Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่1

หน่วยที่1

Published by nopparat53110304, 2017-03-14 05:52:37

Description: หน่วยที่1

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 ความปลอดภยั ในการทาํ งานกับเครื่องมอื เครื่องจกั รกลวัตถุประสงค เมื่อนกั ศกึ ษาไดศ กึ ษาบทนี้จบ นักศกึ ษาจะมคี วามรเู กย่ี วกบั • การเกดิ อบุ ัตเิ หตุในโรงฝกงาน • สาเหตขุ องการเกดิ อุบตั ิเหตใุ นโรงฝกงาน • การปอ งกนั อบุ ตั ิเหตุในโรงฝก งาน1. สาเหตขุ องการเกิดอบุ ัตเิ หตุ 1.1 คาํ จาํ กัดความ กอนที่จะไดศึกษาถึงสาเหตุของอุบัติและการปองกันตอไป สมควรท่ีจะไดทราบคําจํากัดความของคําตา งๆ ท่ีเก่ยี วของกนั ดงั น้ี ภัย (Hazard) เปนสภาพการณซึ่งมีแนวโนมท่ีจะกอใหเกิดการบาดเจ็บตอบุคคลหรือความเสียหาตอทรัพยสินหรือวัสดุ หรือกระทบกระเทือนตอขีดความสามารถในปฏิบัติการระดับปกติของบุคคล อันตราย (Danger) หมายถึงระดับความรุนแรงท่ีเปนผลเนื่องมาจากภัย (Hazard) อันตรายจากภายอาจจะมีระดับสงู หรอื มาก นอ ยกไ็ ด ขนึ้ อยูกับมาตรการในการปอ งกัน เชน การทาํ งานบนที่สูงสภาพการณเชนนี้ถือไดวาเปนภัย (Hazard) ซ่ึงอาจกอใหเกิดการบาดเจ็บถึงตายไดหากมีการพลัดตกลงมาในกรณีถือไดวามีอันตรายอยูระดับหนึ่ง หากแตระดับอันตรายจะลดนอยลง ถาผูปฏิบัติงานใช สายนิรภัย (Harness) ขณะทํางานเพราะโอกาสของการพลัดตกและกอใหเกิดความบาดเจ็บลดนอยลง ความเสียหาย (Damage) เปนความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือความสูญเสียทางดานกายภาพหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นตอการปฏิบัติงาน หรือความเสียหายทางดานการเงินที่เกิดขึ้นเน่อื งจากขาดการควบคุมภัย ความปลอดภัย (Safety) โดยปกติทั่วๆ ไปหมายถึง “การปราศจากภัย” ซึ่งในทางปฏิบัติเปนไปไมไดที่จะขจัดภัยทุกชนิดใหหมดไปโดยสิ้นเชิง ความปลอดภัยจึงใหรวมถึงการปราศจากอันตรายท่มี โี อกาสจะเกิดขน้ึ ดว ย อุบัติเหตุ (Accident) หมายถึง เหตุการณท่ีเกิดขึ้นโดยมิไดวางแผนไวลวงหนา ซึ่งกอใหเกดิ ความบาดเจ็บ พกิ าร หรอื ตายและทําใหทรัพยสนิ ไดร ับความเสยี หาย ความหมายในเชิงวิศวกรรมความปลอดภัย นอกจากความหมายขางตนแลว “อุบัติเหตุ ยังมีความหมายครอบคลุมถึง เหตุการณท่ีเกิดขึ้นแลว จะมีผลกระทบกระเทือนตอกระบวนการผลิต

ระดับปกติ ทําใหเกิดความลาชา หยุด ชะงัก หรือเสียเวลา แมจะไมกอใหเกิดการบาดเจ็บ พิการ ก็ตาม” 1.2 สาเหตขุ องอบุ ตั ิเหตุ (Causes of Accidents) H.W. Heinrich เปน บุคคลหนึ่งท่ไี ดศึกษาถึงสาเหตุทกี่ อใหเกิดอบุ ัตเิ หตอุ ยา งจรงิ จงั ในโรงงานอุตสาหกรรมตา งๆ ในป ค.ศ. 1920 ผลจากการศึกษาวิจยั สรุปไดดังนี้สาเหตุของอบุ ตั เิ หตุ ท่ีสาํ คัญมี 3 ประการ ไดแ ก 1. สาเหตทุ ี่เกิดจากคน (Human Causes) มีจาํ นวนสงู ท่สี ุด คือ 88% ของการเกิดอุบตั ิเหตุทกุ คร้ัง ตวั อยา งเชน การทาํ งานทไี่ มถกู ตอ ง ความพล้งั เผลอ ความประมาท การมนี สิ ยั ชอบเสี่ยงในการทํางาน เปน ตน 2. สาเหตุทีเ่ กิดจากความผดิ พลาดของเครอ่ื งจกั ร (Mechanical failure) มจี าํ นวนเพยี ง10% ของการเกิดอุบัติเหตุทกุ คร้ัง ตวั อยางเชน สวนทเ่ี ปน อันตรายของเคร่ืองจกั รไมม ีเครอ่ื งปอ งกัน เครอ่ื งจกั รเคร่ืองมอื หรอื อปุ กรณต า งๆ ชาํ รดุ บกพรอง รวมถึงการวางผงั โรงงานไมเหมาะสม สภาพแวดลอมในการทํางานไมปลอดภัย เปน ตน 3. สาเหตุท่ีเกิดจากดวงชะตา (Acts of God) มีจํานวนเพยี ง 2% เปนสาเหตทุ เี่ กิดขนึ้ โดยธรรมชาตินอกเหนือการควบคุมได เชน พายุ น้ําทว ม ฟา ผา เปน ตน ซึ่งสาเหตุของอุบัติเหตุท่ีเกิดขึ้น 3 ประการน้ันสามารถสรุปเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหเกิดอุบตั เิ หตุในโรงงานได 2 ประการคอื 1. การกระทาํ ทไี่ มป ลดภัย (Unsafe Acts) เปนสาเหตุใหญที่กอใหเกิดอุบัติเหตุ คิดเปนจํานวน 85% ของการเกิดอุบัติเหตุทง้ั หมด 2. สภาพการณท ไ่ี มปลอดภยั (Unsafe Conditions) เปนสาเหตุรอง คดิ เปนจํานวน 15% เทา น้ันสาเหตุจากการกระทาํ ทีไ่ มป ลอดภยั (Unsafe Acts) ไดแ ก - การทาํ งานไมถ กู วธิ ี หรอื ไมถกู ข้ันตอน - การมที ศั นคติท่ีไมถูกตองเชน อบุ ตั เิ หตเุ ปน เร่อื งของเคราะหกรรม แกไ ขปอ งกันไมไ ด - ความไมเอาใจใสใ นการทํางาน - ความประมาท พลง้ั เผลอ เหมอ ลอย - การมนี สิ ัยชอบเสี่ยง - การไมปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บของความปลอดภยั ในการทํางาน

- การทํางานโดยไมใชอุปกรณปองกันอันตรายสวนบุคคล (Personal Protective Equipment) - แตง กายไมเหมาะสม - การถอดเครื่องกําบังสวนอันตรายของเคร่ืองจักรออกดวยความรูสึกรําคาญ ทํางานไม สะดวก หรือถอดออกเพ่ือซอมแซมแลว ไมใ สคืน - การใชเ คร่ืองมอื หรอื อุปกรณตางๆ ไมเ หมาะกบั งานเชน การใชขวดแกวตอกตะปูแทน การใชค อ น - การหยอกลอกันระหวา งทาํ งาน - การทํางานโดยที่รางกายและจิตใจไมพรอมหรือผิดปกติ เชนไมสบาย เมาคาง มีปญหา ครอบครวั ทะเลาะกบั แฟน เปนตนสาเหตจุ ากสภาพการณทไี่ มปลอดภัย (Unsafe Conditions) ไดแก - สวนที่เปนอันตราย (สวนที่เคล่ือนไหว) ของเครื่องจักรไมมีเคร่ืองกําบังหรืออุปกรณ ปอ งกนั อนั ตราย - การวางผงั โรงงานทไ่ี มถูกตอง - ความไมเ ปน ระเบียบเรยี บรอ ยและสกปรกในการจดั เก็บวสั ดสุ ิง่ ของ - พนื้ โรงงานขรุขระ เปน หลุมบอ - สภาพแวดลอมในการทํางานที่ไมปลอดภัยหรือไมถูกสุขอนามัย เชน แสงสวางไม เพียงพอ เสียงดังเกินควร ความรอนสูง ฝุนละออง ไอระเหยของสารเคมีที่เปนพิษเปน ตน - เครื่องจักรกล เคร่ืองมือ หรืออุปกรณชํารุดบกพรอง ขาดการซอมแซมหรือบํารุงรักษา อยา งเหมาะสม - ระบบไฟฟา หรอื อปุ กรณไฟฟา ชาํ รดุ บกพรอ ง เปน ตน 1.3 สาเหตเุ ฉลย่ี ทท่ี าํ ใหเกดิ อุบัตเิ หตใุ นโรงงานอตุ สาหกรรม อบุ ัตเิ หตุจะเกดิ ข้นึ ไดน อ ย ถา ทา นไดห าทางปองกนั สว นตางๆ ของรา งกายไวล วงหนา และมีความระมัดระวังในการทํางาน อุบัติเหตุท่ีเกิดข้ึนแตละปยอมทําใหเกิดความสูญเสียในดานตางๆ (อาทิเชน เงิน เวลา ความเจ็บปวด) ของคนงานที่ไดรับอุบัติเหตุ หางรานหรือบริษัท และประเทศชาติไปเปนจํานวนมาก แตเงินที่สูญเสียไปน้ันยังนอยมากเมื่อเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดหรือทนทกุ ขเวทนาของคนงานทไ่ี ดร บั อบุ ตั เิ หตุ ซ่งึ บางครั้งอาจจะถึงกับทุพพลภาพหรือเสยี ชีวิตได ในแตละชั่วโมงจะมีคนงานเปนจํานวนมากท่ีทํางานอยูในโรงงานอุตสาหกรรมที่ตองไดรับอุบัติเหตุ ซึ่งจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นต้ังแตไดรับบาดเจ็บเล็กนอย เชนมีดบาด เศษโลหะกระเด็นเขาตา จนกระท่ังถึงบาดเจ็บท่ีอาจทําใหถึงเสียชีวิตได เชน หมอนํ้าระเบิด ถูกไฟดูดเปนตน

การเกิดอุบัติเหตุบางครั้งอาจทําใหคนงานตองสูญเสียแขนและขาไป บางคนตองไปนอนอยูในโรงพยาบาลเปนแรมเดือน ซ่ึงกอใหเกิดความเดือนรอนแกตัวคนงานที่ไดรับอุบัติเหตุและครอบครวั เปนอยา งยงิ่ ดังนน้ั จึงจําเปนตองหาทางปอ งกันอบุ ตั เิ หตุใหเกดิ ขน้ึ นอ ยท่ีสุดเทา ทจ่ี ะทาํ ไดจากรูปท่ี 1 เปนการแสดงใหเห็นถึงสาเหตุเฉลี่ยที่ทําใหเกิดอุบัติเหตุ ซ่ึงรวบรวมโดยกรมแรงงานของประเทศสหรฐั อเมริกา รูปที่ 1.1 สาเหตุเฉล่ยี ทที่ าํ ใหเ กิดอบุ ตั ิเหตุในโรงงานอุตสาหกรรม 1.4 ทฤษฎีโดมโิ นของการเกิดอบุ ตั ิเหตุ ทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory) ของการเกิดอบุ ัติเหตุ สามารถเช่อื มโยงไดก ับปรัชญาความปลอดภยั ของ H.W. Heinrich เกย่ี วกับสาเหตุของอุบัติเหตุได ทฤษฎีโดมิโน กลาววา การบาดเจ็บและความเสียหายตางๆ เปนผลท่ีสืบเนื่องโดยตรงมาจากอุบัติเหตุและอุบัติเหตุเปนผลมาจากการกระทําท่ีไมปลอดภัยหรือสภาพการณท่ีไมปลอดภัย ซึ่งเปรียบไดเหมือนตัวโดมิโนที่เรียงกันอยู 5 ตัวใกลกัน เมื่อตัวท่ีหน่ึงลมยอมมีผลทําใหตัวโดมโิ นถดั ไปลมตามกนั ไปดวย ตวั โดมโิ นทัง้ หา ตัว ไดแก 1. สภาพแวดลอมหรือภมู ิหลังของบุคคล (Social Environment or Background) 2. ความบกพรอ งผิดปกตขิ องบคุ คล (Defects of Person) 3. การกระทําหรือสภาพการณท ่ีไมปลอดภยั (Unsafe Acts/Unsafe Conditions) 4. อุบัติเหตุ (Accident)

5. การบาดเจ็บหรือเสียหาย (Injury/Damages) รูปท่ี 1.2 ตวั โดมิโนท่ที าํ ใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตุ น่ันคือ สภาพแวดลอมของสังคมหรือภูมิหลังของคนใดคนหนึ่ง เชน สภาพครอบครัวฐานะความเปนอยู การศึกษาอบรม กอใหเกิดความบกพรองผิดปกติของคนน้ัน ทัศนคติตอความปลอดภัยที่ไมถูกตอง ชอบเส่ียง มักงาย กอใหเกิดการกระทําท่ีไมปลอดภัยหรือสภาพการณที่ไมปลอดภัย ซึ่งจะทํากอใหเกิดอุบัติเหตุและทําใหเกิดการบาดเจ็บหรือความสูญเสียตามมา ทฤษฎีโดมโิ นน้ี มีผูเรียกช่ือใหมเปน “ลกู โซของอบุ ัตเิ หตุ (Accident Chain)การปองกันอุบตั เิ หตุตามทฤษฎโี ดนิโน ตามทฤษฎีโดมิโน หรือลกู โซของอบุ ัติเหตุ เมือ่ โดมิโนตวั ท่ี 1 ลม ตวั ถัดไปก็ลมตาม ดังนั้นหากไมใ หโ ดมิโนตัวท่ี 4 ลม (ไมใ หเกดิ อบุ ัติเหต)ุ กต็ อ งเอาโดมิโนตวั ท่ี 3 ออก (กาํ จัดการกระทําหรอื สภาพการณท่ไี มปลอดภยั ) การบาดเจบ็ หรือความเสยี หายกจ็ ะไมเ กดิ ข้ึน รูปท่ี 1.3 ดึงตัวโดมโิ นตวั ที่ 3 ออกจะไมม ผี ลกระทบตัวโดมิโนตวั ท่ี 4 และ 5 การปองกันอุบัตเิ หตตุ ามทฤษฎีโดมโิ นหรือลกู โซอ ุบัติเหตุ ก็คือ การตัดลูกโซอุบัติเหตุ โดยกําจัดการกระทําหรือสภาพการณท่ีไมปลอดภัยออกไปอุบัติเหตุก็ไมเกิดขึ้น สวนการที่จะแกไข

ปองกันที่โดมิโนโนตัวที่ 1 (สภาพแวดลอมของสังคมหรือภูมิหลังของบุคคล) หรือตัวท่ี 2 (ความบกพรองผิดปกติของบุคคล) เปนเร่ืองที่แกไขไดยากกวา เพราะเปนสิ่งที่เกิดข้ึนและปลูกฝงเปนคณุ สมบตั ิสว นบคุ คลแลว 1.5 สรปุ อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กิดข้ึนทกุ ครง้ั มใิ ชเ กิดจากโชคชะตาหรอื เคราะหก รรมทีเ่ หนือการควบคมุ แตเกิดจากสาเหตุที่แกไขและปองกันได สาเหตุของอุบัติเหตุท่ีสําคัญ ไดแกการกระทําที่ไมปลอดภัย(Unsafe Acts) และสภาพการณทีไ่ มปลอดภยั (Unsafe Conditions) การปองกนั อบุ ตั เิ หตุอยางมีประสิทธิภาพ ทําไดโดยการกําจัดการกระทําหรือสภาพการณท่ีไมป ลอดภัยใหเ หลือนอยทสี่ ุดหรือหมดไป สภาพการทาํ งานทป่ี ลอดภัยก็จะเกิดขน้ึ ในท่ีสดุ2. การปอ งกันอุบตั ิเหตุ ตามทไี่ ดกลา วมาแลว วา อบุ ตั ิเหตุในโรงงานอุตสาหกรรมยอ มบังเกดิ ขึน้ ไดเ สมอดงั นั้นจงึจําเปนตองหาทางปองกันเพ่ือใหมีอุบัติเหตุเกิดข้ึนนอยท่ีสุด ซ่ึงในบทนี้จะกลาวถึงอุบัติเหตุท่ีอาจจะเกิดข้ึนเนอ่ื งจากการทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมและวิธีปองกันอุบัติเหตุตางๆ เหลานั้นดังรายละเอยี ดที่จะกลาวในหัวขอตอ ไปน้ี 2.1 การสวมเสื้อผา (Protective Clothing) ในโรงงานทั่วๆ ไป การใชชุดหมี (Boiler Suit) จะเหมาะที่สุดที่จะใชในการปฏิบัติงาน และยังสามารถท่ีจะปองกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดข้ึนแกรางกายไดดีอีกดวย ชุดหมีท่ีถูกนาํ มาใชอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพไดแสดงไวในรูปที่ 1.4 ทางดานซายมือ อันตรายท่ีอาจจะเกิดขึ้นจาการแตงตัวไมเหมาะสมในการปฏิบัติงานจะแสดงไวในรูปท่ี 1.4 ทางดานขวามือซ่ึงสามารถกลาวสรุปไดดงั ตอ ไปนี้ รปู ท่ี 1.4 การเปรยี บเทยี บการแตง กายทถ่ี ูกตองกบั ที่ไมถกู ตอ ง

1. ผมยาว : การไวผมยามอาจทาํ ใหผมนัน้ ไปพันกับสว นตางๆ ของเคร่อื งจกั รทีก่ ําลงั หมุนอยเู ชน เคร่ืองเจาะ และเครือ่ งกลงึ ผลท่ีเกดิ ข้ึนอาจทาํ ใหเกดิ ผมหรือหนังศีรษะถูก ดึงออก ทาํ ใหไ ดร ับความเจบ็ ปวด อาจจะกระทบกระเทอื นถึงสมอง นอกจากนนั้ การ ไวผมยาวยงั เปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพ การรักษาความสะอาดทําไดย าก และอาจจะตดิ เชอ้ื โรคทีอ่ าจมเี กิดขนึ้ จากสง่ิ แวดลอ มในโรงงานไดง ายดว ย 2. การใสเ ครอื่ งมอื แหลมคม : เคร่อื งมือแหลมคมทย่ี ืนออกมาจากกระเปา เสือ้ ตรงบรเิ วณ อกอาจเปน สาเหตทุ ําใหเ กิดบาดแผลแกขอมอื หรอื นิ้วมือ ซ่ึงประสาทสัมผสั ของนิว้ มอื จะอยูต รงสว นของขอ มือ เมื่อเกดิ บาดแผลที่ขอ มอื อาจทาํ ใหเกดิ อัมพาตขน้ึ ได 3. กระดุมเสือ้ หลุดหาย : เมื่อกระดมุ เส้ือหลุดหายกท็ ําใหเ สอื้ ผาทีส่ วมใสอยเู กดิ หลวม หรือยน่ื ออกจากตัวผสู วมใสอ าจจะทําใหไ ปพันกบั สวนของเคร่ืองจกั รทก่ี ําลงั หมุนอยู ได ถาเปน งานเชือ่ มโลหะอาจทําใหส แลกท่กี าํ ลงั รอ นกระเด็นเขาไปถกู ผวิ หนังไดหรอื ความรอนทีเ่ กดิ จากการเชอ่ื มอาจทําใหผ วิ หนังไดรับความเจ็บปวดได 4. ขอ มือเสื้อหลวม : อาจเปนสาเหตุทาํ ใหขอมือเส้ือเขาไปพันกับสวนตา งๆ ของ เครอ่ื งจักรที่กาํ ลงั หมนุ อยไู ด 5. กระเปาเส้ือขาด : อาจทําใหเครือ่ งมือท่ใี สไวในกระเปาเส้อื ของผูสวมหลนลงมาถูกเทา ได แมว า จะดเู หมอื นวา มนั ไมท ําใหเ กดิ อนั ตรายมากนกั แตการที่เกดิ การใจลอย หรือไมต ง้ั ใจทาํ งานอยูช่วั ขณะหน่งึ แลวเครอื่ งมือหลน มา อาจจะเปน สาเหตุทาํ ใหเ กิด อุบัตเิ หตไุ ด 6. ชดุ หมียาวเกนิ ไป : อาจเปนสาเหตุทําใหห กลม ไดงายเม่ือกา วเดนิ โดยเฉพาะตอนกาว ข้ึนบันได หรือขณะยกของหนกั 7. สวมรองเทายาง หรือรองเทาแตะ : การสวมรองเทา ยางหรือรองเทา แตะ อาจทําใหเกดิ อบุ ัตเิ กตดุ ังนี้ ก. ชนิ้ งานทม่ี นี ํ้าหนักมากตกลงถูกเทา ข. วตั ถุแหลมคมอาจจะทม่ิ ทะลเุ ทา ค. อันตรายเกดิ จากเสน เอ็นพลกิ เนอื่ งจากรองเทา ไมส ามารถจะปองกนั ไดเพยี งพอ รอบๆ สน เทา และขอเทา การปอ งกันสว นตางๆ ของรางกายท่ีจาํ เปน กค็ อื การปองกันสว นหัว ตา มอื และเทาเคร่ืองมือทีเ่ หมาะสมจะกลา วรายละเอยี ดดงั ตอ ไปคือ การปอ งกนั สว นหวั : ผมยาวเปน อันตรายอยางมากตอ การทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะถา ผมเขาไปพนั อยูในชน้ิ สวนของเครือ่ งจกั รทก่ี าํ ลงั หมุนดงั แสดงในรปุ ที่ 1.5 (ก) ซง่ึเหตุการณเ ชนนไ้ี มเพยี งจะทาํ ใหเกดิ ความเจบ็ ปวดอยางรนุ แรง แตอ าจจะเปนอนั ตรายถงึ สมองและทาํ ใหตายได ถา ทานเปนคนงานหนมุ และตอ งการไวผมยาวตามแฟชน่ั สมยั ใหม เมอ่ื เขาทํางานใน

โรงงานทานควรจะสวมหมวกคลมุ ผมใหเ รียบรอย ซง่ึ จะเปน การปอ งกันอันตรายอนั อาจจะเกดิ ขน้ึและยังปอ งกนั เชอ้ื โรคไดเปนอยา งดีอกี ดวย รปู 1.5 (ก) อนั ตรายท่เี กดิ จากการไวผมยาว (ข) การปองกันโดยการสวมหมวกขณะปฏบิ ตั ิงาน การปอ งกันสวนตา : การปอ งกนั ตาใหพนจากอบุ ตั เิ หตุทอี่ าจจะเกดิ ขึ้นเปน เรอ่ื งทส่ี าํ คญั ในการทาํ งานในโรงงานอุตสาหกรรม การบาดเจบ็ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ดวงตา มสี าเหตทุ ี่เกิดขน้ึ ได 4 อยางคอื ก. การบาดเจบ็ และการไหมข องผิวหนังทีบ่ รเิ วณตาทเ่ี กดิ ขนึ้ จากเศษหนิ เจียระไน หรือเศษ โลหะที่เกิดจากการเจยี ระไนกระเดน็ เขา ตา ข. อันตรายทเี่ กดิ จาการแผร ังสขี องแสงอลุ ตาไวโอเลตและแสงทมี่ ีความเขม แหง การสอ ง สวาง เชน การเชื่อมไฟฟา การเชอ่ื แกส เปนตน ค. อันตรายทเ่ี กดิ จากนํา้ กรดหรอื ไอนํ้ายาเคมเี ขาตา ง. การสูญเสียดวง เนอ่ื งจากลกู นยั ตาแตก (Eyeball) หรือเสน ประสาทตาถกู ทําลายโดย เศษโลหะกระเดน็ เขา ตา หรอื สง่ิ ของทม่ี ีนํ้าหนักมากกระแทกดวงตา ดงั น้ันในการทาํ งานท่มี ีอนั ตรายทกี่ ลา วมาแลว นีจ้ งึ ควรสวมแวน ตานริ ภยั (Goggles) เสยีกอ น รูปแบบของแวน ตานิรภยั ทใี่ ชไ ดแ สดงไวใ นรปู ที่ 1.6

รปู ที่ 1.6 ตวั อยางของแวน ตานิรภัยทใี่ ชใ นงานเจยี ระไนการปองกันมือ : มอื ของคนงานน้ันไดถูกใชอ ยูเ สมอ เชน อาจจะถกู ใชส ําหรบั การทาํ งานทีเ่ กดิ การเส่ียงภยั ขนวตั ถทุ ีส่ กปรก นํ้ามัน จารบี วัตถแุ หลมคม วตั ถทุ ่รี อน วตั ถุมีพิษ และวัตถทุ ใี่ ชในการปอ งกนั การเกดิ การกดั กรอนบนผวิ งานโลหะ ดังนัน้ ในการทํางานจงึ จาํ เปน ตองใชถ งุ มือสวมเพื่อปองกันอนั ตรายทอ่ี าจจะเกดิ กับมือ ถุงมือท่ีใชส วมยอ มมอี ยหู ลายขนาด และหลายชนดิ ตามสภาพของงานทที่ ําและขนาดมอื ของคนงานการปองกันเทา : การสวมรองเทาท่ีไมเหมาะสมเพื่อเขา มาทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมน้ัน ควรจะมกี ารปองกนั ไมใ หม เี กิดขนึ้ อยา เพยี งคดิ วาเปน การประหยดั แตม นั อาจจะทาํ ใหอ ุบตั ิเหตุเกดิ ขน้ึไดงาย รองเทาท่ไี มค วรสวมเขาทาํ งานในโรงงานไดแก รองเทาท่ที าํ ดว ยฟองนํา้ รองเทา ผาใบรองเทายาง และรองเทาท่ที ําดว ยไมเนอ้ื ออ นทกุ ชนิด เพราะรองเทา พวกนี้ ไมสามารถจะปองกันการตกกระแทกของชน้ิ งานโลหะ หรือการกดทะลขุ องตะปไู ด นอกจากนน้ั รปู รางของรองเทาทส่ี วมใสควรจะเหมาะสมกับเทาของผูสวมใสด วย รองเทา ทเ่ี หมาะสมจะนาํ มาสวมเขาทาํ งานในโรงงานอตุ สาหกรรมประเภทชา งกลควรเปนรองเทาหัวเหล็ก และรองพื้นลางดว ยแผนเหล็ก (Steel Toe-Cap) ดังแสดงในรูปท่ี 1.7 ซ่ึงเปนรองเทา ที่มีความแข็งแรงตามมาตราฐานอังกฤษ BS 1870 รองเทา หัวเหลก็ นม้ี ีอยหู ลายแบบและหลายราคา

รูปท่ี 1.7 รองเทานริ ภยั 2.2 พฤตกิ รรมของคนงานในโรงงาน พฤติกรรมของคนงานในโรงงาน มีสว นสาํ คัญอยางยง่ิ ทจี่ ะทาํ ใหเ กดิ อบุ ัตเิ หตุข้ึนไดโ ดยเฉพาะอยางยิง่ มีการหยอกลอ หรอื เลนกนั ในขณะปฏบิ ัติงาน คนงานทาํ งานแบบใจลอยคนงานไมต ง้ั ใจทจี่ ะทํางาน หรอื ไมเขาใจขน้ั ตอนการทาํ งาน การหยอกลอกันในทีท่ าํ งานโดยมากมักจะเกดิ ขนึ้ กบั คนงานทอ่ี ยใู นวยั หนุมสาว จงึ มกี ารสรา งคําขวญั ไวว า “การทํางานจะทาํ ในโรงงานสวนการเลน จะทํานอกโรงงาน” ส่งิ แวดลอมทางดานพฤตกิ รรมทีม่ ลี กั ษณะดงั ตอไปน้คี ือ การทาํ งานที่ไมเขา ใจ(Foolish) การทํางานอยา งไมก ลวั อนั ตราย (Reckless) การลอเลนกนั ในขณะทาํ งาน (Boisterous)โดยบุคคลหรอื กลุมบุคคลจะนาํ ไปสูการการเกิดอุบัติเหตไุ ด ลกั ษณะของสง่ิ แวดลอมทางดานพฤตกิ รรมท่กี ลาวมาแลว นี้ เรยี กวา ฮอสเพลย (Horseplay) แบบของอุบตั เิ หตุ เนื่องจากฮอสเพลย มันขน้ึ อยกู ับชนิดของงานท่ที าํ ในโรงงานและโอกาสทจ่ี ะนําไปสูอ บุ ตั เิ หตุ โดยทว่ั ๆ ไปมักจะเกดิ ข้นึ ในขณะทเ่ี ครอ่ื งจักรเกิดการหยดุ ชะงกัในระหวางการขนสง ภายในโรงงาน มีงานใหคนงานทาํ นอยเกนิ ไป รวมไปถึงการทคี่ นงานตอ ง

ทํางานท่เี กย่ี วขอ งกับงานท่ีจะกอใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตไุ ดงาย เชน ทํางานทีเ่ กี่ยวกับไฟฟา การอัดอากาศ(Compressed Air) และสารเคมที ีม่ ีอนั ตราย การแกไขทางดา นพฤติกรรมของคนงานในโรงงาน ควรจะสรา งความสํานึกในเร่ืองความปลอดภยั ใหม อี ยูใ นจติ ใจ ซงึ่ จะทําใหเขาคิดถงึ อุบตั เิ หตุ วางแผนเพอ่ื หาทางปอ งกันและพรอมทจ่ี ะปฏบิ ัติ ซึง่ จะเปนผลดใี นการชวยลดอุบัติเหตทุ อี่ าจจะเกดิ ขน้ึ ตวั อยา งของการขาดความสํานกึ ในดา นความปลอดภยั เชน พนักงานคนหนึง่ ซ่ึงจาํ เปนจะตองใชหินเจยี ระไนอยเู ปนประจาํแตทุกครัง้ เขาไมเ คยใชแ วน ตานิรภัยเพอ่ื ปอ งกนั อุบัติเหตุเลย ทงั้ ๆ ทเี่ ขาคดิ วา สักวนั หนง่ึ เขาจะตอ งประสบปญหาที่ดวงตาอยา งแนนอน 2.3 การยกวัตถุ จากรูปที่ 8 จะเหน็ ไดว า การขนยา ยวตั ถเุ ปน ปญ หาทใ่ี หญท ส่ี ดุ อยา งหน่งึ ที่กอใหเกิดอุบัติเหตขุ นึ้ ในโรงงานอตุ สาหกรรม อบุ ัตเิ หตทุ ่เี กดิ จากการขนยา ยอาจมาจากสาเหตอุ ยางใดอยา งหนึ่ง ดังตอ ไปนี้ ก. ใชเทคนคิ ในการยกวัตถุไมถกู ตอ ง ข. แบกวตั ถทุ มี่ นี าํ้ หนกั มากเกนิ ไป ค. จบั วัตถุที่จะยกไมถ กู ตอ ง ง. สวมเสือ้ ผา ไมถ ูกตอ ง จ. ความสะเพรา ไมต ั้งใจทาํ งาน จากรูปที่ 1.8 (ก) น้นั แสดงใหเหน็ ถงึ วิธีการยกวตั ถทุ ่ีไมถ ูกตอง ซง่ึ อาจจะทําให เกดิอุบตั ิเหตุ หรอื เกดิ การบาดเจบ็ ขน้ึ ได รูปที่ 1.8 (ข) แสดงใหเ หน็ ถงึ วธิ ีการยกวัตถุท่ีถูกตอ ง รปู ท่ี 1.8 การยกของและทา การยก

ในการยกหรอื แบกวตั ถุจําเปน จะตองสวมเลอ้ื ผาเพื่อปอ งกันอบุ ตั เิ หตใุ หเรยี บรอยรองเทาที่สวมควรเปนรองเทาทีส่ ามารถปองกนั วตั ถหุ ลนกระแทกเทา ได และเม่ือตอ งยกวัตถทุ ่ีขรขุ ระและมคี มหรือวัตถทุ ่มี อี นั ตรายควรสวมถงุ มือใหเรยี บรอ ย การยกวัตถุทม่ี ีนา้ํ หนกั มาก ควรจะชว ยกนั ยกหลายๆ คน แตจะตอ งมหี วั หนาสง่ั การเพยี งคนเดียวเทา น้ัน 2.4 การใชและการบํารงุ รักษาเครอ่ื งมือขนาดเล็ก คนงานที่ทาํ งานในโรงงานอตุ สาหกรรมขนาดยอ มสวนใหญม ักจะไมคอ ยคาํ นงึ ถึงอันตรายท่จี ะเกดิ จากการใชเคร่อื งมอื ขนาดเลก็ และขาดการบํารุงรักษาเคร่ืองมือที่ดี คนงานบางคนข้ีเกียจเดินไปเบิกเคร่ืองมือขนาดเล็กท่ีแผนกเบิกเครื่องมือ ก็เลยใชเคร่ืองมือบางประเภทที่มีอยูผิดหนาที่ของมัน เชน อาจใชประแจแทนคอน หรืออาจใชตะไบงัดวัตถุท่ีหนักแทนเครื่องมืองัดบางครง้ั เครอ่ื งมอื ท่ใี ชไ ดส ึกหรอและอาจกอใหเ กิดอุบัติเหตุในการใชต อไป กไ็ มยอมปรับปรุงแกไขเชนล่ิมท่ีหัวคอนหลุด เกิดรอยเยินที่หัวสะกัด การใชตะไปไมมีดาม สําหรับตัวอยางที่อาจเกิดข้ึนเน่อื งจากใชเ ครือ่ งมอื ขนาดเล็กไมถูกตองและขาดการบาํ รุงรกั ษาท่ีดนี นั้ ไดแสดงไวใ นรูปที่ 1.9

รูปท่ี 1.9 การใชเครือ่ งมือขนาดเลก็ ที่อาจทาํ ใหเ กดิ อันตราย 2.5 การใชเ คร่อื งมอื ขนาดเลก็ ท่ขี บั เคลื่อนดว ยไฟฟา (Hand-Operated Power Tools) เครอื่ งมือขนาดเลก็ ทีข่ บั เคลือ่ นดวยไฟฟา ไดแก สวา นมอื เครอ่ื งเจยี ระไนมอืเครอื่ งตัดโลหะมอื ซ่ึงเครื่องมอื พวกนี้ขับเคล่อื นโดยใชก าํ ลังไฟฟา ดงั นน้ั ในการทาํ งาน ถา ขาดการบํารงุ รกั ษาเครื่องมือเหลาน้ีเปน อยา งดแี ลว อาจจะกอใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตจุ ากการใชง านขนึ้ ได การใชงานและการบาํ รุงรกั ษาควรจะตอ งคาํ นงึ ถงึ 1. ไดม ีการตอ สายไฟลงดนิ และมีฉนวนหมุ สว นที่อาจจะเกดิ อบุ ตั เิ หตบุ น เคร่ืองมือน้นั เรียบรอยแลวหรอื ยัง 2. ใหทํารายงานถึงสภาพการใชง านทีไ่ มปลอดภยั และอยา ใชเคร่อื งมือนนั้ จนกระทงั่ เครอื่ งมือนั้นไดถ กู แกไ ขสว นทบ่ี กพรอ งใหเ รยี บรอ ยโดยชางไฟฟา ที่มีความชํานาญ ซง่ึ ไดแ ก การซอมแซมสวนที่ชํารดุ เชน ฉนวนหุมสายไฟ แตกปลั๊กไฟหลวมหรอื แตก และเกดิ การสปารค (Spark) ทแ่ี ปรงถาน 3. อยา ใชง านมอเตอรมากเกนิ กวา กาํ ลงั มีมอเตอรจะรับได ซงึ่ อาจทาํ ใหม อเตอร หรอื ฉนวนหมุ สายไฟไหม 4. อยานําเคร่ืองมอื ไปใชงานในบริเวณใกลก บั สวนทอ่ี าจเกิดเปลวไฟ ไอควนั หรือแกส นอกจากเครอื่ งมือน้ันไดถูกออกแบบใหน าํ ไปใชได เพราะสะเก็ด เปลวไฟทีเ่ กดิ จากการสปารค ของเครอ่ื งมอื อาจทาํ ใหเกดิ การลุกไหมห รือ ระเบดิ ขึน้ ได 5. ไมค วรนาํ เครอื่ งมือไปในบริเวณทีช่ น้ื แฉะหรือเปย กชนื้ สาํ หรบั เครื่องมอื ท่ีมี ความตางศักยไ ฟฟา ตํา่ (50 โวลท) ที่ตอเขา กบั หมอ แปลงไฟฟาชนดิ ไอโซเลท ติง ทรานสฟอรเมอร (Isolationg Transformer) จะใชห รือไมใชส วทิ ตต อ สายไฟลงดนิ กไ็ ด 2.6 การใชเครอ่ื งจกั ร เครื่องจกั รทใ่ี ชต ัดหรอื ปาดผวิ โลหะนนั้ มอี นั ตราย ดงั นน้ั ในการใชง านจงึ ควรจะตองระมัดระวงั อันตราย ดังนค้ี ือ 1. หา มใชเครอ่ื งจักรโดยไมมหี นาท่หี รือไดรบั การฝกอบรมมากอ น 2. กอ นท่จี ะเดินเครือ่ งจักรจะตอ งเขา ใจถงึ วธิ กี ารใชงานของเคร่ืองจักร และ อบุ ตั เิ หตทุ อ่ี าจจะเกดิ ขึน้ บนเครอ่ื งจักร 3. อยา เดินเครอื่ งจกั รโดยไมมอี ุปกรณค รอบปอ งกนั อุบัตเิ หตุ (guards) หรือใช เครือ่ งจักรท่ชี าํ รุดอยู

4. ควรสวมใสอปุ กรณปองกนั อุบัตเิ หตทุ ่เี หมาะสมกับงานเมอื่ ใชเคร่อื งจกั รน้นั 5. กอนปฏบิ ัติงานควรจะตองตรวจสอบสภาพของเครือ่ งจกั รวา อยใู นสภาพดีอยู เสมอ 6. อยาทงิ้ หรือคาเคร่ืองมือไวบ นเคร่อื งจักร 7. ตองเขา ใจและปฏิบัติตามกฎหรอื ขอกําหนดพิเศษเกยี่ วกบั การใชงานของ เครื่องจักรน้นั โดยเครง ครดั 8. อยา ทําความสะอาด ปรบั เครอื่ งจกั รใหม หรอื วดั ชน้ิ งานขณะท่ีเคร่ืองจกั รกาํ ลงั หมุนอยู 9. หยุดการใชง านของเคร่อื งจักรทันทีเมอื่ เหน็ วา จะเกดิ อุบตั เิ หตจุ ากการใชงาน และควรทาํ รายงานเพ่อื ใหผูเ ก่ียวของมาทําการแกไขใหเ รยี บรอ ย 10. ขณะทําการตรวจสอบ แกไ ข หรอื ซอ มบาํ รุงรักษาเครอื่ งจกั รใหแ ขวนปา ย เตือน และใสก ญุ แจลอ็ คตจู า ยไฟฟา ตลอดเวลา 11. เมอื่ เลกิ ใชเ ครอื่ งจักรตอ งทาํ ความสะอาดเครือ่ งจักรใหเรยี บรอ ย และ บํารุงรักษาใหเ ครอ่ื งจักรอยูในสภาพสามารถใชงานไดต ลอดไป 2.7 อปุ กรณปองกันอันตรายเก่ียวกบั อปุ กรณการถา ยทอดกาํ ลัง (Transmission Guards) เครอ่ื งจักรโดยทัว่ ๆ ไปทาํ ขนึ้ มาใชง านจะตอ งมอี ุปกรณเ กยี่ วกับการถา ยทอดกําลงั (Transmission) เชน ระบบเกยี ร สายพาน เพลา และคัพปลงิ้ (Coupling) ซ่งึ อุปกรณท ่กี ลาวมาน้ี เมอ่ื มกี ารเดนิ เครื่องจกั รมกั จะกอใหเ กิดอบุ ัตเิ หตุ เมอื่ สว นใดสว นหนึ่งของรา ยกายไปกระทบเขาดังนั้นจงึ ตองสรา งอปุ กรณป อ งกนั อบุ ัตเิ หตุขึ้นมา และบางคร้งั อปุ กรณปองกันอุบตั เิ หตุเกย่ี วกบัอปุ กรณก ารถา ยทอดกาํ ลังอาจจะตอ งนําออกมาเพ่อื การบาํ รงุ รักษาสว นท่ชี าํ รดุ สึกหรอของเคร่ืองจกั ร เมอื่ นําออกแลวกต็ องนําประกอบเขา อยา งเกา ดงั นัน้ กอ นทจ่ี ะนําอุปกรณป อ งกนัอบุ ตั ิเหตอุ อกหรือนําประกอบเขา จะตอ งคาํ นึงถึง 1. ใหห ยุดเครอื่ งจกั รเสียกอ น 2. ใหสบั สวทิ ซตดั ไฟลง และเกบ็ กุญแจตสู วทิ ชไฟไวใ นกระเปาเสือ้ ของชา งซอม เครอื่ งจักร จนกวาการซอ มแซมเสร็จแลว จงึ สับสวิทซตัดไฟข้ึน 3. ถาไมสามารถจะสับสวิทซตดั ไฟได ใหด ึงฟว สอ อก และนาํ เกบ็ ไวใ นท่ี ปลอดภัย ในบางกรณเี พอื่ ปองกนั อบุ ตั ิเหตทุ ่ีอาจจะเกดิ ขน้ึ ผูอ อกแบบเคร่อื งจกั รจะออกแบบใหใ ชอปุ กรณป อ งกนั ภยั รวม (interlocked guard) แทน โดยถา นาํ อุปกรณปองกนั ภยั รว มออกจากทเ่ี ดมิ จะทาํ ใหเ กดิ การผิดพลาดทางไฟฟา หรือทางกลของเคร่อื งจกั รเกิดขนึ้ อนั เปน ผลทําให

เครือ่ งจักรหยดุ ทํางาน การกระทําเชนนไ้ี ดถ กู จดั เตรยี มเอาไวเ พื่อปอ งกนั การทีช่ างซอมลมื ทจี่ ะแยกเครื่องจกั รออกจากแหลง พลังงานที่ตองใช หรือลมื สับสวิทซต ดั ไฟฟา ไมใ หเขา เครอ่ื งจักร 2.8 อปุ กรณปอ งกนั อุบัติเหตจุ ากมดี ตัด (Cutter Guards) บางคร้ังอุปกรณป อ งกันอบุ ตั เิ หตจุ ากมีดตดั บนเครอื่ งจักรไมไดถกู จดั ทําข้ึนมาโดยบริษทั ผผู ลติ เคร่อื งจกั ร ท้ังนเี้ พราะวาเคร่ืองจักรนน้ั ไดถ กู ออกแบบใหใ ชง านไดย อา งกวา งขวางจงึไมไดส รางอปุ กรณป องกนั อบุ ัตเิ หตเุ ฉพาะอยา งขึ้นมา ดังน้ันจงึ ตองหาทางปอ งกันอบุ ัตเิ หตุทอี่ าจจะเกดิ ขน้ึ จากมดี ตัดโดย 1. ความรับผดิ ชอบในการสรางอปุ กรณปองกันอบุ ัติเหตจุ ากมีดตดั บนเครอื่ งจักร เปน หนาท่ขี องเจาของกจิ การทจี่ ะตอ งทาํ มนั ข้ึนมา 2. กอนท่ีจะเดินเครือ่ งจกั รเพ่อื ทาํ งาน ความรบั ผิดชอบในการปอ งกนั อบุ ัตเิ หตุ จากมีดตดั เปนหนา ทข่ี องคนงานทต่ี อ งใชอปุ กรณป อ งกนั อุบตั ิเหตุเหลา น้ัน และตองม่นั ใจวา อุปกรณป องกันอบุ ตั ิเหตุเหลา น้ันไดถกู ติดตั้งและยึดไวอ ยา ง แนนหนาและทํางานอยา งถกู ตองแลว 3. คนงานที่มคี วามชํานาญอาจจะชว ยคนงานทไ่ี มม ีความชํานาญในการตดิ ตง้ั และปรับอปุ กรณปองกันอุบตั ิเหตใุ หดกู อน เพือ่ ใหค นงานทไ่ี มม ีความชาํ นาญ ไดเ ขา ใจถึงวิธีการทาํ งานของอปุ กรณปอ งกันอบุ ตั เิ หตุและทราบถงึ หนา ท่ขี อง มนั โดยถกู ตอ ง 4. ถาทา นเคยสงสัยวา อุปกรณป อ งกนั อุบตั ิเหตจุ ากมดี ตดั ทตี่ ิดต้งั บนเครอื่ งจกั รมี พอเพยี งในการปองกันอบุ ตั เิ หตหุ รอื ไม ใหป รกึ ษากบั เจาหนา ทีท่ างดา นความ ปลอดภยั 2.9 การใชเคร่อื งเจยี ระไน (Grinding Machine) เครอ่ื งเจยี ระไนชนิดต้งั โตะ สาํ หรับใชล บั ความคมของเคร่อื งมือหรือใชเจยี ระไน ชนิ้งานน้นั จะประกอบดว ยแกนเพลา 1 แกน และมหี นิ เจยี รตดิ อยูท ่ปี ลายแกนเพลาทงั้ สองดาน ดา นหน่ึงจะเปนหนิ เจยี รชนดิ หยาบอีกดา นหนง่ึ เปน หนิ เจยี รชนิดละเอยี ด หนิ เจยี รที่ติดอยูบนเครื่องเจียระไนจะหมุนดวยความเร็วสงู ประมาณ 3,000 รอบตอ นาที ดังนน้ั การใชง านของเคร่อื งเจยี ระไนควรจะตอง 1. ตรวจดูความเรยี บรอยของเคร่ืองกอ น เชน หนาหนิ เจยี รไมเปน รอง ไมม ีรอย แตก แปน เกลยี วทใี่ ชจับยดึ หนิ เจยี รไมห ลวม 2. จะตองมีการปรบั แปน รองรบั วัตถุทจี่ ะเจียระไนชน้ิ งาน ซง่ึ จะตองปรบั แปนน้ี ใหไดม ุมที่ถูกตองตามตองการและจะตองวางใหอ ยูใกลช ดิ กบั หนา หินเจยี ร

โดยควรมชี องวา งอยปู ระมาณ 1/16 ถงึ ¼ น้ิว อยาใหม ชี อ งวางมากเกนิ ไป เพราะอาจจะเกดิ อบุ ัติเหตุในขณะทาํ งานได 3. ในขณะทเ่ี จยี ระไนช้ินงาน ควรใชกระจกทต่ี ดิ อยกู บั เครอ่ื งเจยี ระไนบังตา เพื่อ ปองกนั เศษหนิ เจียรหรือเศษโลหะกระเดน็ เขา ตา หรอื อาจจะสวมแวนตา นิรภัยปองกันก็ได 4. ตอ งจัดกระปอ งใสน ํ้าเอาไวใ กลๆ เครอ่ื งเจียระไนเพอื่ เอาไวจมุ ชน้ิ งานไมใ ห รอ นจดั จนเกนิ ไป 5. ในขณะท่กี าํ ลงั เจียระไนตองจับชนิ้ งานใหแ นน ถา เปน ชน้ิ งานขนาดเลก็ ควร ใชคีมลอ็ ค (Vise grip) ชว ยจบั รูปท่ี 1.10 เครอื่ งเจียระไน เน่อื งจากเคร่อื งเจียระไนมคี วามเร็วรอบสงู ดงั นั้นการใชงานผใู ชจ ะตอ งระมัดระวังอนั ตรายใหม าก อันตรายทอี่ าจจะเกิดขึ้นไดแ ก เศษหนิ หรอื เศษโลหะทเี่ จียระไนกระเดน็ เขาตาหรอืถูกผวิ หนงั นวิ้ มอื ไปสัมผัสกับหนาหินเจยี ร ผวิ หนงั พองเพราะจับชน้ิ งานรอน ชน้ิ งานหลุดจากมอืทําใหหนิ เจยี รแตกหรอื กระเด็นออกมาโดนคนงานได3. จตั รุ สั ความปลอดภัย (Safety Square) จัตุรัสความปลอดภัย (Safety Square) คือแผนภูมิสรุปปจจัยสําคัญ 4 ประการ ที่รวมประสานขึ้นเปนระบบงานที่มีความปลอดภัยตอคนงาน ประกอบดวยสภาพแวดลอมท่ีปลอดภัยในการทํางาน องคการเพ่ือความปลอดภัย วิธีการทํางานที่ปลอดภัย และการซอมบํารุงเพ่ือความปลอดภัย โดยผูรับผิดชอบในการประสานงานคือ ผูบริหารโรงงาน ซึ่งอาจจะเปนผูจัดการโรงงานหรือ บุคคลอื่นท่ีไดรับแตงตั้งใหมีอํานาจหนาที่ส่ังการในดานความปลอดภัยจากผูจัดการโรงงาน

จัตุรัสความปลอดภัยจึงเปนเสมือนแนวทางแบบเบ็ดเสร็จในการปฏิบัติงานเพ่ือบรรลุเปาหมายทางความปลอดภัยของโรงงาน รปู ท่ี 1.11 แผนภมู จิ ตั ุรัสความปลอดภยั ในโรงงานถอื วา เปนหนา ทขี่ องฝายบริหาร ท่ีตองจดั การใหมี จากท่ีกลาวมาเห็นไดชัดวาอุบัติเหตุสวนใหญ สามารถปองกันได และลําพังคนงานเองมีโอกาสปองกันอุบัติเหตุไดไ มมาก ฝา ยบริหารเปน ผูท สี่ ามารถจัดการปอ งกนั อบุ ตั ิเหตไุ ดผ ลดีกวา แมวาการดําเนินโครงการปองกันอุบัติเหตุจะตองเพ่ิมคาใชจายและเงินทุนมากข้ึน แตหากกระทําอยางเหมาะสมก็สามารถลดรายจายจํานวนมากลงไปไดเชนกัน ทั้งน้ีเราพบวาจัตุรัสความปลอดภัยนาจะใชเปนเปาหมายในการปฏิบัติของทุกฝายเพ่ือบรรลุเปาหมายรวมกันคือ ความปลอดภัยในโรงงานไดไมจําเพาะแตฝายบริหารจะกระทําการแตฝายเดียว ฝายแรงงานยอมตองมีสวนรบั ผดิ ชอบโดยตรงอยูดว ยเสมอ

การเกดิ อุบตั ิเหตใุ นโรงงานนีท้ ุกคร้งั ท่เี กิดจากการกระทาํ ทไ่ี มปลอดภยั (Unsafe Acts) หรอืสภาพการณท ไี่ มปลอดภัย (Unsafe Conditions) กต็ าม ยอ มแสดงใหเ หน็ วา กระบวนการผลติ มีปญ หา นักบรหิ ารความปลอดภยั จึงตอ งเกย่ี วของกับกจิ กรรมการเสริมสรางความปลอดภยั ในโรงงาน โดยสอดแทรกความปลอดภัยเขา ไปเปน สวนหนงึ่ ของวธิ ีการตางๆ ในการทํางาน(โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต) เพื่อใหอ งคการสามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคในการผลติ ทมี่ ีประสิทธภิ าพไดดว ย “การผลติ ที่มีความปลอดภยั (Safe Production)”แบบฝกหดั1. ใหอ ธบิ ายถงึ การสวมเสื้อผา แบบชุดหมี (boiler suit) และการใชอปุ กรณปองกันภยั สวนบคุ คล ดว ยวิธีทถ่ี กู ตอ งมาใหทราบ2. ทานคิดวา อนั ตรายท่จี ะเกดิ ขึ้นกบั ดวงตาเมอื่ ทาํ งานในโรงงานอุตสาหกรรมมอี ะไรบา ง และจะ หาทางปองกันไดอ ยา งไร3. การทาํ งานในโรงกลงึ โลหะทานควรจะปฏิบตั ิตัวอยา งไร จึงจะปลอดภยั จากอนั ตรายท่จี ะเกดิ ขึน้4. พฤติกรรมของคนงานในโรงงานมีสวนชวยใหเกดิ อุบตั ิเหตุอยางไร5. ใหอธิบายถึงวิธีการยกสิง่ ของที่มีน้ําหนักมาก วามวี ธิ กี ารอยา งไร6. การบาํ รุงรกั ษาเคร่ืองมอื ขนดเลก็ ทีข่ ับเคลื่อนดวยไฟฟา ทาํ ไดอ ยา งไร7. ใหอ ธบิ ายถึงหลักการในการใชเ ครอ่ื งจกั รอยางกวางๆ เพอ่ื ไมใ หม ีอุบตั ิเหตเุ กดิ ขน้ึ8. เม่ือตองการซอ มอุปกรณเ กี่ยวกบั การถา ยทอดกําลงั เชน เกียร ระบบสายพาน จะมีวธิ ปี องกนั อันตรายไดอ ยางไร9. อันตรายท่เี กิดขนึ้ บนเครอ่ื งเจียระไนสาํ หรบั ลับช้ินงานมีอยา งไร และจะปองกนั ไดอ ยางไร10. จตั รุ สั แหง ความปลอดภยั คอื อะไร มรี ายละเอียดในการดาํ เนินงานอยา งไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook