โครงงาน 1
โครงการเรือง เรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จังหวดั พทั ลงุ จดั ทําโดย นางสาวกลั ยาณี หมดั หลี นางสาวชฎาวรรณ ชูฤทธิ นางสาวจฬุ าลกั ษณ์ บุญมี สาขาวชิ าการท่องเทียว ระดับประกาศนียบตั รวชิ าชีพชันสูงปี ที 2 วิทยาลยั เทคโนโลยีหาดใหญ่อาํ นวยวทิ ย์ ภาคเรียนที 2 ปี การศึกษา 2563
โครงการเรือง เรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จังหวดั พทั ลงุ จดั ทําโดย นางสาวกลั ยาณี หมดั หลี นางสาวชฎาวรรณ ชูฤทธิ นางสาวจฬุ าลกั ษณ์ บุญมี สาขาวชิ าการท่องเทียว ระดับประกาศนียบตั รวชิ าชีพชันสูงปี ที 2 วิทยาลยั เทคโนโลยีหาดใหญ่อาํ นวยวทิ ย์ ภาคเรียนที 2 ปี การศึกษา 2563
ใบรับรอง โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ โดย หมดั หลี 1. นางสาวกลั ยาณี ชูฤทธิ 2. นางสาวชฎาวรรณ บญุ มี 3. นางสาวจฬุ าลกั ษณ์ ได้รับการพิจารณาให้เป็ นส่วนหนึงของการเรียนตามหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพชันสูง ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเทียว สาขาวิชาการท่องเทียว ...................................................... ผ้อู าํ นวยการวิทยาลยั ฯ ( อาจารย์พมิ พ์ชนก ณ พทั ลุง ) ..................................................... หวั หน้าสาขาวชิ าการท่องเทียว ( อาจารย์อจลา ดํารงฤทธิ ) ....................................................... คณะกรรมการ ( อาจารย์ทักษ์สรณ์ธัญ กองพมิ พ์ ) ........................................................ คณะกรรมการ ( อาจารย์ญาณิศา เรืองฤทธิ )
ชือโครงการ เรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหละ๊ หาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ชือนักศึกษา นางสาวกลั ยาณี หมดั หลี สาขาวิชา อาจารย์ทีปรึกษา นางสาวชฎาวรรณ ชูฤทธิ ปี การศึกษา นางสาวจุฬาลกั ษณ์ บญุ มี การทอ่ งเทียว อาจารยท์ กั ษส์ รณ์ธญั กองพิมพ์ อาจารยญ์ าณิศา เรืองฤทธิ 2563 บทคัดย่อ การจดั ทาํ สือวีดีทศั น์และประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ทาํ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสอบถามเป็นเครืองมือในการทาํ โครงการเพือสัมภาษณ์กลุ่มตวั อย่าง จาํ นวน คนโดยใช้วิธีการเลือกตวั อย่างแบบสะดวก จาก นกั ท่องเทียวทีเลือกเขา้ มาท่องเทียวเรียนรู้วถิ ีชีวติ ทาํ การวเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถิติพรรณนา ไดแ้ ก่ คา่ ความถี ค่าร้อยละ ค่าเฉลีย และคา่ ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ผลการจดั ทาํ สือวีดีทศั น์และประชาสัมพนั ธโ์ ครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะ หาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ โดยภาพรวมผูต้ อบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือ วีดิทศั น์ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.50 S.D. = 0.278) เมือพจิ ารณาในรายละเอียดสามารถจดั เรียงอนั ดบั การประเมินความพงึ พอใจในการจดั ทาํ สือ วีดิทศั น์ ไดด้ งั ต่อไปนีอนั ดบั ที 1 ดา้ นเนือหาสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ีกาํ หนด มีความพึงพอใจ อยา่ งมากทีสุด (x̄ = 4.75 , S.D. = 0.444 )อนั ดบั ที 2 ดา้ นความน่าสนใจของสถานทีท่องเทียวชุมชน บา้ นโหล๊ะหาร มีความพงึ พอใจอย่างมากทีสุด (x̄ = 4.75 , S.D. = 0.444) อนั ดบั ที 3 กระตนุ้ ผูช้ มให้ เกิดความสนใจในการท่องเทียวมากยงิ ขึน มีความพึงพอใจอย่างมากทีสุด (x̄ = 4.60 S.D. = 0.503) อันดับที 4 ความยาวของวีดีทัศน์มีความเหมาะสม มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.45 , S.D.= 0.510) อนั ดับที 5 วีดีทศั น์นีเป็ นประโยชน์ต่อนักท่องเทียว มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.35 , S.D.= 0.489) และอนั ดบั ที 6 ภาพนิง ความเคลือนไหว สวยงาม น่าสนใจ มีความพึงพอใจอยา่ งมาก (x̄ =4.14 , S.D. = 0.489) (ก)
กติ ตกิ รรมประกาศ โครงการฉบบั นีสําเร็จลุล่วงไดด้ ว้ ยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างสูงยิงจากบุคลากร ทีชุมชนบา้ นโหล๊ะหารและชาวมานิ ทีไดใ้ หค้ วามอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ในการจดั ทาํ โครงการเรือง เดินเขา้ ป่ าหามานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร ตาํ บลทุ่งนารี อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ผจู้ ดั ทาํ โครงการขอขอบพระคณุ มา ณ โอกาสนี คณะผูจ้ ัดทาํ โครงการรู้สึกซาบซึงในความกรุณาของท่านจึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี ขอขอบคุณผอู้ าํ นวยการวิทยาลยั เทคโนโลยีหาดใหญอ่ าํ นวยวิทย์ อาจารยพ์ ิมพช์ นก ณ พทั ลุง และ อาจารยส์ าขาวิชาการท่องเทียว อาจารยท์ กั ษ์สรณ์ธัญ กองพิมพ์ อาจารยญ์ าณิศา เรืองฤทธิ ทีไดใ้ ห้ ความอนุเคราะห์ รวมทงั ให้คาํ ปรึกษาแนะนาํ และตรวจสอบแกไ้ ขขอ้ บกพร่องทุกขนั ตอนของการ จดั ทาํ โครงการ คณะผจู้ ดั ทาํ โครงการขอขอบคณุ เป็นอยา่ งสูง คณะผจู้ ดั ทาํ โครงการ 11 มีนาคม 2564 (ข)
สารบญั เรือง หน้า บทคดั ยอ่ .........................................................................................................................................(ก) กิตตกิ รรมประกาศ..........................................................................................................................(ข) สารบญั ...........................................................................................................................................(ค) สารบญั (ตอ่ ) ..................................................................................................................................(ง) สารบญั ตาราง..................................................................................................................................(จ) สารบญั ภาพประกอบ......................................................................................................................(ฉ) บทที 1 บทนาํ หลกั การและเหตุผล.............................................................................................................1 วตั ถุประสงคข์ องโครงการ...................................................................................................2 ขอบเขตของการทาํ โครงการ................................................................................................2 กรอบแนวคิดในการทาํ โครงการ..........................................................................................3 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ..................................................................................................................4 บทที 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเกยี วข้อง เอกสารการท่องเทียวเชิงนิเวศ..............................................................................................6 เอกสารทีเกียวขอ้ งของจงั หวดั พทั ลุง....................................................................................9 เอกสารสถานทีท่องเทยี วจงั หวดั พทั ลุง..............................................................................11 เอกสารสือเทคโนโลยที ีใชใ้ นการจดั ทาํ โครงการ...............................................................14 เอกสารการจดั ทาํ วดี ีทศั น์...................................................................................................14 เอกสารการใชโ้ ปรแกรม Viva Video.................................................................................15 แนวคดิ และทฤษฎคี วามพงึ พอใจในการท่องเทียว.............................................................20 บทที 3 วิธีการดาํ เนินโครงการ.........................................................................................................25 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง.................................................................................................25 เครืองมอื ทีใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู .............................................................................25 (ค)
สารบญั (ต่อ) เรือง หน้า การเก็บรวบรวมขอ้ มูล.......................................................................................................26 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู .............................................................................................................27 สถิติทีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล..........................................................................................27 บทที 4 ผลการศึกษาและการวเิ คราะห์ข้อมูล ตอนที 1 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลส่วนทวั ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม..................................29 ตอนที 2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลความพึงพอใจการจดั ทาํ วีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์ โครงการเรียนรู้วิถชี าวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง................32 บทที 5 การสรุป การอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผลการดาํ เนินโครงการ...............................................................................................34 อภปิ รายผลการดาํ เนินโครงการ.........................................................................................35 ขอ้ เสนอแนะการดาํ เนินโครงการ.......................................................................................36 บรรณานุกรม...................................................................................................................................37 ภาคผนวก........................................................................................................................................39 ประวัติผ้จู ัดทาํ .................................................................................................................................55 (ง)
รายการตาราง ตาราง หน้า ตารางที 1 จาํ นวนและค่าร้อยละของขอ้ มลู ทวั ไปผรู้ ับชมทีมีต่อความพึงพอใจ ในการจดั ทาํ สือวีดีทศั น์โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ดา้ นเพศ.............................................................................29 ตารางที 2 จาํ นวนและคา่ รอ้ ยละขอ้ มลู ทวั ไปของผูร้ ับชมทีมตี อ่ ความพงึ พอใจ ในการจดั ทาํ สือวดี ีทศั น์โครงการเรียนรู้วถิ ชี าวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ดา้ นอายุ.............................................................................30 ตารางที 3 จาํ นวนและค่าร้อยละขอ้ มูลทวั ไปของผรู้ ับชมทีมีตอ่ ความพงึ พอใจใน การจดั ทาํ สือวดี ีทศั น์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ดา้ นอาชีพ..........................................................................31 ตารางที ค่าเฉลีย (x̄) และค่าเบียงเบนมาตรฐาน( S.D ) และการแปลผลขอ้ มูล ความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวดี ีทศั นป์ ระชาสมั พนั ธ์โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง.........................................................32 (จ)
รายการภาพประกอบ ภาพประกอบ หน้า ภาพที 1 กรอบแนวคิดในการทาํ โครงการ...................................................................................3 ภาพที 2 อา่ งเก็บนาํ คลองป่ าบอน................................................................................................11 ภาพที 3 สวนนาํ โหล๊ะหารประชารัฐ.........................................................................................12 ภาพที 4 สวนสละลุงถนั .............................................................................................................13 ภาพที 5 VivaVideo..................................................................................................................16 ภาพที 6 VivaVideo..................................................................................................................16 ภาพที 7 VivaVideo..................................................................................................................17 ภาพที 8 VivaVideo..................................................................................................................17 ภาพที 9 VivaVideo..................................................................................................................18 ภาพที 10 VivaVideo..................................................................................................................18 ภาพที 11 VivaVideo..................................................................................................................19 ภาพที 12 VivaVideo..................................................................................................................19 (ฉ)
บทที บทนาํ หลกั การและเหตผุ ล การท่องเทียวชุมชน คือ การท่องเทียวทีชุมชนเป็ นผูก้ าํ หนดกระบวนการ ทิศทางและ รูปแบบการทอ่ งเทียวของตนเอง ชาวบา้ นทกุ คนเป็ นเจา้ ของทรัพยากรท่องเทียวนนั ๆ และมีส่วนได้ ส่วนเสียทีเกิดจากการท่องเทียว ซึงการท่องเทียวทีจดั โดยชุมชนนันมีจุดขายทีหลากหลายทัง ธรรมชาติ ประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรมประเพณี วถิ ีชีวติ อนุรักษ์ รวมทงั มีการพฒั นารูปแบบเพือสร้าง ความยงั ยนื สู่คนรุ่นลูกรุ่นหลานและเกิดประโยชนต์ ่อทอ้ งถินอยา่ งแทจ้ ริง บา้ นโหล๊ะหารตงั อยู่หมู่ที ตาํ บลทุ่งนารี อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ทีไดช้ ือว่า “โหล๊ะ หาร”เนืองจากเป็นชุมชนทีมลี กั ษณะเป็นทีราบลุม่ ขนาดใหญช่ าวบา้ นเรียกพืนทีราบลุม่ นีวา่ “โหล๊ะ” และ ภายในโหล๊ะ มีแหล่งนาํ ชาวบา้ นเรียกวา่ “หาร” เมือเรียกรวมกนั จึงเป็น “บา้ นโหละ๊ หาร” จนถึง ปัจจุบนั เนืองจากมีแหล่งนาํ ขนาดใหญ่เป็ นลาํ คลองส่งนาํ เหมาะแก่การเลียงปลาในกระชงั และมี การปลูกหญา้ เลียงสัตวอ์ ีกดว้ ย ชนเผา่ พนื เมืองมานิ มานิ อาศยั อยใู่ นป่ าหลงั อา่ งเกบ็ นาํ คลองป่ าบอน เป็ นกลุ่มคนดงั เดิมทีมีประวตั ิศาสตร์มายาวนานนับพนั ปี เป็ นตวั แทนของกลุ่มคนยคุ เริมแรกก่อน สร้างบา้ นเมืองถาวร และเป็ นคนกลุ่มสุดทา้ ยทียงั คงรักษาองค์ความรู้ของการใช้ชีวิตทีพึงพิง ธรรมชาติในผนื ป่ าภาคใตข้ องประเทศไทย ทีจดั ในกลุม่ ล่าสัตว์ และหาของป่ า ซึงการดาํ รงชีวิตแบบ ดงั เดิมของชาวมานินนั แสดงถึงการอยู่ร่วมกนั กบั ธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ มในระบบนิเวศป่ าดิบชืน บนเทือกเขาบรรทดั มานิเป็ นผูบ้ ุกเบิกเขา้ มาอยู่อาศยั ใชช้ ีวิตเคลือนยา้ ยไปตามแหล่งอาหาร และ ครอบครองพืนทีมายาวนานหลายร้อยหลายพนั ปี ตามการอา้ งอิงประวตั ิศาสตร์ของนกั วชิ าการทงั ชาวไทย และชาวต่างประเทศ ลกั ษณะของมานิมีรูปพรรณทีค่อนขา้ งลาํ เตีย สันทดั ผิวสีดาํ แดง ผม หยิก เป็นกลุ่มคนทีจดั อยใู่ นตระกูลนิกริโต และตระกูลออสโตรเนเซียน มีพฒั นาการชาติพนั ธุ์อยา่ ง ต่อเนือง และยาวนานในผืนป่ าแหลมมลายู ตงั แต่ภาคใตข้ องไทยไปจนถึงประเทศมาเลเซีย มานิ ส่วนใหญ่ยงั มีการดาํ รงชีวิตมีวิถีวฒั นธรรมแบบล่าสัตวห์ าของป่ าดว้ ยการพึงพงิ แหล่งอาหารจากป่ า ธรรมชาติ เผอื ก มนั กลอย เป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และมสี ตั วป์ ่ าเป็นแหล่งโปรตีน นําตก แมแ่ ตง เป็นนาํ ตกทีมีมีนาํ ไหลตลอดทงั ปี 1
2 จากทีกล่าวมาขา้ งตน้ กลุ่มของดิฉันไดเ้ ห็นถึงความสาํ คญั ของวิถีชีวิตทอ้ งถิน โดยประชาสัมพนั ธ์ ส่งเสริมการทาํ นุบาํ รุงและรักษาศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถินและภูมิปัญญาไทยให้มีความกา้ วหนา้ และ ติดตามชีวิตชาวชนเผ่ามานิทีคงวิถีชีวติ ของเงาะป่ าแบบดงั เดิม เพือส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชน จึงจดั ทาํ โครงการโครงการเดินเขา้ ป่ าหามานิ เพือประชาสัมพนั ธ์ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ า บอน จงั หวดั พทั ลุง โดยใชส้ ือเทคโนโลยีเผยแพร่สถานทีท่องเทียวให้เป็นทีรู้จกั ของนกั ท่องเทียว เพือส่งเสริมการท่องเทียวของชุมชน และเพือเป็ นแหล่งการเรียนรู้ใหก้ บั ประชาชนทุกกลุ่มวยั และ ให้บริการความรู้ดา้ นวิถีชีวิตความเป็ นอยู่ของคนในชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุงและชาวชนเผา่ มานิในพืนทีเทือกเขาบรรทดั วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ เพือศึกษาความพึงพอใจการจัดทาํ สือวีดิทศั น์ ประชาสัมพนั ธ์ในชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พัทลุง โดยใช้สือเทคโนโลยีเผยแพร่สถานทีท่องเทียวให้เป็ นทีรู้จกั ของ นกั ท่องเทียว ประโยชน์ทีคาดว่าจะได้รับ . นักท่องเทียวเกิดความสนใจในการรับชมวีดิทศั น์ของการท่องเทียวในรูปแบบของ การศกึ ษา หาความรู้ เรียนรู้วิถีชุมชน 2. ผชู้ มไดเ้ ห็นถึงวิถีชีวิตความเป็ นอย่ขู องชาวมานิ อีกทงั ยงั สร้างทศั นคติใหม่ใหแ้ ก่ผูร้ ับชม ขอบเขตของการทาํ โครงการ ประชากรทีใช้ ในการทําโครงการ ประชากรทีใช้ในการทาํ โครงการครังนีคือ นกั ท่องเทียวทีเขา้ มาเยียมชมชุมชน บา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ กลุ่มตวั อย่างทีใช้ในการทําโครงการ กลุ่มตวั อย่างทีใช้ในการทาํ โครงการครังนีเป็ นนกั ท่องเทียวทีเขา้ มาเยียมชมชุมชนบา้ น โหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จังหวดั พทั ลุง โดยใช้วิธีเลือกตวั อย่างแบบสะดวก (Convenience Simple) จาํ นวน 20 คน
3 กจิ กรรมในการจัดทาํ โครงการ ประชาสัมพนั ธ์ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง โดยใช้สือเทคโนโลยี เผยแพร่สถานทีท่องเทียวใหเ้ ป็นทีรู้จกั ของนกั ทอ่ งเทียว เช่น สือวดี ีทศั น์ เป็นตน้ ตัวแปรทีศึกษา ตวั แปรตน้ คือ ขอ้ มลู ทวั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตวั แปรตาม คือ แบบประเมินความพึงพอใจการจดั ทาํ วีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์ โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ระยะเวลาทีใช้ในการทาํ โครงการ ภาคเรียนที ปี การศึกษา 3 กรอบความคิดในการทาํ โครงการ ตัวแปรตาม ตัวแปรต้น . เนือหาสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ีกาํ หนด 1.เพศ . ความน่าสนใจของสถานทีท่องเทียวชุมชนบา้ น 2.อายุ โหล๊ะหาร 3.อาชีพ .กระตนุ้ ผชู้ มให้เกิดความสนใจในการท่องเทียวมาก ยงิ ขึน . วดี ีทศั นน์ ีเป็ นประโยชน์ตอ่ นกั ท่องเทียว . ภาพนิง ภาพเคลือนไหว สวยงาม น่าสนใจ . ความยาวของวดี ีทศั นม์ ีความเหมาะสม ภาพที 1 กรอบแนวคิดในการทาํ โครงการ
4 นยิ ามคาํ ศัพท์เฉพาะ เรียนรู้ หมายถึง การเปลียนแปลงพฤติกรรมอนั เนืองมาจากประสบการณ์เดิม ทาํ ให้คน เผชิญกับสถานการณ์เดิมต่างไปจากเดิม เป็ นการเปลียนแปลงพฤติกรรมทงั ภายนอกและภายใน ลกั ษณะการเปลียนแปลงพฤติกรรมอาจเป็นได้ 4 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ การทาํ พฤติกรรมใหม่ การเลิกทาํ การเพิมพฤติกรรมทีเคยทาํ และการลดพฤติกรรมทีเคยทาํ พฤติกรรมใดทีไม่เปลียนแปลงจึงไม่ เรียกว่าเกิดการเรียนรู้ผลของการเรียนรู้จะก่อใหเ้ กิดความรู้ (knowledge) ทกั ษะ (Skill) และเจตคติ (Attitude) วิถี หมายถึง หมายถึงตามความหมายในพจนานุกรม หมายถึง สาย แนว ถนน ทาง วิถีชีวติ จึงหมายถึง การกระทาํ ตามวิธีการและแนวทางอย่างใดอย่างหนึง เพือให้มีความสุขและประสบ ความสาํ เร็จในชีวติ โดยกระทาํ อย่างต่อเนืองจนติดเป็ นนิสัย กระทงั การกระทาํ นนั ไดก้ ลายมาเป็น ส่วนหนึงในการดาํ เนินชีวติ ชาวมานิ หมายถึง เป็ นชนเผา่ พืนเมืองดงั เดิมทีมีถินกาํ เนิดในแถบเทือกนครศรีธรรมราช ดา้ นใตห้ รือทีรู้จกั กนั อีกชือว่าเทือกเขาบรรทดั ทีใชเ้ ป็นสันปันเขตปกครองจงั หวดั ตรัง สตูล พทั ลุง และสงขลา และเทือกเขาสันกาลาคีรีทีใชเ้ ป็ นสันปันเขตแดนประเทศไทยกบั ประเทศมาเลเซีย ทงั สองเทือกเขามีความสาํ คญั เป็ นจุดสูงสุดของแผน่ ดินทีฝังตะวนั ออกทอดตวั ลงไปยงั ชายฝังทะเลอ่าว ไทย ฝังตะวนั ตกทอดตวั ลงไปยงั ชายฝังทะเลอนั ดามนั และอยู่ใกลเ้ สน้ ศูนยส์ ูตรสนามแม่เหลก็ โลก ทาํ ให้พืนทีสูงเขตภเู ขากว่าร้อยละ เป็ นระบบนิเวศป่ าดิบชืนทีอุดมสมบรู ณ์เป็นแหลง่ อาหารและ ถินกาํ เนิดอาศยั ของสิงมีชีวิตหลากหลายชนิด เป็ นศูนยก์ ลางบ่งชีความสมดุลของสิงมีชีวิตในระบบ นิเวศป่ าดิบชืน รวมถึงชนเผ่าพืนเมืองทีเรียกขานตวั เองว่า มานิชนเผ่าพืนเมืองมานิ เป็ นกลุ่มคน ดงั เดิมตามประวตั ิศาสตร์นบั พนั ปี ทีปัจจุบนั อาจเรียกไดว้ ่าเป็ นตวั แทนของกลุ่มคนยคุ เริมแรกก่อน การลงหลกั ปักฐานสร้างบา้ นเมืองถาวร และเป็นคนกลุ่มสุดทา้ ยทียงั คงรักษาองค์ความรู้ของการใช้ ชีวิตทีพึงพิงธรรมชาติในผืนป่ าภาคใต้ของประเทศไทย โดยปราศจากซึงมายาคติดา้ นสิทธิเหนือ พืนดนิ ใดๆ แตเ่ ตม็ ไปดว้ ยหลกั ธรรมาธิปไตยวา่ ดว้ ยการเกือกูลและแบง่ ปันอยา่ งเทา่ เทียมภายใตก้ าร สร้างกลไกการป้องกนั ตวั เองตามการตดั สินใจขนั พนื ฐาน ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร หมายถึง หมู่ที บา้ นโหล๊ะหาร ต.ทุ่งนารี อ.ป่ าบอน ประวตั ิหมู่บา้ น โหล๊ะหาร บา้ นโหล๊ะหารตงั อย่หู มู่ที ตาํ บลทุ่งนารี อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ทีไดช้ ือวา่ “โหล๊ะ หาร”เนืองจากเป็ นชุมชนทีมีลกั ษณะเป็นทีราบลุ่มขนาดใหญช่ าวบา้ นเรียกพืนทีราบลุ่มนีวา่ “โหล๊ะ”
5 และ ภายในโหละ๊ มีแหล่งนาํ ชาวบา้ นเรียกวา่ “หาร” เมือเรียกรวมกนั จึงเป็ น “บา้ นโหล๊ะหาร” จนถึง ปัจจุบนั เดิมหมู่บา้ นโหละ๊ หารเป็นบา้ นร้างมี เสือ แรด ชา้ ง กวาง หมี หมู อยอู่ าศยั เมือปี พ.ศ. นายลี ดาํ แป้น นายหลุบ ดาํ แป้น นายฮวด ลอยจิว ไดเ้ ขา้ มาจบั จองพืนที และไดน้ าํ คณะญาติเขา้ มา ร่วมกนั สร้างเป็ นชุมชนเลก็ ๆ ซึงในขณะนนั หมู่บา้ นโหล๊ะหารยงั เป็ นส่วนหนึงของตาํ บลหนองธง จนกิงอาํ เภอป่ าบอนประกาศแยกออกจากตาํ บลหนองธง มาเป็นตาํ บลทุ่งนารี โหล๊ะหารจึงได้เป็ น หมบู่ า้ นลาํ ดบั ที ของตาํ บลทงุ่ นารี มีลกั ษณะพืนทีเป็นเนินสูง สภาพดินอดุ มสมบรู ณ์ เป็นแหล่งตน้ นาํ ลาํ ธารหลายสายเช่น คลองป่ าบอน คลองพรุพอ้ พืนทีเหมาะแก่การทาํ สวนเช่น สวนยางพารา สวนปาลม์ สวนผลไม้ ปศสุ ัตว์ ประมง เนืองจากมีแหล่งนาํ ขนาดใหญ่เป็นลาํ คลองส่งนาํ เหมาะแก่ การเลียงปลาในกระชงั และมีการปลกู หญา้ เลียงสัตวอ์ ีกดว้ ย อําเภอป่ าบอน หมายถึง ทอ้ งทีอาํ เภอป่ าบอนเดิมเป็นส่วนหนึงของอาํ เภอปากพะยูน ทาง ราชการไดแ้ บ่งพืนทีการปกครองตาํ บลป่ าบอน ตาํ บลหนองธง และตาํ บลโคกทราย ของอาํ เภอปาก พะยูน ออกมาตงั เป็ น กิงอาํ เภอป่ าบอน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวนั ที เมษายน พ.ศ. โดยมีผลบงั คบั ตงั แต่วนั ที เมษายน ปี เดียวกนั และตอ่ มาไดม้ ีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิง อาํ เภอป่ าบอน อาํ เภอปากพะยนู ขึนเป็น อาํ เภอป่ าบอน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวนั ที พฤษภาคม พ.ศ. โดยใหม้ ีผลตงั แตว่ นั ที พฤษภาคม ปี เดียวกนั จังหวัดพัทลุง หมายถึง พทั ลุง เป็ นจงั หวดั ในภาคใตต้ อนล่างของประเทศไทย ห่างจาก กรุงเทพมหานคร ประมาณ กิโลเมตร มีเขาทีสูงทีสุดคือเขาเจ็ดยอด อยใู่ นเทือกเขาบรรทดั สูง ประมาณ , เมตร มีจงั หวดั ทีอยตู่ ดิ กนั ไดแ้ ก่ นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล สงขลา และมพี ืนทีดา้ น ตะวนั ออกของจงั หวดั จรดทะเลสาบสงขลา ในอดีต พทั ลุงเป็นเมืองทีมีประวตั ิศาสตร์เก่าแก่แห่ง หนึง และยงั มีสภาพภูมิประเทศทงั ทีราบ เนินเขา และชายฝัง โดยทางทิศตะวนั ตกของจงั หวดั จะ เป็นพนื ทีทีราบสูงและทีราบเชิงเขา อนั เนืองมาจากมีพืนทีติดต่อกบั ทิวเขานครศรีธรรมราช ถดั ลงมา ทางตอนกลางและทางทศิ ตะวนั ออกของจงั หวดั จรดทะเลสาบสงขลาจะเป็นทีราบลุ่ม เหมาะแก่การ ทาํ การเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยงิ การทาํ นาขา้ ว ชาวภาคใตจ้ ะเรียกจงั หวดั นีวา่ \"เมืองลุง\"
บทที เอกสารและงานวจิ ยั ทีเกยี วข้อง การจดั ทาํ โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง คณะผูจ้ ดั ทาํ โครงการไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ แนวความคิดทฤษฎีและรวบรวมนาํ มาเป็นขอ้ มูลพืนฐาน ใน การจดั ทาํ โครงการ ฯ โดยมีรายละเอียดดงั ต่อนี 1. เอกสารการท่องเทียวเชิงนิเวศ 2. เอกสารทีเกียวขอ้ งของจงั หวดั พทั ลุง 3. เอกสารสถานทีท่องเทียวจงั หวดั พทั ลุง 4. เอกสารสือเทคโนโลยีทีใชใ้ นการจดั ทาํ โครงการ 4.1 เอกสารการจดั ทาํ วดี ที ศั น์ 4.2 เอกสารการใชโ้ ปรแกรม Viva Video 5. แนวคดิ และทฤษฎีความพึงพอใจในการท่องเทียว . เอกสารการท่องเทียวเชิงนเิ วศ การท่องเทียวเชิงนิเวศ (Ecotourism) เป็ นรูปแบบหนึงของการท่องเทียวในปัจจุบนั ที นานาประเทศให้ความสําคญั เพือการมุ่งไปสู่การพฒั นาทียงั ยนื ของประเทศและนานาชาติ ตาม หลักปฏิญญาสากลว่าด้วยการพัฒนาสิ งแวดล้อมทียังยืน (Environmentally Sustainable Development) โดยให้ความสาํ คญั แก่การใหก้ ารศึกษาหรือการเรียนรู้ หรือมุ่งเนน้ ใหเ้ กิดการอนุ รักษ์มากกว่าการจัดการลดหรือปราศจากผลกระทบและนักท่องเทียวพึงพอใจเท่านัน แต่การ ท่องเทียวเชิงนิเวศจะตอ้ งเป็นการท่องเทียวทีมีความรับผิดชอบในแหลง่ ท่องเทียวธรรมชาติ มีการ จดั การรักษาสิงแวดลอ้ ม และใหก้ ารศึกษาแก่นกั ท่องเทียว ( http://www.sara-dd.com ออนไลน์ กุมภาพนั ธ์ 4 ) ความหมายของการท่องเทียวเชิงนิเวศ มีผใู้ ห้ความหมายของการทอ่ งเทียวเชิงนิเวศ ดงั นี (บุญเลิศ จิตตงั วฒั นา .2542) อา้ งถึง (http://www.sara-dd.com : 2542) ให้ความหมาย การท่องเทียวเชิงนิเวศ หมายถึง การทอ่ งเทียวในแหล่งท่องเทียวธรรมชาติ โดยมีการใหค้ วามรู้ 6
7 แก่ผเู้ กียวขอ้ ง และใหช้ ุมชนทอ้ งถิน และสรา้ งจิตสาํ นึกใหท้ ุกฝ่ายร่วมกนั รับผิดชอบต่อระบบนิเวศ อยา่ งยงั ยนื (ราฟ บุคเลย์ Raff Buckley, 1992) อ้างถึง (http://www.sara-dd.com : 2542) นิยามว่า คือการท่องเทียวทีถูกจดั การดูแลอย่างยงั ยืน อยู่บนพืนฐานของธรรมชาติ มีการศึกษาดา้ นการ เรียนรู้คาํ ว่า การท่องเทียวเชิงนิเวศ เป็ นศพั ทบ์ ญั ญตั ิทีการท่องเทียวแห่งประเทศไทย (ททท.) นํามาใช้อย่างเป็ นทางการใน พ.ศ. 2541 โดยให้มีความหมายตรงกับคาํ ว่า Ecotourism ใน ภาษาองั กฤษ ศพั ท์บัญญตั ินีได้รับความเห็นชอบจากราชบณั ฑิตยสถาน ซึงเป็ นหน่วยงานที เกียวขอ้ งกบั การบญั ญตั ิศพั ท์แลว้ เพือขยายความหมายของการท่องเทียวเชิงนิเวศให้ชัดเจนยิงขึน จะขอกล่าวถึงคาํ นิยามทีนกั วิชาการไดใ้ หไ้ วใ้ นทีต่าง ๆ ดงั นี องคก์ ารสิงแวดลอ้ มแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Program – UNEP) สมาคม การท่องเทียวเชิงนิเวศ (Ecotourism Society) และองค์การการท่องเทียวโลก (World Tourism Organization) ใหค้ าํ นิยามวา่ “การท่องเทียวทีไม่เป็ นการรบกวนลกั ษณะทางธรรมชาติ มุ่งหวงั ในดา้ นการศึกษา มีความพอใจต่อทศั นียภาพ พืชพรรณ และสัตวต์ ามธรรมชาติ มีความเขา้ ใจ ต่อวฒั นธรรม ประวตั ิความเป็นมาของสิงแวดลอ้ มทางธรรมชาติ โดยไม่เป็นการรบกวนตอ่ ระบบ นิเวศ ในขณะเดียวกนั ก็สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ทีจะทาํ ให้เกิดการอนุรักษ์ต่อทรัพยากรของ ประชากร ในทอ้ งถิน” ดร. ราลฟ์ บกั ลีย์ (Dr. Ralph Buckley) ศาสตราจารยผ์ อู้ าํ นวยการศนู ยว์ ิจยั การทอ่ งเทียวเชิงนิเวศ มหาวิทยาลยั กริฟฟิ ท ประเทศออสเตรเลีย ให้คาํ นิยามสัน ๆ วา่ “การท่องเทียวทีอาศยั ผลิตผล ทางธรรมชาติจดั การทียงั ยนื และองคป์ ระกอบทางการศึกษาซึงมีส่วนก่อใหเ้ กิดการอนุรักษ”์ บุญเลิศ จิตตงั วฒั นา ให้ความหมายการท่องเทียวเชิงนิเวศ หมายถึง การท่องเทียวในแหล่ง ท่องเทียวธรรมชาติ โดยมีการให้ความรู้แก่ผเู้ กียวขอ้ ง และให้ชุมชนทอ้ งถิน และสร้างจิตสํานึก ใหท้ ุกฝ่ายร่วมกนั รับผดิ ชอบต่อระบบนิเวศอยา่ งยงั ยนื การท่องเทียวแห่งประเทศไทย ให้คาํ นิยามว่า “การเดินทางไปยงั สถานทีท่องเทียวแห่งใดแห่ง หนึง โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พือการศึกษา ชืนชม และเพลิดเพลินไปกบั ทศั นียภาพธรรมชาติ สภาพ สังคม วฒั นธรรม และชีวิตของคนในทอ้ งถิน บนพืนฐานความรู้และความรับผิดชอบต่อระบบ นิเวศ” สาระสําคัญของการท่องเทียวเชิงนิเวศ ศูนย์วิจยั ป่ าไม้ (2538) อ้างถึง (http://www.sara-dd.com : 2538) ได้สรุปสาระสําคญั ของการท่องเทียวเชิงนิเวศไว้ ดงั นี
8 1. แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที ย ว ที จ ะ ส่ ง เ ส ริ ม ค ว รเ ป็ น พื น ที ธ รร ม ชา ติ ที มี ก า รอนุ รั ก ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดลอ้ มเป็นหลกั และอาจรวมถึงแหล่งประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี และวฒั นธรรมทีปรากฏในพนื ทีดว้ ย 2. ควรเป็นการทอ่ งเทียวทีทุกฝ่ ายมีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดลอ้ มธรรมชาติและระบบ นิเวศเป็นการทอ่ งเทียวทีไมท่ าํ ใหท้ รพั ยากรธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ มเสือมโทรม 3. เนน้ ให้นกั ท่องเทียวไดส้ ัมผสั ไดร้ ับประสบการณ์ และการเรียนรู้จากสภาพแวดลอ้ ม ทางธรรมชาติโดยตรง อีกทงั เสริมสร้างจิตสาํ นึกดา้ นสิงแวดลอ้ มอีกดว้ ย 4. เป็นการท่องเทียวทีใหป้ ระโยชน์กลบั คืนสู่ธรรมชาติ เอือประโยชน์ต่อชุมชนทอ้ งถิน ทงั ทางตรงและทางออ้ ม 5. มุ่งเนน้ คุณค่าลกั ษณะเด่นทีเป็ นเอกลกั ษณ์ของธรรมชาติทีเป็ นแหล่งท่องเทียวในการ ดึงดดู ใจนกั ทอ่ งเทียว แตไ่ ม่เนน้ ทีการเสริมแตง่ พฒั นาสิงอาํ นวยความสะดวก จากทีกล่าวมาขา้ งตน้ ไดส้ ะทอ้ นภาพของการท่องเทียวเชิงนิเวศไวอ้ ยา่ งชดั เจน ว่าเป็น การท่องเทียวและการพฒั นาไปพร้อม ๆ กนั โดยเฉพาะการพฒั นาจิตสาํ นึกของนกั ท่องเทียวใหม้ ี ความตระหนักในการรักษาสิงแวดลอ้ ม ( http://www.sara-dd.com สืบคน้ เมือวนั ที 2 มกราคม 2564 ) องค์ประกอบหลกั ของการท่องเทียวเชิงนิเวศ การท่องเทียวแห่งประเทศไทย (2544) (http://www.sara-dd.com : 2544 สืบคน้ เมือวนั ที 21 มกราคม 2564) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบหลักทีสําคัญของการท่องเทียวเชิงนิเวศ มี 4 ประการคือ 1. องคป์ ระกอบดา้ นพืนที เป็นการทอ่ งเทียวในแหล่งท่องเทียวทีเกียวเนืองกบั ธรรมชาติที มีเอกลกั ษณ์เฉพาะถิน รวมทังแหล่งวฒั นธรรมและประวตั ิศาสตร์ทีเกียวเนืองกบั ระบบนิเวศ (Eco-system) ในพืนทีนนั ๆ 2. องค์ประกอบดา้ นการจดั การ เป็ นการท่องเทียวทีมีความรับผิดชอบ (Responsible Travel) โดยไมก่ ่อให้เกิดผลกระทบต่อสิงแวดลอ้ มและสังคม มีการจดั การทียงั ยนื ครอบคลุมไป ถึงการอนุรักษ์ทรัพยากร การจดั การสิงแวดลอ้ ม การป้องกันและจาํ กัดมลพิษ ภาวะ และ ควบคุมอยา่ งมีขอบเขต จึงเป็นการทอ่ งเทียวทีมีการจดั การยงั ยนื 3. องคป์ ระกอบดา้ นกิจกรรมและกระบวนการ เป็นการทอ่ งเทียวทีมีกระบวน การเรียนรู้ โดยมีการให้ศึกษาเกียวกบั สภาพแวดลอ้ ม และระบบนิเวศของแหล่งท่องเทียวเป็ นการเพิมพูน
9 ความรู้ ประสบการณ์ ความประทบั ใจ เพือสร้างความตระหนักและปลูกจิตสํานึกทีถูกตอ้ งตอ่ นกั ท่องเทียว ประชาชนทอ้ งถิน และผูป้ ระกอบการทีเกียวขอ้ ง 4. องคป์ ระกอบดา้ นการมีส่วนร่วม เป็ นการท่องเทียวทีมีการคาํ นึงถึงการมีส่วนร่วมของ ชุมชนและประชาชนท้องถิน และผูป้ ระกอบการทีเกียวขอ้ งทีมีส่วนร่วมในการคิด วางแผน ปฏิบัติตามแผน ไดร้ ับประโยชน์ติดตามตรวจสอบ ตลอดจนร่วมบาํ รุงรักษาทรัพยากรการ ท่องเทียว อนั จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ในทอ้ งถิน ทงั การกระจายรายได้ การยกระดบั คุณภาพ ชีวิต และการไดร้ ับผลตอบแทนเพือกลบั มาบาํ รุงรักษา และจดั การแหล่งทอ่ งเทียวดว้ ย จากองคป์ ระกอบหลกั ทีสําคญั ของการท่องเทียวเชิงนิเวศดงั กล่าว จะเห็นวา่ องคป์ ระกอบ ดา้ นการมีส่วนร่วมนนั จะก่อใหเ้ กิดผลประโยชน์ในทอ้ งถิน ทงั การกระจายรายได้ การยกระดบั คุณภาพชีวติ และการไดร้ ับผลตอบแทนเพือกลบั มาบาํ รุงรักษา และจดั การแหล่งท่องเทียวดว้ ย ( http://www.sara-dd.com /สืบคน้ เมือวนั ที 21 มกราคม 4 ) สรุปความหมายของการท่องเทียวเชิงนิเวศ คือ การท่องเทียวรูปแบบหนึงทีเกียวขอ้ งกบั การเดินทางไปยังแหล่งธรรมชาติ และแหล่งวัฒนธรรมทีมีเอกลักษณ์ มีการอนุรักษ์ สภาพแวดลอ้ ม โดยมีการควบคมุ ผลกระทบ และสร้างบรรยากาศของการศึกษาเรียนรู้ ธรรมชาติ แวดลอ้ ม พร้อมใหช้ ุมชนทอ้ งถินเขา้ มามีส่วนร่วม และ ไดร้ ับประโยชน์เพือเพมิ พูนคุณภาพชีวิต แหล่งธรรมชาติ รวมทงั แหล่งวฒั นธรรมอยา่ งมีความรับผิดชอบ โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวน หรือทาํ ความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ ม และมีวตั ถุประสงคอ์ ยา่ งมุ่งมนั เพอื ชืนชม ศกึ ษา เรียนรู้ และเพลิดเพลนิ ไปกบั ทศั นียภาพ พืชพรรณ และสัตวป์ ่ า ตลอดจนลกั ษณะ ทางวฒั นธรรมทีปรากฏในแหล่งธรรมชาตินัน อีกทงั ช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจทีส่งผลใหก้ าร อนุรักษ์ ปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ มให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนทอ้ งถินดว้ ย แนวคดิ พืนฐานของการท่องเทียวเชิงนิเวศ 2. เอกสารทีเกยี วข้องของอาํ เภอป่ าบอน จังหวดั พทั ลงุ ผลงานวิจัยทีเกียวขอ้ งกบั โครงการเดินเขา้ ป่ าหามานิ ในบทที นี ไดศ้ ึกษาเอกสารและ งานวจิ ยั ทีเกียวขอ้ ง ดงั ตอ่ นี ประวตั คิ วามเป็ นมา จากคาํ บอกเล่าของนายประกิต เทพชนะ ชาวบ้านป่ าบอน อดีตผูว้ ่าราชการจังหวดั นครศรีธรรมราช ไดเ้ ล่าต่อๆกนั มาวา่ เดิมในอดีต ป่ าบอนเป็นตาํ บลหนึงของอาํ เภอปากพะยนู คาํ ว่า\"ป่ าบอน\" เป็นชือเรียกขานตามสภาพธรรมชาติทีเป็ นอยู่ในขณะนนั ซึงตรงกบั ชือตาํ บลๆหนึง ของจังหวดั ปัตตานี คือมีต้นบอนขึนอยู่หนาแน่นบริเวณทีราบลุ่มนําป่ าบอน หรือคลองป่ า
10 บิน ชาวบา้ นว่า \"บอนคนั \" ซึงเป็ นพืชลม้ ลุก ใชล้ าํ ตน้ ตม้ ผสมกบั ราํ ขา้ วเลียงหมู สภาพภูมิศาสตร์ เป็นทีลาดเอียดจากเทือกเขาบรรทดั ทางทิศตะวนั ตกไปสู่ทะเลสาบสงขลาทางทิศตะวนั ออก การตงั อาํ เภอป่ าบอนเริมขึนเมือประมาณปี 2524 สมยั นายคล้าย จิตต์พิทกั ษ์ เป็ น สส. พทั ลุง ไดเ้ สนอใหต้ งั กิงอาํ เภอป่ าบอนขึน โดยมรนะครูบวรศิลป์ ขนั ธ์ (ท่านคลิง) เจา้ อาวาสวดั ป่ า บอนในขณะนนั เป็ นผูข้ อบริจาคทีดินเพือเป็ นสถานทีตงั ทีว่าการกิงอาํ เภอป่ าบอน และไดร้ ับการ พฒั นามาจนเป็นอาํ เภอป่ าบอนในปัจจุบนั แบง่ การปกครองออกเป็น ๕ ตาํ บล ๕๐ หมูบ่ า้ น ๑ เทศบาลตาํ บล คือ องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลป่ าบอน จาํ นวน ๑๑ หมบู่ า้ น องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลโคกทราย จาํ นวน ๑๓ หมู่บา้ น องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลทงุ่ นารี จาํ นวน ๙ หมบู่ า้ น องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลหนองธง จาํ นวน ๙ หมบู่ า้ น องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลวงั ใหม่ จาํ นวน ๘ หมู่บา้ น เทศบาลตาํ บลป่ าบอน จาํ นวน ๖ ชุมชน ข้อมูลศักยภาพพืนทีในอาํ เภอป่ าบอน ทีตัง อาํ เภอป่ าบอนตังอยู่ทางทิศตะวนั ตกเฉียงใตข้ องจงั หวดั มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครอง ขา้ งเคยี ง ดงั ตอ่ ไปนี ทิศเหนือ ติดตอ่ กบั อาํ เภอตะโหมด อาํ เภอบางแกว้ และอาํ เภอปากพะยนู ทิศตะวนั ออก ติดตอ่ กบั อาํ เภอปากพะยนู ทิศใต้ ติดตอ่ กบั อาํ เภอรัตภมู ิ (จงั หวดั สงขลา) อาํ เภอควนกาหลง และอาํ เภอท่งุ หวา้ (จงั หวดั สตลู ) ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กบั อาํ เภอทงุ่ หวา้ (จงั หวดั สตลู ) และอาํ เภอตะโหมด อาํ เภอป่ าบอนแบ่งเขตการปกครองยอ่ ยออกเป็น 5 ตาํ บล 48 หมู่บา้ น ไดแ้ ก่ 1.ป่ าบอน (Pa Bon) 10 หมู่บา้ น 2.โคกทราย (Khok Sai) 12 หมบู่ า้ น 3.หนองธง (Nong Thong) 9 หมู่บา้ น 4.ทุ่งนารี (Thung Nari) 9 หม่บู า้ น 5.วงั ใหม่ (Wang Mai) 8 หมู่บา้ น
11 3. เอกสารสถานทีท่องเทยี วอาํ เภอป่ าบอน จังหวดั พทั ลุง ภาพที 2 อ่างเกบ็ นําคลองป่ าบอน อา่ งเก็บนาํ แห่งนีตงั อยทู่ ี บา้ นโหละ๊ หาร หมู่ ตาํ บลทุ่งนารี อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง นอกจากสงบ สวยงามแลว้ น่าแวะมาเทียวแลว้ อา่ งเก็บนาํ คลองป่ าบอน เป็นหนึงในโครงการทีมี ประโยชน์ ช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และช่วยใหเ้ กษตรกรมีนําพอเพยี งใน การเกษตรรวมทงั อาชีพเสริม โดย อา่ งเก็บนาํ คลองป่ าบอน สามารถส่งนาํ ให้กบั พนื ที ฝายทดนาํ คลองป่ าบอน ซึงมีพนื ทีไดร้ ับประโยชน์ , ไร่ ให้มีนาํ สาํ หรับทาํ นาไดอ้ ยา่ งเพยี งพอและทวั ถึง อ่างเก็บนาํ คลองป่ าบอน เป็นโครงการอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ ของ จ.พทั ลุง งดงามทงั ภูมิศาสตร์ ของอา่ งเก็บนาํ และขนุ เขา ทงั ยงั ดว้ ยไดส้ ักการะ หลวงป่ ูทวด พระเกจิอาจารยท์ ีประชาชนใหค้ วาม ศรัทธามากอีกดว้ ย ทีมา : http://www.phatthalung.go.th/tour_phatthalung/detail/ (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที 7 กุมภาพนั ธ์ )
12 ภาพที 3 สวนนําโหล๊ะหารประชารัฐ สวนนาํ บา้ นโหล๊ะหารประชารัฐ เป็นสวนนาํ ทีเกิดจากแนวคดิ ของคนในชุมชนจนไดร้ ิเริม ก่อตงั ขึน เป็ นสวนนาํ ทีชาวบา้ นไดร้ ่วมกนั ทาํ สไลเดอร์นาํ เพือไวใ้ หเ้ ดก็ และคนในหมบู่ า้ นไดใ้ ชเ้ ลน่ เพือความสนุก และผอ่ นคลาย หลงั จากไดง้ บโครงการประชารฐั หม่บู า้ นละ 200,000 บาท จากรัฐบาล ซึงเป็นโครงการสไลเดอร์นาํ ของหมบู่ า้ น โดยชาวบา้ นไดร้ ่วมกนั ทาํ ประชาคมเห็นชอบใหส้ ร้างสไล เดอร์นาํ เพอื การทอ่ งเทียว ซึงต่างจากไปจากหมบู่ า้ นอืน ส่วนการสร้างสไลเดอร์นาํ นนั เดก็ ๆ ใน หมู่บา้ นจะไดเ้ ล่นนาํ กนั ในหมบู่ า้ น ไม่ห่างไกลจากผปู้ กครอง และสามารถสร้างรายไดเ้ ขา้ ชุมชน อีก ทงั ยงั ทาํ ใหช้ าวบา้ นมีรายไดเ้ สริมจากการท่องเทียวเชิงนิเวศน์ สร้างความสามคั คีในชุมชน โดยความ ปลอดภยั มีการรบั รองความปลอดภยั 100% โดยมีชาวบา้ นคอยเป็นสตา๊ ฟช่วยเหลือดูแลนกั ท่องเทียว วนั ละ 5 คน เพือความปลอดภยั ของนกั ทอ่ งเทียว ทีมาเยอื น ภายในสวนนาํ จะเตม็ ไปดว้ ยตน้ ไมร้ ่มรืน อากาศเยน็ สบาย เหมาะแก่การเทียวพกั ผอ่ นกบั ครอบครัว มรี ้านคา้ รา้ นขนม ร้านอาหารตา่ ง ๆ ไว้ คอยบริการ และมีห่วงยางสาํ หรบั เด็ก ๆ ไวใ้ ห้เช่าอีกดว้ ย ทีมา : https://ict.sci.psu.ac.th/tourphatthalung/ (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที กุมภาพนั ธ์ )
13 ภาพที 4 สวนสละลุงถนั สถานทีท่องเทียวเชิงเกษตรทีมีชือเสียงของอาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง อนั เกิดจากจาก ความสาํ เร็จของลุงถนั ดาํ เรือง ผูพ้ ลิกแนวคิดจากการทาํ สวนยาง สวนผลไมอ้ ืน ๆ มาเป็ นสวนสละ คุณภาพทีควา้ รางวลั มากมายมาแลว้ สวนสละลุงถนั ไม่ใช่แค่สวนผลไมส้ ร้างรายไดใ้ ห้ครอบครัว เทา่ นนั หากเป็นสวนแห่งชีวิตทีน่าศึกษา เมือคณุ วิชยั ดาํ เรือง บุตรชายของลุงถนั รําเรียนจบปริญญา ทางวิศวกรรมมาก็จริง แตก่ ลบั หลงเสน่ห์ผนื ดินของพอ่ ยอมละทิงอนาคตสวยหรูในป่ าคอนกรีต มา สวมบทบาทเป็ นลูกชาวสวนเต็มตวั เขาช่วยพ่อดูแลสวนสละ คอยเป็ นวิทยากรให้ความรู้แก่ผูม้ า เยยี มชม ไม่ว่าจะเป็ นกลุ่มเกษตรกร นกั ท่องเทียว ซึงแวะเวยี นมาชมกนั อย่างไมข่ าดสายทงั ชาวไทย และชาวตา่ งชาติ เช่น เยอรมนั ญีป่ ุน มาเลเซีย ซึงนอกจากจะไดเ้ ยยี มชมสวนทีเตม็ ไปดว้ ยสาระน่า เรียนรู้ทางการเกษตรแลว้ ยงั จะไดช้ มการสาธิตการผสมพนั ธุส์ ละ ชิมนาํ สละ ชิมผลสละสด รวมถึง กิจกรรมอืน ๆ อีกมากมาย ทีมา : https://thai.tourismthailand.org/Attraction (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที กมุ ภาพนั ธ์ )
14 4. เอกสารสือเทคโนโลยีทใี ช้ในการจดั ทําโครงการ เครือข่ายสังคมออนไลน์ หมายถึง สังคมออนไลน์ทีมีการเชือมโยงกนั เพอื สร้างเครือขา่ ย ในการตอบสนองความตอ้ งการทางสังคมทีมุ่งเน้นในการสร้างและสะท้อนให้เห็นถึงเครือข่าย หรือความสัมพนั ธ์ทางสงั คม ในกลุ่มคนทีมีความสนใจหรือมีกิจกรรมร่วมกนั บริการเครือข่าย สงั คมออนไลนจ์ ะใหบ้ ริการผา่ นหนา้ เวบ็ และใหม้ กี ารตอบโตก้ นั ระหวา่ งผใู้ ชง้ านผา่ นอินเทอร์เน็ต (http://phutthawan.blogspot.com /สืบคน้ เมือวนั ที 21 มกราคม 4 ) ความเป็ นมาของเครือข่ายสังคมออนไลน์ การเกิดขึนและเติบโตของเครือข่ายสังคมออนไลน์นีมาจากการพฒั นาทางเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตจากเวบ็ 1.0 (เวบ็ เนือหา) มาสู่เว็บ 2.0 (เวบ็ เชิงสังคม) ซึงจุดเด่นของเว็บ 2.0 คือ การที ผูใ้ ช้สามารถสร้างเนือหาบนอินเทอร์เน็ตได้เอง โดยไม่จาํ กัดว่าจะต้องเป็ นทีมงานหรือผู้ดูแล เว็บไซต์ ซึงเรียกว่า User Generate Content ขอ้ ดีของการทีผูใ้ ชเ้ ขา้ มาสร้างเนือหาไดเ้ อง ทาํ ให้มีการ ผลิตเนือหาเขา้ มาเป็นจาํ นวนมาก และมีความหลากหลายของมุมมองความคิด เพราะจากเดมิ ผูด้ ูแล จะเป็ นคนคิดและหาเนือหามาลงแต่เพียงกลุ่มเดียว (http://phutthawan.blogspot.com/สืบค้นเมือ วนั ที 21 มกราคม 2564 ) 4.1 เอกสารการจดั ทาํ วดี ที ัศน์ กิดานนั ท์ มลิทอง ( ) ไดก้ ลา่ ววา่ วีดิทศั น์ (Video Tape) ซึงตามปกติเรามกั เรียกทบั ศพั ท์ ว่า“วีดิโอเทป” เป็นวสั ดุอุปกรณ์ทีสาํ คญั ทีสามารถใชใ้ นการบนั ทึกภาพ และเสียงไวไ้ ดพ้ ร้อมกนั ใน แถบเทปในรูปของคลืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และยงั สามารถลบแลว้ บนั ทึกใหม่ได้ รสริน พิมลบรรยงก์ ( ) ไดอ้ ธิบายว่า วีดิทศั น์ คือ เทปทีใชบ้ นั ทึกภาพ และเสียงไวใ้ นรูปแบบ ของคลืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า และสามารถลบแลว้ บนั ทึกใหม่ หรือบนั ทึกซาํ ได้ วชิระ อินทร์อุดม ( ) ให้ความหมายวีดิทศั น์วา่ เป็ นวสั ดุทีสามารถใชบ้ นั ทึกภาพและเสียงได้ โดยอาศยั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดว้ ยวิธีการทางแสงเสียง และแม่เหลก็ ไฟฟ้า ซึงสามารถ บันทึกและเปิ ดให้ชมได้ทันที โดยอาศัยเครืองเล่น/บันทึกวีดิทัศน์ ซึงสามารถบันทึกและลบ สญั ญาณภาพและเสียงได้
15 ประทิน คล้ายนาค ( ) ให้ความหมายของวีดิทัศน์ในทางเทคนิคว่า เป็ นการใช้กล้อง อิเลก็ ทรอนิกส์ถ่ายภาพเคลือนไหว พร้อมกบเสียงแลว้ สงเป็นสัญญาณไฟฟ้าไปออกทีจอโทรทศั น์ จากความหมายทีกล่าวมาขา้ งตน้ สรุปไดว้ า่ วีดิทศั น์ หมายถึง แถบ วสั ดุอุปกรณ์ ซึงเป็นแถบเคลือบ แม่เหลก็ สามารถเก็บบนั ทึกขอ้ มลู ไดห้ ลายมิติ เช่น ภาพ และเสียง ในรูปแบบของคลืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า สามารถติดต่อเพิมเติม ลบออกได้โดยมีสือแพร่ภาพ แพร่เสียง เช่น เครืองรับโทรทัศน์ หรือ คอมพวิ เตอร์เป็ นเครืองแสดงภาพและเสียง วีดิทศั น์ (Video) คือ มลั ติมีเดียทีสามารถแสดงภาพเคลือนไหวพร้อมเสียงบรรยายได้ การ นาํ เสนอวดิ โี อมีหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอเพือการศกึ ษา วิดีโอเพือความบนั เทิง ประโยชนข์ องวดิ ีโอมี มากมาย นอกจากให้ความรู้ ให้ความบันเทิง ยงั สามารถสร้างรายได้ให้กบั ผูใ้ ช้งาน เช่น วิดีโอ นาํ เสนอสินคา้ ผลิตภณั ฑต์ ่างๆ เป็นตน้ วีดิทศั น์เป็นการเล่าเรืองดว้ ยภาพ ทาํ หนา้ ทีหลกั ในการนาํ เสนอ เสียงจะเขา้ มาช่วยเสริมใน ส่วนของภาพเพือให้เข้าใจเนือเรื องมากยิงขึน วีดิทัศน์เป็ นสือในลักษณะทีนําเสนอเป็ น ภาพเคลือนไหวและสร้างความตอ่ เนืองของการกระทาํ ของวตั ถุจากเรืองราวตา่ งๆ สร้างความรู้สึก ใกลช้ ิดกบั ผชู้ ม เป็นสือทีเขา้ ถึงงา่ ย มีความรวดเร็ว การผลิตวีดิทศั นใ์ นการศึกษานัน เป็นเรืองของการสือสาร การถา่ ยทอดความรู้ผา่ นสือ วีดิทศั น์ ไปยงั กลมุ่ เป้าหมาย คือ นกั เรียนและครูเป็นจดุ มงุ่ หมายหลกั ขนั ตอนการผลิตนนั เหมือนกบั การผลิต รายการวีดิทศั นท์ วั ไป แตจ่ ะแตกตา่ งกนั ทีรายละเอียดความถูกตอ้ ง น่าเชือถือ และการสือความหมาย เพือการเรียนรู้ การสอน รายการวีดิทศั น์ ทีมีคุณภาพนันตอ้ งสือความหมายหรือถ่ายทอดความรู้ ตา่ งๆ ไดต้ ามวตั ถุประสงคห์ ลกั ทีตงั เอาไว้ 4.2 เอกสารการใช้โปรแกรม Viva Video VivaVideo เป็นแอพถา่ ยและตดั ต่อวิดีโอทีกาํ ลงั เป็นทีนิยมใน App Store โดยมีผใู้ ชไ้ ปแลว้ มากกวา่ 50 ลา้ นคนทวั โลก และเราสามารถส้รางเรืองราวออกมาเป็ นวดี ีโอเพือแชร์ลงโซเชียล VivaVideo ตดั ต่อวิดีโอฟรี สามารถรองรบั การเลือกคุณภาพวิดีโอทีส่งออกหรือแชร์ต่อในโลก โซเชียลไดอ้ ยา่ ง ง่ายดายและสะดวกสบาย สามารถช่วยปลดลอ็ กคุณสมบตั ิส่งออกแบบ HD ไดฟ้ รี เพยี งแค่คคุณทาํ การแชร์วดิ ีโอใหก้ บั เพือน ๆ เป็นเลนส์กลอ้ งวดิ ีโอทีมคี วามสร้างสรรค์ และ
16 สามารถรองรับตวั เลือกการถ่ายภาพหลายภาพ ไม่วา่ จะเป็น ภาพพืนฐาน ,เซลฟี เอฟเฟกต์ ,มวิ สิกวดิ ี โอ,ภาพตดั ปะ ฯลฯ วิธใี ช้ VivaVideo ภาพที 5 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวนั ที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564) 1 : เลือก “CAPTURE” จะเขา้ สู่โหมดถา่ ยวดี ีโอ ภาพที 6 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวนั ที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564)
17 2 : แตะทีป่ ุมสีสม้ “RECORD” ภาพที 7 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวันที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564) 3 : แตะ “RECORD” และปล่อยเพือหยดุ ถา่ ย อยากถา่ ยตอ่ ก็แตะถ่ายต่อ ภาพที 8 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวนั ที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564)
18 4 : เมือไดว้ ดี ีโอเสร็จแลว้ ใหเ้ ลือก “THEME” ภาพที 9 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวันที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564) 5 : หากตอ้ งการใส่เพลงดว้ ยให้แตะทีป่ มุ “SOUND” ภาพที 10 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวันที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564)
19 6 : จะมีเพลงขึนมาใหเ้ ลือกไดอ้ ย่างมากมาย ภาพที 11 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวันที 25 กุมภาพนั ธ์ 2564) 7 : ถดั มา, ใหล้ องกดเพือดูตวั อยา่ งวดี ีโอ ภาพที 12 VivaVideo ทีมา (https://www.maclolz.com/ สืบค้นออนไลน์เมือวันที 25 กมุ ภาพนั ธ์ 2564)
20 8 : หากไดว้ ดี ีโอทีตอ้ งการแลว้ ใหเ้ ลือกบนั ทึกวีดีโอนนั ไดเ้ ลย ซึงในโหมด CAPTURE ก็จะเป็นการถา่ ยวีดีโอแบบปกติ นอกจากถ่ายวีดีโอพร้อมใส่เอฟเฟกตห์ รือ บนั ทึกแลว้ นาํ มาใส่ลูกเล่นทีหลงั กไ็ ด้ ทีมา : https://www.maclolz.com/ (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที กุมภาพนั ธ์ ) 5.แนวคดิ และทฤษฎีความพงึ พอใจในการท่องเทียว แนวคดิ ความพงึ พอใจ คาํ วา่ “ความพึงพอใจ” มีความหมายตรงกบั ภาษาองั กฤษ “Satisfaction” หมายถึงความรู้สึก ดีในระดบั ทีตอ้ งการ และมีนกั วชิ าการหลายท่านไดใ้ ห้คา้ จา้ กดั ความ ความหมายไวพ้ อสรุปไดด้ งั นี มอร์ส (Morse. 1958: 19) ได้ให้ความหมายไวว้ ่า ความพึงพอใจ หมายถึง สิงใดก็ตามที สามารถลดความตึงเครียดของมนุษยใ์ ห้น้อยลง และความตึงเครียดเหล่านันเป็ นผลมาจากความ ตอ้ งการของมนุษย์ เมือมนุษยต์ อ้ งการมากก็จะเกิดปฏิบตั ิเรียกร้อง เมือใดความตอ้ งการไดร้ ับการ ตอบสนอง ความตึงเครียดก็จะนอ้ ยลงหรือหมดไปทา้ ใหเ้ กิดความพงึ พอใจ กู๊ด (Good. 1973: 13) ไดใ้ ห้ความหมายวา่ ความพึงพอใจในการปฏิบตั ิงาน หมายถึง ระดบั ความพอใจซึงเป็นผลจากความสนใจ และ เจตคติของบคุ คลทีมีตอ่ คุณภาพและสภาพของงาน เฟลด์แมน และฮิวจ์ (Felfman and Hugh. 1983: 192) ไดใ้ ห้ความหมายวา่ ความพงึ พอใจใน การปฏิบตั ิงานคอื สิงทีแสดงออกหรือ ความรู้สึกในทางบวกทีบุคคลมีตอ่ งานทีปฏบิ ตั ิ โวล์แมน (จนั ทร์เพ็ญ ตูเทศานันท์ 2542: 47; อา้ งอิงจาก Wolman. 1973: 304) ให้ความหมายของ ความพงึ พอใจวา่ ความพอใจ คือ ความรู้สึก (Feeling) มคี วามสุขเมือประสบผลตามสําเร็จตามความ คาดหวงั ความตอ้ งการจากแรงจูงใจ ปาริชาติ ตนั ติวฒั น์ (2538: 17) ได้ให้ความหมายไวว้ ่า ความพึงพอใจในการทาํ งานคือ ความรู้สึกของบุคคลต่องานอนั เป็ นผลจากปัจจยั หรือองคป์ ระกอบต่าง ๆ ในการปฏิบตั ิงาน เพือ สนองความตอ้ งการของบคุ คลทงั ทางร่างกายและจิตใจไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สร้อยตระกูล ติวยานนท์ (2542: 133) ไดใ้ ห้ความหมายไวว้ ่า ความพึงพอใจในงานเป็ น ทศั นคติหรือความรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบโดยเฉพาะของผูป้ ฏิบตั ิงานซึงเกียวกบั งาน จะเห็นไดว้ า่ เรืองความพงึ พอใจในงานนีเป็นเรืองของทศั นคติ หรือเจตคตโิ ดยตรง
21 วนิชา ฟักขา้ (2543: 19) ได้ให้ความหมายไวว้ ่า ความพึงพอใจในการท้างาน หมายถึง ความรูส้ ึกหรือทศั นคติทีดีต่องาน ซึงเกิดจากการสนองความตอ้ งการในปัจจยั การทา้ งานดา้ นต่างๆ ทา้ ใหป้ ฏิบตั ิงานดว้ ยความเต็มใจและมีประสิทธิภาพ จากความหมายของความพึงพอใจทีไดก้ ล่าวมาแลว้ นันพอสรุปไดว้ ่า ความพึงพอใจเป็ น ทศั นคติหรือความรู้สึกส่วนตวั ของบคุ คลทีมีต่อปัจจยั แวดลอ้ มตา่ งๆทีบุคคลนนั ๆไดร้ ับประสบหรือ อยใู่ นเหตกุ ารณ์ เชน่ สิงของ บคุ คล สถานทีหรือกิจกรรมตา่ ง ๆ ซึงเป็นไดท้ งั บวกและทางลบ ความ พงึ พอใจในทางบวกจะทาํ ใหบ้ คุ คลนนั มีความรู้สึกดี มีความประทบั ใจและรู้สึกผอ่ นคลายจากความ ตึงเครียด นอกจากนียงั ส่งผลใหม้ ีสุขภาพดีทงั ดา้ นร่างกาย จิตใจและสติปัญญาอีกดว้ ย ส่วนความ พงึ พอใจในทางลบซึงหมายถึงความไมพ่ งึ พอใจก็จะมผี ลในทางตรงกนั ขา้ ม ศิริ วรรณ เสรี รั ตน์; และคณะ (2546: 90-93) กล่าวถึง ความพึงพอใจของลูกค้า (Customersatisfaction) เป็ นความรู้สึกของลูกคา้ วา่ พึงพอใจหรือไมพ่ งึ พอใจ ซึงเป็นผลลพั ธ์ จากการ เปรียบเทียบระหวา่ งการรับรู้ในการทา้ งานของผลิตภณั ฑก์ บั ความคาดหวงั ของลูกคา้ (Kotler. 2003 : 61) ถา้ ผลการทาํ งานของผลิตภณั ฑต์ าํ กวา่ ความคาดหวงั ลูกคา้ ก็จะไมพ่ ึงพอใจ ถา้ ผลการทาํ งานของ ผลิตภณั ฑเ์ ท่ากบั ความคาดหวงั ลูกคา้ จะเกิดความพงึ พอใจและถา้ ผลการ ทาํ งานของผลิตภณั ฑส์ ูง กว่าความคาดหวงั มาก ลูกคา้ ก็จะเกิดความพงึ พอใจอยา่ งมาก สรุปจากแนวคิดและทฤษฎีดังกล่าวข้างต้น สามารถสรุปไดว้ ่าความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึก คุณค่าทีผูบ้ ริโภคได้รับจากความคาดหวงั ทีจะใช้ผลิตภณั ฑ์ส่วนผลประโยชน์จาก คณุ สมบตั ิผลิตภณั ฑ์ หรือการทา้ งานของผลิตภณั ฑน์ นั นกั การตลาดและฝ่ายอืนๆทีเกียวขอ้ งจะตอ้ ง พยายามสรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั ลูกคา้ โดยพยายามสร้างคุณคา่ เพิม (Value Added) ทงั คุณค่าเพิมที เกิดจากการผลิต (Manufacturing) และจากการตลาด (Marketing) ตลอดจนยดึ หลกั การสร้างคุณภาพ โดยรวม (Total quality)คุณค่าทีความแตกต่างทางการแข่งขนั ของผลิตภณั ฑ์ (Product competitive differentiation) เป็นการออกแบบลกั ษณะตา่ ง ๆ ของผลิตภณั ฑห์ รือบริษทั ให้แตกต่างจากคแู่ ขง่ ขนั ซึงความแตกต่างนนั จะตอ้ งมีคุณค่าในสายตาของลูกคา้ และสามารถสร้างความพึงพอใจใหก้ บั ลูกคา้ ได้ ความแตกต่างทางการแข่งขนั ประกอบดว้ ย 1. ความแตกตา่ งดา้ นผลิตภณั ฑ์ (Product differentiation) 2. ความแตกตา่ งดา้ นบริการ (Services differentiation)
22 3. ความแตกต่างดา้ นบคุ ลากร (Personal differentiation) 4. ความแตกต่างดา้ นภาพลกั ษณ์ (Image differentiation) ความแตกต่างเหล่านีเป็ นตัวกําหนดคุณค่าเพิมสําหรับลูกคา้ (Customer added value) คุณค่าผลิตภณั ฑ์รวมในสายตาของลูกค้า (Total customer value) เป็ นการรับรู้ในรูป ของตวั เงิน ทางดา้ นเศรษฐกิจ หนา้ ทีและผลประโยชนท์ างดา้ นจิตวทิ ยาทีลกู คา้ คาดหวงั ทีจะ ไดร้ ับจากตลาด (Kotler2003:60)หรือเป็นผลรวมของผลประโยชน์หรืออรรถประโยชน์ (Utility) จากผลิตภณั ฑห์ รือ บริการใดบริการหนึง คุณค่าผลติ ภณั ฑพ์ จิ ารณาจากความแตกต่าง ทางการแข่งขนั ของผลิตภณั ฑ์ ซึงประกอบดว้ ยความแตกตา่ งดา้ นผลิตภณั ฑค์ วามแตกต่าง ดา้ นบริการ ความแตกต่างดา้ น บคุ ลากรและความแตกต่างดา้ นภาพลกั ษณ์ ความแตกตา่ งทงั สีดา้ นนีก่อใหเ้ กิดคณุ คา่ ผลิตภณั ฑ์ 4 ดา้ นเช่นกนั คอื คณุ ค่าดา้ นผลติ ภณั ฑ์ (Product value) คุณค่าดา้ นบริการ (Service value) คุณค่าดา้ น บคุ ลากร (Personnel value) และคณุ ค่าดา้ นภาพลกั ษณ์ (Image value) คุณคา่ ทงั 4 ประการรวม เรียกว่ คณุ ค่าผลิตภณั ฑร์ วมในสายตาของลูกคา้ (http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Rec_Man/Vitan_J.pdf สืบคน้ เมือวนั ที19 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 ) ทฤษฎีแรงจงู ใจปัจจยั ผลกั และปัจจยั ดงึ ของ Dann ขอ้ จาํ กดั ของทฤษฎีนี คือ การให้ความสําคญั กบั ความคาดหวงั เป็ นแรงจูงใจทางการ ท่องเทียวแต่เพียงประการเดียว โดยได้มองขา้ มปัจจยั ทางด้านความตอ้ งการของนักท่องเทียว ตลอดจนลกั ษณะเด่นของจุดหมายปลายทางทางการท่องเทียวในฐานะทีเป็ นแรงจูงใจทางการ ท่องเทียวทีสาํ คญั เช่นเดยี วกนั โดยมีทฤษฎีของ Dann มาเป็ นส่วนหนึงของแรงจูงใจดงั กลา่ ว 1. ทฤษฎีปัจจยั ผลกั และปัจจยั ดึง ( The theory of push and pull factors ) ของ Dann ทฤษฎีแรงจงู ใจทางการทอ่ งเทียวทีไดร้ ับการกลา่ วถึงมากทีสุดทฤษฎีหนึง คือ ทฤษฎีปัจจยั ผลกั และ ปัจจยั ดึงของ Dann ( 1997;1981 ) โดยแนวคิดหลักของทฤษฎีนี คือ แรงจูงใจทางการท่องจะแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภทหลกั ๆ คอื 1.1 ปัจจยั ผลกั ( Push factors ) หมายถึง ปัจจยั ภายใน หรือความตอ้ งการและความ คาดหวงั ทีเกิดขึนภายในจิตใจของนกั ทอ่ งเทียวทที าํ ให้ตดั สินใจเดินทางท่องเทียว
23 1.2 ปัจจยั ดึง ( Pull factors ) หมายถึง ปัจจยั ทีเกียวขอ้ งกบั ความน่าสนใจและความ น่าดึงดูดใจของจุดหมายปลายทางทางการทอ่ งเทียว Dann ( 1977;1981 ) ไดอ้ ธิบายเพิมเติมวา่ ปัจจยั ผลกั จะเกิดขึนก่อน จากนันปัจจยั ดึงจึงจะ เกิดขึนตาม หรือกล่าวอีกนยั หนึงก็คือ ปัจจยั ดึงเป็นผลทีตามมาของปัจจยั ผลกั ขอ้ ความนีสามารถ อธิบายให้เขา้ ใจไดง้ ่ายขึน ดงั นีคือ ตามปกติแลว้ นักท่องเทียวจะเกิดความตอ้ งการในการเดินทาง ท่องเทียวก่อน เช่น ตอ้ งการพกั ผอ่ น หรือตอ้ งการไดร้ บั ประสบการณ์ทีแปลกใหม่ ซึงความตอ้ งการ เหล่านีเป็นปัจจยั ผลกั จากนนั นกั ท่องเทียวจึงจะตดั สินใจเกียวกบั สถานทีทีจะเดินทางไปท่องเทียว โดยพิจารณาจากความน่าสนใจและความดึงดูดใจของสถานทีแต่ละแห่ง ซึงปัจจยั ประการหลงั นี เป็นปัจจยั ดึง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั ทงั 2 ประการ การเสนอทฤษฎีนีของ Dann ( 1977;1981 ) นบั วา่ เป็นจุดเริมตน้ ของการใหค้ วามสาํ คญั กบั จุดเด่นและลกั ษณะของจุดหมายปลายทางทางการท่องเทียวในฐานะทีเป็ นแรงจูงใจทางการ ท่องเทียวทีสาํ คญั ประการหนึง นอกเหนือจากปัจจยั ภายในของนกั ท่องเทียว โดยทฤษฎีนียงั ถูก นาํ ไปศึกษาเพิมเตมิ และขยายความจาก Crompton ( 1979 ) 2. ทฤษฎีภาวะผดิ ปกติของบุคคล และการเสริมสร้างอตั ตาของตนเอง ( The anmomie and ego-enhancement theory ) ของ Dann ทฤษฎีทางดา้ นแรงจูงใจทางการท่องเทียวอีกทฤษฎีหนึงทีคิดคน้ และเสนอโดย Dann ( 1977 ) คือ ทฤษฎีภาวะผิดปกติของบุคคล และการเสริมสร้างอตั ลกั ษณข์ องตนเอง โดยเขาไดอ้ ธิบาย วา่ ปัจจยั ทางดา้ นความผดิ ปกติของบคุ คล ( Anomie ) และความตอ้ งการในการเสริมสร้างอตั ตาของ ตนเอง ( ego - enhancement ) เป็นแรงจูงใจสําคญั ทีทาํ ใหน้ กั ทอ่ งเทียวตดั สินใจเดินทางท่องเทียว สาํ หรับปัจจยั ประการแรก ซึงก็คือ ความผิดปกติของบคุ คล ( Anomie ) นนั หมายถึง ความตอ้ งการของมนุษยท์ ีจะหลดุ พน้ หรือหลีกหนีจากความรู้สึก เปล่าเปลียวทีไดร้ ับจากการดาํ เนินชีวติ ประจาํ วนั หรือหมายถึง ความตอ้ งการมีปฏิสมั พนั ธก์ บั บุคคล อืน ๆ ในสังคม โดยทฤษฎีนีมองว่า มนุษยโ์ ดยทวั ไปคิดว่าเขาไม่สามารถทีจะตอบสนองความ ตอ้ งการชนิดนีได้ หากยงั อยู่ในสิงแวดลอ้ มเดิม ๆ แต่ความต้องการดงั กล่าวนีสามารถได้รับการ ตอบสนอง หากไดเ้ ดินทางท่องเทียวไปยงั สถานทีอืน ๆ
24 ส่วนปัจจยั ทางดา้ นความตอ้ งการในการเสริมสรา้ งอตั ตาของตนเอง ( ego - enhancement ) นนั หมายถึง ความตอ้ งการไดร้ ับการยกยอ่ งจากบุคลอืน ๆ หรือความตอ้ งการมีสถานะทีดีขึน โดย ทฤษฎีนีมองว่า มนุษยท์ วั โดยปกติทัวไป มกั จะไม่พึงพอใจกับสถานะทางด้านสังคมและ/หรือ สถานะทางการเงินทีเป็ นอยู่ในปัจจุบนั ของตนเอง และตอ้ งการทีจะเพิมสถานะดังกล่าวให้ดีขึน โดยเขามองวา่ การอยู่ในสิงแวดลอ้ มเดิม ๆไม่สามารถตอบสนองความตอ้ งการนีได้ และเชือวา่ การ เดินทางท่องเทียวไปยงั สถานทีอืนๆจะเป็ นโอกาสทีทาํ ให้เขาได้เพิมสถานะของตนเองในสายตา ของผูอ้ ืนตวั อย่างเช่น การทีนักท่องเทียวไปพกั ในโรงแรมทีหรูหรา เขาจะเกิดความรู้สึกว่าไดร้ ับ การยอมรับจากบุคคลอืนว่ามีสถานะเป็นคนสําคญั ทีไดร้ ับการบริการทีดีเลิศจากทางโรงแรม หรือ การท่องเทียวชาวตะวนั ตกเดินทางมาท่องเทียวในประเทศไทยทียากจน หรือประเทศกาํ ลงั พฒั นา พวกเขาจะรู้สึกวา่ มีสถานะทีดีกวา่ คนทอ้ งถินในประเทศนนั ๆ Dann ( 1997;1981 ) ไดส้ รุปถึงความสําคญั ของปัจจยั ทงั 2 ประการขา้ งตน้ วา่ ปัจจยั ทงั 2นีเป็นปัจจยั ผลัก( Push factors )ทีทําเป็ นวิธีทีทําให้นักท่องเทียวตัดสินใจเดินทางท่องเทียว เนืองจาก นกั ทอ่ งเทียวเชือว่าการเดินทางท่องเทียวเป็นวิธีทีทาํ ให้เขาสามารถเขา้ สู่ “โลกแห่งความเพอ้ ฝัน ( a fantasy world ) ” ทีเขาสามารถทาํ สิงใด ๆ ก็ได้ ทีแตกต่างต่างไปจากชีวิตแบบปกติของเขา( กล่าวคือ การได้มีปฏิสัมพนั ธ์กับบุคคลอืนๆเพิมขึน และไดเ้ สริมสร้างอตั ตาให้กบั ตวั เอง Munt ( 1994 ) ไดส้ นบั สนุนแนวคิดของทฤษฎีนี โดยไดก้ ล่าววา่ การเดินทางท่องเทียวไปยงั สถานทีอืนๆ เป็นการเปิ ดโอกาสให้นกั ท่องเทียวไดม้ ีคุณลกั ษณะอย่างใดอยา่ งหนึง เช่นไดเ้ ป็นบุคคลสําคญั หรือ เป็นผทู้ ีมีสถานะทางการเงินทีดี เป็ นตน้ ทฤษฎีนีนบั วา่ เป็นการขยายของแรงจูงใจทีเป็ นปัจจยั ผลกั ใหม้ คี วามหมายชดั เจนมากขึน ทีมา : ( รววี รรณ โปรยรุ่งโรจน์ 255 :256 )
บทที วิธีการดําเนินโครงการ การจดั ทาํ โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชมุ ชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ใน ครังนี มีลาํ ดบั การดาํ เนินการตามขนั ตอน ดงั ต่อไปนี . ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง . เครืองมือในการใชร้ วบรวมขอ้ มูล . การเก็บรวบรวมขอ้ มูล . การวเิ คราะห์ขอ้ มูล . สถิติทีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล . ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง ประชากรทีใช้ ในการทําโครงการ ประชากรทีใช้ในการทาํ โครงการครังนี เป็ นนักท่องเทียวทีเขา้ มาเยียมชมชุมชน บา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ กล่ ุมตัวอย่างทีใช้ ในการทําโครงการ กลุม่ ตวั อยา่ งทีใชใ้ นการทาํ โครงการครังนี เป็นนกั ท่องเทยี วทีเขา้ มาเยยี มชมชุมชน บา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง โดยใช้วิธีเลือกตวั อย่างแบบสะดวก (Convenience Simple) จาํ นวน 20 คน . เครืองมือทีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามซึงผจู้ ดั ทาํ โครงการไดจ้ ดั ทาํ ขึนจากการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี พฤติกรรมนักท่องเทียวทฤษฎีในความพึงพอใจในการท่องเทียวโดยจัดแบ่งแบบสอบถามได้ ดงั ต่อไปนี แบง่ ออกเป็น ตอน ดงั นี ตอนที 1 : เป็นขอ้ มูลทวั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนที 2 : เป็ นคาํ ถามเกียวกับความพึงพอใจในการจัดทําวีดิทศั น์ประชาสัมพนั ธ์ โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ รวม ขอ้ ไดแ้ ก่ . เนือหาสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ . ความน่าสนใจของสถานทีท่องเทียวชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร 25
26 . กระตนุ้ ผชู้ มใหเ้ กิดความสนใจในการทอ่ งเทียวมากยิงขึน . วดี ีทศั น์นีเป็นประโยชนต์ อ่ นกั ท่องเทียว . ภาพนิง ภาพเคลือนไหว สวยงาม น่าสนใจ 6. ความยาวของวีดีทศั นม์ ีความเหมาะสม โดยมีคาํ ตอบใหเ้ ลือก ระดบั จาํ นวน ขอ้ ซึงผตู้ อบแบบสอบถามจะแสดงระดบั ของ ความสาํ คญั ระดบั ดงั นี ระดบั คะแนน 5 หมายถึง พงึ พอใจอยา่ งมากทีสุด ระดบั คะแนน 4 หมายถึง พึงพอใจอยา่ งมาก ระดบั คะแนน 3 หมายถึง พงึ พอใจอยา่ งปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถึง พงึ พอใจอยา่ งนอ้ ย ระดบั คะแนน 1 หมายถึง พงึ พอใจอยา่ งนอ้ ยทีสุด ส่วนเกณฑ์ในการจดั ช่วงคะแนนเฉลีย และการแปลความหมายคะแนนเฉลียของความพงึ พอใจในการจดั ทาํ วีดิทศั น์ประชาสัมพนั ธโ์ ครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอ ป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ของนกั ศึกษา เป็นดงั นี 4.51 - 5.00 มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั อยา่ งมากทีสุด 3.51 - 4.50 มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั อยา่ งมาก 2.51 - 3.50 มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั อยา่ งปานกลาง 1.51 - 2.50 มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั อยา่ งนอ้ ย 1.00 - 1.50 มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั อยา่ งนอ้ ยทีสุด . การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผูท้ าํ โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ได้ ดาํ เนินเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ตามขนั ตอน ดงั นี 1.ผทู้ าํ โครงการสุ่มแจกแบบประเมินความพึงพอใจการจดั วีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์ และใชว้ ธิ ีการเลือกตวั อย่างแบบสะดวก (Convenience Sampling) จะไดก้ ลุม่ ตวั อยา่ งทงั หมด 2 คน 2.รวบรวมแบบสอบถามพร้อมตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามทีไดร้ ับ กลบั มาและลงรหสั เพือประมวลผลทางสถิติ
27 . การวิเคราะห์ข้อมูล ผจู้ ดั ทาํ โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหละ๊ หาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ ได้ ดาํ เนินการวเิ คราะห์ขอ้ มูลตามขนั ตอนดงั ตอ่ ไปนี . รวบรวมแบบสอบถามทีไดก้ ลบั มา ตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบสอบถาม . ดาํ เนินการลงรหัสขอ้ มลู จากแบบสอบถามทีไดร้ ับ . ประมวลและวเิ คราะหข์ อ้ มูลทางสถิตโิ ดยมีรายละเอยี ด ดงั นี คา่ ความถี (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลีย (Mean) และคา่ ส่วนเบียงเบนมาตรฐานของขอ้ มูล (Standard Deviation) 5. สถิติทีใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล สถิติพรรณนา เป็ นการอธิบายข้อมูลทวั ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยมี ค่าความถี (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) การหาคา่ เฉลีย (Mean) และส่วนเบียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพือจาํ แนกประเภทขอ้ มลู โดยมีสูตร ดงั ตอ่ ไปนี . ค่าร้อยละ (Percentage) มสี ูตรในการคาํ นวณ ดงั นี 2. ค่าเฉลยี (Mean) มีสูตรในการคาํ นวณ ดงั นี (วชั รินทร์ ยอดคดั เคา้ :76) = เมือกาํ หนดให้ ������ แทน คา่ เฉลียเลขคณิต ∑ ������ แทน ผลบวกของขอ้ มลู ทกุ ค่า N แทน จาํ นวนขอ้ มูลทงั หมด . ค่าส่วนเบยี งเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation ) มีสูตรคาํ นวณ ดงั ต่อไปนี (วชั รินทร์ ยอดคดั เคา้ :107)
28 เมือกาํ หนดให้ S.D. แทน ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ������ แทน คะแนนแตล่ ะตวั N แทน จาํ นวนสมาชิกในกลุ่มนนั ∑x แทน ผลรวมคะแนนทงั หมด
บทที 4 ผลการศึกษาและการวเิ คราะห์ข้อมูล ในการจดั ทาํ โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ คณะผูจ้ ดั ทาํ โครงการ ไดท้ าํ การวิเคราะห์ขอ้ มูล โดยมีรายละเอียดเกียวกบั ระดบั ความพึงพอใจทีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูลและมีการนาํ เสนอข้อมูล ในรูปแบบตารางประกอบคาํ บรรยาย ดงั ต่อไปนี ตอนที 1 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ส่วนทวั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนที 2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ความพึงพอใจการจดั ทาํ วีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์โครงการ เรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ตอนที 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ตารางที 1 จาํ นวนและคา่ ร้อยละขอ้ มูลทวั ไปของผรู้ ับชมทีมีต่อความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดีทศั น์โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ด้านเพศ เพศ จาํ นวน ร้อยละ ชาย 12 60.00 หญิง 8 40.00 รวม 20 100.00 จากตารางที 1 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจการจัดทาํ สือวีดีทัศน์ ประชาสมั พนั ธ์โครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ มีเพศ เรียงลาํ ดบั ไดด้ งั ตอ่ ไปนี ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากทีสุด จาํ นวน คน คดิ เป็นร้อยละ . ส่วนที เหลือเป็นเพศหญงิ จาํ นวน คน คดิ เป็นร้อยละ . 29
30 ตารางที 2 จาํ นวนและค่าร้อยละขอ้ มูลทวั ไปของผรู้ ับชมทีมีต่อความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดที ศั นโ์ ครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ด้านอายุ อายุ จาํ นวน ร้อยละ ตาํ กวา่ 20 ปี 3 15.00 20 – 30 ปี 13 65.00 31 – 40 ปี 4 20.00 41 – 50 ปี - - รวม 20 100.00 จากตารางที 2 พบว่า ผูต้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจการจัดทําสื อวีดีทัศน์ ประชาสัมพนั ธโ์ ครงการเรียนรู้วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง มีช่วง อายเุ รียงตามลาํ ดบั ไดด้ งั ต่อไปนี อนั ดบั ที 1 มีอายุ - ปี มากทีสุด จาํ นวน คน คิดเป็นร้อยละ . อนั ดบั ที มีอายุ - ปี จาํ นวน คน และอนั ดบั 3 มีอายุตาํ กว่า ปี จาํ นวน คน คิดเป็น ร้อยละ .
31 ตารางที 3 จาํ นวนและคา่ ร้อยละขอ้ มูลทวั ไปของผรู้ ับชมทีมีต่อความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดีทศั น์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ด้าน อาชีพ อาชีพ จาํ นวน ร้อยละ นกั เรียน / นกั ศึกษา 10 50.00 ประกอบธุรกิจส่วนตวั 6 30.00 พ่อบา้ น / แม่บา้ น 2 10.00 ขา้ ราชการ 2 10.00 อืน ๆ - - รวม 20 100.00 จากตารางที พบว่า ผูต้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจการจัดทําสือวีดีทัศน์ ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง มี อาชีพเรียงตามลาํ ดบั ไดด้ งั ตอ่ ไปนี อนั ดบั ที 1 มอี าชีพนกั เรียน / นกั ศึกษา จาํ นวน คน คิดเป็ นร้อย ละ . อนั ดบั ที ประกอบธุรกิจส่วนตวั จาํ นวน คน คิดเป็ นร้อยละ . และอบั ดับที พ่อบา้ น / แมบ่ า้ น จาํ นวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ . ขา้ ราชการ จาํ นวน คน คิดเป็นร้อยละ .
32 ตอนที ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลความพึงพอใจในการจดั ทาํ วีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้ วถิ ีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหละ๊ หาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ ตารางที ค่าเฉลีย (x̄) และค่าเบียงเบนมาตรฐาน( S.D ) และการแปลผลเกียวกบั ความพงึ พอใจใน การจดั ทาํ สือวีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ า บอน จงั หวดั พทั ลงุ ประเดน็ ความพงึ พอใจ ������ S.D. แปลผล อนั ดบั 1.เนือหาสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ี 4.75 0.444 กาํ หนด 4.75 0.444 พึงพอใจมากทีสุด 1 2.ความน่าสนใจของสถานทีทอ่ งเทียว 4.60 0.503 ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร 4.35 0.489 พงึ พอใจมากทีสุด 2 3.กระตุน้ ผชู้ มให้เกิดความสนใจในการ 4.15 0.489 ทอ่ งเทียวมากยงิ ขึน พึงพอใจมากทีสุด 3 4.วีดีทศั น์นีเป็นประโยชนต์ ่อ 4.45 0.510 นกั ท่องเทียว พงึ พอใจอยา่ งมาก 5 5.ภาพนิง ภาพเคลือนไหว สวยงาม น่าสนใจ พึงพอใจอยา่ งมาก 6 6.ความยาวของวีดีทศั นม์ ีความ พึงพอใจอยา่ งมาก 4 เหมาะสม ค่าเฉลยี รวม 4.50 0.278 พึงพอใจอย่างมาก จากตารางที 4 พบว่า โดยภาพรวมผูต้ อบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดีทัศน์ ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.50 S.D. = 0.278) เมือ พิจารณาในรายละเอียดสามารถจดั เรียงอนั ดบั การประเมินความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดีทศั น์ ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ได้
33 ดังต่อไปนี อนั ดบั ที 1 ในประเด็นเรืองด้านเนือหาสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ีกาํ หนด มีความพึง พอใจอย่างมากทีสุด (x̄ = 4.75 , S.D. = 0.444 ) อนั ดบั ที 2 ในประเด็นเรืองดา้ นความน่าสนใจของ สถานทีท่องเทียวชุมชนบ้านโหล๊ะหาร มีความพึงพอใจอย่างมากทีสุด (x̄ = 4.75 , S.D. = 0.444) อนั ดบั ที 3 ในประเด็นเรืองกระตุน้ ผูช้ มให้เกิดความสนใจในการท่องเทียวมากยิงขึน มีความพึง พอใจอยา่ งมากทีสุด (x̄ = 4.60 S.D.= 0.503) อนั ดบั ที 4 ในประเดน็ เรืองความยาวของวดี ิทศั นม์ ีความ เหมาะสม มีความพงึ พอใจอย่างมาก (x̄ = 4.45 , S.D.= 0.510) อนั ดบั ที 5 ในประเด็นเรืองวีดิทศั น์นี เป็ นประโยชน์ต่อนกั ท่องเทียว มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.35 , S.D.= 0.489) และอนั ดับที 6 ในประเด็นเรืองภาพนิง ความเคลือนไหว สวยงาม น่าสนใจ มีความพึงพอใจอยา่ งมาก (x̄ = 4.14 , S.D. =0.489)
บทที 5 การสรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ คณะผูจ้ ดั ทาํ โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง สามารถสรุปผลการดาํ เนินโครงการ อภิปรายผลการดาํ เนินโครงการ และไดใ้ ห้ขอ้ เสนอแนะใน การจดั ทาํ โครงการไวด้ งั ต่อไปนี สรุปผลการดาํ เนินโครงการ 1.ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทัวไปโครงการจัดทําสือวีดที ัศน์ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วถิ ี ชาวมานิ ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จังหวัดพทั ลงุ จากแบบประเมินความพึงพอใจโครงการจดั ทาํ สือวีดีทศั น์ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถี ชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถาม เป็นเพศชาย 12 คน เพศหญิง 8 คน มีช่วงอายรุ ะหวา่ ง - 30 ปี เป็นนกั เรียนนกั ศกึ ษา . ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกียวกบั ความพึงพอใจการจัดทําวีดิทัศน์โครงการเรียนรู้วิถชี าวมา นิ ชุมชนบ้านโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง จากตารางที 4 พบวา่ โดยภาพรวมผูต้ อบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดี ทศั น์ประชาสัมพนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.50 S.D. = 0.278) เมือพิจารณาในรายละเอียดสามารถจดั เรียงอนั ดบั การประเมินความพึงพอใจในการจดั ทาํ สือวีดี ทศั น์ประชาสมั พนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาวมานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ไดด้ งั ตอ่ ไปนี อนั ดบั ที 1ในประเด็นเรืองดา้ นเนือหาสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ีกาํ หนด มคี วามพึงพอใจ อยา่ งมากทีสุด (x̄ = 4.75 , S.D. = 0.444 )อนั ดบั ที 2 ในประเดน็ เรืองดา้ นความน่าสนใจของสถานที ท่องเทียวชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร มีความพึงพอใจอย่างมากทีสุด (x̄ = 4.75 , S.D. = 0.444) อนั ดบั ที 3 ในประเดน็ เรืองกระตุน้ ผูช้ มใหเ้ กิดความสนใจในการท่องเทียวมากยงิ ขนึ มีความพงึ พอใจอยา่ งมาก ทีสุด (x̄ = 4.60 S.D.= 0.503) อนั ดบั ที 4ในประเด็นเรือง ความยาวของวดี ที ศั น์มีความเหมาะสม มี 34
35 ความพึงพอใจอยา่ งมาก (x̄ = 4.45 , S.D.= 0.510) อนั ดบั ที 5 ในประเด็นเรืองวีดีทศั นน์ ีเป็นประโยชน์ ต่อนกั ท่องเทียว มีความพึงพอใจอย่างมาก (x̄ = 4.35 , S.D.= 0.489) และอนั ดบั ที 6 ในประเด็นเรือง ภาพนิง ความเคลือนไหว สวยงาม น่าสนใจ มีความพงึ พอใจอยา่ งมาก (x̄ =4.14 , S.D. =0.489) อภิปรายผลการดาํ เนนิ โครงการ จากการประเมินความพึงพอใจในการจดั ทาํ วีดีทศั น์ประชาสมั พนั ธ์โครงการเรียนรู้วิถีชาว มานิ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง นกั ท่องเทียวไดร้ ับชมวีดีทศั น์มีความพึง พอใจมากทีสุด เนืองมาจากวดี ีทศั น์มีความน่าสนใจ ภาพและเสียงทีชดั เจนเป็นสถานทีท่องเทียวทีมี ความน่าสนใจ เนืองจากเป็ นการเขา้ ไปศึกษาความเป็ นอยู่ของชาวมนั นิ เป็ นสถานทีทีสาํ คญั ของ ชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง ชาวมานิเป็นชนเผา่ พนื เมืองทีมีถินกาํ เนิดในแถบ เทือกเขานครศรีธรรมราชหรือรู้จกั กนั อีกชือหนึงว่าเทือกเขาบรรทดั เป็นระบบนิเวศป่ าดิบชืนทีมี ความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารและถินกาํ เนิดของสิงมีชีวิตทีหลากหลาย ชาวมานิจึงเลือกพืน บนเทือกเขานีเป็นทีอยู่อาศยั เพือดาํ รงชีพ โดยอาหารของชาวมานิคือมนั ทีสามารถหาไดจ้ ากบริเวณ พืนทีทีพกั อาศยั และยงั มีการออกล่าสัตว์ป่ า ผูช้ ายในเผา่ จะเป็ นคนล่าสัตว์ โดยใชว้ ิธีการเป่ าบาเลา ซึงเป็นอปุ กรณ์ทีใชใ้ นการล่าสัตวท์ ีทาํ ขึนจากกระบอกไมไ้ ผ่ เป็นวิถีชีวติ ทีสืบทอดกนั มารุ่นต่อรุ่น ส่วนผูห้ ญิงก็จะดูแลงานบา้ นและดูแลลูก ชาวมานิไดเ้ ริมมีปรับตวั ให้เขา้ กบั สังคม มีการปลูกผกั เลียงสัตว์ กรีดยาง และมีการประกอบอาหารเหมือนชาวเมืองมากขึน เช่นทาํ เครืองแกง หุงขา้ วแทน การเผามนั กิน พืนทีในระแวกฐานของชาวมานิ ยงั มีทีพกั ให้นกั ท่องเทียวไดพ้ กั แรม แต่ตอ้ งติดต่อ กบั ผูด้ ูแลกลุ่มชาวมานิ และในปัจจุบนั ชาวมานิยงั ไดร้ ับสิทธิในการรักษาพยาบาล คลอดบุตร บตั ร ประชาชน บตั รสวสั ดิการแห่งรัฐ และสิทธิอืนๆทีหน่วยงานภาครัฐมอบใหเ้ หมือนกบั คนทวั ไป ใน เรืองของการศึกษาของชาวมานิก็ยงั มีครูอาสาเขา้ มาสอนหนงั สือและปัจจุบนั ทางผูด้ ูแลกลุม่ ชนเผ่า ไดส้ นบั สนุนให้ชาวมานิบางส่วนเขา้ ไปศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาลร่วมกบั บุคคลทวั ไป ซึงเป็นที น่าสนใจมากแก่ผชู้ อบการท่องเทียวเชิงวฒั นธรรมและเชิงนิเวศ ผูจ้ ดั ทาํ โครงการไดจ้ ดั ทาํ วีดีทศั น์นีเพือนําเสนอสถานทีท่องเทียวให้นกั ท่องเทียวได้เปิ ด ทศั นคติใหม่ๆทีมีต่อชาวมานิในทางทีดีมากขึน และสัมผสั กบั ธรรมชาติ วิถีการดาํ รงชีวิต ความ เป็ นอยู่ และยงั ไดส้ ัมผสั กบั ทรัพยากรธรรมชาติทีอุดมสมบูรณ์ รวมถึงสมุนไพรและพืชพนั ธุ์ของ ชาวมานิทีทางชุมชนนาํ มาแปรรูปเป็ นผลิตภณั ฑ์ในการทาํ เครืองประดบั ยารักษาโรค เพือเป็ นการ
36 สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนบา้ นโหล๊ะหารและชาวมานิ อีกทงั ยงั ให้นกั ท่องเทียวเขา้ มามีส่วนร่วมใน การทาํ กิจกรรมร่วมกบั ชาวมานิและชุมชน ทาํ ใหด้ ึงดูดความสนใจของนกั ท่องเทียวทีเขา้ มาเยยี มชม หมู่บา้ นโหล๊ะหาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง มากยงิ ขึน ข้อเสนอแนะการดําเนนิ โครงการ 1. ชุมชนบ้านโหล๊ะหารเป็ นชุมชนทีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านความงดงามของ ธรรมชาติ วิถีชีวติ ความเป็นอยู่ จึงอยากใหค้ งความเป็นอยแู่ บบดงั เดิมของชุมชนนีไวต้ ลอดไป 2. จดั ประชาสัมพนั ธ์ให้นกั ท่องเทียวไดร้ ู้จกั กบั สถานทีทอ่ งเทียวภายในชุมชนบา้ นโหล๊ะ หาร อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลงุ ใหม้ ากขึน พรอ้ มทงั จดั เส้นทางการเดินทางไปยงั สถานทีท่องเทียว ตา่ งๆ ใหม้ คี วามสะดวกมากยิงขึน 3. จดั ใหม้ ีกิจกรรมบริจาคสิงของเครืองใช้ เครืองนุ่งห่ม ใหแ้ ก่ชาวมานิ เพือคงความเป็นอยู่ ทีดีและรักษาชนเผา่ มานิใหด้ าํ รงชีพไดต้ ่อไป 4. จดั ให้มีโครงการการทาํ จิตอาสาร่วมกันของนกั ท่องเทียวและคนในชุมชน เพือเป็ นการ รักษาความสะอาดของสถานทีท่องเทยี ว และคงความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาตไิ ว้ บรรณานุกรม
37 กลั ยา วนิ ิชยบ์ ญั ชา.(2549).การใช้ SPSS for Windows ในการวเิ คราะห์ข้อมูล.กรุงเทพฯ : คณะพาณิชยศาสตร์ และการบญั ชี จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั เจริญชยั ช่วยชู.(2561).สวนนําโหล๊ะหารประชารัฐ แหล่งทีมา https://ict.sci.psu.ac.th/tourphatthalung/ (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที กมุ ภาพนั ธ์ ) พจนา สวนศรี.(2546).คู่มือการจัดการท่องเทียวโดยชุมชน.กรุงเทพฯ : โครงการท่องเทียวเพือชีวติ และธรรมชาติ วิธาน จีนาภกั ดิ.(2555).ความพึงพอใจในการท่องเทียว แหลง่ ทีมา http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Rec_Man/Vitan_J.pdf (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที 20 กมุ ภาพนั ธ์ 2564) ศรัญยา วรากุลวทิ ย.์ (2558).อุตสาหกรรมท่องเทียว.ความหมายการท่องเทียว.กรุงเทพฯ : แวววาพริน ติง ศรัญยา วรากุลวทิ ย.์ (2558).อุตสาหกรรมท่องเทียว.แนวคิดและทฤษฎีเกียวกบั การท่องเทียว. กรุงเทพฯ : แวววา พรินติง. Deksamron.(2558).การใช้โปรแกรม Viva Video แหล่งทีมา https://www.maclolz.com/ (สืบคน้ ออนไลนเ์ มือวนั ที กมุ ภาพนั ธ์ ) muang-krabi.(2559).อาํ เภอป่ าบอน แหล่งทีมา https://district.cdd.go.th/pabon/ (สืบคน้ ออนไลน์ เมือวนั ที กุมภาพนั ธ์ ) phutthawan.(2556).เครือข่ายสังคมออนไลน์ แหล่งทีมา http://phutthawan.blogspot.com/ (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที 21 กุมภาพนั ธ์ ) tourismthailand.(2556).สวนสละลงุ ถัน แหล่งทีมา https://thai.tourismthailand.org/Attraction (สืบคน้ ออนไลนเ์ มือวนั ที กุมภาพนั ธ์ ) travel.mthai.(2556).อ่างเกบ็ นําคลองป่ าบอน แหล่งทีมา http://www.phatthalung.go.th/ (สืบคน้ ออนไลน์เมือวนั ที 7 กุมภาพนั ธ์ ) บรรณานุกรม (ต่อ)
38 SARA-DD.COM.(2559).การท่องเทียวเชิงนิเวศ แหล่งทีมา http://www.sara-dd.com (สืบคน้ ออนไลนเ์ มือวนั ที 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2564)
39 ภาคผนวก ชุมชนบา้ นโหละ๊ หาร ตาํ บลทงุ่ นารี
40 อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง 93170 วนั ที 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 เรือง ขอขอบคุณนกั ศึกษาวทิ ยาลยั เทคโนโลยหี าดใหญ่อาํ นวยวิทย์ สาขาวิชาการทอ่ งเทียว เรียน ผอู้ าํ นวยการวิทยาลยั เทคโนโลยหี าดใหญ่อาํ นวยวทิ ย์ ตามทีนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีหาดใหญ่อาํ นวยวิทย์ สาขาวิชาการท่องเทียวได้ ทาํ การศึกษาและถ่ายภาพสถานทีท่องเทียวในชุมชนบา้ นโหล๊ะหาร – เทือกเขาบรรทดั เพือจดั ทาํ วิดีโอใช้ในการประชาสัมพนั ธ์สถานทีท่องเทียวในชุมชนบา้ นโหละ๊ – เทือกเขาบรรทดั อาํ เภอป่ า บอน จงั หวดั พทั ลุง กระผม นายณรงคช์ ยั สงไข่ ผูช้ ่วยผใู้ หญ่บา้ น หมู่ที 7 ตาํ บลทุ่งนารี อาํ เภอป่ าบอน จงั หวดั พทั ลุง หนึงในผดู้ ูแลกลุ่มชาตพิ นั ธุ์มานิ ขอขอบคณุ นกั ศึกษาสาขาวิชาการท่องเทียว ซึงเป็นนกั ศึกษา ในความดูแลของท่านทีไดส้ ละเวลาอนั มีค่า ช่วยในการจดั ทาํ สือวิดีโอ เพอื ช่วยในการเผยแพร่และ ประชาสัมพนั ธ์ใหช้ ุมชนบา้ นโหละ๊ หาร – เทือกเขาบรรทดั เป็นแหล่งทอ่ งเทียวอีกทางเลือกหนึงใน การเดินทางมาศึกษาวถิ ีชิวติ และสมั ผสั กบั ธรรมชาติทีสวยสดงดงาม จึงเรียนมาเพือแสดงความขอบคุณทางวิทยาลัยเทคโนโลยีหาดใหญ่อาํ นวยวิทย์มา ณ โอกาสนี ขอแสดงความนบั ถือ ......................................................................................... (นายณรงคช์ ยั สงไข่) ผชู้ ่วยผใู้ หญ่บา้ น
Search