เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรับครู @CHEMISTRY RBRU บทท่ี 2 พนั ธะเคมี แรงยึดเหน่ียวระหวา่ งสารแบงออกเปน.........ประเภท คือ - แรงยึดเหนีย่ วระหว่างอะตอม เชน่ ..................................................................................................... - แรงยึดเหน่ยี วระหวางโมเลกุล เช่น.................................................................................................... แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอะตอม แรงยึดเหน่ยี วระหว่างโมเลกุล ในธรรมชาตอิ ะตอมมักจะอย่รู ่วมกนั เปน็ โมเลกุลหรือกลมุ่ อะตอมไม่ชอบอยโู่ ดดเด่ยี วตามลำพังเพราะเมอ่ื อยู่เป็นโมเล กลุ เป็นสภาพที่ทำใหร้ ะบบมพี ลงั งานตำ่ ซง่ึ ในสภาพนีแ้ ต่ละอะตอมพยายามจดั อิเลก็ ตรอนให้ครบ 8 ซง่ึ อาจจะกระทำไดใ้ นลักษณะต่อไปน้ี 1. ใหอ้ ิเล็กตรอนกับอะตอมอ่นื 2. รบั อิเล็กตรอนจากอะตอมอนื่ 3. ใชอ้ เิ ล็กตรอนร่วมกบั อะตอมอ่นื แบบฝกึ หดั 2.1 พจิ ารณาวา่ สารตอ่ ไปน้ีมีพนั ธะแบบใดแล้วทำเครอื่ งหมายถูก ท่ีชอ่ งของพันธะนั้น สาร พนั ธะไอออนิก แรงยึดเหนย่ี วระหว่างอะตอม พนั ธะโลหะ พันธะโคเวเลนต์ 1. NaCl 2. Cl2 3. CaO 4. NO3- 5. KNO3 6. Fe 7. NH4Cl 8. BeCl2 - 12 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมีสำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU พนั ธะโลหะ ➢ พันธะโลหะ เปน็ พันธะท่ีอะตอมของโลหะใชเ้ วเลนซ์อิเล็กตรอนรว่ มกนั ทั่วท้งั ก้อนของโลหะ ➢ เปน็ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกทเ่ี รยี งชดิ กนั ของนวิ เคลยี ส กบั อเิ ล็กตรอนทวี่ ง่ิ วนอยูร่ อบนอก ➢ ทฤษฎีทใ่ี ช้อธบิ ายการเกิดพันธะโลหะคอื .............................................................................. แบบจำลองทะเลอเิ ล็กตรอน คำอธิบายเกยี่ วกับการเกดิ พนั ธะโลหะ • โลหะมคี ่าพลังงานไอออไนเซชัน (IE)…………จึงสญู เสยี เวเลนซ์อเิ ล็กตรอนและเกดิ เป็นไอออน..... ..........ได้งา่ ย • อิเล็กตรอนท่ีหลุดออกมาจะเคล่อื นท่ที ั่วโครงผลกึ ไอออนบวก • แรงดงึ ดดู ระหว่างเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนที่หลุดออกมากับไอออนบ วกของโลหะท้งั หมดทำให้เกดิ เป็นพนั ธะโลหะ แบบจำลองทะเลอิเลก็ ตรอนใชอ้ ธบิ ายสมบตั ิของโลหะไดด้ ังตาราง สมบตั ิของโลหะ คำอธิบาย นำไฟฟ้าได้ นำความร้อนได้ จุดหลอมเหลวและจุดเดอื ดสูง เวเลนซ์อิเลก็ ตรอนทงั้ หมดยึดอะตอมไว้อย่างเหนยี วแนน่ เหนยี ว ตีแผ่ หรอื สามาถดงึ ให้เป็นเส้นได้ มกี ลมุ่ เวเลนซ์อิเล็กตรอนคอยยึดอนุภาคไม่ให้ขาดหลดุ ออกจากกนั ผิวมันวาวสะท้อนแสงได้ มีกลมุ่ เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนอิสระที่สามารถดดู และคายพลงั งานแสงได้ - 13 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรับครู @CHEMISTRY RBRU พันธะไอออนกิ พันธะไอออนิกเกดิ จากการใหและรับอเิ ล็กตรอนหรือการถายเทอิเลก็ ตรอนระหวางธาตทุ ำให้เกดิ เป็นแรงดึงดู ดทางไฟฟา้ สถิตระหวา่ งไอออนบวกและไอออนลบ ตัวอยา่ งเชน่ การเขยี นสตู รสารประกอบไอออนกิ 1. สารประกอบไอออนิกไม่มีสูตรโมเลกุล มแี ต่สูตรเอมพิรคิ ลั 2. เขียนสตู รไอออนบวกไว้ขา้ งหน้าตามดว้ ยสูตรไอออนลบ 3. แสดงอัตราสว่ นอยา่ งตำ่ ของจำนวนไอออนท่ีเป็นองค์ประกอบ แบบฝึกหัด 2.2 จงเขยี นสูตรสารประกอบไอออนิกลงในตารางพรอ้ มทง้ั อา่ นช่อื สารสประกอบไอออนิกให้ถูกต้อง ไอออนลบ Br- O2- CO32- PO43- ไอออนบวก K+ Li+ Mg2+ Ag+ Cu2+ Cu+ NH4+ - 14 -
เอกสารประกอบการสอน หลักเคมี และเคมสี ำหรับครู @CHEMISTRY RBRU วัฏจกั รบอรน์ -ฮารเ์ บอร์ การเกดิ สารประกอบไอออนิกมี 5 ขน้ั และแตล่ ะขน้ั มีการเปลย่ี นแปลงดงั นี้ ข้ัน การเปลย่ี นแปลง สมการ พลังงาน ดูดหรือคาย 1 การระเหิดของโลหะ พลังงานการระเหดิ 2 สลายพนั ธะของอโลหะ พลังงานสลายพนั ธะ 3 การเกดิ ไอออนบวก พลังงานไอออไนเซชัน 4 การเกิดไอออนลบ พลังงานสัมพรรคภาพ 5 การเกดิ สารประกอบ พลงั งานแลตทิช ตัวอยา่ งแผนภาพแสดงขนั้ ตอนการเกิดสารประกอบไอออนิก ตัวอยา่ งแผนภาพแสดงขนั้ ตอนแสดงการเปล่ยี นแปลงพลังงาน - 15 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรับครู @CHEMISTRY RBRU สมบตั ขิ องสารประกอบไอออนกิ 1. เปราะ และแตกหักง่าย 2. จุดหลอมเหลวสูง 3. ในสภาพของแข็งไมน่ ำไฟฟ้าแต่เมื่อหลอมเหลวสามารถนําไฟฟาได 4. เมอื่ เป็นสารละลาย สามารถนําไฟฟาไดเน่ืองจากสารละลายอิออนกิ แตกตวั ให้ ไอออนบวกและไอออนลบ การละลายน้ำของสารประกอบไอออนิก การละลายนำ้ ของสารประกอบไอออนิกมีขน้ั ตอนดังนี้ การละลายน้ำของสารประกอบไอออนิกในน้ำมที ัง้ การเปลีย่ นแปลงแบบคายพลงั งานและดูดพลังงาน โดยพลังงานทเ่ี กยี่ วข้องกบั การละลายไดแ้ ก่ พลงั งานแลตทิชและพลังงานไฮเดชัน ถ้าพลังงานแลตทชิ > พลงั งานไฮเดชัน มีการเปลี่ยนแปลงแบบ………………….. ถา้ พลงั งานแลตทชิ < พลังงานไฮเดชัน มกี ารเปลี่ยนแปลงแบบ………………….. ถ้าพลังงานแลตทิชมากกวา่ พลังงานไฮเดชนั มากๆ สารไอออนิกละลายน้ำได้นอ้ ยหรือไม่ละลาย แบบฝึกหัด 2.3 จงใชข้ อ้ มลู ในตารางตอบคำถามต่อไปนี้ สาร พลังงานแลตทชิ พลังงานไฮเดรชนั (J) 1) สารใดละลายนำ้ ได้ยากที่สุด.............................................. (J) 2) สารใดละลายนำ้ แล้วอุณหภมู ไิ ม่เปลย่ี นแปลง..................... A 10 100 3) สารใดละลายแบบคายความร้อน........................................ B 50 50 4) เม่ือให้ความร้อนแกส่ าร A จะละลายดขี ึน้ หรือแย่ลง............ C 150 80 5) เมอ่ื นำสาร C ไปต้ม จะละลายดีขนึ้ หรือแย่ลง.................... D 700 10 - 16 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU ➢ สารประกอบไอออนิกท่ีละลายนำ้ ➢ สารประกอลบไอออนิกท่ีไมล่ ะลายนำ้ แบบฝกึ หดั 2.4 จงทำนายการละลายของสารต่อไปนี้ ว่าละลายนำ้ หรอื ไม่ ถา้ ละลายให้ทำเครอื่ งหมายถูก ไม่ละลายให้ทำเครื่องผิด NaCl AgNO3 CaCO3 K2SO4 NH4Br PbCl2 Ba(OH)2 สมการไอออนกิ • สมการไอออนิกเป็นสมการทเี่ ขียนแทนปฏกิ ิริยาที่ไอออนลบและไอออนบวกเขา้ ทำปฏิกิรยิ ากนั แลว้ ได้ของแข็ งตกตะกอน หรอื ไดส้ ารใหม่เป็นของเหลว หรอื กา๊ ซ • หลักการท่วั ไปในการเขียนสมการไอออนิก 1. เขยี นสมการเฉพาะไอออนทเี่ กิดปฏกิ ิรยิ าเท่านนั้ สารอ่ืน ๆ ถ้าไม่เกดิ ปฏกิ ิรยิ าไมต่ ้องเขียนลงสมการ 2. สารไอออนิกทีไ่ ม่ละลายน้ำ สารโคเวเลนต์จะเขยี นสูตรโมเลกลุ 3. การดุลสมการจะตอ้ งดุลท้งั จำนวนอะตอมและจำนวนประจุ แบบฝกึ หัด 2.5 จงเขยี นสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิแสดงปฏกิ ิริยาที่เกดิ ขึน้ จากการผสมสารแตล่ ะค่ตู ่อไปนี้ 8.1 KBr กับ AgNO3 8.2 CaCl2 กับ Na2CO3 - 17 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU พันธะโคเวเลนต์ พนั ธะโคเวเลนต์ คอื พนั ธะเคมที เ่ี กดิ จากการใชอ้ ิเล็กตรอนรว่ มกนั โดยปรบั เวเลนซ์อเิ ล็กตรอนให้เหมอื นกบั เวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนของก๊าซเฉื่อย เพ่ือจะให้เสถียร การเขยี นสตู รโมเลกลุ และเรยี กชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์ การเขียนสตู รโมเลกุล 1. เรยี งลำดับธาตุตามสากล ดังน้ี Si , C , Sb , As , P , N , H , Te , Se , S , At , I , Br , Cl , O , F ตามลำดบั 2. ถา้ มีอะตอมของธาตุมากกว่าหนึ่งใหเ้ ขยี นจำนวนไว้ทีม่ ุมล่างขวา 3. ใชจ้ ำนวนอิเล็กตรอนค่รู ่วมพันธะของแตล่ ะอะตอมของธาตเุ พื่อคดิ จำนวนธาตุท่ใี ชอ้ ิเล็กตรอนร่วมกัน เชน่ H + S C+S จงเขียนสูตรของสารประกอบทีเ่ กดิ จากการรวมกันระหวา่ งอะตอมคู่ต่อไปนี้ ก. C กบั F ……………… ข. N กบั H………………… ค. Si กบั O…………………… การเรียกชือ่ 1. ระบุจำนวนของแต่ละธาตุดว้ ยจำนวนในภาษากรีก ดังนี้ 1 = mono – 6 = hexa – 2 = di – 7 = hept – 3 = tri – 8 = octa – 4 = tetra – 9 = nona – 5 = penta - 10 = deca – 2. อะตอมของธาตุแรกถ้ามีอะตอมเดียวไมต่ ้องระบจุ ำนวน 3. อ่านชื่อธาตุที่อย่ขู า้ งหนา้ ก่อน แล้วตามด้วยช่อื ธาตุหลงั โดยลงท้ายเสยี งเป็นไอด์ (-ide) เชน่ N2O3 อ่านว่า …………………………………….. PCl5 อา่ นว่า …………………………………….. CO อา่ นวา่ …………………………………….. SiH4 อ่านวา่ …………………………………….. N2O5 อา่ นว่า ……………………………………… SF6 อ่านว่า ……………………………………… P2O5 อา่ นวา่ ……………………………………… CS2 อ่านวา่ ……………………………………… ………. อ่านว่า ซลั เฟอร์ไดไอโอไดด์ ………. อ่านว่า ออกซิเจนไดฟลูออไรด์ - 18 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU การเขียนสูตรโครงสรา้ งแสดงพนั ธะโคเวเลนต์ แบบฝกึ หัด 2.6 จงเขยี นสตู รแบบจุดและแบบเส้นของสารตอ่ ไปนี้และพจิ ารณาว่าเปน็ ไปตามกฎออกเตตหรอื ไม่ สตู รโมเลกลุ สตู รแบบจุด สตู รแบบเสน้ กฎออกเตต Br2 O2 N2 S8 CCl4 CS2 C2H6 PF3 H2CO3 ICl3 SF6 - 19 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU คณุ สมบตั ิของสารประกอบโคเวเลนต์ 1. b.p./m.p ตำ่ 2. จุดเดอื ดของแรงดงึ ดูดระหวา่ งโมเลกุลเป็นดังน้ี พนั ธะไฮโดรเจน > แรงระหวา่ งขั้ว > แรงแวนเดอรว์ าลล์ 3. สว่ นใหญ่ไมน่ ำไฟฟา้ แต่ถ้ามขี ้ัวและสามารถแตกตวั เปน็ ไอออนได้ โมเลกลุ นัน้ จะสามารถนำไฟฟา้ ได้ 4. เขยี นสูตรโมเลกลุ ได้ (ซ่ึงเป็นหนว่ ยเล็กทีส่ ุด) พลังงานพนั ธะ (Bond energy) พลังงานพนั ธะ คือ พลงั งานที่ใชใ้ นการสลายพนั ธะระหวา่ งอะตอมของธาตภุ ายในโมเลกลุ ทอ่ี ยู่ในสถานะกา๊ ซออกเปน็ อะตอมเดีย่ ว เช่น H2 (g ) + 436 kJ 2H(g ) HI (g ) + 298 kJ H(g ) + I (g ) • สารต่างชนิดกนั จำนวนโมลเท่ากนั พลงั งานทใี่ ชส้ ลายพนั ธะก็ตา่ งกัน • การสลายพันธะชนิดเดยี วกันในสารตา่ งชนดิ กนั จะใช้พลงั งานสลายไมเ่ ทา่ กัน เชน่ CH4 (g ) + 435 kJ CH3(g ) + H(g ) C2H6 (g ) + 400 kJ C2H5 (g ) + H(g ) • การสลายพันธะชนดิ เดียวกันในสารเดียวกนั ก็ใช้พลังงานสลายไมเ่ ท่ากนั เช่น CH4 (g ) + 435 kJ CH3(g ) + H(g ) CH3 (g ) + 464 kJ CH2 (g ) + H(g ) CH2 (g ) + 422 kJ CH(g ) + H(g ) CH (g ) + 339 kJ C (g ) + H(g ) เม่อื รวมท้งั 4 ขนั เขา้ ดว้ ยกนั จะได้วา่ CH4 (g ) + 1660 kJ C (g ) + H(g ) จะได้พลังงานพนั ธะเฉลย่ี = 1660/4 = 415 kJ ซ่ึงจะมีค่าตา่ งจากคา่ พลงั งานที่สลายพนั ธะ C – H ของสารทวั่ ๆ ไป (413) kJ ปฏิกริ ยิ าใด ๆ จะมีการสลายพนั ธะเดิม และสร้างพนั ธะใหม่ ดดู พลงั งาน คายพลังงาน H = (พลงั งานดดู ) + (พลังงานคาย) - 20 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมสี ำหรับครู @CHEMISTRY RBRU แบบฝกึ หดั 2.7 จงหาพลงั งานของปฏิกิริยา C4H6(g ) + 2H2(g ) C4H10(g ) C C = 839 kJ/mol กำหนด C – H = 413 kJ/mol H - H = 436 kJ/mol C – C = 348 kJ/mol แบบฝกึ หดั 2.8 จากพลงั งานของ CH4(g ) + I2 CH3I(g ) + HI ดูดความร้อน 48 kJ จงคำนวณหาพลังงานพันธะของ I-I เมือ่ กำหนด C-H = 413 kJ/mol, H-I = 298 kJ/mol, C-I = 218 kJ/mol - 21 -
เอกสารประกอบการสอน หลักเคมี และเคมีสำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU รูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ Linear 1. เสน้ ตรง (Linear) V-Shape (Bent) Trigonal planar • อะตอมกลางมี 2 พนั ธะ และไม่มอี ิเล็กตรอนคโู่ ดดเด่ยี ว • มุมระหวา่ งพันธะเปน็ 1800 Pyramidal เชน่ …………………………………………………………………….. Tetrahedral 2. มมุ งอ (V-shaped) Trigonal bipyramidal • อะตอมกลางมี 2 พันธะ และมีอเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดย่ี วเหลืออยู่ • มมุ พนั ธะ 1800 ข้นึ อยกู่ บั อิเลก็ ตรอนทเี่ หลืออยู่ Octahedral เชน่ …………………………………………………………………….. XeF4 3. สามเหล่ียมแบนราบ (Trigonal planar) • อะตอมกลางมี 3 พนั ธะ และไมม่ อี เิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว • มมุ พันธะ = 1200 เชน่ …………………………………………………………………….. 4. พรี ะมิดฐานสามเหลย่ี ม (Pyramidal) • อะตอมกลางมี 3 พนั ธะ และมีอเิ ล็กตรอนคูโ่ ดดเด่ยี วเหลืออยู่ • มุมพนั ธะ 1200 เช่น …………………………………………………………………….. 5. ทรงสห่ี นา้ (Tetrahedral) • อะตอมกลางมี 4 พันธะ และไม่มีอเิ ล็กตรอนเหลืออยู่ • มมุ พันธะ = 109.50 เช่น …………………………………………………………………….. 6. พรี ะมดิ ค่ฐู านสามเหลย่ี ม (Trigonal bipyramidal) • อะตอมกลางมี 5 พนั ธะ และไม่มีอิเล็กตรอนค่โู ดดเด่ยี ว • มุมพนั ธะเป็น 900 และ 1200 เชน่ …………………………………………………………………….. 7. ทรงแปดหนา้ หรอื พีระมดิ ค่ฐู านสเี่ หล่ยี ม (Octahedral) • อะตอมกลางมี 6 พันธะ และไม่มีอิเล็กตรอนคูโ่ ดดเด่ียว • มุมพนั ธะเป็น 900 เช่น …………………………………………………………………….. แบบฝึกหดั 2.9 จงทำนายรปู ร่างของโมเลกุลตอ่ ไปนี้ COCl2 HCN BCl3 PH3 AsF5 - 22 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมีสำหรับครู @CHEMISTRY RBRU สภาพข้ัวของโมเลกลุ โคเวเลนต์ เมือ่ อะตอมท้ังสองเข้ามาใกล้กันจะใช้อเิ ล็กตรอนรว่ มกันซงึ่ อะตอมทั้งสองมกี ารดึงดดู อเิ ล็กตรอนเข้าหาตัวเอง อะตอมตา่ งชนดิ กันจะมคี วามสามารถในการดงึ ดูดอเิ ลก็ ตรอน (ค่ า อิ เ ล็ ก โ ท ร เ น ก า ติ วิ ตี , EN) ไ ม่ ท่ า กั น ทำใหเ้ กดิ สภาพข้ัวขน้ึ • พันธะโคเวเลนต์ไม่มีข้ัว เกดิ จากอะตอมชนดิ เดียวกัน มคี า่ EN เท่ากนั • พนั ธะโคเวเลนต์มีขว้ั เกดิ จากอะตอมตา่ งชนดิ กนั มีค่า EN ไมเ่ ท่ากัน • โมเลกุลโคเวเลนต์ไม่มีขั้ว สภาพขวั้ รวมทัง้ โมเลกุลหักล้างกันหมด • โมเลกุลโคเวเลนต์มขี วั้ สภาพข้วั รวมทง้ั โมเลกลุ หกั ล้างกนั ไมห่ มด • การแสดงสภาพขั้วของพันธะอาจใชส้ ญั ลกั ษณ์ + (เดลต้าบวก) กับ - (เดลตา้ ลบ) + (เดลต้าบวก) แสดงอำนาจไฟฟา้ คอ่ นขา้ งบวก - (เดลต้าลบ) แสดงอำนาจไฟฟ้าคอ่ นขา้ งลบ และใช้หัวลูกศร ชี้ไปทางอะตอมที่อำนาจไฟฟา้ ลบสงู กว่า แ บ บ ฝึ ก หั ด 2.10 จ ง เ ขี ย น สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ ส ด ง ส ภ า พ ขั้ ว ข อ ง พั น ธ ะ ต่ อ ไ ป นี้ และจงทำนายวา่ พันธะและโมเลกลุ มีข้วั หรอื ไม่ สูตรโมเลกลุ สตู รโครงสรา้ งและสัญลักษณ์แสดงสภาพขวั้ พนั ธะมีข้วั หรอื ไม่ โมเลกุลมขี ว้ั หรอื ไม่ HI CH4 Cl2 CO2 NF3 - 23 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมีสำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU ชนดิ ของแรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งโมเลกุล ลักษณะสำคัญ ตัวอย่างสาร ชนดิ แรงยดึ เหนยี่ ว 1. แรงลอนดอน 2. แรงดึงดดู ระหวา่ งขั้ว หรือแรงไดโพล-ไดโพล 3. พันธะไฮโดรเจน แรงลอนดอนและแรงดึงดูดระหวา่ งขั้วรวมเรียกว่า แรง................................................................................. แบบฝกึ หัด 2.11 จงทำนายว่าสารตอ่ ไปน้ีโมเลกุลมีแรงระหว่างโมเลกลุ แบบใดบ้าง สูตรโมเลกุล แรงลอนดอน แรงระหวา่ งขว้ั พนั ธะไฮโดรเจน HI CH4 Cl2 CO2 NF3 - 24 -
เอกสารประกอบการสอน หลกั เคมี และเคมีสำหรบั ครู @CHEMISTRY RBRU พันธะโคเวเลนต์กบั โครงผลกึ ร่างตาขา่ ย อโลหะบางชนิดมีจุดหลอมเหลว จุดเดือดสูง บางรูปนำไฟฟ้าได้ ซ่ึงแตกต่างจากอโลหะที่เกิดเป็นโมเลกุล โ ค เ ว เ ล น ต์ ส่ ว น ใ ห ญ่ ท่ี จ ะ มี จุ ด เ ดื อ ด แ ล ะ จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว ต่ ำ แ ล ะ ไ ม่ น ำ ไ ฟ ฟ้ า ทง้ั นเี้ ป็นเพราะอโลหะบางชนิดสามารถเกดิ โมเลกลุ ทเี่ ปน็ โครงผลกึ ร่างตาขา่ ยได้ เช่น เพชร และ แกรไฟต์ สารน้ีคอื .................................................. สารนี้คือ.................................................. สมบตั ขิ องเพชรและแกรไฟต์ สมบัติท่แี ตกต่างกันของเพชรและแกรไฟตต์ วั อย่างเช่น............................................................................................... - 25 -
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: