การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา โดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั รองศาสตราจารย ์ ดร.เกจ็ กนก เออื้ วงศ ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
ขอบเขตเนือ้ หา ความหมายของการวจิ ยั /การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั สรปุ ประเด็นปัญหาในการบรหิ ารงานของโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา กระบวนการวจิ ยั การใชป้ ระโยชนจ์ ากการวจิ ยั เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
ความหมายของการวจิ ยั พระธรรมปิ ฎก (ป.อ.ปยตุ โต) ใหค้ วามหมายของการวจิ ยั วา่ คอื การเปลยี่ นปัญหาใหเ้ ป็ นปัญญา เป็ นกระบวนการทางปัญญา Kerlinger and Lee (2000) ใหค้ วามหมาย การวจิ ยั วา่ หมายถงึ การศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมวี จิ ารณญาณเกยี่ วกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปร ของเหตกุ ารณ์ ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ โดยใชว้ ธิ กี ารเชงิ ระบบ มกี าร ควบคมุ และเป็ นขอ้ มูลเชงิ ประจกั ษ ์
ความหมายของการวจิ ยั พชิ ติ ฤทธจิ ์ รญู ความหมายของการวจิ ยั (1) การวจิ ยั เป็ นกระบวนการหรอื การใชว้ ธิ กี ารทเี่ ป็ นระบบ มแี บบแผนทเี่ ชอื่ ถอื ดด ้ (2) ใชก้ ระบวนการหรอื วธิ กี ารทเี่ ชอื่ ถอื ดดด้ ปคน้ หาความรู ้ ความจรงิ คาตอบ หรอื องคค์ วามรใู ้ หม่ (3) ผลการวจิ ยั ทดี่ ด ้ คอื ความรู ้ ความจรงิ คาตอบ หรอื องคค์ วามรใู ้ หม่น้ันจงึ จะ เชอื่ ถอื ดด ้ เป็ นกระบวนการสบื คน้ หาความรู ้ ความจรงิ คาตอบหรอื องคค์ วามรใู ้ หม่ดว้ ย วธิ กี ารทเี่ ป็ นระบบ แบบแผนทเี่ ชอื่ ถอื ดดเ้ พอื่ ใหด้ ดข้ อ้ คน้ พบ ความรู ้ ความจรงิ คาตอบ หรอื องคค์ วามรใู ้ หม่ทเี่ ชอื่ ถอื ดด ้
คณุ ภาพการศกึ ษา (educational quality) คอื ขอ้ กาหนดทเี่ ป็ นมาตรฐานเกยี่ วกบั การจดั การศกึ ษาและ การจดั การเรยี นการสอนทตี่ อ้ งการใหเ้ กดิ ขนึ้ เชน่ คณุ ภาพ ของผูเ้ รยี น คณุ ภาพดา้ นการจดั การเรยี นการสอน คณุ ภาพ การบรหิ ารการศกึ ษา
การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา เป็ นกระบวนการเปลยี่ นแปลง หรอื ปรบั ปรงุ พฒั นาการจดั การศกึ ษาเพอื่ ใหด้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามที่ คาดหวงั ซงึ่ เป็ นมาตรฐานทกี่ าหนดดว ้
การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา ใชใ้ นความหมาย 4 ลกั ษณะ 1) ยกระดบั มาตรฐาน (raise standards) 2) เพมิ่ คณุ ภาพ (enhance quality) 3) เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพ (increase efficiency) 4) บรรลเุ ป้ าหมายในการพฒั นานักเรยี นทงั้ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สงั คม และวฒั นธรรม
แนวคาถามในการตรวจสอบ 4 ขอ้ 1.โรงเรยี นขณะนีเ้ ป็ นอยา่ งดร 2.เราตอ้ งการเปลยี่ นแปลงอะดร 3.เราจะบรหิ ารการเปลยี่ นแปลงดดอ้ ยา่ งดร 4.เราจะทราบดดอ้ ยา่ งดรวา่ การบรหิ ารการ เปลยี่ นแปลงนั้นจะประสบความสาเรจ็
สรุปประเดน็ ปัญหาในการบรหิ ารงานของโรงเรยี นพระ ปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา (พระภทั รพงศ ์ ธมมฺ ทโี ป (วงคศ์ รลี า), 2562 และ บรรลพุ ร สรุ ะมณ, 2555) คณุ ภาพผูเ้ รยี น - คณุ ภาพผูเ้ รยี นโดยภาพรวมยงั เป็ นปัญหา ทง้ั ดา้ นผลสมั ฤทธิ ์ และคณุ ลกั ษณะ - การสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นรกั การอา่ นและใฝ่ รยู ้ งั ดม่ตอ่ เนื่อง - การดแู ลคณุ ภาพชวี ติ แกผ่ ูเ้ รยี นขณะเรยี น ยงั ขาดมาตรฐานทเี่ ป็ นบรรทดั ฐาน เดยี วกนั - อตั ราสว่ นของผูเ้ รยี นทจี่ บนักธรรมมนี อ้ ย ซงึ่ ดม่สอดคลอ้ งกบั ปรชั ญาของโรงเรยี นที่ เนน้ การสรา้ งศาสนทายาท - อตั ราการเรยี นตอ่ ดา้ นสามญั ของผูเ้ รยี น การลาออกระหวา่ งภาคมสี งู และขาด มาตรการในการสง่ เสรมิ จงู ใจและสรา้ งทศั นคตใิ หม่แกผ่ ูเ้ รยี นในการครองตนเป็ นเพศ บรรพชติ เพอื่ การเป็ นศาสนทายาททดี่ ี
วชิ าการ - หลกั สตู รการเรยี นการสอนขาดความเป็ นอตั ลกั ษณข์ องปรยิ ตั สิ ามญั องิ กบั การศกึ ษาทางโลกมากเกนิ ดป ทาใหเ้ ป็ นภาระแกผ่ ูเ้ รยี นในการพฒั นาตนเองทสี่ มบรู ณ์ ทงั้ ทางโลกและทางธรรม - การผลติ จดั หาและใชส้ อื่ การเรยี นการสอนและ แหลง่ เรยี นรอู ้ ยา่ งหลากหลายยงั ดม่ เพยี งพอ - การนิเทศงานวชิ าการและการเรยี นการสอนยงั ขาดความหลากหลายและเหมาะสม กบั สภาพปัญหาปัจจบุ นั และความตอ้ งการของโรงเรยี น - ยงั ขาดการผลติ พฒั นาสอื่ นวตั กรรมการเรยี นการสอนรวมทง้ั ประเมนิ คณุ ภาพสอื่ นวตั กรรม - ผลงานทางวชิ าการ งานวจิ ยั เพอื่ การพฒั นาระบบการศกึ ษายงั มนี อ้ ยทาใหข้ าด หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษใ์ นการพฒั นาโรงเรยี น
การบรหิ ารจดั การ - ระบบการบรหิ ารจดั การยงั ดมเ่ ขม้ แข็ง - ขาดระบบการประชาสมั พนั ธภ์ าพลกั ษณข์ องโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนก สามญั ศกึ ษา (โรงเรยี นถกู มองวา่ เป็ นการจดั การศกึ ษาแกเ่ ด็กทขี่ าดโอกาส ดม่ใช่ เป็ นการสรา้ งคณุ ภาพของศาสนทายาททผี่ ลติ ขนึ้ มา) - ขาดยทุ ธศาสตร ์และแนวทางในการพฒั นาระบบการจดั การศกึ ษาทง้ั ในระยะสน้ั ระยะ กลาง และระยะยาว - ผลการประเมนิ คณุ ภาพของการจดั การศกึ ษาในระบบการประกนั คณุ ภาพทยี่ งั ดม่ดดต้ ามเกณฑท์ กี่ าหนดดว ้ และยงั ดม่มมี าตรการเชงิ รกุ - ระเบยี บปฏบิ ตั ิ กฏหมาย หลายประการทยี่ งั ดม่เออื้ ตอ่ การพฒั นาระบบการศกึ ษา พระ ปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา - ระบบฐานขอ้ มูลเทคโนโลยสี ารสนเทศดม่มปี ระสทิ ธภิ าพ
บคุ ลากร - บคุ ลากรยงั ขาดความชานาญเชยี่ วชาญในการสอน - การพฒั นาบคุ ลากรยงั ดม่ตอ่ เนื่อง ขวญั กาลงั ใจในการปฏบิ ตั งิ าน และความม่นั คง ในวชิ าชพี ยงั มนี อ้ ย - ดม่มรี ะบบการนิเทศตดิ ตามผลการดาเนินงานของโรงเรยี น - ระบบการบรหิ ารจดั การบุคลากร ตงั้ แตก่ ระบวนการสรรหา วา่ จา้ ง แตง่ ตงั้ การ พจิ ารณา ความดคี วามชอบ การเลอื่ นขนั้ เลอื่ นตาแหน่ง ยงั ดม่ดดม้ าตรฐานการ บรหิ ารบุคคล - ยงั ขาดการสง่ เสรมิ และพฒั นาใหค้ รดู ดร้ บั ความรเู ้ รอื่ งจติ วทิ ยาการแนะแนวและดแู ล ชว่ ยเหลอื นักเรยี น
งบประมาณ - ทมี่ าของรายดดย้ งั มาจากการอดุ หนุน โรงเรยี นขาดมาตรการทชี่ ดั เจนในการ พฒั นาโรงเรยี นใหม้ คี วามเขม้ แข็ง และพงึ่ ตนเองดด ้ การสรา้ งความรว่ มมอื - การดาเนินการแนะแนวและพฒั นาศกั ยภาพผูเ้ รยี น โดยความรว่ มมอื ของครทู ุก คนในสถานศกึ ษา ประสานความรว่ มมอื กบั ฝ่ ายปกครอง ครทู ปี่ รกึ ษา และครทู กุ คน - การสง่ เสรมิ การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสถานศกึ ษากบั ชมุ ชนตลอดจน ประสานงานกบั องคก์ รทง้ั ภาครฐั และเอกชนเพอื่ ใหส้ ถานศกึ ษาเป็ นแหลง่ วทิ ยาการ ของชมุ ชนและมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาชมุ ชน
การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยใช้ กระบวนการวจิ ยั เนปว็ นตั กการรรศมกึ กษาารศคกนึ้ ษหาาคเพวาอื่ มนราู ้ คดปวสามกู่ จารรเงิ ปแลนยี่ วนคแดิ ปลวธงิ กี ปารรบั ปแลรงุะ พฒั นาการจดั การศกึ ษาใหม้ คี ณุ ภาพการศกึ ษาตามเป้ าหมาย ของการจดั การศกึ ษาหรอื มาตรฐานการศกึ ษาทกี่ าหนดดว ้
สรุปการดาเนินการวจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยใช้ กระบวนการวจิ ยั • มคี าถามทตี่ อ้ งการคาตอบเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา • มกี ระบวนการหาคาตอบทเี่ ป็ นระบบ เชอื่ ถอื ดด ้ • มกี ารประมวลผล วเิ คราะหส์ รปุ เพอื่ ใหด้ ดค้ าตอบ • คาตอบทดี่ ดม้ ุ่งสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของงานวจิ ยั • การใชผ้ ลการวจิ ยั เพอื่ จดั ทาขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย/นโยบาย • การใชผ้ ลการวจิ ยั เพอื่ แกป้ ัญหาการปฏบิ ตั งิ าน • การใชผ้ ลการวจิ ยั เพอื่ ปรบั ปรงุ และพฒั นางาน • การใชผ้ ลการวจิ ยั เพอื่ ใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ • การใชผ้ ลการวจิ ยั เพอื่ สรา้ งองคค์ วามรู ้
พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาตกิ บั การวจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา มาตรา 24 (5) ระบวุ า่ “การจดั กระบวนการเรยี นรใู ้ หส้ ถานศกึ ษาและหน่วยงาน ทเี่ กยี่ วขอ้ งสง่ เสรมิ สนับสนุนใหผ้ ูส้ อนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม สอื่ การเรยี น และอานวยความสะดวกเพอื่ ใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรแู ้ ละมคี วาม รอบรู ้ รวมทงั้ สามารถใชก้ ารวจิ ยั เป็ นสว่ นหนึง่ ของกระบวนการเรยี นรู ้ ทงั้ นี ้ ผูส้ อนและผูเ้ รยี นอาจเรยี นรดู ้ ปพรอ้ มกนั จากสอื่ การเรยี นการสอน และแหลง่ วทิ ยาการตา่ งๆ ” ในมาตรา 30 ระบวุ า่ “ใหส้ ถานศกึ ษาพฒั นากระบวนการเรยี นการสอนทมี่ ี ประสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ การสง่ เสรมิ ใหผ้ ูส้ อนสามารถวจิ ยั เพอื่ พฒั นาการเรยี นรทู ้ ี่ เหมาะสมกบั ผูเ้ รยี นในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา”
สถานศกึ ษาดาเนินการใชก้ ระบวนการวจิ ยั เพอื่ พฒั นา คณุ ภาพการศกึ ษาได้ 3 ระดบั ระดบั ระดบั ผเู้ รียน ผสู้ อน ระดบั ผบู้ ริหาร
ประเภทของการวจิ ยั เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา 1. ประเภทการวจิ ยั ตามเกณฑร์ ะเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั 1.1 การวจิ ยั เชงิ ประวตั ศิ าสตร ์ 1.2 การวจิ ยั เชงิ พรรณนา 1.3 การวจิ ยั เชงิ ทดลอง 2. ประเภทการวจิ ยั ตามเกณฑป์ ระโยชนท์ ไี่ ดร้ บั 2.1 การวจิ ยั บรสิ ุทธ(ิ์ Pure Research) หรอื พนื้ ฐาน (Basic Research) 2.2 การวจิ ยั ประยุกต(์ Applied Research) :การวจิ ยั และพฒั นา (Research and Development) 2.3 การวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ าร (Action Research)/ การวจิ ยั ในชน้ั เรยี น (Research for Classroom) การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารอย่างมสี ่วนรว่ ม (Participatory Action Research)
ประเภทของการวจิ ยั เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา 3. ประเภทการวจิ ยั ตามเกณฑก์ ารใชข้ อ้ มูล 3.1 การวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Research) : การวจิ ยั เชงิ สารวจ/การวจิ ยั เชงิ สหสมั พนั ธ/์ 3.2 การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research) : ปรากฏการณ์ นิยม/กรณีศกึ ษา 3.3 การวจิ ยั แบบผสมวธิ ี (Quantitative & Qualitative Research) 4. ประเภทการวจิ ยั ตามเกณฑเ์ วลา 4.1 การวจิ ยั เชงิ ประวตั ศิ าสตร(์ Historical Research) 4.2 การวจิ ยั เชงิ อนาคต (Futuristic Research)
ประเภทของการวจิ ยั เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา 5. ประเภทการวจิ ยั ตามเกณฑก์ ารควบคุมตวั แปร 5.1 การวจิ ยั เชงิ ทดลอง (Experimental Research) 5.2 การวจิ ยั เชงิ กงึ่ ทดลอง (Quasi Experimental Research) 5.3 การวจิ ยั เชงิ ธรรมชาต(ิ Naturalistic Research)
การวจิ ยั เชงิ ทดลอง • การทดลองเป็ นวธิ กี ารแสวงหาความรคู ้ วามจรงิ ดว้ ยวธิ วี ทิ ยาศาสตร ์ อย่างหนึ่ง ซงึ่ เป็ นกระบวนการสรา้ งสถานการณข์ นึ้ มาแลว้ จดั กระทา หรอื ใหก้ ารทดลองอยา่ งมรี ะเบยี บ แบบแผนและเป็ นระบบภายใตก้ าร ควบคมุ สภาพการณ์ ตวั แปรหรอื อทิ ธพิ ลตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งเพอื่ สงั เกต หรอื วดั ผลของการจดั กระทาอยา่ งเป็ นปรนัย ปราศจากความลาเอยี ง และสามารถจดั กระทาซา้ และทดสอบผลดดอ้ กี
การวจิ ยั เรอื่ ง ผลการใชแ้ บบฝึ กการอา่ นทมี่ ตี อ่ ผลสมั ฤทธใิ ์ น การอา่ นภาษาดทยของนักเรยี น คาถามวจิ ยั : แบบฝึ กการอา่ นชว่ ยพฒั นาผลสมั ฤทธใิ ์ นการอา่ น ภาษาดทยหรอื ดม่ ตวั แปรอสิ ระ คอื การใชแ้ บบฝึ กการอา่ น ตวั แปรตาม คอื ผลสมั ฤทธใิ ์ นการอา่ นภาษาดทยของนักเรยี น
การวจิ ยั เรอื่ ง การเปรยี บเทยี บทกั ษะการจดั การเรยี นรขู ้ องครทู ี่ ดดร้ บั การนิเทศแบบทางดกลผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์น็ต กบั การ นิเทศแบบปกติ วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั เพอื่ เปรยี บเทยี บทกั ษะการจดั การเรยี นรู ้ ของครทู ดี่ ดร้ บั การนิเทศทางดกลผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์น็ตกบั การนิเทศ แบบปกติ ตวั แปรอสิ ระ คอื วธิ กี ารนิทศ แบง่ เป็ น 2 วธิ คี อื การนิเทศทางดกลผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์น็ต และการนิเทศแบบปกติ ตวั แปรตาม คอื ทกั ษะการจดั การเรยี นรขู ้ องครู
การวจิ ยั ทไี่ ม่ใชก้ ารทดลอง การวจิ ยั เชงิ สหสมั พนั ธ ์ เป็ นการศกึ ษาถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปร 2 ตวั ขนึ้ ดปวา่ ตวั แปร เหลา่ นั้นมคี วามสมั พนั ธก์ นั ในทศิ ทางใด (บวกหรอื ลบ) ระดบั ของ ความสมั พนั ธเ์ ป็ นอย่างดร (สงู หรอื ต่า) และมคี วามสมั พนั ธใ์ นลกั ษณะใด หวั ขอ้ วจิ ยั เรอื่ ง บทบาทของผูบ้ รหิ ารในการนิเทศการสอนสง่ ผลตอ่ ประสทิ ธผิ ลการสอน ของครโู รงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา
การวจิ ยั เชงิ สารวจ เป็ นการวจิ ยั ทมี่ ุ่งศกึ ษาลกั ษณะความเป็ นจรงิ ตามสภาพการณท์ เี่ ป็ นอยใู่ น ปัจจบุ นั ดมม่ กี ารจดั กระทากบั ตวั แปรอสิ ระเป็ นเพยี งศกึ ษาผลของตวั แปรที่ เกดิ ขนึ้ แลว้ เก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยอาศยั การสอบถาม และการสมั ภาษณเ์ ป็ นหลกั เพอื่ จะตอบคาถามในเชงิ วจิ ยั วา่ \"อะดร\" มากวา่ \"ทาดมจงึ เป็ นเชน่ นั้น\" หวั ขอ้ วจิ ยั เรอื่ ง การศกึ ษาสาเหตกุ ารออกกลางคนั ของนักเรยี นในโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา
การวจิ ยั อนาคต เป็ นการศกึ ษาคน้ ควา้ เพอื่ คาดการณห์ รอื ทานายแนวโนม้ หรอื เหตกุ ารณท์ มี่ คี วามเป็ นดปดดท้ จี่ ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคตในชว่ งเวลาใด เวลาหนึ่ง เป็ นการศกึ ษาทางเลอื กหลายๆ ทางดม่ใชท่ างเลอื กใด ทางเลอื กหนึ่งเพยี งทางเลอื กเดยี ว การวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม เป็ นการวจิ ยั ทมี่ ุ่งศกึ ษาและแกป้ ัญหาของชมุ ชนโดยคนในชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในทกุ ขน้ั ตอนของการวจิ ยั เป็ นการวจิ ยั ทมี่ ุ่งสรา้ งพลงั อานาจใหก้ บั ประชาชนและเนน้ คนเป็ นศนู ยก์ ลางของการพฒั นา
การวจิ ยั เชงิ ประเมนิ เป็ นกระบวนการเชงิ ระบบทชี่ ว่ ยใหด้ ดส้ ารสนเทศเกยี่ วกบั โครงการ สาหรบั ใชต้ ดั สนิ คณุ คา่ ของโครงการทจี่ ะนาดปสกู่ ารตดั สนิ ใจของ ผูบ้ รหิ ารหรอื ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงการเพอื่ การปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลงหรอื พฒั นาโครงการใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเป็ นประโยชนต์ อ่ ผูม้ สี ว่ นดดส้ ว่ น เสยี กบั โครงการมากขนึ้ หวั ขอ้ วจิ ยั การประเมนิ โครงการสง่ เสรมิ การรกั การอา่ นของนักเรยี นโรงเรยี น พระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา
การวจิ ยั และพฒั นา การวจิ ยั และพฒั นาทางการศกึ ษา เป็ นวธิ วี ทิ ยาการวจิ ยั แบบหนึ่งที่ ประยกุ ตห์ ลกั การวจิ ยั และ พฒั นา (R&D) มาใชท้ างการศกึ ษา เพอื่ สรา้ ง นวตั กรรมหรอื ประดษิ ฐกรรมทางการศกึ ษา ทสี่ ามารถ เผยแพร่ และ นาดปใชป้ ระโยชนใ์ นการพฒั นาการศกึ ษาดทย ทง้ั ระบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษา หลกั สตู ร และการสอน การจดั กจิ กรรมและการเรยี นรู ้ สอื่ การ สอนและเทคโนโลยกี ารศกึ ษา และ การวดั และประเมนิ ผลการศกึ ษา หวั ขอ้ วจิ ยั การพฒั นารปู แบบการนิเทศการสอนโดยใชแ้ นวคดิ ของชมุ ชนแห่งการ เรยี นรทู ้ างวชิ าชพี (PLC)
Research Research Research Utilization Issue Question Research Research Research Results Process Methodology Research Research Proposal Design
Research Issues: การกาหนดประเดน็ วจิ ยั การวิเคราะหส์ ถานการณ์ทางการศึกษา โดยพิจารณา • นโยบายด้านการศึกษาของรฐั บาล • นโยบายและโครงการสาคญั ๆของ กระทรวงศึกษาธิการ • ประเดน็ ปัญหาทางการศึกษาที่สาคญั
Research Question: การกาหนดคาถามการวจิ ยั กาหนดโจทยว์ จิ ยั /คาถามการวจิ ยั เป็ นประเด็นขอ้ สงสยั หรอื ประเด็น ขอ้ เท็จจรงิ ทอี่ ยากรแู ้ ละตอ้ งการคน้ หาคาตอบโดยใชว้ ธิ กี าร หรอื กระบวนการวจิ ยั ซงึ่ เป็ นวธิ กี ารทเี่ ป็ นระบบ มแี บบแผน และเชอื่ ถอื ดด ้ เป็ นคาตอบโดยใชว้ ธิ กี าร หรอื กระบวนการวจิ ยั ซงึ่ เป็ นวธิ กี ารทเี่ ป็ นระบบ มี แบบแผน และเชอื่ ถอื ดด ้ คาถามการวจิ ยั ตอ้ งมคี วามชดั เจน ระบถุ งึ ตวั แปรทศี่ กึ ษา ควรประกอบดว้ ย 4 สว่ น คอื (1) ระบุลกั ษณะหรอื ความสมั พนั ธห์ รอื ผลของตวั แปรทสี่ นใจศกึ ษา (2) มตี วั แปรตง้ั แต่ 1 ตวั แปรขนึ้ ดป (3) ประชากรหรอื ตวั อยา่ งทใี่ ชศ้ กึ ษา (4) สถานทหี่ รอื ขอบเขตในการทาวจิ ยั
ตวั อยา่ งหวั ขอ้ วจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาในสถานศกึ ษา ประเดน็ หวั ขอ้ วจิ ยั -การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา 1.ปฏริ ปู หลกั สตู รใหร้ องรบั การ โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั เปลยี่ นแปลงของโลกในยคุ ศตวรรษที่ 21 -ปัญหาและแนวโนม้ ทสี่ ง่ ผลตอ่ 2.การยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ ์ างการ ผลสมั ฤทธทิ ์ างการเรยี นของนักเรยี น เรยี น -การพฒั นาระบบตดิ ตามและ ประเมนิ ผลสมั ฤทธทิ ์ างการศกึ ษาของ นักเรยี น
ตวั อยา่ งหวั ขอ้ วจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาในสถานศกึ ษา ประเดน็ หวั ขอ้ วจิ ยั 3.การพฒั นาคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม -นวตั กรรมการจดั การเรยี นรแู ้ ละ กจิ กรรมสงั คมเพอื่ แกป้ ัญหาและ ของผูเ้ รยี น ป้ องกนั ปัญหาดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม -รปู แบบ/แนวทางการปลกู ฝัง คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของผเู้ รยี น 4.สง่ เสรมิ การอา่ น และขจดั ความดม่รู ้ -พฤตกิ รรมการอา่ นหนังสอื ของ หนังสอื เด็กดทย -นวตั กรรมการสง่ เสรมิ การอา่ นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธทิ ์ างการศกึ ษา
นาเสนอหวั ขอ้ วจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาในสถานศกึ ษา ประเดน็ หวั ขอ้ วจิ ยั เหตผุ ลทที่ าการ วตั ถปุ ระสงคว์ จิ ยั วจิ ยั การจดั และพฒั นาแหล่ง เรยี นรใู ้ นโรงเรยี น การพฒั นาคณุ ลกั ษณะ ทพี่ งึ ประสงคข์ องผูเ้ รยี น การสง่ เสรมิ และ พฒั นาการคดิ วเิ คราะห ์ ของผูเ้ รยี น
Research Methodology: การเลอื กวธิ วี ทิ ยาการวจิ ยั วธิ วี ทิ ยาการวจิ ยั เป็ นศาสตรว์ า่ ดว้ ยระเบยี บวธิ วี จิ ยั (research methods) ระเบยี บวธิ วี จิ ยั แบ่งดดห้ ลายประเภท ขนึ้ อยกู่ บั เกณฑท์ ใี่ ชแ้ บง่ เชน่ ถา้ ใชก้ ารควบคมุ ตวั แปร สามารถจาแนกระเบยี บวธิ วี จิ ยั experimental methods และ non-experimental methods ถา้ ใชล้ กั ษณะขอ้ มลู และการออกแบบวจิ ยั เป็ นเกณฑแ์ บ่งประเภท สามารถจาแนกระเบยี บวธิ วี จิ ยั เป็ นระเบยี บวธิ เี ชงิ ปรมิ าณ (quantitative methods) และระเบยี บวธิ เี ชงิ คณุ ภาพ (qualitative methods) และระเบยี บวธิ เี ชงิ ผสม (mixed methods)
Research Design : การออกแบบการวจิ ยั • การออกแบบการวจิ ยั เป็ นการกาหนดพมิ พเ์ ขยี วหรอื แผน ขนั้ ตอนการ ดาเนินการวจิ ยั • การออกแบบการวจิ ยั เกยี่ วขอ้ งกบั การกาหนดกลมุ่ เป้ าหมายทใี่ ชใ้ น การวจิ ยั การออกแบบวธิ กี ารเก็บขอ้ มลู และการวเิ คราะหข์ อ้ มลู • แบบการวจิ ยั ทใี่ ชต้ อ้ งเหมาะสม ทาใหต้ อบโจทยป์ ัญหาวจิ ยั ดดด้ ี
องคป์ ระกอบของการออกแบบกาวจิ ยั • การออกแบบmeasurement design • การออกแบบ • การออกแบบ การวดั ตวั แปร sampling design การสมุ่ ตวั อยา่ ง การวเิ คราะห ์ analysis design หรอื กาหนด ขอ้ มูล • แ(กปารหทนศี่ ดกึ ตษวัา แหลง่ ขอ้ มูล และการวดั ตวั หรอื ผูใ้ หข้ อ้ มลู • (วเิ คราะห ์ แปร) สาคญั ขอ้ มูลอยา่ งดร และใชส้ ถติ ใิ ด) • (กาหนดประชากร วธิ กี ารสมุ่ ตวั อย่าง และการกาหนด ขนาดกลมุ่ ตวั อย่าง)
ตวั อย่างงานวจิ ยั ศกึ ษาการออกกลางคนั ของนักเรยี นโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา 1.เพอื่ ศกึ ษาสาเหตกุ ารออกกลางคนั ของนักเรยี น 2.เพอื่ หาแนวทางในการแกป้ ัญหาในการออกกลางคนั ของนักเรยี น จงพจิ ารณาวา่ จะออกแบบการวดั ตวั แปร การสุม่ ตวั อยา่ ง และ การวเิ คราะหข์ อ้ มูลอยา่ งไร ?????
ตวั อยา่ งงานวจิ ยั แนวทางการนิเทศการสอนโดยประยุกตแ์ นวคดิ ชมุ ชน แห่งการเรยี นรู ้ 1.ศกึ ษาสภาพและปัญหาในการนิเทศการสอน 2.ศกึ ษาความตอ้ งการการนิเทศการสอนโดยประยกุ ตแ์ นวคดิ ชมุ ชน แหง่ การเรยี นรู ้ 3.ศกึ ษาแนวทางการพฒั นาการสอนโดยประยุกตแ์ นวคดิ ชมุ ชน แห่งการเรยี นรู ้ จงพจิ ารณาวา่ จะออกแบบการวดั ตวั แปร การสุม่ ตวั อย่าง และ การวเิ คราะหข์ อ้ มูลอยา่ งไร ?????
Research Proposal: การจดั ทาขอ้ เสนอโครงการวจิ ยั • เป็ นเอกสารทเี่ ป็ นคาอธบิ ายขอ้ สรปุ แผนงานทจี่ ะทาวจิ ยั ประกอบดว้ ย ปัญหาการวจิ ยั วตั ถปุ ระสงค ์ ขอบเขตทจี่ ะทาวจิ ยั คาถามวจิ ยั ประโยชนข์ อง การวจิ ยั กระบวนการวจิ ยั เครอื่ งมอื งบประมาณ และระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั • มคี วามสาคญั เพราะเป็ นพมิ พเ์ ขยี วหรอื กรอบแนวคดิ ในการดาเนินการวจิ ยั ทา ใหน้ ักวจิ ยั ดดจ้ ดั ระบบความคดิ มกี รอบแนวทางการทาวจิ ยั อยา่ งชดั เจน และ เชอื่ ม่นั วา่ จะสามารถดาเนินการวจิ ยั ดดส้ าเรจ็ • เป็ นเอกสารสอื่ กลางทชี่ ว่ ยใหผ้ ูร้ ว่ มงานวจิ ยั มคี วามเขา้ ใจตรงกนั และสามารถ รว่ มกนั ดาเนินการวจิ ยั ใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ดด ้ โครงการวจิ ยั จงึ เป็ นประโยชนท์ ง้ั ตอ่ นักวจิ ยั ผูบ้ รหิ ารทมี่ อี านาจตดั สนิ ใจอนุมตั ขิ อ้ เสนอโครงการวจิ ยั และผูส้ นับสนุน เงนิ ทนุ อดุ หนุนการวจิ ยั
Research Results: ผลการวจิ ยั การนาเสนอผลการวจิ ยั • รายงานการวจิ ยั ฉบบั สมบรู ณ์ • รายงานสรปุ สาหรบั ผูบ้ รหิ าร (executive report) หรอื บทสรปุ สาหรบั ผูบ้ รหิ าร (executive summary) • บทความวจิ ยั (research article) เพอื่ ตพี มิ พล์ งในวารสารทาง วชิ าการ
Research Utilization: การใชป้ ระโยชนจ์ ากผลการวจิ ยั • เป็ นการนาความรทู ้ ดี่ ดจ้ ากการดาเนินการวจิ ยั และจากขอ้ คน้ พบจาก งานวจิ ยั มาใชเ้ พอื่ การเปลยี่ นแปลงหรอื การปรบั ปรงุ พฒั นาการ ปฏบิ ตั งิ านใหด้ ขี นึ้ ทงั้ ในสว่ นทเี่ ป็ นความรจู ้ ากผลงานวจิ ยั และความรู ้ เกยี่ วกบั กระบวนการวจิ ยั • เป็ นการนาผลการวจิ ยั ดปใชป้ ระโยชนใ์ หเ้ กดิ ความคมุ ้ คา่
การใชป้ ระโยชนจ์ ากการ • การจดั ทาโครงการวจิ ยั ขนึ้ เอง โดยมี วจิ ยั เพอื่ การพฒั นา วตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะศกึ ษาปัญหาและแนว คณุ ภาพการศกึ ษา ทางการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นา ดาเนินการดด ้ 2 ลกั ษณะ • การนาผลงานวจิ ยั ทมี่ ผี ูศ้ กึ ษาวจิ ยั ดวแ้ ลว้ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นเรอื่ งหรอื ประเด็นปัญหา ทตี่ อ้ งการแกด้ ข ปรบั ปรงุ หรอื พฒั นา
กรณีตวั อยา่ ง : รูปแบบการวจิ ยั และพฒั นาทง้ั โรงเรยี นของ นกั วจิ ยั ในพนื้ ที่ โครงการ โรงเรยี นปฏริ ูปการเรยี นรู ้ เพอื่ พฒั นาคุณภาพผูเ้ รยี น
ภาพสรุป “การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาดว้ ยกระบวนการวจิ ยั ” โดย : พชิ ติ ฤทธจิ์ รญู
บทบาทของผู้บริหารในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาด้วยการวจิ ยั กาหนดนโยบายสง่ เสรมิ การวจิ ยั ของสถานศกึ ษา การสรา้ งความตระหนักถงึ คณุ คา่ ของงานวจิ ยั การพฒั นาศกั ยภาพในการทาวจิ ยั ของครู การสง่ เสรมิ สนับสนุนใหค้ รทู าวจิ ยั และใชผ้ ลการวจิ ยั เพอื่ พฒั นาผเู ้ รยี น และการจดั การเรยี นรู ้ การพฒั นางานวจิ ยั ใหม้ คี ณุ ภาพเชอื่ ถอื ดด ้ การเปิ ดโอกาสใหเ้ ขา้ ถงึ งานวจิ ยั ทมี่ คี ณุ ภาพ การพฒั นาระบบสารสนเทศงานวจิ ยั การสง่ เสรมิ การสรา้ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรแู ้ ละพฒั นางานวจิ ยั การสรา้ งวฒั นธรรมการวจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
Q&A ขอขอบคณุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 49
Pages: