Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วย1_เวลาและการแบ่งยุคสมัยฯ

หน่วย1_เวลาและการแบ่งยุคสมัยฯ

Published by dutasit2525, 2020-05-20 09:39:35

Description: หน่วย1_เวลาและการแบ่งยุคสมัยฯ

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ประวตั ิศาสตรส์ ากล ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔-๖ กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๕ ๑_หลกั สูตรวิชาประวัตศิ าสตร์สากล ๒_แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวัดและประเมนิ ผล ๗_เสรมิ สาระ ๘_สื่อเสรมิ การเรียนรู้ บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากัด : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๑หน่วยการเรียนรู้ที่ เวลาและการแบง่ ยคุ สมัย ทางประวตั ิศาสตร์สากล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ • ตระหนักถึงความสาาคญั ของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ท่แี สดงถึงการเปลีย่ นแปลงของมนุษยชาติได้

ความสาคัญของเวลาและยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ ประวัตศิ าสตรเ์ ปน็ การสืบค้นอดีตของมนษุ ย์ เพอื่ ศกึ ษาวา่ มนษุ ย์ในอดีต ได้คิดอะไร ไดท้ าอะไร ความคดิ และการกระทาดังกล่าว มอี ิทธิพลตอ่ ชีวิตของมนุษย์ ทั้งในสมยั น้นั และสมัยต่อมาอย่างไร

การนบั และการเทียบศักราชในประวัติศาสตรส์ ากล ตอ้ งเข้าใจวา่ จะศกึ ษาเกย่ี วกับมนุษย์ มนษุ ย์ในชว่ งเวลาใด มนุษย์ ณ ท่ีใด ในส่วนท่เี ก่ยี วกบั เวลา วิธกี ารนบั ศกั ราชของแตล่ ะภมู ิภาคของโลก หรือบางประเทศมคี วามแตกต่างกัน เราจงึ ตอ้ งเขา้ ใจความแตกตา่ ง ของการนบั ศักราชดงั กลา่ ว เพอื่ ทจ่ี ะสามารถวิเคราะห์กรอื มองภาพ อดีต ในบริบทท่ถี ูกต้อง

การนับและการเทยี บศกั ราชของโลกตะวนั ตก ครสิ ต์ศักราช เรม่ิ นบั ในปีท่พี ระเยซูถือกาเนดิ เป็นปีที่ ๑ หรือ A.D ๑ หรือ ค.ศ.๑ Christian Era และ Anno Domini (ปีแหง่ พระเจา้ ) สาหรับปีกอ่ นทพี่ ระเยซถู อื กาเนิด Befor Chrit ตวั ย่อ B.C ไดโอนิซิอสุ เอซิกอุ ุส บาทหลวงชาวโรมนั เปน็ ผูเ้ รม่ิ วิธีการนบั ค.ศ. คนแรก มีชวี ิตในครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๖ โดยนบั วา่ พระเยซูถอื กาเนดิ ในวันท่ี ๒๕ ธันวาคม ปี ๗๕๓ หลงั การสถาปนากรงุ โรม แตเ่ พราะธรรมเนียม การเริม่ ต้นปใี หมใ่ นวนั ท่ี ๑ มกราคม จงึ ถอื เอาวนั ท่ี ๑ มกราคม ๗๕๔ หลังสถาปนากรุงโรงเป็นการเรมิ่ ต้นปที ่ี ๑ ชองครสิ ตศ์ ักราช

เม่อื ยุคจกั รวรรดนิ ิยมสิ้นสุดลง นักวชิ การจงึ เสนอใหใ้ ช้ศกั ราชแบบใหมท่ ี่ไมม่ ีความสมั พนั ธ์กบั ศาสนา เพือ่ ใหผ้ นู้ ับถือศาสนาแตกต่าง อารยธรรมแตกตา่ งกนั สามารถใชร้ ว่ มกันไดเ้ ปน็ สากล ศักราชแบบใหม่ Common Era (C.E) นเี้ รียกวา่ หรอื ศกั ราชรว่ มหรอื สากลศักราช สาหรับการเทยี บครสิ ตศ์ กั ราชเป็นพุทธศักราช (พ.ศ.) ให้บวกดว้ ย ๕๔๓

ปฏทิ ินของโลกตะวันออก ปฏิทินเกรกอเรยี น (Gregorian Calendar) • เริม่ ใช้ครัง้ แรกโดยการประกาศของสันตปาปาเกรกอรี ที่ ๑๓ เมอ่ื เดือนกมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. ๑๕๘๒ • ปฏทิ นิ เกรกอเรยี น ถกู คดิ ขึ้นมาใชแ้ ทนปฏิทนิ จูเลยี น ซึ่งต้ังตามนามของจูเลยี ส ซีซา่ ร์

การนับและเทยี บศักราชของโลกตะวนั ออก ตะวนั ออก (Orient) ทวีปเอเชยี เปน็ คาท่ชี าวยโุ รปใช้เรยี กประเทศ หรอื ดินแดนต่างๆ ท่ีอยู่ทางทศิ ตะวนั ออกของตน โลกตะวันออกเป็นดนิ แดนท่ีผู้คนอาศัย มาเป็นเวลานาน และไดส้ รา้ งอารยธรรม เฉพาะของตนท่สี าคัญของโลก โดยเฉพาะ จีนและอนิ เดยี ท่ีมาภาพ : http://play.kapook.com/photo/show-111165

การนบั และการเทียบศักราชของโลกตะวันออก การนบั ศกั ราชแบบจนี • จนี มีระบบปฏิทนิ ย้อนหลงั เกอื บ ๔,๐๐๐ ปีมาแลว้ เป็นระบบจันทรคติ หรอื ยดึ พระจันทร์เป็นหลกั • การนับช่วงสมยั ของจนี ยึดตามปีที่ครองราชย์สมบัติของจักรพรรดิ • ปจั จุบนั การนับชว่ งเวลาดงั กล่าวจนี เลกิ ใช้แล้ว การนับศกั ราชแบบอินเดีย • เปน็ การนับโดยอาศัยการขนึ้ ครองราชยส์ มบัตเิ ปน็ สาคัญ • ในสมยั พระเจ้ากนษิ กะ ถอื เป็นการเรม่ิ ตน้ ศักราช กนิษกะ หรือศก ต่อมาเรียกว่า มหาศกั ราช ซ่ึงเปน็ ทย่ี อมรบั และ ใชก้ นั อย่างแพรห่ ลาย • ปัจจบุ นั อินเดียใชค้ ริสตศ์ ักราชตามแบบสากล การนบั ศักราชแบบศาสนาอิสลาม • เรียกวา่ ฮจิ เราะหศ์ กั ราช • เรมิ่ นับเมือ่ ทา่ นนบีมฮุ ัมหมัดกระทาฮิจเราะห์จากเมืองเมกกะไปเมืองเมดนิ ะ • ใชร้ ะบบจนั ทรคตเิ ปน็ เกณฑ์

การแบ่งยคุ สมัยทางประวตั ิศาสตร์ตะวันตก สมยั กอ่ นประวัตศิ าสตร์ ยุคหินเก่า ยุคหินใหม่ ยคุ โลหะ

ยุคหนิ เกา่ ชื่อยุคมาจากการค้นพบเครอ่ื งมอื ทม่ี นุษยย์ คุ นน้ั ใช้ มักทาด้วยหินธรรมชาติ มนษุ ยย์ ุคหินเกา่ เป็นพวกเร่รอ่ น อยรู่ วมกันเป็นกลมุ่ พัฒนาการทส่ี าคญั คอื การใชส้ ตปิ ญั ญา มกี ารสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะ โดยการวาดภาพบนฝาผนัง รู้จกั ใช้ไฟ จติ รกรรมฝาผนงั ทถ่ี ้าลาสโกซ์ ประเทศฝรง่ั เศษ รปู วัว กวาง ม้า

ยุคหินใหม่ ชอื่ ของยคุ ไดม้ าจากการคน้ พบเคร่ืองมือที่มกี ารทาให้มคี วาม เหมาะสมในการดารงชีวติ มากขน้ึ มนษุ ย์เข้าสูส่ ังคมเกษตรกรรม ต้ังถิ่นฐานอาศัยอยู่เป็นชุมชนจนเป็นเมือง และมีการจัดระเบียบ การปกครอง เมืองชาทัลฮูยุค ในประเทศตรุ กี แหล่งชมุ ชนยคุ หนิ ใหม่ขนาดใหญ่

ยคุ โลหะ มนุษยร์ จู้ ักนาโลหะมาทาเครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้ มนษุ ยเ์ ขา้ สูค่ วามเจริญขัน้ อารยธรรม มีชุมชนใหญร่ ะดบั เมือง มีการจดั ระเบียบการปกครอง ภาพวาดมนุษย์ในยคุ โลหะ ทร่ี ้จู ักนาสารดิ มาหลอมใชท้ าเครือ่ งมือ

สมยั ประวตั ิศาสตร์ ประวตั ิศาสตรส์ มัยโบราณ ประวัติศาสตร์สมยั กลาง ประวตั ิศาสตรส์ มัยใหม่ ประวัตศิ าสตรส์ มยั ปัจจุบนั

ประวตั ิศาสตรส์ มัยโบราณ เรม่ิ จากการประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรของชาวซูเมเรีย ถงึ การล่มสลายของจักรวรรดโิ รมนั ตะวนั ตก เปน็ การสรา้ งสมอารยธรรมทีย่ ่ิงใหญข่ องโลกตะวนั ตก อารยธรรม อารยธรรม อารยธรรม อารยธรรม อารยธรรม เมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรกี โรมัน

ประวัติศาสตร์สมัยกลาง นบั จากการสนิ้ สดุ ของจักรวรรดโิ รมนั ตะวันตก ถึงการค้นพบทวีปอเมริกาของครสิ โตเฟอร์ โคลัมบัส ประวตั ิศาสตรส์ มัยกลางตอนต้นมชี ือ่ เรียกอีกอยา่ งหน่งึ ว่า ยุคมดื ยคุ มดื อารยธรรมกรีก-โรมัน เส่อื มลง ชว่ งเวลาน้ียโุ รปตะวันตกไมม่ จี ักรวรรดิทยี่ ิ่งใหญ่ปกครองเปน็ เวลานาน ถกู พวกอนารยชนเยอรมนั หรอื กอท รวมทั้งพวกไวกง้ิ รกุ ราน ในช่วงเวลาเดยี วกัน พวกมุสลมิ และพวกแมกยาร์ จากเอเชียกลางเขา้ รุกรานยโุ รปตะวันตกเพื่อหาทงุ่ หญ้าเล้ยี ง สัตว์ โดยพวกมสุ ลิมต้ังถน่ิ ฐานในคาบสมทุ รไอบเี รยี ส่วนแมกยารต์ ้ังถิ่นฐานในดนิ แดนฮังการี

ประวัติศาสตรส์ มัยใหม่ ๑ เกิดก่อนโคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา นักเดินเรือของสเปนและโปรตุเกส ออกสารวจเส้นทางไปหมเู่ กาะอินเดียตะวันออก และกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่ง ทาให้ สมยั การสารวจทางทะเล หลายชาติตง้ั บรษิ ัทเดินเรอื เพ่ือทาการค้า ทาใหเ้ กิดการปฏิวัติการคา้ ตามมา เกดิ การแสวงหาความรูใ้ หมโ่ ดยการทดลอง การสงั เกต การใช้ ๒ เหตผุ ล ทาให้เกดิ สมยั แหง่ การใช้เหตุผล หรือยคุ แหง่ การรแู้ จง้ สมัยการปฏวิ ตั ิทางวทิ ยาศาสตร์ ๓ เป็นการนาเครอ่ื งจกั รมาใช้แทนแรงงานมนษุ ย์ ทาให้ผลติ ได้เปน็ จานวนมาก และเป็น มาตรฐานเดียวกันทาให้โลกตะวันตกมีความมั่งคั่ง มีอานาจนาไปสู่การเกดิ สมยั สมยั การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม จกั รวรรดินยิ ม

๔ เป็นยคุ ของการใช้เหตผุ ล ทาใหเ้ กิดความคดิ ทางการเมอื งใหม่ๆ จนนาไปสู่การปฏิวัติ ฝรง่ั เศส และเกดิ การปกครองแบบประชาธปิ ไตย ความคดิ เร่อื งชาตินิยมนาไปส่กู ารรวม สมัยเสรีนิยม ชาตนิ ยิ ม ประเทศ และประชาธปิ ไตย เปน็ ผลสบื เน่ืองจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ยุโรปและอเมริกาต่างแสวงหา ๕ อาณานิคม โดยแข่งขันกนั เพ่ือความยิ่งใหญข่ องชาติ สมยั จักรวรรดนิ ยิ มใหม่ ๖ เป็นช่วงเวลาที่โลกอยู่ในภาวะสงครามครั้งใหญ่ รุนแรง และนองเลือดท่ีสุด การสิน้ สุดสงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ ถอื เปน็ การสนิ้ สุดประวัตศิ าสตร์ตะวนั ตกสมยั ใหม่ สมัยสงครามโลก

ประวัตศิ าสตรส์ มัยปัจจบุ ัน ๑. สมยั สงครามเยน็ เปน็ การแข่งขันทางการเมืองของค่ายประชาธิปไตยท่ีมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นากับค่ายคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียต เป็นผนู้ า ในขณะท่อี งค์การสหประชาชาตไิ ดพ้ ยายามไกลเ่ กล่ยี ใหเ้ กดิ สนั ตภิ าพ ๒. สมยั โลกาภิวัตน์ โลกดูเหมือนจะแคบลงเพราะความเจริญทางด้านสื่อสารคมนาคม เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในทุกส่วนของโลก สามารถรบั รู้กันได้อย่างรวดเรว็ การตดิ ต่อสือ่ สารผ่านอนิ เทอรเ์ นต็ ในโลกสมัยโลกาภิวตั น์ ช่วยให้มนษุ ย์รับรูข้ า่ วสารท่วั โลกภายในเวลาอนั รวดเร็ว

การแบ่งยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ตะวนั ออก จีน การแบง่ ยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตรจ์ นี ตามแบบสากล ๑ สมัยกอ่ นประวัติศาสตร์ ยุคหินเก่า จนี เปน็ ดินแดนท่มี มี นษุ ย์อาศัยอยนู่ านทสี่ ุดในทวีปเอเชยี ในยคุ นีม้ นุษยใ์ ช้ชวี ติ แบบเร่ร่อน ยุคหินกลาง เกบ็ ของปา่ และล่าสตั ว์ ใชข้ วานกาปัน้ แบบกระเทาะหน้าเดยี ว มนุษยอ์ าจใชช้ วี ิตก่งึ เรร่ ่อนก่ึงตั้งหลกั แหลง่ ถาวร เพราะพบเคร่อื งถ้วยชาม หม้อ สาหรับทาอาหาร ในถ้า มกี ารล่าสัตว์ เกบ็ หาอาหาร เคร่ืองมือหนิ ทีใ่ ช้ คอื หนิ สับ ขูด หัวธนู ยุคหนิ ใหม่ มนุษยเ์ ริ่มตงั้ หลกั แหล่งเปน็ ชมุ ชน รจู้ กั เพาะปลูกขา้ วฟา่ ง เล้ียงสัตว์ ร้จู ักทอผ้า รูจ้ กั ปลกู บา้ นที่มี ยุคโลหะ หลงั คา ผนงั และมีเตาไฟในบ้าน หลกั ฐานที่เก่าทีส่ ดุ คือ มดี ทองแดง พบท่ีมณฑลกานซู ในบรเิ วณเดยี วกันยังได้พบสารดิ ที่เกา่ ทีส่ ุด สว่ นเหล็กจะรูจ้ ักใช้หลงั จากน้ี สาหรับสาริดไดถ้ กู นามาใช้ทาภาชนะตา่ งๆ

๒ สมยั ประวัตศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์สมยั โบราณ เป็นชว่ งเวลาของการสรา้ งอารยธรรมจนี ในบรเิ วณล่มุ แมน่ า้ หวางเหอ และความเจริญรุ่งเรอื งทางดา้ นปรชั ญา ของจีน เชน่ ลทั ธิขงจอ๊ื (Confucianism) ลัทธิเต๋า (Taoism) เป็นต้น หรือสมยั คลาสสิก ประวตั ิศาสตร์สมัย เปน็ ช่วงทจ่ี นี รวมกนั เปน็ จกั รวรรดิ มีจกั รพรรดปิ กครององคแ์ รก คอื ฉินสอื่ หวงต้ี (จนิ๋ ซีฮอ่ งเต)้ เร่อื ยมาจนสิ้นสดุ ใน จักรวรรดิ สมยั ราชวงศ์ชิงมีจักรพรรดิองคส์ ดุ ท้าย คอื ผูอ่ ี๋ (Puyi) ในสมัยจักรวรรดินไ้ี ด้มีราชวงศ์ตา่ งๆ ท้งั ของชาวจนี และ ชนตา่ งชาตผิ ลัดเปลีย่ นกันขึ้นมาปกครองจีน ประวตั ศิ าสตรส์ มยั ใหม่ เมือ่ อานาจจนี ตกตา่ ลง เพราะปัญหาภายในและการคกุ คามจากชาตติ ะวันตก ทาห้จีนพา่ ยแพ้ ต่อองั กฤษในสงคราม ฝน่ิ จนนาไปสู่การปฏวิ ัตโิ คน่ ล้มราชวงศ์ชิงใน ค.ศ. ๑๙๑๑ และเริม่ การปกครองระบอบสาธารณรัฐใน ค.ศ. ๑๙๑๒ แตเ่ นือ่ งจากจนี ยังคงอ่อนแอจึงทาให้พรรคคอมมิวนิสตจ์ ีนข้นึ มามอี านาจทางการเมอื ง และเปล่ยี นแปลงการ ปกครองเปน็ ระบอบคอมมิวนิสต์ ประวัติศาสตรร์ ่วมสมยั เรมิ่ ต้ังแต่จีนเปลยี่ นแปลงการปกครองเปน็ ระบอบคอมมิวนิสต์ใน ค.ศ. ๑๙๔๙ เป็นต้นมาจนถึงปัจจบุ ัน

การแบง่ ยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตรจ์ นี ตามแบบลทั ธมิ ากซ์ ๑ สมยั โบราณ ตง้ั แต่มนุษยห์ ยวนโหม่วถึงศตวรรษที่ ๑๗ ก่อนครสิ ตศ์ กั ราช มนุษย์ดารงชวี ติ อย่ตู ามธรรมชาติ เปน็ สงั คมยุคแรกเรมิ่ ๒ สงั คมทาส ต้ังแต่ราชวงศ์ชางถึงราชวงศโ์ จว เป็นสมัยที่มที าสในสังคมจีน ๓ สังคมศักดนิ า ตั้งแตร่ าชวงศ์ฉนิ จนถงึ ปลายราชวงศช์ ิง จนี มีการปกครองระบอบจกั รพรรดิ มชี นชน้ั ในสงั คม แบบศักดินา

อินเดีย การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์จนี ตามแบบสากล ๑ สมัยกอ่ นประวตั ิศาสตร์ ยคุ หินเก่า พบเคร่อื งมอื หนิ เชน่ ขวานกาปน้ั หินสับตัด ในหลายบริเวณ เชน่ ทมิฬนาดู(Tamilnadu) ทางใต้ ของอินเดยี ผู้คนในยคุ หินเกา่ ดารงชีพด้วยการเก็บหาของปา่ ลา่ สตั ว์ อาศัยอยู่ในถา้ ยคุ หินกลาง มนุษยใ์ นยคุ นี้ใชเ้ ครอ่ื งมือหินท่เี ลก็ ลง มนี ้าหนักเบาและคมกว่า เครื่องมอื หินพบในหลายบริเวณ เช่น ในแคว้นมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) ผ้คู นในยุคนี้ยงั ดารงชพี ดว้ ยการเก็บของปา่ ล่าสัตว์ รจู้ กั เขียนภาพบนผนังถา้ และอาจร้จู กั การเพาะปลูก ยคุ หนิ ใหม่ เครอื่ งมอื หินยคุ นี้มขี นาดเล็กลง และขดั จนเปน็ ใบมีดขนาดเล็ก มนุษย์ยุคนีท้ าเครือ่ งป้นั ดินเผา รจู้ กั ปลกู ข้าว อยรู่ วมกนั เปน็ ชมุ ชน สร้างบ้านดว้ ยดนิ เหนียว ยคุ โลหะ รู้จกั ใชท้ องแดงและสารดิ กอ่ นและรูจ้ กั ใชเ้ หล็กทีหลงั เม่อื ราว ๓,๒๐๐ ปีลว่ งมาแล้ว เป็นยุคแหง่ ความ รงุ่ เรืองของอนิ เดยี โบราณ ท่ีเรียกว่าอารยธรรมลุ่มแมน่ าํ้ สินธุ

๒ สมยั ประวตั ศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์สมยั โบราณ เร่ิมเม่อื มกี ารประดิษฐ์ตวั อกั ษร ประมาณศตวรรษที่ ๘ หรอื ศตวรรษที่ ๗ ก่อนคริสตศ์ กั ราช ตัวอกั ษรอินเดียโบราณ เรยี กวา่ พราห์มิ ลปิ ิ (Brahmi Lipi) ประวตั ิศาสตรส์ มัยจกั รวรรดิ อนิ เดยี เกิดความแตกแยกภายใน และในต้นคริสตศ์ ตวรรษที่ ๘ ได้ถกู มสุ ลมิ รุกรานจากทาง เหนือ และเข้ายดึ ครองสบื ต่อหลายจกั รวรรดิแตไ่ ม่ค่อยมคี วามยง่ิ ใหญแ่ ละอยู่ไดไ้ มน่ านนกั ประวตั ิศาสตรส์ มัยใหม่ เร่มิ เมื่อราชวงศ์โมกุลหรือมุคัลข้นึ มามอี านาจในตน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๖ จนถงึ การทอ่ี ังกฤษ ใหเ้ อกราชแกอ่ ินเดยี ประวตั ิศาสตรร์ ว่ มสมัย อนิ เดียไดถ้ กู แบง่ แยกออกเป็น ๒ ประเทศ คอื อนิ เดีย และปากีสถาน พน้ื ท่ปี ระเทศปากสี ถาน ดา้ นตะวันออกกไ็ ด้แยกตวั เปน็ เอกราชอกี ประเทศหน่งึ คอื บงั กลาเทศ

ตัวอย่างเวลาและยุคสมัยท่ปี รากฏอย่ใู นหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล ตัวอยา่ งเวลาและยุคสมัยของโลกตะวนั ตก พระเจ้าฮมั มรู าบี (Hammurabi, ๑,๗๗๒ - ๑,๗๔๕ ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช) แหง่ จกั รวรรดบิ าบโิ ลเนยี (Babylonia) ไดจ้ ัดทาประมวลกฎหมายขึน้ มดี ว้ ยกันประมาณ ๓๐๐ มาตรา อนั เปน็ การรวบรวมและปรับปรุงกฎหมายของชนเผ่าตา่ งๆ ทต่ี ัง้ ถ่นิ ฐานมากอ่ นหนา้ ในเขตเมโสโปเตเมยี ข้อความบางตอนทป่ี รากฏในประมวลกฎหมาย ประมวลกฎหมายน้ีจัดทาขน้ึ ในสมยั ของอารยธรรมโบราณ และในชว่ ง เวลากอ่ นคริสตศ์ ักราชเปน็ เวลานาน ทาให้เราทราบว่าในอดตี ทห่ี า่ งไกล นน้ั ไดม้ ีความพยายามที่จะจัดระเบยี บสงั คมที่แบ่งเปน็ ชนชั้น และมกี าร คานึงถงึ สิทธขิ องสตรีและบตุ รดว้ ย จากเนอ้ื ความของกฎหมายได้สะท้อน ภาพชวี ิตบางส่วนของผคู้ นในยคุ นน้ั

ตวั อย่างเวลาและยคุ สมยั ของโลกตะวนั ออก จีน • เป็นชาติทม่ี กี ารจดบันทึกหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ไว้มาก • ตง้ั แต่สมยั โบราณมาแลว้ ท่รี าชวงศท์ ข่ี ึน้ มามอี านาจใหม่ • จะมกี ารชาระประวัติศาสตรร์ าชวงศท์ ่ีเพิ่งสิ้นสุดอานาจลง • ปัจจุบันประวตั ศิ าสตรท์ กุ ราชวงศร์ วม ๒๕ ราชวงศ์ • ราชวงศช์ ิงซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายกไ็ ดม้ กี ารชาระและพิมพเ์ ผยแพร่แล้ว ตัวอย่างการจดบนั ทึกการใชเ้ วลาและยคุ สมัยของประวัติศาสตร์จีนจากจดหมายเหตรุ าชวงศช์ งิ เกย่ี วกบั ไทย “วันซินโฉว่ เดือนเก้า ปีทส่ี ่สี ิบห้า รชั ศกเฉยี นหลง มีพระราชโองการ...ความว่า... เนอ่ื งดว้ ย เจิ้งเจา เจา้ เมืองเซยี นหลัว ได้เตรียมเคร่ืองราชบรรณาการเอกจานวนหนึ่งพร้อมหนงั สือแจง้ โดยขอให้ช่วยกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ...” (ท่มี า : ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๓ กาลังพิมพ์)

อนิ เดยี • เป็นนชาตทิ ่ไี มน่ ยิ มบนั ทกึ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ • การบนั ทึกหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรข์ องอนิ เดยี มีลักษณะสาคัญคล้ายจนี คือ นยิ มนับปคี รองราชย์วา่ เป็น ปีที่เทา่ ใด ตวั อย่างท่จี ะกล่าวถึงดงั ต่อไปนเ้ี ปน็ จารกึ อโศก ฉบับที่ ๗ หรอื จารกึ ของพระเจา้ อโศกมหาราช (ครองราชยร์ าว ๒๗๓ - ๒๓๒ ปีก่อนคริสตศ์ ักราช) “ขา้ ฯ ได้เกดิ มีความคดิ ข้นึ ว่า ข้าฯ จักจัดให้มกี ารประกาศธรรม ขา้ ฯ จกั จัดใหก้ ารอบรม ส่งั สอนธรรมประชาชนทั้งหลาย ครนั้ ไดส้ ดับธรรมน้ีแลว้ กจ็ ักพากนั ประพฤตปิ ฏิบัติตาม จกั ยกระดับตนเองสงู ข้นึ และจกั มีความเจรญิ ก้าวหน้ามากขึน้ ดว้ ยความเจรญิ ทางธรรมอยา่ งมน่ั คง... ...ธรรมโองการน้ี ขา้ ฯ ไดใ้ หจ้ ารกึ ไวเ้ ม่อื อภิเษกแลว้ ได้ ๒๗ พรรษา” (ท่ีมา : จารกึ อโศก พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยตุ ฺโต) แปล. ๒๕๔๒. หน้า ๗๖ และ ๘๒)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook