แก้ 0 ร มส (ทางานลงสมุด) รายวิชา ประวัตศิ าสตร์ ส 21103 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560ส 4.1 ม.1/1 วิเคราะห์ความสาคญั ของเวลาในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ (10 คะแนน) ใบงานที่ 11. ใหน้ กั เรยี นอา่ นขอ้ ความเก่ียวกบั เหตกุ ารณ์ทางประวตั ศิ าสตรต์ อ่ ไปน้ี แล้ววเิ คราะห์ตามประเด็นท่ีกาหนด สภาพการณ์ของกรงุ ศรอี ยธุ ยาภายหลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จสวรรคต เมื่อ พ.ศ. 2148 เป็นต้นมา กาลังไพร่ พลของอยุธยาขาดประสบการณ์ในการทาสงครามขนาดใหญ่ มีแต่ทาสงครามขนาดย่อมซ่ึงใช้เวลาไม่นานประกอบกับพม่าได้ยกทัพ ให ญ่ ม า ตี ก รุ งศ รี อยุ ธ ย า ท้ั งทา งเ ห นื อแ ล ะ ใต้ แ ล ะ กวา ด ต้ อ นผู้ ค น แ ล ะ เ ส บี ย งอา ห า ร ม า ต ล อด ท า ง จ น ก ร ะ ทั่ ง ปิดลอ้ มกรุงศรีอยธุ ยาและยิงปืนใหญ่เข้าไปในพระนครอย่างตอ่ เนื่อง ทาให้กรงุ ศรอี ยุธยาประสบกับภาวะขาดแคลนอาหาร ขาดกระสุน ดินดาปืนใหญ่ ขาดกาลังใจ และเหนอ่ื ยล้า จนกระทงั่ ในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็ถูกทัพพม่าเขา้ ยดึ ไวไ้ ด้ใน พ.ศ. 2310 1. ขอ้ ความข้างต้นกล่าวถึงเหตุการณใ์ ดในประวตั ิศาสตร์ และเหตกุ ารณน์ เี้ กดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไร เหตุการณเ์ สยี กรุงศรีอยธุ ยา ครั้งที่ 2 เม่ือพ.ศ. 2310 ส่วนสาเหตุของการเสยี กรุงนน้ั มาจากความไร้ประสทิ ธภิ าพในการทา สงครามของฝา่ ยไทย ซึ่งว่างเวน้ จากการทาศกึ สงครามมานาน เกือบ 200 ปี จึงเกิดความประมาทในการปอ้ งกนั อาณาจกั ร ขาดการฝกึ ฝนกาลงั ทพั และการป้องกนั ท่ีดี เมอื่ ตอ้ งทาศึกใหญ่กับพมา่ บวกกบั ความขัดแยง้ แตกแยกกนั เอง ภายหลงั ของคนไทย จึงมีผลทาให้กรุงศรีอยธุ ยาแตกพา่ ยในท่ีสุด 2. เหตุการณด์ ังกล่าวสง่ ผลตอ่ สงั คมไทยอย่างไรบ้าง เหตกุ ารณด์ ังกล่าว สง่ ผลใหไ้ ทยตอ้ งเสยี เอกราชให้กับพม่า ปราสาทพระราชวงั วดั บา้ นเรอื น ถูกข้าศกึ ทาลายจน ไม่สามารถบรู ณะใหด้ ดี งั เดมิ ได้ สว่ นผทู้ รี่ อดชวี ติ ตอ้ งอพยพหลบหนีกระจดั กระจายกนั ไป บางส่วนถูกจบั ตัวไปเปน็ เชลย ถอื เปน็ ความสญู เสยี อยา่ งใหญห่ ลวงของคนไทย 3. เหตุการณด์ งั กลา่ วให้ข้อคิดสาคญั ตอ่ คนไทยอยา่ งไรบ้าง เหตุการณด์ งั กลา่ วให้ข้อคิดสาคัญตอ่ คนไทย คอื ให้ดารงตนอยูบ่ นความไมป่ ระมาท หมน่ั ฝึกปรือฝีมอื อย่เู สมอ มีการวางแผนการรบท่ดี แี ละทสี่ าคัญทีส่ ุด คอื ความสามคั คขี องคนในชาติ ซง่ึ จะทาให้รักษาเอกราชของชาตบิ ้านเมอื ง ไว้ได้ เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วจงึ เปน็ เสมือนบทเรียนสาคัญให้คนไทยร่นุ หลงั เรยี นรูไ้ ว้ เพอ่ื ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในทานอง เดียวกันนข้ี ้ึนอกี
ใบงานท่ี 2ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์อาศัยหลักเกณฑใ์ ดบ้าง 2. การแบง่ สมัยประวตั ศิ าสตร์ตามแบบสากล มีก่ีสมัย และแต่ละสมัยเร่มิ ตน้ และสนิ้ สดุ ลงเม่ือใด 3. การแบ่งสมัยประวัตศิ าสตรต์ ามแบบสากลและแบบไทย เหมอื นหรือตา่ งกนั อย่างไรบ้าง
ใบงานที่ 1ใหน้ ักเรยี นศึกษากรณีตัวอยา่ ง แลว้ ตอบคาถาม กรณตี วั อย่างที่ 1 “ครน้ั ศักราช ๘๙๑ ปีฉลูศก ญ วนั อาทิตย์ ขึน้ ๕ คา่ เดอื น ๘ ขนุ วรวงศาธิราชเจา้ แผ่นดนิ คิดกันกับแมอ่ ย่หู ัว ศรีสดุ าจันทร์ให้เอาพระยอดฟ้าไปประหารชีวิตเสยี ณ วัดโคกพระยา แต่พระศรศี ลิ ป์นอ้ งชาย พระชนม์ไดเ้ จด็ พรรษานนั้ เล้ยี งไว้ สมเดจ็พระยอดฟ้าอยูใ่ นราชสมบตั ปิ กี ับสองเดอื น” ทมี่ า : พงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขา1. จากกรณตี ัวอยา่ งเป็นเหตุการณท์ ี่เกิดข้นึ ในสมยั ใด สมัยกรุงศรีอยุธยา2. เหตุการณด์ ังกล่าวเป็นศักราชใด จลุ ศักราช3. เหตุการณด์ ังกลา่ วเกิดข้นึ เม่ือใด วันอาทิตยข์ น้ึ ๕ คา่ เดือน ๘ ปฉี ลูเอกศก จลุ ศกั ราช ๘๙๑ กรณตี วั อย่างท่ี 2 “...ภายหลงั มานับถอยหลังขนึ้ ไปในรตั นโกสนิ ทร์ศก ๘๕ มีจนี คนหนง่ึ ชื่อเจ๊กฮง จัดตัง้ โรงรบั จานาขึ้นโรงหนึง่ ท่ี รมิ ประตผู ีนเี้ อง...” ทมี่ า : วารสารวชิรญาณวิเศษ เลม่ ๖ รัตนโกสนิ ทร์ ๑๐๕ 1. จากกรณีตัวอย่างเป็นเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสมยั ใด สมยั กรงุ รตั นโกสินทร์ 2. เหตกุ ารณด์ งั กล่าวเปน็ ศักราชใด รตั นโกสินทรศ์ ก 3. เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วเกดิ ขึน้ เมื่อใด รัตนโกสนิ ทร์ศก ๘๕ กรณีตัวอย่างท่ี 3 “เม่อื กอ่ นลายสอื ไทน้ี บ่มี ๑๒๐๕ ศก ปมี ะแม พอ่ ขนุ รามคาแหงหาใคร่ใจในใจ แลใส่ลายสือไทนี้ ลายสือไทน้ี จ่งึ มีเพ่ือพอ่ ขุนผู้นน้ั ใสไ่ ว”้ ท่ีมา : ศลิ าจารกึ พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ดา้ นที่ ๔ 1. จากกรณีตัวอย่างเป็นเหตุการณ์ท่ีเกิดข้นึ ในสมยั ใด สมัยสุโขทยั 2. เหตกุ ารณ์ดังกล่าวเป็นศักราชใด มหาศักราช 3. เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเม่ือใด ๑๒๐๕ ศก ปีมะแม
ส 4.1 ม.1/2 เทียบศกั ราชตามระบบตา่ งๆ ที่ใชศ้ ึกษาประวัติศาสตร์ (10 คะแนน) ใบงานที่ 1ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้1. การนับศกั ราชที่ 1 ของแตล่ ะศักราชเริ่มนบั เมื่อใดบา้ ง- พุทธศกั ราช เรม่ิ นับจากปีทพ่ี ระพุทธเจา้ ปรินพิ พาน- คริสต์ศกั ราช เรม่ิ นับจากปปี ระสูตขิ องพระเยซู- ฮจิ เราะหศ์ ักราช เริ่มนบั จากปที ี่นบมี ูฮมั มัดอพยพจากเมอื งเมกกะไปเมอื งเมดนิ ะ- มหาศักราช เร่ิมนับจากปที ี่พระเจา้ กนษิ กะแหง่ ราชวงศ์กุษาณะทรงตงั้ ขึน้- จลุ ศักราช เรม่ิ นับจากปีทโี่ ปปะสอระหันกษตั ริยพ์ มา่ ขึ้นครองแผ่นดิน- รัตนโกสนิ ทรศ์ ก เรม่ิ นับจากปที รี่ ชั กาลที่ 1 ทรงสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร์2. ศักราชใดบา้ งท่ยี ังคงนยิ มใช้อยูใ่ นปจั จุบนั พทุ ธศักราช ครสิ ตศ์ ักราช และฮิจเราะหศ์ กั ราช3. ประเทศไทยใชศ้ ักราชใดบ้างในการบนั ทกึ ประวัติศาสตร์ มหาศักราช จลุ ศักราช และพุทธศักราช4. เพราะเหตุใด ฮิจเราะหศ์ ักราชจงึ มีการเปลยี่ นแปลงการนับทกุ ๆ 32 ปคี ร่งึ เพราะฮจิ เราะหศ์ ักราช เป็นศักราชทางศาสนาอิสลามใช้ดวงจนั ทร์ในการกาหนดเวลา ทาให้ 1 ปี มี 354 วัน ต่างจากครสิ ต์ศักราชท่มี ี 365 ¼ วนั5. ศกั ราชมีความสาคัญอยา่ งไรในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ ศกั ราช ช่วยบอกเวลาในการเกดิ เหตุการณท์ างประวตั ิศาสตร์ใหช้ ัดเจนขึ้น ทาให้เราทราบว่า เหตกุ ารณ์ทาง ประวัติศาสตร์ต่างๆ น้นั เกิดข้นึ เมือ่ ใดหรอื ในชว่ งเวลาใด
ใบงานที่ 2ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. นักเรยี นทเ่ี ข้าเรียนชนั้ ม. 1 ปี พ.ศ. 2555 จะต้องมอี ายุครบ 13 ปี ดังน้นั นักเรียนทจี่ ะเข้าเรียนได้จะต้องเกิดใน พ.ศ. ใด และตรงกบั ค.ศ. ใด นกั เรยี นท่จี ะเข้าเรยี นช้นั ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะต้องเกิดปี พ.ศ. 2542 ตรงกับ ค.ศ. 1999 รงุ ศรอี ยุ 2. ขุนเดชเข้าทางานเปน็ เจา้ หน้าท่อี นรุ ักษโ์ บราณสถานในอทุ ยานประวัตศิ าสตร์สโุ ขทยั เม่อื 20 เมษายน ร.ศ. 127 แสดงวา่ ขนุ เดชทางานเปน็ เจ้าหน้าท่ีอนรุ ักษ์โบราณสถานในอทุ ยานประวัติศาสตรส์ โุ ขทัยในปี พ.ศ. ใด พ.ศ. 2452 3. “ศภุ มศั ดุ จลุ ศักราช 1236 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ เป็นพระเจ้าแผน่ ดนิ ในรชั กาล ที่ 5 ทรงพระราชดารวิ า่ ได้ทรงประกาศตง้ั เคาน์ซลิ ลอร์ออฟสเตด ท่ปี รกึ ษาราชการแผ่นดนิ ไว้แต่วันศกุ ร์ เดอื นหก แรมแปดค่า ปีจอศก เพ่ือจะไดช้ ่วยคิดราชการแผ่นดิน” พระราชบัญญัตดิ งั กล่าวประกาศใน พ.ศ. ใด พ.ศ. 2417 รุงศรีอยุ 4. ถา้ นกั เรียนนับถือศาสนาอิสลาม แลว้ สานกั จุฬาราชมนตรปี ระกาศวนั ออกบวชของชาวมุสลิม ให้ตรงกบั วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 จะตรงกับฮจิ เราะห์ศกั ราชใด ฮ.ศ. 1433 กรุงศรอี ยุ 5. “๑๒๐๕ ศก ปีมะแม พ่อขนุ รามคาแหงหาใครใจในใจ แลใส่ลายสือไทยน้ี” แสดงใหเ้ ห็นวา่ พ่อขุนรามคาแหง มหาราชทรงประดิษฐอ์ ักษรไทยขึ้นใน พ.ศ. ใด และตรงกับ จ.ศ. ใด พ.ศ. 1826 และตรงกบั จ.ศ. 645กรุงศรอี ยุ บทสรปุ การเปรียบเทยี บศกั ราชแบบต่างๆ มีความสาคัญต่อการศึกษาประวตั ิศาสตร์อยา่ งไรบา้ ง
ส 4.1 ม.1/3 นาวิธีการทางประวัตศิ าสตรม์ าใชศ้ ึกษาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ (10 คะแนน) ใบงานที่ 1ให้นักเรียนตอบคาถามที่กาหนดให้ถูกต้อง 1. ประวตั ศิ าสตร์ หมายถึงอะไร2. เพราะเหตุใด การศกึ ษาประวัติศาสตรจ์ าเปน็ ต้องอาศัยความรูท้ างดา้ นโบราณคดี3. การศกึ ษาประวตั ิศาสตรม์ ีความสาคัญอย่างไร
ใบงานที่ 2ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. การกาหนดหวั ข้อเรอื่ งทจี่ ะศกึ ษา ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง 2. ขอ้ ควรคานึงในการหาข้อมลู หรือหลักฐานต่างๆ มาใช้ในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ คืออะไรบา้ ง 3. นักเรยี นจะทราบได้อยา่ งไรว่า หลักฐานหรอื ข้อมลู ทีไ่ ดม้ าจะมีความน่าเชอ่ื ถือหรือไม่ 4. ขอ้ ควรระมัดระวงั ในการตีความหลักฐานมีอะไรบ้าง ตรงกับวิธีการทางประวตั ศิ าสตรข์ ัน้ ใด 5. เพราะเหตุใด การนาเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตรท์ ่ีไดจ้ ากการศึกษามาจึงมีความสาคัญ อธิบายเหตผุ ล บทสรปุ วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ มีความสาคญั ตอ่ การศึกษาประวัติศาสตร์อยา่ งไรบ้าง
ใบงานที่ 3นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. หลักฐานทางประวัติศาสตรไ์ ทย แบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยแบง่ ออกเปน็ ประเภทใหญๆ่ ได้ 2 ประเภท ได้แก่ 1) หลกั ฐานท่เี ป็นลายลักษณอ์ กั ษร ได้แก่ ตานาน จารกึ พงศาวดาร บนั ทึกของชาวต่างชาติ จดหมายเหตุ เอกสาร ทางราชการ 2) หลกั ฐานทไี่ มเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถตุ า่ งๆ 2. เพราะเหตุใด การนาตานานมาใช้เปน็ หลักฐานทางประวัตศิ าสตรจ์ งึ ต้องใช้ดว้ ยความระมัดระวัง เพราะตานานเปน็ เรื่องท่ีเลา่ ต่อๆ กนั มา แล้วมีการนามาบันทึกเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรในภายหลัง เรอื่ งท่อี ยใู่ น ตานานจึงอาจถกู เปลย่ี นแปลงจากเรื่องเดิมได้ ทั้งยังไมม่ ีการระบุเวลาแน่ชัดอกี ด้วย 3. ถ้านกั เรยี นศึกษาหาความรูท้ างประวัติศาสตร์จากพงศาวดาร นักเรียนจะไดร้ ับความรเู้ รื่องใดบ้าง เพราะเหตุใด เหตุการณ์เกยี่ วกบั อาณาจกั ร และพระราชกรณยี กจิ ของพระมหากษตั รยิ ผ์ คู้ รองอาณาจกั รนน้ั ๆ เนอ่ื งจาก พงศาวดารเป็นการบันทึกเร่ืองราวในอดตี ภายใตก้ ารอปุ ถมั ภข์ องราชสานกั จึงมีเนอ้ื หาเกย่ี วขอ้ งกับราชอาณาจกั รและ พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ สว่ นใหญ่ 4. การนาบนั ทึกของชาวตา่ งชาติท่ีเดินทางเขา้ มาในประเทศไทยมาใชเ้ ป็นหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์จะต้อง คานงึ ถึงอะไรบ้าง ความเข้าใจผดิ ในวัฒนธรรมของคนไทย เน่อื งจากชาวตา่ งชาติมพี น้ื ฐานทางความคดิ และวัฒนธรรมที่แตกตา่ ง จากคนไทย 5. นกั เรยี นคดิ วา่ จดหมายเหตสุ ามารถนามาใชเ้ ปน็ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ได้หรือไม่ อธิบายเหตุผล จดหมายเหตสุ ามารถนามาใช้เปน็ หลักฐานในการศึกษาเรือ่ งราวทางประวัติศาสตรไ์ ด้เป็นอยา่ งดี เพราะมกี ารระบุ เวลาทแี่ น่นอน ใหร้ ายละเอียดของเหตุการณ์อยา่ งชัดเจน พร้อมทั้งสอดแทรกความคดิ เหน็ ของผูบ้ ันทกึ ลงไปด้วย บทสรปุ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์มีความสาคัญต่อการศกึ ษาประวัติศาสตรอ์ ยา่ งไรบ้าง
ใบงานท่ี 4คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นกาหนดหวั ข้อทส่ี นใจเก่ยี วกับเรื่องราวในท้องถนิ่ แลว้ ใชข้ ัน้ ตอนของวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตรใ์ น การสืบค้นข้อมลู และบันทกึ ผล ประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถ่ิน เรอ่ื ง 1. การกาหนดหวั เร่ืองทจี่ ะศกึ ษา 2. การรวบรวมหลักฐาน (บอกแหลง่ ทม่ี าของหลกั ฐาน/ข้อมลู ) 3. การประเมนิ คุณค่าของหลกั ฐาน 4. การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และจดั หมวดหมขู่ อ้ มูล 5. การเรยี บเรียงหรือการนาเสนอข้อมลู
ส 4.3 ม.1/1 อธิบายเรอ่ื งราวทางประวัติศาสตรส์ มัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทยโดยสังเขป (20 คะแนน) ใบงานท่ี 1ให้นกั เรยี นยกตวั อย่างหลักฐานทางโบราณคดีทแ่ี สดงใหเ้ ห็นพัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทยพร้อมระบุแหลง่ ทพ่ี บ หลักฐานทางโบราณคดีทแี่ สดงให้เห็นพัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทยชมุ ชนยุค ภาคกลาง ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ภาคใต้ยุคหนิ เกา่ เครื่องมอื หนิ ขุด สบั ตัด เคร่อื งมอื หินกะเทาะ เครอ่ื งมอื หนิ กะเทาะ เครื่องขดุ ขวานหนิ พบที่ พบทถ่ี ้าผีแมน เครอ่ื งขดุ สับ ตัด เครอื่ งมอื สบั ตดั และ ขวานหิน พบท่ี จ.แมฮ่ อ่ งสอน พบที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ทพ่ี านกั อาศยั ของมนุษย์ ถ้าเขาทะลุ ถา้ เมน่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบที่ถ้าหลงั โรงเรยี น อ.บ้านเก่า จ.กาญจนบรุ ี เครื่องมอื หนิ ขุด สบั ตัด เครอ่ื งมือหนิ กะเทาะ เครื่องมอื หินกะเทาะ เครื่องขดุ ขวานหนิ พบที่ พบทถ่ี ้าผแี มน เคร่ืองขดุ สบั ตัด เคร่ืองมอื สบั ตดั และ ขวานหิน พบที่ จ.แม่ฮอ่ งสอน พบท่ี อ.เชยี งคาน จ.เลย ทีพ่ านักอาศยั ของมนษุ ย์ ถา้ เขาทะลุ ถา้ เมน่ อ.ดอนตาล จ.มกุ ดาหาร พบที่ถ้าหลงั โรงเรยี นยคุ หนิ กลาง อ.บ้านเก่า จ.กาญจนบุรี เครอ่ื งมือหนิ ขุด สบั ตดั เครื่องมอื หนิ กะเทาะ เครอ่ื งมือหนิ กะเทาะ เครอ่ื งขุด ขวานหิน พบท่ี พบทถ่ี า้ ผีแมน เครอ่ื งขดุ สบั ตัด เครื่องมอื สบั ตดั และ ขวานหนิ พบที่ จ.แม่ฮอ่ งสอน พบที่ อ.เชยี งคาน จ.เลย ทพ่ี านักอาศัยของมนษุ ย์ ถ้าเขาทะลุ ถ้าเมน่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบทถ่ี ้าหลงั โรงเรยี นยุคหนิ ใหม่ อ.บ้านเก่า จ.กาญจนบรุ ี เครอ่ื งมือหนิ ขุด สับ ตัด เครื่องมือหินกะเทาะ เครอ่ื งมือหินกะเทาะ เครอ่ื งขุด ขวานหนิ พบที่ พบทถ่ี ้าผีแมน เคร่ืองขดุ สบั ตัด เครอ่ื งมอื สบั ตัด และ จ.แม่ฮ่องสอน ขวานหนิ พบท่ี พบท่ี อ.เชียงคาน จ.เลย ทพ่ี านกั อาศัยของมนุษย์ยคุ สารดิ ถ้าเขาทะลุ ถา้ เมน่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบทถ่ี ้าหลังโรงเรียน อ.บ้านเก่า จ.กาญจนบรุ ี เครอื่ งมือหนิ ขุด สบั ตัด เครื่องมือหินกะเทาะ เครอ่ื งมือหินกะเทาะ เครอื่ งขุด ขวานหิน พบท่ี พบที่ถา้ ผีแมน เครอ่ื งขดุ สบั ตัด เครอ่ื งมอื สบั ตดั และ ขวานหนิ พบที่ จ.แม่ฮอ่ งสอน พบท่ี อ.เชียงคาน จ.เลย ที่พานักอาศยั ของมนษุ ย์ ถา้ เขาทะลุ ถา้ เม่น อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบท่ีถ้าหลงั โรงเรียนยุคเหลก็ อ.บ้านเกา่ จ.กาญจนบุรี
ใบงานที่ 21. หลกั ฐานใดท่ีแสดงวา่ ดนิ แดนประเทศไทยในปจั จุบันมมี นุษย์อาศยั อยูม่ านาน2. นักโบราณคดีใชห้ ลักเกณฑ์ใดในการแบ่งยุคสมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ในดนิ แดนไทย3. การดารงชีวติ ของมนษุ ยส์ มยั กอ่ นประวัติศาสตรใ์ นดินแดนไทยมลี ักษณะอยา่ งไร4. ปจั จยั ใดท่ที าใหเ้ กิดชมุ ชนในสุวรรณภมู ิ5. เพราะเหตุใด เราจงึ ต้องศึกษาพฒั นาการของชุมชนโบราณก่อนประวัตศิ าสตร์ในดนิ แดนไทย
ใบงานที่ 3ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ปัจจัยใดบา้ งที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ภมู ิปัญญาของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ในดนิ แดนประเทศไทย 1) ความตอ้ งการความมั่นคงในการดารงชีวติ ประจาวนั 2)สภาพภูมศิ าสตร์และสิง่ แวดล้อม 3) คตคิ วามเช่ือ 2. ภมู ิปัญญาของมนุษย์ก่อนประวัตศิ าสตร์ในดินแดนประเทศไทยมักเก่ยี วขอ้ งกบั เร่ืองใด ภมู ิปญั ญาเพอื่ ความมนั่ คงในการดารงชวี ติ ประจาวนั เชน่ การทาเกษตรเพือ่ การบรโิ ภค เป็นต้น 3. ภมู ปิ ัญญาของมนุษย์ก่อนประวัตศิ าสตรใ์ นดินแดนประเทศไทย สามารถเรยี งลาดบั ได้อยา่ งไร เครื่องมอื หนิ การสรา้ งทพี่ กั พิง การปลกู ข้าว เครอ่ื งมือเคร่อื งใช้สาริด เครื่องมอื เครอื่ งใช้เหล็ก 4. ตวั อย่างพัฒนาการภมู ิปัญญาของมนษุ ยก์ ่อนประวัตศิ าสตร์ในดินแดนประเทศไทยในด้านต่างๆ ได้แก่อะไรบ้าง 1) พฒั นาการด้านเกษตรกรรม เชน่ การทาไรเ่ ลอ่ื นลอย การทาเครอื่ งมือเกษตร เคร่ืองทุ่นแรง การทดน้า 2) พัฒนาการดา้ นโลหกรรม เช่น การทาเคร่ืองมอื เครอ่ื งใชด้ ้วยเหลก็ และสาริด 3) พฒั นาการดา้ นหัตถกรรม เชน่ การทอผา้ จากเส้นใยพืช ป่าน กัญชา เส้นใยจากสตั ว์ ไหม การยอ้ มสดี ว้ ยเปลอื กไม้ 4) พฒั นาการดา้ นการสรา้ งที่อยู่อาศยั เชน่ อาศยั ถ้าหรอื เพงิ ผาป้องกันอันตรายจากธรรมชาติ 5) พัฒนาการดา้ นการรกั ษาโรค เชน่ การเจาะกะโหลกมนุษยเ์ พือ่ รกั ษาโรคหรือปลดปลอ่ ยผีร้าย 5. ตัวอย่างภมู ปิ ัญญาของมนษุ ยก์ ่อนประวตั ิศาสตร์ในดินแดนประเทศไทยท่ยี ังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไดแ้ กส่ ิ่งใดบ้าง 1) พัฒนาการดา้ นเกษตรกรรม เชน่ การทาเคร่อื งมือเกษตร การสรา้ งอ่างเกบ็ น้า 2) พัฒนาการด้านโลหกรรม เช่น การทาเครอ่ื งมอื จากเหล็กทไี่ มเ่ ป็นสนิม 3) พัฒนาการด้านหตั ถกรรม เช่น การย้อมสจี ากส่งิ ทไี่ ดจ้ ากธรรมชาติ การทาเคร่ืองปน้ั ดินเผา 4) พฒั นาการดา้ นการสร้างที่อย่อู าศยั เชน่ การสรา้ งบา้ นใต้ถุนสูงปอ้ งกนั นา้ ทว่ ม 5) พัฒนาการด้านการรกั ษาโรค เช่น การใช้สมุนไพร การแพทยแ์ ผนไทย
ใบงานที่ 41. ปัจจยั ใดทท่ี าใหช้ ุมชนสามารถพฒั นามาเปน็ บา้ นเมืองได้2. ปัจจัยใดทีท่ าให้บ้านเมืองสามารถพัฒนาเป็นแควน้ หรือรัฐได้3. สภาพสังคมของแควน้ ประกอบดว้ ยชนชัน้ ใดบ้าง4. ปัจจัยใดบา้ งท่ีสง่ ผลใหก้ ารพัฒนาจากแควน้ หรอื รัฐขึ้นเป็นอาณาจักรในแต่ละแห่งมีความแตกต่างกนั5. รฐั โบราณมคี วามสาคัญต่อรัฐไทยในเวลาต่อมาอย่างไรบ้าง
ใบงานที่ 5คาชแี้ จง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ในแตล่ ะภมู ิภาคของไทยมรี ่องรอยของอาณาจกั รโบราณอาณาจกั รใดบ้าง - ภาคกลาง เชน่ อาณาจกั รทวารวดี อาณาจักรละโว้ - ภาคเหนอื เช่น อาณาจกั รโยนกเชียงแสน อาณาจกั รหรภิ ุญชยั อาณาจกั รลา้ นนา - ภาคใต้ เชน่ อาณาจักรลงั กาสกุ ะ อาณาจักรตามพรลงิ ค์ อาณาจักรศรีวชิ ยั - ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ เช่น อาณาจกั รโคตรบูรณ์ อาณาจกั รอิศานปุระ 2. หลกั ฐานใดบ้างท่ีแสดงถึงความเป็นอาณาจกั รโบราณของอาณาจักรตา่ งๆ ในดินแดนไทย หลกั ฐานทางโบราณคดตี า่ งๆ เช่น เหรยี ญโบราณ ประตมิ ากรรม และสถาปัตยกรรมทางศาสนา และหลักฐานท่ีเป็นลาย ลักษณอ์ ักษรต่างๆ เช่น จารึกโบราณ บันทึกของชาวตา่ งชาติ และตานานพ้ืนบา้ น เป็นตน้ 3. นักเรียนคิดว่า ความเจริญในท้องถนิ่ ท่นี กั เรยี นอาศยั อย่มู ีความเกี่ยวขอ้ งกับอาณาจักรโบราณอาณาจกั รใดมาก่อน อธิบายเหตผุ ลพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบใหช้ ดั เจน (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)ตอนที่ 2คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความเจริญของอาณาจักรโบราณในดินแดนไทย ตามประเด็นที่กาหนด 1. อาณาจักรทวารวดี 1) หลักฐานทป่ี รากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เชน่ บันทกึ การเดนิ ทางของหลวงจีนอ้จี ิง บันทึกของหลวงจนี ฉวนฉังจารึก หลกั ที่ 30 เป็นตน้ 2) พฒั นาการความเจริญของอาณาจกั ร สนั นษิ ฐานวา่ เป็นชาวมอญ ต้งั อาณาจกั รอยบู่ รเิ วณทร่ี าบลมุ่ แม่น้า เจ้าพระยา ปกครองโดยกษัตรยิ ์ มเี จา้ นายปกครองด้วย แต่มคี วามสมั พนั ธใ์ นลกั ษณะเครอื ญาติ มกี ารแบ่งชนชัน้ นับถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู และพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท 3) มรดกทางวฒั นธรรมของอาณาจกั ร เช่น พระพุทธรปู ศลิ าขาว วัดพระปฐมเจดยี ์ จงั หวดั นครปฐม ธรรมจกั รและกวาง หมอบ จารึกมอญ เป็นต้น 2. อาณาจักรละโว้ 1) หลักฐานที่ปรากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เชน่ จดหมายเหตจุ ีนเรยี กละโว้วา่ “หลอห”ู่ จารกึ หลักท่ี 18 ทีศ่ าลพระกาฬชนิ กาลมาลีปกรณ์ 2) พัฒนาการความเจริญของอาณาจกั ร สนั นษิ ฐานวา่ เป็นชาวมอญ ตัง้ อาณาจักรอยู่บรเิ วณแม่นา้ 3 สาย คือ เจา้ พระยา ปา่ สกั และลพบรุ ี ปกครองโดยกษัตรยิ ์ มีการนบั ถอื พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท นิกายมหายาน ศาสนา พราหมณ-์ ฮินดู และความเชื่อพน้ื เมอื ง เชน่ การบูชาบรรพบรุ ษุ มีการแบ่งชนชั้น เศรษฐกจิ ข้นึ กบั การเกษตร มีการ ติดต่อค้าขายกบั จีนและอนิ เดีย 3) มรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจักร เชน่ พระปรางคส์ ามยอด ปรางคแ์ ขก จงั หวัดลพบุรี เป็นต้น
3. อาณาจักรโยนกเชยี งแสน 1) หลกั ฐานท่ีปรากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เชน่ ตานานสงิ หนวัตกิ ุมารและตานานลวจังกราช 2) พัฒนาการความเจรญิ ของอาณาจักร เจา้ ชายจากมณฑลยูนานไดอ้ พยพผู้คนมาตงั เมอื งท่ีเชียงแสน ขอมเข้ายดึ ครอง จงึ มกี ารอพยพสรา้ งเมืองใหม่หลายครั้ง ตอ่ มาอพยพจากเชียงแสนมายังเวียงไชยปราการ และอพยพมายังกาแพงเพชร จนในท่ีสุดตกเป็นสว่ นหนงึ่ ของอาณาจกั รลา้ นนา 3) มรดกทางวฒั นธรรมของอาณาจกั ร เชน่ เจดีย์วดั ปา่ สัก จังหวดั เชยี งราย เป็นต้น4. อาณาจักรหรภิ ุญชัย 1) หลักฐานที่ปรากฏเรื่องราวของอาณาจักร เช่น ตานานจามเทววี งศ์ หรอื ตานานเมืองหรภิ ญุ ชยั 2) พัฒนาการความเจรญิ ของอาณาจกั ร สันนษิ ฐานว่าเปน็ ชาวมอญท่ีอพยพมาจากละโว้ จนเม่อื พระเจ้าอาทิตยราชได้เขา้ มาปกครอง ไดท้ รงสร้างความเจรญิ รงุ่ เรือง โดยเฉพาะการทานบุ ารงุ พระพุทธศาสนา ต่อมาภายหลงั ได้ตกเปน็ สว่ นหนึง่ ของ อาณาจักรลา้ นนา 3) มรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจักร เชน่ พระธาตุหรภิ ญุ ชยั จงั หวัดลาพูน เปน็ ต้น5. อาณาจักรลา้ นนา 1) หลักฐานที่ปรากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เช่น ตานานพื้นเมืองเชียงใหม่ พงศาวดารโยนก ตานานมูลศาสนา เป็นตน้ 2) พัฒนาการความเจริญของอาณาจกั ร ผกู้ ่อต้ังอาณาจกั รลา้ นนา คอื พระยามังรายมหาราช ปกครองแบบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ ใชก้ ฎหมายมังรายศาสตร์ นับถือพระพุทธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศ์ มตี วั อักษร เป็นของตนเอง เป็นไมตรีกบั สโุ ขทยั ภายหลังออ่ นแอ ทาให้อยุธยาและพม่าผลดั กันเขา้ ไปปกครองในฐานะ เมืองประเทศราชจนถึงสมัยรชั กาลท่ี 5 จึงตกเปน็ ส่วนหนงึ่ ของไทย 3) มรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจักร เชน่ กฎหมายมังรายศาสตร์ สถาปัตยกรรมเวยี งกมุ กาม วดั เจดยี ์หลวง อกั ษรธรรมล้านนา เป็นตน้6. อาณาจักรลังกาสุกะ 1) หลกั ฐานทีป่ รากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เชน่ จดหมายเหตุหลวงจนี อ้จี ิง 2) พฒั นาการความเจรญิ ของอาณาจกั ร มีกษตั รยิ ป์ กครอง เปน็ เมืองทา่ ค้าขายกับจนี -อนิ เดีย นับถอื ศาสนา พราหมณ-์ ฮนิ ดู และพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ต่อมาภายหลงั อยู่ใต้อทิ ธิพลอาณาจกั รศรีวชิ ยั 3) มรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจกั ร เชน่ เมอื งโบราณยะรงั จงั หวดั ปตั ตานี เป็นต้น7. อาณาจักรตามพรลงิ ค์ 1) หลักฐานทป่ี รากฏเรื่องราวของอาณาจักร เช่น เอกสารอนิ เดียเรียก “ตมลิง” เอกสารจีนเรียก “ถา่ มเหลง่ /ตา่ นหมา่ ลง่ิ ” 2) พัฒนาการความเจรญิ ของอาณาจักร มกี ษตั รยิ ์ปกครอง เปน็ เมืองท่าค้าขายกบั พ่อคา้ อินเดยี -จนี มคี วามใกล้ชิดกบั พระ ราชวงศ์พระรว่ งแหง่ สโุ ขทัย นับถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู พระพุทธศาสนานิกายมหายาน พระพทุ ธศาสนา นกิ ายเถรวาท ลัทธลิ งั กาวงศ์ 3) มรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจักร เช่น เจดยี พ์ ระบรมธาตุในวดั พระมหาธาตวุ รวหิ าร จังหวัดนครศรีธรรมราช เปน็ ตน้
8. อาณาจักรศรวี ชิ ยั 1) หลักฐานทปี่ รากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เชน่ บนั ทกึ ของหลวงจีนอ้ีจิง หนังสือจฟู านฉีของเกาจกู วั นายด่านศลุ กากรของจนี บนั ทึกสไุ ลมาน พอ่ ค้าชาวอาหรับ จารึกหลักที่ 23 จารึกหลักที่ 25 ทไ่ี ชยา เปน็ ต้น 2) พฒั นาการความเจรญิ ของอาณาจักร เป็นศูนยก์ ลางการค้าทางทะเลระหว่างจีน-อินเดยี นบั ถอื ศาสนา พราหมณ-์ ฮนิ ดู พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท และพระพทุ ธศาสนานิกายลงั กาวงศ์ 3) มรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจกั ร เชน่ เจดียพ์ ระบรมธาตไุ ชยา พระพุทธรปู างนาคปรกสาริดทว่ี ัดหวั เวยี ง อาเภอไชยา จังหวดั สุราษฏรธ์ านี เป็นต้น 9. อาณาจักรโคตรบรู ณ์ 1) หลักฐานที่ปรากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เช่น ตานานอุรงั คธาตุ พงศาวดารเหนอื เอกสารจนี 2) พัฒนาการความเจริญของอาณาจักร มีกษตั รยิ ป์ กครอง ไดร้ บั อทิ ธิพลของอนิ เดีย มีการนบั ถือพระพทุ ธศาสนา นิกายเถรวาท มีความเชอ่ื พนื้ เมืองเร่อื งการนับถอื สิง่ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ และการบชู าพญานาค ภายหลงั ตอ่ มาตกเปน็ เมอื งขึ้น ของอาณาจกั รลา้ นชา้ ง 3) มรดกทางวฒั นธรรมของอาณาจักร เชน่ พระธาตพุ นม จังหวดั นครพนม เปน็ ต้น10. อาณาจักรอิศานปุระ 1) หลักฐานที่ปรากฏเร่ืองราวของอาณาจักร เช่น จดหมายเหตจุ ีน บันทกึ ของราชทตู จนี โจว ตา้ กวน 2) พัฒนาการความเจริญของอาณาจกั ร เปน็ อาณาจกั รขอมตั้งอยรู่ ะหวา่ งอาณาจกั รทวารวดแี ละอาณาจกั รจามปา ได้แก่ บรเิ วณทเ่ี ปน็ ประเทศกมั พูชาในปัจจบุ ัน ปกครองในระบอบสมบูรณาญสทิ ธิราชย์ มขี ุนนาง ใชร้ ะบบจุตสดมภ์ ใช้กฎหมายพระธรรมศาสตร์ นับถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู พระพุทธศาสนานิกายมหายาน 3) มรดกทางวฒั นธรรมของอาณาจักร เช่น ปราสาทหนิ ขนาดใหญ่ เชน่ ปราสาทหนิ พมิ าย ปราสาทหินพนมรงุ้ ปราสาทเมอื งต่า ปราสาทศขี รภมู ิ เป็นต้น
ใบงานที่ 61. ปัจจัยใดที่เป็นตวั กาหนดให้มนุษยส์ ร้างสรรคภ์ มู ิปัญญาต่างๆ ปจั จัยทางภมู ศิ าตร์และสง่ิ แวดล้อม2. ลักษณะทางวัฒนธรรมใดที่คนในอาณาจกั รโบราณมีเหมือนกัน วฒั นธรรมการกนิ ขา้ ว3. ปัจจัยภายนอกปจั จัยใดมีผลตอ่ ภมู ิปญั ญาของคนในอาณาจักรโบราณ4. ภูมปิ ัญญาของคนในอาณาจักรโบราณมคี วามเกย่ี วขอ้ งกับเร่อื งใดบา้ ง 1) การพฒั นาอาชพี เกษตรกรรม เชน่ การพฒั นาพันธุ์ข้าว การใช้วัวไถนาแทนคน เป็นต้น 2) การเลือกทาเลทีต่ ั้งบ้านเมอื งใหเ้ หมาะสมกับการประกอบอาชพี การปกครอง การค้าขาย และการตดิ ตอ่ กบั อาณาจกั รอ่ืนๆ เปน็ ต้น 3) การประดิษฐ์ตัวอกั ษรขนึ้ ใช้ เช่น ดดั แปลงภาษาบาล-ี สนั สกฤตทร่ี ับมาจากอนิ เดยี ผสมกบั ภาษาพื้นเมอื ง กลายเป็นภาษามอญ เป็นตน้ 4) แสดงความศรัทธาในศาสนา เชน่ การสร้างงานสถาปัตยกรรม วัด ปราสาทหิน และงานประตมิ ากรรม พระพทุ ธรปู พระโพธสิ ตั ว์ เป็นตน้5. ภมู ิปัญญาด้านใดของคนในอาณาจกั รโบราณท่นี ักเรียนช่นื ชอบหรือสนใจ อธบิ ายเหตผุ ล
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: