๔๗ ถอดคาํ ประพันธ์ บทประพันธ์ ลาภผลสกลบรร ลุก็ปน กแ็ บง ไป ตามนอยและมากใจ สุจริตนิยมธรรม พงึ มรรยาทยึด สปุ ระพฤติสงวนพรรค รอื้ ริษยาอัน อุปเฉทไมตรี ถอดความไดว้ า่ ผลประโยชนท ั้งหลายทีเ่ กิดขน้ึ กแ็ บงปนกนั ไป มากบางนอ ยบา งอยา งเปน ธรรม ควรยดึ มน่ั ในมารยาทและความประพฤติทีด่ งี าม รกั ษาหมคู ณะโดย ไมม คี วามรษิ ยากันอนั จะตดั รอนไมตรี บทประพันธ์ ผิบไรส มคั รมี ดั่งนัน้ ณหมใู ด พรอมเพรยี งนพิ ัทธนี รววิ าทระแวงกัน หวงั เทอญมิตอ งสง สยคงประสบพลนั ซึง่ สุขเกษมสันต หิตะกอบทวิการ ถอดความไดว้ า่ ดงั นัน้ ถาหมคู ณะใดไมขาดซึง่ ความสามัคคี มีความพรอมเพรยี งกนั อยู เสมอ ไมม ีการววิ าท และระแวงกนั ก็หวังไดโ ดยไมตอ งสงสัยวา คงจะพบซงึ่ ความสขุ ความสงบ และประกอบดว ยประโยชนมากมาย
๔๘ ถอดคาํ ประพันธ์ บทประพันธ์ ใครเลา จะสามารถ มนอาจระรานหาญ หกั ลางบแหลกลาญ กเ็ พราะพรอมเพราะเพรยี ง ปวยกลา วอะไรฝงู นรสงู ประเสริฐครนั ฤๅสรรพสตั วอ ัน เฉพาะมชี วี คี รอง ถอดความไดว้ า่ ใครเลา จะมใี จกลา คิดทําสงครามดวย หวงั จะทาํ ลายลา งกไ็ มได ท้ังนี้เพราะความพรอ มเพรยี งกันนัน่ เอง กลาวไปไยกับมนษุ ยผูป ระเสริฐ หรือสรรพสตั วท่ีมีชวี ติ บทประพันธ์ ผวิ ใครจะใครลอ พลหกั ก็เตม็ ทน แมม ากผิกง่ิ ไม สละล้ณี หมูตน มัดกาํ กระนั้นปอง บมพิ รอ มมเิ พรียงกนั เหลา ไหนผิไมตรี กจิ ใดจะขวายขวน ถอดความไดว้ า่ แมแตกิ่งไมห ากใครจะใครล องเอามามดั เปน กํา ต้ังใจใชก าํ ลังหกั ก็ยาก เต็มทน หากหมูใดไมมีความสามัคคใี นหมคู ณะของตน และกิจการอัน ใดทจ่ี ะตองขวนขวายทําก็มิพรอ มเพรียงกนั
ถอดคาํ ประพันธ์ ๔๙ บทประพันธ์ สุขท้ังเจรญิ อัน ลไุ ฉนบไดมี อยา ปรารถนาหวงั พภยนั ตรายกลี มวลมาอุบตั บิ รร ติประสงคกค็ งสม ปวงทุกขพิบตั ิสรร แมป ราศนิยมปรี ถอดความไดว้ า่ กอ็ ยาไดหวงั เลยความสขุ ความเจริญจะเกดิ ข้นึ ไดอ ยา งไร ความทุกขพิบตั ิ อนั ตรายและความชว่ั รายทงั้ ปวง ถงึ แมจ ะไมตอ งการก็จะตอ งไดรบั เปน แนแท บทประพันธ์ คณะเปนสมาคม ภนพิ ัทธราํ พึง ควรชนประชุมเชน ผวิ มีกค็ าํ นงึ สามคั คิปรารม จะประสบสขุ าลยั ไปมีก็ใหมี เนื่องเพื่อภยิ โยจึง ถอดความไดว้ า่ ผูท ่อี ยูร วมกนั เปน หมคู ณะหรอื สมาคม ควรคาํ นงึ ถึงความสามัคคอี ยูเปนนจิ ถายังไมม ีก็ควรจะมขี ึน้ ถามีอยแู ลว กค็ วรใหเ จรญิ รุงเรืองย่งิ ข้นึ ไปจึงจะถึง ซึง่ ความสขุ ความสบาย
๕๐ อธิบายคาํ ศัพท์ยาก กถา ถอยคํา กลหเ หตุ กสกิ เหตแุ หง การทะเลาะ ไกวล ขตั ตยิ ชาวนา คดี คม ทว่ั ไป ชเนนทร ทม พระเจาแผนดิน ทบทิ ภาว ทัว่ บรุ คาม เรอื่ ง ทิช ไป ทิน นครบร (ชน+อนิ ทร) ผูเปนใหญใ นหมชู น นย, นยั นยมาน ความขม ใจ นรนกิ ร นฤพัทธ, นิพทั ธ ยากจน นฤสาร ทั่วบา นท่วั เมือง เกดิ เปนคนโดยทว่ั ไปคร้ังหนึง่ และเกดิ เปน พราหมณโดย ตําแหนง อกี ครงั้ หน่ึง วนั เมืองของขาศึก เคา ความ ความหมาย ใจความสําคญั ฝงู ชน เนืองๆ เสมอ เน่ืองกัน ไมมีสาระ
๕๑ อธิบายคาํ ศัพท์ยาก นิวัต กลบั นรี ผล ประเด นไี มเ ปน ผลมอบใหหมด ประศาสน ปรากรม มอบใหห มด ปรงุ โสต ปลาย การส่งั สอน ปวัตน พฤฒิ ผเู ฒา ความเพียร พิเฉท พชิ ากร ตกแตงใหไพเราะนา ฟง พทุ ธทิบัณฑิต ภัต หายไป ภาโรปกรณ ภินทพ ทั ธสามัคคิย บางทใี ชว า ปวตั ติ์ หมายถึง ความเปน ไป ภยิ โย ภรี กุ หมายถึง วสั สการพราหมณ ภูมศิ มน ทําลาย การตัดขาด มนารมณ วิชาความรู ผูรู มพี ระพุทธเจาเปนตน ขา ว (จัดทํา) เคร่อื งมือตามที่ไดร บั มอบหมาย การแตกสามัคคี ย่งิ ขนึ้ ไป ขลาด กลวั พระราชา ใจ สมดังทค่ี ดิ หรือสมดงั ใจ
๕๒ มาน อธิบายคาํ ศัพท์ยาก ยกุ ติ รหฐุ าน รโหฐาน ความถอื ตวั ลักษณสาสน ยุติ จบสิ้น เลา หมายถึง ที่สงัด ที่ลบั วญั จโนบาย จดหมาย วลั ลภชน รปู ความ ขอ ความ เคา วริ ธุ อุบายหลอกลวง สมรรคภนิ ทน คนสนทิ สมคั รภาพ ผดิ ปกติ สหกรณ การแตกสามคั คี สํ่า ความสมคั รสมานสามคั คี สกิ ขสภา หมูเหลา สขุ าลยั หมู พวก เสาวน หองเรียน เสาวภาพ ที่ทมี่ คี วามสขุ หายน ฟง หิตะ สภุ าพ ละมนุ ละมอม เหย้ี มนั้น หายน ความเส่ือม อนัตถ ประโยชน เหตุนน้ั ไมเปนประโยชน
๕๓ อนกุ รม อธิบายคาํ ศัพท์ยาก อภเิ ผา อาคม ตามลาํ ดับ อปุ ดฉทไมตรี ผูเ ปนใหญ อุรส โอรส มา มาถึง อฬุ ุมปเวฬุ ตดั ไมตรี เอาธูน ลกู ชาย เอาภา แพไมไผ อนาวรณญาณ เอาใจใสเปนธุระ รับภาระ รับผดิ ชอบ ความรอู ันไมมสี ่งิ ใดเปน เครอื่ งขัดขอ ง
๕๔ คณุ คา่ ของวรรณคดี ขอคิดท่ีควรพจิ ารณา จากเร่ืองสามคั คีเภทคําฉันท ๑. การขาดการพจิ ารณาไตรตรอง นําไปซ่งึ ความสญู เสีย ดงั เชน เหลากษัตรยิ ลจิ ฉวี “ขาดการพิจารณาไตรต รอง” คอื ขาดความสามารถในการใชป ญญาตริตรอง พจิ ารณาสอบสวน และใชเหตุผลทถี่ ูกตอ ง จงึ หลงกลของวัสสการพราหมณ ถกู ยแุ หยใ หแ ตกความสามัคคีจนเสยี บานเสียเมือง ในรชั กาลที่ ๖ ดวยเหตุทค่ี นไทย มีความคดิ เหน็ เกย่ี วกับการดาํ เนนิ กิจการบา นเมอื งแตกตางกนั หลายฝาย ซ่ึงสงผลกระทบตอ ความม่ันคงของประเทศ กวีจงึ นยิ มแตง วรรณคดีปลกุ ใจข้นึ เปนจาํ นวนมาก สามัคคีเภทคาํ ฉันทเ ปน เรอ่ื งหนึง่ ในจํานวนน้ัน นายชติ บุรทัต แตง เรอื่ งน้ีขนึ้ โดยมุงช้ีใหเ ห็นความสําคัญของความสามัคคี เพื่อบา นเมอื งเปนปก แผน มนั่ คง แตในปจจบุ ันกระแสชาตนิ ิยมลดลง แตค วามสามัคคีกเ็ ปนหลักธรรมสําคญั ในการทํางานรวมกันเปนหมคู ณะ วรรณคดเี รื่องน้จี ึงเปนเนอื้ หาท่ีมีคตสิ อนใจทันสมยั อยเู สมอ ๒. แนวคิดของเรื่องสามคั คเี ภท สามคั คเี ภทคําฉันท เปน นิทานสุภาษิตสอนใจ ใหเห็นโทษของการแตกความสามัคคี และแสดงใหเห็นความสาํ คญั ของการใช สตปิ ญญาใหเ กดิ ผลโดยไมต องใชก ําลัง
๕๕ ๓. ขอคดิ เห็นระหวา งวสั สการพราหมณกับกษัตรยิ ลิจฉวี บางคนอาจมี ทรรศนะวา วัสสการพราหมณข าดคณุ ธรรม ใชอุบายลอลวงผอู ่นื เพือ่ ประโยชนฝา ยตน แตมองอีกมมุ หน่ึงก็จะเหน็ วา วัสสการพราหมณนายกยอ ง ตรงที่มคี วามจงรกั ภักดตี อ พระเจา อชาตศตั รูและตอบา นเมอื ง ยอมถกู ลงโทษเฆ่ยี นตี ยอมลําบาก จากบา นเมอื งตนไปเสี่ยงภัยในหมศู ตั รู ดองใช ความอดทน สตปิ ญญาความสามารถอยา งสงู จงึ จะสมั ฤทธิผลตามแผนการ ท่ีวางไว สวนกษัตรยิ ลจิ ฉวเี คยใชหลักอปริหานิยธรรมรว มกนั ปกครองแควน วชั ชใี หม ่ันคงเจรญิ มาชานาน แตเ ม่อื ถูกวสั สการพรามหณใ ชอุบายยแุ หยใ ห แตกความสามคั คี กพ็ า ยแพศตั รไู ดโ ดยงา ยดาย ๔. เร่ืองสามัคคเี ภทคาํ ฉันทใ หอะไรกับผอู า น ขอ คิดสําคญั ท่ีไดจ ากเรือ่ ง คือ โทษของการแตกความสามคั คี สว นแนวคิดอ่นื ๆ มีดงั นี้ ๔.๑ การใชป ญ ญาเอาชนะศัตรโู ดยไมเสยี เลอื ดเนื้อ ๔.๒ การเลือกใชบุคคลใหเ หมาะสมกับงานจะทาํ ใหง านสาํ เร็จไดดวยดี ๔.๓ การใชว จิ ารณญาณไตรตรองกอ นทาํ การใด ๆ เปนสงิ่ ท่ีดี ๔.๔ การถือความคิดของตนเปน ใหญแ ละทะนงตนวาดีกวาผอู นื่ ยอ มทาํ ให เกดิ ความเสียหายแกสวนรวม
๕๖ ๕. ศิลปะการประพันธใ นสามัคคเี ภทคาํ ฉันท นายชติ บุรทัต สามารถสรา งตวั ละคร เชน วสั สการพราหมณ ใหม บี คุ ลกิ เดนชดั และสามารถดาํ เนินเรื่องให ชวนตดิ ตาม นอกจากน้ี ยงั มีความเชยี่ วชาญในการแตงคําประพันธ ดงั น้ี ๕.๑ เลอื กสรรฉันทชนดิ ตา ง ๆ มาใชส ลับกันอยา งเหมาะสมกับเนื้อเรอื่ ง แตละตอน เชน ใชว สันตดิลกฉันท ๑๔ ซงึ่ มีลีลาไพเราะ ชมความงามของ เมอื งราชคฤห ใชอ ที สิ งั ฉนั ท ๒๐ ซึง่ มลี ีลากระแทกกระทน้ั แสดงอารมณโกรธ ๕.๒ ดัดแปลงฉนั ทบางชนดิ ใหไพเราะยิง่ ข้ึน เชน เพิม่ สมั ผัสบงั คบั คําสุดทา ย ของวรรคแรกกับคาํ ท่ี ๓ ของวรรคท่ี ๒ ในฉนั ท ๑๑ ฉันท ๑๒ และฉันท ๑๔ เปนที่นยิ มแตงตามมาถึงปจ จุบัน นอกจากนี้ นายชิต บรุ ทตั ยงั เพ่ิมลักษณะ บังคับ ครุ ลหุ สลบั กนั ลงในกาพยส รุ างคนาง ๒๘ ใหม ีจังหวะคลายฉันทด วย ๕.๓ เลน สัมผัสในท้งั สัมผัสสระและสมั ผสั อักษรอยางไพเราะ เชน คะเนกล – คะนึงการ ระวงั เหือด – ระแวงหาย ๕.๔ ใชคํางา ย ๆ ในการเลาเรื่อง ทาํ ใหดาํ เนินเรอ่ื งไดร วดเร็ว และผอู า นเขาใจ เรือ่ งไดทันที ๕.๕ ใชคํางา ย ๆ ในการบรรยายและพรรณนาดัวละครไดอ ยา งกระชับ และ สรา งภาพใหเ หน็ ไดอ ยา งชดั เจน
๕๗ อปริหานิยธรรม ๗ ประการ ๑. หมน่ั ประชมุ กนั เนอื งนติ ย ๒. พรอ มเพรียงกันประชมุ พรอมเพรียงกันเลิกประชุม พรอมเพรยี งกันทํากจิ ที่พึงทาํ ๓. ไมบ ัญญัติส่งิ ทมี่ ิไดบ ญั ญตั ิเอาไว ไมลม ลา งสง่ิ ท่ีบัญญัติไว ถอื ปฏิบตั ติ าม วชั ชธี รรมตามทวี่ างไวเ ดิม ๔. ทา นเหลาใดเปนผูใหญใ นชนชาววชั ชี กค็ วรเคารพนับถือทา นเหลาน้นั เหน็ ถอ ยคําของทานวา เปนสงิ่ อนั ควรรบั ฟง ๕. บรรดากลุ สตรแี ละกุลกุมารีท้งั หลายใหอ ยูดี โดยมิถกู ขมเหงหรอื ฉดุ ครา ขืนใจ ๖. เคารพสักการบูชาเจดยี ของวัชชที ง้ั หลายทัง้ ภายในและภายนอก ไมปลอย ใหธรรมกิ พลที เ่ี คยใหเคยทําแกเ จดยี เหลา นนั้ เสือ่ มทรามไป ๗. จดั ใหความอารกั ขา คุม ครอง และปอ งกนั อนั ชอบธรรมแกพระอรหนั ตทั้ง หลายท้ังทยี่ งั มไิ ดมาพึงมาสแู วนแควนและทีม่ าแลวพึงอยูใ นแวน แควนโดย ผาสกุ
๕๘ คณุ คา่ งานประพันธ์ คุณคางานประพนั ธ ๑.ดานวรรณศิลป – ใชฉ ันทลกั ษณไดอยางงดงามเหมาะสม โดยเลือกฉันท ชนดิ ตา ง ๆ มาใชสลับกนั ตามความเหมาะสมกับเน้อื เร่ือง จงึ เกิดความไพเราะ สละสลวย – ใชภาษาทเี่ ขาใจงา ย เหน็ ภาพชดั เจน ๒. ดานสงั คม – เนนโทษของการแตกความสามคั คีในหมูคณะ – ดาน จรยิ ธรรม เนนถึงหลกั ธรรม อปรหิ านิยธรรม ซงึ่ เปน ธรรมอนั ไมเ ปนทีต่ ัง้ แหง ความเสือ่ ม – เนน ถึงความสาํ คัญของการใชส ตปิ ญญาตริตรอง และแกไข ปญ หาตาง ๆ โดยไมตอ งใชกําลัง
บรรณานุกรม ๕๙ คณุ คาของวรรณคดี สามคั คเี ภทคาํ ฉนั ท.//(๒๕๔๑).//สืบคม เม่ือ วันที๑่ ๒ มิถนุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ https://sites.google.com/site/kikkum2541/bth-wikheraah/khunkha- dan-sangkhm?fbclid=IwAR1W6PS_Ga5-HmBVeA2jK5KXiEPezYJfARhHWAAU2- hlyHlJvx2HoPE1y8U จดุ ประสงคในการแตง สามัคคเี ภทคาํ ฉันท. //(๒๕๕๖).//สืบคม เมอื่ วนั ท๙่ี มถิ ุนายน ๒๕๖๔./จาก/ https://nidkawkong.wordpress.com ถอดคาํ ประพนั ธ สามคั คเี ภทคําฉนั ท. //(๒๕๕๓).//สบื คม เมอื่ วันท่ี๑๑ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ https://www.gotoknow.org/blog/kanyanee-sm ทมี่ าของเร่ือง สามัคคเี ภทคําฉันท. //(๒๕๕๐).//สบื คมเมือ่ วนั ท๙่ี มถิ ุนายน ๒๕๖๔./จาก/ https://sites.google.com/site/faiitanradee19/samakhkhi-pheth-kha- chanth ประวัตผิ ูแ ตง นายชิต บุรทัต สามัคคีเภทคาํ ฉันท. //(๒๕๕๔).//สืบคม เมือ่ วันท๗ี่ มถิ ุนายน ๒๕๖๔./จาก/ https://sites.google.com/site/samakhithekhchanth เรอื่ งยอ สามัคคเี ภทคําฉันท สามคั คเี ภทคําฉนั ท.//(๒๕๕๒).//สบื คม เมือ่ วนั ท่ี๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔./จาก/ https://www.gotoknow.org/posts/283759? ลกั ษณะคําประพันธ สามัคคเี ภทคาํ ฉันท. //(๒๕๔๑).//สืบคมเมือ่ วนั ที่๙ มิถุนายน ๒๕๖๔./จาก/ https://sites.google.com/site/kikkum2541/lak-s-ra-kha-praphanth วิชชมุ มาลาฉันท ๘ สามคั คีเภทคําฉนั ท. //(๒๕๕๔).//สบื คม เม่ือ วันท่ี๙ มิถนุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ https://krupiyarerk.wordpress.com/2011/10/04 สามัคคีเภทคําฉนั ท เร่อื งของกษตั ริยล จิ ฉวี.//(๒๕๕๖).//สืบคมเม่อื วันที่๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ https://hngaolakorn.wordpress.com อปริหานยิ ธรรม ๗ ประการ สามคั คีเภทคาํ ฉนั ท.//(๒๕๔๓).//สบื คม เม่อื วนั ท่ี๑๒ มิถนุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ https://www.baanjomyut.com/library_3/extension- 3/aparihaniya/index.html? fbclid=IwAR3Y1d0EAsAbCl858VbQAOEC1fOw0MVuwO3fPSOLXv5LgtNzNLuJ8g9P7IE อธบิ ายคําศพั ทยาก สามคั คเี ภทคําฉนั ท.//(๒๕๕๑).//สบื คม เมอ่ื วันท่ี๑๒ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ หนังสือเรียนวิชาภาษาไทย วรรณคดีวจิ กั ษ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท 6่ี อนิ ทรวเิ ชียรฉนั ท ๑๑ สามคั คีเภทคําฉนั ท. //(๒๕๕๔).//สบื คมเม่ือ วันที๙่ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔./จาก/ https://krupiyarerk.wordpress.com/2011/10/02
Search