Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานวิทยาศาสตร์2

โครงงานวิทยาศาสตร์2

Published by suphannee.so2520, 2019-03-05 03:12:44

Description: จัดทำโดย
นางสาวสุพรรณี สวยสม
กศน. ตำบลไชโย กศน.อำเภอไชโย
กศน.จำหวัดอ่างทอง

Search

Read the Text Version

การเขียนโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศยั อาเภอไชโย

การเขียนโครงงานวทิ ยาศาสตร์ สพุ จน์ หารหนองบวั ภาควชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [email protected]

เป้ าหมาย: ✗ ๏ตพี ิมพ์ได้ ✗ ๏เกิดประโยชน์กับประเทศ ๏เขา้ ตากรรมการ ✓? ๏เกดิ ประโยชน์กบั นกั เรียน ✓ ✓ ๏มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ปัญหาของโครงงานวทิ ย์(ไทย): เน้น ๏แปลก/ใหม่ ๏ใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ๏ใชเ้ ครือ่ งมอื แพง/high tech. เกดิ ประโยชน์กบั นักเรียนน้อย ๏คิด (ทา) & เขยี นโดยอาจารย์ ๏นกั เรยี นไดป้ ระโยชนไ์ มก่ ่ีคน

โครงงานท่ดี ี เน้น ๏ความดูความคิดริเริ่ม (การตั้งโจทย)์ ๏กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีได้กด็ ี ๏ใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ๏เผยแพรไ่ ด้ ๏นักเรียนมีส่วนร่วม (ระยะถดั ไป) ไม่ให้ความสาคัญ ๏High tech./ช่อื Univ./อจ. จาก U.

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. โครงงานประเภทการทดลอง 2. โครงงานประเภทสารวจ 3. โครงงานประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ 4. โครงงานประเภททฤษฎี ท่มี า: ขวญั ใจ กนกเมธากลุ

ความยากของการเขียนโครงงาน: ๏ตอ้ งสน้ั กระชบั และครอบคลุม ๏มกั จะถูกจากัดความยาว ตัวอย่างท่จี ะใช้ประกอบ: ๏ยกทรงสารพัดประโยชน์ ๏การตั้งช่อื ววั ๏ปลาผายลม ๏ไอสครมี มลู ววั ๏นกเพนกวนิ

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ การเขียนโครงงาน 1) ตงั้ โจทย์โดยการสงั เกต/ตั้งคาถาม 1) ชื่อเรื่อง 2) -ความสาคญั /ท่มี า Paragraph 1 -ความสาคญั /ทม่ี า Paragraph ถดั ไป 2) หาข้อมลู 3) ตง้ั สมมตุ ิฐาน 3) วัตถุประสงค์ 4) ออกแบบการทดลองเพอ่ื ทดสอบ 4) ขั้นตอนการทดลอง สมมตุ ิฐาน 65)) จจัดัดหทาา/เหคราอื่ liงsมt อืงบ/อปุปรกะรมณาณ์ 5) จัดทา list เครื่องมือ 7) ทาการทดลองและบนั ทึกผล 76)) จจัดัดททาา lliisstt งเคบรปอื่ รงะมมือาณ 89)) วบิเนัคทรากึ ะขหอ้ แ์ สลังะเกสตรปุ ผล … เอกสารอ้างอิง 10) นาเสนอ:เขียนรายงาน/บทความ

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ 1) ตัง้ โจทย์โดยการสังเกตและตั้งคาถาม ๏เกดิ ขึน้ ได้อย่างไร ๏สาเหตจุ ากอะไร ๏ทาไมจึงเป็นกอายร่าเงขนีย้ันนโครงงาน 1) ช่อื เร่อื ง ๏สั้นและกระชบั ๏ท(+าดอ้วะยไวรธิ: ีไอหธบินา?ย+ผเลพห่ือรปอื รสะิง่ โทยตี่ชอ้นง์อกะาไรรท?ด) ลอง ๏เปน็ บอกเล่าหรือคาถามกไ็ ด้

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ 1) ตัง้ โจทยโ์ ดยการสังเกตและต้ังคาถาม ๏เกดิ ขน้ึ ได้อย่างไร ๏สาเหตจุ ากอะไร ๏ทาไมจึงเปน็ กอายร่าเงขนียน้ั นโครงงาน 2) ความสาคัญและที่มา: paragraph แรก ๏ส้ันและกระชบั ๏ส(+รขปุ อ้ สจง่ิ าทกไ่ีดั ดจจ้ากากทกี่มาอี รยส่เู ังดเมิกตุ +ประโยชน-์ ขอ้ ดขี องส่ิงใหม่/การไขขอ้ ขอ้ งใจ)

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ 2) หาขอ้ มลู ๏ศกึ ษาค้นควา้ (หนงั สือ, วารสาร, internet etc.) ๏ฟงั สัมมนา/ประชุมวิชาการ ๏สอบถามผูร้ ู้ การเขียนโครงงาน 2) ความสาคญั และที่มา: paragraph ถัดไป ๏๏สมีใ้นั คแรลศะกึ กษราะเชรอ่ืบั งนีม้ าก่อนบ้าง ครอบคลมุ !! (จากขอ้ มลู ) สรุปประเดน็ สาคัญ (ยอ่ ความ+อา้ งองิ ทมี่ า) แบ่งเปน็ ขอ้ ยอ่ ยท่ีเช่อื มโยงกัน (10-15 บรรทัด)

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ 3) ต้ังสมมตุ ฐิ าน ๏list คาตอบทีน่ ่า/คาดวา่ จะเป็นไปได้ (อาจจะมมี ากกว่าหนง่ึ ข้อ ขึน้ กบั ควมซับซ้อน ของโจทย์) การเขียนโครงงาน 3) วตั ถปุ ระสงค์ ๏สั้นและกระชบั นิยมบอกเป็นขอ้ ๆ ๏บอกสง่ิ ท่ีต้องหาท่ีสามารถวัดหรอื คานวณ ได้ ทจ่ี ะนาไปสคู่ าตอบของสมมุติฐาน

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ 4)อข๏อะั้นจอไัดตกรทอบแานา้บl/งiวบsเธิพtกกีข่อื าาอใรรหงกททข้ไาดดั้นดรลลตแ้เขอตอองีย่ลนง)นะเพ(คโsคtาอ่ื eตรpทอง-ดbบงyสา-(นsอเรteบียpกส) มวliา่sมจt ตุนะทฐิี้วา่าาน 4) ข๏นั้รวตบอรวนมกตัวาแรปทรทดจ่ีละอเปงน็ ไปได้ทั้งหมด ๏เลอื กเปลยี่ นตัวแปรทลี ะตวั ในการทดลองแตล่ ะครงั้ ๏เขยี นข้ันตอนวา่ จะเปลย่ี นตัวแปรน้นั อยา่ งไร ๏เขยี นขัน้ ตอนเพอื่ อธบิ ายวา่ จะวดั ค่าตัวแปรตามอย่างไร ๏ทกุ การทดลองต้องมี control ๏ทาการทดลองซา้

ขนั้ ตอนการทาโครงงานฯ 7685)))) จทบจดััดาันกหหทาาากึร/เคจทขดัร้อดอื่ทสลงางัอมเlงกiือs&ต/tอบ/ปปุปนัรญักะทรหมึกณาาผณร์ ละกหาวรา่คงา่ กใาชร้จท่ายดลอง 9) วิเคราะห์และสรปุ ผลการทดลอง 10) นาเสนอ:เขียนรายงาน/บทความ การเขียนโครงงาน 65)) จจัดัดททาา lliisstt คเคา่ รใ่อืชงจ้ ม่ายอื 7-10) ไวค้ ุยกนั ต่อเดือนมถิ ุนายน 2553

บทคดั ยอ่ จะทาอะไรยงั ไม่รเู้ ลย... C+, C …F? สน้ั & กระชับ ....ทาอะไร ....ทาไมตอ้ งทา ....ทาอย่างไร ....ได้อะไร/ตอบคาถามอะไร ....ดีกวา่ ของเดมิ อยา่ งไร

แต่ละหวั ข้อต้องมคี วามสัมพนั ธ์กนั ...ช่อื เรื่อง ...บทคัดย่อ ...วัตถุประสงค์ ...ความสาคัญ/ท่มี า ...บทสรุป

เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่แสดงถงึ ความเป็ นนัดกวิทยาศาสตร์ •; , : อยู่ตดิ กับคาหนา้ เสมอ •et al. ใส่จุดใหถ้ ูกที่ •สัญลกั ษณ์ ใช้ตวั เอน หากสามารถแทนด้วยตัวเลขได้ •Consistency Fig. Fig. Figure, figure…Tab, Eq. •References ( ) [ ], super-script etc. •(อักษรย่อ) เฉพาะที่ตอ้ งใช,้ คร้ังแรกเท่านนั้ •Format ของ References

จรรยาบรรณ: ๏ไม่ใช้ความร้สู ึก/บิดเบอื นขอ้ มูล ๏ควรมกี ารอ้างอิง/ไม่คัดลอกงานคนอ่นื

คดิ นอกกรอบทางสร้างสรรค์ คาตอบคอื ขึ้นอยูก่ ับการเตรียมตวั ที่จะคิดอยา่ งนอก กรอบ ใหถ้ ูกทาง การเตรียมตัวอย่างหนึ่ง กค็ ือ การได้ผ่าน การศกึ ษาและการฝึกฝน ใหม้ ีทัง้ ความรูแ้ ละความคิด ท่จี ะ นาไปสูก่ ารคดิ อย่างสร้างสรรค์ เพราะการคดิ นอกกรอบ อยา่ งสร้างสรรค์จะเกดิ ข้นึ ได้ ผคู้ ดิ จะต้องมีพ้ืนฐานความรู้ และความคิดท่ีดี ท่ถี ูกทาง เพอ่ื จะได้มฐี านหรือจุดยนื ท่ี ม่ันคง จะได้สามารถสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ ความคิดใหม่ ท่ี แปลกใหม่และดกี วา่ เกา่ ได้ คดิ นอกกรอบทางฟ้ ุงซ่าน?? ทมี่ า: .........................

\"...ถ้าครูไมห่ ว่ งประโยชนท์ ค่ี วรจะห่วง หันไป พระราชดารัสแก่ครู หว่ งอานาจ หว่ งตาแหน่ง หว่ งสทิ ธแิ ละห่วง 21 ตุลาคม 2521 รายไดก้ นั มากๆเขา้ แลว้ จะเอาจิตเอาใจทไี่ หนมา หว่ งความรู้ ความดี ความเจรญิ งอกงามของเด็ก ความหว่ งในสิ่งเหลา่ นั้นก็จะค่อยๆบั่นทอน ทาลายความเปน็ ครไู ปจนหมดสิน้ จะไม่มีอะไร ดีเหลือไว้พอทต่ี ัวเองจะภาคภูมิใจหรือผกู ใจใคร ไว้ได้ ความเปน็ ครูกจ็ ะไมม่ ีคา่ เหลอื อยใู่ ห้เปน็ ท่ี เคารพบชู าตอ่ ไป......\" ทมี่ า: ขวญั ใจ กนกเมธากุล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook