Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม(ว31211)

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม(ว31211)

Published by Thidarat Vattanaklang, 2023-02-01 09:45:46

Description: ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
ครูธิดารัตน์ เดชพละ

Search

Read the Text Version

ส่อื การเรยี นรู้ 1. Internet 2. หนงั สอื เรียน 3. กระดาษ

บนั ทึกผล ลงั อน รอื การจัดกิจกรรม ราย ิชา ฟิ กิ เ์ พมิ่ เติม ร ั ิชา 31211 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการ ึก า 2565 1. การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ด้านค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ดา้ นทัก ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ด้านเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปัญ า/อปุ รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ขอ้ เ นอแนะ/แน ทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................. (นางธดิ ารัตน์ เดชพละ) ตาแ นง่ ครู 3. ค ามคิดเ น็ ของ ั น้ากลุ่ม าระ ..........ใ..บ...ง..า..น..........อ..ก..า..ร...ส..อ..น......า.....ใ...จ...................................................................................................................... ลงชือ่ ............๗...................................... (นาง า ิรนิ นั ท์ จันใด) ตาแ นง่ ครู 4. ขอ้ เ นอแนะของ ั น้า ถาน กึ า รือผ้ทู ่ีได้รับมอบ มาย (ตร จ อบ/นเิ ท /เ นอแนะ/รบั รอง) ะ เป็นแผนการจัดการเรยี นท่ดี ี รูปแบบถูกต้อง ะ จดุ ประ งคก์ ารเรียนรู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานตั ช้ี ดั และเรื่องท่ี อน  กจิ กรรมการเรียนรู้เปน็ ลาดบั ข้นั ตอนและ  การ ดั ประเมนิ ผล อดคล้องกบั ตั ถปุ ระ งค์ เน้นผเู้ รียนเปน็ าคัญ  อนื่ ๆ................................................................ พุลงช่อื ..............๗.................................... ผู้นิเท (นางพทุ ธธดิ า ุ รรณโ ภณ) ตาแ น่งครู ีด่น่ีท่ืสีมีม

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ช่อื รายวิชา ฟิสกิ ส์เพม่ิ เติม รหสั วิชา ว 31211 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง บทนา เวลา 30 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่อื ง กราฟความสมั พนั ธ์ปริมาณตา่ งๆของการเคลอื่ นที่ เวลา 7 ชวั่ โมง ผสู้ อน นางธิดารตั น์ เดชพละ อิสลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย ผลการเรียนรู้สาหรับวิชาเพม่ิ เติม อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างการกระจัด ความเร็ว และความเรง่ ของการเคลือ่ นท่ีของวัตถใุ นแนว ตรงทม่ี คี วามเร่งคงตวั สาระสาคญั การเคลื่อนท่ีแนวตรงเป็นการเคล่อื นท่ีในแนวใดแนวหนง่ึ เช่น แนวราบหรือแนวดง่ิ ทีม่ กี ารกระจดั ความเรว็ ความเรง่ อยใู่ นแนวเส้นตรงเดียวกัน โดยความเร่งของวตั ถุหาได้จากความเร็วท่ีเปลยี่ นไปในหน่ึง หนว่ ยเวลา จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ (Knowledge) 1. อธิบายกราฟความสมั พนั ธ์ปริมาณตา่ งๆของการเคลื่อนที่ได้ (L) ด้านทักษะกระบวนการ (Process) 2. สามารถดูกราฟความสมั พันธป์ รมิ าณตา่ งๆของการเคลอ่ื นท่ีได้ (R) 3. สามารถคานวณหาค่าจากกราฟความสมั พนั ธ์ปริมาณต่างๆของการเคลอ่ื นท่ีได้ (N) ด้านคณุ ลักษณะ (Attitude) 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ (R) ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ (Science Process Skills) - ทักษะการสังเกต (Observation) - ทกั ษะการคานวณ (Using Number)

กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1.1 ให้นกั เรยี นดูกราฟตา่ งๆจาก Power Point และให้บอกความแตกต่างระหว่างกราฟ a-t, s-t, v-t ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ ดาเนนิ การสอน 2.1 ฝึกใหน้ ักเรียนดูกราฟจาก Power Point และอธบิ ายความสมั พนั ธ์ 2.2 ฝึกนักเรยี นคานวณหาปรมิ าณต่างๆจากกราฟการเคล่ือนท่ีท้งั 3 แบบ ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั สรุปผล 4.1 ให้นกั เรียนฝกึ ทาโจทย์เกยี่ วกบั การหาปรมิ าณตา่ งๆจากกราฟทกี่ าหนดให้ 4.2 ให้นักเรยี นวาดกราฟทส่ี รุป เรื่อง กราฟความสมั พันธป์ รมิ าณต่างๆของการเคลอ่ื นที่ 4.3 ประเมนิ ผลจากกิจกรรมการเรียนรใู้ หค้ รอบคลุมด้านความรู้ (K) ด้านทักษะกระบวนการ(P) และ ด้านคณุ ลักษณะ(A) และ STEM Education ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 5 4 3 21 ด้านความรู้ (K) (ดีมาก) (ด)ี (ปานกลาง) (พอใช)้ (ปรบั ปรงุ ) ด้านทักษะ กระบวนการ(P) อธบิ ายเกีย่ วกับ อธบิ ายเกี่ยวกบั อธบิ ายเก่ยี วกับ อธบิ ายเกย่ี วกับ อธิบายเก่ียวกับ กราฟ กราฟ กราฟ กราฟ กราฟ ความสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ ความสัมพนั ธ์ ความสัมพันธ์ ปรมิ าณต่างๆ ปรมิ าณตา่ งๆของ ปริมาณตา่ งๆของ ปรมิ าณตา่ งๆ ปริมาณตา่ งๆ ของการ การเคลื่อนที่ลง การเคล่ือนที่ลงใน ของการ ของการ เคลือ่ นที่ลงใน ในแผนผงั ได้ แผนผงั ได้ถูกต้อง เคล่อื นท่ีลงใน เคลื่อนท่ีลงใน แผนผงั ได้ ถกู ตอ้ งเปน็ ส่วน เปน็ บางประเด็น แผนผังไดไ้ ม่ แผนผงั ได้ไม่ ถูกตอ้ งครบถว้ น ใหญ่ ถูกต้องเปน็ สว่ น ถกู ต้อง ใหญ่ คานวณหา คานวณหา คานวณหา คานวณหา คานวณหา ปริมาณตา่ งๆ ปริมาณต่างๆจาก ปริมาณตา่ งๆจาก ปริมาณตา่ งๆ ปรมิ าณตา่ งๆ จากกราฟได้ กราฟได้ถกู ต้อง กราฟได้ถกู ตอ้ ง จากกราฟได้ไม่ จากกราฟได้ไม่ ถกู ตอ้ งครบถว้ น เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางประเด็น ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น ถกู ตอ้ ง ใหญ่

มีการสงั เกต มีการสงั เกต และ มีการสงั เกต และ มีการสงั เกต มีการสงั เกต ดา้ นคุณลกั ษณะ(A) และคานวณได้ คานวณไดถ้ ูกต้อง คานวณไดถ้ กู ตอ้ ง และคานวณได้ และคานวณได้ ไมถ่ ูกต้อง ถูกตอ้ งครบถว้ น เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเด็น ไม่ถูกตอ้ งเป็น ส่วนใหญ่ ส่อื การเรียนรู้ 1. Internet 2. หนังสือเรียน 3. Power Point

บนั ทกึ ผล ลัง อน รอื การจดั กจิ กรรม ราย ิชา ฟิ กิ เ์ พิม่ เติม ร ั ชิ า 31211 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการ ึก า 2565 1. การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ดา้ นค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ด้านทกั ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ด้านเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปญั า/อปุ รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ข้อเ นอแนะ/แน ทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.................................................. (นางธิดารัตน์ เดชพละ) ตาแ นง่ ครู 3. ค ามคิดเ น็ ของ ั น้ากลมุ่ าระ ....เ.....น...แ...ผ..น....ก..า..ร....ด...ก...า..ร.เ...ย...น..ก..า..ร..ส..อ..น.......า.....ใ..จ........ใ..บ...ง..า.น.........อ...ก..า..ร..ส..อ..น.................................................................. ลงชื่อ............๗...................................... (นาง า ิรนิ ันท์ จนั ใด) ตาแ นง่ ครู 4. ข้อเ นอแนะของ ั น้า ถาน กึ า รอื ผู้ท่ไี ดร้ ับมอบ มาย (ตร จ อบ/นเิ ท /เ นอแนะ/รบั รอง) ะ เป็นแผนการจดั การเรยี นท่ีดี รปู แบบถูกตอ้ ง ะ จุดประ งค์การเรยี นรู้ อดคล้องกบั มาตรฐานตั ชี้ ัด และเรอ่ื งที่ อน  กจิ กรรมการเรียนร้เู ป็นลาดบั ขน้ั ตอนและ  การ ดั ประเมนิ ผล อดคล้องกับ ตั ถุประ งค์ เนน้ ผูเ้ รียนเป็น าคัญ  อ่ืนๆ................................................................ ฑุ ๊ลงชื่อ.................................................. ผนู้ เิ ท (นางพทุ ธธิดา ุ รรณโ ภณ) ตาแ นง่ ครู ีด่ีท่ืสีมีมีด่น่ีทีรัจ็ป

หน่วยการเรียนรู้ที่ กแรารงเแคลลืะ่อนที่ 3

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 9 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชอื่ รายวิชา ฟิสกิ ส์เพิ่มเติม รหสั วิชา ว 31211 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรือ่ ง แรงและการเคลือ่ นที่ เวลา 40 ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง แรงและแรงลพั ธ์ เวลา 8 ชั่วโมง ผู้สอน นางธดิ ารัตน์ เดชพละ อิสลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย ผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวัง อธิบายแรงและหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง สาระสาคญั ในสนามโน้มถว่ งจะมีแรงกระทาต่อวตั ถุ ทาใหว้ ัตถุมนี ้าหนัก เมอ่ื ปล่อยวัตถุ วตั ถจุ ะตกแบบเสรี สนามโน้มถ่วงทาให้วตั ถุต่างๆ ไม่หลดุ จากโลก จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ความเขา้ ใจ (K) 1. อธบิ ายแรงลพั ธ์และผลของแรงลัพธ์ท่กี ระทาต่อวัตถไุ ด้(L) 2. เขียนผงั ความคิดเกี่ยวกับแรงลพั ธไ์ ด้(L) ด้านทักษะกระบวนการ (P) 3. แกโ้ จทย์ปัญหาเรือ่ งเวกเตอร์แรงได้(N) ด้านคณุ ลักษณะ (A) 4. มกี ารทางานรว่ มกันเป็นกลมุ่ (R) 5. มจี ติ วิทยาศาสตร์(R) 6. นาความรูเ้ รอ่ื งแรงลัพธไ์ ปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจาวนั ได้(R) สาระการเรียนรู้ ความรู้ (K) 1. แรงลพั ธ์ และผลของแรงลัพธ์ 2. เวกเตอร์แรง

ทักษะ/กระบวนการ (P) . ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ทกั ษะการคานวณ 2. ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล 3. ทกั ษะการสงั เกต คุณลักษณะ (A) 1. เพือ่ ให้มเี จตคติที่ดีตอ่ วทิ ยาศาสตร์ และมคี วามคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ 2. มีการทางานเปน็ กล่มุ ทางานอยา่ งเปน็ ระบบระเบยี บ มุ่งม่นั ในการทางาน 3. ใฝเ่ รียนรู้ การเตรยี มการลว่ งหน้า แบง่ นักเรียนออกเป็นกลมุ่ ๆละ 5-6 คน โดยแตล่ ะกลุ่มจะต้องมีทงั้ นกั เรยี นหญงิ และนักเรยี นชาย โดย มนี ักเรยี นเกง่ ปานกลาง ออ่ น คละกนั ในกล่มุ ประดิษฐพ์ นื้ เอียงโดยใชไ้ มเ้ ปน็ วัสดอุ ุปกรณ์หลัก เตรียมกลอ่ ง วตั ถุ และโต๊ะสาหรับทากจิ กรรมเรือ่ งแรงลพั ธ์ ใบงานเรอื่ งเวกเตอรแ์ รง และกระดาษสาหรบั ไว้ใหน้ ักเรียน ออกแบบ Mind Map กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 ข้นั ตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase) 1. ถามนกั เรียนว่าแรงในความหมายของนักเรยี นคืออะไร (ให้นกั เรยี นตอบแบบไม่เน้นถกู -ผิด) 2. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเรอ่ื ง แรงลพั ธ์ จานวน 10 ขอ้ ขนั้ ที่ 2 ขนั้ เร้าความสนใจ (Engagement Phase) 1. บอกนกั เรียนว่าทกุ สรรพส่งิ ในโลกน้ลี ว้ นแล้วแตเ่ กย่ี วข้องกับแรงด้วยกันท้ังนนั้ เช่น รถท่ีวง่ิ บนถนน หน้าโรงเรยี น ประตโู รงเรยี น ยักษส์ องตนหนา้ วัดสมอราย กระดานดา หรือแม้แตโ่ ตะ๊ -เกา้ อี้ที่นักเรียนนั่งอยนู่ ้ัน ลว้ นมีแรงมากระทาด้วยกันทั้งหมดทงั้ ส้นิ 2. ครูยนื อย่นู ่งิ ๆ กม็ ีแรงมากระทา ถามนักเรยี นวา่ มีแรงใดบ้างทกี่ ระทาต่อครู (ให้นกั เรยี นตอบแบบไม่ เน้นถูก-ผดิ ) 3. บอกนักเรยี นวา่ แรงนนั้ มีหลายชนดิ เช่น แรงลอยตวั แรงโน้มถว่ ง แรงกิริยา แรงปฏกิ ริ ิยา เป็นต้น ซึง่ นกั เรยี นจะได้เรยี นในบทเรยี นนี้ แต่กอ่ นอืน่ ต้องทาความเขา้ ใจความหมายของแรง และแรงลพั ธ์ก่อน 4. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ใู หน้ กั เรยี นทราบเก่ียวกบั การเรียนเร่ือง แรงลัพธ์

ขัน้ ท่ี 3 ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration Phase) 1. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมเรื่อง แรงลพั ธ์ โดยสุ่มเลือกนกั เรียนออกมา 2 คน เพ่อื เคลือ่ นท่โี ต๊ะหนา้ ชั้น เรยี นจากท่ีหนึ่งไปยังอกี ทห่ี นึง่ แลว้ ใหน้ กั เรียนในห้องคนอน่ื ๆสังเกตส่งิ ทเี่ กดิ ข้นึ 2. ต้งั คาถามให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นขณะท่ีตวั แทนนกั เรียนกาลังทากิจกรรม ดังนี้ - ขณะที่โตะ๊ อยนู่ ิง่ มแี รงใดบา้ งท่กี ระทาต่อโตะ๊ (แรงดงึ ดดู ของโลก และแรงท่ีพ้นื กระทาตอ่ โตะ๊ ) - ขณะท่โี ตะ๊ เคล่อื นท่ีแรงที่ไปกระทากบั วตั ถุมที ิศทางอย่างไร (ทิศทางเดียวกับการเคล่อื นท่ขี องวตั ถุ หรือโตะ๊ ) - ลกั ษณะของแรงท่ีกระทากับโต๊ะน้ันเกิดจากแรงอะไร (แรงผลัก และ แรงดงึ ) - การออกแรงดงึ และแรงผลกั ทาให้วตั ถเุ กดิ การเปล่ียนแปลงสภาพการเคลอ่ื นทไี่ ดเ้ สมอไปหรือไม่ (ไม่ เสมอไป เพราะถา้ การออกแรงน้อยกไ็ มส่ ามารถเคลอ่ื นท่ไี ด้ หรอื อาจจะเกยี่ วกับทิศทางในการออกแรงด้วย ) - ถ้านักเรียนออกแรงในทศิ เดยี วกนั กบั วตั ถทุ ก่ี าลงั เคลื่อนท่ีอย่จู ะเป็นอยา่ งไร (วตั ถุเคลอื่ นท่ีได้เรว็ ขนึ้ ) - ถ้านักเรียนออกแรงในทิศตรงกันขา้ มกบั การเคล่ือนที่ของวัตถุจะเปน็ อย่างไร(วตั ถุจะหยดุ นงิ่ หรอื อาจ ทาให้เคลอื่ นที่ช้าลง) 3. ส่มุ นกั เรียนออกมา 2 คนเล่นเกมส์ งัดขอ้ โดยมกี ตกิ า ดังนี้ - ใหน้ ักเรียนนงั่ ตรงขา้ มกัน แล้วยกแขนด้านขวาของแต่ละคนขนึ้ มาต้งั บนโตะ๊ โดยให้ข้อศอกติดอยู่กบั พืน้ โต๊ะ และแขนขวาแต่ละคน ไขว้กนั ไว้ - ครูให้สัญญาณเร่ิมโดยใหแ้ ต่ละคนออกแรงดันแขนของฝ่ายตรงข้ามให้ลม้ ติดกบั พนื้ โต๊ะ โดยขอ้ ศอก หา้ มลอยจากพน้ื โต๊ะ โดยฝ่ายที่ทาแขนเพือ่ นล้มได้ฝา่ ยนน้ั เป็นฝา่ ยชนะ - ถามนักเรยี นวา่ ถา้ สองคนนี้งัดข้อแลว้ ไมม่ ใี ครชนะ เพราะเหตุใด - คนทีเ่ ป็นฝา่ ยชนะเพราะเหตใุ ด 4. กาหนดสถานการณ์การเคลอ่ื นท่ีของวัตถใุ ห้นักเรยี นลองวาดเส้นแรงโดยมีทิศทางในแนวระดับ และ แนวดงิ่ 5. ให้นกั เรยี นนาพื้นเอียงฝึกการแตกแรงในทศิ ต่างๆ และหาแรงลพั ธ์ในการเคลือ่ นที่ ข้นั ที่ 4 ข้ันอธิบาย (Explanation Phase) 1. สรุปผลการสงั เกตร่วมกบั นกั เรยี นจากกจิ กรรมเร่ือง แรงลัพธ์ โดยให้ข้อสรุปว่า แรงมีทั้งแรงในแนว ระดับ และแรงในแนวด่ิง โดยแรงในแนวระดบั ถา้ วัตถุหยุดน่ิงหรือวตั ถเุ คลอื่ นทด่ี ้วยความเรว็ คงตัว เปน็ ไปตาม กฎการเคล่ือนทีข่ องนวิ ตัน ขอ้ ทห่ี นง่ึ ทีว่ ่า ถ้าไม่มีแรงภายนอกกระทา วัตถยุ งั คงอยู่น่งิ หรอื เคล่ือนทีด่ ว้ ย ความเร็วคงตัวตลอดไป เมอ่ื วตั ถถุ ูกแรงกระทาแล้ววัตถุเคล่ือนท่ีดว้ ยความเรว็ ทีเ่ ปล่ียนไปจากเดิม นนั่ คือวัตถุมี

ความเรง่ เป็นไปตามกฎการเคลอื่ นท่ขี องนวิ ตนั ข้อทสี่ องท่วี ่า แรงลพั ธท์ ี่ไมเ่ ปน็ ศนู ยก์ ระทาตอ่ วตั ถุ ทาให้วตั ถุ เคลอื่ นท่ีดว้ ยความเร่ง 2. ใหน้ ักเรียนฝกึ วาดเวกเตอร์แรงในแนวดง่ิ และแรงในแนวระดับ ตามสถานการณ์ท่กี าหนดให้ เชน่ ออกแรงผลกั โตะ๊ ไปทางขวามือ 8 นวิ ตนั และดึงโตะ๊ กลบั ทางซ้าย 4 นิวตัน เปน็ ต้น 3. ให้นกั เรยี นฝึกวาดภาพแตกแรงประกอบกับการเคลื่อนท่ขี องวตั ถุบนพื้นเอยี ง 7. นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายและลงข้อสรุปเกยี่ วกับเรอ่ื งแรงลัพธ์ และการนาไปใชป้ ระโยชน์ ข้ันท่ี 5 ข้นั ขยายความรู้ (Expansion Phase) 1. นักเรยี นทาใบงานเรือ่ ง เวกเตอรแ์ รง 2. นกั เรียนสง่ ตวั แทนนาเสนอวิธีการทาและคาตอบหนา้ ชน้ั เรยี น 3. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ทา Mind Map โดยสรปุ ใจความสาคญั ออกมาในรปู ของแผนผงั ความคดิ - รวบยอด ขั้นท่ี 6 ขั้นประเมินผล (Evaluation Phase) 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 3. สงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นร่วมในช้ันเรยี น 4. สงั เกตการใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยการประเมนิ จากกิจกรรมการเรยี นรูใ้ ห้ครอบคลมุ ด้านความรู้ (K) ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) และ ดา้ นคุณลกั ษณะ(A) และ STEM ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 ใบงานเรอื่ ง (พอใช้) เวกเตอรแ์ รง (ดีมาก) (ด)ี (ปานกลาง) เนื้อหาสาระของ ใบงานไม่ถูกตอ้ ง พื้นเอยี ง เน้ือหาสาระของ เน้อื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เปน็ สว่ นใหญ่ ทาพน้ื เอยี งได้ถู ใบงานถกู ต้อง ใบงานถูกต้อง ใบงานถูกตอ้ ง ไม่ถูกตอ้ ง เป็น ส่วนใหญ่ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ เปน็ บางประเดน็ ทาพ้ืนเอียงได้ ทาพนื้ เอยี งได้ ทาพ้นื เอยี งได้ถูก ถูกต้องครบถ้วน ถูกตอ้ งครบถว้ น ถูกต้อง เปน็ และทนทาน เปน็ สว่ นใหญ่และ บางส่วน ทนทานถูกต้อง

Mind Map เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ ใบงานถกู ตอ้ ง ใบงานถูกตอ้ ง ใบงานถกู ต้อง ใบงานไมถ่ กู ตอ้ ง ครบถว้ น เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่ ข้ันที่ 7 ขั้นนาความรไู้ ปใช้ (Extension Phase) 1. นักเรียนสามารถนาความร้เู รื่อง แรงลพั ธไ์ ปใช้ โดยในชวี ิตประจาวนั ของนกั เรียนเกีย่ วข้องกบั เรอ่ื ง แรงลพั ธ์ เช่น ป่นั จักรยาน เดิน วิ่ง เขน็ ของ ผลกั ตู้เสื้อผ้า เปดิ -ปดิ ประตู เป็นต้น 2. ชแ้ี จงนกั เรยี นในคาบหนา้ จะเรยี นเรือ่ งการรวมเวกเตอรแ์ รงแบบหวั ต่อหาง ในการหาความเร็วท่ี เปล่ยี นไปของวตั ถใุ นหนงึ่ หนว่ ยเวลา หรอื การหาความเรง่ การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวัด 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 3. สงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในชน้ั เรยี น 4. สังเกตการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5. การตรวจผลงานจากช้นิ งาน/ภาระงาน ดงั น้ี 5.1 ใบงานเรอื่ ง เวกเตอร์แรง 5.2 พนื้ เอียง 5.3 Mind Map เครือ่ งมือทีใ่ ชว้ ัด 1. แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 2. แบบประเมนิ ผลการตรวจงาน (ใบงาน, Mind Map) ส่ือการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี นเรอ่ื ง แรงลัพธ์ 2. กจิ กรรมเร่อื ง แรงลพั ธ์ 3. เกมส์ งัดข้อ 4. ใบงานเรอื่ ง เวกเตอรแ์ รง 5. พืน้ เอียง กล่องวตั ถุ 6. โต๊ะ

ใบกจิ กรรมเรอ่ื ง แรงลพั ธ์ อุปกรณ์ - โตะ๊ 1 ตวั ขน้ั ตอนการทากิจกรรม 1.สุม่ เลือกนกั เรยี นออกมา 2 คนปฏบิ ัตติ าม ดังน้ี - ปลอ่ ยให้โต๊ะอยนู่ งิ่ - ใหน้ ักเรยี นคนหนงึ่ ผลกั หรือดงึ โต๊ะหนา้ ช้ันเรียนจากทีห่ นง่ึ ไปยังอกี ที่หนง่ึ - ใหน้ กั เรยี นสองคนผลักหรือดงึ โตะ๊ หน้าชนั้ เรียนจากท่หี นึ่งไปยังอกี ทีห่ นงึ่ - ให้นักเรียนสองคนผลักโตะ๊ คนละด้านของโต๊ะ โดยออกแรงสวนทางกนั 2. ตง้ั คาถามให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นขณะที่ตวั แทนนักเรียนกาลงั ทากจิ กรรม ดงั น้ี - ขณะทโี่ ตะ๊ อยูน่ ง่ิ มแี รงใดบา้ งทีก่ ระทาตอ่ โต๊ะ (แรงดึงดดู ของโลก และแรงท่ีพ้นื กระทาตอ่ โต๊ะ) - ขณะท่ีโตะ๊ เคลอ่ื นที่แรงท่ีไปกระทากับวัตถมุ ที ิศทางอยา่ งไร (ทิศทางเดยี วกับการเคล่ือนที่ของวตั ถุ หรอื โต๊ะ) - ลักษณะของแรงท่กี ระทากับโตะ๊ นัน้ เกิดจากแรงอะไร (แรงผลกั และ แรงดงึ ) - การออกแรงดงึ และแรงผลักทาใหว้ ัตถุเกดิ การเปลย่ี นแปลงสภาพการเคลอื่ นทีไ่ ดเ้ สมอไปหรอื ไม่ (ไม่ เสมอไป เพราะถ้าการออกแรงน้อยก็ไม่สามารถเคลือ่ นที่ได้ หรืออาจจะเกี่ยวกับทิศทางในการออกแรงดว้ ย ) - ถ้านักเรยี นออกแรงในทิศเดยี วกนั กบั วัตถทุ ก่ี าลังเคลื่อนทีอ่ ยจู่ ะเป็นอยา่ งไร (วตั ถุเคลือ่ นทไ่ี ด้เร็วขึน้ ) - ถา้ นักเรยี นออกแรงในทิศตรงกนั ขา้ มกับการเคล่ือนท่ขี องวัตถุจะเป็นอย่างไร (วตั ถุจะหยุดน่ิงหรือ อาจทาให้เคลื่อนท่ีช้าลง)

เกมส์ งดั ข้อ อปุ กรณ์ - โต๊ะ 1 ตัว - เก้าอ้ี 2 ตัว กติกาการเลน่ 1. ใหน้ ักเรียน 2 คนออกมาน่ังเก้าอีท้ ี่มโี ต๊ะ อยตู่ รงกลาง โดยทงั้ สองคนตอ้ งนั่งตรงกันขา้ มกนั 2. ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนยกแขนดา้ นขวาของแตล่ ะคนขึน้ มาตง้ั บนโต๊ะ โดยให้ขอ้ ศอกติดอยู่กบั พ้ืนโตะ๊ และแขนขวาแตล่ ะคน ไขวก้ นั ไว้ 3. ครูให้สญั ญาณเร่มิ โดยใหแ้ ต่ละคนออกแรงดนั แขนของฝ่ายตรงข้ามให้ล้มติดกบั พ้นื โตะ๊ โดย ข้อศอกหา้ มลอยจากพื้นโตะ๊ โดยฝ่ายทท่ี าแขนเพ่อื นล้มได้ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายชนะ

ใบงานเร่ือง เวกเตอรแ์ รง คาชี้แจง :ใหน้ กั เรียนหาแรงลัพธข์ องแรงยอ่ ยทก่ี ระทาตอ่ วัตถตุ อ่ ไปนี้ บอกผลของแรงลพั ธ์ท่มี ตี ่อวตั ถุ และวาด เวกเตอรแ์ รง 1. แรงลพั ธ์ =…………………………………………………………………………………………………… ผลของแรงลัพธ์ คอื ………………………………………………………………………………………… 2. แรงลพั ธ์ =…………………………………………………………………………………………………… ผลของแรงลัพธ์ คอื ………………………………………………………………………………………… 3. แรงลัพธ์ =…………………………………………………………………………………………………… ผลของแรงลัพธ์ คอื ………………………………………………………………………………………… 4. แรงลัพธ์ =…………………………………………………………………………………………………… ผลของแรงลพั ธ์ คอื …………………………………………………………………………………………

เฉลย ใบงานเรอื่ งเวกเตอรแ์ รง 1. แรงลัพธ์ = 9+7 = 16 N ผลของแรงลพั ธ์ คือ วัตถุเคลอ่ื นทีไ่ ปทางขวามือ 2. แรงลพั ธ์ = 4-4 = 0 ผลของแรงลัพธ์ คือ วัตถุหยดุ น่ิง 3. แรงลัพธ์ = 4-2 = 2 N ผลของแรงลพั ธ์ คือ วัตถุเคล่อื นทไ่ี ปทางซ้ายมือ 4. แรงลัพธ์ = 4+7 = 11 N ผลของแรงลพั ธ์ คือ วัตถุเคลอ่ื นท่ีไปทางขวามือ

แบบทดสอบเรื่อง แรงลัพธ์ คาชี้แจง : ให้นกั เรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตวั เลือกท่ีถกู ต้องที่สุดเพยี งขอ้ เดียว 1. การเคล่อื นที่ในข้อใดมีความเร่งมากทีส่ ดุ ก. รถยนต์เร่มิ ออกจากส่ีแยกไฟแดงจนมีความเรว็ 50 เมตรต่อวินาที ภายในเวลา 5 นาที ข. เร่ิมเดินออกกาลังกายจากความเร็ว 0 เปน็ 10 เมตรตอ่ วินาทภี ายในเวลา 5 วนิ าที ค. เปลี่ยนความเร็วในการว่ิงจาก 5 เป็น 15 เมตรต่อวินาที ภายในเวลา 4 นาที ง. ขจี่ กั รยานดว้ ยความเรว็ เริ่มตน้ 7 เมตรต่อวนิ าที เมอ่ื เวลาผา่ นไป 3 วนิ าที วามเรว็ เปลี่ยนไป 25 เมตรต่อวนิ าที 2. ถา้ แรงลัพธก์ ระทาต่อวัตถเุ ป็นศนู ย์ วตั ถุจะอยใู่ นสถานะใด ก. หยดุ น่งิ ข. เคลอ่ื นทีด่ ้วยความเร็วคงท่ี ค. เคล่อื นท่ีดว้ ยความเร่งคงท่ี ง. ถกู ท้ัง ก และ ข 3. จงหาแรงลัพธ์ของแรงยอ่ ยที่กระทาตอ่ วัตถุ และผลของแรงลพั ธ์ ดังตอ่ ไปน้ี ก. 4 N วตั ถเุ คล่ือนทไี่ ปทางทิศตะวันตก ข. 10 N วัตถุเคลอ่ื นทไี่ ปทางทศิ ตะวันออก ค. 4 N วัตถุเคลือ่ นทไี่ ปทางทิศตะวันออก ง. 10 N วัตถุเคล่อื นทไ่ี ปทางทิศตะวนั ตก

4. กระถางตน้ ไมว้ างนิง่ อยู่บนพนื้ ราบ ดงั ภาพ ข้อใดถูกต้อง ก. ไมม่ แี รงกระทาตอ่ กระถางท้ังในแนวดงิ่ และแนวระดับ ข. ไมม่ ีแรงกระทาต่อกระถางในแนวดิ่ง แต่มแี รงกระทาต่อกระถางในแนวระดับ ค. ไม่มีแรงกระทาต่อกระถางในแนวระดบั แตม่ ีแรงกระทาตอ่ กระถางในแนวดง่ิ ง. มีแรงกระทาตอ่ กระถางทง้ั ในแนวดิ่งและแนวระดับ 5. ถ้ามีแรงลมพัดมาทางทศิ ใต้ จะทาอยา่ งไรเพอ่ื ให้ลูกโป่งทม่ี ีตุ้มน้าหนักลอยนิ่งเหมือนเดิม ก. เป่าลมแรงขนาดเทา่ กนั ไปทางทิศใต้ ข. เปา่ ลมแรงขนาดเทา่ กันไปทางทิศเหนือ ค. เป่าลมแรงขนาดมากกว่าไปทางทิศใต้ ง. เป่าลมแรงขนาดมากกวา่ ไปทางทิศเหนือ 6. ข้อใดต่อไปนถี้ ูกต้อง ก. แรงท่กี ระทาไปในทศิ ทางเดียวกบั การเคลือ่ นท่ี จะทาให้วตั ถมุ ีความเร็วลดลง ข. แรงทกี่ ระทาไปในทิศทางตรงขา้ มกับการเคล่อื นท่ี จะทาให้วตั ถุมีความเร็วคงท่ี ค. แรงทกี่ ระทาไปในทศิ ทางตรงขา้ มกับการเคล่ือนท่ี จะทาให้วัตถมุ ีความเร็วเพมิ่ ข้ึน ง. แรงท่ีกระทาไปในทศิ ทางเดยี วกบั การเคล่อื นท่ี จะทาใหว้ ัตถมุ ีความเร็วเพิ่มขึ้น 7. มวล 20 กโิ ลกรมั ตอ้ งการใหเ้ คลอ่ื นทด่ี ว้ ยความเร่ง 5 เมตรต่อวินาทีกาลงั สอง จะตอ้ งออกแรงกระทาเท่าใด ก. 100 N ข. 25 N ค. 50 N ง. 120 N

8. ถา้ ออกแรง 10 นวิ ตนั กระทาตอ่ วัตถมุ วล 20 กิโลกรัม วัตถจุ ะมคี วามเร่งเท่าใด ก. 0.25 m/������2 ข. 0.50 m/s2 ค. 0.75 m/s2 ง. 1.00 m/������2 9. จากภาพเวกเตอร์แรง จงหาแรงลัพธแ์ ละผลของแรงลัพธ์ ก. 11 N มที ศิ ทางการเคลื่อนท่ไี ปทางขวา ข. 11 N มีทศิ ทางการเคลื่อนที่ไปทางซา้ ย ค. 3 N มที ิศทางการเคลอื่ นทีไ่ ปทางขวา ง. 3 N มที ิศทางการเคล่อื นที่ไปทางซ้าย 10. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี เก่ียวขอ้ งกบั แรงลพั ธ์ ก. การสรา้ งสะพานแขวน ข. ชา้ งลากซุง ค. การปั่นจักรยานพ่วง ง. ถูกทุกข้อ

เฉลยแบบทดสอบเรือ่ ง แรงลพั ธ์ ขอ้ ตัวเลอื ก ขอ้ ตวั เลือก 1ก 6 ง 2ง 7 ก 3ข 8 ข 4ค9 ค 5 ข 10 ง

บนั ทึกผล ลัง อน รือการจัดกิจกรรม ราย ชิ า ฟิ กิ เ์ พิ่มเตมิ ร ั ิชา 31211 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี าร กึ า 2565 1. การใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ ด้านค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ดา้ นทกั ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ด้านเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปญั า/อปุ รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ขอ้ เ นอแนะ/แน ทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นางธดิ ารตั น์ เดชพละ) ตาแ นง่ ครู 3. ค ามคิดเ น็ ของ ั นา้ กล่มุ าระ ...เ....น....แ..ผ...น...ก..า..ร...ส..อ..น................จ..ก..ร..ร..ม.........ก....เ....ย..น..........ก.....ก...ษ...ะ...ก..ร..ะ..บ..ว..น...ก..า..ร....ด..อ...า..ง..เ...น...ร..ะ.บ..บ.................................... ลงชือ่ .................................................. (นาง า ิรินันท์ จันใด) ตาแ นง่ ครู 4. ขอ้ เ นอแนะของ ั น้า ถาน กึ า รือผู้ทไี่ ดร้ ับมอบ มาย (ตร จ อบ/นเิ ท /เ นอแนะ/รับรอง) ะ เป็นแผนการจัดการเรียนที่ดี รปู แบบถูกตอ้ ง : จุดประ งค์การเรียนรู้ อดคล้องกบั มาตรฐานตั ชี้ ดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ ปน็ ลาดับขน้ั ตอนและ และเร่อื งท่ี อน  การ ดั ประเมินผล อดคลอ้ งกบั ตั ถปุ ระ งค์ เน้นผู้เรียนเป็น าคัญ  อนื่ ๆ................................................................ พุลงชือ่ ..................๗................................ ผูน้ ิเท (นางพุทธธิดา ุ รรณโ ภณ) ตาแ น่งครู ๊ม็ป่ยิคัทึฝีดีรัน่ีทิกีมีด่ีท็ป

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 10 กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชอื่ รายวชิ า ฟสิ กิ ส์เพิม่ เติม รหัสวิชา ว 31211 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง แรงและการเคลือ่ นท่ี เวลา 40 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง แรงเสียดทาน เวลา 8 ชวั่ โมง ผสู้ อน นางธดิ ารตั น์ เดชพละ อสิ ลามวทิ ยาลัยแห่งประเทศไทย ผลการเรยี นร้ทู ่คี าดหวัง อธบิ ายแรงและหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง สาระสาคัญ ในสนามโนม้ ถ่วงจะมีแรงกระทาต่อวตั ถุ ทาให้วตั ถุมนี า้ หนัก เม่อื ปล่อยวตั ถุ วัตถจุ ะตกแบบเสรี สนามโน้มถ่วงทาให้วัตถตุ ่างๆ ไมห่ ลดุ จากโลก จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความร้คู วามเขา้ ใจ (K) 1. อธิบายแรงเสียดทานได้(L) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) 2. แกโ้ จทย์ปญั หาเร่ืองแรงเสยี ดทานได้ (N) ดา้ นคุณลักษณะ (A) 3. มีการทางานรว่ มกนั เปน็ กล่มุ (R) 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์(R) 5. นาความรเู้ รอ่ื งแรงเสียดทานไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้(R) กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั ตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase) 1. ถามนกั เรยี นวา่ แรงในความหมายของนักเรยี นคืออะไร (ให้นักเรยี นตอบแบบไมเ่ นน้ ถูก-ผดิ ) 2. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเรื่อง แรงลพั ธ์ จานวน 10 ขอ้

ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั เรา้ ความสนใจ (Engagement Phase) 1. บอกนกั เรียนว่าทุกสรรพสงิ่ ในโลกน้ลี ว้ นแลว้ แตเ่ กีย่ วขอ้ งกับแรงดว้ ยกนั ทั้งนัน้ เชน่ รถที่วง่ิ บนถนน หน้าโรงเรยี น ประตูโรงเรียน ยักษส์ องตนหน้าวัดสมอราย กระดานดา หรอื แมแ้ ตโ่ ตะ๊ -เกา้ อ้ที น่ี ักเรยี นนงั่ อยนู่ ั้น ล้วนมีแรงมากระทาด้วยกันทงั้ หมดทัง้ สิน้ 2. ครยู ืนอยู่นิ่งๆ ก็มแี รงมากระทา ถามนักเรียนว่ามแี รงใดบา้ งท่กี ระทาตอ่ ครู (ใหน้ กั เรยี นตอบแบบไม่ เน้นถกู -ผิด) 3. บอกนกั เรียนวา่ แรงนน้ั มีหลายชนิด เชน่ แรงลอยตวั แรงโนม้ ถว่ ง แรงกริ ยิ า แรงปฏกิ ริ ิยา เปน็ ตน้ ซึ่งนกั เรยี นจะไดเ้ รยี นในบทเรียนนี้ แต่กอ่ นอน่ื ต้องทาความเขา้ ใจความหมายของแรง และแรงลัพธก์ อ่ น 4. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ใหน้ กั เรยี นทราบเก่ียวกับการเรยี นเร่ือง แรงลพั ธ์ ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase) 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนเรื่อง แรงเสียดทาน จานวน 5 ข้อ 2. สนทนากับนกั เรียนถึงรถทวี่ ิง่ ไปบนถนนคอนกรตี กับรถที่ว่งิ บนถนนลกู รงั แตกตา่ งกันหรือไม่ เพราะเหตุใด ขั้นท่ี 4 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement Phase) dd1. นกั เรียนเล่นโปรแกรมเกมส์ เรือ่ งแรงเสยี ดทาน มวี ธิ กี ารเลน่ ดงั น้ี - เลือกลักษณะพืน้ ผวิ มี 3 แบบ คอื DRY (พนื้ ผวิ แห้ง), WET (พืน้ ผิวเปียก) , GRASSY (พ้นื ผวิ ขรุขระ) - เลือกความเร็วท่จี ะใหเ้ ดก็ ปล่อยรถเคล่ือนที่ลงมาตามระดับความเร็ว คือ 7 , 11, 14 km/hr ดังภาพ - ดผู ลที่เกดิ ขึ้น แลว้ ตัง้ คาถามใหน้ ักเรยี นคดิ ว่า เหตใุ ดผลลพั ธจ์ ึงเปน็ เชน่ นนั้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบเกี่ยวกบั การเรยี นเรื่อง แรงเสยี ดทานสถติ

ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration Phase) นกั เรียนรับใบความรูเ้ รือ่ ง แรงเสียดทาน พรอ้ มทง้ั ให้นักเรยี นคน้ คว้าหาความรูเ้ รอื่ งแรงเสียดทานสถิต จากใบความรู้ หนังสือเรยี น เป็นต้น ขน้ั ที่ 6 ขน้ั อธิบาย (Explanation Phase) อธิบายและให้ความรตู้ ามรายละเอียดในใบความรู้ แรงทต่ี า้ นการเคลื่อนท่ีของวัตถแุ ละมที ิศทางตรง ขา้ มการเคล่อื นท่ขี องวตั ถุ คือ แรงเสียดทาน ถา้ แรงท่ีกระทาตอ่ วตั ถขุ ณะวัตถุหยุดนง่ิ เรียกว่า แรงเสียดทาน สถิต ขัน้ ท่ี 7 ขั้นขยายความรู้ (Expansion Phase) 1. นักเรียนยกตวั อย่างสง่ิ ตา่ งท่อี ยู่รอบตวั โดยเกยี่ วข้องกับแรงเสยี ดทานสถิต เชน่ รถจอดอยู่ การยนื ตรง รองเทา้ วางอยู่ เปน็ ตน้ 2. นกั เรยี นทา Concept Map โดยสรปุ ใจความสาคัญออกมาในรปู ของแผนผังความคิดรวบยอด ข้นั ท่ี 8 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation Phase) นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน จานวน 5 ขอ้ จากตัวอยา่ งท่ีกาหนดให้ ขน้ั ที่ 9 ขั้นนาความรไู้ ปใช้ (Extension Phase) ครใู ชค้ าถามกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนนาความรูไ้ ปใช้ในชีวติ ประจาวนั โดยถามนกั เรยี นว่า ข้อดีของแรงเสยี ด ทานสถิตคอื อะไร (ทาใหย้ นื ตรงบนพ้นื ดนิ ได้ การวางของไว้ทพ่ี ้ืน การวางตไู้ วใ้ นบ้านได้ เป็นตน้ ) และขอ้ เสีย ของแรงเสียดทานสถติ คืออะไร (เวลาเข็นของ/ลากของบนพ้นื ผวิ จะลาบาก เป็นต้น) โดยการประเมินจากกิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้ครอบคลมุ ดา้ นความรู้ (K) ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) และ ด้านคุณลกั ษณะ(A) และ STEM ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 แบบทดสอบหลัง (พอใช้) เรียน (ดีมาก) (ด)ี (ปานกลาง) เน้อื หาสาระของ ใบงานไม่ถูกตอ้ ง Concept Map เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เปน็ ส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของ ใบงานถูกตอ้ ง ใบงานถูกตอ้ ง ใบงานถกู ต้อง ใบงานไมถ่ กู ตอ้ ง เปน็ สว่ นใหญ่ ครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ เป็นบางประเดน็ เน้อื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ ใบงานถูกต้อง ใบงานถูกตอ้ ง ใบงานถกู ต้อง ครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ เปน็ บางประเด็น

ส่อื การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบ 5 ขอ้ 2. โปรแกรมเกมส์

บันทกึ ผล ลงั อน รอื การจดั กิจกรรม ราย ชิ า ฟิ ิก เ์ พ่ิมเตมิ ร ั ชิ า 31211 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการ ึก า 2565 1. การใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ ด้านค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ดา้ นทัก ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ดา้ นเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปญั า/อุป รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ข้อเ นอแนะ/แน ทางแก้ไข ............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................. (นางธิดารัตน์ เดชพละ) ตาแ น่ง ครู 3. ค ามคิดเ ็นของ ั น้ากลุ่ม าระ ....เ....น....แ...ผ...น....ก...า..ร....ส...อ...น......................................................................................................................................... ลงช่อื ............๗...................................... (นาง า ริ นิ นั ท์ จันใด) ตาแ นง่ ครู 4. ขอ้ เ นอแนะของ ั น้า ถาน กึ า รือผู้ที่ได้รับมอบ มาย (ตร จ อบ/นเิ ท /เ นอแนะ/รับรอง) ะ เป็นแผนการจดั การเรยี นทีด่ ี รปู แบบถกู ตอ้ ง ะ จุดประ งค์การเรยี นรู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานตั ช้ี ัด และเร่ืองท่ี อน  กจิ กรรมการเรียนรเู้ ป็นลาดับขัน้ ตอนและ  การ ัดประเมนิ ผล อดคล้องกับ ตั ถปุ ระ งค์ เน้นผู้เรยี นเป็น าคญั  อน่ื ๆ................................................................ ฟุ ะลงชือ่ .................................................. ผ้นู ิเท (นางพทุ ธธิดา ุ รรณโ ภณ) ตาแ น่งครู ปีด่ีท็

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชอ่ื รายวชิ า ฟิสิกส์เพม่ิ เตมิ รหสั วิชา ว 31211 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง แรงและการเคลอ่ื นที่ เวลา 40 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง กฎการเคล่ือนทข่ี องนวิ ตัน เวลา 8 ช่วั โมง ผ้สู อน นางธิดารัตน์ เดชพละ อิสลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง อธบิ ายกฎการเคล่อื นทข่ี องนิวตนั และการใชก้ ฎการเคลอื่ นทีข่ องนวิ ตันอธิบายการเคลอื่ นที่ของวตั ถุ สาระสาคัญ ในสนามโน้มถ่วงจะมแี รงกระทาต่อวตั ถุ ทาใหว้ ัตถุมนี า้ หนกั เม่ือปล่อยวตั ถุ วัตถุจะตกแบบเสรี สนามโนม้ ถว่ งทาให้วตั ถตุ ่างๆ ไม่หลุดจากโลก จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ความเข้าใจ (K) 1. อธบิ ายกฎการเคลื่อนที่ทัง้ 3 ข้อได้(L) ด้านทักษะกระบวนการ (P) 2. แก้โจทย์ปญั หาเรื่องกฎการเคล่ือนที่ของนิวตนั ได้ (N) ดา้ นคุณลักษณะ (A) 3. มีจติ วิทยาศาสตร์(R) 4. นาความรูเ้ รื่องกฎการเคลื่อนท่ีไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้(R) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 ข้ันเร้าความสนใจ 1. ถามนกั เรยี นว่าแรงในความหมายของนกั เรียนคืออะไร และเหตุวา่ ทาไมวัตถุต้องตกลงสู่พนื้ เสมอ 2. ให้นกั เรียนสบื ค้นเรอื่ งกฎการเคล่ือนทขี่ องนวิ ตัน

ข้นั ท่ี 2 ขัน้ ดาเนินการสอน 1. ให้นกั เรียนศึกษาเรื่องกฎการเคล่อื นที่ของนวิ ตนั จากหนงั สือเรยี น และอนิ เทอร์เน็ต 2. ยกตวั อยา่ งการออกแรงกระทาต่อโตะ๊ เพ่อื ให้นักเรยี นจินตนาการเหน็ กฎการเคลื่อนท่ขี องนวิ ตัน 3. ฝกึ ทาแบบฝกึ หัดทีย่ กตวั อย่างให้ ข้ันที่ 3 ขั้นสรุปผล 1. ให้นกั เรียนทารายงานเรื่อง กฎการเคลือ่ นท่ขี องนิวตัน 2. สนทนากับนักเรยี นถึงเหตุการณใ์ ดบ้างที่เก่ียวกบั กฎการเคลอื่ นที่ของนิวตัน โดยการประเมนิ จากกจิ กรรมการเรียนรูใ้ ห้ครอบคลมุ ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะกระบวนการ(P) และ ด้านคณุ ลกั ษณะ(A) และ STEM ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 รายงานเรื่อง (พอใช้) กฎการเคลอื่ นท่ี (ดมี าก) (ด)ี (ปานกลาง) เนอื้ หาสาระของ ของนิวตัน รายงานไม่ เนอื้ หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ ถกู ต้อง เป็น ส่วนใหญ่ รายงานถกู ตอ้ ง รายงานถูกตอ้ ง รายงานถกู ตอ้ ง ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ เป็นบางประเดน็ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. อินเทอร์เนต็ 3. โต๊ะ

บันทึกผล ลงั อน รือการจดั กิจกรรม ราย ิชา ฟิ ิก ์เพมิ่ เตมิ ร ั ชิ า 31211 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการ กึ า 2565 1. การใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ ดา้ นค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ดา้ นทกั ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ด้านเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปญั า/อุป รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ขอ้ เ นอแนะ/แน ทางแก้ไข ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (นางธดิ ารตั น์ เดชพละ) ตาแ น่ง ครู 3. ค ามคิดเ ็นของ ั นา้ กลุม่ าระ ............อ..........ใ...บ.....ง..า..น.........า...ส....น................จ..ก...ร...ร..ม.....ก..า...ร..เ....ย...น...ก...า..ร..ส...อ...น........ก...ร...ะ.....น....ค...ว..า..ม...ส..ใ....จ.....ข..อ..ง......เ....ย..น.ไ.. เ น อ าง ลงชอ่ื .................................................. (นาง า ริ ินนั ท์ จันใด) ตาแ น่ง ครู 4. ข้อเ นอแนะของ ั น้า ถาน ึก า รือผูท้ ีไ่ ด้รบั มอบ มาย (ตร จ อบ/นเิ ท /เ นอแนะ/รับรอง) ะ เป็นแผนการจัดการเรียนทด่ี ี รูปแบบถูกต้อง ะ จุดประ งค์การเรียนรู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานตั ช้ี ัด และเร่อื งท่ี อน  กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ป็นลาดับข้นั ตอนและ  การ ัดประเมินผล อดคล้องกบั ตั ถปุ ระ งค์ เนน้ ผู้เรียนเปน็ าคญั  อน่ื ๆ................................................................ พุลงชอื่ .........๗......................................... ผู้นเิ ท (นางพทุ ธธิดา ุ รรณโ ภณ) ตาแ น่งครู ๊มีด่ย็ป้ดีรู้ผุ้ต่ีทีริกีม่น่ีทีม่ืสีม

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชอื่ รายวิชา ฟิสิกสเ์ พิ่มเติม รหัสวิชา ว 31211 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เร่ือง แรงและการเคลอ่ื นที่ เวลา 40 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง น้าหนกั เวลา 7 ช่ัวโมง ผ้สู อน นางธิดารัตน์ เดชพละ อิสลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวัง อธิบายกฎแรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวล สาระสาคญั ในสนามโน้มถ่วงจะมแี รงกระทาตอ่ วัตถุ ทาใหว้ ตั ถุมนี า้ หนัก เมือ่ ปลอ่ ยวตั ถุ วัตถจุ ะตกแบบเสรี สนามโน้มถว่ งทาให้วตั ถตุ ่างๆ ไมห่ ลดุ จากโลก จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) 1. อธบิ ายความหมายของน้าหนักได้(L) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) 2. แกโ้ จทยป์ ญั หาเร่ืองนา้ หนักได้ (N) ด้านคุณลักษณะ (A) 3. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์(R) 4. นาความรู้เรือ่ งนา้ หนักไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้(R) กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 ข้ันเรา้ ความสนใจ 1. ถามนักเรียนว่าน้าหนกั ในความหมายของนกั เรยี นคอื อะไร และเหตวุ ่าทาไมวัตถุตอ้ งตกลงสพู่ น้ื เสมอ

ข้นั ที่ 2 ขน้ั ดาเนินการสอน 1. ใหน้ ักเรียนศึกษาเรือ่ งน้าหนกั จากหนงั สือเรยี น และอนิ เทอรเ์ นต็ 2. ให้นกั เรียนฝกึ ทาโจทยเ์ กี่ยวกบั น้าหนกั โดยกาหนดโจทยค์ ลา้ ยตัวอย่างที่กาหนดให้ 3. ฝึกทาแบบฝึกหัดท่ยี กตัวอย่างให้ ขั้นท่ี 3 ข้นั สรปุ ผล 1. ตรวจสมดุ แบบฝึกหัด 2. ให้นักเรยี นอธบิ ายเก่ียวกับการประยุกต์ใช้เรอื่ งนา้ หนักในชวี ิประจาวันทต่ี นเองพบเจออยู่บอ่ ยๆ โดยการประเมินจากกิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้ครอบคลมุ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นทักษะกระบวนการ(P) และ ด้านคุณลักษณะ(A) และ STEM ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 แบบฝกึ หดั (พอใช)้ (ดมี าก) (ดี) (ปานกลาง) เน้ือหาสาระไม่ ถกู ตอ้ ง เปน็ เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระ เนอ้ื หาสาระ สว่ นใหญ่ ถูกต้องครบถว้ น ถูกตอ้ งเปน็ ส่วน ถูกต้อง เปน็ บาง ใหญ่ ประเดน็ สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. อนิ เทอรเ์ นต็ 3. แบบฝกึ หัด

บันทึกผล ลัง อน รือการจดั กจิ กรรม ราย ิชา ฟิ กิ ์เพม่ิ เติม ร ั ิชา 31211 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการ กึ า 2565 1. การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ดา้ นค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ดา้ นทัก ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ดา้ นเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปญั า/อุป รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ขอ้ เ นอแนะ/แน ทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.................................................. (นางธิดารตั น์ เดชพละ) ตาแ น่ง ครู 3. ค ามคิดเ ็นของ ั น้ากลุม่ าระ ......เ....น....แ...ผ...น...ก...า..ร...ส..อ..น.........า.......ใ..จ........ใ..บ....ง..า.น.........อ...ก..า..ร..ส..อ..น.................................................................................. ลงชอ่ื .............g..................................... (นาง า ิรินันท์ จันใด) ตาแ น่ง ครู 4. ขอ้ เ นอแนะของ ั นา้ ถาน ึก า รือผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบ มาย (ตร จ อบ/นิเท /เ นอแนะ/รบั รอง) ะ เป็นแผนการจัดการเรยี นท่ีดี รปู แบบถูกต้อง : จุดประ งค์การเรยี นรู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานตั ชี้ ดั และเรอ่ื งที่ อน  กิจกรรมการเรียนรูเ้ ป็นลาดบั ขนั้ ตอนและ เนน้ ผเู้ รียนเป็น าคัญ  การ ดั ประเมินผล อดคล้องกบั ัตถปุ ระ งค์  อื่นๆ................................................................ ๆลงชอ่ื .................................................. ผนู้ เิ ท (นางพุทธธิดา ุ รรณโ ภณ) ตาแ น่งครู ีด่ีท่ืสีมีมีด่น่ีท็ป

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชือ่ รายวิชา ฟิสิกสเ์ พ่มิ เตมิ รหัสวิชา ว 31211 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง แรงและการเคลื่อนท่ี เวลา 40 ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง กฎแรงดงึ ดดู ระหว่างมวล เวลา 8 ชว่ั โมง ผู้สอน นางธดิ ารัตน์ เดชพละ อสิ ลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ผลการเรยี นรู้ อธบิ ายกฎแรงดงึ ดูดระหว่างมวล สาระสาคัญ ในสนามโน้มถว่ งจะมแี รงกระทาต่อวัตถุ ทาให้วัตถุมนี ้าหนกั เมอื่ ปล่อยวตั ถุ วัตถจุ ะตกแบบเสรี สนามโนม้ ถ่วงทาใหว้ ัตถตุ ่างๆ ไม่หลดุ จากโลก จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความร้คู วามเขา้ ใจ (K) 1. อธิบายความหมายของกฎแรงดงึ ดูดระหว่างมวลได(้ L) ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) 2. แก้โจทย์ปัญหาเรือ่ งกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลได้ (N) ด้านคุณลกั ษณะ (A) 3. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์(R) 4. นาความรเู้ รอื่ งกฎแรงดงึ ดูดระหวา่ งมวลไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้(R) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ 1 ขัน้ เร้าความสนใจ 1. ถามนกั เรียนเก่ยี วกับว่า เพราะเหตใุ ดโลกจึงเคลอ่ื นท่รี อบดวงอาทิตย์ (ให้นกั เรียนแสดงความ คิดเหน็ ไม่เน้นถกู -ผดิ )

ขน้ั ที่ 2 ขั้นดาเนนิ การสอน 1. ใหน้ กั เรียนศึกษาเร่อื งกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลจากหนงั สอื เรียน และอินเทอร์เน็ต 2. ให้นกั เรยี นฝกึ ทาโจทยเ์ ก่ยี วกบั กฎแรงดึงดดู ระหว่างมวล โดยกาหนดโจทย์คล้ายตัวอย่างท่ี กาหนดให้ 3. ฝึกทาแบบฝึกหัดท่ียกตัวอยา่ งให้ ขนั้ ที่ 3 ขัน้ สรปุ ผล 1. ตรวจสมดุ แบบฝกึ หัด 2. ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายเก่ียวกับการประยุกตใ์ ช้เรอื่ งกฎแรงดึงดดู ระหว่างมวลในชีวปิ ระจาวันทีต่ นเอง พบเจออยบู่ อ่ ยๆ โดยการประเมินจากกิจกรรมการเรยี นรู้ให้ครอบคลุมดา้ นความรู้ (K) ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) และ ด้านคุณลักษณะ(A) และ STEM ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 แบบฝึกหัด (พอใช้) (ดมี าก) (ดี) (ปานกลาง) เน้อื หาสาระไม่ ถูกต้อง เปน็ เน้ือหาสาระ เนอื้ หาสาระ เนอ้ื หาสาระ สว่ นใหญ่ ถูกต้องครบถ้วน ถกู ตอ้ งเป็นสว่ น ถูกต้อง เปน็ บาง ใหญ่ ประเดน็ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. อนิ เทอรเ์ น็ต 3. แบบฝึกหัด

บนั ทกึ ผล ลงั อน รือการจัดกิจกรรม ราย ิชา ฟิ กิ เ์ พม่ิ เติม ร ั ชิ า 31211 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการ กึ า 2565 1. การใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ ดา้ นค ามรู้………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ด้านทกั ะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. ด้านเจตคติ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .............................................................................................................................................................................. ปญั า/อปุ รรค .............................................................................................................................................................................. 2. ข้อเ นอแนะ/แน ทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................. (นางธดิ ารตั น์ เดชพละ) ตาแ น่ง ครู 3. ค ามคิดเ ็นของ ั นา้ กลุ่ม าระ .....เ.....น....แ...ผ...น....ก...า..ร...ส..อ...น.................จ..ก..ร..ร..ม...ก..า..ร..เ...ย..น..ก..า.ร..ส..อ..น.......า.....ใ..จ......................................................................... ลงชื่อ.............g..................................... (นาง า ริ นิ ันท์ จนั ใด) ตาแ นง่ ครู 4. ขอ้ เ นอแนะของ ั นา้ ถาน กึ า รอื ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบ มาย (ตร จ อบ/นิเท /เ นอแนะ/รับรอง) ะ เป็นแผนการจัดการเรยี นที่ดี รปู แบบถกู ต้อง ะ จดุ ประ งค์การเรยี นรู้ อดคล้องกับมาตรฐานตั ช้ี ดั และเรอื่ งที่ อน  กิจกรรมการเรยี นรเู้ ปน็ ลาดบั ขั้นตอนและ  การ ดั ประเมินผล อดคล้องกบั ตั ถปุ ระ งค์ เนน้ ผู้เรียนเป็น าคัญ  อืน่ ๆ................................................................ ฟุลงช่อื ....................ล.........า..................... ผนู้ เิ ท (นางพทุ ธธิดา ุ รรณโ ภณ) ตาแ นง่ ครู ีด่น่ีทีริกีมีด่ีท็ป