ใบความรู้ วชิ าเศรษฐศาสตร์เบ้ืองต้น (Basic Economics) รหัสวชิ า ๒๐๒๐๐ – ๑๐๐๑ รายวชิ าเศรษฐศาสตร์เบ้อื งต้น จานวน ๒ หน่วยกติ 2–๐–๒ จดุ ประสงคร์ ายวิชา เพ่ือให้ 1. มคี วามรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับความรพู้ ื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์และทฤษฎที ี่เกย่ี วข้องทางเศรษฐศาสตร์ 2. นาความรู้และทฤษฎเี ศรษฐศาสตรไ์ ปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจาวัน 3. ตระหนักถึงความสาคัญของหลกั การทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เก่ียวกับแนวคิดพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์และทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ 2. ประยุกต์ใชห้ ลกั เศรษฐศาสตร์ในชีวติ ประจาวันและงานอาชีพ คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ อปุ สงค์ อปุ ทาน และการกาหนดราคาดุลยภาค ความ ยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน ทฤษฎพี ฤตกิ รรมผ้บู รโิ ภค ทฤษฎีการผลิต ตลาดในระบบเศรษฐกิจรายได้ ประชาชาตเิ งินเฟ้อ เงินฝืดและเงินตงึ ตวั วัฎจกั รเศรษฐกจิ ดุลการคา้ และดุลการชาระเงนิ และการพฒั นาเศรษฐกจิ โครงสรา้ งและปญั หาเศรษฐกิจของประเทศและแนวทางแก้ไข
บทท่ี 1 1. จงให้ความหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ตามความเข้าใจของนกั ศกึ ษา โดยประมวลจากนิยาม ของนักเศรษฐศาสตรห์ ลาย ๆ ทา่ น ตามที่ไดศ้ ึกษามาจากตาราเล่มนี้ ความหมายของวิชาเศรษฐศาสตรเ์ ปน์ วชิ าการแขนงหนงึ่ ทางสงั คมศาสตร์ท่วี ่าด้วยการที่มนษุ ย์ไม่ว่าจะ อย่ใู นระบบเศรษฐกจิ ใดเลอื กใชท้ รพั ยากรท่ีมอี ยู่อย่างจากดั มาทาการผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อบาบดั และ ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และกระจายหรือแบ่งปนั สนิ ค้าและบริการไปยังประชาชนเพ่ือการบรโิ ภค อปุ โภค 2. ปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจคืออะไร เกดิ ข้ึนจากสาเหตุอะไร มีปัญหาอะไรบา้ ง อธิบายมาเป็นข้อ ๆ ปญั หาพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจคือ ปญั หาความแตกต่างระหว่างทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดไม่พอผลติ สนิ คา้ และบริการ สนองความต้องการของมนุษย์ได้ทุกคน ปญั หาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเกดิ ข้ึนจากความต้องการของมนุษยม์ ไี มส่ ิน้ สดุ ขณะทีส่ ินคา้ และบริการมอี ยู่ อยา่ งจากัด ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจไดแ้ ก่ 1. จะผลิตสินคา้ ประเภทใดและผลิตเป์นจานวนมากน้อยเท่าใด (What) 2. จะผลติ อย่างไร (How) 3. จะผลติ เพือ่ ใคร (For whom) 3. อธบิ ายความหมายของคาศัพท์ตอ่ ไปนี้มาพอเข้าใจ 3 . 1INCOME DISTRIBUTION หมายถงึ การแบง่ ปนั ผลผลติ ระหวา่ งเจา้ ของปจั จัยการผลติ ตา่ ง ๆ ซ่งึ มสี ว่ น รว่ มในการผลิตสินค้าและบริการ 3.2 CONSUMPTION หมายถงึ การใช้ประโยชนจ์ ากสินค้าและบริการเพื่อบาบัดความตอ้ งการของมนุษย์ 3.3 PRODUCTION หมายถึง การนาทรัพยากรที่มีอย่อู ย่างจากดั มาทาการสร้างสนิ ค้า และบริการตา่ ง ๆ เพ่ือ บาบดั ความต้องการของมนษุ ย์ 3.4 EXCHANGE หมายถึง การเปลย่ี นความเปน์ เจา้ ของในสง่ิ ของ สินคา้ และบริการ หรอื ทรัพยากร 4. เศรษฐศาสตร์จุลภาคกบั เศรษฐศาสตร์มหภาค มีความแตกตา่ งกนั ในเนอื้ หาท่ีศึกษาอย่างไรบา้ ง จงอธิบาย ขอบเขตของการศกึ ษาวชิ าเศรษฐศาสตรท์ งั้ แขนงมาพอเขา้ ใจ 2 4.1 เศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค (Micro Economics) เป์นการศึกษาเร่ืองราว หรอื พฤติกรรมทางเศรษฐศาสตร์ใน ส่วนยอ่ ย ๆ หรือหน่วยเศรษฐกจิ เลก็ ๆ ซ่งึ รวมกันอย่ใู นสงั คม 4.2 เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macro Economics) เป์นการศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐศาสตร์ของสงั คม ประเทศชาติ หรือส่วนรวม 5. ใหอ้ ธิบายว่าวชิ าเศรษฐศาสตรเ์ กีย่ วข้องกับตัวนักศึกษาอย่างไรบ้าง วิชาเศรษฐศาสตร์มีความสาคัญต่อการดารงชวี ติ ของเราทุกคนท้ังในทางตรง และในทางอ้อม โดยแทรก อยใู่ นชวี ิตประจาวัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะผู้ผลิต หรอื ผูบ้ ริโภค หรอื ผู้เป์นเจ้าของปัจจัยการผลติ ก็ตาม ทาให้เรา ดารงชวี ติ อย่างมีหลกั เกณฑ์และมเี หตุผล
6. ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเปน็ ระบบเศรษฐกจิ ท่ีใช้กลไกใดในการตัดสนิ ใจแกไ้ ขปญั หาทางเศรษฐกจิ ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเปน์ ระบบเศรษฐกจิ ท่ีใชก้ ลไกราคาในการตดั สนิ ใจแก้ไขปัญหาทาง เศรษฐกิจ บทที่ 2 1. .ให้บอกลักษณะสาคญั ของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมาพอสงั เขป ลักษณะสาคญั ของระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม เปน์ ระบบที่ให้เสรีภาพเอกชนในการผลิต การ ครอบครองทรัพย์สนิ และการบริโภค และรัฐไมเ่ ข้ามายุ่งกับการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ท้ังภายในและนอก ประเทศ สง่ิ ที่กาหนดกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ คอื กลไกราคาและการแขง่ ขัน 2. ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนยิ ม มีวธิ ีการแกป้ ัญหาพืน้ ฐานทางเศรษฐกจิ อยา่ งไรบา้ ง ในทศั นะของนักศกึ ษา เหน็ ว่าระบบสังคมนิยมเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ อยา่ งไร จงอธิบายและแสดงความคดิ เห็นในเชงิ อภปิ ราย ระบบเศรษฐกจิ แบบสงั คมนิยม มวี ิธีการแกป้ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ โดยรัฐจะเข้าครอบครองปจั จัย การผลติ ข้ันพนื้ ฐานไวเ้ กือบทงั้ หมด โดยมจี ุดมุ่งหมายทจี่ ะลดช่องวา่ งทางรายไดใ้ นสงั คมและสร้างความเป์นธรรม ในทางเศรษฐกจิ ใหแ้ ก่ประชาชน จงึ ต้องจากดั เสรีภาพในการผลิตของเอกชนให้น้อยลง ระบบสงั คมนิยมนา่ จะเป์นระบบทเ่ี หมาะสมกบั ประเทศไทย เพราะระบบดังกล่าวจะลดการเห็นแก่ตัว และเอารัดเอาเปรยี บของคนทม่ี ีโอกาสดีกว่าคนอื่น ปจั จบุ ันแนวโนม้ นโยบายของทางการได้นาเอาแบบอยา่ งหลาย ประการของระบบสงั คมนิยมมาใช้ เช่น มกี ารประกันการว่างงาน ประกันการเจบ็ ปว่ ย เอกชน )บาท 30 โครงการ( ยังมกี รรมสทิ ธใยิ นการถือครองทรัพยส์ ินและปัจจยั การผลิตเปน์ ต้น 3. ให้บอกข้อดแี ละข้อเสยี ของระบบเศรษฐกจิ แบบผสมมาพอเข้าใจ ข้อดี 1 .เอกชนแลรัฐบาลมีส่วนรว่ มในการวางแผนเศรษฐกจิ ของประเทศ 2เอกชนและรฐั บาลสามารถเป์นเจ้าของปัจจยั ในการผลิตสนิ ค้าและบรกิ าร . 3กลไกราคายง่ิ เปน์ สิง่ สาคัญในการกาหนดราคาสินค้าและบรกิ ารตา่ ง ๆ . 4. รัฐคอยใหค้ วามคมุ้ ครองและความชว่ ยเหลือตลอดจนอานวยความสะดวกแกผ่ ้ปู ระกอบการในราคาเอกชน ด้วยการสร้างโครงสร้างพ้ืนฐานทางดา้ นเศรษฐกิจ เชน่ สร้างถนน เป์นตน้ ขอ้ เสีย 1. รฐั บาลอาจจะจากดั เสรภี าพในการผลติ สินค้าและบริการบางอยา่ ง ท่ีเห็นว่าไมป่ ลอดภยั ต่อความมนั่ คงของ ชาติ 2รัฐบาลยังมอี านาจในการเข้าไปแทรกแซงภาคเอกช .นเพ่ือรักษาเสถียรภาพของราคาสนิ ค้าและบริการ
4. หน่วยธรุ กจิ กับ ครัวเรือน ตา่ งก็เปน็ หนว่ ยย่อยของระบบเศรษฐกจิ ในฐานะท่นี กั ศกึ ษากเ็ ป็นสมาชิกใน ครวั เรอื น และไดส้ ัมผัสกับหนว่ ยธรุ กจิ มาบ้างไม่มากกน็ ้อย นกั ศึกษาอยากเห็นหนว่ ยธรุ กจิ มีบทบาทหรือทา ประโยชนต์ ่อสังคมเพิ่มขน้ึ อย่างไรบา้ ง จงบอกมาสัก 3-ประการ 4 4.1 มหี นา้ ท่รี วบรวมปจั จัยการผลิตมาทาการสร้าง หรือผลิตสนิ ค้าและบริการ 4.2 มบี ทบาทในการจ้างงาน เพอ่ื ทาการผลติ ทาใหแ้ รงงานมรี ายได้สามารถเพม่ิ การบริโภคสนิ คา้ ของหน่วย ธุรกจิ ไดเ้ พิ่มขนึ้ 4.3 มบี ทบาทในการพฒั นาเทคนคิ การผลิตใหม่ทีส่ ามารถเพ่ิมประสิทธิภาพการผลติ ได้มากขน้ึ อย่างต่อเนื่อง 5ในภกมภิ าคเอเชียร่ึงกาลังเกดิ การรวมตวั ทางเศรษฐกิจ ให้บอกว่า . AEC มกี ีป่ ระเทศประเทศใดมรี ะบบ เศรษฐกจิ แบบใด มี ประเทศ แต่ละปร 10ะเทศมีระบบเศรษฐกจิ ดงั นี้ 1. บรไก นฯ มีระบบเศรษฐกิจเปน์ แบบผสม สนิ ค้าส่งออกสาคัญ ไดแ้ ก่ นา้ มันดบิ และก๊าซธรรมชาติ 2. กัมพกชา ระบบเศรษฐกจิ เป์นแบบอาศยั กลไกการตลาด แบบผสม สินค้าส่งออกสาคัญ ไดแ้ ก่ เสื้อผ้า ส่งิ ทอ ไม้ ยางพารา ขา้ ว ปลา ยาสูบ และรองเท้า 3. อนิ โดนเี รีย ระบบเศรษฐกิจเปน์ แบบผสม พ่งึ พาการสง่ ออกนา้ มันและกา๊ ซ มุง่ เนน้ การขยายตวั ของการ บริโภคในประเทศและการลงทนุ สินคา้ สง่ ออกสาคญั ไดแ้ ก่ ก๊าซธรรมชาติ นา้ มนั เคร่ืองใช้ไฟฟ้า ไม้ และเสือ้ ผา้ 4. สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ระบบเศรษฐกิจเปน์ แบบสังคมนิยม สนิ คา้ ส่งออกสาคญั ได้แก่ ไมแ้ ละผลิตภัณฑไ์ ม้ กาแฟ ไฟฟา้ กระป๋อง ทองแดง และทองคา 5. เมียนมา ระบบเศรษฐกิจเป์นแบบผสม สนิ ค้าส่งออกสาคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ไม้ เมล็ดพืชและถวั่ 6. มาเลเรีย ระบบเศรษฐกจิ เป์นแบบผสม สนิ ค้าสง่ ออกสาคัญ ได้แก่ ผลติ ภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครอื่ งจักรและอุปกรณ์ เคมภี ัณฑ์ อปุ กรณ์ดา้ นการขนส่ง ผลิตภัณฑ์โลหะอเิ ลก็ ทรอนิกส์ นา้ มนั ปาล์ม กา๊ ซ ธรรมชาติเหลว (LNG) และน้ามนั ดบิ 7. ฟิลิปปนิ ส์ มีระบบเศรษฐกิจท่ีคล้ายคลึงกับไทย กลา่ วคอื เป์นประเทศเกษตรกรรม สินคา้ ส่งออก สาคัญ ไดแ้ ก่ มะพร้าวแหง้ นา้ มันมะพรา้ ว และไม้แกะสลัก 8. สงิ คโปร์ อาชพี หลักท่ีทารายได้ให้กับสงิ คโปร์คือธุรกจิ การคา้ และอตุ สาหกรรม สินคา้ ส่งออกท่สี าคัญ ไดแ้ ก่ เคร่ืองจักรกล เครื่องไฟฟ้า เคมีภณั ฑ์ และเสือ้ ผา้ 9. ไทย ระบบเศรษฐกิจเป์นแบบผสม สนิ ค้าสง่ ออกท่ีสาคัญ ไดแ้ ก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณแ์ ละ สว่ นประกอบ อญั มณีและเคร่ืองประดบั รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และนา้ มนั สาเรจ็ รปู 10. เวียดนาม ระบบเศรษฐกิจเป์นแบบสงั คมนยิ ม สนิ ค้าส่งออกสาคัญ ไดแ้ ก่ สิง่ ทอและเสื้อผ้า โทรศัพท์มอื ถอื น้ามันดิบ รองเท้า เคร่ืองหนัง คอมพวิ เตอร์ และอาหารทะเล
บทท่ี 3 1. ใหบ้ อกความหมายของคาศพั ท์ตอ่ ไปนอ้ี ย่างพอเขา้ ใจ 1.1 PLACE UTILITY หรอื อรรถประโยชนใ์ นดา้ นสถานที่ หมายถึง อรรถประโยชน์ทีเ่ กิดขน้ึ จากการท่สี ินค้า และบริการได้กระจายไปวางจาหน่ายใหแ้ กผ่ บู้ รโิ ภคตามรา้ นค้าหาบเร่ และแผงลอยทวั่ ไป ทาให้ผู้บริโภค สามารถหาซ้ือสินค้าและบรกิ ารได้สะดวก 1.2 TIME UTILITY หรอื อรรถประโยชนใ์ นดา้ นเวลา หมายถงึ ความพอใจ ทเ่ี กดิ จากการท่ี )อรรถประโยชน์( ผู้บริโภค สามารถหาซ้ือสนิ คา้ และบรกิ ารไดใ้ นเวลาที่ต้องการ เชน่ การสามารถหาซื้อผลไมน้ อกฤดูกาลได้ 2. OPPORTUNITY COST คอื อะไร มีความหมายอย่างไรตอ่ การผลติ จงยกตวั อยา่ งการเกดิ OPPORTUNITY COST ทีเ่ กดิ ขน้ึ ในชีวติ ประจาวันของนกั ศกึ ษา OPPORTUNITY COST คือ ตน้ ทนุ การผลติ ท่มี องไม่เหน็ หรือค่าเสยี โอกาส และวดั มลู คา่ ออกมาในรปู ของตวั เงิน จากการเสยี สละส่ิงของ หรือบางสิง่ บางอยา่ งมาใช้ในการผลติ แทนท่ีจะนาสิง่ ของนั้นไปใชป้ ระโยชน์ อยา่ งอน่ื ค่าเสยี โอกาส เป์นต้นทนุ การผลติ ในทางเศรษฐศาสตร์อย่างหนึ่ง นอกจากตน้ ทนุ การผลิตทม่ี องเห็นได้ ตัวอยา่ งการเกิดต้นทนุ ค่าเสยี โอกาสในชีวิตประจาวันก็คือ การมาศึกษาเลา่ เรียนจะทาใหเ้ กดิ ต้นทนุ คา่ เสียโอกาสจากทีเ่ สียโอกาสจากการไมไ่ ดใ้ ช้เวลาเรียนไปทางานหารายได้ 3. ต้นทุนคงทคี่ ืออะไร ให้ยกตัวอยา่ งต้นทนุ การผลิตทีเ่ ป็นตน้ ทนุ คงที่ คือต้นทนุ ทไ่ี มม่ ีการเปลีย่ นแปลงขนึ้ หรือลงตามปริมาณการผลิต เชน่ คา่ เช่ารา้ นในการขายของจะคงที่ ทุกเดือนไมว่ ่ายอดขายจะเปน์ เท่าไหร่ 4. ตน้ ทนุ แปรผันคอื อะไร ให้ยกตวั อย่างต้นทุนการผลติ ท่เี ป็นต้นทุนแปรผัน คอื ต้นทนุ ที่มีการเปลยี่ นแปลงขน้ึ หรอื ลงตามปรมิ าณการผลิต ตวั อยา่ ง เชน่ การทอดปาท่องโก๋ขาย จะมี ตน้ ทุนแปรผนั ไดแ้ ก่ แป้ง ถา่ น หรอื แกส๊ นา้ มัน ถุงกระดาษ เป์นต้น ตน้ ทุนเหล่าน้จี ะแปรผันตามยอดขาย จะ ยอดขายเพิม่ ต้นทุนเหลา่ นจี้ ะเพ่มิ ถา้ ยอดขายลดต้นทนุ เหล่านจ้ี ะลดลง 5. การประหยดั ภายในคืออะไร อธบิ ายและยกตัวอยา่ งมาพอเข้าใจ คือการประหยดั ท่เี กิดขึน้ ในระหวา่ งกระบวนการผลติ หรอื ภายในหนว่ ยผลติ นัน่ เอง เมื่อผลผลิตเพ่มิ ข้ึนมี จานวนมาก โดยการประหยดั อาจจะเกิดจากการผลิตใช้แรงงานโดยประหยัด หรอื แรงงานแต่ละคนสามารถทางาน ได้ปรมิ าณผลผลิตเพิ่มขึน้ เทคนิคและเครอื่ งจักรทท่ี ันสมยั ขึ้น ทาใหป้ ระสทิ ธภิ าพการผลติ สูงข้ึน คา่ ใช้จ่ายในการ จัดการ เช่น ค่าเชา่ สานกั งาน เงนิ เดอื นผ้จู ัดการคงเดิมขณะทีผ่ ลผลิตเพ่ิมข้ึนทาให้ต้นทุนโดยเฉลี่ยลดลง
6. นกั ศึกษาเห็นว่า การทางานหรอื การผลิตท่ีมลี ักษณะการแบ่งงานกนั ทาน้นั มผี ลดี ผลเสยี อย่างไรบา้ ง จง บอกตามความเข้าใจของนักศกึ ษา ผลดี 1 เกิดการประหยัดการใชแ้ รงงาน .โดยการว่าจา้ งแรงงานท่ีว่าจา้ งเพิ่มขึ้นต่ากว่าการขยายตวั ของผลผลติ ซงึ่ ทา ใหต้ น้ ทนุ การผลติ ต่อหนว่ ยลดลง 2เกิดความชานาญ หรือความถนัดในงานท่ีทาอยเู่ ฉพาะในสว่ นทแ่ี รงงานแต่ละคนผลติ ประสิทธิภาพ หรือ . คณุ ภาพแรงงานสูงข้ึนจากเดิม 3เกดิ ความรวดเร็วในการผลิตข้นึ จากเด .ิม ผลเสีย หากใชแ้ รงงานมากไปจะเกดิ การหลบงาน เกี่ยงงาน หรอื ควบคมุ ไม่ทั่วถงึ 7. ภาวะการประหยัดในขนาดการผลิต สามารถเกิดขน้ึ ได้อยา่ งไร ให้อธบิ าย ภาวะการประหยดั ในขนาดการผลิต เกดิ ขึน้ เมื่อ ขนาดการผลิตทีข่ ยายเพ่ิมข้นึ มากพอท่จี ะทาให้ตน้ ทนุ การผลติ ต่อหน่วย หรือต้นทุนการผลิต โดยเฉลย่ี ตอ่ หน่วยลดลงจากเดิม เชน่ ตวั อยา่ งในหนา้ เรื่อง 2 ย่อหนา้ ที่ 61 การผลิตขนาดใหญ่ 8. “การแบ่งงานกันทา” และ “ความชานาญเฉพาะอย่าง” จะเกดิ ขึ้นไดอ้ ยา่ งไรในกระบวนการทางการผลติ การแบง่ งานกนั ทา (Division of Labor) หมายถึง การที่ปัจจยั แรงงาน แต่ละคนทางานเฉพาะสว่ นที่ ไดร้ บั มอบหมาย โดยไมต่ ้องทางานทกุ อยา่ งตั้งแตต่ น้ จนจบสน้ิ กระบวนการผลิตภายในหน่วยงานน้ัน ความชานาญเฉพาะอย่าง เกิดขน้ึ จากการนาหลักการแบ่งงานกันทามาใชใ้ นกระบวนการผลิต เพราะเมื่อ ทางานนานไปจะเกิดความชานาญในการทางานชนิดนนั้
บทท่ี4 1. ตลาดแข่งขนั สมบกรณ์คืออะไร มลี ักษณะอยา่ งไรบ้าง จงอธบิ ายมาพอเข้าใจ 1ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คือ ตลาดที่มีลักษณะดงั ต่อไปน้ี . 1.1 จานวนผู้ซ้อื และผู้ขายมมี ากมายจนนบั ไม่ถ้วน 1.สินค้าและบริการที่นาออกมาขายโดยผขู้ ายแต่ละรายจะมลี กั ษณะเหมือนกันทุกประการ 2 1.3 การประกอบธุรกิจการคา้ การผลิตสินคา้ เปน์ ไปอย่างเสรี 1.4 ผซู้ อ้ื และผู้ขายเปน์ ผู้ทม่ี ีความรอบรู้และมีข้อมูลข่าวสารเกีย่ วกบั สนิ ค้า และบรกิ ารชนิดนน้ั เป์นอย่างดี 1.5 ปจั จยั การผลิตแตล่ ะประเภทท่นี ามาใช้ในการผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารสามารถเปลีย่ นแปลง โยกย้าย หรือ ปรบั ปรุงใหมไ่ ดด้ ้วยความสะดวก 1.6 ราคาสนิ ค้าและบริการที่ผู้ผลิตแตล่ ะรายจะขายในตลาดตอ้ งเป์นระดับราคาเดียวกนั ซึ่งกาหนดมาจากตลาด 2. ตลาดในความหมายทั่วไปกับตลาดในความหมายทางเศรษฐศาสตร์เหมือนกนั หรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร จง บอกมาพอเขา้ ใจ ตลาดในความหมายทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ ตลาดของสนิ คา้ หรอื บรกิ ารชนิดใดชนดิ หนงึ่ ทีผ่ บู้ ริโภค และผู้ผลิตจะสามารถติดต่อและทาการซ้ือขายแลกเปลย่ี นกันได้ แตกต่างจาก ตลาดในความหมายทวั่ ไปซึ่งมักจะ หมายถึงสถานท่ีทีม่ ีการซ้ือขายสนิ คา้ และบริการระหวา่ งผูซ้ ้ือและผู้ขาย เชน่ ตลาดประตูนา้ เปน์ ต้น 3. ปจั จัยในการกาหนดขอบเขตของตลาดหรือขนาดของตลาดมีอะไรบ้าง บอกมาเป็นข้อ ๆ 3.1 ความต้องการของผบู้ ริโภคและจานวนผบู้ ริโภค 3.2 รายได้ของผู้บรโิ ภค 3.3 การคมนาคม 3.4 อิทธิพลทางวัฒนธรรมและศาสนา 3.5 ชนดิ และลกั ษณะของสนิ ค้าและบริการ 3.6 นโยบายของรัฐบาลทางด้านการเมืองและกฎหมาย 4. จงบอกหน้าที่ของตลาดมาเป็นข้อ ๆ 4.1 หนา้ ที่กอ่ ให้เกิดการเปล่ยี นแปลงความเปน์ เจ้าของซึ่งจะเกดิ ข้ึนเม่ือมีการตกลงซ้ือขายสินค้าและบริการ 4.2 หน้าทเ่ี กย่ี วกับการเคล่ือนย้ายสนิ ค้า 4.3 หน้าทเี่ กย่ี วกบั การสนับสนุนและอานวยความสะดวก ตลอดจนชว่ ยงานดา้ นสนับสนนุ และอานวยความ สะดวกเท่าการซื้อและการขายสินคา้ และบริการได้ในหลายลกั ษณะ 5. จากข้อความทีร่ ะบุตอ่ ไปน้ี จงพจิ ารณาว่าข้อความใดผดิ และขอ้ ความใดถกกต้อง กผิด . ขถกู . คผิด . งผดิ . 6. ตลาดแข่งขนั สมบกรณเ์ กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร และมกี ารเปล่ียนแปลงราคาสนิ ค้าอย่างไร ตลาดแข่งขันในสมบูรณจ์ ะเกิดขนึ้ ได้เมื่อมีผูซ้ อ้ื และผ้ขู ายในตลาดมจี านวนมากและขายสินค้าที่มลี ักษณะ เหมือนกนั ราคาสนิ คา้ และบริการทีผ่ ผู้ ลติ แต่ละรายจะขายในตลาดต้องเปน์ ระดบั เดียวกัน 7. ใหอ้ ธบิ ายปจั จยั ที่ทาให้เกิดตลาดแบบผกก ขาด 7.1 จานวนผู้ขายมเี พยี งรายเดียวหรือมเี พียง 2-ราย 3 7.2 ลักษณะของสนิ คา้ และบริการทผ่ี ู้ผลติ แตล่ ะราย นาออกจาหนา่ ยมกั มีลักษณะแตกต่างกัน
8 เม่อื เกิด .AEC แลว้ ลักษณะของเสน้ อุปสงค์และอปุ ทานจะมีลักษณะเปน็ อย่างไร ตลาดแรงงาน 1.จานวนผู้ใชแ้ รงงานในดา้ นอุปทานจะเพมิ่ ข้นึ มีแรงงานที่ต้องการเคล่อื นยา้ ยระหวา่ งประเทศจากประเทศ สมาชกิ อาเซียนเข้ามาเพิ่มขึน้ ในตลาด 2.ทาให้ผ้ปู ระกอบการ ผู้ผลิตสามารถเลือกแรงงานได้ดีข้ึน โดยเฉพาะคนท่ีมีความสามารถทางภาษา เพมิ่ จาก ภาษาทอ้ งถน่ิ และผ่านเงือ่ นไขการจ้างของผผู้ ลิต 3.แรงงานทม่ี ีในตลาดจะแยกออกเป์น กลมุ่ กลุ่มที่สามารถทางานไดเ้ ฉพาะในประเทศ และแรงงานท่สี ามารถ 2 เคล่อื นยา้ ยระหวา่ งประเทศได้ 4.ระดบั ราคาคา่ แรงหรือค่าตอบแทนแรงงานอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ระดบั ราคาตลาด ณ จดุ ดุลยภาพจะเพิ่มข้นึ เมื่อ จานวนแรงงานท่ีมีความสามารถเคล่ือนย้ายภายใน AEC นอ้ ยกว่า ปริมาณความต้องการของผผู้ ลิต ณ ทกุ ระดับราคาคา่ แรง ระดบั ราคาตลาด ณ จุดดุลยภาพจะลดลง เม่ือจานวนแรงงานทีม่ ีความสามารถเคล่ือนย้ายภายใน AEC มากกว่าปริมาณความต้องการของผผู้ ลิต ณ ทุกระดับราคาคา่ แรง S1 S1 Saec2 A Saec1 E B C D1 Daec1 Daec2 D1 D1 คอื ปรมิ าณความต้องการแรงงานก่อนเกดิ AEC D1 คอื ปริมาณความต้องการแรงงานก่อนเกดิ AEC S1 คือ ปรมิ าณแรงงานที่ต้องการทางานกอ่ นเกิด AEC S1 คือ ปรมิ าณแรงงานทีต่ ้องการทางานก่อนเกิด AEC จดุ ดุลภาพของตลาดก่อนเกิด AEC อยูท่ จ่ี ุด A จดุ ดุลภาพของตลาดก่อนเกิด AEC อยทู่ จ่ี ดุ C Daec1 คือ ปริมาณความตอ้ งการแรงงานหลังเกดิ AEC Daec2 คือ ปริมาณความตอ้ งการแรงงานหลงั เกดิ AEC Saec1 คือ ปรมิ าณแรงงานที่ต้องการเคล่ือนย้ายระหวา่ ง Saec2 คอื ปริมาณแรงงานที่ต้องการเคล่ือนย้ายระหวา่ ง ประเทศใน AEC หลงั เกิด AEC ประเทศใน AEC หลงั เกดิ AEC จดุ ดุลภาพของตลาดหลงั เกดิ AEC อยูท่ จ่ี ดุ B จดุ ดุลภาพของตลาดหลังเกดิ AEC อยู่ท่จี ุด E ปรมิ าณความต้องการแรงงานเพม่ิ น้อยกวา่ ปริมาณแรงงาน ปรมิ าณความต้องการแรงงานเพิ่มมากกวา่ ปริมาณ ทาให้ราคาค่าแรงหลังเกดิ AEC ลดลงจาก A เป์น B แรงงาน ทาใหร้ าคาค่าแรงหลงั เกิด AEC เพม่ิ จาก C เปน์ E ตลาดเงนิ 1.ปริมาณเงินออมและจานวนสถาบนั การเงินทีม่ ใี นตลาดในดา้ นอุปทาน ณ ทกุ ระดับอตั ราดอกเบี้ยจะเพม่ิ ขน้ึ มี แหล่งเงินทีต่ ้องการเคลอื่ นยา้ ยเงนิ ระหว่างประเทศจากประเทศสมาชิกอาเซยี นเขา้ มาเพม่ิ ข้ึนในตลาด
2.ทาให้ผปู้ ระกอบการ ผูผ้ ลิตสามารถเลอื กแหลง่ เงินสาหรับลงทุนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะกิจการขนาดใหญ่ท่ีผล ประกอบการดี มคี วามสามารถในการทากาไรดี 3.แหล่งเงินออมและสถาบนั การเงนิ ทมี่ ใี นตลาดจะแยกออกเป์น กลุ่ม กลมุ่ ท่ีตอ้ งการออมและลงทนุ เฉพาะใน 2 ประเทศ และแหล่งเงนิ ท่ตี อ้ งการออมและลงทนุ ที่ตอ้ งการเคลื่อนยา้ ยเงนิ ระหวา่ งประเทศ 4.ระดบั ราคาของเงนิ หรอื อตั ราดอกเบี้ยอาจจะเพิ่มขน้ึ หรือลดลง ระดับราคาของเงนิ หรอื อตั ราดอกเบย้ี ตลาด ณ จุดดุลยภาพจะเพม่ิ ขน้ึ เมื่อปรมิ าณเงินในตลาดทเี่ คลื่อนย้ายภายใน AEC นอ้ ยกวา่ ปรมิ าณความต้องการลงทุนและก้ยู มื ของผผู้ ลติ ณ ทกุ ระดับอัตราดอกเบ้ีย ระดบั ราคาของเงนิ หรืออตั ราดอกเบ้ียตลาด ณ จุดดลุ ยภาพจะลดลง เม่ือปริมาณเงินในตลาดท่เี คลือ่ นย้ายภายใน AECมากกวา่ ปริมาณความต้องการลงทนุ และกู้ยืมของผผู้ ลติ ณ ทกุ ระดับอตั ราดอกเบ้ีย S2 S2 Saec4 M Saec3 R N P D2 Daec3 Daec4 D2 D2 คอื ปริมาณความต้องการเงนิ ลงทุนก่อนเกิด AEC D2 คือ ปรมิ าณความต้องการเงินลงทุนก่อนเกิด AEC S1 คอื ปรมิ าณเงนิ ออมท่ีมใี นตลาดกอ่ นเกิด AEC S2 คือ ปริมาณเงนิ ออมท่ตี ้องการทางานกอ่ นเกดิ AEC จุดดลุ ภาพของตลาดก่อนเกิด AEC อยทู่ ี่จุด M จดุ ดลุ ภาพของตลาดก่อนเกิด AEC อย่ทู ่ีจดุ P Daec3 คือ ปริมาณความต้องการเงินลงทนุ หลงั เกิด AEC Daec4 คือ ปริมาณความตอ้ งการเงนิ ลงทนุ หลงั เกิด AEC Saec3 คือ ปรมิ าณเงินออมท่ีต้องการเคลอ่ื นย้ายระหว่าง Saec4 คือ ปริมาณเงนิ ออมที่ตอ้ งการเคล่ือนย้ายระหวา่ ง ประเทศใน AEC หลังเกดิ AEC ประเทศใน AEC หลงั เกดิ AEC จดุ ดุลภาพของตลาดหลงั เกิด AEC อยู่ทจี่ ดุ N จดุ ดลุ ภาพของตลาดหลังเกิด AEC อยู่ทีจ่ ดุ R ปรมิ าณความต้องการเงินลงทุนเพิม่ น้อยกวา่ ปริมาณเงิน ปรมิ าณความต้องการเงินลงทุนเพิ่มมากกว่าปริมาณเงนิ ออม ออม ทาใหอ้ ตั ราดอกเบ้ยี หลังเกิด AEC ลดลงจาก M เปน์ N ทาใหอ้ ตั ราดอกเบ้ียหลงั เกดิ AEC เพ่ิมจาก P เป์น R ตลาดสินคา้ และบรกิ าร 1.ปรมิ าณสนิ ค้าและบรกิ ารที่มีในตลาดในด้านอปุ ทาน ณ ทกุ ระดับราคาจะเพิ่มข้นึ มีสนิ ค้าและบริการที่ ตอ้ งการเคลือ่ นย้ายเงินระหว่างประเทศจากประเทศสมาชกิ อาเซยี นเข้ามาเพ่ิมข้ึนในตลาด 2.ทาให้ผบู้ ริโภคทกุ ภาคส่วนสามารถเลอื กแหลง่ ผลติ สนิ คา้ และบริการได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะผ้บู ริโภคทมี่ ี ศักยภาพในการบริโภค มกี าลงั ซื้อสูง
3.ปริมาณสนิ คา้ และบรกิ ารที่มีในตลาดจะแยกออกเปน์ กลมุ่ กล่มุ ผูผ้ ลติ ทีต่ ้องการจาหนา่ ยเฉพาะในประเทศ 2 และกลุม่ ทตี่ ้องการเคลื่อนยา้ ยสินคา้ และบรกิ ารระหว่างประเทศ 4.ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการอาจจะเพ่ิมขนึ้ หรือลดลง ระดับราคาของสินคา้ และบริการตลาด ณ จดุ ดุลยภาพจะเพิ่มขึน้ เม่ือปริมาณความต้องการสนิ ค้าชนดิ เดียวกันหรอื ทดแทนกันไดใ้ นตลาดที่เคลื่อนย้ายภายใน AEC มากกวา่ ปรมิ าณความต้องการจาหนา่ ยสนิ ค้าและบริการของผู้ผลติ ณ ทุกระดับราคา ระดับราคาของสินค้าและบรกิ ารตลาด ณ จดุ ดลุ ยภาพจะลดลงเม่ือปรมิ าณความตอ้ งการสนิ ค้าชนดิ เดยี วกนั หรอื ทดแทนกันไดใ้ นตลาดที่เคลอื่ นย้ายภายใน AEC นอ้ ยกว่าปริมาณความต้องการจาหน่ายสินค้าและบรกิ ารของ ผผู้ ลิต ณ ทกุ ระดับราคา S3 S3 Saec6 H Saec5 G L K D3 Daec5 Daec6 D3 D3 คอื ปรมิ าณความต้องการสินค้า บรกิ ารก่อนเกิด-AEC D3 คอื ปริมาณความต้องการสินคา้ บรกิ ารก่อนเกดิ - S3 คือ ปรมิ าณสนิ ค้า บริการท่ีมีในตลาดกอ่ นเกิด-AEC AEC จดุ ดลุ ภาพของตลาดก่อนเกิด AEC อยู่ทีจ่ ดุ H S3 คือ ปรมิ าณสินค้า บริการที่มีในตลาดกอ่ นเกดิ -AEC Daec5 คือ ปริมาณความต้องการสนิ ค้า บริการหลงั เกดิ - จุดดุลภาพของตลาดก่อนเกิด AEC อยทู่ จี่ ุด K AEC Daec6 คือ ปริมาณความตอ้ งการสนิ คา้ บริการหลังเกดิ - Saec5 คอื ปริมาณสนิ คา้ บริการท่ขี ายในตลาดรวมท่ี- AEC เคล่อื นย้ายระหว่างประเทศในAEC หลังเกิด AEC Saec6 คือ ปรมิ าณสนิ คา้ บริการทีข่ ายในตลาดรวมท่ี- จุดดลุ ภาพของตลาดหลงั เกิด AEC อยทู่ ่ีจุด G เคล่อื นย้ายระหวา่ งประเทศในAEC หลังเกดิ AEC ปรมิ าณความตอ้ งการสินคา้ บรกิ ารเพิ่มขนึ้ น้อยกว่า- จุดดุลภาพของตลาดหลงั เกดิ AEC อยูท่ ่จี ุด K ปริมาณท่จี าหน่ายทาใหร้ าคาหลงั เกดิ AEC ลดลงจาก H ปรมิ าณความต้องการสนิ คา้ บรกิ ารเพิ่มขึ้นมากกวา่ - เป์น G ปริมาณท่ีจาหนา่ ยทาให้ราคาหลังเกดิ AEC เพิ่มจาก K เปน์ L
บทที่ 5 1. ให้อธบิ ายความหมายของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (Marginal Utility) อรรถประโยชน์ส่วนเพมิ่ หมายถงึ อรรถประโยชนส์ ว่ นท่ผี ู้บริโภคไดร้ บั เพ่ิมขน้ึ จากการบริโภคสินค้า เพม่ิ ขน้ึ หนว่ ย 1 2. กฎการลดนอ้ ยถอยลงของอรรถประโยชนส์ ่วนเพ่ิม อธิบายไดว้ า่ อยา่ งไร กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชนส์ ่วนเพิ่ม อธบิ ายว่า เมอ่ื ผูบ้ รโิ ภคไดบ้ รโิ ภคสินคา้ หรือบริการ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการเพ่ิมข้นึ เรื่อย ๆ ทลี ะหน่วยแลว้ อรรถประโยชน์สว่ นเพมิ่ ของการบรโิ ภคสนิ คา้ น้ันจะ ลดลงตามลาดับ 3. อรรถประโยชนร์ วม (Total Utilityคอื อะไร ) อรรถประโยชน์รวม คือ อรรถประโยชนจ์ ากการบริโภคสินค้าและบริการแตล่ ะหนว่ ย นับตั้งแตห่ น่วย แรกจนถงึ หน่วยที่พจิ ารณา 4. มลก ค่าในการแลกเปล่ียนแตกต่างกนั จากมกลคา่ ในการใช้อยา่ งไรบ้าง มูลคา่ แหง่ การแลกเปลยี่ นจะข้ึนอยู่กับความต้องการของมนุษย์ในสิ่งของนน้ั วา่ มมี ากหรอื น้อย หรอื สิ่งของนน้ั เปน์ สง่ิ ท่ีหายากหรือง่าย ถ้าหายากมลู คา่ กจ็ ะสงู เช่น เพชร ฯลฯ 5. การทเ่ี รารบั ประทานทเุ รียนผลแรกของปี มกั จะรสก้ ึกวา่ ไดร้ ับความพอใจ หรือรส้ก กึ อรอ่ ยเปน็ พเิ ศษ ทาไมจึง เป็นเช่นน้นั ใหอ้ ธิบายในเชงิ การเกดิ อรรถประโยชน์ โดยอาศยั ทฤษฎีอรรถประโยชน์ ในทฤษฎีอรรถประโยชนร์ ะบุวา่ การบริโภคทเุ รียนในหนว่ ยแรก ๆ ผ้บู ริโภคมักจะร้สู ึกได้รบั ความพอใจ หรอื อร่อยเป์นพิเศษ ท้ังนเ้ี พราะผู้บริโภคยงั ไมเ่ คยบรโิ ภคยงั ไมเ่ คยบรโิ ภคทุเรยี นมาก่อนในปีนั้น 6. ให้ความเหน็ ว่า เทศกาลกินเจมีผลต่อพฤติกรรมความต้องการบรโิ ภคของผ้กบริโภคในชว่ งเวลาดังกลา่ วให้ แตกต่างกนั จากปกติอย่างไร เทศกาลกินเจมผี ลตอ่ พฤตกิ รรมความต้องการบรโิ ภคของผูบ้ รโิ ภค ดงั นี้ เทศกาลกนิ เจ การกนิ เจหันมา บรโิ ภคแตพ่ ืชผัก สง่ ผลใหร้ าคาพชื ผักเพิ่มสงู ขึ้นในช่วงเวลาดังกลา่ วขณะเดยี วกนั ราคา เนอื้ สตั วท์ ุกชนดิ จะลดลง เพราะคนจะไมบ่ ริโภค
บทท่ี 6 1. อุปสงค์ (Demand) หมายถึงอะไร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง อุปสงค์ หมายถงึ ปรมิ าณสินคา้ และบริการทผ่ี ู้บรโิ ภค มีความต้องการจะซือ้ สนิ ค้าตามราคาซงึ่ กาหนดไว้ ณ ขณะใดขณะหน่ึงภายใตส้ ถานการณ์ทางเศรษฐกจิ ที่กาหนดให้ ซึง่ ระยะเวลาขณะใดขณะหน่ึงทีว่ ่าอาจจะเปน์ ชัว่ โมง วนั เดือน หรือปีกไ็ ด้ อุปสงคใ์ นสนิ ค้าและบริการ แบ่งออกไดเ้ ปน์ ประเภทคือ 2 1. อปุ สงคข์ องแต่ละบุคคล (Individual demand) 2. อปุ สงคร์ วม (Aggregate demand) หรอื อุปสงคข์ องตลาด (Market demand) 2. เสน้ อุปสงค์ (Demand curve) มีลักษณะอยา่ งไร ทาไมจงึ มลี ักษณะอย่างน้ัน เส้นอุปสงค์ (Demand curve) มีลักษณะเวา้ เข้าหาจุดเรมิ่ ตน้ และมลี ักษณะโค้งตา่ ลงจากซ้ายไปขวา มี ลกั ษณะ ประการคือ 3 2.ถ้าราคาสนิ ค้าและบริการสูงขนึ้ ผู้บรโิ ภคจะซอื้ สนิ ค้าและบริการน้อยลง และในทางตรงกันข้าม ถา้ 1 ราคาสินคา้ และบรกิ ารลดลง ผบู้ ริโภคจะซือ้ สนิ คา้ และบรกิ ารเพ่ิมขึ้น 2.เมอ่ื ราคาสินค้าและบรกิ ารไดเ้ พิ่มขนึ้ ผบู้ ริโภคจะซื้อสนิ คา้ และบริการน้ันลดลงและหันไปซ้ือสนิ คา้ 2 และบรกิ ารอ่นื ๆ 2.ระดับความพอใจของผบู้ รโิ ภคอาจเปลี่ยนแปลงไปเมือ่ ราคาสนิ คา้ และบรกิ ารเพิม่ ข้ึนหรอื ลดลง 3 3. ตามกฎของอปุ สงค์ โดยปกตคิ วามสัมพันธ์ระหวา่ งราคาสนิ ค้ากับปรมิ าณความต้องการรื้อจะเปน็ ไปใน ทศิ ทางใด เพราะเหตุใดจงึ เป็นเชน่ นนั้ ตามกฎของอปุ สงคน์ นั้ ความสมั พันธข์ องราคาและปริมาณในการซอ้ื สนิ คา้ และบริการ ดงั น้ี ถา้ ราคาของ สินคา้ และบริการใด ๆ เพ่ิมขึ้นความต้องการในการซ้ือสินค้าและบรกิ ารนน้ั จะลดลง ในความตรงกันข้าม ถ้าราคา สินค้าและบรกิ ารใด ๆ มรี าคาลดลงความตอ้ งการในการซ้ือสนิ คา้ และบริการน้นั จะเพ่มิ ขึ้น ท้งั น้ีเพราะผูบ้ ริโภคถูก จากดั ดว้ ยรายได้ เปน์ ตน้ 4. อปุ ทาน (Supply) คอื อะไร และอุปทานในทางเศรษฐศาสตร์หมายถงึ อะไร อปุ ทานในความหมายทางเศรษฐศาสตร์ คือ ปริมาณสนิ คา้ และบรกิ ารท่ีผผู้ ลิตหรอื ผขู้ ายสินคา้ ท่ีจะนามา วางขายในท้องตลาดตามราคาท่กี าหนดให้ 5. สินค้าที่มีความยืดหยุ่นของอปุ สงค์น้อย (Inelastic Demand) หมายถึงสนิ คา้ ประเภทใด สนิ ค้าที่มคี วามยืดหยนุ่ ต่ออุปสงคน์ ้อย หมายถึง เม่ือราคาเปล่ยี นแปลงไปไม่ว่าจะสงู หรือต่า ปรมิ าณ อปุ สงค์ต่อสนิ ค้านน้ั จะเปล่ยี นแปลง 6. อธบิ ายความหมายของคาศพั ท์ตอ่ ไปนพ้ี อเขา้ ใจ 6.1 SHIFT IN DEMAND คอื การเปลยี่ นแปลงภายนอกเส้นอปุ สงค์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านอ่ืน นอกเหนือจากราคาสนิ คา้ อนื่ ทเ่ี ก่ียวข้องกนั 6.2 CROSS ELASTICITY OF DEMAND คือ การวัดความเปลี่ยนแปลงของปรมิ าณอุปสงค์ซึ่งเกิดขึน้ จากการ เปลีย่ นแปลงของราคาสนิ คา้ อื่นท่เี กี่ยวข้องกัน
6.3 PRICE SYSTEM คือ การเปล่ียนแปลงในระดับราคาสินคา้ ท่ีเกิดข้นึ จากแรงผลักดันของอปุ สงค์และ อปุ ทาน เม่ือผ้ผู ลิตพยายามปรบั ปรุงการผลิตของงานในสอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาด 6.4 EQUILIBRIUM PRICE คอื ระดับราคาดุลยภาพ หมายถงึ ราคาสินค้าทเ่ี ส้นอปุ สงค์ตลาดและอุปทาน ตลาดพอดี 6.5 BLACK MARKET คอื ตลาดมืด เปน์ ตลาดที่บริโภคตา่ งแบง่ กนั เสนอซ้ือสินค้าท่ีถกู ควบคมุ ราคาในราคาท่ี สูงกวา่ ราคาควบคุม 6.6 EXCESS SUPPLY คอื อุปทานส่วนเกินเกดิ ขนึ้ เมื่อมีปริมาณการผลติ สนิ ค้ารวมในตลาดมมี ากกว่าปริมาณ ความตอ้ งการซ้ือของผู้บรโิ ภคจนเกิดสินคา้ ล้นตลาด 7. จงพจิ ารณาจากตารางตอ่ ไปน้ี หนว่ ย สินคา้ (G) อรรถประโยชน์ บรกิ าร (S) อรรถประโยชน์ อรรถประโยชน์รวม เพิ่ม อรรถประโยชน์ รวม เพ่ิม 00 0 00 1 100 100-0 = 100 70 70-0 = 70 2 160 160-100 = 60 124 124-70 = 74 3 210 210-160 = 50 175 175-124 = 51 4 250 250-210 = 40 220 220-175 = 45 5 275 275-250 = 25 250 250-220 = 30 ก สร้างอรรถประโยชนส์ ่วนเพ่มิ ของการบรโิ ภคสนิ คา้ .(G) และบรกิ าร (S) ขการบรโิ ภคสินค้า . (G) หน่วยท่ดี ีทีส่ ดุ คือ หน 1ว่ ย เพราะใหอ้ รรถประโยชนส์ ว่ นเพิม่ สงู สุดคือ หนว่ ย แต่ 100 การบริโภคบรกิ าร(S) จุดที่ดีทีส่ ดุ คอื 74 หน่วย เพราะอรรถประโยชน์ส่วนเพมิ่ สูงสุดคอื 2 หนว่ ย เปน์ จดุ เหมาะสม ระดับการบรโิ ภคสนิ ค้าจะเหมาะสมด้วย เพราะการบริโภค 5 ถ้าการบริโภคบรกิ าร .ค อย่าง อรรถประโ 2 ทง้ั ยชนส์ ่วนเพิ่มจะตา่ ทสี่ ดุ คือ 30 และ 25 8. ก .คานวณหาความยดื หยุ่นตอ่ ราคาของอุปสงค์ในสินค้าแบบ Point elasticity ความยืดหยุน่ ของอุปสงค์ = เปอรเซ็นต์การเปลน่ียแปลงในปริมาณสินคา้ = %4Q เปอรเซ็นต์การเปลนี่ยแปลงในราคาสินคา้ %4P 10% = 2.5 = -4 ข .รายรบั รวมของบรษิ ทั เพิม่ ข้ึน 9. ขอ้ ความใดจริง ไม่จริง และอธิบายเหตุผล ก .จริง เพราะ ความยืดหยุน่ มีค่าติดลบ ราคา และปริมาณจะเปลี่ยนแปลงตรงกนั ขา้ ม เชน่ ถ้าราคาลด ปริมาณ การบรโิ ภคจะเพิ่ม ข .จรงิ เพราะ คา่ ความยดื หยุ่นไขว้ต่อซอฟต์แวร์ ปกติมีค่าเป์นบวก แต่โจทยก์ าหนดให้มีคา่ -4 แสดงว่า ปริมาณความต้องการ พีซี ลงจะทาให้.ซี กับความต้องการซอฟต์แวร์จะแปรผันตรงกนั ขา้ มนน่ั คือ การลดราคา พี. ความตอ้ งการซอฟต์แวร์เพม่ิ ขึ้น
ค .ไม่จรงิ เพราะ คอมพิวเตอร์ตอ้ งเป์นสนิ ค้าไม่จาเป์น )ไม่ใชส่ ินค้าปกติ( .งถกู ต้อง เพราะ คา่ ความยืดต่อราคาและค่าความยดื หยนุ่ ไขว้มคี า่ ตดิ ลบ .จไม่ถูกต้อง เพราะ ความยดื หยนุ่ ตอ่ รายได้ไม่ได้กลา่ วถึงราคาสินคา้ เลย บทท่ี 7 1. ให้บอกหน้าทขี่ องเงินในระบบเศรษฐกจิ มาเปน็ ข้อ ๆ 1.1 เป์นสือ่ กลางในการแลกเปล่ียน 1.2 เปน์ เครอ่ื งวดั มลู ค่า 1.3 เปน์ มาตรฐานการชาระหน้ีในอนาคต 1.4 เปน์ เครอ่ื งรักษามลู คา่ 2. ลกั ษณะของเงนิ ท่ดี ีมอี ะไรบา้ ง บอกมาเป็นข้อ ๆ 2.1 เปน์ ท่ยี อมรับในสังคม 2.2 มคี ่าคงที่หรอื ไม่เปล่ียนแปลงรวดเรว็ 2.3 มีปรมิ าณเพยี งพอและเหมาะสมกับเศรษฐกิจ 2.4 แยกเปน์ หน่วยย่อยได้งา่ ย 2.5 มีค่าและความคงทน 3. ปริมาณเงนิ (Money supply) หมายถงึ อะไร อธบิ ายพอเขา้ ใจ หมายถงึ จานวนเงนิ ตราท่ีมีการใช้และแลกเปลี่ยนอยใู่ นระบบเศรษฐกจิ ประจาวัน ซึ่งความหมายของคา ว่าเงินทใี่ ชอ้ ยู่นหี้ มายถงึ ส่งิ ที่คนในสังคมยอมรบั ให้มหี นา้ ที่เปน์ สือ่ กลางในการแลกเปลีย่ นสนิ ค้าและบริการใน ขณะนัน้ 4. บทบาทและหน้าที่ของธนาคารกลางทมี่ ีตอ่ ระบบเศรษฐกจิ มีอะไรบา้ ง บอกมาเปน็ ข้อ ๆ 4.ลักษณะ 3 หนา้ ที่ควบคมุ ปริมาณเงิน มี 1 กการออกธนบัตร . ขการควบคุมปริมาณเงินที่สรา้ งโดยธนาคารพาณชิ ย์ . คเป์นท่ปี รกึ ษาทางการเงนิ ของรฐั บาล . 4.2 หนา้ ท่ีจดั ระบบการเงินของประเทศ มี ลักษณะ 3 กการเปน์ นายธนาคารของธนาคารพาณชิ ย์ . ขการเป์นนายธนาคารของรัฐบาล . คการเป์นตัวแทนทางการเงินของรัฐบาล . 5. ใหก้ ลา่ วถึงสถาบันการเงินต่อไปนี้ ตามความเข้าใจของท่านวา่ มบี ทบาทอยา่ งไร อยใก่ นสงั กดั หนว่ ยงานใด มี ฐานะเป็นรฐั วิสาหกจิ หรือวิสาหกจิ เอกชน 5.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 1 ทาหน้าท่ีให้กูย้ มื เงินระยะยาว โดยคิดอตั ราดอกเบ้ยี ตา่ แกผ่ มู้ รี ายได้น้อยและ ปานกลาง เพ่ือให้มีทีอ่ ยู่อาศยั เป์นของตนเอง สงั กดั กระทรวงการคลงั มฐี านะเปน์ รัฐวสิ าหกจิ 5.2 บริษทั เงินทุนและหลักทรพั ย์ เป์นสถาบนั ของเอกชน ทรี่ ะดมเงินออมจากผอู้ อมด้วยการออกต๋วั สญั ญาใช้ เงนิ เพื่อนามาทาธรุ กิจดังนี้ เพ่ือใหก้ ู้แกภ่ าคการพาณชิ ย์ เพ่ือการพัฒนา เพ่ือการเคหะ เพ่ือการบริโภคของครัวเรือน
เปน์ กิจการนายหนา้ ซื้อขายหลักทรัพยใ์ ห้แก่ผู้อน่ื หรอื ในนามตนเอง และการจดั จาหน่ายหลกั ทรัพยใ์ ห้ประชาชน อยู่ในความดแู ลของธนาคารแหง่ ประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์มฐี านะเปน์ วสิ าหกิจเอกชน 5.3 ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีหน้าทใ่ี หก้ ู้ยืมแกเ่ กษตรกร กลมุ่ เกษตรกรและสหกรณ์ การเกษตร สงั กัดกระทรวงการคลัง เปน์ รัฐวิสาหกิจ 5.4 บริษทั ประกันชวี ิต และ บรษิ ทั ประกนั วินาศภัย บริษัทประกนั ชีวิต เป์นสถาบนั การเงนิ ท่ีระดมเงินออม จากผอู้ อมโดยการขายกรมธรรม์ประกันชวี ิต แล้วนาไปลงทุนและให้กยู้ ืมต่อได้ อย่ภู ายใต้การดแู ลของธนาคารแหง่ ประเทศไทย เป์นวสิ าหกิจเอกชน บรษิ ทั ประกนั วนิ าศภัย )ไม่ใชส้ ถาบันการเงิน( 5.5 ธนาคารเพ่อื การส่งออกและนาเขา้ แหง่ ประเทศไทย เปน์ สถาบันการเงนิ ของรัฐทีอ่ ยูภ่ ายใต้การดูแลของ กระทรวงการคลงั ม่งุ เน้นบทบาทเชงิ รกุ ในการสร้างและพัฒนาผสู้ ่งออกและนักธุรกจิ ไทยที่ประกอบธุรกิจหรือ ลงทนุ ในตา่ งประเทศ เพื่อเพิ่มมูลคา่ การค้าและการลงทุนระหวา่ งประเทศ ตลอดจนวางรากฐานการพฒั นา เศรษฐกิจของไทยอยา่ งย่งั ยืนในระยะยาว ผู้กยู้ มื และใชบ้ ริการ คือ ผปู้ ระกอบการค้าระหว่างประเทศ ทาธรุ กจิ ระหวา่ งประเทศ ไม่ว่าจะเป์นผู้นาเข้าหรือผู้ สง่ ออก มีจุดเดน่ แตกตา่ งจากธนาคารพาณชิ ย์ คือ มคี วามพร้อมและวตั ถปุ ระสงคร์ องรับผูป้ ระกอบการทตี่ อ้ งการ เงนิ ลงทุนและเงินสนบั สนนุ เพ่ือการสง่ ออกและนาเข้าโดยตรง บทท่ี 8 1. ให้อธิบายความหมายของรายได้ประชาชาตพิ อสงั เขป รายไดป้ ระชาชาติ หมายถึง ผลรวมของรายได้ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากหนว่ ยเศรษฐกิจทง้ั หมดของชาติใดชาตหิ นง่ึ ใน ระยะเวลาหนึ่ง 2. GNP คอื อะไร มีวิธกี ารคานวณอยา่ งไรบา้ ง ใหอ้ ธบิ ายพอเขา้ ใจ คือมูลค่าทัง้ หมดของสินคา้ และบริการขนั้ สดุ ทา้ ยทผี่ ลิตขึน้ มาจากประชากรของชาติไม่วา่ จะอยูใ่ น ประเทศ หรืออยู่ทตี่ ่างประเทศ แต่ยังถือสญั ชาตินั้นอยู่และสง่ รายไดท้ เี่ กดิ ในตา่ งประเทศนน้ั กลับมาในประเทศถิ่น วิธี คือ 2 กาเนิด คานวณได้ ก .GNP ณ ราคาตลาด ข .GNP ณ ราคาทุนหรอื ราคาคงท่ี 3. GNP – ค่าเสือ่ มราคาในการใชท้ นุ = NNP 4. NNP – ภาษที างอ้อม = NI 5. GNP = C + I + G (X-M) 6. ประโยชนข์ องรายไดป้ ระชาชาตมิ อี ะไรบา้ ง บอกมาเปน็ ข้อ ๆ 1. ใช้วดั ฐานะความอยดู่ ีกินดีของประชาชน 2 .ใช้วัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 3ใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม . 4ใช้ในการวางแผนดา้ นธรุ กิจภาวการณต์ ลาดของภาคเอกชน . 7. INCOME IN KIND คืออะไร หมายถงึ อะไรบา้ ง Income in kid คือ คา่ เช่าบา้ นทเี่ จา้ ของบา้ นอยอู่ าศัยบา้ นของตนเอง หรือคือรายได้ทม่ี ิใชต่ ว๋ั เงนิ เปน์ รายไดใ้ นรปู บรกิ ารท่เี จ้าของบ้านได้รบั จากการอยอู่ าศยั บ้านของตนเอง โดยตรงแทนทีจ่ ะนาไปใหเ้ ช่า
8. ปัญหาในการคานวณรายได้ประชาชาติมีอะไรบ้าง บอกมาเปน็ ขอ้ ๆ 1ปัญหาในการตรี าคาส .ินค้าและบริการ 2ปญั หาสินคา้ ระหวา่ งผลิตหรอื สินค้าข้นั กลางและสินค้าสาเรจ็ รูปหรือสินคา้ ขั้นสุดท้าย . 3ปญั หาส่วนเปลี่ยนแปลงในสนิ คา้ คงคลงั และปัญหาการตีราคาสนิ ค้าคงคลัง . บทที่ 9 1. ภาวะเงนิ เฟ้อหมายถึงอะไร มสี าเหตมุ าจากอะไรบ้าง ภาวะเงินเฟ้อ หมายถงึ การท่ีระดับราคาสนิ คา้ โดยเฉล่ีย หรือราคาสินค้าท่วั ๆ ไป หลายชนิดสงู ขึ้นเร่ือย ๆ อย่างต่อเนอื่ งและโดยเหน็ ไดช้ ัดเมื่อเปรยี บเทียบกบั ราคาในช่วงเวลาใกล้เคียงกันในอดีต สาเหตทุ ท่ี าใหเ้ กิดภาวะเงนิ เฟ้อ 1. เกดิ จากการเปล่ียนแปลงด้านอปุ สงค์ของสินคา้ แยกเป์น ลกั ษณะ 2 .กภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากแรงดงึ ของอุปสงค์ (Demand-pull inflation) ข( ภาวะเงนิ เฟ้อทเ่ี กิดมาจากการเปลยี่ นแปลง โครงสร้างของอปุ สงค์อย่างเฉียบพลนั .Structural inflation) 2. เกดิ จากการเปลี่ยนแปลงด้านอุปทานของสนิ คา้ แยกเป์น ลักษณะ 2 .กเงนิ เฟ้อที่เกดิ จากการที่ค่าจา้ งแรงงานสูงขึ้น (Wage-push inflation) ภาวะเงินเฟ้อท่เี กดิ จากการท่ีผปู้ ระกอบการตอ้ งการกาไรสงู ขนึ้ .ข 3. สาเหตจุ ากต่างประเทศ 2. อธบิ ายสาเหตุแหง่ การเกิดภาวะเงนิ ฝดื มาพอสังเขป 2.1 เกดิ จากภาวะอัตราดอกเบย้ี สูงข้นึ 2.2 เกดิ จากการที่มีการสง่ เงนิ ตราออกนอกประเทศมากเกินไป 2.3 เป์นผลสืบเนอ่ื งจากภาวะเงินเฟ้อ 2.4 สาเหตอุ น่ื ๆ เช่น การทปี่ ระชาชนนยิ มเก็บเงนิ ไวก้ ับตัวเอง 3. ภาวะเศรษฐกิจตกตา่ หมายความวา่ อะไร หมายถงึ ภาวะเศรษฐกิจที่มีการลดลงของการลงทุนอยา่ งมาก ประกอบกับการเพม่ิ ขนึ้ ของอัตราดอกเบย้ี เศรษฐกจิ ทเี่ คยขยายตวั กลับหยดุ ขยายตัวและเริ่มหดตวั ในท่ีสดุ ภาวการณ์ซอ้ื ง่ายขายคล่องเรมิ่ หายไป สินคา้ ท่ผี ลติ ออกมาขายได้ไม่หมดมกี ารคา้ งสตอ๊ กจานวนมาก ประชาชนไมม่ ีกาลังซ้ือเพราะรายได้เรม่ิ ลดลง อตั ราการวา่ งงาน สูงขึน้ ตามลาดับ 4. อธิบายความหมายของคาศัพท์ตอ่ ไปน้ี พอเข้าใจ 4.1 STRUCTURAL INFLATION คอื ภาวะเงนิ เฟอ้ ที่เกดิ มาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอปุ สงค์อยา่ ง ฉับพลัน 4.2 GALLOPING INFLATION คอื ภาวะเงินเฟ้อที่มรี ะดับราคาสินค้าโดยท่ัวไปสงู ขนึ้ เกินกว่าร้อยละ 20 4.3 ECONOMIC RECOVERY คือ ภาวะเศรษฐกิจฟ้ืนตัวหลังเศรษฐกจิ ตกตา่ ถงึ ขีดสดุ แล้วเศรษฐกิจเร่ิมดขี ึ้น 4.4 CONSUMER’S PRICE INDEX คือ ดัชนีราคาผู้บรโิ ภคหรือดชั นรี าคาขายปลีก 4.5 DEVALUATION คือ การลดค่าภายนอกของเงนิ เพื่อสนบั สนุนการสง่ สนิ ค้าออก
4.6 COST-PUSH INFLATION คอื ภาวะเงนิ เฟ้อท่ีเกดิ จากการท่ีคา่ จา้ งแรงงานสงู ข้ึนซงึ่ จะสง่ ผลใหต้ ้นทนุ การ ผลติ สินคา้ และบรกิ ารต่าง ๆ สงู ตามไปดว้ ย 5. วฏั จกั รเศรษฐกิจคืออะไร แบง่ ออกเป็นก่ีระยะ อะไรบ้าง คือการหมุนเวยี นของภาวะเศรษฐกจิ ในระยะตา่ ง ๆ นั้นจะมีการเปลย่ี นแปลงท้งั ในทางเจรญิ เติบโตจน รุ่งเรืองขีดสุด แลว้ หลงั จากน้ันจะเรม่ิ ตกต่าลงจนถงึ ขดี สุด สลบั กนั ไปเชน่ นเ้ี สมอ เม่อื ตกต่าถึงขีดสดุ แลว้ กก็ ลับฟ้นื ตัวและค่อย ๆ เจรญิ เตบิ โตข้ึนใหม่อีก วฏั จกั รเศรษฐกิจแบง่ ออกเปน์ ระยะ ได้แก่ 4 1. ระยะเศรษฐกจิ ฟ้ืนตวั 2. ระยะเศรษฐกิจเฟื่องฟู 3. ระยะเศรษฐกจิ ถดถอย 4. ระยะเศรษฐกจิ ตกตา่ บทที่ 10 1. การคา้ ระหว่างประเทศมีความแตกตา่ งกับการค้าภายในประเทศอยา่ งไรบ้าง ความแตกตา่ งของการค้าระหว่างประเทศกบั การคา้ ในประเทศ 1.ใช้ระบบเงินตกทแ่ี ตกตา่ งกัน 2. นโยบายทางเศรษฐกจิ และสังคมของรฐั บาลประเทศคู่ค้าแตกต่างกัน 3. มีการเคลอ่ื นย้ายแรงงานและเคลื่อนยา้ ยทุนระหวา่ งประเทศ 2. ใหอ้ ธิบายความหมายของดลุ การคา้ และดุลการชาระเงนิ หมายถงึ จานวนท่แี ตกต่างในระหว่างมูลค่า การนาเขา้ กบั มลู คา่ การส่งออกในระยะเวลาหนึ่งทกี่ าหนด 3. เพราะเหตใุ ดประเทศที่ขาดดุลการค้า จึงไมจ่ าเป็นต้องขาดดุลการชาระเงิน จงอธิบายพอเข้าใจ หมายถึง รายการแสดงรายรับและรายจ่ายท่ีมาจากการค้าระหวา่ งประเทศทุกรายการ 4. บัญชีทนุ สารองระหวา่ งประเทศคืออะไร มีรายการอะไรบา้ งจงยกตัวอยา่ งพอเข้าใจ บัญชที นุ สารองระหวา่ งประเทศ คอื เปน์ รายการปรับดลุ บญั ชีอ่ืน ๆ มรี ายการ ไดแ้ ก่ ทองคา หลักทรัพย์ ตา่ งประเทศ เงนิ ตราตา่ งประเทศสกุลหลัก และสทิ ธพิ เิ ศษในการถอนเงนิ 5. มาตรการในการควบคุมหรือลดปรมิ าณสนิ คา้ นาเข้ามีอะไรบ้าง จงบอกมาเปน็ ข้อ ๆ พรอ้ มทั้งอธบิ ายผลดี ผลเสยี ของการใช้มาตรการแตล่ ะข้อ 5.การตั้งกาแพงภาษสี าหรับสินคา้ ขาเข้า โดยต้งั ภาษีการน 1ำเขา้ ให้สูงสาหรบั สนิ ค้าท่ีไม่ใช่ปจั จัยการ ผลติ และสนิ คา้ ท่ีสามารถผลิตไดเ้ องภายในประเทศ ข้อเสียคือ อาจจะถูกประเทศคู่ค้าตั้งกาแพงภาษีตอบโต้สนิ ค้า ส่งออกของเรา 5.การจากดั ปริมาณ การนาเขา้ หรือการต้งั โควต้า การนาเข้าสินค้าบางชนดิ เข้ามาภายในประเทศ 2 ขอ้ ดี การนาสินคา้ ดังกล่าวลดลง ทาใหก้ ารขาดดุลการคา้ ลดลง ข้อเสยี คือ สินคา้ สง่ ออกของเราอาจจะถูกตอบโต้ ด้วยมาตรฐานการคา้ อ่ืน ๆ 6. การขาดดลุ การค้ามีผลต่อระบบเศรษฐกจิ อยา่ งไร ให้อธบิ าย
หมายถึง มูลค่าของสินคา้ ท่สี ง่ ออกไปขายยงั ต่างประเทศในรอบ ปี ตา่ กว่า มลู คา่ สินค้านาเขา้ ใน 1รอบ ปี การขาดดุลการค้าจะสง่ ผลกระทบต่อเสถียรภาพ และโครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ของประเทศ 1 บทท่ี 11 1. เป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกจิ มีอะไรบา้ ง บอกมาพอสงั เขป 1เปา้ หมายเพื่อความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ . 2. เปา้ หมายเพ่ือรักษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ 3. เปา้ หมายเพื่อแกป้ ัญหาการขาดดลุ การค้าและดุลการชาระเงนิ ระหวา่ งประเทศ 4. เปา้ หมายเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ท่ีเป์นธรรม 2. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฯ คอื อะไร ทาไมจึงต้องมีการวางแผน คือ การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างเปน์ ข้นั ตอนและมเี ปา้ หมาย สาเหตุ ท่ีต้องมีการ วางแผนทผ่ี า่ นมา การดาเนนิ การเพ่ือพัฒนาเศรษฐกจิ ของไทย เร่มิ จากการดาเนินการแบบไมม่ ีเป้าหมายท่ชี ดั เจน เปน์ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทเี่ กิดข้นึ และไม่มหี น่วยงานเฉพาะรับผดิ ชอบ ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กิดปัญหาการทางานไม่ครบ วงจร ซา้ ซอ้ นกันและขาดประสิทธภิ าพ 3. นักศกึ ษามคี วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั “ปัญหาความไมเ่ ปน็ ธรรมในการกระจายรายไดอ้ ย่างไรบ้าง” ให้อธิบายพอ เข้าใจ ปัญหาความไม่เป์นธรรมในการกระจายรายได้ มสี าเหตมุ าจากความไม่เทา่ เทียมกนั หลาย ๆ ประการ ได้แก่ 1. ความไม่เท่าเทยี มกันในการกระจายอานาจทางการเมือง 2. ความไม่เท่าเทยี มกันในลักษณะความเปน์ เจา้ ของปจั จยั การผลติ 3. กระบวนการกาหนดนโยบายเศรษฐกิจากเบอ้ื งบนสูเ่ บื้องล่าง ทาใหป้ ระชาชนท่ัวไปไม่มสี ่วนร่วมใน การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติ ทาให้การแก้ไขปญั หาบางประการไมส่ ามารถสมั ฤทธิผล อยา่ งที่ควรจะเปน์ 4. ความไมเ่ ท่าเทียมในโอกาสของการได้รบั การศึกษา 4. ปัญหาการว่างงานจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกจิ อย่างไรบ้าง ปญั หาการว่างงานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกจิ โดยทาใหเ้ กิดการสูญเปล่าทางเศรษฐกจิ หรอื ทาให้ ประชากรในวยั ทางานตอ้ งยอมทางานที่ตา่ กว่าความร้คู วามสามารถ หรือได้รับคา่ จา้ งตอบแทนไมค่ ุม้ คา่ กับงานทที่ า และรบั ผดิ ชอบ 5. โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มลี ักษณะอย่างไร โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ประกอบด้วย 1. ปญั หาภาคเศรษฐกจิ สาคญั ของประเทศมรี ากฐานท่ียังไม่มนั่ คงพอท่จี ะรองรบั และปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กับ สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจโลกท่ีเปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ 2. ความแตกต่างในดา้ นรายได้ รายได้ของประชาชนแต่ละคนยังมีความแตกตา่ งกันมาก ระหว่างคนท่ีมี ฐานะทางเศรษฐกจิ ดีกบั คนท่ีมีฐานะด้อยทางเศรษฐกจิ
3. การพง่ึ พาสนิ ค้าขนั้ ปฐม คือ สนิ ค้าหลกั สว่ นใหญเ่ ปน์ ผลิตผลทางการเกษตร ท้งั ทีแ่ ปรรปู และยังไมแ่ ปร รปู เปน์ สินคา้ ท่มี ีนา้ หนักมา แต่ราคาตอ่ หนว่ ยต่า เมือ่ เทยี บกับผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรม 4. ความไมแ่ นน่ อนด้านการตลาด ของผลติ ผลหลกั 5. อัตราการว่างงาน 6. การเกิด AEC มผี ลกระทบต่อปัญหาแรงงานของไทยอยา่ งไร อธบิ ายมาพอเข้าใจ ปัญหาหนงึ่ ของตลาดแรงงานไทย คอื ความไมส่ มดลุ ของโครงสรา้ งแรงงาน ความไมส่ มดลุ ของตลาดแรงงานทั้ง ระดบั ลา่ งและระดับบน ทง้ั ในด้านปรมิ าณและคุณภาพ กล่าวคอื ขาดแคลนแรงงานระดบั ล่าง ประถมศกึ ษาและ( แต่มีแรงงานส่วนเกินระดับอุดมศกึ ษาอยู่มาก และมปี ัญหาคุณภาพแรงงานไม่ตรงกบั คว )มัธยมศึกษาามต้องการ ของตลาด ซ่ึงตลาดแรงงานอาเซยี นน่าจะช่วยดดู ซับแรงงานส่วนเกินของไทยกลุ่มนี้ได้ เน่ืองจากภายใตก้ รอบ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นเน้นการเคล่อื นย้ายแรงงานฝมี ือ หรอื แรงงานวชิ าชพี โดย )ซงึ่ หมายถึงแรงงานกลุ่มบน( ไม่ไดม้ สี ่วนทเี่ กยี่ วข้องกบั แรงงานระดบั ล่าง แรงงานในไทยจะแยกออกเป์น กลมุ่ กล่มุ ที่มีข้อจากดั ไมอ่ าจจะทางานในตลาดแรงาน 2AEC เพราะไม่ปรบั ตวั ทาใหไ้ ม่เปน์ ทตี่ ้องการ และตาแหนง่ งานท่ีต้องการคณุ สมบัติแรงงานทที่ างานใน AEC ได้ จะมแี รงงานจาก AEC เคล่ือนยา้ ยเข้ามาทางานแทน ตลาดแรงงาน กล่มุ นีจ้ ะเป์นตลาดแรงงานท่ีแตก 2ต่างกัน เหมอื นกับสนิ คา้ ที่แตกต่าง กนั ไมส่ ามารถทดแทนกันได้ หากแรงงานมีการปรับตัวให้มีคุณสมบตั ิตรงกับความตอ้ งการ แรงงานที่ขาดคณุ สมบัติ อาจจะมีอตั ราการวา่ งงานสูงหรือถกู กดราคาค่าแรงงานให้ตา่ ลง เพราะผูป้ ระกอบการมีทางเลือกในการหาแรงงาน ไดม้ ากข้นึ
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: