Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ สัปดาห์ที่ 11 วิชา ศิลปศึกษา รหัสวิชา ทช 21003

ใบความรู้ สัปดาห์ที่ 11 วิชา ศิลปศึกษา รหัสวิชา ทช 21003

Published by kungchay17, 2021-12-01 04:50:17

Description: ใบความรู้ สัปดาห์ที่ 11
วิชา ศิลปศึกษา รหัสวิชา ทช 21003
ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชานุมาน
สำนักงาน กศน.จังหวัดอำนาจเจริญ

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ ครั้งที่ 11 วิชาศิลปศกึ ษา ทช 21003 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ความหมายและความเปน็ มาของทัศนศิลปไ์ ทย ศิลปะประเภททัศนศิลปท์ ี่สำคัญของไทย ไดแ้ ก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม มีรูปแบบ ที่เปน็ เอกลักษณ์ไทยทีส่ ะท้อนใหเ้ ห็นวถิ ชี ีวิต ขนบธรรมเนยี มประเพณี ความเชื่อและรสนิยม เก่ียวกบั ความงามของคนไทย ลกั ษณะของศลิ ปะไทย ศลิ ปะไทยได้รับอทิ ธพิ ลจากธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ มในสงั คมไทย ซง่ึ มลี ักษณะเด่น คือ ความงามอย่าง น่มิ นวลมคี วามละเอียดประณีต ซ่งึ แสดงให้เห็นถึงลกั ษณะนิสยั และจติ ใจของคนไทยท่ไี ด้สอดแทรกไวใ้ นผลงานที่ สรา้ งสรรค์ข้นึ โดยเฉพาะศลิ ปกรรมท่เี กีย่ วกบั พระพุทธศาสนา ซ่งึ เปน็ ศาสนาประจำชาติของไทย อาจกลา่ วไดว้ า่ ศลิ ปะไทยสรา้ งขึ้นเพ่ือสง่ เสริมพทุ ธศาสนา เปน็ การเชอ่ื มโยง และโนม้ นา้ วจติ ใจของประชาชนให้เกิดความเล่ือมใสศรัทธาในพทุ ธศาสนา จติ รกรรมไทย จติ รกรรมไทย เป็นการสรา้ งสรรค์ภาพเขยี นท่มี ีลกั ษณะโดยท่วั ไปมักจะเปน็ 2 มติ ิ ไมม่ ีแสงและเงา สี พนื้ จะเป็นสเี รียบๆไม่ฉูดฉาดสีท่ใี ช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ สีนำ้ ตาล สีเขียว เสน้ ท่ใี ช้มักจะเป็นเสน้ โคง้ ช่วยใหภ้ าพดูออ่ นช้อย นมุ่ นวล ไม่แข็งกระด้าง จิตรกรรมไทยมักพบในวัดต่างๆเรียกวา่ “จติ รกรรมฝาผนงั ” จติ รกรรมไทย จดั เป็นภาพเล่าเรือ่ งทเี่ ขียนขึน้ ด้วยความคดิ จนิ ตนาการของคนไทย มลี กั ษณะตามอุดม คตขิ องชา่ งไทย คือ 1. เขยี นสีแบน ไมค่ ำนึงถึงแสงและเงา นยิ มตัดเสน้ ให้เหน็ ชัดเจน และเส้นที่ใช้ จะแสดงความรู้สึก เคลือ่ นไหวนุม่ นวล 2. เขียนตัวพระ-นาง เป็นแบบละคร มลี ีลา ทา่ ทางเหมือนกัน ผดิ แผกแตกต่าง กนั ดว้ ยสรี า่ งกายและ เคร่ืองประดบั 3. เขยี นแบบตานกมอง หรือเป็นภาพตำ่ กว่าสายตา โดยมุมมองจากท่ีสูงลงสู่ ลา่ ง จะเห็นเป็นรูป เรือ่ งราวไดต้ ลอดภาพ 4. เขยี นตดิ ตอ่ กนั เป็นตอน ๆ สามารถดจู ากซ้ายไปขวาหรือลา่ งและบนได้ท่วั ภาพ โดยขน้ั แตล่ ะตอน ของภาพด้วยโขดหนิ ตน้ ไม้ กำแพงเมอื ง เป็นต้น 5. เขียนประดับตกแตง่ ด้วยลวดลายไทย มีสีทองสร้างภาพใหเ้ ดน่ เกิดบรรยากาศ สุขสวา่ งและมีคุณคา่ มากขนึ้

ประตมิ ากรรมไทย ประตมิ ากรรมเป็นผลงานศิลปกรรมที่เป็นรูปทรง 3 มติ ิ ประกอบจากความสงู ความกว้างและความนูน หรอื ความลกึ ประติมากรรมเกิดขึน้ จากกรรมวธิ กี ารสรา้ งสรรคแ์ บบต่างๆ เช่น การป้นั และหล่อ การแกะสลัก การ ฉลหุ รือดนุ ประติมากรรมไทยเปน็ ผลงานการสรา้ งสรรคข์ องบรรพบุรุษ ส่วนใหญเ่ น้นเนอ้ื หาทางศาสนา มักปรากฏ อยตู่ ามวดั และวัง มขี นาดตงั้ แต่เล็กทส่ี ุด เชน่ พระเครื่อง เคร่ืองรางของขลัง จนถงึ ขนาดใหญท่ ีส่ ุด เชน่ พระอัจนะ หรือพระอฏั ฐารส เมื่อพิจารณาภาพรวมของประติมากรรมไทยอาจแบ่งประติมากรรมออกเป็น 3 ประเภทคือ ประตมิ ากรรมรปู เคารพ ประติมากรรมตกแต่ง และประติมากรรมเพื่อประโยชน์ใช้สอย ผลงานประตมิ ากรรมไทย แบง่ ออกได้เป็น 4 ประเภท สรุปได้ ดงั นี้ 1. ประตมิ ากรรมไทยทีเ่ กิดขึน้ จากความเช่ือ ความศรัทธา คตินยิ มเก่ยี วข้องกับศาสนา เช่น พระพุทธรูปปางตา่ งๆ ลวดลายของฐานเจดีย์หรือพระปรางคต์ ่างๆ 2. ประตมิ ากรรมไทยพวกเครื่องใชใ้ นชีวิตประจำวัน เชน่ โอ่ง หม้อ ไห ครก กระถาง 3. ประติมากรรมไทยพวกของเลน่ ได้แก่ ตุ๊กตาดินปน้ั ตุก๊ ตาจากกระดาษ ตุ๊กตาจากผ้า หุ่นกระบอก ปลาตะเพียนสานใบลาน หน้ากาก วสั ดุจากเปลอื กหอย ชฎาหัวโขน ปลาตะเพยี นสาน ใบลาน 4. ประตมิ ากรรมไทยพวกเครื่องประดับตกแต่ง เช่น กระถางตน้ ไม้ โคมไฟดนิ เผา สถาปัตยกรรมไทย สถาปัตยกรรมไทย หมายถงึ ศลิ ปะการก่อสร้างของไทย อันได้แก่ อาคาร บา้ นเรอื น โบสถ์ วหิ าร วงั สถปู และส่งิ ก่อสร้างอนื่ ๆ ท่ีมีมูลเหตทุ มี่ าของการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนในแต่ละท้องถนิ่ จะมลี กั ษณะผิดแผก แตกตา่ งกนั ไปบ้างตามสภาพทางภมู ศิ าสตร์ และคตนิ ยิ มของแตล่ ะท้องถ่ิน แตส่ ิง่ ก่อสรา้ งทางศาสนาพุทธ มกั จะมลี ักษณะทไี่ ม่แตกต่างกนั มากนัก เพราะมีความเชื่อ ความศรทั ธาและแบบ แผนพิธีกรรมทเี่ หมือน ๆ กนั สถาปัตยกรรมไทย สามารถจัดหมวดหมู่ ตามลกั ษณะการใช้งานได้ ประเภท คือ 1. สถาปตั ยกรรมที่ใชเ้ ปน็ ท่ีอยู่อาศยั ไดแ้ ก่ บา้ นเรอื น ตำหนัก วังและพระราชวงั เปน็ ตน้ บ้านหรือเรือน เปน็ ท่อี ยู่อาศยั ของสามญั ชน ธรรมดาทว่ั ไป ซงึ่ มีทั้งเรือนไม้ และเรือนปูน เรือนไม้มีอยู่ 2 ชนิด คือ เรอื นเครื่องผกู เป็นเรอื นไม้ไผ่ ปูดว้ ยฟากไม้ไผ่ หลงั คามุงดว้ ย ใบจาก หญ้าคา หรือใบไม้ อีกอยา่ งหน่ึง เรียกว่า เรือนเครื่องสับ เปน็ ไมจ้ รงิ ท้ังเนื้ออ่อน และเน้ือแข็ง ตามแต่ละท้องถิน่ หลงั คามุง ด้วยกระเบื้อง ดนิ เผา พื้นและฝาเป็นไมจ้ ริงทงั้ หมด ลกั ษณะเรือน ไม้ของไทยในแต่ละทอ้ งถน่ิ แตกตา่ งกนั และโดยทัว่ ไปแล้วจะมี ลักษณะสำคญั รว่ มกันคือ เป็นเรอื นไม้ชัน้ เดยี ว ใต้ถุนสงู หลงั คาทรงจั่วเอียงลาดชนั

2. สถาปตั ยกรรมท่ีเกย่ี วข้องศาสนา ซึง่ สว่ นใหญอ่ ยใู่ นบริเวณสงฆ์ ที่เรยี กวา่ วัด ซ่ึงประกอบไปด้วย สถาปตั ยกรรมหลายอย่าง ได้แก่ โบสถ์ เปน็ ทก่ี ระทำสังฆกรรมของพระภกิ ษุ วหิ ารใชป้ ระดิษฐาน พระพทุ ธรูป สำคัญ และกระทำสังฆกรรมด้วยเหมือนกัน กุฎิ เป็นที่ อยูข่ องพระภิกษุ สามเณร หอไตร เปน็ ทีเ่ กบ็ รักษา พระไตรปิฎกและคมั ภีร์สำคัญทางศาสนา หอระฆังและหอกลอง เป็นท่ใี ชเ้ ก็บระฆังหรือกลองเพ่ือตบี อกโมงยาม หรือเรียกชุมนมุ ชาวบ้าน สถูปเปน็ ทีฝ่ งั ศพเจดีย์เป็นท่รี ะลกึ อันเก่ยี ว เน่ืองกับศาสนา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook