การศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้่เรื่อง อิฐจากพชื คณะผู้จดั ทา นาย ณฐั ชนนท์ กนั ยะ ม.5/2 เลขท่1ี นาย กิตติพนั ธ์ พนั ชน ม.5/2 เลขท3ี่ นาย เจษฎาภพ กิตตยิ งั กลุ ม.5/2 เลขท1ี่ 2 นางสาว อภิสรา หารินทชาติ ม.5/2 เลขที่30 นาย จกั รพงษ์ จินณะเสน ม.5/2 เลขท่3ี 1 ครูทปี่ รึกษา ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสารฉบบั นเ้ี ป็ นส่วนหน่ึงของการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อาเภอปัว จังหวัดน่าน สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2563
การศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้เร่ือง อิฐจากพชื คณะผู้จัดทา นาย ณฐั ชนนท์ กนั ยะ ม.5/2 เลขท1่ี นาย กิตตพิ นั ธ์ พนั ชน ม.5/2 เลขท่ี3 นาย เจษฎาภพ กติ ติยงั กุล ม.5/2 เลขที1่ 2 นางสาว อภิสรา หารินทชาติ ม.5/2 เลขท่3ี 0 นาย จกั รพงษ์ จินณะเสน ม.5/2 เลขท่3ี 1 ครูท่ีปรึกษา ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสารฉบับนเ้ี ป็ นส่วนหน่งึ ของการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวัดน่าน สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2563เ
บทคัดย่อ ช่ือเรื่อง: อิฐจากพชื ผ้จู ดั ทำ: นาย ณฐั ชนนท์ กนั ยะ ม.5/2 เลขที1่ นาย กิตตพิ นั ธ์ พนั ชน ม.5/2 เลขที3่ นาย เจษฎาภพ กิตตยิ งั กุล ม.5/2 เลขที่12 นางสาว อภิสรา หารินทชาติ ม.5/2 เลขท่ี30 นาย จกั รพงษ์ จินณะเสน ม.5/2 เลขท3่ี 1 ปี กำรศึกษำ: 2563 คณุ ครูทป่ี รึกษำ: ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ บทคดั ยอ่ เรื่อง อิฐจากพืช มีจุดมุ่งหมำยเพ่ือนาพชื ไปใชเ้ ป็นส่วนประกอบในการทาอิฐและนาผลท่ไี ดไ้ ปใชจ้ ริง โดยคณะผจู้ ดั ทาไดใ้ ชเ้ ปลอื กขา้ วโพดและแกลบมาเป็นส่วนผสม คณะผูจ้ ดั ทาไดอ้ ิฐทีน่ าเอาไปใชไ้ ดจ้ ริงในการสร้างรั่วแตไ่ ม่แนะนาให้นาไปสรา้ งบา้ นเพราะอฐิ ทไ่ี ดม้ ีความแข็งแ รงไมเ่ ทา่ อฐิ แบบปกติ
ก กิตติกรรมประกาศ โครงงานเร่ือง อฐิ จากพชื เล่มน้ีสาเร็วลลุ ่วงไดร้ ับการอนุเคราะห์จากคณุ ครู ดารงค์ คนั ทะเรศย ์์ครูท่ี ปรึกษาทก่ี รุณาสละเวลามาให้คาแนะนาในการทาโครงงานเล่มน้ี ขขอขอบพระคุณผูป้ กครองของสมาชิกในกลุม่ ท่เี อ้อื เฟ้ือสถานที่สาหรับการทาโครงงานภาษาไทย ขอขอบคณุ เพื่อนๆทไี่ ดใ้ หค้ วามช่วยเหลอื ในการจดั ทาโครงงานภาษาไทยทา้ ยทส่ี ุดขอกราบ ขอบพระคุณ คุณพอ่ และคุณแม่ ท่ใี ห้โอกาสทางการศึกษาอนั มีคณุ คา่ ยิง่ ใหญ่ คณะผจู้ ดั ทา ข
สารบญั ก ข เร่ือง ค หน้า บทคดั ย่อ 1 กิตตกิ รรมประกาศ 1 สารบญั 1 บทท่ี 1 บทนา 1 2 ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา วตั ถุประสงคใ์ นการศึกษา 3-7 ประโยชน์ในการศึกษา ขอบเขตของการศึกษา 8 ระยะเวลาการดาเนินงาน 9-11 บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กย่ี วข้อง ขอ้ มลู เก่ยี วกบั การศึกษา บทที่ 3 วธิ ีดาเนนิ การ อปุ กรณ์การทาอิฐจากพืช วธิ ีการทาอฐิ จากพชื
สารบญั (ต่อ) เร่ือง หน้า บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ โครงงาน 12 การนาไปใช้ บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 13 13 สรุป 14 อภปิ รายผล 15 ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม
๑ บทที1่ บทนา 1.ท่มี าและความสาคัญของโครงงาน ในปัจจบุ นั มกี ารทาการเกษตรเกิดข้ึนมากมายและจะตอ้ งเกดิ เศษพืชท่ไี มไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชน์เชน่ แกรบ เปลอื กถว่ั เปลอื กขา้ วโพดและอีกมากมาย คณะผจู้ ดั ทาโครงงานจงึ มีความคิดทจ่ี ะนาเศษพืชไปใชเ้ ป็นส่วนผสมในการทาอฐิ เพือ่ ประหยดั ตน้ ทนุ และยงั คงค วามแข็งแรงไวไ้ ด้ 2.วตั ถุประสงค์ในการทาโครงงาน 1) เพื่อศึกษาการใชพ้ ืชเป็นส่วนประกอบในการทาอิฐ 2) นาผลทไ่ี ดไ้ ปปรับใชก้ บั งานจริง 3)เพ่อื เป็นการนาทรัพยากรท่เี หลอื ใชม้ าใชใ้ หเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด 4)เพื่อเป็นการสรา้ งรายไดเ้ สริมภายในครวั เรือน 3. ขอบเขตของการศึกษา เนือ้ หา: ศึกษาและรวบรวมขอ้ มลู ทางอินเตอร์เนต็ และชาวบา้ นท่ีรู้เกี่ยวกบั การทาอฐิ จากพืช แหล่งศึกษา: ศึกษาจากผรู้ ูใ้ นหมู่บา้ น โดยการสัมภาษณ์และจดบนั ทึกรวบรวมไว้
๒ ระยะเวลาในการทาโครงงาน ลาดบั กิจกรรม เวลา 1 ต้งั หัวขอ้ โครงงาน 8 กรกฎาคม 2563 2 รวบรวมขอ้ มูลการทาอิฐจากพชื 15 กรกฎาคม 2563 3 นดั หมายทาโครงงาน 3 สิงหาคม 2563 4 เตรียมวสั ดุและอปุ กรณใ์ นการทา 17 สิงหาคม 2563 5 เริ่มทาอฐิ จากพืช 5 ตลุ าคม 2563 6 จดั ทาโครงงาน 21 ตลุ าคม 2563 4. สมมตุ ฐิ านในการศึกษา อิฐทที่ ามาจากพชื สามารถใชแ้ ทนอิฐปกติได้ 5. ผลท่คี าดว่าจะได้รับ สาารถทาอิฐทีด่ ไี ดใ้ ชง้ านไดจ้ ริงและประหยดั ตน้ ทนุ
๓ บทที่2 เอกสารท่ีเกยี่ วข้อง ควำมแข็งแรงของอิฐ อิฐบล็อกที่ทามาจากเศษวสั ดธุ รรมชาติ เมอ่ื ทดสอบโดยการยนื บนกอ้ นอิฐเป็นเวลานาน 10 นาที ผลออกว่าอิฐบล็อกไมม่ ีการแตกหกั หรือชารุดเลยและเม่อื ยนื บนอิฐบล็อกจะรูส้ ึกน่ิมกวา่ ท่ีเราเคยยืน บนอิฐบลอ็ กทว่ั ไปแตจ่ ะใหค้ วามรูส้ ึกไมเ่ รียบ อิฐบล็อกทีใ่ ชต้ ามสถานทต่ี ่างๆ เม่อื ทดสอบโดยการยนื บนกอ้ นอฐิ เป็นเวลานาน 10 นาที ผลออกว่าอฐิ บล็อกไม่มกี ารแตกหักหรือชารุดเลย เมอ่ื ยืนบนอฐิ บลอ็ กจะรูส้ ึกเรียบ (2556, ออนไลน:์ http://jutaratand.blogspot.com/2013/02/ เมื่อ 28/09/63) แกลบ เเกลบ คือ เปลอื กแขง็ ของเมล็ดขา้ วท่ีไดจ้ ากการสีขา้ ว เป็นส่วนทีเ่ หลอื ใชจ้ ากการผลิตขา้ วสาร เมล็ดมลี กั ษณะเป็นรูปทรงรี แกลบไม่ละลายในน้า มคี วามคงตวั ทางเคมี ทนทานตอ่ แรงกระทา นอกจากการนาแกลบขา้ วไปใชเ้ ป็นเช้ือเพลิงต่างๆแลว้ ยงั สามารถนาไปผสมกบั วสั ดุอ่ืนๆทาเป็นวสั ดุก่อสรา้ งแลว้ แกลบขา้ วยงั ถูกนาไปผลติ เป็นข้เี ถา้ แกลบ (Rice Husk Ash) เพอ่ื นาไปใชป้ ระโยชน์ (2560, ออนไลน:์ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A เม่อื 26/09/63) แกลบ (Rice Husk) ถอื เป็นวสั ดุเหลือทง้ิ ทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการสีขา้ วเปลอื กซ่ึงทาใหเ้ กิดเศษของเปลอื กขา้ วออกมา มลี กั ษณะสีเหลอื งทอง สีเหลืองอ่อน สีน้าตาลแดงข้ึนอยกู่ บั สายพนั ธุ์ขา้ ว แกลบประกอบดว้ ยสารอินทรีย์
๔ และซิลิกา ส่วนซิลกิ าจะพบมากบริเวณผิวนอกของแกลบจึงทาให้แกลบมีความแขง็ สูงสามารถนามาใชเ้ ป็นวสั ดขุ ดั ผวิ ได้ ปัจจุบนั มกี ารนาแกลบมาใชป้ ระโยชนอ์ ย่างกวา้ งขวางในหลายดา้ นดว้ ยกนั เชน่ 1. เป็นเช้ือเพลงิ หุงตม้ ในภาคครวั เรือน 2. เป็นเช้ือเพลงิ ในภาคอตุ สาหกรรม 3. ใชใ้ นการเผาถา่ นเพอื่ ลด และควบคุมอุณหภมู ิให้เหมาะสมสาหรบั การเผาถ่าน ป้องการการลุกไหมเ้ ป็นเปลวไฟ 4. เป็นส่วนผสมของวสั ดุก่อสร้าง เช่น อฐิ บล็อก อฐิ มอญ รวมถงึ ผสมดนิ เหนียวสาหรบั งานกอ่ ตา่ งๆ (2557, ออนไลน์: https://puechkaset.com/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A/ เมื่อ 26/09/63) แกลบ (Rice hull) เป็นผลพลอยไดจ้ ากการสีขา้ ว เป็นส่วนผสมของเปลอื กเมลด็ กลบี เล้ียง ฟาง และข้วั เมลด็ ประมาณ 20-24% ของขา้ วเปลอื ก องคป์ ระกอบส่วนใหญข่ องแกลบไดแ้ ก่ เซลลโู ลส และเฮมเิ ซลลูโลส ประมาณ 68% ลิกนิน 19.2-24.5% เถา้ 13.2-29.0% (ประกอบดว้ ยซิลกิ า้ 86.9-97.3%) โดยโรงสีสามารถนาแกลบมาใชป้ ระโยชน์ไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น -ใชเ้ ป็นเช้ือเพลงิ ผลิตพลงั งาน ปัจจุบนั น้ีมีโรงสีขา้ วในประเทศไทยหลายแห่งท่ีตดิ ต้งั เคร่ืองผลิตก๊าซเช้ือเพลิงจากแกลบ เพ่อื ใชผ้ ลติ ไอน้า และผลติ ไฟฟ้า - ใชเ้ ป็นวสั ดุการเกษตร - ใชส้ กดั สารซิลกิ า้ (Silica) - ใชเ้ ป็นวสั ดกุ อ่ สรา้ ง เชน่ Concrete block - ใชเ้ ป็นสารสาหรับใชใ้ นการกรอง (Activated carbon) (2559, ออนไลน์: http://www.ricethailand.go.th/Rkb/product/index.php-file=content.php&id=14.htm เม่อื 26/09/63)
๕ จาก เเกลบ ดงั กล่าว สรุปไดว้ ่า เเกลบเป็นเปลือกของขา้ ว มีลกั ษณะทรงรี ไมล่ ะลายในน้า มีความทนทานต่อเเเรงกระทา การนาไปใชป้ ระโยชน์ของเเกลบคือ เป็นเช้ือเพลิงผลติ พลงั งาน,เป็นส่วนผสมของวสั ดกุ ่อสร้างเชน่ อิฐ หรืองานกอ่ สรา้ งตต่างๆ,เป็นสารสาหรับใชใ้ นการกรอง อฐิ ดิน อฐิ (brick) เป็นวสั ดกุ อ่ สร้างทที่ าจากทรายและดินเหนียว หรือทรายและหินแขง็ คณุ สมบตั ทิ างฟิสิกสข์ ้ึนอยู่กบั สดั ส่วนและชนิดของวสั ดุต่างๆ ที่ใช้ วธิ ีที่ใชแ้ ละการผลติ เวลาและอุณหภมู ิในการเผา เม่อื อุณหภูมิในการเผาเพม่ิ ข้นึ อฐิ จะมสี ีคล้า ความพรุนจะลดลง และความแขง็ แรงของอฐิ จะเพม่ิ ข้ึน อฐิ ท่ใี ชใ้ นงานกอ่ สร้างมีหลายชนิดไดแ้ ก่ 1. อิฐมอญหรืออฐิ ดินเผา คืออฐิ ที่ทาจากดนิ เหนียวผสมกบั แกลบหรือวสั ดุอ่นื ผสมน้า นวดเคลา้ ใหเ้ ขา้ เน้ือเดียวกนั แลว้ ใส่เขา้ แมพ่ ิมพ์ โดยโรยเถา้ แกลบบนลานดนิ ภายในแม่พมิ พก์ อ่ น เพ่ือป้องกนั ไมใ่ ห้ดินผสมติดกบั แมพ่ มิ พ์ ปาดใหเ้ รียบ ตดั ทาเป็นแผน่ ผ่งึ ใหแ้ หง้ หรือพอหมาด แลว้ เอาเขา้ เตาเผาจนสุก มขี นาดกวา้ ง 9.5 เซนติเมตร ยาว 20.00 เซนตเิ มตร และหนา 5.0 เซนติเมตร 2. อฐิ ขาว ทาจากปูนขาวและทรายผสมกัน อดั ดว้ ยเคร่ืองจกั รทมี่ ีความกดดนั สูง 500 ตนั แลว้ อบดว้ ยความรอ้ นสูงอฐิ ขาวเป็นอิฐท่ใี ช้ เทคโนโลยีสมยั ใหม่ พฒั นาข้นึ มาเพื่อทดแทนอิฐมอญและอฐิ บล็อก เหมาะสาหรบั งานกอ่ สร้างทุกชนิด เป็นอฐิ ทแ่ี พร่หลายมานานกว่า 100 ปี ในยุโรปและอเมริกาอฐิ ขาวเป็นอฐิ ทม่ี ีความแขง็ แรงคงทนถาวรกวา่ อฐิ มอญหรืออิฐอบล็อกโดยทวั่ ไป ไมต่ อ้ งฉาบปูน เน้ืออิฐมีความหนาแน่นมาก น้าจึงไม่สามารถซึมผา่ น ไมอ่ มความช้ืน ป้องกนั ความร้อนไดด้ ี มีน้าหนกั เบา ประหยดั โครงสร้าง ผนงั อฐิ ขาวสามารถกันไฟไมใ่ ห้ลุกลามตอ่ ไปได้ มคี วามสวยงามตามธรรมชาติโดยไม่ตอ้ งทาสีทบั 3. อิฐประดบั เป็นการผลติ ดว้ ยหินเกร็ด กรวด ทรายซิลิกา้ สีต่าง ๆ ซีเมนตแ์ ละสารเคมหี ลายชนิดผสมกันแลว้ อดั ดว้ ยเครื่องอดั แรง มคี ณุ สมบตั แิ ข็งแกร่ง ไมแ่ ตกงา่ ยเป็นฉนวนกนั ความรอ้ นและเกบ็ เสียงไดด้ ี 4อฐิ บลอ็ กและคอนกรีตบล็อกอิฐบลอ็ กทาจากส่วนผสมระหว่างปูนซีเมนตก์ บั ทรายซ่ึงเป็นอฐิ ทม่ี ีความ นิยมใชใ้ นงานก่อสรา้ งเชน่ เดียวกบั อิฐมอญ(2556, ออนไลน์:http://jutaratand.blogspot.com/2013/02/ เม่ือ 28/09/63)
๖ จากเรื่องอิฐดนิ สรุปวา่ อฐิ ดินจะมคี วามแตกตา่ งตามวสั ดุอปุ กรณท์ ใี่ ชเ้ ป็นส่วนประกอบทาใหค้ วามแข็งแรงของอฐิ แตกต่างกนั ไ ป ประโยชน์ของอฐิ เป็นวสั ดทุ ี่นามาใชด้ า้ นงานกอ่ สรา้ งเป็นเวลาชา้ นานมาแลว้ เมื่อสมยั โบราณประมาณ 2,000 ปี มาแลว้ อยี ิปตเ์ ป็นชาติแรกท่ีใชอ้ ฐิ ก่อผนงั ตอ่ มาพวกบาบโิ ลเนีย พฒั นาต่อมาเร่ือยๆ อิฐในสมยั โบราณจะทามาจากดินเหนียว(คณุ ธิณี เสมมแี ละคณะ, 2559:ออนไลน์) เป็นวสั ดุหลกั ในการกอ่ สร้างบา้ นเรือนและสถานทีต่ ่าง ๆ โดยยึดเอามาเป็นอาชีพหาเล้ยี งตนเองและครอบครวั เราสามารถพบเห็นหลกั ฐานการใชอ้ ฐิ มอญก่อสร้างไดจ้ ากซากโบราณสถาน วดั วาอาราม สถูป หรือเจดยี ต์ า่ ง ๆ ลกั ษณะของอิฐมอญน้นั เป็นส่ีเหล่ยี มผืนผา้ มีสีสม้ สดไปจนถึงสีส้มอมแดง และคงรูปน้ีมาต้งั แต่อดตี จนถึงปัจจุบนั (์Baania, 2563:ออนไลน์) มีความคงทนในการใชง้ านสูงมากจงึ ไดร้ ับความนิยมมาต้งั แต่อดตี และเป็นที่คุน้ เคยกบั ช่างกอ่ อิฐทว่ั ไป นอกจากน้ีอิฐยงั มคี ณุ สมบตั ิทด่ี ีมาก ๆ คือ ทนตอ่ ความช้ืน, มีความหนาแน่นสูง(Pawandear, 2563:ออนไลน์) สรุปแลว้ อฐิ น้นั เป็นวสั ดทุ ใี่ ชใ้ นการก่อสร้างอาคารบา้ นเรือนไดด้ มี ีการใชม้ าอย่างยาวนานต้งั แต่ ในสมยั อดีตเพราะอฐิ นนั มีคุณสมบตั ิทมี่ ีความแข็งแรง ทนตอ่ ความช้ืนและสามมารถผลิตไดง้ ่าย วิธกี ำรทำอิฐ วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการทาอฐิ เคร่ืองมอื สาคญั ในการทาอฐิ ส่วนใหญผ่ ูป้ ระกอบการจะคดิ ประดิษฐข์ ้ึนใชเ้ องเพ่ือประหยดั โดยนาวสั ดุที่หาไดจ้ ากพ้นื บา้ นดดั แปลงต่อเติมเป็นเคร่ืองมอื เคร่ืองใช้ เวน้ แต่ท่ีทาไม่ไดเ้ ป็นเครื่องทุน่ แรงทีเ่ ป็นเคร่ืองจกั รกลสาหรับเคร่ืองมอื หลงั ๆ ไดแ้ ก่ -ป้งุ ก๋ี เม่ือกอ่ นสานดว้ ยหวายและไมไ้ ผ่ ต่อมาหวายและไมไ้ ผข่ าดแคลนจึงหันมาใชพ้ ลาสติกสานแทน บางทีก็ใชย้ างรถยนตเ์ ก่าซ่ึงไดร้ บั ความนิยมไมแ่ พก้ นั ใชส้ าหรับงานโกยท่ีตอ้ งขนยา้ ยทวั่ ไป
๗ -เขง่ บางทเี รียกว่า หลวั ทาจากไมไ่ ผ่สาน งานทต่ี อ้ งใชเ้ ข่งก็คอื ขนแกลบเพ่ือนามาผสมกบั ดินและงานขนอปุ กรณท์ ว่ั ไป -พลวั่ ทาจากแผน่ เหล็ก มีไมไ้ ผเ่ ป็นดา้ ม ใชใ้ นการตกั ดิน แกลบ และคลุกเคลา้ ดนิ แกลบ น้า ใหเ้ ป็นเน้ือเดียวกนั -คราด ทาดว้ ยเหลก็ เชน่ เดียวกบั พลว่ั แตม่ ีหลกั ตา่ งกนั คือ มหี นา้ เป็นซ่ีกลม ๆ 6 ซ่ี ส่วนใหญใ่ ชไ้ มไ้ ผ่ทาดา้ ม ใชส้ าหรับเกลยี่ แกลบให้ทว่ั ขณะเผาอิฐและงานโกย สิ่งต่าง ๆ -สทา ทาจากแผ่นไมห้ รือแผ่นเหลก็ มดี า้ มเชน่ เดียวกบั พลว่ั และคราดใชใ้ นการครูดเศษดินบนลานให้โล่งเตยี นหลงั จากเกบ็ แท่งดินเขา้ เตาเผาใหมใ่ น รุ่นต่อไป นอกจากน้นั ยงั ใชส้ าหรับงานครูด โกย และอืน่ ๆ -ไมไ้ สดินหรือไมแ้ ซะดิน ใชส้ าหรบั ปรบั ลานตากดินท่มี ีเศษดินจากการไส แท่งดนิ ใหไ้ ดร้ ูปทรงตกหล่นอยจู่ านวนมาก โดยจะใชใ้ มไ้ สดนิ น้ีทาการไสดินออกจากลานเพื่อให้ลานดนิ สะอาด และเรียบรอ้ ย -รถเข็น ทาข้ึนง่าย ๆ จากเศษไมท้ ี่เหลอื ใช้ เริ่มจากตอ่ ส่วนของกระบะกอ่ น จากน้นั ลอ้ รถจกั รยานท่ไี ม่ใชง้ านแลว้ มาใส่ทาให้สะดวกในการไสลากข้ึน ประโยชนข์ องรถเข็นกค็ ือใชใ้ นการขนยา้ ยดินจากกองเพือ่ นาไปหมกั และขนยา้ ยดนิ ที่ปั่นจนไดท้ แ่ี ลว้ ไปกองสา หรับอดั ลงพิมพเ์ ป็นอฐิ -กระป๋ อง ใชส้ าหรบั ตกั น้า ส่วนใหญใ่ ชใ้ นข้นั ตอนการผสมดิน และระหว่างการอดั ดินใส่แบบพิมพ์ -เคร่ืองป่ันดนิ เดมิ ข้นั ตอนการผสมดนิ สาหรบั ทาอิฐผูผ้ ลติ จะใชว้ ธิ ียา่ ดว้ ยเทา้ จนส่วนต่าง ๆ เขา้ เป็นเน้ือเดียวกนั ทวา่ เม่ือไมก่ ีป่ ี ทผ่ี ่านมาไดม้ ผี ูค้ ิดคน้ เครื่องมอื ในการผสมดนิ ที่ทนั สมยั ข้ึนมาใชแ้ ทน เครื่องมอื ดงั กลา่ วเรียกวา่ เคร่ืองปั่นดนิ ขณะใชง้ านมีเครื่องยนตข์ นาดกาลงั 9 แรงมาให้พลงั งาน เป็นท่นี ิยมมากในปัจจุบนั เพราะสามารถผสมดนิ ไดค้ ร้งั ละมาก ๆ และใชเ้ วลาส้ันกว่าการผสมดว้ ยการยา่ จากแรงคน -โรงเผาอิฐ สมยั กอ่ นผผู้ ลติ มกั กนั กลางแจง้ เนื่องจากประหยดั ตน้ ทนุ ในการสร้างโรงเผาอิฐ ขอ้ เสียกค็ ือ ไม่สามารถเผาอฐิ ในชว่ งฤดฝู นได้ ภายหลงั จงึ ไดส้ ร้าง โรงเผาอิฐข้ีน ลกั ษณะก็คอื เป็นโรงไมห้ ลงั คาจากส่วนของหลงั คามลี กั ษณะเป็นทรง จว่ั สูง เชิงชนิดคาอยรู่ ะดบั ศรี ษะ ไม่มีฝาดา้ นในใชส้ าหรบั เป็นที่เผาอฐิ และเกบ็ อิฐ ท้งั ชนิดทีเ่ ตรียมเผาและเผาสุกแลว้
๘ -แบบพมิ พ์ มดี ว้ ยกนั 3 ชนิด แบบพมิ พไ์ ม้ ชนิดน้ีสามารถทาข้ึนใชเ้ องได้ แบบพมิ พโ์ ลหะ มีสองลกั ษณะคือ ทาจากเหลก็ หรือสแตนเลส ราคาค่อนขา้ งสูง และ แบบพิมพพ์ ลาสตกิ ปจั จบุ นั ไดร้ บั ความนิยมมากกวา่ แบบพิมพช์ นิดอนื่ เน่ืองจากมีราคาย่อมเยา สะดวกทนทานต่อการใชง้ าน ทีส่ าคญั คอื อฐิ ท่ไี ดจ้ ากแบบพิมพพ์ ลาสติกยงั ให้ความสวยงามไรต้ าหนิพอ ๆ กบั พิมพโ์ ลหะชนิดสแตนเลส ซ่ึงดีกว่าเเบบพมิ พไ์ มม้ าก นอกจากน้ียงั มอี ุปกรณ์อานวยความสะดวกอื่น ๆ อีก อาทิ เคร่ืองไสดิน มีดปาดดิน ไมต้ บ ใชส้ าหรบั ตกแต่งแท่งอฐิ ทไี่ ดจ้ ากพมิ พไ์ มใ้ ห้ไดร้ ูปสวยงาม กระแตง สาหรับงานขนยา้ ยทว่ั ไป ติ้ว สาหรับนบั จานวนเวลาขนอฐิ ข้ึนรถในข้นั ตอนการขาย แผงเหลก็ สาหรบั กบั ความร้อนไมใ่ ห้กระจายออกมานอกโรงเผาอิฐขณะทาการเผา เป็นตน้ (Sirin, 2555:ออนไลน์) ในการผลติ อฐิ น้นั เราแยกข้นั ตอนต่างๆ ออกดงั ตอ่ ไปน้ี ข้นั การเตรียมดิน ดินทจี่ ะใชค้ วรนามาตากลมไวก้ ่อนใช้ 1 – 2 เดือนจะทาให้ดินออ่ นนุ่มและเหนียวดยี ่งิ ข้ึน ถา้ เป็นดินแขง็ ตอ้ งนาเครื่องบดดนิ ก่อนนามาย่าใหเ้ ป็นเน้ือเดยี วกนั จากน้ันใชแ้ กลบหรือข้เี ถา้ อย่างใดอย่างหน่ึงผ สมในอตั ราส่วนไมเ่ กิน25 % เพราะถา้ มากกว่าน้ีจะไดอ้ ฐิ เปราะไม่แขง็ แรง ข้นั ข้ึนรูปแผ่นอิฐในข้นั น้ีมีวธิ ีการทาอยู่ 2 วธิ ีดว้ ยกนั คอื การทาดว้ ยแรงคนวธิ ีน้ีจะตอ้ งมแี มพ่ ิมพ์ หรือแบบซ่ึงอาจจะทาดว้ ยไมห้ รือโลหะ เมอ่ื อดั ดนิ ลงไปในแบบแลว้ ใชไ้ มห้ รือมือปาดใหด้ า้ นบนเรียบเสมอ แลว้ จึงนาแบบออก (พ้นื ล่างจะใชข้ ้ีเถา้ เพื่อป้องกนั อฐิ ตดิ กบั พ้ืน) จากน้นั ผ่ึงอฐิ ใหแ้ หง้ หมาดๆ แลว้ นามาตบแต่งให้เรียบร้อยอีกคร้งั หน่ึง แลว้ จงึ นาเขา้ เตาเผาตอ่ ไป การทาดว้ ยเครื่อง วธิ ีน้ีนาดนิ เหนียวใส่เขา้ ไปในเคร่ืองอดั เครื่องจะทาการอดั ดินออกมาเป็นแทง่ ไดข้ นาดเทา่ กนั ทกุ แผ่น มีผวิ เรียบ นาไปผ่ึงให้แห้งหมาดและแห้งดว้ ยอากาศ แลว้ จึงนาเขา้ เตาเผาต่อไป ข้นั การผ่ึงให้แห้ง ถา้ นาอฐิ ที่ยงั เปี ยกอย่เู ขา้ เตาเผาทนั ที ความช้ืนท่ผี ิวจะออกเร็วเกนิ ไป อาจทาให้อฐิ แตกเน่ืองจากการหดตวั เร็ว ฉะน้นั จงึ ตอ้ งมีการผ่ึงให้แหง้ หรือแห้งเพียงหมาดๆ แลว้ จึงนาเขา้ เตาเผา
๙ ข้นั การเผา นาอฐิ ทผ่ี ่ึงแห้งหมาดเขา้ เตาเผา โดยนาอฐิ เขา้ ไปเรียงเป็นช้นั ๆ อิฐท่ีนาเขา้ เตาเผาคร้ังหน่ึงๆ ประมาณ 5000 – 10000 กอ้ น จากน้นั ใชแ้ กลบคลุมอิฐท้งั หมดใหม้ ดิ แกลบทาหนา้ ท่ีเป็นเช้ือเพลงิ ในการเผา ความรอ้ นจะเพมิ่ ข้ึนทลี ะนอ้ ยจนถึงความรอ้ นสูงสุด และลดตา่ ลงตามลาดบั จนเยน็ ใชเ้ วลาประมาณ 1 – 2 สปั ดาห์ แลว้ จึงนาอฐิ ออกจากเตา(โขมคา, 2555:ออนไลน)์ โดยสรุปแลว้ อิฐสามารถทาไดโ้ ดยใชด้ ิน น้า แกลบ ผสมกนั ไวแ้ ลว้ นาไปใส่ในแม่พิมพอ์ ิฐเพ่ือข้ึนรูป เม่ือไดอ้ อกมาเป็นรูปอิฐแลว้ ตอ้ งนาไปพ่ึงแดดกอ่ นเผาไมเ่ ชน่ น้นั จะทาใหอ้ ฐิ แตกได้ บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนินงานและอุปกรณ์ วตั ถุดิบและอุปกรณ์ 1)แกรบ 2)เปลอื กขา้ วโพด 3)เปลือกถว่ั 4)ดินเหนียวร่วน 5)ทราย 6)ปนู ซีเมนต์
๑๐ วิธีกำรทำอิฐจำกพืช 1.นาเศษพืชท่ีไดม้ าสบั ใหล้ ะเอยี ด 2.นาไปผสมกบั ปนู ซีเมนต์ ดนิ เหนียวและทราย เตมิ น้าเล็กนอ้ ยแลว้ คลกุ ใหเ้ ขา้ กนั 3.นาไปเทใส่แม่พมิ พแ์ ลว้ นาไปตากแดดให้แหง้ ประมาณ2สปั ดาห์ 4.แกะออกจากแมพ่ ิมพแ์ ลว้ นาไปใชไ้ ดเ้ ลย
๑๑ บทท4ี่ ผลการดาเนนิ โครงงาน การศึกษาคร้งั น้ีมีวตั ถุประสงค์ เพื่อศกึ ษาวิธีการการทาอฐิ โดยใชเ้ ศษพชื เป็นส่วนประกอบ และ ยงั สามารถนาไปใชง้ านไดจ้ ริง ผลการดาเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและจดุ ประสงคข์ องโครงงานท่ตี ้งั ไว้ การ ทาอฐิ จากพชื จะชว่ ยลดปัญหาจากเศษพืชที่เหลอื จากการทาการเกษตร ทาใหส้ มาชิกในกลมุ่ สนใจและนาวิธี กลบั ไปทาเองที่บา้ น และยงั ช่วยใหผ้ ูท้ ส่ี นใจสามารถนาไปใชเ้ ป็นธุรกจิ ครวั เรือนไดอ้ กี ดว้ ย
๑๒ บทท่๕ี สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษา จากการทาอิฐจากพชื น้ี สามารถทาให้เศษพืชที่เหลอื จากการทาการเกษตรไดน้ ามาใชใ้ หเ้ กิด ประโยชน์ โดยผลติ ภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากโครงงานชิน้ น้ีน้นั มีคณุ ค่าและประโยชนท์ างอุตสาหกรรมใน ครวั เรือนเหมาะสาหรบั ครอบครัวที่จะเริ่มทาธุรกิจเลก็ ๆหรือสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นอ่ืน และสร้างความสามคั คใี นการทางานเป็นกลุ่มแก่คณะผูจ้ ดั ทา ข้อเสนอแนะ ผทู้ ี่จะเขา้ ครัวน้นั ควรมีการเตรียมตวั เก่ียวกบั ทกั ษะในการใชอ้ ุปกรณต์ า่ งๆ และควรที่จะ ศึกษาวสั ดุทใ่ี ชใ้ นการทาแต่ละชนิดอยา่ งระเอียดเพื่อใหง้ า่ ยตอ่ การทา และควรศึกษาวธิ ีการทาอยา่ งดี เพอ่ื ไมใ่ ห้ผิดพลาดได้ หากไม่ศกึ ษากอ่ นทาอาจทาใหผ้ ดิ พลาดได้ การผดิ พลาดจะทาให้ไดผ้ ลิตภณั ฑ์ ที่ออกมาไม่สมบรู ณ์ อฐิ ทไ่ี ดอ้ อกมาสามารถนาไปใชใ้ นการทาร้วั หรือสิ่งปลกู สร้างเลก็ ๆไมแ่ นะนา ใหน้ าไปสรา้ งเป็นทอ่ี ยอู่ าศยั เน่ืองจากมคี วามแขง็ แรงไมเ่ ท่ากบั อิฐปกติ
๑๓ บรรณานุกรม อารยา เทพคง. 2556 ความแขง็ แรงของอฐิ . สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 15 กรกฎาคม 2563. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://jutaratand.blogspot.com พมิ พเ์ พญ็ พรเฉลิมและ์์เกียรต.ิ 2557. แกลบ. สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2563. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://puechkaset.com/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A/ Baania. 2563. ประโยชนข์ องอฐิ . สืบคน้ เม่อื วนั ที่ 15 กรกฎาคม 2563. สามารถเขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.baania.com/th/article/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%AD %E0%B8%8D-5f0089b8159c3b605bffdda8
๑๔
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: