ใบความร้ทู ่ี 4 วชิ าเศรษฐกิจพอเพียง (ทช31001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย เร่อื ง ความพอเพียง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอชานุนามาน
ใบความรู้ วชิ า เศรษฐกิจพอเพยี ง (ทช31001) คร้ังท่ี 4 เร่อื ง ความพอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นปรัชญาท่ียดึ หลักทางสายกลาง ทช่ี ้ีแนวทางดำรงอยูแ่ ละปฏบิ ตั ิของ ประชาชนในทุกระดบั ตั้งแต่ครอบครัวไปจนถงึ ระดับรฐั ทัง้ ในการพัฒนาและบริหารประเทศ ใหด้ ำเนินไป ในทางสายกลางมคี วามพอเพียง และมคี วามพร้อมท่ีจะจัดการตอ่ ผลกระทบจากการเปลยี่ นแปลงท้งั ภายนอก และภายใน ซึ่งจะตอ้ งอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และระมัดระวงั ในการวางแผน และดำเนนิ การทุกขัน้ ตอน เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใชเ่ พอ่ื การประหยัด แตเ่ ป็นการดำเนนิ ชีวิตอย่างสมดลุ และย่งั ยนื เพ่ือให้สามารถอยู่ได้ ความเปน็ มา ความหมาย หลักแนวคิด ความเปน็ มา พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช (รัชกาลท9ี่ )ได้พัฒนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งเพอื่ ทจี่ ะให้พสกนกิ รชาวไทยไดเ้ ข้าถึงทางสายกลางของชีวติ และเพ่ือคงไวซ้ ง่ึ ทฤษฎีของการ พฒั นาที่ยั่งยนื ทฤษฎนี ี้เป็นพื้นฐานของการดำรงชวี ติ ซง่ึ อยู่ระหว่าง สงั คมระดบั ท้องถ่นิ และตลาดระดับสากล จุดเดน่ ของแนวปรชั ญาน้ีคือ แนวทางท่ีสมดลุ โดยชาตสิ ามารถทนั สมัย และกา้ วสคู่ วามเป็นสากลได้ โดย ปราศจากการตอ่ ตา้ นกระแสโลกาภวิ ัฒน์ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง มีความสำคัญในช่วงปี พ.ศ. 2540 เม่ือปที ่ี ประเทศไทยต้องการรกั ษาความมนั่ คงและเสถียรภาพเพ่ือท่ีจะยนื หยดั ในการพ่ึงตนเองและพัฒนานโยบายท่ี สำคญั เพ่ือการฟน้ื ฟเู ศรษฐกิจ ของประเทศโดยการสร้างแนวคิดเศรษฐกิจทพี่ ่ึงตนเองได้ ซึ่งคนไทยจะ สามารถเลีย้ งชีพโดยอยู่บนพ้ืนฐานของความพอเพียงพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช (รชั กาลท9่ี )มพี ระราชดำริวา่ “มนั ไมไ่ ด้มคี วามจำเปน็ ที่เราจะกลายเป็นประเทศอตุ สาหกรรมใหม่ (NIC)” พระองค์ไดท้ รงอธบิ ายวา่ ความพอเพยี งและการพ่งึ ตนเอง คอื ทางสายกลางทจ่ี ะป้องกนั การเปลีย่ นแปลง ความไม่มน่ั คงของประเทศได้เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ ปรชั ญาทช่ี ้ีแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบตั ิตน ท่ี พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (รัชกาลท9่ี ) มีพระราชดำรสั แกพ่ สกนิกรชาวไทยมาต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2517 มีใจความวา่ “...การพฒั นาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขน้ั ตอ้ งสรา้ งพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกนิ พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบอ้ื งต้นก่อนโดยใช้วธิ ีการและใชอ้ ปุ กรณท์ ่ปี ระหยดั แต่ถูกต้องตาม หลักวิชาเมื่อได้พนื้ ฐานม่ันคงพร้อมพอควร และปฏิบัติไดแ้ ลว้ จงึ ค่อยสร้างค่อยเสริมความเจรญิ และฐานะ เศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤตเิ ศรษฐกิจ นบั ว่าเปน็ บทเรียนของการพฒั นาที่ ไม่สมดลุ และไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งสง่ ผลกระทบต่อความเปน็ อยู่ของประชาชนสว่ นใหญ่ ส่วนหน่งึ เปน็ ผลมา จากการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมที่ไมไ่ ด้คำนงึ ถึงระดับความเหมาะสมกับศักยภาพของประเทศ หรือความ พร้อมของคนและระบบและอีกสว่ นหนง่ึ น้นั การหวงั พึ่งพงิ จากต่างลงทนุ หรือตลาด โดยไมไ่ ดเ้ ตรียมสรา้ ง พ้ืนฐานภายในประเทศให้มีความมน่ั คงและเขม้ แขง็ หรอื สร้าง
ภมู ิคมุ้ กนั ทด่ี เี พ่ือใหส้ ามารถพรอ้ มรับความเสี่ยงจากความผกผนั เปลย่ี นแปลงของปัจจยั ภายในและภายนอก บทเรียนจากการพัฒนาทผี่ า่ นมานน้ั ทำใหป้ ระชาชนคนไทยทกุ ระดับในทุกภาคส่วนของสงั คม ทัง้ ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม นกั วิชาการ หนั กลบั มาทบทวนแนวทางการพฒั นาและการดำเนินชีวิตของคนในชาติ แล้วมงุ่ ให้ความสำคัญกบั พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่9)ใน เร่ืองการพฒั นาและการดำเนินชีวิตแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง และศึกษาค้นควา้ พัฒนาความรู้ ความเขา้ ใจ เกยี่ วกบั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงทงั้ ในเชิงกรอบแนวคดิ ทางทฤษฎแี ละใช้เปน็ แนวในการนำไปประยุกตใ์ ช้ ในชีวติ ประจำวันมากขน้ึ สำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาตไิ ดเ้ ชิญผ้ทู รงคุณวฒุ ิจากหนว่ ยงาน ตา่ งๆ มารว่ มกนั พิจารณา กลั่นกรอง พระราชดำรสั ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช (รัชกาลท9่ี ) ที่ได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยในโอกาสต่างๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกับเรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี งแล้ว สรุปเปน็ นิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และได้อัญเชญิ เป็นปรชั ญานำทางในการจดั ทำ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) และฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) เพื่อสง่ เสริมให้ประชาชนทกุ ระดบั และทุกภาคส่วนของสงั คมมีความเขา้ ใจในหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงและนำไปเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดำเนนิ ชวี ิตอันจะนำไปสกู่ ารพัฒนาท่สี มดุลและ ยง่ั ยนื ประชาชนมคี วามเป็นอยรู่ ่มเย็นเป็นสขุ สังคมมีความเขม้ แข็ง และประเทศชาตมิ ีความมัน่ คง ความหมาย ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ ปรัชญาท่เี ป็นแนวคิด หลักการ และแนวทางปฏิบตั ิตนของ แต่ละประเทศมากเกนิ ไปทงั้ ในดา้ นความรู้ เงนิ บุคคลและองค์กรทุกระดับตงั้ แตร่ ะดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน และระดบั ประเทศท้งั ในการพัฒนาและ บริหารประเทศให้ดำเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยคำนึงถึงความพอประมาณกับศกั ยภาพตนเองและสภาวะ แวดล้อม ความมเี หตุผลและการมีภูมคิ ุ้มกันทีด่ ีในตัวเองโดยใช้ความรู้อยา่ งถกู หลักวชิ าการดว้ ยความ รอบคอบและระมดั ระวังควบคู่ไปกับการมีคณุ ธรรม ไมเ่ บียดเบยี นกัน แบ่งปัน ชว่ ยเหลอื ซ่ึงกนั และกันและ ร่วมมือปรองดองกันในสงั คม ซึง่ นำไปสูค่ วามสามัคคี การพัฒนาทีส่ มดลุ และยัง่ ยนื พร้อมรบั ต่อการ เปล่ยี นแป หลกั แนวคดิ การพฒั นาตามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง คอื การพัฒนาท่ีต้งั อยบู่ นพื้นฐานทางสายกลางและความไม่ ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมเี หตุผล การสรา้ งภูมิคุ้มกนั ในตวั ท่ีดีตลอดจนใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรมประกอบการวางแผน การตดั สินใจและการกระทำ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีหลกั การพิจารณา 5 ส่วน ดังนี้ 1. กรอบแนวคดิ เปน็ ปรชั ญาทช่ี ้ีแนะแนวทางการดำรงชีวติ และการปฏิบตั ิตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยมีพน้ื ฐานจากวถิ ีชวี ติ ดัง้ เดิมของสงั คมไทยท่ีนำประยุกตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบท่มี ี การเปล่ยี นแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเนน้ การรอดพน้ จากภัยและวิกฤตเิ พอื่ ความม่นั คงและความยั่งยืน
2. คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกิจพอเพยี งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏบิ ัตติ นได้ในทุกระดับโดย เนน้ การปฏบิ ตั ิบนทางสายกลางและการพัฒนาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน 3. คำนยิ ามความพอเพยี ง ประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ ดังน้ี 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไมน่ ้อยเกนิ ไปและไม่มากเกนิ ไป โดยไม่ เบียดเบยี นตนเองและผู้อ่ืน การจะทำอะไรตอ้ งมคี วามพอดี พอเหมาะ พอควร ต่อความจำเปน็ เหมาะสม กับฐานะของตนเอง สภาวะสังคมแวดล้อม รวมทง้ั วฒั นธรรมในแต่ละทอ้ งถ่ิน และไมน่ ้อยเกินไปจนกระท่ัง ไม่เพยี งพอที่จะดำเนนิ การได้ ซ่ึงการตัดสินว่าในระดบั พอประมาณน้นั จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความ รอบคอบในการวางแผนและตัดสินใจอยา่ งมีคณุ ธรรมด้วย เช่น ไม่เบยี ดเบียนตนเองและผู้อ่ืน ไม่ทำให้ สังคมเดือดรอ้ น ไม่ทำลายธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม 3.2 ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตัดสนิ ใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอยา่ งมี เหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปจั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ตลอดจนคำนึงถงึ ผลทค่ี าดว่าจะเกดิ ขน้ึ จากการกระทำน้ัน อย่างรอบคอบ ครบวงจรบนพ้นื ฐานของความถกู ต้อง ความเป็นจรงิ ตามหลกั วิชาการ หลักกฎหมาย หลกั ศลี ธรรม จริยธรรม และวฒั นธรรมท่ีดีงาม ทัง้ ในระยะยาว ท้งั ตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่ืน และสว่ นรวม การคิดพจิ ารณา แยกแยะให้เหน็ ความเชื่อมโยงของเหตุ ปจั จยั ต่างๆ อยา่ งต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบจะทำใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มีข้อผิดพลาดน้อย การที่จะวางแผนดำเนินการสง่ิ ใดอย่างสมเหตสุ มผล ตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ขยนั หมน่ั เพยี ร อดทนทจี่ ะจดั เกบ็ ข้อมลู อย่างเป็นระบบและสมำ่ เสมอ มีความรอบคอบในความคดิ พิจารณาตดั สินใจ โดยใชส้ ติ ปัญญา อย่างเฉลียวฉลาดในทางทถี่ ูกทค่ี วร 3.3 การมภี มู ิคุ้มกันในตวั ท่ีดี หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลง ดา้ นตา่ งๆ ทจ่ี ะเกดิ ทั้งในดา้ นเศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรม เพื่อใหส้ ามารถปรบั ตวั และรบั มือ ไดท้ นั ที หรือกลา่ วไดว้ า่ การท่ีจะทำอะไรอยา่ งไม่เสี่ยงเกินไป ไมป่ ระมาท คดิ ถงึ แนวโน้มความเปน็ ไปไดข้ อง สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขน้ึ ได้ แลว้ เตรยี มตนเอง เตรียมวธิ กี ารทำงานรองรับกบั การเปลย่ี นแปลง ต่างๆ เพื่อให้การทำงานสามารถดำเนินเป็นไปได้อยา่ งราบรื่นและนำมาซ่ึงผลประโยชนใ์ นระยะยาวและ ความสุขทยี่ ่งั ยืน 4. เง่อื นไข การตัดสินและการดำเนินกิจกรรมตา่ งๆ ให้อย่ใู นระดับพอเพียง ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้ และคณุ ธรรมเป็นพ้นื ฐาน ดังน้ี 4.1 เงอื่ นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ ก่ยี วกับวิชาการต่างๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งอยา่ งรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรเู้ หลา่ น้ันมาพิจารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผนและความ ระมดั ระวงั ในข้นั ปฏิบัติ 4.2 เง่อื นไขคุณธรรม คุณธรรมทจ่ี ะต้องเสรมิ สร้างให้เป็นพนื้ ฐานของคนในชาติ ประกอบดว้ ย มคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามซ่ือสตั ย์สจุ รติ มีความอดทน มคี วามเพยี ร รู้ผดิ รชู้ อบ ใชส้ ตปิ ัญญาใน การดำเนนิ ชีวิตอยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ไมโ่ ลภและไม่ตระหน่ี ร้จู กั แบง่ ปนั และรบั ผดิ ชอบในการอยู่ ร่วมกบั ผอู้ ่ืนในสังคม 5. แนวทางการปฏิบตั ิ/ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับจากการนำปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยกุ ตใ์ ช้
คอื การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยนื พรอ้ มรับการเปลยี่ นแปลงในทกุ ดา้ นท้งั ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม ความรแู้ ละเทคโนโลยีแสวงหาความรทู้ ่ีถูกต้อง แผนภาพแสดงแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ความสำคญั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมคี วามสำคัญต่อการพฒั นาประเทศและพัฒนาคน ดงั นี้ 1. เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรชั ญาท่ีมคี วามสำคัญยงิ่ สำหรับการขจัดความยากจน และการลดความ
เส่ียงทางเศรษฐกิจ 2. ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นพนื้ ฐานของการสร้างพลังอำนาจของชมุ ชนและการพฒั นา ศักยภาพชมุ ชนให้เขม้ แข็งเพ่อื เปน็ รากฐานของการพฒั นาประเทศ 3. เศรษฐกจิ พอเพียงช่วยยกระดบั ความรับผิดชอบต่อสงั คมของบริษทั ด้วยการสร้างขอ้ ปฏบิ ัตใิ น การทำธุรกจิ ทเ่ี นน้ ผลกำไรระยะยาวในบริบทที่มกี ารแข่งขัน 4. หลกั การเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสำ คัญเปน็ อยา่ งยิ่งตอ่ การปรับปรุงมาตรฐานของ ธรรมาภบิ าลในการบริหารงานภาครฐั 5. ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้เปน็ แนวทางในการกำหนดนโยบายของชาติ เพ่ือสร้าง ภูมิคุ้มกนั ต่อสถานการณ์ทเี่ ขา้ มากระทบโดยฉบั พลนั เพอื่ ปรับปรุงนโยบายต่างๆ ใหเ้ หมาะสมยง่ิ ขึ้น และ เพ่ือวางแผนยทุ ธศาสตรใ์ นการส่งเสรมิ การเติบโตทเ่ี สมอภาคและยงั่ ยืน 6. ในการปลกู ฝงั จิตสำนึกพอเพยี งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน ค่านิยม และความคดิ ของคน เพอื่ ให้เอื้อตอ่ การพัฒนาคน 7. ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงช่วยใหม้ นษุ ย์มีความพออยู่ พอกิน พอใช้ พง่ึ ตนเองได้ และมี ความสขุ ตามอตั ภาพ 8. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งชว่ ยใหม้ นษุ ย์อยู่ร่วมกบั ผู้อืน่ ตลอดจนมีเสรีภาพในสังคมได้อยา่ ง สันตสิ ุข ไมเ่ บยี ดเบียน ไม่เอารัดเอาเปรียบ แบ่งปนั เอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ มีจติ เมตตาและจิตสาธารณะ 9. ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งชว่ ยใหม้ นษุ ย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมได้อย่างย่งั ยนื โดยไมท่ ำลาย เห็นคุณค่าและมีจติ สำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม 10. ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งชว่ ยใหม้ นษุ ย์อยูอ่ ย่างมรี ากเหงา้ ทางวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา ค่านิยม และเอกลกั ษณข์ องแต่ละบคุ คล/สังคม ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการจัดการความรู้ “ การพัฒนาประเทศจำเปน็ ต้องทำตามลำดบั ข้นั ต้องสรา้ งพน้ื ฐาน คอื ความพอมีพอกนิ พอใช้ ของประชาชนสว่ นใหญ่เปน็ เบือ้ งตน้ ก่อน โดยใชว้ ิธกี ารและใชอ้ ุปกรณ์ที่ประหยดั แต่ถกู ต้องตามหลักวิชา เม่ือไดพ้ ้ืนฐานมั่นคงพรอ้ มพอควรและปฏิบตั ไิ ด้แลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ยเสริมความเจรญิ และฐานะเศรษฐกจิ ขน้ั ที่ สงู ข้ึนโดยลำดบั ต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสรา้ งความเจริญ ยกเศรษฐกิจขนึ้ ใหร้ วดเรว็ แต่ประการเดียว โดยไม่ให้ แผนปฏบิ ัตกิ ารสัมพนั ธก์ ับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ้ งด้วย กจ็ ะเกดิ ความไมส่ มดลุ ใน เรือ่ งตา่ งๆ ขน้ึ ซ่ึงอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวไดใ้ นที่สดุ ” พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันพฤหัสบดที ่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 “คนอ่นื จะว่าอยา่ งไรก็ชา่ งเขาจะว่าเมืองไทยล้าสมยั วา่ เมืองไทยเชย ว่าเมอื งไทยไม่มสี งิ่ ใหม่แต่เรา อยอู่ ยา่ งพอมีพอกนิ และขอใหท้ กุ คนมีความปรารถนาทีจ่ ะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบช่วยกนั รกั ษาสว่ นรวม ให้อย่ทู ี่พอสมควร ขอย้ำพอควร พออยู่พอกิน มีความสงบไมใ่ หค้ นอ่นื มาแย่งคุณสมบตั ิไป
จากเราได้”พระราชกระแสรบั ส่ังในเร่อื งเศรษฐกิจพอเพยี งแกผ่ เู้ ขา้ เฝ้าถวายพระพรชยั มงคล เนือ่ งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษาแต่พุทธศักราช 2517 “การจะเป็นเสอื นน้ั มนั ไม่สำคัญ สำคญั อยูท่ ี่เราพออยู่พอกิน และมเี ศรษฐกจิ การเปน็ อยูแ่ บบ พอมพี อกิน แบบพอมีพอกนิ หมายความวา่ อุ้มชตู วั เองได้ ให้มีพอเพียงกบั ตวั เอง ” พระราชดำรสั “เศรษฐกจิ แบบพอเพียง” พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช พระราชทาน เมือ่ วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทท่ี รงปรบั ปรุงพระราชทานเป็นทีม่ าของนยิ าม“3 ห่วง 2 เง่ือนไข”
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: