Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-Book แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

E-Book แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

Description: E-Book แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาระท่ี 4 เทคโนโลยี รายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่อื ง โครงงานกับการแกป้ ัญหา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง โครงงานกับการแกป้ ัญหา เวลาเรียน 20 ชว่ั โมง ________________________________________________________________________________ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่า ทนั และมีจริยธรรม ตวั ชวี้ ัด ประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรในการทํา โครงงานเพื่อแก้ปัญหา หรอื พัฒนางาน 2. สาระการเรียนรู้ 1) การทําโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งทรัพยากร ในการสรา้ งหรือพฒั นาช้ินงานหรือวธิ ีการ เพอื่ แกป้ ัญหาหรืออํานวยความสะดวกในการทํางาน 2) การทําโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดําเนินการได้ โดยเริ่มจากการสํารวจ สถานการณ์ปัญหาที่สนใจ เพื่อกําหนดหัวข้อโครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดําเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไขวิธีการ แกป้ ญั หาหรือชน้ิ งาน และนาํ เสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ พัฒนาโครงงานเพือ่ แกป้ ัญหาดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม

4. ทกั ษะและกระบวนการ 3.1 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 3.2 ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารญาณ 3.3 ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 3.4 ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 3.5 ทกั ษะการสอ่ื สาร 3.6 ทกั ษะการทาํ งานร่วมกับผอู้ ืน่ 5. ความรเู้ ดิมทน่ี ักเรยี นต้องมี ผู้เรียนควรมีความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา เช่น ความรู้พื้นฐานที่ประกอบด้วยความรู้ ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และความรู้และทักษะใน การปฏิบัติงาน รวมทั้งการวิเคราะห์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์และการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิง ออกแบบหรือกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมโดยคาํ นึงถึงผูท้ เี่ กี่ยวขอ้ งกบั ปญั หา ความร้แู ละแนวคิดเหล่าน้ี สามารถนํามาใช้พัฒนาโครงงาน 6. สาระสาํ คัญ โครงงาน เป็นการศึกษาที่เปิดโอกาสให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองใน เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ต้องการรู้คํา ตอบให้ลึกซึ้ง โดยใช้กระบวนการหรือวิธีการที่มีระบบ ภายใต้การดูแลและให้ คําปรึกษาของครูหรือผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่การเลือกหัวข้อเรื่องที่จะทําโครงงาน การกําหนดขอบเขตการวางแผน ดาํ เนินงานและขน้ั ตอน และลงมอื ปฏบิ ัตติ ามแผนทวี่ างไว้ จนไดข้ ้อสรุปท่ีเปน็ คําตอบในเรอ่ื งน้นั ๆ การทําโครงงานเพื่อแก้ปัญหาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมีจุดเน้นในด้านของการนํา แนวคิด หลักการหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความรู้จากศาสตร์อื่นๆ มาบูรณาการ เพ่ือ พัฒนาสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการเพื่อการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการของมนุษย์ ผ่านกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยสํารวจสถานการณ์ปัญหาที่สนใจ เพื่อกําหนดปัญหาหรือความต้องการเป็นหัวข้อ โครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา ที่มีการวาง แผนการทาํ งานอยา่ งเป็นขน้ั ตอนเพอื่ แก้ปญั หา ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรับปรุงแก้ไขวธิ กี ารแก้ปญั หาหรือชิ้นงาน และนาํ เสนอวิธีการแกป้ ญั หา

7. ส่อื และอปุ กรณ์ เรอื่ ง เวลา(นาที) 7.1 ใบกิจกรรม การวเิ คราะห์โครงงาน 120 ใบกิจกรรมที่ การตดั สนิ ใจเลือกปัญหา กจิ กรรม 2.1 จากสถานการณ์ทส่ี นใจ 120 เพ่ือพัฒนาโครงงาน กจิ กรรม 2.2 กาํ หนดกรอบแนวคดิ และขอบเขตของ 120 ปญั หาในการทาํ โครงงาน กิจกรรม 2.3 การรวบรวมข้อมูล 120 ทเ่ี กี่ยวข้องกบั โครงงาน 120 กิจกรรม 2.4 การออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา 240 กจิ กรรม 2.5 การวางแผนและดําเนนิ การแก้ปญั หา กิจกรรม 2.6 การทดสอบ ประเมนิ ผล 120 และปรับปรงุ แกไ้ ขวธิ ีการ กจิ กรรม 2.7 แกป้ ัญหาหรือช้นิ งาน 120 การนาํ เสนอโครงงาน 120 กิจกรรม 2.8 (วเิ คราะหแ์ ละนาํ เสนอผลงาน กจิ กรรมทา้ ยบท ของนักเรียน) 7.2 อน่ื ๆ 1) ตวั อยา่ งโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี โครงงานสะเต็มศกึ ษา เช่น โครงงานทส่ี บื ค้นจากเว็บไซต์ https://www.scimath.org/project 2) เวบ็ ไซตท์ ่เี กย่ี วข้องกบั นวัตกรรม ช้ินงาน เชน่ สาํ นักงานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (http://www.nia.or.th/) 3) เวบ็ ไซต์กฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ หรอื นวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น กระทรวงดิจิทัลเพอื่ เศรษฐกิจและสังคม(http://www.mdes.go.th/view/1/home) 4) สอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์อื่น ๆ เช่น ภาพมัลตมิ ีเดยี วดี ทิ ัศน์ เว็บบลอ็ ก

8. แนวทางการจัดการเรียนรู้ 1) ผู้สอนนําเขา้ สบู่ ทเรียนโดยใชค้ าํ ถามในกจิ กรรม 2.1 การวเิ คราะหโ์ ครงงาน และอภิปรายร่วมกบั ผูเ้ รยี นเกยี่ วกบั โครงงาน ท่ีผู้เรยี นเคยปฏิบตั ใิ นชั้นเรียนท่ีผา่ นมาหรือเคยศึกษา และให้ผู้เรียนชว่ ยกนั วิเคราะห์ โครงงานน้ันโดยใช้ประเด็นคําถาม เช่น 1. โครงงานมเี ป้าหมายในการศึกษาหรือแกป้ ัญหาอะไร 2. โครงงานนนั้ มีวิธกี ารดําเนินการอย่างไร 3. ผลการดาํ เนนิ งานของโครงงานเปน็ อย่างไร ขณะที่ผู้เรยี นทาํ กิจกรรม 2.1 ใหศ้ ึกษาเนอื้ หา หัวข้อ 2.1 การแก้ปญั หาดว้ ยการทาํ โครงงาน ประกอบการทํากิจกรรม จากนัน้ ผ้สู อนใชต้ วั อยา่ งโครงงานทีผ่ ูเ้ รยี นนําเสนอประกอบการอภิปรายและ วิเคราะหโ์ ครงงาน โดยใหพ้ จิ ารณารายละเอียดของโครงงานตามประเดน็ คาํ ถามท่ีกาํ หนดไว้ ซง่ึ อาจนาํ เสนอ ผลการวเิ คราะหโ์ ครงงานในรปู แบบตาราง โดยโครงงานท่ีผเู้ รียนยกตัวอยา่ งอาจมีลกั ษณะในการศึกษาท่ีแตกตา่ งกนั วิธกี ารทาํ โครงงานลักษณะการทดลอง กาํ หนดปญั หา กาํ หนดตวั แปร ต้งั สมมติฐาน (คาดการณ์ ผลท่เี กิดขนึ้ ) ออกแบบการทดลอง ดําเนินการทดลอง รวบรวมข้อมลู แปลผล และสรปุ ผลการศกึ ษา วธิ ีการทําโครงงานลกั ษณะสํารวจ กาํ หนดประเด็นทตี่ ้องการสํารวจ วางแผนออกแบบ การสาํ รวจเลือกวิธีการดําเนินการ สรุปผลและอภิปรายผลจากการสํารวจ วิธีการทาํ โครงงานลกั ษณะส่งิ ประดิษฐ์ กาํ หนดความต้องการสงิ่ ประดิษฐ์ วางแผนออกแบบ ส่งิ ประดิษฐ์ เลอื กวัสดุ ลงมือประดิษฐ์ตามทีไ่ ดอ้ อกแบบไว้ ทดสอบประสทิ ธิภาพของส่งิ ประดิษฐ์ สาํ รวจ ความพงึ พอใจตอ่ การใช้ส่งิ ประดษิ ฐ์ และสรปุ ผลการศึกษา (ผูส้ อนสามารถสบื ค้นโครงงานท่ีน่าสนใจไดจ้ าก https://www.scimath.org/project) 2) ตวั แทนแตล่ ะกลุ่มนาํ เสนอผลการวิเคราะหโ์ ครงงานตามตาราง และอภปิ รายประเด็นเกยี่ วกบั จุดเด่น จดุ ด้อย และข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาโครงงานต่อไป 3) ผูเ้ รยี นรว่ มกนั อภิปรายหลกั การและประโยชน์ของการทาํ โครงงาน เพอื่ ให้ไดข้ อ้ สรุปวา่ การทาํ โครงงานเกิดจากปัญหาหรือความตอ้ งการทีผ่ ู้เรยี นสนใจ โดยมกี ารศึกษาค้นควา้ ข้อมลู และวางแผนการ ดาํ เนนิ การอย่างเป็นระบบ การทาํ โครงงานเปน็ กระบวนการหนึง่ ที่ผเู้ รยี นสามารถนํามาใชแ้ กป้ ัญหาศกึ ษา ค้นคว้าในเรื่องท่ีตอ้ งการร้อู ย่างลึกซ้ึง และลงมือปฏิบัตดิ ้วยตนเอง นอกจากน้กี จิ กรรมการวเิ คราะห์โครงงานทาํ ใหท้ ราบถงึ แนวทางการทําโครงงานในลกั ษณะต่างๆ ช่วยให้สามารถตรวจสอบ ความสอดคลอ้ งของแต่ละ ข้ันตอน และตดิ ตามความสําเร็จของโครงงานได้ เพ่ือให้ได้ผลลพั ธท์ ่มี ีคุณค่าและน่าเชอื่ ถือ 4) ผู้สอนนําเข้าสู่บทเรียน หัวข้อ 2.2 การพัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม โดยใช้คําถามชวนคิด “นักเรียนเคยทํา โครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการ ทาํ งานหรือไม่ นกั เรยี นคิดวา่ โครงงานดงั กล่าวควรมลี ักษณะอยา่ งไร” ให้ผูเ้ รยี นศึกษาเน้อื หาหัวขอ้ 2.2 จากนั้น

ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของโครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรมในการแก้ปัญหา 5) ให้ผู้เรียนศึกษารูปที่ 2.2 แสดงขั้นตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมซึ่งสัมพันธ์กับระยะ การดําเนินงานของโครงงาน โดยพิจารณาข้ันตอนแตล่ ะระยะของการทาํ โครงงาน และร่วมกันสรปุ ขัน้ ตอนการ ทําโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ดังนี้ 6) ผู้สอนนําเข้าสู่การทําโครงงาน ในหัวข้อ 2.2.1 ระยะเริ่มต้นโครงงาน โดยให้ผู้เรียนช่วยกัน ยกตัวอย่างสถานการณ์ปัญหาที่น่าสนใจในปัจจุบัน โดยผู้สอนแนะนํา ผู้เรียนว่าสถานการณ์ปัญหาที่จะพัฒนา เป็นหัวข้อโครงงานอาจได้จากการสํารวจสถานการณ์ในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน บ้าน หรือชุมชน หรือ สถานการณ์ที่เก่ียวข้องกับผู้เรยี นเอง รวมทั้งอาจได้จากการสืบค้นจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร บทความ ขา่ ว แหล่งเรยี นรู้ออนไลน์ แหลง่ เรียนรู้ทอ้ งถนิ่ ตัวอยา่ งสถานการณ์ปญั หา • ตน้ ไม้ในสวนสาธารณะของชุมชนแหง้ ตายเป็นจาํ นวนมาก • ถนนในชุมชนขา้ งโรงเรยี นมลี ักษณะมดื และเปลยี่ ว • แหล่งนำ้ ในชมุ ชนเนา่ เสียและมีกลน่ิ เหม็น • ไมม่ ีใครรดนำ้ ต้นไม้ที่โรงเรียนในชว่ งวนั หยุด • ก๊อกนำ้ ถกู เปิดใหน้ ้ำไหลท้งิ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายถึงการเลือกสถานการณ์ที่เป็นปัญหา เพื่อพัฒนาเป็นหัวข้อโครงงาน อาจพิจารณาจากความน่าสนใจ ความสําคัญของสถานการณ์ที่เป็นปัญหา ผลกระทบที่เกิดขึ้นหากไม่แก้ไขดงั ตัวอย่างสถานการณ์ การที่พ่อค้าในตลาดไม่รับซื้อมะม่วงน้ำ ดอกไม้ที่ชาวสวนปลูก ทํา ให้ชาวสวนสูญเสีย รายได้เป็นเงินจํานวนมาก มะม่วงน้ำ ดอกไม้เป็นผลผลิตสําคัญของชุมชนและสร้างรายได้ให้ชุมชนมานานอีก ทั้งเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถทํารายได้ให้แก่ประเทศไทยปีละหลายล้านบาท ดังนั้น หากสามารถแก้ปัญหา การไมร่ บั ซ้อื มะม่วงนำ้ ดอกไมข้ องพ่อคา้ ได้กจ็ ะช่วยแกป้ ัญหาของเกษตรกรรายอืน่ ๆ ดว้ ย 7) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหา หัวข้อ 2.2.2 ระยะพัฒนาโครงงาน: ขั้นระบุปัญหา จากตัวอย่างสถานการณ์ ปญั หาในหนังสือเรยี นเกีย่ วกบั พอ่ คา้ ในตลาดไม่รบั ซ้อื มะม่วงน้ำ ดอกไม้ โดยผู้สอนต้งั คาํ ถามวา่ จากสถานการณ์ ดงั กลา่ วจะสามารถระบปุ ญั หาทเี่ กยี่ วข้องกบั สถานการณ์ และตัดสนิ เลือกปญั หาจากสถานการณ์ได้อย่างไร 8) ผสู้ อนนําอภปิ รายในการตัดสนิ ใจเลือกปัญหา ควรใช้ความรจู้ ากศาสตรต์ ่างๆ และปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อนํา มาวิเคราะห์ปัญหา ดังตัวอย่างการวิเคราะห์ปัญหาในหนังสือเรียน โดยพบว่าทั้ง 3 ปัญหาเกี่ยวข้องกับ การสุกของผลมะม่วงที่เกิดจากการกระตุ้นโดยเอทิลีนที่เกิดขึ้นในผลมะม่วงเอง และตัดสินใจเลือกปัญหาโดย พิจารณาจากความเกี่ยวข้องและผลกระทบของปัญหา เช่น จากสถานการณ์ตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาที่ 1 คือ ผลมะม่วงน้ำดอกไม้ที่เก็บเกี่ยวมาเกิดการสุก จนเน่าเสียระหว่างเก็บรักษาและรอการขนส่ง โดยปัญหาที่ 1

เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดปัญหาที่ 2 และปัญหาที่ 3 ซึ่งหากแก้ปัญหาที่ 1 ได้ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดการเกิด ปัญหาท่ี 2 และ 3 ไปด้วย 9) ผเู้ รยี นปฏิบัตกิ ิจกรรม 2.2 การตดั สนิ ใจเลือกปัญหาจากสถานการณท์ ่สี นใจเพื่อพัฒนาโครงงาน โดยให้ผู้เรียนสํารวจสถานการณ์ที่สนใจใหม่ ระบุปัญหา และตัดสินใจเลือกปัญหาที่ผู้เรียนสนใจโดยพิจารณา ปจั จัยด้านต่าง ๆ ประกอบการตัดสนิ ใจ เชน่ ความสนใจ ผลกระทบของปญั หา ความเป็นไปไดใ้ นการแก้ปัญหา ความพรอ้ มของทรัพยากรหรือเครื่องมอื ท่ใี ช้ในการแกป้ ญั หา 10) ผู้เรียนศึกษาตัวอย่างจากเนื้อหาในหนังสือที่เกี่ยวกับการกํา หนดขอบเขตของปัญหา เพื่อกําหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่ตัดสินใจเลือกให้ชัดเจน โดยอาจนําเทคนิคการวิเคราะห์ต่างๆ มาช่วย เช่น เทคนิคการตั้งคําถาม 5W1H เทคนิคการวิเคราะห์ด้วยผังก้างปลา (fishbone diagram) โดย ผู้สอนนําอภิปรายเพื่อให้ได้ตัวอย่างแนวทางการสรุปกรอบแนวคิดและขอบเขตของปัญหาจากตัวอย่าง สถานการณ์ปัญหาในหนังสือเรียน คือ “ต้องการชะลอการสุกของผลมะม่วงที่เกิดจากแก๊สเอทิลีน ในช่วงเก็บ รกั ษาและขนสง่ เป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 25 วนั ” 11) ผู้เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2.3 กําหนดกรอบแนวคดิ และขอบเขตของปัญหาในการทาํ โครงงาน ใน ประเด็นปัญหาที่สนใจจากกิจกรรม 2.2 นํามาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ที่เหมาะสมและกําหนดกรอบ แนวคดิ และขอบเขตของปัญหาทตี่ นเองสนใจให้มคี วามชัดเจน 12) ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอข้อมูลผลการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาที่สนใจและการตัดสินใจเลือก (กิจกรรม 2.2) และการกํา หนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของปัญหา (กิจกรรม 2.3) เพื่อจะใช้เป็นประเด็น การพัฒนางานโครงงาน และเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายซกั ถามเกีย่ วกบั ขอ้ มลู ของแต่ละกลมุ่ ในช้ันเรยี น 13) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือ หัวข้อขั้นการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ของระยะพัฒนาโครงงาน และร่วมกันสรุปหลักการในการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหาว่า “เป็นการรวบรวมข้อมลู และแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี หรอื ศาสตรอ์ ่ืนๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง กับแนวทางการแก้ปัญหาและประเมินความเป็นไปได้ ข้อดีและข้อจํากัด เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางการ แกป้ ัญหาทเี่ หมาะสม และนําไปออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา” 14) ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม 2.4 การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน และรวบรวมข้อมูลท่ี เกยี่ วขอ้ งกับการทําโครงงาน ผู้สอนให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ • กาํ หนดประเด็นในการรวบรวมข้อมลู ก่อน อาจใช้การระดมสมองของสมาชิก โดยหัวข้อหรอื ประเดน็ ในการรวบรวมขอ้ มลู ตอ้ งแสดงไดช้ ัดเจนว่า ต้องการรวบรวมหรอื ศึกษาในประเดน็ ใด เม่ือไดป้ ระเด็น จึงไปดําเนินการสบื ค้นข้อมูล • สบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั โครงงานหรอื งานวจิ ัยอ่ืนๆ ท่เี กี่ยวข้อง โดยระบุแหลง่ ทมี่ าของขอ้ มูลตามรูปแบบ การเขยี นอ้างองิ

• แนะนําแหลง่ สบื ค้นขอ้ มลู เพ่ิมเติมให้แก่นักเรยี น เช่น แหล่งข้อมูลออนไลน์ หอ้ งสมดุ โรงเรยี น/ หอ้ งสมุดประจาํ จงั หวัด ภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ ผ้เู ชย่ี วชาญ การสงั เกตหรือการสมั ภาษณ์ผใู้ ช้งาน และ การศกึ ษาดงู านจากสถานท่ีจริง • วิเคราะห์ความน่าเชอ่ื ถอื ของแหล่งข้อมลู เช่น แหลง่ ข้อมลู ออนไลน์ ควรมีที่มาจากผเู้ ขยี นหรือ หน่วยงานทเ่ี ปน็ ทรี่ ู้จัก และไดร้ บั การยอมรบั ขอ้ มูลท่ีอา้ งองิ ไม่ควรนานเกนิ กวา่ 10 ปี • จดบนั ทึกผลการรวบรวมขอ้ มูลทัง้ หมดไว้ โดยอาจบนั ทกึ ลง log book หรอื อปุ กรณ์บนั ทกึ ข้อมูลอ่ืนๆ พรอ้ มระบุท่มี าของขอ้ มูล 15) ผู้เรียนสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นที่จําเป็นต่อการแก้ปัญหาโครงงาน ในรูปผังกราฟิก หรือแผนท่ี ความคิดโดยผู้สอนอาจแนะนํา เพิ่มเติมว่าปัจจุบันมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ช่วยในการสร้างผังกราฟิกได้ผู้เรียน สามารถใชโ้ ปรแกรมเหลา่ นีช้ ว่ ยในการสรุปขอ้ มูลทีร่ วบรวมมาในรูปแบบที่น่าสนใจได้ 16) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อ ขั้นการออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยใช้สถานการณ์ ตัวอย่างจากหนังสือเรียน ประเด็น ต้องการชะลอการสุกของผลมะม่วงที่เกิดจากแก๊สเอทิลีนในช่วงเก็บรักษา และขนสง่ เป็นเวลาอย่างน้อย 25 วัน 17) ผู้เรยี นและผสู้ อนรว่ มกนั อภิปรายหลักการขั้นออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา เพ่ือใหไ้ ดข้ ้อสรุปว่าในข้ันตอน นี้สามารถออกแบบการแก้ปัญหาไว้หลายแนวทางก่อน แล้ววิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อตัดสินใจเลือกแนว ทางการแก้ปัญหา โดยมีการประเมินความเป็นไปได้ในการทํางาน จากปัจจัยด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางด้าน ทรัพยากรทางเทคโนโลยี ความปลอดภัย การบาํ รงุ รกั ษา ความสะดวกสบายในการใช้งานผลกระทบ ขึ้นอยู่กับ ลักษณะของแนวทางการแก้ปัญหา อาจใช้ตารางช่วยประเมินเพื่อตัดสินใจเลือกโดยพิจารณาเลือกจากค่า ผลรวมของเงื่อนไขการตัดสินใจที่มีค่าคะแนนมากที่สุด ซึ่งแนวทางหรือวิธีการดังกล่าวมีความสอดคล้องและ ความเหมาะสมสําหรับใชแ้ กป้ ญั หาหรือสนองความต้องการมากทสี่ ดุ

ตัวอย่างตารางการประเมินเพ่ือตดั สินใจเลอื กวิธกี ารแก้ปัญหา เงื่อนไขการตัดสินใจ แนวทางการ วสั ดุและ งบประมาณ ความปลอดภยั การบาํ รงุ ความ การ การ ผลรวม แกป้ ญั หา วิธีการ รักษา สะดวกสบาย ป้องกัน ป้องกัน (คะแนน) สรา้ ง ในการใชง้ าน แมลง บาดแผล มี = 1 ถกู = 1 ปลอดภยั = 1 ง่าย = 1 สะดวก = 1 มี = 1 มี = 1 ไมม่ ี = 0 แพง = 0 ไม่ปลอดภยั = 0 ยาก = 0 ไมส่ ะดวก = 0 ไมม่ ี = 0 ไมม่ ี = 0 แนวทาง 1 ผงถ่านกัมมันต์ 1 1 1 1 1 00 5 มาบรรจุในถุงผา้ แนวทาง 2 แทง่ ผงถา่ นกมั 1 1 1 1 1 00 5 มันตผ์ สม ตัวกลาง แนวทาง 3 กลอ่ งกระดาษ 1 1 1 1 1 11 7 ผสมผงถ่านกมั มันต์ 18) ผู้สอนแนะนําผู้เรียนหลังจากตัดสินใจเลือกแนวทางในการแก้ปัญหา ควรพัฒนาแนวทางการ แก้ปัญหาให้มีความชัดเจน รวมทั้งหลักการออกแบบเบื้องต้น และการถ่ายทอดแนวความคิดของวิธีการ แก้ปัญหาเพื่อให้นักเรยี นสามารถสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจและมองเห็นภาพชัดเจนขึ้นโดยใช้ภาพร่างหรือวิธีการอ่ืน ที่เหมาะสม เชน่ ภาพ 2 มติ ิ 3 มติ ิ ภาพฉาย ผังงาน แผนภาพ และการใช้ซอฟตแ์ วร์ช่วยในการออกแบบดังเช่น ตัวอยา่ งการออกแบบและพฒั นาบรรจุภณั ฑเ์ พ่อื เก็บรักษามะม่วง ในหนงั สอื เรยี น 19) ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม 2.5 การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยสร้างทางเลือกแนวทางแก้ปัญหาจาก ปัญหาที่เลือกในกิจกรรม 2.2 และ 2.3 และอาศัยข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมในกิจกรรม 2.4 เป็นแนวทางใน การออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา แล้วตดั สินเลือกแนวทางท่เี หมาะสม 20) ผู้เรียนจัดทําเค้าโครงโครงงาน โดยอาศัยความรู้และข้อมูลจากการศึกษาและทํากิจกรรมที่ 2.2 -2.5 ประกอบการเขียนเค้าโครงโครงงาน โดยศึกษาหัวข้อการเขียนจากหนังสือเรียน และผู้สอนอธิบายเพิ่มเติมใน แต่ละหวั ขอ้ ดงั น้ี

การเขียนเค้าโครงโครงงาน • ชอื่ โครงงาน ช่อื โครงงานควรเปน็ ขอ้ ความท่กี ระชับ ชดั เจน สอ่ื ความหมายตรงประเดน็ เฉพาะเจาะจงและ สอดคลอ้ งกับ แนวทางการเลือกวธิ กี ารแก้ปญั หา • รายชื่อคณะผู้ทาํ โครงงาน • ช่ือครทู ปี่ รกึ ษา • ที่มาและความสาํ คัญ นําข้อมูลจากขน้ั ระบุปัญหาในกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งประกอบดว้ ยระบปุ ัญหา จากสถานการณ์ปญั หา วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหข์ ้อมูลท่ีเกีย่ วข้องกบั ปญั หา เพอื่ ตัดสนิ ใจเลอื ก ปญั หาจากสถานการณ์ แลว้ กาํ หนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของปญั หา ในการเขียนทีม่ า และความสาํ คัญควรมีส่วนสําคัญ 3 สว่ น คอื 1) สว่ นนาํ หรอื ภาพรวม 2) เนอ้ื หา 3) สว่ นสรปุ ถงึ แนวทางการเลอื กปญั หา กรอบแนวคดิ และ ขอบเขตของปญั หา โดยเขยี นเนอ้ื หาทงั้ หมดเป็นความเรยี ง • จุดประสงค์ของโครงงาน เขยี นจุดประสงคใ์ หส้ อดคล้องกบั แนวทางการแกป้ ัญหา ซงึ่ ต้องเขยี นใหช้ ดั เจนและตรงประเด็นกบั ปญั หา • ขอ้ มูลทเ่ี กี่ยวขอ้ ง • นําข้อมูลและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี หรอื ศาสตรอ์ ่นื ๆ ที่เก่ียวข้อง • กับปัญหา แนวทางการแกป้ ญั หาซึง่ ไดด้ ําเนินการในขัน้ รวบรวมข้อมูล มาประเมนิ ความเป็นไปได้ ข้อดแี ละข้อจาํ กดั นําไปส่กู ารเลือกแนวทางแกป้ ัญหา เพอื่ การพฒั นาหรอื ออกแบบวิธีการ แกป้ ญั หา • แผนผงั หรือภาพรา่ งของแนวทางแกป้ ญั หา และวิธีดาํ เนินงาน ผลทไ่ี ด้จากการดาํ เนนิ งานในขนั้ ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา อาจเป็นภาพรา่ งหรือภายฉายของ ช้ินงานที่นํามาใช้ในการแก้ปัญหาพรอ้ มรายละเอียดขั้นตอนในการสรา้ ง หรอื แผนผังแสดง ลําดับข้ันตอนการแก้ปัญหา โดยระบชุ นิดและจาํ นวนของวัสดุ อปุ กรณท์ ่ใี ช้ • แผนดําเนินงานและงบประมาณ นําเสนอข้นั ตอนในการดําเนนิ งานซง่ึ มกี าํ หนดเวลาเรมิ่ ต้นและเวลาเสรจ็ ของงานในแตล่ ะขัน้ ตอน และงบประมาณที่ใช้ • ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ นําเสนอสง่ิ ท่ีคาดวา่ จะได้รบั จากผลของการดําเนินโครงงาน • บรรณานกุ รม เอกสารทีใ่ ชเ้ ปน็ ขอ้ มูล โดยเขยี นอา้ งองิ ตามหลกั การเขยี นบรรณานกุ รม

21) ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอเค้าโครงโครงงานในชั้นเรียนเพื่อร่วมกันเสนอแนะและอภิปรายแนว ทางการพัฒนาและปรับปรุงการดําเนินงานโครงงานต่อไป โดยให้สมาชิกในชั้นเรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน ให้คะแนนการนาํ เสนอเค้าโครงโครงงานของเพ่อื นแต่ละกล่มุ โดยใชแ้ บบประเมนิ การนําเสนอเคา้ โครงโครงงาน 22) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อ ขั้นวางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา โดยผู้สอนย้ำให้ ผู้เรียนวิเคราะห์และศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนเกี่ยวกับการออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่ผู้เรียนเลือกแล้ว เพ่ือ นํามากําหนดแนวทางการลงมือปฏิบัติการพัฒนาวิธีการแก้ปัญหา รวมทั้งวางแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็น ขั้นตอน โดยศึกษาตัวอย่างจากหนังสือเรียนตามแผนภาพขั้นตอนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษามะม่วง น้ำดอกไม้ และตัวอยา่ งแผนปฏิบัตงิ านสร้างกล่องบรรจุภัณฑ์เก็บรักษามะม่วงน้ำดอกไม้ 23) ผู้เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรม 2.6 การวางแผนและดําเนนิ การแกป้ ญั หา โดยกําหนดลําดบั ขนั้ ตอนในการ พฒั นางาน ระบเุ คร่ืองมอื วสั ดุ อปุ กรณท์ เี่ หมาะสมกบั งาน เขียนแผนปฏิบตั งิ านโดยกําหนดเวลาให้เหมาะสมกบั งานและลงมือปฏิบัติในการแก้ปัญหาหรือสร้างชิ้นงานตามแผนปฏิบัติงาน โดยผู้สอนย้ำ ให้มีการบันทึกข้อมูล รูปภาพแตล่ ะขนั้ ตอนในการลงมอื ปฏิบัตแิ ละสร้างชน้ิ งาน 24) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อ ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการ แก้ปัญหาหรือชิ้นงาน และนําความรู้มากําหนดเกณฑ์การทดสอบวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงานของกลุ่มโดย ปฏิบัติกิจกรรม 2.7 การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน กรณีที่ผู้เรียน ได้ดําเนินการสร้างชิ้นงานหรือแก้ปัญหาเสร็จ ผู้สอนให้ผู้เรียนทดสอบและประเมินผลการทํางานของชิ้นงาน หรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ตามจุดประสงค์ที่กําหนดไว้หรือไม่ หากยังมีข้อบกพร่องหรือไม่สามารถ แก้ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์ควรนํา ผลการทดสอบมาวิเคราะห์ และหาวิธีการปรับปรุงแก้ไขโดยเสนอแนว ทางการแกไ้ ข หรือทํา การปรับปรุงแกไ้ ขหากดําเนินการได้ 25) ผ้สู อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ หลักการการดําเนินโครงงาน ระยะพฒั นาโครงงาน โดยใช้โครงงานท่ี ผู้เรยี นทาํ ประกอบการอภิปรายและสรปุ ความรู้ท่เี กีย่ วข้องกบั โครงงานแต่ละข้นั ตอน 26) ผู้สอนนําเข้าสู่บทเรียน หัวข้อ ระยะนําเสนอโครงงาน โดยนําภาพตัวอย่างหรือวีดิทัศน์ การจัดนิทรรศการโครงงาน หรือ การนําเสนอ/ประกวดผลงานโครงงานจากแหล่งเรียนรู้แบบออนไลน์ให้ ผู้เรียนดู และร่วมกันอภิปรายจุดประสงค์ของการนําเสนอผลงานต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการนําเสนอ ผลงานว่า “เป็นการเผยแพร่ หรือสื่อสารผลการทํา โครงงานของนักเรียนให้ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมของ กระบวนการทํางาน ตั้งแต่แนวคิดในแก้ปัญหา ขั้นตอนการแก้ปัญหา รวมทั้งผลของการแก้ปัญหาและแนว ทางการปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” โดยการนําเสนอผลงานมีหลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน โครงงาน การนาํ เสนอด้วยโปสเตอร์ การนาํ เสนอด้วยซอฟต์แวรน์ ํา เสนอ หรอื การนําเสนอผา่ นสอื่ ออนไลน์ 27) ให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม 2.8 การนําเสนอโครงงาน โดยให้ผู้เรียนนําเสนอผลงาน ในชั้นเรียนใน รูปแบบที่เหมาะสม เช่น การจัดทํารายงาน การทําแผ่นพับ การนําเสนองานโดยใช้โปรแกรมประยุกต์และให้ ผู้สอนและผู้เรียนมีส่วนร่วมในการซักถาม ให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นรวมทั้งการประเมินผล การนําเสนอ

ผลงานของผู้เรียน โดยผู้สอนอาจกําหนดรูปแบบกิจกรรมการนํา เสนอตามบริบทของสถานศึกษาและผู้เรียน เช่น การนําเสนอหน้าชั้นเรียนกับสมาชิกในห้อง เชิญคณะผู้บริหารและครูในโรงเรียนเข้าร่วมเปิดโอกาสให้ นกั เรยี นในโรงเรยี นทส่ี นใจเขา้ รว่ มชมการนําเสนอ หรอื จดั เปน็ นทิ รรศการนาํ เสนอผลงานนกั เรยี น 28) ผู้เรียนและผู้สอนสรุปร่วมกันถึงการทําโครงงาน และให้ข้อเสนอแนะกับผู้เรียนในเรื่อง การทํางาน เชน่ ระยะเวลาในการทํางานโครงงานควรเหมาะสมกับเวลา ความรพู้ ื้นฐานของผเู้ รียนมีส่วนสําคัญ ต่อการทําโครงงานให้ประสบความสําเร็จ งบประมาณควรมีการจัดสรรและใช้อย่างคุ้มค่า รวมทั้งกระตุ้นให้ ผเู้ รียนคิดว่าโครงงานของผเู้ รียนที่ทาํ ขนึ้ จะมแี นวทางในการสรา้ งประโยชนจ์ ากผลงานของตนเองได้อย่างไร 9. การวัดและประเมนิ ผล รายการประเมิน วธิ ีการวัด เคร่ืองมือทใี่ ชว้ ัด เกณฑก์ ารประเมนิ การผา่ น 1. การวิเคราะห์โครงงาน ตรวจใบกิจกรรม 2.1 ใบกิจกรรม 2.1 คะแนน 4 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 3 หมายถึง ดี คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง ผ้เู รียนไดร้ ะดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปถือว่าผ่าน

การพัฒนาโครงงานดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายการประเมิน วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื ทใี่ ชว้ ดั เกณฑก์ ารประเมินการผา่ น 2. การตัดสินใจเลอื กปัญหาจาก ตรวจใบกจิ กรรม 2.2 ใบกิจกรรม 2.2 คะแนน 55-72 หมายถึง ดมี าก สถานการณ์ที่สนใจ คะแนน 37-54 หมายถงึ ดี เพือ่ พัฒนาโครงงาน คะแนน 19-36 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1-18 หมายถงึ ปรับปรุง 3. กํา หนดกรอบแนวคิดและ ตรวจใบกิจกรรม 2.3 ใบกิจกรรม 2.3 ผู้เรยี นไดร้ ะดบั คุณภาพ ดี ขอบเขตของปญั หา ข้ึนไปถอื ว่าผ่าน ในการทําโครงงาน คะแนน 13-16 หมายถงึ ดมี าก 4. การรวบรวมข้อมลู ทเ่ี ก่ียวข้อง ตรวจใบกจิ กรรม 2.4 ใบกจิ กรรม 2.4 คะแนน 9-12 หมายถึง ดี กับโครงงาน คะแนน 5-8 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-4 หมายถงึ ปรับปรุง 5. การออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา ตรวจใบกจิ กรรม 2.5 ใบกจิ กรรม 2.5 ผเู้ รียนได้ระดบั คุณภาพ ดี ขน้ึ ไปถือว่าผา่ น 6. การวางแผนและดาํ เนนิ ตรวจใบกจิ กรรม 2.6 ใบกจิ กรรม 2.6 การแกป้ ญั หา 7. การทดสอบ ประเมนิ ผลและ ตรวจใบกิจกรรม 2.7 ใบกจิ กรรม 2.7 ปรบั ปรุงแก้ไขวธิ กี ารแก้ปญั หา หรือชิ้นงาน 8. ความสําเรจ็ ของชน้ิ งานหรอื ประเมนิ ชน้ิ งานหรอื แบบประเมนิ ช้ินงาน วิธีการแกป้ ญั หา วิธกี ารแก้ปัญหา หรือวิธีการแกป้ ัญหา การนําเสนอโครงงาน 9. การนาํ เสนอผลงาน ประเมินการนาํ เสนอ แบบประเมิน ผลงาน

รายการประเมนิ วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื ทใี่ ช้วัด เกณฑ์การประเมินการผา่ น 10. รายงานโครงงาน ประเมินรายงาน แบบประเมิน คะแนน 22-28 หมายถึง ดมี าก คะแนน 15-21 หมายถงึ ดี 11. แผ่นนาํ เสนอโครงงาน คะแนน 8-14 หมายถึง พอใช้ (โปสเตอร์) คะแนน 1-7 หมายถึง ปรบั ปรุง ทกั ษะการคดิ อย่าง ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ ดี มวี ิจารญาณ ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ประเมินแผ่น แบบประเมิน คะแนน 4 หมายถึง ดมี าก ทกั ษะการส่ือสาร นาํ เสนอโครงงาน คะแนน 3 หมายถึง ดี ทกั ษะการทาํ งานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ (โปสเตอร)์ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ ผู้เรียนได้ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมินทักษะ ผู้เรยี นได้ระดบั คุณภาพ ดี ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ทกั ษะ (ดูเกณฑ์การประเมินในภาคผนวก) สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมินทักษะ

เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล ประเดน็ การประเมิน ระดบั คะแนน 2.1 การวิเคราะหโ์ ครงงาน 43 2 1 วเิ คราะห์ วิเคราะห์ วเิ คราะหร์ ายละเอียด วเิ คราะหร์ ายละเอียด รายละเอียดปญั หา รายละเอยี ดปญั หา ปัญหาวิธดี าํ เนินการ ปัญหาวิธีดาํ เนนิ การ วิธดี ําเนนิ การ วธิ ดี ําเนินการ และผลการ และผลการ และผลการ และผลการ ดาํ เนนิ การของ ดาํ เนนิ การของ ดําเนนิ การของ ดาํ เนนิ การของ โครงงานได้ครบถว้ น โครงงานได้ โครงงานได้ โครงงานได้ แต่ไมถ่ ูกต้องบางสว่ น ไมค่ รบถ้วน ครบถ้วน ถูกต้อง ครบถว้ น ถกู ตอ้ ง และไมถ่ ูกต้องบางส่วน และชดั เจน

ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การใช้กระบวนการออกแบบเซงิ วิศวกรรมในการพัฒนาโครงงาน 2.2 การตดั สินใจเลอื ก ปญั หาจากสถานการณ์ ท่สี นใจเพอ่ื พฒั นาโครงงาน 2.2.1 การวิเคราะห์ วเิ คราะห์ปญั หา วิเคราะห์ปัญหาหรอื วเิ คราะหป์ ัญหาหรอื วิเคราะหป์ ญั หาหรอื องคป์ ระกอบปญั หาจาก หรอื ความต้องการ ความต้องการจาก ความต้องการจาก ความตอ้ งการจาก การตัง้ คําถาม 5W1H จากสถานการณ์ สถานการณ์โดยใช้ สถานการณโ์ ดยใช้ สถานการณ์โดยใช้ โดยใช้การต้งั การตั้งคําถาม 5W1H การตัง้ คาํ ถาม การตงั้ คาํ ถาม คําถาม 5W1H ไดแ้ ตส่ อดคลอ้ งกบั 5W1H ได้แต่ 5W1H ไดเ้ พียง ท่ีสอดคลอ้ งกบั ประเด็นปัญหา สอดคลอ้ งกบั 1 ดา้ นหรอื ไม่ ประเด็นปญั หาได้ เพียง 4-5 ด้าน ประเดน็ ปญั หา สอดคลอ้ งกบั ครบถว้ น เพยี ง 2-3 ด้าน ประเดน็ ปัญหา ทั้ง 6 ด้าน 2.2.2 การหาสาเหตแุ ละ ใช้ผังกา้ งปลา ใชผ้ ังกา้ งปลา ใช้ผงั ก้างปลา ใช้ผงั กา้ งปลา ปจั จัยของปัญหา เพอื่ ระบสุ าเหตุ เพอ่ื ระบสุ าเหตุและ เพอื่ ระบสุ าเหตุและ เพือ่ ระบุสาเหตแุ ละ โดยการวิเคราะห์ และปัจจัยได้ ปัจจัยได้สอดคลอ้ ง ปัจจยั ไดส้ อดคล้อง ปัจจัยได้ไม่ ดว้ ยผงั กา้ งปลา สอดคล้องกับ และครอบคลุมกับ และครอบคลุมกับ ครอบคลมุ กบั ปญั หา ครอบคลุมกับ ปญั หา มีความ ปญั หา และขาดความ ปญั หา มีความ ถกู ตอ้ ง แต่ขาดความถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งบางส่วน ถูกต้อง ชดั เจน บางสว่ น 2.3 กําหนดกรอบ กําหนดกรอบ กําหนดกรอบแนวคดิ กาํ หนดกรอบ กําหนดกรอบ แนวคดิ และขอบเขตของ แนวคิดและ และขอบเขตของ แนวคิดและขอบเขต แนวคดิ และขอบเขต ปญั หาในการทาํ โครงงาน ขอบเขตของ ปัญหาได้สอดคล้อง ของปัญหาได้ ของปญั หาท่ตี อ้ งการ ปญั หาได้ กับสถานการณท์ ่ี สอดคล้องกบั แก้ไขได้สอดคลอ้ ง สอดคลอ้ งกับ สนใจได้ครบถ้วน สถานการณท์ ่สี นใจ บางส่วนและขาด สถานการณ์ที่ เป็นส่วนใหญ่แต่ขาด ความชัดเจนเปน็ สนใจไดค้ รบถว้ น ความชัดเจน ส่วนใหญ่ ชัดเจน บางส่วน

ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 2.4. การรวบรวมขอ้ มูล ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับโครงงาน 2.4.1 การกําหนดประเดน็ กํา หนดประเดน็ กาํ หนดประเดน็ เพ่ือ กาํ หนดประเด็น กํา หนดประเดน็ เพ่อื รวบรวมขอ้ มูล เพ่ือใช้รวบรวม ใช้รวบรวมข้อมลู ที่ เพื่อใช้รวบรวม เพือ่ ใชร้ วบรวม ข้อมลู ไดต้ รงตาม ตรงตามปัญหาหรอื ขอ้ มูลทีต่ รงตาม ขอ้ มลู ได้ แต่ไม่ตรง ปญั หาหรอื ความ ความตอ้ งการได้ ปญั หาหรอื ความ กับประเด็นปญั หา ตอ้ งการได้อยา่ ง ตอ้ งการ แตข่ าด เปน็ สว่ นใหญ่ ครบถ้วนสมบรู ณ์ ความชัดเจน บางสว่ น 2.4.2 การรวบรวมและ รวบรวมขอ้ มูลตาม รวบรวมข้อมลู ตาม รวบรวมขอ้ มลู ตาม รวบรวมขอ้ มูลตาม สรปุ ขอ้ มูลทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับ ประเดน็ ท่ีกําหนด ประเดน็ ท่ีกําหนดไว้ ประเดน็ ท่ีกําหนดไว้ ประเด็นท่ีกําหนดไว้ ประเดน็ ปัญหา ไวไ้ ดข้ ้อมูลถกู ต้อง ไดข้ ้อมูลถกู ต้อง และสรปุ ในรปู แบบ และสรุปในรปู แบบ สมบูรณ์ สามารถ สมบูรณ์ สามารถ แผนทคี่ วามคดิ ได้ แผนที่ความคิดได้ สรุปในรูปแบบ สรุปในรูปแบบแผนท่ี โดยแสดงใหเ้ หน็ แต่ความสมั พันธ์ของ แผนทค่ี วามคดิ ได้ ความคิดได้ โดย ความสัมพันธ์ของ ข้อมูลขาดความ โดยแสดงให้เห็น แสดงให้เหน็ ขอ้ มูล แต่ขาดความ ถูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ความสัมพันธ์ของ ความสัมพนั ธข์ อง ถูกต้องบางส่วน ข้อมูลอยา่ งถูกต้อง ขอ้ มูลอยา่ งถกู ตอ้ ง ครบถว้ น 2.4.3 วเิ คราะห์ข้อดี วเิ คราะหข์ อ้ ดี วเิ คราะหข์ ้อดี วิเคราะหข์ ้อดี วเิ คราะห์ข้อดี ขอ้ จาํ กัดของแนวทางแก้ไข ขอ้ จาํ กัดจาก ข้อจํากดั จากข้อมลู ข้อจํากัดจากขอ้ มูล ขอ้ จํากัดจากขอ้ มลู ปญั หาทีร่ วบรวมไว้ ขอ้ มูลของชิน้ งาน ของชน้ิ งานหรือ ของช้นิ งานหรอื ของชิน้ งานหรือ หรอื วิธีการท่ี วธิ กี ารที่สามารถ วิธกี ารทส่ี ามารถ วิธีการที่สามารถ สามารถนาํ มาใช้ นํามาใชเ้ พือ่ แก้ไข นาํ มาใชเ้ พือ่ แก้ไข นาํ มาใช้เพื่อแก้ไข เพือ่ แก้ไขปญั หาที่ ปัญหาทส่ี นใจได้ ปัญหา ปัญหาท่สี นใจได้ สนใจได้อยา่ ง อยา่ งถูกต้อง ท่ีสนใจได้แตข่ าด แต่ขาดความถกู ต้อง ถกู ต้องสมบรู ณ์ ความถกู ตอ้ ง เปน็ สว่ นใหญ่ บางส่วน

ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 2.4.4 การเลอื กแนวทาง ตดั สินใจเลอื ก ตัดสนิ ใจเลือก ตดั สินใจเลือก ตดั สินใจเลือกแนวทาง ในการแกป้ ญั หา แนวทางในการ แนวทางในการ แนวทางในการ ในการแก้ปญั หาหรอื แก้ปญั หาได้โดยใช้ แกป้ ญั หาไดโ้ ดยใช้ แกป้ ัญหาได้แตใ่ ช้ ความตอ้ งการของ ข้อมลู และเหตผุ ล ขอ้ มูลและเหตผุ ล ขอ้ มลู และเหตุผล ตนเองได้ อย่างสมเหตสุ มผล อย่างสมเหตุสมผล เพียงบางส่วนเพ่ือ แตไ่ มไ่ ดใ้ ช้ข้อมลู และ และเป็นไปตาม พิจารณาความ เหตผุ ลเพอ่ื พิจารณา ข้อเท็จจรงิ เป็นไปได้ ความเปน็ ไปได้ 2.5. การออกแบบวธิ ีการ แกป้ ญั หา 2.5.1 การสรา้ งทางเลือกใน สรา้ งทางเลอื กใน สรา้ งทางเลอื กในการ สร้างทางเลอื กใน สร้างทางเลอื กในการ การแก้ไขปญั หา การแก้ไขปัญหาได้ แก้ไขปัญหา การแกไ้ ขปัญหา แกไ้ ขปัญหา อยา่ งหลากหลาย ได้ 3 แนวทาง ได้ 2 แนวทาง ได้ 1 แนวทาง ได้มากกวา่ 3 แนวทาง 2.5.2 เปรียบเทียบและ เปรียบเทยี บผลดี เปรียบเทียบผลดี เปรียบเทยี บผลดี เปรยี บเทียบผลดี ตัดสนิ ใจเลือกวธิ ีการ ผลเสยี และตัดสิน ผลเสยี และตดั สิน แก้ปัญหา ผลเสียและตดั สิน ผลเสียและตัดสิน เลือกวิธกี าร เลอื กวิธกี ารแก้ปัญหา แกป้ ญั หา ภายใต้จํากัดท่ีมีอยู่ เลือกวิธกี าร เลือกวธิ กี าร สอดคลอ้ งกบั แตข่ าดความ ปญั หาภายใต้ สมเหตุผลและความ แก้ปัญหา แก้ปญั หาสอดคล้อง ขอ้ จํากดั ทม่ี อี ยู่ เป็นไปได้ แต่ขาดความ สอดคล้องกบั กับปัญหาภายใต้ สมเหตุสมผลหรือ ความถูกตอ้ ง ปัญหาภายใต้ ขอ้ จาํ กดั ท่ีมีอยอู่ ยา่ ง บางส่วน ขอ้ จํากัดท่มี ีอยู่ เหมาะสม อยา่ งสมเหตสุ มผล และเป็นไปตาม ข้อเทจ็ จรงิ

ประเดน็ การประเมนิ ระดับคะแนน 2.5.3 การออกแบบและ 43 2 1 ถ่ายทอดความคิดของ ชิ้นงานหรือวธิ ีการในการ ออกแบบโดย ออกแบบโดย ออกแบบโดย ออกแบบโดยถ่ายทอด แกไ้ ขปญั หา ถา่ ยทอดความคิด ถ่ายทอดความคิด ถา่ ยทอดความคิด ความคิดวธิ ีการ วิธีการแก้ปญั หา วธิ ีการแกป้ ญั หา วิธกี ารแกป้ ญั หาหรอื แกป้ ญั หาหรือสนอง 2.6 การวางแผนและ หรอื สนองความ หรือสนองความ สนองความต้องการ ความตอ้ งการเปน็ ดาํ เนินการแก้ปญั หา ต้องการเป็น ตอ้ งการเป็น เปน็ ภาพ 2 มติ ิ 2.6.1 การวางแผน ภาพ 2 มติ ิ ภาพ 2 มิติ ภาพ 2 มติ ิ ภาพ 3 มติ ิ การทํางาน ภาพ 3 มติ ิ ภาพ 3 มติ ิ ภาพ 3 มิติ ภาพฉายแผนภาพ ภาพฉายแผนภาพ ภาพฉายแผนภาพ ภาพฉายแผนภาพ หรือผังงานไม่ละเอียด 2.6.2 การสร้างผลงาน หรอื ผงั งาน หรอื ผังงานได้ หรอื ผงั งานได้ ขาดข้อมูลเป็นส่วน ไดอ้ ย่างละเอียด แตย่ งั ขาดข้อมูล แตย่ งั ขาดข้อมลู ใหญแ่ ละไมส่ ามารถ และแสดงข้อมลู บางส่วน บางสว่ นและไม่ ส่อื สารใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ ครบถ้วน สามารถ แต่สามารถสอ่ื สาร สามารถส่ือสารให้ ตรงกนั สื่อสารให้ผอู้ น่ื ใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจ ผ้อู ืน่ เขา้ ใจตรงกัน เขา้ ใจตรงกนั ตรงกนั วางแผนเพือ่ ให้ วางแผนเพอ่ื ให้ วางแผนเพ่อื ให้การ วางแผนเพ่ือให้การ การทํางานเปน็ ไป การทาํ งานเปน็ ไป ทํางานเปน็ ไปตาม ทาํ งานเป็นไปตาม ตามเปา้ หมาย ตามเป้าหมาย เปา้ หมาย เปา้ หมาย และระยะเวลาท่ี และระยะเวลาท่ี และระยะเวลาที่ และระยะเวลา กาํ หนด สามารถ กาํ หนด สามารถ กาํ หนด สามารถ ทก่ี ําหนดแตไ่ ม่ ปฏิบตั ิตามแผนที่ ปฏิบัตติ ามแผนที่ ปฏิบตั ติ ามแผนทวี่ าง สามารถปฏิบตั ิตาม วางไว้ได้ครบถ้วน วางไวไ้ ดค้ รบถ้วน ไวไ้ ดค้ รบถ้วนแตต่ ้อง แผนทีว่ างไวไ้ ด้ แตต่ อ้ งมีการปรับ มีการปรบั ครบถว้ น เปลยี่ นแผน เปลี่ยนแผนการ การทาํ งานเพียง ทํางาน เล็กน้อย สร้างผลงานไดต้ รง สร้างผลงานได้ตรง สรา้ งผลงานไดต้ รง สรา้ งผลงานได้ ไมต่ รงตามแนวคิดท่ี ตามแนวคิดที่ ตามแนวคิดท่ี ตามแนวคิดท่ี ออกแบบไว้ ออกแบบไว้ ออกแบบไว้เป็น ออกแบบไวไ้ ดเ้ พียง ส่วนใหญ่ บางสว่ น

ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 2.7 การทดสอบประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ้ ขวธิ กี าร แกป้ ญั หาหรอื ชิ้นงาน 2.7.1 การกําหนดประเดน็ กำหนดประเดน็ กําหนดประเดน็ กําหนดประเดน็ กาํ หนดประเด็น ในการทดสอบผลงาน ในการทดสอบ ในการทดสอบ ในการทดสอบ ในการทดสอบผลงาน ผลงานท่ีจาํ เปน็ ต่อ ผลงานท่จี าํ เปน็ ตอ่ ผลงานท่ีจําเปน็ ตอ่ ที่จาํ เปน็ ตอ่ การ การแก้ปัญหา การแก้ปัญหา การแกป้ ัญหาตามท่ี แก้ปัญหาตามที่ ตามท่กี ําหนดไว้ ตามทก่ี ําหนดไว้ กาํ หนดไว้ กาํ หนด อยา่ งครบถว้ นและ ไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่ ไดบ้ างส่วน โดยขาดความ สามารถใชท้ ดสอบ สามารถใชท้ ดสอบ สอดคล้อง ชิ้นงานไดจ้ รงิ ช้ินงานได้จรงิ เป็นส่วนใหญ่ 2.7.2 การสรา้ งทางเลือกใน สร้างทางเลอื กใน สร้างทางเลือกใน สรา้ งทางเลือกในการ สรา้ งทางเลอื กในการ การปรับปรุงแกไ้ ขผลงาน การปรบั ปรงุ แก้ไข การปรับปรุงแกไ้ ข ปรบั ปรงุ แกไ้ ขผลงาน ปรบั ปรุงแกไ้ ขผลงาน ผลงานได้ ผลงานได้ สอดคลอ้ งกับ ยงั ไม่สอดคลอ้ งกับ เหมาะสมกับ เหมาะสมกบั ขอ้ บกพร่องท่ีพบ ข้อบกพรอ่ งทพ่ี บ ขอ้ บกพรอ่ งทีพ่ บ ข้อบกพร่องที่พบ บางสว่ น อย่างหลากหลาย และสามารถนํา และสามารถนาํ ไปใช้ปรับปรงุ ผล ไปใช้ปรับปรงุ ผล งานได้บางสว่ น งานได้

ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 2.8 ความสาํ เร็จของชน้ิ งาน หรอื วธิ กี ารแก้ปัญหา 2.8.1 ช้ินงานหรือวิธกี าร ชิ้นงานหรือวิธกี าร ช้นิ งานหรือวิธีการ ช้ินงานหรือวิธีการ ช้ินงานหรอื วธิ กี ารไม่ สามารถแก้ปญั หาได้ สามารถแก้ปญั หา สามารถแก้ปญั หา สามารถแก้ปญั หาได้ สามารถแก้ปัญหาได้ ได้สมบูรณ์ ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ บางสว่ น 2.8.2 ช้ินงานหรือวิธกี าร ประยกุ ต์ใช้ชนิ้ งาน ประยุกต์ใช้ชิน้ งาน ประยุกต์ใช้ชน้ิ งาน ไมส่ ามารถประยุกต์ใช้ สามารถนําไปประยกุ ต์ใช้ได้ หรือวิธกี ารให้เกิด หรอื วธิ ีการให้เกิด หรอื วิธกี ารให้เกิด ชน้ิ งานหรือวธิ ีการให้ ในชีวติ ประจําวัน ประโยชน์ใน ประโยชนใ์ น ประโยชน์ใน เกิดประโยชนใ์ น ชวี ิตประจาํ วนั ชวี ิตประจาํ วนั ชีวติ ประจําวนั ชีวติ ประจําวันได้ ได้เปน็ อยา่ งดี ไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่ ได้บางส่วน 2.8.3 ชิ้นงานหรือวิธีการมี ชิน้ งานมีความ ชิ้นงานมคี วาม ชน้ิ งานมคี วาม ชิ้นงานไม่มีความ ความปลอดภัย ปลอดภัย มีความ ปลอดภยั หรือ มคี วามเหมาะสมกับ เหมาะสมกบั มีความเหมาะสม ปลอดภยั หรือ ปลอดภัย ผ้ใู ชง้ านและคาํ นงึ ถงึ ผใู้ ช้งานและ กบั ผู้ใชง้ าน หรือ สงิ่ แวดลอ้ ม คาํ นึงถงึ คํานึงถงึ มีความเหมาะสมกับ ไม่เหมาะสมกับ สิ่งแวดล้อม สิง่ แวดลอ้ ม (ครบ 3 ขอ้ ) (มี 2 ข้อ) ผใู้ ชง้ าน หรือคาํ นงึ ถงึ ผู้ใชง้ านและ สง่ิ แวดลอ้ ม ไม่คาํ นงึ สิ่งแวดลอ้ ม (มี 1 ขอ้ ) 2.8.4 ความคิดสรา้ งสรรค์ ชน้ิ งานหรือวิธกี าร ช้ินงานหรอื วิธีการ ชิ้นงานหรอื วธิ กี าร ชิ้นงานหรอื วธิ ีการ ของชน้ิ งานหรอื วธิ กี าร แกป้ ัญหาแสดงให้ แก้ปญั หาปรับปรงุ แก้ปัญหาปรบั ปรงุ มา แกป้ ัญหา แก้ปัญหา เหน็ ความคิดริเริ่ม มาจากชนิ้ งานหรือ จากชิน้ งานหรือ ลอกเลยี นแบบจาก สร้างสรรค์ วิธีการทม่ี ีผทู้ ํา วธิ กี ารที่มผี ทู้ ํา ช้นิ งานหรือวธิ กี ารท่มี ี มาแลว้ บางส่วน มาแลว้ เป็นส่วนใหญ่ ผ้ทู าํ มาแล้ว

ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การนําเสนอโครงงาน 2.9 การนาํ เสนอผลงาน 2.9.1 รปู แบบการนําเสนอ นําเสนอเป็น นาํ เสนอเปน็ นาํ เสนอเปน็ นาํ เสนอไมเ่ ป็น ลาํ ดับขน้ั ตอน ลําดับขั้นตอน ลาํ ดบั ขัน้ ตอน ลาํ ดับข้นั ตอน มคี วามน่าสนใจ หรอื มคี วามน่าสนใจ หรือมีความนา่ สนใจ ไม่น่าสนใจ และเข้าใจงา่ ย หรอื เขา้ ใจ หรือเขา้ ใจง่าย และเข้าใจยาก (ครบ 3 ข้อ) งา่ ย (มี 2 ขอ้ ) (มี 1 ขอ้ ) 2.9.2 เน้อื หาท่นี ําเสนอ เนอ้ื หาถกู ต้องตรง เน้ือหาถูกต้องตรง เนอ้ื หาบางส่วน เน้อื หาโดยสว่ น ประเด็นและ ประเด็นแต่มี ไม่ถูกต้องและ ใหญ่ไม่ถูกต้อง มีรายละเอียด รายละเอียดบางส่วน ไมค่ รอบคลุม และไม่ครอบคลมุ ครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุม 2.9.3 การอธบิ ายความรทู้ ่ี อธิบายความรู้ที่ อธบิ ายความรู้ที่ อธิบายความรทู้ ี่ ไม่สามารถอธิบาย เกี่ยวข้องและเชอื่ มโยงกับ เกี่ยวข้องและ เกย่ี วข้องและ เกีย่ วข้องและ ความรู้ทเ่ี ก่ียวข้อง การแกป้ ญั หาได้ถกู ต้อง เชอื่ มโยงกบั การ เช่อื มโยงกบั การ เชอ่ื มโยงกบั การ ไม่เชอื่ มโยงกบั การ ชดั เจน แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ ง แก้ปัญหาได้อยา่ ง แก้ปัญหาได้อยา่ ง แกป้ ญั หา ถกู ต้องชัดเจน ถกู ต้องและชดั เจน ถกู ตอ้ งและชดั เจน ไม่ถกู ต้องและ และสมบรู ณ์ เปน็ สว่ นใหญ่ ไดบ้ างสว่ น ไม่ชดั เจน 2.9.4 การนําเสนอผลงาน นาํ เสนอผลงาน นําเสนอผลงานเกนิ นําเสนอผลงานเกนิ นําเสนอผลงาน ตามเวลาท่กี าํ หนด ภายในเวลาที่ เวลาทีก่ ําหนด เวลาทก่ี ําหนด เกนิ เวลาทีก่ าํ หนด กาํ หนด แตไ่ ม่เกนิ 2 นาที แต่ไม่เกนิ 5 นาที ตงั้ แต่ 5 นาที ขนึ้ ไป

ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คะแนน 4 3 21 2.10 รายงานโครงงาน 2.10.1 องคป์ ระกอบของ องคป์ ระกอบของ องคป์ ระกอบของเล่ม องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ เล่มรายงานและเนอ้ื หา เล่มรายงาน เลม่ รายงานไม่ สาระ ถูกตอ้ ง เนอื้ หา รายงานถกู ตอ้ ง เลม่ รายงาน ถกู ตอ้ ง เน้อื หา ถกู ตอ้ งสอดคลอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ งและ 2.10.2 ทมี่ าและความ กับเรอื่ งครบถ้วน เนือ้ หาถูกต้อง ถกู ต้อง เนื้อหา ไม่ครบถว้ น สําคัญ และเป็นไปตาม และแตกตา่ งจาก รูปแบบที่กําหนด สอดคลอ้ งกบั เรื่อง ถูกตอ้ งสอดคลอ้ ง รูปแบบทกี่ ําหนด ครบถว้ น แต่การ กบั เร่ืองแต่ไม่ เรยี งลาํ ดบั หรือ ครบถ้วนและ รปู แบบไมเ่ ปน็ ไป การเรยี งลาํ ดับ ตามที่ หรือรปู แบบไม่ กาํ หนดบางสว่ น เป็นไปตามท่ี กาํ หนดบางส่วน ระบุปัญหาจาก ระบปุ ญั หาจาก ระบปุ ัญหาจาก ระบุปญั หาจาก สถานการณไ์ ด้ สถานการณไ์ ดอ้ ยา่ ง สถานการณไ์ ด้ สถานการณไ์ ด้ อยา่ งชัดเจน ชดั เจนแสดงการ แสดงการ ไมช่ ดั เจน แสดงการ แสดงการ วิเคราะห์และ วเิ คราะห์และ วเิ คราะห์และ วเิ คราะห์และ สงั เคราะหข์ อ้ มลู ที่ สงั เคราะหข์ ้อมลู ท่ี สังเคราะห์ขอ้ มูล สงั เคราะห์ข้อมูลที่ เกยี่ วกบั ปญั หาและ เก่ยี วกบั ปัญหา ท่ีเกยี่ วกับปญั หาได้ เก่ียวกบั ปญั หา ตดั สนิ ใจเลอื กปัญหา และตัดสนิ ใจเลอื ก ไมช่ ดั เจนตดั สินใจ และตัดสินใจ อยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล ปญั หาโดยขาด เลอื กปญั หาโดยขาด เลอื กปญั หาอย่าง แตก่ าํ หนดกรอบ เหตผุ ลทีช่ ดั เจน เหตุผล กาํ หนด เป็นเหตุเป็นผล แนวคิดและขอบเขต บางส่วน กําหนด กรอบแนวคดิ และ แล้วกาํ หนดกรอบ ของปัญหายังขาด กรอบแนวคิดและ ขอบเขตของปญั หา แนวคิดและ ความชัดเจนบางส่วน ขอบเขตของ ได้ไม่ชัดเจน ขอบเขตของ ปญั หาขาดความ ปัญหาไดอ้ ยา่ ง ชดั เจนบางสว่ น ชดั เจน

ประเดน็ การประเมิน ระดบั คะแนน 2.10.3 จดุ ประสงค์ของ 4 3 21 โครงงาน เขยี นจุดประสงค์ เขยี นจุดประสงค์ได้ เขยี นจดุ ประสงค์ เขียนจุดประสงค์ไม่ 2.10.4 ข้อมูลทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ได้ตรงประเด็น ตรงประเด็น ไดต้ รงประเด็น ตรงประเด็น กับโครงงาน กับปญั หา กับปญั หา กับปัญหา กับปญั หา และสอดคล้องกับ และสอดคล้องกับ แตร่ ะบุแนว และไม่สอดคลอ้ งกบั 2.10.5 วธิ ดี ําเนนิ การ แนวทางการ แนวทางการ ทางการแก้ปญั หา แนวทางการ แกป้ ัญหา แก้ปญั หาไดอ้ ยา่ ง แก้ปัญหาแตข่ าด ได้ไมช่ ดั เจน แก้ปญั หา ชัดเจน ความชดั เจนบางส่วน มกี ารศกึ ษาคน้ คว้า มีการศกึ ษาคน้ ควา้ มีการศกึ ษา ไมม่ ีการศึกษา ค้นควา้ หลักการ คน้ คว้า หลกั การ หลักการทฤษฎี หลักการทฤษฎีและ ทฤษฎี และงาน ทฤษฎี และงาน ทีเ่ กย่ี วข้อง ท่ีเก่ียวข้อง หรือ และงาน งานทเ่ี กยี่ วข้อง แตไ่ มส่ มบรู ณ์ มกี ารศกึ ษาแต่น้อย และนาํ ข้อมลู มา มาก และไมไ่ ดน้ ํา ทเี่ กยี่ วขอ้ ง สอดคลอ้ งกบั วิเคราะห์และ ขอ้ มลู ประเมนิ ความ มาวิเคราะห์และ สอดคลอ้ งกับ โครงงาน และ เปน็ ไปได้ ข้อดี ประเมินความเป็นไป ขอ้ จํากัด ได้ ข้อดี โครงงาน และ นาํ ข้อมูลมาวเิ คราะห์ เพื่อเลือกแนวทาง ขอ้ จํากัด การแกป้ ัญหายงั นาํ ข้อมลู มา และประเมนิ ความ ขาดความชัดเจน เพื่อเลือกแนวทาง บางสว่ น การแก้ปญั หา วเิ คราะห์และ เปน็ ไปได้ ข้อดี ประเมินความ ขอ้ จาํ กัด เป็นไปได้ ขอ้ ดี เพ่อื เลือกแนวทาง ขอ้ จาํ กดั การแก้ปญั หา เพ่ือเลือกแนวทาง แต่ยังขาดความ การแกป้ ญั หาที่ ชดั เจนบางสว่ น ชดั เจน แสดงการพฒั นา แสดงการพฒั นา แสดงการพัฒนา แสดงการพัฒนา แนวทางในการ แก้ปญั หาขน้ั ตอน แนวทางในการ แนวทางในการ แนวทางในการ การแก้ปัญหาได้ อยา่ งครบถ้วน แก้ปัญหาขัน้ ตอนการ แกป้ ัญหา ข้นั ตอน แกป้ ญั หา และ สมบูรณ์ แกป้ ัญหาได้อยา่ ง การแก้ปญั หาได้ ขัน้ ตอนการ ครบถว้ น ครบถ้วนเป็น แกป้ ญั หาได้ แตข่ าดรายละเอียด สว่ นใหญ่ และขาด ไมค่ รบถ้วนและ ทชี่ ัดเจน รายละเอียด ไม่ได้แสดง ท่ีชัดเจน รายละเอียด

ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 2.10.6 การนําเสนอผลการ นําเสนอผลการ นําเสนอผลการ นาํ เสนอผลการ นําเสนอผลการ แก้ปญั หาและสรุปผล แก้ปญั หาและ แก้ปญั หาและ สรปุ ผลได้ถกู ต้อง แกป้ ัญหาและสรุปผล แกป้ ัญหาและ สรปุ ผลได้ไม่ถกู ต้อง และสอดคล้องกับ และไมส่ อดคลัองกบั ขอ้ มลู ได้ถกู ต้องและ สรุปผลขาดความ ขอ้ มลู สอดคล้องกบั ขอ้ มูล ถูกตอ้ งบางสว่ น เปน็ ส่วนใหญ่ และสอดคล้องกบั ขอ้ มูลเปน็ สว่ น ใหญ่ 2.10.7 การใชภ้ าษา เลือกใช้คําถกู ตอ้ ง เลอื กใชค้ าํ ถูกตอ้ ง เลือกใช้คาํ ถกู ต้อง เลอื กใชค้ าํ ไม่ถูกตาม ตามหลัก ตามหลกั ไวยากรณ์ ตามหลกั หลักไวยากรณ์ ไวยากรณ์ กระชบั รัดกมุ ไวยากรณ์ ขาดความกระชับ กระชบั รัดกมุ แต่สือ่ ความหมายไม่ แตข่ าดความ รัดกุม และไม่ เข้าใจง่าย ชัดเจนบางสว่ น กระชบั รัดกุม สามารถส่ือ สื่อความหมายได้ หรอื ไม่สามารถ ความหมาย ชดั เจน สือ่ ความหมายได้ ได้ชดั เจน ชัดเจนบางสว่ น 2.11 แผน่ นําเสนอโครงงาน แผน่ นาํ เสนอ แผ่นนาํ เสนอ แผน่ นาํ เสนอ แผ่นนาํ เสนอ โครงงานขนาด โครงงานขนาด โครงงานผดิ ขนาด (โปสเตอร)์ โครงงานขนาด ถูกต้องตามทีก่ ําหนด ถกู ตอ้ งตามที่ นําเสนอเนือ้ หาท่ี นําเสนอเนอื้ หาท่ี กาํ หนด นาํ เสนอ สาํ คัญไมถ่ ูกตอ้ งและ ถกู ต้องตามที่ สําคญั ถูกต้อง เนือ้ หาท่สี ําคญั ไม่ครบถว้ น ครบถว้ นแต่ออกแบบ ถกู ต้อง แตข่ าด ออกแบบ กาํ หนด นําเสนอ ไดน้ า่ สนใจ แตเ่ ขา้ ใจ ความชัดเจน ไมน่ า่ สนใจ ได้ยากบางสว่ น บางส่วน หรอื และเข้าใจยาก เนอื้ หาท่ีสาํ คญั ออกแบบขาด ความนา่ สนใจหรอื ถูกต้อง ครบถ้วน เข้าใจได้ยาก บางส่วน ออกแบบได้ นา่ สนใจ และ เขา้ ใจงา่ ย หมายเหตุ เกณฑ์การวดั และประเมินผลสามารถปรบั เปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม

10. สื่อและแหล่งขอ้ มลู 9.1 คลังความรู้ สสวท. http://www.scimath.org/ 9.2 แอนเิ มชนั อธิบายกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม https://www.youtube.com/watch?v=80gWU-AJwF0&t=107s 11. ข้อเสนอแนะ 10.1 ผู้สอนควรแนะนํา เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตร กฎหมายเกี่ยวกับสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล และแหล่งข้อมูลที่นํามาใช้ในการ อา้ งอิงควรเป็นแหลง่ ข้อมูลท่มี ีความน่าเชอ่ื ถอื 10.2 ผลงานของผู้เรียนอาจมีความหลากหลาย หากผู้เรียนทําได้เกินกว่าจุดประสงค์การเรียนรู้ ผสู้ อนกําหนดเกณฑก์ ารประเมินให้สอดคลอ้ งกับภาระงาน 10.3 ผู้สอนสามารถเลือกใช้เทคนิค แผนภาพกราฟิก ซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล หรอื ออกแบบชน้ิ งานไดต้ ามความเหมาะสม

แบบประเมนิ เคา้ โครงโครงงาน ภาคเรียนท.่ี ......................ปกี ารศึกษา......................................... เรื่อง.......................................................................................................................................................... รายช่อื นักเรียนทท่ี ํา โครงงาน 1. ....................................................................................................... ชั้น.........../............ เลขที่............... 2. ....................................................................................................... ชน้ั .........../............ เลขท.่ี .............. 3. ....................................................................................................... ชน้ั .........../............ เลขที่............... 4. ....................................................................................................... ชั้น.........../............ เลขท่.ี .............. ลำดับท่ี รายการ ระดบั ประเมิน ขอ้ เสนอแนะใน ผา่ น ไม่ผา่ น การปรบั ปรงุ แก้ไข 1 ชอ่ื โครงงานเป็นขอ้ ความทกี่ ระชับ ชดั เจน ส่ือความหมายตรงประเดน็ 2 ระบุปัญหาจากสถานการณไ์ ด้ชัดเจน 3 วเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์ขอ้ มลู เพอ่ื ตดั สนิ เลอื กปญั หาไดช้ ดั เจน 4 กาํ หนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของปญั หาไดช้ ัดเจน 5 เขยี นจดุ ประสงคข์ องโครงงานไดส้ อดคล้องกับแนวทางการแก้ปญั หา ชดั เจนและตรงประเด็นกบั ปัญหา 6 อา้ งอิงความรแู้ ละแนวคดิ ท่ีเกยี่ วขอ้ งในการพฒั นาหรือออกแบบวิธกี าร แก้ปัญหา ได้ถูกต้องและชดั เจน แสดงภาพร่างหรอื ภาพฉายของชน้ิ งานท่ีนํามาใช้ในการแก้ปัญหา 7 พร้อมรายละเอยี ดขนั้ ตอนในการสร้าง หรือแผนผงั แสดงลําดับข้นั ตอน การแกป้ ญั หา โดยระบชุ นดิ และจาํ นวนวสั ดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ ไดช้ ัดเจน ครบถว้ น และถูกตอ้ ง 8 กาํ หนดแผนปฏิบัตงิ านเปน็ ขน้ั ตอนทช่ี ัดเจน มีความเป็นไปไดใ้ นเร่ือง เวลาและงบประมาณที่ใช้ 9 ผลที่ไดร้ ับคาดว่าเปน็ ประโยชน์ 10 มีการอ้างองิ เอกสารทใ่ี ช้เปน็ ขอ้ มลู และเขียนอา้ งองิ ถูกตอ้ งตามหลัก การเขยี น 11 องค์ประกอบของเคา้ โครงโครงงาน ครบถว้ นและถูกตอ้ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook