Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กลุ่มชาติพันธุ์หุย

กลุ่มชาติพันธุ์หุย

Description: ในหนังเล่มนี้เป็นข้อมูลความรู้เกี่ยวกับชาติพธ์ุหุย

Search

Read the Text Version

กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุหุย Hui 回族 กล่มุ ชาติพนั ธ์ุหุยเป็นกลุ่มชาติพนั ธุ์ที่น่าสนใจเพราะเป็นกลุ่มชาติพนั ธุ์ที่แยกออกมาโดยใชห้ ลกั เกณฑข์ องศาสนา ไม่ใช่เช้ือชาติหรือภาษาเหมือนกลุ่มชาติพนั ธุ์อื่น ชาวหุยประกอบดว้ ยชาวมุสลิมท้งั หมดในประเทศจีนที่ไม่ไดร้ วมอยใู่ นกลุ่มชาติพนั ธุ์มุสลิมอื่นๆ ในจานวนน้ีรวมท้งัชาวมุสลิมในไห่หนาน ชาวมุสลิมไป๋ และมุสลิมทิเบต ประกอบด้วยประชากรท้ังหมด9,816,802 คนส่วนมากอาศยั อยใู่ นดินแดนปกครองตนเองมณฑลหนิงเซีย กานซู่ ซิงไห่และซินเกียง นอกจากน้ีชาวหุยกระจายอยู่ทว่ั ประเทศในปักก่ิง หยุนหนาน และท่ีอื่นๆ ชาวหุยพูดภาษาจีนและมีวฒั นธรรมใกลเ้ คียงกบั ชาวฮนั่ เพียงแต่บางอยา่ งที่ปรับเปล่ียนตามขอ้ บงั คบั ของศาสนาอิสลาม

ชาวหยุ สมยั ราชวงศ์ถงัราวสมยั ถัง ปี ค.ศ. 651 ศาสนาอิสลามเริ่มเผยแผ่เขา้ มายงั ประเทศจีน พ่อคา้ ชาวอาหรับเปอร์เซียเดินทางเขา้ มาประเทศจีนในบริเวณกวา่ งโจว(广州 Guǎnɡzhōu ) เฉวยี นโจว(泉州 Quánzhōu) หางโจว(杭州 Hánɡzhōu) หยางโจว(扬州 Yánɡzhōu)และฉางอาน(长安 Chánɡ’ ān) และไดต้ ้งั หลกั ปักฐานในบริเวณดงั กล่าวเป็นจานวนไม่นอ้ ย ชาวอิสลามเหล่าน้ีก่อสร้างมสั ยดิ ในประเทศจีน ซ่ึงเป็ นมสั ยิดรุ่นแรกท่ีก่อสร้างข้ึนในประเทศจีนและมีจานวนไม่นอ้ ยท่ีหลงั จากต้งั ถิ่นฐานแลว้ ไดแ้ ต่งงานกบั เผ่าพนั ธุ์เดียวกนั สร้างครอบครัวและต้งั หลกั ปักฐานแน่นอน จึงมีการก่อสร้างศาสนสถานอิสลามข้ึนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมสั ยดิสุสาน เป็นตน้ ในขณะน้นั ชาวฮนั่ เรียกชนกลุ่มน้ีวา่ “ฟานเค่อ” (蕃客 fānkè) หรือ “ถู่เซิงฝานเค่อ”(土生蕃客 tǔshēnɡfānkè) จนกระทงั่ สมยั หยวนชนกลุ่มน้ีถูกเรียกวา่ “หุยหุยฝานเค่อ”(回回蕃客 Huíhuífānkè) หรื อ “หนานฝานหุยหุย”(南蕃回回nánfānhuíhuí) ต่อมารวมกบั ชนเผา่ เลก็ นอ้ ยอื่นๆเกิดเป็นสมาชิกส่วนสาคญั ของเผา่ “หุย”

คาเรียกชนเผ่า “หุยหุย” ปรากฏคร้ังแรกในบันทึก “เมิ่งซี” 《梦溪笔谈》Mènɡxī bǐtán ของเสิ่นควั่ (沈括 Shěn Kuò) และบนั ทึกช่ือ《黑鞑事略》Hēidá shìlüè “สังเขปเฮยต๋า” ของเผิงตา้ หยา่ (彭大雅 Pénɡ Dàyǎ) ในสมยั เป่ ยซ่ง (北宋 Běisònɡ) และหนานซ่ง (南宋 Nánsònɡ) โดยมีกล่าวถึงชนกลุ่มหุยเหอ (回纥Huíhé) หุยกู่ (回鹘 Huíɡǔ) ท่ีเป็ นอิสลามิกชน ในศตวรรษที่ 13 หวั เมืองซีเจิง(西征Xīzhēnɡ) ซีเหลียว(西辽 Xīliáo)ในเขตมองโกลล่มสลาย ชาวหุยเหออพยพไปทางตะวนั ออก พร้อมๆกบั ชนเผ่าท่ีนับถือศาสนาอิสลามดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ ชาวเปอร์เซีย อาหรับ โดยอพยพเขา้ มาต้งั ถ่ินฐานในบริเวณทุ่งราบภาคกลาง ซีเป่ ย เจียงหนาน ยนู นาน ประกอบอาชีพเล้ียงสัตว์ ช่างงานฝีมือ คา้ ขาย นกั ศึกษา และขา้ ราชการ ชนกลุ่มน้ีถกู เรียกวา่ “หุยหุย” นบั เป็นชนเผ่าท่ีมีบทบาทและมีความสาคญั อย่างมากในสมยั หยวน จากน้นั มาชาวหุยก็ใช้ชื่อ “หุย” เรียกตวั เองตลอดมา อาชีพชาวหยุ

สมัยหยวน พวกขุนนาง คหบดี ชนช้นั สูงของพวกมองโกลหนั มานบั ถือศาสนาอิสลามมากข้ึน ศาสนาอิสลามก็ไดร้ วมชาวมองโกลเขา้ มาอยู่กบั พวกชนชาวหุยอีกเช่นกนั ในสมยักษตั ริยเ์ จิ้งเต๋อแห่งราชวงศห์ มิง (ปี 1506 - 1521) ชาวฮาลาฮุย (哈剌灰人 Hāláhuīrén) ที่อาศยั อยบู่ ริเวณเมืองฮาม่ี (哈密 Hāmì) ชนกลุ่มน้ีเดิมเป็นชาวมองโกล ไดอ้ พยพจากเมืองฮาม่ีเขา้ สู่ในบริเวณประเทศจีนในเมืองซู่โจว (肃州 Sùzhōu) และมีวฒั นธรรมการ “ไม่กินหมู”เหมือนอยา่ งชาวหุยหุย แต่เนื่องจากอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของรัฐบาลจีน และมีการแต่งงานขา้ มเผ่าพนั ธุ์กบั ชาวฮนั่ วฒั นธรรมต่างๆ ของชาวหุยหุยเร่ิมซึมซบั และรับเอาวฒั นธรรมของชาวฮน่ัไปไม่นอ้ ย กระทงั่ บางกลุ่มมีชีวิตความเป็ นอยรู่ ่วมสังคมกบั ชาวฮนั่ อยา่ งแยกไม่ออก นอกจากน้ีชาวหุยหุยยงั มีความสมั พนั ธใ์ กลช้ ิดกบั ชาวฮิบรูหรือชาวยวิ ที่อพยพเขา้ มาอาศยั อยบู่ ริเวณเมืองไคเฟิ ง (开封 Kāifēnɡ) ในช่วงสมยั ราชวงศซ์ ่ง (ปี ค.ศ. 1101 - 1125) ในสมยั หยวนเรียกชนชาวฮิบรูกลุ่มน้ีว่า “ซู่ฮูหุยหุย” (术忽回回 Shùhū Huíhuí) ดว้ ยเหตุที่ชนกลุ่มน้ีนบั ถือศาสนายวิ ไม่กินเน้ือหมู เทศกาลและกิจกรรมสาคญั ทางศาสนาคลา้ ยคลึงกบั ชาวหุยหุย โดยเฉพาะการแต่งกายในเทศกาลทางศาสนาท่ีจะคลุมศีรษะดว้ ยผา้ สีฟ้ า บางคร้ังจึงเรียกชนกลุ่มน้ีว่า “ชาวหุยหุยหมวกฟ้ า” (蓝帽回回 Lánmào Huíhuí) หรือ หุยหุยเขียว(青回回 Qīnɡ Huíhuí)จากพฒั นาการท่ียาวนานสืบต่อมา ชนเผา่ ชาวยวิ ในจีนกลุ่มน้ีรวมตวั เขา้ กบั ชาวหุยหุยเป็นกลุ่มชนเดียวกนั จนยอมรับท่ีจะเรียกตวั เองวา่ “ชาวหุย”

ด้านภาษาและวฒั นธรรม ดว้ ยเหตุท่ีชนเผา่ หุยต้งั แต่อดีตเป็นตน้ มาก่อร่างสร้างเป็ นกลุ่มข้ึนจากการรวมตวั กนั ของชนหลายเช้ือชาติและหลายภาษา โดยมีศาสนาอิสลามเป็นส่ิงเชื่อมโยงดังน้ันชาวหุยจึงประกอบด้วยกลุ่มชนที่มีภาษาพูดที่หลากหลาย ไดแ้ ก่ ชาวหุยท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีประเทศจีนมาแต่โบราณพูดภาษาหุยกู่(回鹘语 Huíɡǔyǔ) ภาษามองโกล(蒙古语Měnɡɡǔyǔ) ภาษาฮั่น ส่วนชาวหุยท่ีอพยพมาจากท่ีอ่ืนพูดภาษาเปอร์เซีย(波斯语Bōsīyǔ)และภาษาอาหรับ(阿拉伯语 Ā lā bó yǔ) แต่จากการอยอู่ าศยั รวมกนั กบั ชาวฮนั่มีการแต่งงานกบั ชาวฮน่ั ทาให้ ภาษาและวฒั นธรรมของชาวหุยเริ่มหลอมรวมเขา้ กบั วฒั นธรรมของชาวฮนั่ ในที่สุด มีบางกลุ่มใชภ้ าษาลูกผสมระหว่างภาษาฮนั่ กบั ภาษาด้งั เดิม จนถึงสมยั หมิงชาวหุยท่ีพูดกนั หลายภาษาหันมาใชภ้ าษาฮน่ั เป็ นภาษาสื่อกลางระหว่างกนั มีชาวหุยบางกลุ่มโดยเฉพาะบริเวณชายแดนยงั คงใช้ภาษาด้ังเดิม หรือใช้ภาษาท่ีเป็ นภาษาถ่ินของทอ้ งถิ่นที่อยู่น้นั ๆดา้ นวฒั นธรรมและวิทยาการ ชาวหุยไดส้ ร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศจีนเป็ นอย่างมากนบั ต้งั แต่สมยั หยวนเป็นตน้ มา ชาวหุยนาความรู้ดา้ นดาราศาสตร์ แพทยศ์ าสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์คีตวิทยา เผยแพร่สู่ดินแดนประเทศจีน การประดิษฐ์เข็มทิศ กระดาษ แป้ ง การสร้างเคร่ืองมือเกี่ยวกบั ดาราศาสตร์ที่ปักก่ิง เช่น หอดูดาว เคร่ืองวดั ตาแหน่งดวงดาว เครื่องวดั บ่งทิศ เคร่ืองวดัเส้นศนู ยส์ ูตร เคร่ืองวดั ตาแหน่งลกู โลก ลว้ นพฒั นาข้ึนมาจากความรู้ท่ีชาวหุยนาเขา้ มาท้งั สิ้น ในสมยั หมิงมีการก่อต้งั สถาบนั ปฏิทินชาวหุย นอกจากน้ีวศิ วกรที่มีชื่อเสียงคือ เฮ่อเตียร์ติง (黑迭儿丁 Hè dié’ér dīnɡ) เป็นผวู้ างรากฐานการก่อสร้างพระราชวงั ต่างๆ รวมท้งั พระราชวงั กู้กงก็เป็นวิศวกรชาวหุยท่านน้ี ในดา้ นการแพทย์ ชาวหุยมีตารับยาและตาราการแพทยท์ ่ีสาคัญอยา่ ง 《 回回药方》Huíhuí yàofānɡ “ตารับยาหุยหุย” กไ็ ดร้ ับการยอมรับและใชม้ าจนถึงปัจจุบนั

ด้านวรรณคดี ด้านวรรณคดี มีบทประพนั ธ์อนั ทรงคุณค่าของปราชญช์ าวหุยและเป็ นท่ียอมรับมาจนปัจจุบนั เช่น บทประพนั ธ์ชื่อ 《雁门集》Yànmén jí “ประชุมบทเยยี่ นเหมิน” บทประพนั ธ์ช่ือ 《萨文锡逸诗》Sàwén xīyì shī “กลอนซ่าเหวนิ ซีอ้ี” บทประพนั ธ์ช่ือ《西湖十 景词》Xīhú shí jǐnɡ cí “ลานาทศทศั นาสายธาราซีหู” เป็นตน้ ในสมยั หยวนมีปราชญช์ าว หุยชื่อ ซ่านซือ (赡思 Shàn Sī) จดบนั ทึกเร่ืองราวเกี่ยวกบั ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ อุทก ศาสตร์ และการคานวณ ในสมยั หมิง มีปราชญส์ าขาปรัชญาชาวหุยเสนอแนวคิดเก่ียวกบั การ กาเนิดของสรรพสิ่งในโลกว่าเกิดจากการพฒั นาเปล่ียนแปลงอยา่ งเป็ นข้นั ตอน ดา้ นสังคมได้ เสนอแนวคิดเกี่ยวกบั ทฤษฎีด้านคุณธรรม และต่อตา้ นระบบสังคมศกั ดินา ต่อตา้ นความคิด เก่ียวกบั ความเท่าเทียมของชายหญิง นับเป็ นนักปรัชญาที่มีช่ือเสียงคนหน่ึงในประวตั ิศาสตร์ การศึกษาของจีนด้านการดนตรี การดนตรีของชาวหุยไดร้ ับความนิยมมากในสมยั หยวน ถึงข้นั ไดร้ ับยกยอ่ งใหเ้ ป็นดนตรี ที่ใช้บรรเลงในราชสานัก ดนตรีหุยจึงถือไดว้ ่าเป็ นส่วนหน่ึงของพฒั นาการดา้ นดนตรีของจีน หน่ึงในแปดคีตกวีผยู้ ง่ิ ใหญ่ในสมยั หยวนคือ หม่าจิ่วเกา(马九皋 Mǎ Jiǔɡāo) กเ็ ป็นชาวหุย เพลงภาษาหุยท่ีช่ือ《花儿》Huā’ér “ดอกไม”้ ซ่ึงเป็ นเพลงพ้ืนเมืองที่มีชื่อเสียงและไดร้ ับ ความนิยมทว่ั ไปในมณฑลกานซู่และชิงห่ายกเ็ ป็นเพลงที่นามาจากท่วงทานองเพลงพ้ืนเมืองของ ชาวหุย ผลงานดา้ นจิตรกรรม ชาวหุยมีจิตรกรที่มีชื่อเสียงดา้ นการวาดภาพ ซ่ึงมีชีวิตอย่ใู นช่วง ราชวงศห์ ยวน ชื่อ เกาเค่อกง(高克恭 Gāo Kèɡōnɡ) และอีกท่านหน่ึงท่ีมีชีวิตอยใู่ นสมยั ชิง คือ ก่ายฉี (改琦 Gǎi Qí) ผลงานของจิตรกรชาวหุยท้งั สองท่านน้ีปัจจุบนั ไดร้ ับยกยอ่ งใหเ้ ป็น มรดกดา้ นจิตรกรรมอนั ล้าค่าย่งิ ของจีนดา้ นหัตถกรรม งานฝี มือ ชาวหุยมีฝี มือดา้ นการแกะสลกั งาชา้ ง แกะสลกั หิน การปักผา้ ทอพรม ซ่ึงเป็นงานฝี มือที่เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ของชาวหุยท่ี ไดร้ ับการสืบทอดต่อมาจากบรรพบุรุษ

ด้านศาสนาความเช่ือ ด้านศาสนาความเช่ือ ชาวหุยนบั ถือศาสนาอิสลาม โดยไดร้ ับอิทธิพลในเรื่องความเช่ือและ วฒั นธรรมเกี่ยวกบั ศาสนาอิสลามมาจากชาวอาหรับและเปอร์เซียมาแต่คร้ังอดีต ชาวจีนในสมยั ถงั และซ่งมีความรู้เกี่ยวกบั ศาสนานอ้ ยมาก ชาวฮนั่ จึงมองการกราบไหวส้ ่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิของชาวอิสลาม ว่าเป็นพวกไหวฟ้ ้ าดิน ไหวผ้ สี าง แต่ต่อมาในสมยั หยวน ชาวฮน่ั เร่ิมใหค้ วามสนใจศาสนาอิสลาม ของชาวหุย โดยเรียกศาสนาอิสลามท่ีชาวหุยนับถือว่า ศาสนาหุยหุย มสั ยิดอิสลามถูกเรียกว่า โบสถห์ ุยหุย สถานที่ปฏิบตั ิธรรมทางศาสนาอิสลามถูกเรียกชื่อว่าวดั หุยหุย นักบวชในศาสนา อิสลามกเ็ รียกวา่ พระหุยหุย ในสมยั ชิงเรียกชนกลุ่มนอ้ ยอื่นๆที่นบั ถือศาสนาอิสลามดว้ ยการเติมคา วา่ “หุย” ลงไป เช่น เรียกชนชาวตงเซียงวา่ “ตงเซียงหุย”(东乡回 Dōnɡxiānɡhuí) เรียกชาว อุยกรู ์วา่ “ฉานหุย” (缠回 Chánhuí) เรียกชาวซาลาว่า “ซาลาหุย” (撒拉回 Sālāhuí) จน มัก เ กิ ด ค ว า ม สั บ ส น ว่ า ช น กลุ่ ม ดัง ก ล่ า ว เป็ น ช น ก ลุ่ ม ย่อ ย ข อ ง ช น เ ผ่า หุ ย อ ยู่บ่ อ ย ๆ ขนบธรรมเนียมของชาวหุย ชีวติ ของชาวหุยผกู พนั อยกู่ บั ศาสนาอิสลามต้งั แต่เกิดจนตาย เม่ือมีเดก็ แรกเกิดจะเชิญอีหม่าม(阿訇 Ā hōnɡ)มาต้งั ช่ือใหล้ ูก เม่ือแต่งงานกเ็ ชิญอีหม่ามทาพิธีแต่งงาน ให้ เม่ือเสียชีวติ กเ็ ชิญอีหม่ามทาพธิ ีศพ ท่ีพเิ ศษคือชาวหุยจะไม่รับประทานเน้ือหมู ไม่บริโภคเลือด

ด้านวฒั นธรรมการกิน ด้านวัฒนธรรมการกิน เป็ นท่ีทราบกันดีว่าชาวอิสลามไม่กินเน้ือหมู ชาวหุยก็ เช่นเดียวกนั แต่จะกินเน้ือววั เน้ือแกะ และงู ไม่กินเน้ือม้า ลา ล่อ สุนัข ไม่กินเลือดสัตว์ บา้ นเรือนของชาวหุยสะอาดสะอา้ นเป็นระเบียบ เมื่อเขา้ บา้ นของชาวหุยจะเห็นกาน้าแขวนไว้ ที่ข่ือประตู ชาวหุยจะใชก้ าน้าน้ีไวล้ า้ งหนา้ และลา้ งมือ ชาวหุยจะไม่ใชอ้ ่างลา้ งหนา้ แต่จะใช้ กาน้าท่ีแขวนไวท้ ่ีข่ือประตนู ้ีสาหรับชาระลา้ งร่างกาย กาน้าชนิดน้ีชาวหุยไดร้ ับอิทธิพลมาจาก ชาวอาหรับ ปัจจุบันโรงแรมท่ีพกั ในเมืองที่มีชาวหุยอาศยั อยู่ หากเป็ นโรงแรมที่สร้างไว้ ตอ้ นรับชาวหุยโดยเฉพาะแลว้ จะตอ้ งแขวนกาน้าชนิดน้ีไวท้ ่ีหนา้ โรงแรม เพ่ือเป็ นเครื่อง ยนื ยนั วา่ เป็นที่พกั แรมของชาวหุยอยา่ งแทจ้ ริงเทศกาลสาคญั ชาวหุยมเี ทศกาลสาคญั อยสู่ องเทศกาลคือเทศกาลถือศีลอดและเทศกาลกรุ ปัง เทศกาล ถือศลี อดจดั ข้ึนในเดือนที่เกา้ ตามปฏิทินชาวหุย ส่วนเทศกาลกุรปังจดั ข้ึนหลงั จากเทศกาลถือ ศีลอดสิ้นสุดลง 70 วนั คือประมาณวนั ท่ี 10 เดือนที่ 12 เพราะเป็นวนั สุดทา้ ยท่ีพระศาสดา เดินทางไปเมกกะ ชาวหุยจะฆ่าววั ฆ่าแกะเพอ่ื บูชา และจดั งานเฉลิมฉลองกนั อยา่ งใหญ่โต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook