โครงงานคอมพวิ เตอร์ เรื่อง น้ายาสระผมจากสมุนไพรธรรมชาติ โดย นางสาว นุชวรา แกว้ เทพ เลขที่ 14 นาย ยศไผท ไชยอา้ ย เลขท่ี 18 นางสาว เบญญาภา พรหมรักษ์ เลขที่ 23 นางสาว พนิตสุภา ชนาวฒั นานนท์ เลขที่ 25 นางสาว สายสัมพรรณ อดุ มศิลป์ เลขท่ี 27 มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5/3 โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า IS1 รหสั วชิ า I30201 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2562
สารบญั หนา้ ก เร่ือง ข ค สารบญั 1 1 กิตติกรรมประกาศ 2 2 บทคดั ยอ่ 3-8 บทที่ 1 บทนา 9 - แนวคิดท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน 10 - วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน 11 - ขอบเขตและขอ้ จากดั 12 บทที่ 2 เอกสารที่เก่ียวขอ้ ง ก - ดอกอญั ชนั - วา่ นหางจระเข้ - แชมพู/น้ายาสระผม บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินงาน - อุปกรณ์ - ข้นั ตอนการดาเนินงาน บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน บทที่ 5 สรุปและอภิปรายและขอ้ เสนอแนะ เอกสารอา้ งอิง
กิตติกรรมประกาศ โครงงานเร่ือง แชมพวู า่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั จะสาเร็จลลุ ว่ งไปไมไ่ ด้ถ้าไมร่ ับความชว่ ยเหลือ จากผ้ปู กครอง และความร่วมมือของเพื่อนๆ ในกลมุ่ ขอขอบคณุ ผ้ปู กครอง และคณุ ครู ดารงค์ คนั ธะเรศย์ ท่ีให้ความชว่ ยเหลือในด้านตา่ งๆ และให้กาลงั ใจ ตลอดมา คณะผ้จู ดั ทาโครงงานขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นที่มีสว่ นเกี่ยวข้องไว้ ณ โอกาสนี ้ คณะผ้จู ดั ทา ข
บทคดั ยอ่ โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่ือง แชมพวู า่ นหางจระเข้สตู รผสมดอกอญั ชนั เกิดขนึ ้ จากการสงั เกต พฤตกิ รรม การเลือกซือ้ แชมพขู องผ้บู ริโภคตามท้อง ตลาดซงึ่ ถ้าเป็นสินค้าคณุ ภาพดีก็จะราคาแพง แตถ่ ้า คณุ ต่าราคาของสินค้าก็จะต่าไปตามคณุ ภาพ จากประสบการณ์ของผ้ทู าโครงงานและความรู้ทางภมู ิ ปัญญาชาวบ้านพบวา่ น หางจระเข้มีสรรพคณุ ท่ีชว่ ยให้ผิวชมุ่ ชืน้ ลดจดุ ดา่ งดา สมานรอยแผลและลดสวิ เสีย้ นได้ดี ชว่ ยให้เส้นผมนมุ่ สวย สว่ นดอกอญั ชนั ทาให้เส้นผมดดู าเป็นเงางามอีกทงั้ ยงั ไมต่ ้องซือ้ ให้ สนิ ้ เปลืองเงิน สามารถหาได้ตามบ้านเรือนทวั่ ไป ค
บทที่ 1 บทนา 1.แนวคดิ ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน ในปัจจบุ นั จะเหน็ ได้วา่ ในสงั คมของไทยเรานนั้ ยาสระผมเกือบจะเป็นส่งิ ท่ีขาดไมไ่ ด้ในชีวิตประจาวนั เพราะทกุ คนโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงสภุ าพสตรีต้องหาซือ้ หามาทาความสะอาดและบารุงเส้นผม ให้เส้นผมนมุ่ สวยอยเู่ สมอเพื่อสง่ เสริมบคุ ลกิ ภาพที่ดี ธุรกิจหรืออตุ สาหกรรมผลติ ภณั ฑ์ทาความสะอาดหนงั ศีรษะเป็น ธุรกิจท่ีสร้างรายได้มหาศาลมีทงั้ บริษัทข้ามชาตขิ นาดใหญ่และขนาดเล็กไปจนถึงกล่มุ แมบ่ ้านท่ีกาลงั แยง่ ชงิ กนั ผลิตสินค้าออกมาเอาใจผ้บู ริโภค แตไ่ มม่ ีคนอ่ืนคณุ ค่าของวา่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั ที่มีอย่ตู าม บ้านเรือนทางผ้จู ดั ทาโครงการจงึ คดิ ที่จะนาวา่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั มาแปรรูปเป็นยาสระผมสตู รวา่ น หางจระเข้ผสมดอกอญั ชนั ประกอบกบั ตอนนีม้ ลภาวะทางอากาศคอ่ นข้างรุนแรงจงึ สง่ ผลกระทบตอ่ มนษุ ย์โดยตรง มีทงั้ ฝ่นุ ละออง ลม แดด ควนั จากทอ่ ไอเสีย ทาให้สง่ ผลกระทบมาถึงเส้นผมบนหนงั ศีรษะท่ีทาให้เกิดปัญหาแห้ง เสียและชีฟ้ ู การตดั การย้อมสีผม การไดร์ผม บอ่ ยๆ และการสระผมบอ่ ยเกินไป จะทาให้ไขมนั ถกู ชาระล้าง ออกไป ทงั้ ท่ีไขมนั จะเป็นตวั สร้างความชมุ่ ชืน้ ทาให้เส้นผมเรียบล่ืนเป็นเงางามลดแรงเสียดทานระหวา่ งเส้น ผม ทาให้เส้นผมไมพ่ นั กนั หวีง่าย หลงั จากที่ทราบปัญหาโดยสว่ นใหญ่ของเส้นผมแล้ว ทางผ้จู ดั ทาจงึ ได้ทาการศกึ ษาหาความรู้เก่ียวกบั ยาสระผมท่ี มีขายตามท้องตลาดทวั่ ไปและได้เลง็ เหน็ วา่ การนาสมนุ ไพรที่มีอยภู่ ายในครัวเรือนนนั้ สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ในกาชว่ ยแก้ปัญหาผมเสีย จงึ ได้ เลือกสมนุ ไพรมา 2 ชนิด ได้แก่ วา่ นหางจระเข้ มีสรรพคณุ ชว่ ยลดรังแค ลดอาการ คนั หนงั ศีรษะ รักษา อาการผมบาง ชว่ ยให้ผมนมุ่ สวยงามเพ่ิมความเข้มแขง็ ให้กบั เส้นผมลดปัญหาผมแตกปลายผมหลดุ ร่วง (ที่มา : www.women.kapook.com) และดอกอญั ชนั มีสารที่ช่ือวา่ “แอนโทไซยานิน” ที่มีหน้าที่ไปชว่ ย กระต้นุ การไหลเวียนของโลหิต ทาให้เลือดไปเลีย้ งบริเวณรากผมซงึ่ ชว่ ยทาให้ผมดกดา เงางาม รักษา อาการผมร่วง (ท่ีมา : www. health.kapook.com) 1
อีกทงั้ ยงั ไมต่ ้องสนิ ้ เปลืองเงินในการเลือกซือ้ ผลิตภณั ฑ์บารุงเส้นผมเพราะเป็นสมนุ ไพรที่มีอยใู่ นครัวเรือนอยู่ แล้ว ทาให้ประหยดั คา่ ใช้จา่ ยในการซือ้ ผลติ ภณั ฑ์มาใช้เอง และยงั สามารถมน่ั ใจได้อีกวา่ ยาสระผมวา่ นหาง จระเข้ผสมดอกอญั ชนั ที่ได้ทานนั้ มีคณุ ภาพและสะอาดไร้สารเจือปน และมีสรรพคณุ ครบถ้วนแนน่ อน ดงั นนั้ ทางผ้รู ับผิดชอบโครงการได้ทาการศกึ ษา ค้นคว้า ข้อมลู วิธีการในการทายาสระผม และ สรรพคณุ ของว่านหางจระเข้และดอกอญั ชนั เพ่ือชว่ ยในการบารุง รักษาสขุ ภาพเส้นผมให้กบั สภุ าพสตรี สามารถนาความรู้และวิธีการที่ได้จากการทายาสระผม สตู รวา่ นหางจระเข้ผสมดอกอญั ชนั ไปประกอบ อาชีพ เพ่ือเป็นรายได้เสริมอีกด้วย 2.วตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน 1) เพื่อศกึ ษา ค้นคว้า ข้อมลู ในการทายาสระผมจากสมนุ ไพร วา่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั 2) เพื่อศกึ ษาและให้ความรู้เกี่ยวกบั สรรพคณุ ของวา่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั 3) เพ่ือลดคา่ ใช้จา่ ยให้กบั ผ้รู ่วมโครงการและใช้วตั ถดุ บิ จากธรรมชาตใิ ห้เกิดประโยชน์ 3.ขอบเขตและข้อจากดั - ขอบเขตด้านเนือ้ หา ศกึ ษาความรู้เกี่ยวการทายาสระผม ศกึ ษาประโยชน์และสรรพคณุ ของวา่ นหาง จระเข้และดอกอญั ชนั เพ่ือให้ได้ยาสระผมที่มีคณุ ภาพ - ขอบเขตด้านวธิ ีการ นาวา่ นหางจระเข้มาปอกเลือก และล้างเมือกของว่านหางจระเข้ออกให้หมด นา วา่ นหางจระเข้ท่ีล้างเมือกออกหมดแล้ว มาต้มในนา้ อนุ่ พอเหมาะ ไมต่ ้องเดือดเม่ืออนุ่ ได้ท่ีแล้วให้นามา กรองเอาแตน่ า้ นาดอกอญั ชนั มาคนั้ เอานา้ สี ใส่ AD25, ผงฟอง, ผงข้น, ลาโนลีน, สีดอกอญั ชนั ใส่หวั นา้ หอมและสารกนั เสียลงไป คนให้เข้ากนั จนสว่ นผสมละลายเข้ากนั แล้วปลอ่ ยทงิ ้ ไว้ให้ฟองยบุ ตวั จงึ กรอก ใสใ่ นภาชนะบรรจใุ สข่ วด - ขอบเขตด้านเวลา โครงการนีด้ าเนนิ การในภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 2
บทท่ี 2 เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง ดอกอญั ชัน อญั ชนั (ช่ือวิทยาศาสตร์: Clitoria ternatea L.) เป็นไม้เถา ลาต้นมีขนนมุ่ มีถ่ินกาเนิดในอเมริกาใต้ ปลกู ได้ ทว่ั ไปในเขตร้อน มีช่ือพืน้ เมืองอื่นอีกคือแดงชนั (เชียงใหม่), เอือ้ งชนั , เองชญั เม่ือคนั้ ออกมาจะได้เป็นสีฟา้ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ อญั ชนั เป็นไม้เลือ้ ยเนือ้ ออ่ น อายสุ นั้ ใช้ยอดเลือ้ ยพนั ลาต้นมีขนปกคลมุ ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรง ข้ามยาว 6-12 เซนตเิ มตร มีใบยอ่ ยรูปไข่ 5-7 ใบ กว้าง 2-3 เซนตเิ มตร ยาว 3-5 เซนตเิ มตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผวิ ใบด้านลา่ งมีขนหนาปกคลมุ ดอกสีขาว ฟา้ และมว่ ง ดอกออกเดยี่ ว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคตู่ ามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเตม็ ท่ียาว 2.5-3.5 เซนตเิ มตรกลีบคลมุ รูปกลม ปลายเว้าเป็นแอง่ ตรงกลางมีสีเหลือง มีทงั้ ดอก ซ้อนและดอกลา ดอกชนั้ เดียวกลีบขนั้ นอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง สว่ นกลีบชนั้ ในขนาดเล็กแตด่ อก ซ้อนกลีบดอกมีขนาดเทา่ กนั ซ้อนเวียนเป็นเกลียวออกดอกเกือบตลอดปี ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1- 1.5 เซนตเิ มตร ยาว 5-8 เซนตเิ มตร เมล็ดรูปไต สีดา มี 5-10 เมลด็ 3
การกระจายพนั ธ์ุ อญั ชนั มีถิ่นกาเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถกู นาไปแพร่พนั ธ์ุในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา ใน ลาว ไทย เวียดนาม 1. นา้ อญั ชนั มีสว่ นชว่ ยตอ่ ต้านอนมุ ลู อิสระในร่างกาย 2. เคร่ืองดืม่ นา้ อญั ชนั ชว่ ยเสริมสร้างภมู ติ ้านทานให้ร่างกายและเพม่ิ พลงั งานให้ร่างกาย 3. มีสว่ นชว่ ยในการชะลอวยั และริว้ รอยแหง่ วยั 4. ชดอกชมีสว่ นชว่ ยในการบารุงสมอง เพิ่มการไหลเวียนเลือด 5. ดอกอญั ชนั มีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือด 6. ชว่ ยปอ้ งกนั โรคเส้นเลือดสมองตบี 7. ชว่ ยรักษาอาการผมร่วง (ดอก) 8. อญั ชนั ทาควิ ้ ทาหวั ใช้เป็นยาปลกู ผม ปลกู ขนชว่ ยให้ดกดาเงางามยงิ่ ขนึ ้ (นา้ คนั้ จากดอก) 9. ชว่ ยลดความเส่ียงจากการเกิดเส้นเลือดอดุ ตนั 10. ชว่ ยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหวั ใจและหลอดเลือดหวั ใจอดุ ตนั ว่านหางจระเข้ สมนุ ไพรไทย ๆ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกบั หางแหลม ๆ ของจระเข้ จนได้ช่ือเรียกที่บง่ บอกถึงลกั ษณะได้ดี วา่ วา่ นหา่ งจระเข้ คอื อีกหนง่ึ พรรณไม้ไทยท่ีนยิ มปลกู ไว้ติดบ้าน นอกจากจะใช้ประดบั ตกแตง่ เพื่อความ 4
สวยงามแล้ว สรรพคณุ ตา่ ง ๆ ของวา่ นหางจระเข้ยงั ค้มุ คา่ อีกด้วย สว่ นจะมีทีเด็ดขนาดไหนนนั้ เราไปทา ความรู้จกั กบั ว่านหางจระเข้ให้มากขนึ ้ กนั ดกี วา่ วา่ นหางจระเข้ (Aloe Vera) คือ พืชชนิดหนงึ่ ที่ถกู จดั อย่ใู นประเภทพืชล้มลกุ สีเขียว มีลกั ษณะลาต้น เป็นข้อปล้อง ใบเด่ียว ใบหนายาวและโคนใบใหญ่ ปลายแหลม ขอบใบมีหนามหา่ งกนั เป็นระยะ เรียงเป็น ชนั้ ข้างในใบเป็นว้นุ ใสสีเขียวออ่ น มีเมือกเหนียว สามารถออกดอกสีแดงอมเหลืองท่ีปลายยอดได้ มีถ่ิน กาเนิดมาจากแถบชายฝ่ังทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา สามารถปลกู ได้ง่ายในดนิ ทราย หรือในกระถางก็ได้ เป็นพืชชอบนา้ แตต่ ้องมีทางระบายนา้ ได้ดี ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้อมนา้ มากเกินไปจนราก เนา่ วา่ นหางจระเข้ เป็นต้นพืชท่ีมีเนือ้ อิ่มอวบ จดั อยใู่ นตระกลู ลิเล่ียม (Lilium) แหลง่ กาเนิดดงั้ เดมิ อยใู่ นชายฝ่ัง ทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พนั ธ์ุของวา่ นหางจระเข้มีมากมายกวา่ 300 ชนิด ซง่ึ มีทงั้ พนั ธ์ุที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถงึ พนั ธ์ุท่ีมีขนาดเลก็ กว่า 10 เซนตเิ มตร ลกั ษณะพเิ ศษของวา่ น หางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกบั เข็ม เนือ้ หนา และเนือ้ ในมีนา้ เมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในชว่ ง ฤดหู นาว ดอกจะมีสีตา่ งๆกนั เชน่ เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น คาวา่ \"อะโล\" (Aloe) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถงึ วา่ นหางจระเข้ ซง่ึ แผลงมาจากคาวา่ \"Allal\" มี ความหมายวา่ ฝาดหรือขม ในภาษายวิ ฉะนนั้ เมื่อผ้คู นได้ยนิ ชื่อนี ้ก็จะทาให้นกึ ถึงวา่ นหางจระเข้ วา่ นหาง จระเข้เดมิ เป็นพืชที่ขนึ ้ ในเขตร้อนตอ่ มาได้ถกู นาไปแพร่พนั ธ์ุในยโุ รปและเอเชีย และทกุ วนั นีท้ วั่ โลกกาลงั เกิด กระแสนิยมวา่ นหางจระเข้กนั เป็นการใหญ่ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ วา่ นหางจระเข้เป็นพืชชนิดหนงึ่ ที่พืชอวบนา้ ลาต้นสนั้ หรือไมม่ ีลาต้นสงู 10- 100 ซม. (24–39 นวิ ้ ) กระจาย พนั ธ์ุโดยตะเกียง ใบหนาอ้วนมีสีเขียวถงึ เทา-เขียว บางสายพนั ธ์ุมีจดุ สีขาวบนและลา่ งของโคนใบขอบใบ เป็นหยกั และมีฟันเลก็ ๆสีขาว ออกดอกในฤดรู ้อนบนชอ่ เชิงลด สงู ได้ถึง 90 ซม. (35 นวิ ้ ) ดอกเป็นดอกห้อย วงกลีบดอกสีเหลืองรูปหลอด ยาว 2–3 ซม. (0.8–1.2 นิว้ ) วา่ นหางจระเข้ก็เหมือนพืชชนดิ อ่ืนในสกลุ ที่สร้าง อาร์บสั คลู าร์ไมคอร์ไรซา (arbuscular mycorrhiza) ขนึ ้ ซง่ึ เป็นสมชีพท่ีทาให้พืชดดู ซมึ สารอาหารและแร่ ธาตใุ นดนิ ได้ดขี นึ ้ 5
การเพาะปลกู วา่ นหางจระเข้ปลกู งา่ ย โดยการใช้หน่อออ่ น ปลกู ได้ดีในบริเวณทะเลท่ีเป็นดนิ ทราย และมีป๋ ยุ อดุ มสมบรู ณ์ ดี จะปลกู เอาไว้ในกระถางก็ได้ ในแปลงปลกู ก็ได้ ปลกู หา่ งกนั สกั 1-2 ศอก เป็นพืชที่ต้องการนา้ มาก แต่ ต้องมีการระบายนา้ ดพี อ มิฉะนนั้ จะทาให้รากเนา่ และตาย วา่ นหางจระเข้ชอบแดดราไร ถ้าถกู แดดจดั ใบจะ เป็นสีนา้ ตาลแดง และอีกวิธีสามารถนาเมล็ดไปปลกู ในกระถางต้นไม้ได้อีกด้วย การรักษาแผล วา่ นหางจระเข้ (Aloe vera) ท่ีเรารู้จกั กนั ดวี า่ มีสว่ นในการรักษาแผลไฟไหม้ นา้ ร้อนลวก แผลสด ชว่ ย บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน มีสว่ นชว่ ยในแก้รักษาแผลผา่ ตดั เชน่ กนั วา่ นหางจระเข้ มีฤทธิ์สมานแผลการที่แผลหายเร็วขนึ ้ เน่ืองจากในวา่ นหางจระเข้มีสว่ นชว่ ยเร่งให้เซลล์ ผวิ หนงั แบง่ ตวั เพ่ือซอ่ มแซมผิวให้ดีขนึ ้ หรือหากนาวา่ นหางจระเข้ไปสกดั เป็นนา้ เม่ือนาไปใช้ในการรักษา แผลผา่ ตดั พบว่าชว่ ยให้แผลสมานเร็วขนึ ้ ปอ้ งกนั การเกิดรอยแผลเป็น หรือหากใครที่รอยแผลแล้วเม่ือใช้จะ ชว่ ยขจดั รอยแผลเป็นท่ีเกิดขนึ ้ ทาให้แผลแลดจู างลง นอกจากจะชว่ ยในเร่ืองของการสมานแผลแล้ว วา่ นหางจระเข้ยงั มีการนาไปใช้ประโยชน์เพ่ือลดการอกั เสบ เราจงึ เห็นผลติ ภณั ฑ์ท่ีนาประโยชน์ของว่านหางจระเข้ไปเป็นสว่ นผสมในรูปแบบตา่ งๆ ทงั้ ครีมทารักษาโรค ผวิ หนงั และแผลอกั เสบ ท่ีชว่ ยรักษาการอกั เสบของผิวหนงั และเนือ้ เยื่อออ่ น หรือการทาเป็นโลชน่ั โดยมี สว่ นประกอบของว้นุ วา่ นหางจระเข้ เป็นต้น สรรพคณุ ทางยา ว้นุ ในใบวา่ นหางจระเข้มีสารเคมีอยหู่ ลายชนิด เชน่ Aloe-emodin, Aloesin, Aloin, สารประเภท Glycoprotein และอ่ืนๆ ยางท่ีอยใู่ นวา่ นหางจระเข้มีสาร Anthraquinone ทีมีฤทธิ์ขบั ถ่ายด้วย ใช้ทาเป็นยา ดา มีการศกึ ษาวิจยั รายงานวา่ ว้นุ หรือนา้ เมือกของวา่ นหางจระเข้รักษาแผลไฟไหม้ นา้ ร้อนลวก แผลเรือ้ รัง และแผลในกระเพาะอาหารได้ดี เพราะในว้นุ ใบวา่ นหางจระเข้นอกจากจะมีสรรพคณุ รักษาแผลตอ่ ต้านเชือ้ แบคทีเรียแล้วยงั ชว่ ยสมานแผลได้อีกด้วย 6
แชมพ/ู นา้ ยาสระผม หน้าท่ีหลกั ของแชมพู คือ ขจดั นา้ มนั ธรรมชาตจิ ากตอ่ มไขมนั ใต้หนงั ศีรษะออกจากเส้นผม นา้ มนั ดงั กลา่ วเป็นต้นเหตใุ หญ่ที่ทาให้ฝ่นุ ละอองและสง่ิ สกปรกเหนียวตดิ แนน่ บนเส้นผมสบทู่ ว่ั ไปไมม่ ีคณุ สมบตั ิ เพียงพอจะทาหน้าท่ีนีไ้ ด้ เพราะสบสู่ ะสมคราบของตวั มนั เอง สาหรับสารซกั ฟอก detergent แล้ว หน้าที่ ข้างต้นทาได้งา่ ยมาก แตส่ ารซกั ฟอกยงั ไมถ่ กู ค้นพบเลยจนกระทงั่ ปลายศตวรรษที่ ๑๙ ทงั้ มิได้มีการผลิตใน ปริมาณมาก ๆ จวบจนทศวรรษท่ี ๑๙๓๐ ถ้าเป็นเชน่ นีแ้ ล้วผ้คู นในช่วงหลายศตวรรษท่ีผา่ นมา ดแู ลรักษา ความสะอาดเส้นผมของพวกเขากนั อยา่ งไร ชาวอียิปต์โบราณเป็นผ้รู ิเริ่มวิธีปฏิบตั ซิ ง่ึ ตอ่ มาเป็นท่ีนยิ มกนั พวกเขาชาระล้างเส้นผมด้วยนา้ เปลา่ ผสมกบั นา้ จากผลของพืชตระกลู ซีทรัส ส้ม มะกรูด มะนาว กรด มะนาวมีฤทธ์ิขจดั ไขมนั จากหนงั ศีรษะให้หมดไปจากเส้นผมได้อยา่ งดียงิ่ นา้ ยาล้างทาความสะอาดเส้นผม ซง่ึ ผสมกนั เองตามบ้าน โดยเตมิ กลิ่นหอมและมกั จะผสมสบปู่ ริมาณเล็กน้อยลงไปด้วย เป็นท่ีนยิ มใช้กนั อยา่ งแพร่หลายเป็นเวลาหลายร้อยปี นา้ ยาสระผมชนิดใหมซ่ ง่ึ คล้ายสารซกั ฟอกเกิดขนึ ้ ในยโุ รปเม่ือตอน ปลายสมยั กลาง ได้จากการต้มนา้ สบู่ กบั โซดา หรือโปแตช นา้ ดา่ ง สว่ นผสมที่คล้ายคลงึ กบั แชมพแู ต่ ใกล้เคียงกบั สบมู่ ากกว่านีป้ รุงขนึ ้ ในบ้าน สตู รของแตล่ ะบ้านถือเป็นมรดกตกทอดจากคนรุ่นป่ยู ่าตายายสู่ รุ่นลกู หลาน คาวา่ “ แชมพู ” กาเนิดขนึ ้ ในประเทศองั กฤษในชว่ งเวลาเดียวกบั ที่นกั เคมีชาวเยอรมนั ค้นพบ สารซกั ฟอก ซง่ึ พฒั นามาเป็นแชมพสู มยั ใหมท่ ่ีเราใช้กนั อยใู่ นปัจจบุ นั ในชว่ งปี ค ศ ๑๘๗๐-๑๘๗๙ รัฐบาล องั กฤษได้ถา่ ยโอนอานาจการควบคมุ อินเดียจาก บริษัท บริตชิ อีสต์อินเดยี อนั ทรงอิทธิพล รัฐบาลองั กฤษ ผอ่ นปรนให้ชาวอนิ เดียซง่ึ พดู ภาษาฮนิ ดมู ีสว่ นร่วมในทางการเมืองมากขนึ ้ เคร่ืองแตง่ กายและศลิ ปะอินเดยี รวมทงั้ ถ้อยคาภาษาฮนิ ดู กลายเป็นสง่ิ ท่ีนิยมชมชอบในองั กฤษ ในยคุ แหง่ ความนยิ มอนิ เดียนีเ้องท่ีชา่ งทา ผมชาวองั กฤษได้บญั ญตั ิ คาวา่ “ แชมพู ” ขนึ ้ จากรากคาภาษาฮนิ ดู “ แชมโป ” ซงึ่ แปลวา่ “ นวดคลงึ ” 7
แชมพเู มื่อครัง้ กระโน้นไมใ่ ชข่ องเหลวบรรจขุ วดท่ีหาซือ้ ได้ทวั่ ไปตามร้าน แชมพคู ือการนวดคลงึ หนงั ศรี ษะและผมที่เปียก ชมุ่ ด้วยนา้ สบใู่ ห้แก่ลกู ค้าของร้านทาผมชนั้ นาในองั กฤษ แตล่ ะร้านจะไมเ่ ปิดเผย สตู รเฉพาะของตนโดยถือเป็นความลบั สดุ ยอดชา่ งทาผมจะเป็นผ้ปู รุงสว่ นผสมของนา้ ยาสระผมด้วยตนเอง โดยทากนั อยหู่ ลงั ร้านนนั่ เอง ถึงแม้วา่ สตู รอาจแตกตา่ งกนั ออกไปบ้าง แตส่ ว่ นประกอบหลกั ๓ ตวั ที่ขาด ไมไ่ ด้ คอื นา้ สบู่ และโซดา สว่ นแชมพซู งึ่ มีสารซกั ฟอกเป็นสว่ นผสมสาคญั และถือกนั วา่ เป็นแชมพจู ริง ๆ นนั้ แรกผลิตขนึ ้ ในประเทศเยอรมนีในชว่ งศตวรรษที่ ๑๘๙๐-๑๘๙๙ และมีจาหนา่ ยในท้องตลาดหลงั สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ ค ศ ๑๙๑๔-๑๙๑๘ จอห์น เบรก เป็นผ้เู ปิดตลาดแชมพใู นประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณปี ค ศ ๑๙๐๐ ขณะนนั้ เบรกอายุ ๒๕ ปี เป็นหวั หน้าหนว่ ยอาสาสมคั รดบั เพลิงของ รัฐแมสซาชู เซต็ ส์ เขาประสบปัญหาผมร่วงร้ายแรง แม้ว่าแพทย์หลายคนท่ีเขาไปปรึกษายืนยนั ว่าไมม่ ีวิธีใดจะรักษา อาการศีรษะล้านได้ เบรกซงึ่ เป็นชายหนมุ่ หน้าตาดกี ็ไมย่ อมรับคาทานายอาการโรคของแพทย์เหลา่ นนั้ เขา พยายามพฒั นาตวั ยาปอ้ งกนั ผมร่วง ตวั ยาปลกู ผม รวมทงั้ วิธีการนวดหนงั ศรี ษะในลกั ษณะตา่ ง ๆ เพื่อตอ่ สู้ กบั อาการศีรษะล้านที่คกุ คามเขาอยู่ ในปี ค ศ ๑๙๐๘ เบรกเปิดศนู ย์บาบดั รักษาหนงั ศีรษะขนึ ้ ณ เมือง สปริงฟี ลด์ ในไมช่ ้าแชมพสู ตู รพเิ ศษของเขาก็เป็นที่นิยมอยา่ งกว้างขวางตามร้านทาผมในเมืองนนั้ เขา ขยายกิจการออกไปยงั เมืองอ่ืน ๆ ทงั้ ยงั คิดค้นผลิตภณั ฑ์ใหม่ ๆ เพ่มิ ขนึ ้ ในปี ค ศ ๑๙๓๐ เบรกแนะนา แชมพสู าหรับผมธรรมดาเข้าสตู่ ลาดอีก ๓ ปีตอ่ มาเขาเสนอแชมพสู าหรับผมมนั และผมแห้ง ธุรกิจดแู ลเส้น ผมของเขาประสบความสาเร็จ ขยายออกไปทวั่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แตท่ วา่ ไมม่ ีผลิตภณั ฑ์ตวั ใดเลยท่ี สามารถหยดุ ยงั้ อาการศรี ษะล้านของเขาลงได้ “ ข้อมลู สนบั สนนุ จากหนงั สือ ๑๐๘ ซองคาถาม สานกั พมิ พ์ สารคดี ” 8
บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินงาน อปุ กรณ์ 2) ลาโนลีน 1 ขีด 3) ผงฟอง 1 ขีด 5) นา้ เกลือ 1.5 ลติ ร 6) ขีดตอ่ นา้ สะอาด 0.5 ลติ ร 1) เอ็น 70 1 กิโลกรัม 4) ผงข้น 1 ขีด 7) นา้ สมนุ ไพรที่เตรียม 4 ลติ ร ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน 1)เตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ให้พร้อม 2)นาวา่ นหางจระเข้มาปอกเปลือก และล้างเมือกของวา่ นหางจระเข้ออกให้หมด 3)นาวา่ นหางจระเข้ที่ล้างเมือกออกหมดแล้ว มาต้มในนา้ อนุ่ พอเหมาะ ไมต่ ้องเดือดเมื่ออนุ่ ได้ที่แล้วให้ นามากรองเอาแตน่ า้ 4)นาดอกอญั ชนั มาคนั้ เอานา้ สี 5)ใส่ AD25, ผงฟอง, ผงข้น, ลาโนลีน, สีดอกอญั ชนั 6)ใสห่ วั นา้ หอมและสารกนั เสียลงไป คนให้เข้ากนั จนสว่ นผสมละลายเข้ากนั แล้วปล่อยทงิ ้ ไว้ให้ฟอง ยบุ ตวั จงึ กรอกใสใ่ นภาชนะบรรจใุ สข่ วด 9
บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน จากการศกึ ษาการทาแชมพวู า่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั ในการจดั ทาโครงงานครัง้ นี ้ แชมพวู า่ นหางจระเข้และดอกอญั ชนั สามารถขจดั ความมนั บนหนงั ศีรษะได้ทาให้ผมนมุ่ และมีขนั้ ตอนการ ทาไมย่ าก และวตั ถดุ บิ ก็หาได้งา่ ย อยา่ งว่านหางจระเข้และดอกอญั ชนั ก็สามารถหาได้ทว่ั ไปตามครัวเรือน และยงั เป็นการนาพืชสมนุ ไพรจากท้องถิ่นของเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ 10
บทที่ 5 สรุปและอภิปรายและขอ้ เสนอแนะ สมนุ ไพรนนั้ นอกจากจะไมท่ าให้สภาพแวดล้อมเป็นพษิ ยงั ออ่ นโยนตอ่ เส้นผมอีกด้วย ผ้ใู ช้ก็ไมต่ ้อง กงั วลเรื่องสารเคมีแรงๆ และปัญหาผมร่วง ยง่ิ ไปกวา่ นนั้ ผลิตภณั ฑ์ท่ีใช้สารสงั เคราะห์สว่ นใหญ่จะผสมขีผ้ งึ ้ สารขจดั คราบและซลิ ิโคนเข้าไปมากเกินไป ทาให้ไมส่ ามารถล้างออกหมด สว่ นสารท่ีสกดั จากดอกไม้และ พืช เชน่ มะกรูด สามารถยบั ยงั้ การเจริญของเชือ้ ราบนหนงั ศรี ษะ ทาให้ลดการเกิดรังแค ชว่ ยบารุงรากผม ลด อาการผมร่วง และทาให้ผมดา เงางาม 11
เอกสารอา้ งอิง Nattanicha Bothong. (2561). แชมพูมะกรดู . (ออนไลน์). เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/nattanichabothong00/khorng-ngan-reuxng-chaemphu-makrud (วันทส่ี บื ค้น 10 สงิ หาคม 2562). ห้องเรียนออนไลน์ ของปภัสรา จรัสบุญไพศาล. (2560). โครงงานแชมพูว่านหางจระเข้ผสมดอก อัญชัน. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://papasara0.wordpress.com/2016/10/06/โครงงานเรื่อง แชมพูว่า /. (วนั ทส่ี ืบคน้ 10 สิงหาคม 2562). ธนะโรจน์. (2559). ยาสระผมสมนุ ไพร. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/site/yasraphmsmunphir01/khorngkar /. (วันทีส่ บื ค้น 10 สิงหาคม 2562) https://th.wikipedia.org › wiki › อญั ชนั /. (วันทสี่ บื ค้น 21 กนั ยายน 2562) https://th.wikipedia.org › wiki › ว่านหางจระเข้ /. (วนั ท่สี ืบค้น 21 ก.ย. 62) https://guru.sanook.com/13012/ (วันท่สี บื คน้ 21 ก.ย. 62) 12
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: