สาระนา่ รู้ หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอบ้านสรา้ ง สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดปราจีนบุรี โทร ๐๓๗ - ๒๗๑๒๙๕ : https://www.facebook.com/bansang.publiclibrary/
ความเป็นมา (ภูมิหลงั /ความเช่อื ) ภูมหิ ลัง สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยประเพณีหนง่ึ ท่ี สืบทอดตงั้ แตส่ มยั โบราณคู่กับประเพณีตรษุ หรอื ทเี่ รียกวา่ ประเพณตี รษุ สงกรานต์ ซึง่ หมายถึงส่งท้ายปเี ก่าต้อนรบั ปี ใหม่ กอ่ นท่ีจะปรับเปล่ียนมาใชว้ ันท่ี ๓๑ ธันวาคม เปน็ วันส่งทา้ ยปเี ก่า และวนั ที่ ๑ มกราคม เปน็ วันขนึ้ ปีใหม่ เม่อื พ.ศ. ๒๔๘๓ เชน่ เดียวกับประเทศอน่ื ๆ ทว่ั โลก ประเพณสี งกรานต์มรี ะเบยี บวิธแี ละประเพณปี ฏิบตั ิท่ี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและเชน่ เดียวกับกรณีอื่นๆ กระแส โลกาภิวตั นส์ ง่ ผลใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงในประเพณีสงกรานต์ ด้วยเช่นเดยี วกันโดยเฉพาะการเล่นสาดนา้ ซง่ึ มีวธิ ีการและการ ขยายความหมายให้เป็นจุดขายของประเพณีสงกรานต์จนเกิน จรงิ ตามหลกั แลว้ เทศกาลสงกรานตถ์ ูกกาหนดตามการคานวณโดยหลกั เกณฑ์ในคัมภีร์สุรยิ ยาตร์ โดยวันแรกของเทศกาล ซง่ึ เป็นวันที่พระอาทติ ย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ (ย้ายจากราศีมนี ไปราศีเมษ) เรยี กวา่ \"วันมหาสงกรานต\"์ วนั ถัดมาเรียกวา่ \"วันเนา\" และวนั สุดท้ายซ่ึงเปน็ วันเปลีย่ นจุลศักราชและเริ่มใช้กาลโยคประจาปีใหม่ เรยี กว่า \"วันเถลิงศก\" จากหลักการขา้ งตน้ นี้ ทาให้ปัจจุบันเทศกาลสงกรานตม์ ักตรงกับวันท่ี ๑๔-๑๖ เมษายน (ยกเวน้ บางปี เช่น พ.ศ. ๒๕๕๑ และ พ.ศ. ๒๕๕๕ ทส่ี งกรานต์กลบั มาตรงกบั วันท่ี ๑๓ –๑๕ เมษายน)
อตั ลักษณท์ โ่ี ดดเดน่ ประเพณสี งกรานตเ์ ป็นประเพณที ่งี ดงาม อ่อนโยน เอ้ืออาทร และเต็มไปดว้ ยบรรยากาศของความกตญั ญู ความ สนุกสนาน ความอบอนุ่ และการให้เกียรติเคารพซง่ึ กันและกัน สะท้อนใหเ้ หน็ ถงึ ลักษณะของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน โดยใช้น้าเป็นสอื่ ในการเชื่อมสัมพนั ธไมตรี ซงึ่ ตาบลโนนคูณไดเ้ หน็ ความ สาคญั ของประเพณีสงกรานตจ์ งึ ไดจ้ ัดงาน ประเพณเี ป็นประจาทุกปี โดยมีกิจกรรมดังนี้ ๑. ขบวนแห่ สรงนา้ พระพทุ ธรปู ๒. พิธีเปดิ งานและหมอลาคู่ ๓. ประกวดผู้สงู อายุ สขุ ภาพดแี ละอายุยืน ๔. ฟงั ธรรมเทศนาและการถวายสงั ฆทาน ๕. รดน้าดาหวั และขอพรผู้สูงอายุ ๖. ราวงโบราณผสู้ ูงอายุ
ความสาคญั และคุณคา่ ทางสงั คม เป็นวนั หยุดพกั ผ่อนประจำปีตำมประเพณีไทย และถือเปน็ วันหยุดประกอบกำรงำนหรือธรุ กจิ ท่วั ไป เป็นวันทำบญุ ตักบำตรจดั จตุปจั จยั ไทยธรรม ถวำยพระบังสกลุ กระดกู พรรพบรุ ุษ กรวดนำ อุทศิ ส่วนกุศลให้แก่ญำตผิ ู้ล่วงลับ เป็นวนั แสดงควำมกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบรุ ุษ ใน วันนีจะมกี ำรไปรดนำดำหวั ขอพรจำก พ่อแม่ ผ้เู ฒ่ำผู้ แกท่ ี่เคำรพนบั ถือ วันสงกรำนต์ถือเปน็ วันสงู อำยุ แหง่ ชำติ เครดิตภำพ THE STANDARD
ความสาคัญและคุณคา่ ทางสงั คม เป็นวนั อนุรักษ์วฒั นธรรมไทย และส่งเสรมิ กำรละเล่นตำมประเพณีไทย เชน่ มีกำรทำบุญตัก บำตร เลน่ สำดนำ ชกั เยอ่ มอญซอ่ นผ้ำ เล่นสะบำ้ ฯลฯ เปน็ วนั ประกอบพิธีทำงศำสนำ เช่น มีกำร ทำบญุ ตักบำตรจดั จตปุ จั จยั ไทยธรรมถวำยพระ บังสุกลุ กระดูกบรรพบุรุษ กรวดนำอุทิศส่วน กศุ ลให้แกญ่ ำตผิ ้ลู ว่ งลับ กำรสรงนำพระพุทธรูป สรงนำพระสงฆ์ ขนทรำยเข้ำวัด (ก่อพระเจดยี ์ ทรำย ) รบั ศลี ปฏบิ ัตธิ รรม ฯลฯ
1. สมยั ก่อน “วันปีใหม่ไทย” ไมไ่ ด้ตรงกบั วันสงกรานต์ ในสมัยโบรำณ เรำได้ถือเอำวันขนึ 1 คำ่ เป็น “วันปีใหม่ไทย” กอ่ นที่เรำจะเปล่ียนมำถือเอำวันสงกรำนตน์ นั เปน็ วนั ปี ใหม่ไทยแทน 2. ไมใ่ ชแ่ คช่ าวไทยท่ีมีประเพณสี งกรานต์เท่าน้ัน แตช่ นชาตอิ ืน่ ๆ ก็ยังมเี หมือนกัน นอกจำกชำวไทยท่ีมีประเพณีสงกรำนต์แล้ว ชนชำติอื่นอย่ำง พมำ่ มอญ ลำว หรือแม้แต่ชนชำตไิ ทยเชือสำยต่ำงๆ ทีเ่ ป็น ส่วนนอ้ ยในจนี อนิ เดยี ลว้ นแต่กม็ ีประเพณสี งกรำนต์ท่ีปฏบิ ตั ิสืบต่อกันมำยำวนำนเช่นเดียวกัน และถือว่ำวันสงกรำนต์ เป็นวันเร่ิมตน้ ปใี หม่ของพวกเขำด้วยเชน่ กัน 3. ภาคกลางเรียกวันท่ี 13 เมษายน ว่าเปน็ “วันมหาสงกรานต์” ซง่ึ ในวนั ที่ 13 เมษำยนของทุกปี ได้ประกำศใหเ้ ปน็ “วันผู้สงู อำยแุ ห่งชำติ” ในวันที่ 14 เมษำยน เรยี กว่ำ “วนั เนำ” จำกนนั ในสมัยรัฐบำลของพลเอกชำตชิ ำย ชณุ หะวัณ ได้ประกำศให้ในวันนีเป็น “วันครอบครัว” อีกดว้ ย สว่ นในวันที่ 15 เมษำยน คือ “วันเถลงิ ศก” เป็นวันเริม่ ต้นจลุ ศกั รำชใหม่ 4. ภาคเหนือ หรือทางล้านนาเรียกวนั ที่ 13 เมษายน ว่าเปน็ “วันสังขารล่อง” “วันสังขำรลอ่ ง” ผู้หลักผู้ใหญ่ทำงภำคเหนอื หรือทำงลำ้ นนำได้ใหค้ วำมหมำยของวันนีว่ำเป็นวันสนิ อำยไุ ปอีกปี ในวนั ท่ี 14 เมษำยน เรยี กว่ำ “วันเน่ำ” เปน็ วนั ทชี่ ำวล้ำนนำเช่ือกันวำ่ หำ้ มพูดจำหยำบคำย มเิ ช่นนนั ปำกจะเน่ำและชีวติ จะไม่ เจรญิ รงุ่ เรืองไปตลอดทังปี สว่ นในวันที่ 15 เมษำยน เรยี กว่ำ “วันพญำวนั ” เป็นวนั เปล่ยี นศกใหม่ 5. ภาคใต้เรยี กวันที่ 13 เมษายน วา่ เปน็ “วันเจ้าเมืองเกา่ ” หรอื “วันส่งเจ้าเมืองเก่า” โดยในวนั ท่ี 13 นี ชำวภำคใต้เชอ่ื กนั วำ่ จะเปน็ วันท่ีเทวดำท่ีคอยปกปกั รักษำบ้ำนเมอื งจะเดินทำงกลับไปชมุ นุมทีส่ วรรค์ ในวนั ที่ 14 เมษำยน เรยี กวำ่ “วนั ว่ำง” คอื วนั ท่ีไร้ซ่ึงเทวดำรักษำบ้ำนเมอื ง เพรำะฉะนนั ในวันนชี ำวบ้ำนจะงดงำนอำชพี ตำ่ งๆ เพ่ือเดินทำงไปทำบุญที่วัด ส่วนในวันที่ 15 เมษำยน เรยี กวำ่ “วันรบั เจ้ำเมอื งใหม่” เปน็ กำรต้อนรับเทวดำองค์ที่ ลงมำปกปักรกั ษำบ้ำนเมืองแทนเทวดำองคเ์ ดิมท่ไี ดย้ ำ้ ยไปประจำยังเมืองอ่นื แล้ว 6. ตานานสงกรานต์ที่ถกู จารึก ตำนำนสงกรำนต์ ก็คือเรื่องเล่ำเก่ียวกบั ประเพณีวันสงกรำนต์ รวมถงึ นำงสงกรำนต์ทงั 7 โดยรัชกำลที่ 3 ทรงโปรดเกล้ำ ฯ ให้จำรึกลงในแผ่นศลิ ำ 7 แผ่น แปะประดับไว้ทศี่ ำลำรอบมณฑบทศิ เหนือในวดั พระเชตุพนวิมลมังคลำรำม หรอื วัดโพธ์ิ 7. นางสงกรานต์ คือ นางฟ้าทกี่ าเนดิ ในช้นั จตุมหาราชกิ า นำงสงกรำนต์ทัง 7 องค์ เป็นพน่ี อ้ งกนั กำเนิดอยใู่ นสวรรค์ชันจตุมหำรำชกิ ำซึ่งเป็นชันตำ่ ทส่ี ุด โดยทงั 7 ล้วนแต่บำท บรจิ ำริกำของ “พระอนิ ทร์” หรอื ถำ้ ในเทยี บในปจั จุบนั กม็ ีลกั ษณะคล้ำยกบั นำงบำเรอของจอมเทวรำช อกี ทงั ทัง 7 ยัง เปน็ ธิดำของท้ำวกบลิ พรหมตำมตำนำนอีกดว้ ย
8. นางสงกรานตน์ ามตามวันในแต่ละสัปดาห์ 1. นำง ทุงษะเทวี ประจำ วันอำทิตย์ 2. นำง โครำคเทวี ประจำ วันจนั ทร์ 3. นำง รำกษสเทวี ประจำ วนั องั คำร 4. นำง มณฑำ ประจำ วันพุธ 5. นำง กริ ิณี ประจำ วนั พฤหัสบดี 6. นำง กมิ ิทำ ประจำ วนั ศกุ ร์ 7. นำง มโทร ประจำ วันเสำร์ 9. นางสงกรานตแ์ ต่ละองคม์ ีพาหนะคกู่ ายทไ่ี มเ่ หมือนกัน พำหนะคู่กำยของนำงสงกรำนต์จะตำ่ งกันไปตำมลำดบั วนั ในสปั ดำห์ ไดแ้ ก่ นำง ทุงษะ ขค่ี รุฑ, นำง โครำค ขีเ่ สอื , นำง รำกษสขหี่ ม,ู นำง มณฑำ ข่ลี ำ, นำง กริ ิณี ขี่ช้ำง, นำง กมิ ทิ ำ ข่ีควำย, นำง มโหทร ขน่ี กยูง ซ่ึงสตั ว์ประจำนำงสงกรำนต์ จะไม่ได้เปน็ ไปตำมปนี ักษัตรนันๆ อยำ่ งที่หลำยคนเข้ำใจ 11. รหู้ รอื เปลา่ ? คาว่า “ดาหวั ” แปลว่า “สระผม” ถำ้ ใหแ้ ปลตรงตำมตวั คำวำ่ “ดำหัว” นนั หมำยถงึ กำรสระผม แตใ่ นควำมหมำยของทำงล้ำนนำแล้ว กำร “ดำหัว” อำจ หมำยถึง กำรเดินทำงไปขออโหสกิ รรมในสง่ิ ทเี่ รำกระทำผดิ สงิ่ ท่ไี ด้ลว่ งเกนิ ในช่วงเวลำท่มี ำ มกี ำรขอพรเพ่ือใหเ้ กิดควำม เป็นสิริมงคลตอ่ ชวี ิต จำกญำติผใู้ หญ่ ผู้อำวุโส หรือครบู ำอำจำรย์ 12. ในวันสงกรานต์จะมีสัตวช์ นิดหนงึ่ กาเนดิ ขึน้ ข้อนีน่ำจะเปน็ เร่ืองใหม่ แต่เป็นเรอ่ื งทเี่ กดิ ขนึ มำนำนมำกแล้ว เกย่ี วขอ้ งกับส่งิ มีชีวิตชนดิ หน่ึงท่ีมักเกิดขึนในชว่ งสงกรำนต์ ตำมแม่นำลำคลอง ซ่ึงคนสมัยกอ่ นเรียกว่ำ “ตัวสงกรำนต์” เป็นสงิ่ มชี วี ติ ทม่ี ีลกั ษณะคลำ้ ยไส้เดอื น เลก็ เท่ำเสน้ ด้ำย ประมำณ 2 นวิ มีสีสะท้อนเม่ือตอ้ งกับแสง มคี วำมสำมำรถเปลยี่ นสไี ปไดเ้ ร่ือยๆ มักอย่รู วมกันเป็นฝูง จะท้อนเปน็ แสงสี สวยงำม เมือ่ จับขนึ พ้นนำ สีเหลำ่ นันจะหำยไป ตวั จะขำดเปน็ ทอ่ นเลก็ ๆ และเหลวละลำย ปัจจบุ ันเช่ือว่ำส่ิงมชี ีวิตชนิดนี ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว 13. ท่ีมาของการกอ่ เจดีย์ทราย กำรก่อเจดยี ท์ รำยมเี ร่อื งเลำ่ ต่อๆ กนั มำว่ำ ในมยั ก่อน “พระเจำ้ ปเสนทิโกศล” ได้เสดจ็ ไปยังเมืองสำวัตถีพร้อมดว้ ย บรวิ ำร พระองค์ได้ทอดพระเนตรเหน็ หำดทรำยขำวบรสิ ทุ ธิ์ จึงเกดิ จติ ศรัทธำก่อทรำยขึนเปน็ เจดยี ์ทังสนิ 8 หม่ืน 4 พัน องค์เพ่ืออุทศิ เปน็ พุทธบชู ำ ซึง่ เม่อื พระเจำ้ ปเสนทิโกศลไดท้ รงเขำ้ เฝำ้ พระพุทธเจำ้ จงึ ไดท้ รงทลู ถำมอำนิสงส์ของกำรสรำ้ ง เจดยี ท์ รำยดงั กลำ่ ว พระพุทธเจ้ำตรสั รับวำ่ กำรทมี่ จี ติ ใจเลื่อมใสศรัทธำก่อสรำ้ งเจดีย์ทรำย 8 หมื่น 4 พนั องค์ หรอื แม้แต่องคเ์ ดียวกจ็ ะไดร้ บั อำนิสงส์มำก จะไมต่ กนรกหลำยร้อยขุม หำกเกิดเปน็ มนษุ ย์กจ็ ะเพียบพร้อมไปด้วย ยศถำบรรดำศักดิ์ เงนิ ทอง เม่ือตำยกจ็ ะไดข้ ึนสวรรค์ จึงเป็นทม่ี ำ
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: