Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ย้อนอดีต กับ 100 ปี ธงชาติไทย

ย้อนอดีต กับ 100 ปี ธงชาติไทย

Published by greenbaigon2, 2020-04-30 09:34:18

Description: ย้อนอดีต กับ 100 ปี ธงชาติไทย

Search

Read the Text Version

ยอ้ นอดีต กบั 100 ปี ธงชาติไทย ในวาระทธ่ี งไตรรงค์ หรอื ธงชาติไทยของคนไทย จะมีวาระครบรอบ 100 ปีในปนี นี้ นั้ ประวตั ิ และที่มาของธงชาติไทย ในแต่ละยุคสมัย ธงแดง ธงผืนน้ีถือไดว้ า่ เป็นธงชาติไทยผืนแรก มีประวัติท่ีกล่าวไวว้ ่า ไดม้ ีการใชค้ รง้ั แรก ในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา(พ.ศ. 1893 - 2310 )ในรัชสมัยของสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช โดยตอนน้ันกรุงศรีอยุธยา ได้ทาการค้ากับชาวตะวันตก โดยเฉพาะกับฝร่ังเศส เมอ่ื เรือสินค้าฝรง่ั เศสจะเข้ามาน่านนา้ ไทย ทางฝรัง่ เศสจะมีการยิงปืนสลุต เพ่ือเป็นการทาความเคารพตามแบบตะวนั ตก

โดยการยิงสลตุ นน้ั ท้งั สองฝ่ายจะต้องชักธงชาตขิ องตน ข้นึ ส่ยู อดเสา แตต่ อนนน้ั สยามยังไม่มธี งชาตขิ องตน สยามเลย นาธงชาติของฮอลันดา(เนเธอร์แลนด)์ ขึ้นไปแทน ฝร่งั เศสไม่ยอมรับธงฮอลนั ดา(เพราะฝรงั่ เศสมักมปี ัญหาทางการค้ากับ ฮอลนั ดา)ดังนนั้ สยามจึงนาธงสแี ดงล้วน ท่เี ป็นธงกองทพั ขึ้นไปแทน ดังน้นั สยามจึงนาธงสีแดงเป็นธงชาตใิ นระยะแรก ธงรปู วงจักร ครั้นถงึ ในสมยั รชั กาลท่ี 1 ทรงมีพระราชดาริ ทแ่ี บง่ ธงที่ใช้บนเรือสินค้าของราษฎร กับเรือหลวงออกจากกัน โดยใช้ธงสแี ดงลว้ นกับเรอื สนิ คา้ และใชธ้ งสแี ดงลว้ น และมีรปู วงจักรอันเปน็ สัญลกั ษณ์ของราชวงศ์จักรี นาไปใช้บนเรือ หลวง

ธงชา้ งเผอื กล้อมดว้ ยวงจักร คร้ันถึงปี พ.ศ.2360 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย(2352 - 2367) ในรชั สมยั ของพระองคน์ นั่ ทรง ได้รบั ชา้ งเผอื กคู่พระบารมถี ึง 3 องคด์ ้วยกัน รัชกาลท่ี 2 จงึ ทรงพระราชดาริ ให้นารปู ช้างเผือก เข้าอยูภ่ ายในของรูปวง จกั รบนธงเรือหลวง ชึ่งถอื เป็นพระเกียรติยศ และมีความหมายวา่ พระเจา้ แผ่นดนิ ผู้มชี า้ งเผอื ก

ธงช้างเผอื ก คร้ันถงึ ปี พ.ศ.2398 รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (2396-2411) ทรงมีราชดาริที่จะทาให้ ธงทใ่ี ชบ้ น เรอื หลวงนน่ั นามาใชเ้ ป็นธงชาติของสยาม เพอื่ ใหเ้ ป็นเหมอื นกับนานาอารยประเทศ โดยทรงดารใิ หน้ ารปู วงจกั รออก และปรบั สดั ส่วนของรูปชา้ งเผือกให้มขี นาดใหญ่ขนึ้ ธงช้างเผือกนี้ถูกนาไปใช้จนถึงสมยั รัชกาลท่ี 6

ธงช้างทรงเครื่อง ยืนแท่นประทบั ในรัชสมัย พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หวั (2453-2468) ทรงมีพระราชดารวิ ่า ชา้ งเผอื กบนผืนธงเดิมน่ัน ไม่ สวยงามและแยกแยะออกจากธงราชการไม่ออก จงึ ทรงพระราชดาริให้ ปรบั เปลีย่ นรูปชา้ งเผือก ให้เป็นรูปชา้ งทรงเคิร่ื อง ประทับยนื บนแท่น หน้าช้างทรงเคร่ือง หันเขา้ หาเสา และธงน้ียงั เป็นธงชาติไทยรุ่นสุดทา้ ย ทมี่ ีรูปของช้างปรากฏอยู่ อกี ดว้ ย

ธงพ้นื รวิ้ ขาวแดง ในปลายปี พ.ศ.2459 ไดม้ ีการยกเลิกธงช้างเผอื กทรงเคร่ือง เน่ืองเพราะราษฎรชกั ธงชาติ ในลกั ษณะทผ่ี ดิ เชน่ หัวของ ช้างกลับหวั กลบั หาง ตดิ ผิดด้าน เปน็ ตน้ รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชดาริว่า ธงชาตสิ ยามควรมลี ักษณะเป็นร้ิวสี เพราะ ช่วยแกไ้ ขปญั หาดังกลา่ วได้

ธงไตรรงค์ ในกลางปี พ.ศ.2460 รชั กาลท่ี 6 ทรงมีพระราชดาริ ที่จะปรับเปลยี่ นธงชาติสยามอีกคร้งั โดยเปล่ียนแถบสีตรงกลาง จากสีแดงเป็นสีนา้ เงิน เพราะสนี า้ เงินเป็นสีประจาสถาบันพระมหากษตั ริย์ ธงชาตนิ ีเ้ ป็นธงชาติของไทยจวบจนถึง ปัจจุบนั \"พระบาทสมเดจ็ พระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าแผ่นดนื สยาม\" มูลเหตุสาคญั ที่พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยูห่ ัว ทรงพระราชดารใิ ห้เปลยี่ นธงชาตจิ ากธงช้างมาเป็นธง ไตรรงค์เมือ่ พ.ศ. ๒๔๖๐ นั้นกล่าวกนั ว่า นา่ จะมสี าเหตุมาจากธงช้างซ่ึงเปน็ มีภาพพิมพ์รูปช้างบนผืนธงสีแดงน้นั เป็น ของท่ตี อ้ งสั่งทาจากต่างประเทศ ทง้ั มีราคาสูง นอกจากนั้นยงั ปรากฏอีกวา่ “...ธงสาหรบั ชกั ในเรือทั้งหลายของ

พ่อคา้ แลสาธารณชน บรรดาท่เี ปนชาตชิ าวสยามยงั ไม่เหมาะ โดยทใ่ี ช้อยู่ทุกวันนีแ้ ม้แลแต่ไกลแลว้ เห็นผดิ แผกกับ ธงราชการน้อยนกั แลทงั้ รปู ช้างที่ใช้กนั อยู่กไ็ มง่ ดงาม จนเกือบไมท่ ราบวา่ ช้างหรืออะไร เปนเพราะวาดรปู ช้างนน้ั เปน การลาบากนั่นเอง...” แตม่ ูลเหตุสาคัญที่ทาให้ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเปลีย่ นธงชาตจิ ากธงช้างมาเปน็ ธงไตรรงค์นน้ั “...เพราะ ทรงพระราชดารหิ ว์ ่า ธงช้างทายาก และไม่คร่ได้ทาแพร่หลายในประเทศ ที่มีขายอยู่ดาษดน่ื ในตลาดมกั จะเปนธงที่ทา มาจากตา่ งประเทศ ประเทศทีท่ าไม่รจู้ กั ชา้ ง ทารูปร่างไม่นา่ ดู ทงั้ คนใชถ้ ้าไม่ระวังก็มักจะชักธงกลบั ...” ดงั เชน่ ทจ่ี ม่นื อมรดรุณารกั ษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) ไดก้ ล่าวถงึ เร่ืองท่ีพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั ทอดพระเนตรราษฎร ประดบั ธงช้างกลับหัว “...ในลักษณะช้างนอนหงาย, เอาสเี่ ท้าช้ฟี า้ ...” เมอื่ วนั ท่ี ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๙ คราว เสด็จพระราชดาเนินไปวดั เขาสะแกกรัง เมอื งอุทยั ธานวี ่า “...เม่อื พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทอดพระเนตรเหน็ ธงผนื ทกี่ ลา่ วนัน้ , ..ฉบั พลันสายพระเนตรก็แปรไปเมินมองทางอืน่ , เสมอื นมไิ ด้มสี ง่ิ ใดเปน็ ทีพ่ ึงสังเกตผิดปกติเกดิ ขนึ้ , แต่ทว่า สีพระพกั ตรน์ นั่ สิ, ...ดูประหนง่ึ จะทรงมคี วามสะเทือนพระราชหฤทยั ไปในทางสลดสงั เวชมากกวา่ ทรงพระพโิ รธ, หรอื ไม่ พอพระทยั อย่างใดอย่างหนึง่ ,...” อาจจะเป็นเพราะทรงตระหนกั ในพระราชหฤทยั ถึงความรีบรอ้ นของราษฎรทม่ี ุ่ง หมายจะแสดงความจงรกั ภักดใี ห้ปรากฏ แต่การชกั ธงชาติกลับหวั น้มี แี บบธรรมเนียมสากลทางทหารทถ่ี ือกนั วา่ การชัก ธงกลับหวั นน้ั เปน็ เครื่องหมายของการยอมแพ้ หรอื สถานท่ีนน้ั ถูกยึดครองโดยอกี ฝ่ายหน่ึงแลว้ ฉะนนั้ การที่มี พระราชดารใิ หเ้ ปลีย่ นธงชา้ งมาเป็นธงริ้วแดงสลับขาวรวมกันเป็นห้าแถบเม่ือเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๙ นั้น จงึ นา่ จะมาจากสาเหตดุ ังกลา่ ว เพราะธงร้ิวแดงสลบั ขาวห้าแถบทโ่ี ปรดเกล้าฯ ใหป้ ระดิษฐ์ขึ้นใหมน่ นั้ ไม่วา่ จะประดบั หรือ ชักข้ึนเสาอย่างไรก็ไม่มที างทจ่ี ะกลบั หวั ไปได้ อน่งึ ภายหลงั จากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธงร้ิวแดงสลับขาวรวมห้าแถบเปน็ ธงค้าขายสาหรับชักใน เรอื ของพ่อค้าและสาธารณชนแทนธงช้างเดิมมาตง้ั แต่วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๙ แลว้ กไ็ ด้โปรดเกล้าฯ ใหช้ กั ธง ค้าขายน้ีข้นึ ทีเ่ สาธงในบริเวณสนามเสอื ปา่ เพือ่ ใหผ้ ทู้ ่ีได้พบเหน็ ไดร้ ่วมแสดงความคิดเห็น และเม่ือผู้ใช้นามแฝงวา่ “อะ แควเรยี ส” ได้เขยี นบทความแสดงความคดิ เห็นลงในหนงั สอื พิมพก์ รงุ เทพฯ เดลิเมล์ ฉบับวนั ท่ี ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๐ โดยไดเ้ สนอความหน็ ไว้วา่ “...รวิ้ แดงกลางควรจะเปลี่ยนเปนสีนา้ เงิน ดงั นร้ี วิ้ ขาวท่กี ระหนาบสงขา้ งประกอบกบั ร้วิ น้าเงนิ กลางกจ็ ะรวมกนั เปนสี สว่ นพระองคข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว และสีแดงกบั ขาวทร่ี มิ ประกอบกันกจ็ ะเปนสีสาหรับชาติ และด้วย ประการฉะนีก้ รุงสยามกจ็ ะได้มีธงสแี ดง, ฃาว, กับนา้ เงิน อนั เปนสธี งสามสี (ฝร่ังเศส), ยูเนียนแยก๊ (อังกฤษ), และธง ดาวและริว้ (อะเมรกิ นั ) ดงั นี้ ถ้ามีธงใหม่ขนึ้ เช่นวา่ นี้ กจ็ ะได้เปนเครือ่ งหมายกิจการสาคญั ย่ิงอัน ๑ ในตานานประเทศนี้ และการทีใ่ ช้ สามสนี ีส้ มั พนั ธมิตรส์ าคัญๆ ของกรุงสยามก็จะรู้สกึ วา่ เปนการยกยอ่ งเฃาเปนแน่แท้ ทงั้ การที่มีสีส่วนพระองค์ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวอยู่ดว้ ยนัน้ กจ็ ะเปนเคร่ืองเคอื นใหร้ ะลึกถึงสมเดจ็ พระเจ้าแผ่นดินสยามในสมัยเม่ือ

ประเทศนี้ได้ดาเนนิ ไปในขน้ั สาคญั อยา่ งยิ่ง...” จึงได้โปรดเกลา้ ฯ ใหช้ า่ งเขยี นลองเขยี นรูปธง โดยเปลีย่ นแถบสีแดงที่กลางผืนธงมาเป็นสนี ้าเงินแก่อนั เปน็ สี ประจาวนั พระบรมราชสมภพ ครน้ั ไดท้ อดพระเนตรแบบธงใหม่นัน้ แล้ว ทรง “...ยอมรับวา่ ฃองเขาขาขน้ึ กวา่ ธงที่ใชอ้ ยู่ บัดน.้ี ..” จึงไดท้ รงนาเร่ืองการเปล่ียนธงชาติน้ีเขา้ ปรกึ ษาในทป่ี ระชุมเสนาบดี แล้วไดโ้ ปรดเกล้าฯ ใหต้ รา “พระราชบญั ญตั แิ ก้ไขพระราชบญั ญตั ธิ ง พระพทุ ธศักราช ๒๔๖๐” เมอ่ื วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๐ ให้เปลยี่ น ธงชาตสิ ยามจากธงช้างเผือกทรงเคร่อื งยืนแท่น ทีโ่ ปรดใหใ้ ชแ้ ทนธงชา้ งเดิมมาแตว่ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๙ มา เป็นธงไตรรงค์ต้ังแตว่ นั ท่ี ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ เปน็ ต้นมา ทั้งนีท้ รงมุ่งหมายให้ธงไตรรงค์น้ี “...เปนเครื่องหมาย ให้ปรากฏว่า ประเทศสยามไดเ้ ข้ารว่ มสขุ ทุกข์ แลเปนนา้ หน่งึ ใจเดียวกนั กบั สมั พันธมติ รห์ มใู่ หญ่ ช่วยกันกระทาการ ปราบ ปรามความอาสตั ยอ์ าธรรมในโลกย์ ให้ประลยั ไป...” ธงไตรรงค์ทที่ รงพระราชดารขิ ึน้ ใหม่นั้น มรี ูปลักษณะตามทีบ่ ัญญตั ิไว้ในพระราชบัญญตั แิ ก้ไขพระราชบญั ญตั ิ ธง พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๐ คือ “...รปู ส่ีเหล่ยี มรี มขี นาดกว้าง ๒ ส่วน ยาว ๓ สว่ น มีแถบสีน้าเงินแก่ กวา้ ง ๑ สว่ น ซงึ่ แบ่ง ๓ ขนาดกวา้ งแหง่ ธงอยกู่ ลาง มแี ถบขาวกว้าง ๑ สว่ น ซ่งึ แบง่ ๖ ของขนาดกว้างแห่งธงข้างละแถบ แล้ว มแี ถบสีแดงกวา้ งเท่าแถบขาวประกอบช้นั นอกอีกข้างละแถบ ธงสาหรบั ชาตสิ ยามอย่างนใี้ ห้เรียกว่าธงไตรรงค์...” นอกจากน้ันแลว้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ ัวยังได้ทรงพระราชนิพนธค์ าอธบิ ายความหมายของ แถบสที ้ังสามทปี่ ระกอบกันเป็นธงไตรรงคน์ ัน้ วา่ “ขอรา่ ราพรรณบรรยาย ความคดิ เครื่องหมาย แหง่ สที ั้งสามงามถนดั ขาว คือบรสิ ุทธิ์ศรสี วัสดิ์ หมายพระไตรรตั น์ ท่ีพง่ึ คุม้ จิตไทย แดง คอื โลหิตเราไซร้ ซึง่ ยอมสละได้ เพื่อรักษะชาตศิ าสนา น้าเงนิ คอื สโี สภา อนั จอมประชา ธ โปรดเปน็ ของสว่ นองค์ จัดร้ิวเข้าเป็นไตรรงค์ จง่ึ เปน็ สธี ง ท่รี ักแห่งเราชาวไทย ทหารอวตารนาไป ยงยุทธว์ ชิ ัย วชิ ติ กช็ ูเกียรติสยาม ฯ”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook