไพร” ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชที่ใช้ทาเป็ นเคร่ืองยา สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติ และมคี วามหมายต่อชีวติ มนุษย์โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ อนั หมายถึงท้งั การส่งเสริมสุขภาพ และการรักษาโรค ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบญั ญตั ยิ า พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาทไี่ ด้จากพฤกษาชาตสิ ัตว์หรือแร่ธาตุ ซ่ึงมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชกย็ งั เป็ นส่วนของราก ลาต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ซึ่งมิได้ผ่านข้ันตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดดั แปลง ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกห่ันให้เป็ นชิ้นเลก็ ลง บดเป็ นผงละเอยี ด หรืออดั เป็ นแท่ง แต่ในความรู้สึกของคนท่ัวไปเมื่อกล่าวถงึ สมุนไพร มักนึกถึงเฉพาะต้นไม้ท่ีนามาใช้เป็ นยาเท่าน้ัน
1. ว่านหางจระเข้ 2. ขม้ินชัน 3.ทองพันชั่ง 4.กระชายดา 5.วา่ นชักมดลกู 6.มะขามปอ้ ม 7.ทะลายโจร 8.กานพลู 10.บัวบก 9.รางจดื
ว่านหางจระเข้ (ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f.) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำตน้ เป็นขอ้ ปลอ้ งส้นั ใบ เป็นใบเด่ียว ออกเรียงเวยี นรอบตน้ ใบหนำและยำว โคนใบใหญ่ ส่วนปลำยใบแหลม ขอบใบเป็นหนำมแหลมห่ำงกนั แผน่ ใบหนำสีเขียว มีจุดยำวสีเขียวอ่อน อวบน้ำ ขำ้ งในเป็นวนุ้ ใสสี เขียวอ่อน ดอก ออกเป็นช่อกระจะท่ีปลำยยอด กำ้ นช่อดอกยำว ดอกสีแดงอมเหลือง โคมเชื่อมติดกนั เป็นหลอด ปลำยแยก เป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ช้นั รูปแตร ผล เป็นผบแหง้ รูปกระสวย สรรพคุณ ➢ อำกำรปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ คือ นำมำพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แกป้ วดแสบปวดร้อน แผลเร้ือรัง รักษำผวิ ที่ถูกแดดเผำ แผลในกระเพำะอำหำร และช่วยถอนพิษได้ เพรำะวำ่ นหำงจระเขม้ ีสรรพคุณช่วยสมำนแผล ➢ ยางในใบ กส็ วุ้นในใบสด สามารถนามาบรรเทาามารถนามาทาเป็ นยาระบายได้ ➢ เหงำ้ กน็ ำไปตม้ น้ำรับประทำน แกโ้ รคหนองในไดด้ ว้ ย
ขมนิ้ ชัน (ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Curcuma longa L.) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมล้ ม้ ลุก อำยหุ ลำยปี สูง 30-90 ซม. เหงำ้ ใตด้ ินรูปไข่มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกดำ้ นขำ้ ง 2 ดำ้ น ตรงกนั ขำ้ มเน้ือในเหงำ้ สีเหลืองสม้ มีกล่ินเฉพำะ ใบ เดี่ยว แทงออกมำเหงำ้ เรียงเป็นวงซอ้ นทบั กนั รูปใบหอก กวำ้ ง 12-15 ซม. ยำว 30-40 ซม. ดอก ช่อ แทงออกจำกเหงำ้ แทรกข้ึนมำระหวำ่ งกำ้ นใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดบั สีเขียวอ่อนหรือสีนวล บำนคร้ังละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู สรรพคุณ เหงำ้ ใตด้ ินอุดมไปดว้ ยวติ ำมินเอ วติ ำมินซี วติ ำมินอี และสารต้านอนุมูลอสิ ระ \"คูเคอร์มนิ \" ทช่ี ่วยป้องกนั การเกดิ มะเร็งตบั อีกท้งั ยงั สร้ำงภูมิคุม้ กนั ใหผ้ วิ หนงั ช่วยใหแ้ ผลหำยเร็วข้ึน เพรำะมีฤทธ์ิไปลดกำรอกั เสบ ฆ่ำเช้ือแบคทีเรียที่ทำใหเ้ กิดหนอง และหำก รับประทำนขมิ้นชนั จะช่วยใหค้ วำมจำดีข้ึน ไม่อ่อนเพลียยำมตื่นนอน และช่วยใหร้ ะบบขบั ถ่ำยดีข้ึนดว้ ย เหงำ้ ท้งั สดและแหง้ นำมำใช้ รักษำอำกำรท่ีเก่ียวกบั กระเพำะอำหำร รวมท้งั แกท้ อ้ งเสีย ทอ้ งร่วง จุกเสียด แน่นทอ้ ง และสำมำรถนำ้ ขมิ้นชนั มำทำภำยนอก เพ่ือใชร้ ักษำ แผลเร้ือรัง แผลสด โรคผวิ หนงั พพุ อง
ทองพนั ชั่ง (ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Rhinacanthus nasutus (L.) Kurz) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ ุ่มขนำดเล็ก สูง 1-2 เมตร กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม ส่วนโคนตน้ เน้ือไมเ้ ป็นแกนแขง็ ใบเป็นใบ เด่ียวปลำยใบแหลมเรียว ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวอ่อน ออกดอกเป็ นช่อตำมซอกใบ ดอกสีขำว หลำยพ้ืนที่อำจเรียกว่ำ \"ทองคนั ชงั่ \" หรือ \"หญำ้ มนั ไก่\" ส่วนที่ใชท้ ำยำคือ ใบและรำก สรรพคุณ “ใบและราก ปริมาณ 1 กามือมาต้มรับประทานเช้าเยน็ จะช่วยดบั พษิ ไข้” รักษำโรคผวิ หนงั ริดสีดวงทวำรหนกั แกไ้ อเป็ นเลือด ฆ่ำพยำธิ นอกจำกน้นั ยงั สำมำรถนำใบและรำกมำตำละเอียด เพ่ือรักษำโรคกลำก เกล่ือน และยงั มีฤทธ์ิยบั ย้งั มะเร็งเยอ่ื บุช่องปำก มะเร็งเตำ้ นม และมะเร็งมดลูกได้ รวมท้งั ช่วยขบั ปัสสำวะ ลดควำมดนั โลหิตสูง แกผ้ มร่วง รักษำโรคน่ิว
กระชายดา (ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda (L.) Mansf.) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมล้ ม้ ลุก มีเหงำ้ ส้ัน แตกหน่อได้ รำกอวบ รูปทรงกระบอกหรือรูปไข่ค่อนขำ้ งยำว ปลำยเรียว ออกเป็นกระจุก ผวิ สีน้ำตำล อ่อน มีกล่ินเฉพำะตวั ใบเป็ นใบเดี่ยว เรียงสลบั รูปรี กำบใบมีลิ้นใบ ช่อดอก แบบช่อเชิงลด ออกที่ยอดระหว่ำงกำบใบคู่ในสุด กลีบดอกสีขำวหรือขำวอม ชมพอู ่อน สรรพคุณ เพ่ิมพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจำกฤทธ์ิของ กระชำยดำจะไปบำรุงกำลงั เพ่ิมฮอร์โมนใหห้ นุ่ม ๆ ทำใหส้ มรรถภำพทำงเพศ เพ่ิมข้ึน นอกจำกน้ียงั มีสรรพคุณมำกมำย ท้งั บำรุงหัวใจ บำรุงกำลงั เป็ นยำ เจริญอำหำร และบำรุงธำตุ แกห้ วั ใจสั่นหวิว แกล้ มวิงเวียนแน่นหนำ้ อก แผล ในปำก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีข้ึน ผิวพรรณผ่องใส ขบั ปัสสำวะ แก้โรค กระเพำะ และดว้ ยสรรพคุณมำกมำยขนำดน้ี กระชำยดำเลยถูกขนำนนำมว่ำ เป็น \"โสมไทย\"
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไมล้ ม้ ลุก สูงไดถ้ ึง 1 เมตร หวั ใตด้ ินขนำดใหญ่ อำจยำวถึง 10 ซม. เน้ือสีสม้ ถึงสีสม้ แดง ใบเดี่ยว เรียงสลบั ออกเป็นกระจุกเหนือดิน รูปวงรีหรือรูปวงรี ใบมีแถบสีม่วง มีกลีบดอกสีแดงอ่อน เป็นพืชในวงศข์ ิง ลำตน้ ต้งั ตรง แตกหน่อมำก เหงำ้ มีใบเกลด็ ที่แก่และแหง้ หุม้ เป็นวง สรรพคุณ ➢ เหง้าของว่านชักมดลูกมีสรรพคุณช่วยขับประจาเดือนในสตรีที่ประจาเดือน มาไม่ปกติ ส่วนผหู้ ญิงท่ีเพิ่งคลอดบุตร ว่ำนชกั มดลูกกจ็ ะช่วยบีบมดลูกใหเ้ ขำ้ อู่เร็วข้ึน ขบั น้ำคำวปลำ และรักษำโรคมดลูกพิกำรปวดบวมไดน้ อกจำกน้นั วำ่ นชกั มดลูก ยงั แกร้ ิดสีดวงทวำร แกไ้ ส้เลื่อน แกโ้ รคลม รักษำอำกำรอำหำร ไม่ยอ่ ย ➢ รำกของวำ่ นชกั มดลูกสำมำรถใชแ้ กท้ อ้ งอืดเฟ้อ
มะขามป้อม (ช่ือวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็ นไมต้ น้ สูง 10-12 เมตร เปลือกตน้ สีเทำอมน้ำตำล แตก เป็ นร่องตำมยำว ก่ิงกำ้ นแขง็ เหนียว ใบเป็นใบเด่ียวออกเรียงสลบั ในระนำบเดียวกนั ปลำยใบเป็น ต่ิงแหลม ขอบใบเรียบ สีเขียว ออกดอกเป็นช่อ เป็นกระจุกเล็กๆ ดอกสีเหลืองอ่อนออกเขียว กำ้ น ดอกส้นั ผล รูปทรงกลม ผลอ่อนสีเขียวอมเหลือง พอแก่เป็นสีเหลืองออก ผลมรี สเปรี้ยว สรรพคุณ เป็ นยาอายุวัฒนะ เพราะมีสรรพคุณแทบทุกส่วนของต้น ผลของมะขำมป้อมจะมีรส เปร้ียว และช่วยให้ชุ่มคอ อีกท้งั ให้วิตำมินซีสูงมำกเช่นกนั ผลมะขำมป้อมสดนำมำใช้เป็ นยำแก้ หวดั แกไ้ อ ละลำยเสมหะ รักษำโรคเลือดออกตำมไรฟัน ➢ ราก ยงั แก้พษิ ตะขาบกดั แกร้ อ้ นใน ลดความดนั โลหติ แกโ้ รคเรอื้ น ➢ เปลือก แกโ้ รคบิด และฟกช้ำ ➢ ปมกำ้ น ใชเ้ ป็นน้ำยำบว้ นปำก แกป้ วดฟัน ➢ ผลแหง้ ใชร้ ักษำอำกำรทอ้ งเสีย หนองใน เยอื่ บุตำอกั เสบ แกต้ กเลือด ➢ เมลด็ สำมำรถนำไปเผำไฟผสมกบั น้ำมนั พืช ทำแกค้ นั แกห้ ืด หรือจะตำเมลด็ ใหเ้ ป็นผงชง กบั นา้ ร้อนดื่มแก้โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอกั เสบได้
ฟ้าทะลายโจร ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมล้ ม้ ลุก สูง 30-70 ซม. ทุกส่วนมีรสขม กิ่งเป็นใบ สี่เหลี่ยม ใบเด่ียว ออกดอกเป็ นช่อที่ปลำยกิ่งและซอกใบ มีกลีบดอกสีขำว โคน กลีบติดกนั ใชท้ ้งั ตน้ ใบสด ใบแหง้ ใบจะเกบ็ มำใชเ้ ม่ือตน้ มีอำยไุ ด้ 3-5 เดือน สรรพคุณ ฟ้ำทะลำยโจร ใชเ้ ป็นยำแกไ้ ข้ แกไ้ ขห้ วดั ใหญ่ แกร้ ้อนใน เพรำะมีฤทธ์ิ ช่วยสร้ำงภูมิคุม้ กนั ใหแ้ ก่ร่ำงกำย หำกรับประทำนบ่อย ๆ จะช่วยป้องกนั ไม่ใหเ้ ป็น หวดั ง่ำย นอกจำกเร่ืองหวดั แลว้ ฟ้ำทะลำยโจรยงั ระงบั อำกำรอกั เสบ ต่อมทอนซิล อกั เสบ ขบั เสมหะ รักษำอำกำรทอ้ งเสีย ลำ้ ไส้อกั เสบ รักษำโรคตบั เบำหวำน โรค งูสวดั ริดสีดวงทวำร และรสขมของฟ้ำทะลำยโจรยงั ช่วยใหเ้ จริญอำหำรอีกดว้ ย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็ นไมต้ น้ สูง 9-12 เมตร เรือนยอดเป็นรูปกรวยคว่ำ แตกกิ่งต่ำ ลำตน้ ต้งั ตรง เปลือกเรียบ สีเทำ ใบเด่ียว ช่อดอกแบบช่อเชิงหลนั่ ออกที่ปลำย ยอด กำ้ นช่อดอกส้นั มำก กลีบดอกมีต่อมมน้ำมนั มำก ร่วงง่ำย ส่วนท่ีใช้ เปลือกตน้ ใบ ดอก ตูม ผล น้ำมนั หอมระเหยกำนพลุ สรรพคุณ ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้เป็ นอย่างดี ใหน้ ำดอกท่ีตูมไปแช่เหลำ้ ขำว แลว้ เอำ สำลีไปชุบน้ำมำอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทำอำกำรปวดฟันได้ เพรำะน้ำมนั หอมระเหยใน กำนพลูมีฤทธ์ิเป็ นยำชำเฉพำะท่ี หรือจะเค้ียวท้งั ดอกแลว้ อมไวต้ รงบริเวณท่ีปวดฟันก็ได้ นอกจำกน้นั ยงั นำไปผสมน้ำเป็ นน้ำยำบว้ นปำก ช่วยลดกลิ่นปำก แกเ้ ลือดออกตำมไรฟัน แกร้ ำมะนำดได้ กำนพลูยงั มีฤทธ์ิลดกำรบีบตวั ของลำไส้ ก็ช่วยลดอำกำรปวดทอ้ ง ขบั ลม ลดอำกำรทอ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ จุกเสียดจำกกำรย่อยอำหำรได้ เพรำะจะไปช่วยขบั น้ำดีมำยอ่ ย ไขมนั ไดม้ ำกข้ึน แถมยงั กระตุน้ กำรหลง่ั เมือก และลดภำวะกรดเกินในกระเพำะอำหำรได้ ดว้ ย
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ \"รำงจืด\" หรือ \"วำ่ นรำงจืด\" เป็นไมเ้ ล้ือย/ไมเ้ ถำ เน้ือแขง็ ใบเดี่ยว ปลำยใบเรียวแหลม ดอกมีสีม่วงอมฟ้ำ ออกเป็นช่อหอ้ ยลงตำมซอกใบ มีใบประดบั สีเขียวประแดง กลีบเล้ียงรูปจำน โคนกลีบดอกสีเหลืองอ่อน ส่วนท่ีใช้ คือใบ รำก และเถำสด สรรพคุณ เป็ นสมุนไพรถอนพษิ เพราะส่วนใบและราก ของรางจืดสามารถปรุงเป็ นยาถอนพษิ ยาฆ่าแมลงได้ มีประโยชน์ในเวลำท่ีหำกใครเกิดเผลอทำนยำฆ่ำแมลง ยำพิษ หรือยำเบื่อเขำ้ ไปโดยไม่ไดต้ ้งั ใจ และอยไู่ กลโรงพยำบำล กำรทำนรำกรำงจืดกจ็ ะช่วยบรรเทำพษิ ในเบ้ืองตน้ ได้ นอกจำกน้นั แลว้ รำงจืด ยงั สำมำรถปรุงเป็นยำถอนพษิ ไข้ พิษแอลกอฮอล์ พษิ สำแดง บรรเทำอำกำร เมำคำ้ ง บรรเทำอำกำรผนื่ แพ้ เป็นยำแกร้ ้อนใน กระหำยน้ำได้ และยงั มีงำนวจิ ยั จำกกลุ่มหมอ พ้นื บำ้ นพบวำ่ กำรนำรำงจืดไปตม้ แลว้ นำมำอำบจะช่วยทำใหผ้ วิ พรรณผดุ ผอ่ ง
บัวบก ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Centella asiatica Urban ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมล้ ม้ ลุกอำยหุ ลำยปี เล้ือยแผไ่ ปตำมพ้ืนดิน ชอบท่ีช้ืนแฉะแตกรำกฝอย ตำมขอ้ ไหลท่ีแผไ่ ปจะงอกใบจำกขอ้ ชูข้ึน 3-5 ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลบั ขอบใบหยกั กำ้ นใบยำว ออกดอกเป็นช่อ ท่ีซอกใบ ขนำดเลก็ 2-3 ดอก กลีบดอกสีม่วง ส่วนท่ีใช้ : ใบ ท้งั ตน้ สด เมลด็ สรรพคุณ น้ำใบบวั บก ช่วยแกร้ ้อนใน แกช้ ้ำใน ลดกำรกระหำยน้ำไดด้ ี ซ่ึงนอกจำกใบบวั บกจะนำมำค้นั น้ำด่ืมไดแ้ ลว้ ยงั สำมำรถนำไปทำแผล ช่วยบรรเทำอำกำรฟกช้ำไดด้ ว้ ย เพรำะในใบมกี รดแมดคี าสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียตกิ (asiatic acid) ที่มีฤทธ์ิสมานแผล ไม่วำ่ จะเป็นแผลสด แผลเร้ือรัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลหลงั ผำ่ ตดั ใบบวั บกจะช่วย กำรอกั เสบและทำใหแ้ ผลหำยเร็วข้ึน
อำ้ งอิง http://www.midscaleoff3.com/km/information/012/01/K0036.pdf http://www.mnre.go.th/reo13/th/news/detail/9549 http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_02_2.htm
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: