Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่2

หน่วยที่2

Published by Jirawan Malasai, 2017-09-03 21:19:47

Description: หน่วยที่2

Search

Read the Text Version

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 หน่วยท่ี 2 รปู แบบของฐานขอ้ มูล

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 หวั ขอ้ เรอ่ื ง 2.1 ศพั ทพ์ ้ืนฐาน 2.2 เคา้ รา่ งของฐานขอ้ มลู 2.3 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนทติ ี 2.4 ระดบั ของขอ้ มูล 2.5 รูปแบบของฐานขอ้ มูล

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 แนวคิด ระดบั ของขอ้ มูลในฐานขอ้ มูล เป็ นการสรา้ งมุมมองของขอ้ มูลท่ี แตกต่างกนั ใหก้ บั ผูท้ ่ีใชง้ าน ทาใหเ้ กิดความเป็ นอิสระของขอ้ มูล และ โปรแกรมประยุกต์ การออกแบบและพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู ตอ้ งกาหนด แบบจาลองขอ้ มูล ซึ่งเป็ นเคร่ืองมือในเชิงแนวคิดท่ีใชใ้ นการอธิบายเชิง ขอ้ มูล โครงสรา้ งขอ้ มูล ความสมั พนั ธข์ องขอ้ มูล ความหมายของขอ้ มูล และเงื่อนไขบงั คบั ความสอดคลอ้ งกนั ของขอ้ มูล

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. อธบิ ายศพั ทพ์ ้ืนฐานของฐานขอ้ มลู ได้ 2. จาแนกเคา้ รา่ งของฐานขอ้ มลู ได้ 3. บอกความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนทติ ไี ด้ 4. จาแนกระดบั ของขอ้ มูลใหเ้ หมาะสมกบั ผใู้ ชไ้ ด้ 5. อธิบายรูปแบบของขอ้ มูลแตล่ ะประเภทได้ 6. บอกคณุ ลกั ษณะทส่ี าคญั ของรูปแบบฐานขอ้ มูลได้ 7. ยกตวั อยา่ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนทติ ไี ด้

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.1 ศพั ทพ์ ้นื ฐาน • เอนทิตี (Entity) หรอื ตาราง (Table) หรอื (Relation) เป็ น ความสมั พนั ธข์ องขอ้ มูลในรูปแบบตาราง 2 มติ ิ • แอททรบิ วิ ต์ (Attribute) คอื รายละเอยี ดของขอ้ มลู ในเอนทติ ี เป็น ชอ่ื เขตขอ้ มลู หรอื ฟิ ลด์ (Field) • ความสมั พนั ธ์ (Relationship) คอื ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนทติ ี • ทูเพลิ (Tuple) คอื คา่ ของขอ้ มลู ในแตล่ ะแถว (Row) หรอื ทเ่ี รยี กวา่ เรคอรด์ (Record) • คาร์ดินลั ลิตี (Cardinality) คือ จานวนแถวของขอ้ มูลในแต่ละ รเี ลชนั หรอื จานวนเรคอรด์ ในฐานขอ้ มลู

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 • คยี ห์ ลกั (PrimaryKey) หรอื ค่าเอกลกั ษณ์ (Unique Identifier) คอื แอททรบิ วิ ตท์ มี่ คี า่ ของขอ้ มูลไมซ่ า้ กนั ในแตล่ ะทเู พิล • โดเมน (Domain) คอื ขอบเขตของคา่ ของขอ้ มูลทคี่ วรจะเป็ นในแต่ ละแอททรบิ ิวต์

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.2 เคา้ ร่างของฐานขอ้ มูล การออกแบบฐานขอ้ มูลตอ้ งระบุชอ่ื เอนทติ ี และรายละเอยี ดของ แตล่ ะเอนทติ ี ประกอบดว้ ยแอททรบิ ิวตอ์ ะไรบา้ ง มลี กั ษณะความสมั พนั ธ์ ของขอ้ มูลในเอนทิตีอยา่ งไร ซ่งึ รายละเอยี ดของโครงสรา้ งของฐานขอ้ มูล น้ี เรียกวา่ เคา้ รา่ งของฐานขอ้ มูล (Database Schema) สว่ นขอ้ มูลทถี่ ูก บนั ทกึ ลงในฐานขอ้ มูลเรยี กวา่ อนิ สแตนซ์ (Instance หรอื Occurrence) Schema หมายถงึ โครงสรา้ งขอ้ มูลหรอื นิยามขอ้ มูล Instance หมายถึง เน้ือขอ้ มลู ทเ่ี ก็บอยใู่ นโครงสรา้ งขอ้ มลู

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.3 ความสมั พนั ธ์ระหว่างเอนทิตี การสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนทิตีในฐานขอ้ มูลเชิงสมั พนั ธ์ กระทาได้ โดยการกาหนดใหเ้ อนทติ ที มี่ ีความสมั พนั ธก์ นั มีแอททรบิ ิวตท์ ่ี เหมือนกนั และคา่ ของแอตทริบิวตท์ เี่ หมือนกนั เป็ นตวั ระบุขอ้ มูลในเอนทิ ตที มี่ คี วามสมั พนั ธก์ นั

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.3.1 ความสมั พนั ธ์แบบหนง่ึ ต่อหนง่ึ (One-to-one Relationship) เป็ นการแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลในเอนทิตีหนึ่ง ว่ามี ความสมั พนั ธก์ บั ขอ้ มลู ของอกี เอนทติ หี น่ึง ในลกั ษณะทเี่ ป็นหน่ึงตอ่ หนึ่ง 2.3.2 ความสมั พนั ธ์แบบหนงึ่ ต่อกล่มุ (One-to-many Relationship) เป็ นการแสดงความสมั พันธ์ของข้อมูลของเอนทิตีหน่ึง ว่ามี ความสมั พนั ธก์ บั ขอ้ มลู หลายขอ้ มลู กบั อกี เอนทติ หี น่ึง 2.3.3 ความสมั พนั ธ์แบบกล่มุ ต่อกล่มุ (Many-to-many Relationship) เป็ นการแสดงความสมั พนั ธข์ องขอ้ มูลของ 2 เอนทิตี ในลกั ษณะ แบบกลมุ่ ตอ่ กลุม่

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.4 ระดบั ของขอ้ มูล ฐานขอ้ มูลมีการเรยี กใชโ้ ดยผใู้ ชห้ ลายกลุ่ม ขอ้ มูลทผี่ ูใ้ ชส้ ามารถ เรียกใชไ้ ดม้ ีการแบ่งระดบั ของขอ้ มูลออกเป็ นระดบั ต่าง ๆ เพ่ือใหก้ ารใช้ ขอ้ มลู ของผใู้ ชเ้ ป็นไปอยา่ งเหมาะสม แบ่งเป็น 3 ระดบั ดงั น้ี 2.4.1 ระดบั ภายนอกหรอื วิว เป็ นระดบั ขอ้ มูลที่อยู่สูงที่สุด ประกอบดว้ ย ภาพทผี่ ูใ้ ชแ้ ตล่ ะคน มองขอ้ มูล เคา้ รา่ งของขอ้ มูลระดบั น้ีเกิดจากความตอ้ งการของขอ้ มลู ของ ผใู้ ช้

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.4.2 ระดบั แนวคดิ เป็ นระดบั ของขอ้ มูลท่ีอยู่ถัดลงมา อธิบายถึงฐานขอ้ มูลว่า ประกอบดว้ ย เอนทิตี โครงสรา้ งของขอ้ มูล ความสมั พนั ธ์ของขอ้ มูล กฎเกณฑแ์ ละขอ้ จากดั ต่าง ๆ อย่างไร ขอ้ มูลในระดบั น้ีเป็ นขอ้ มูลที่ผ่าน การวิเคราะหแ์ ละออกแบบโดยผูบ้ ริหารฐานขอ้ มูล (DBA) หรือ นกั วเิ คราะหแ์ ละออกแบบฐานขอ้ มูล เป็ นระดบั ของขอ้ มูลท่ีถูกออกแบบ เพื่อใหผ้ ใู้ ชข้ อ้ มลู ในระดบั ภายนอกสามารถเรยี กใชข้ อ้ มูลได้ 2.4.3 ระดบั ภายใน เป็ นระดับข้อมูลที่อยู่ล่างสุด ซ่ึงข้อมูลจะถูกเก็บอยู่จริงใน สอื่ ขอ้ มูล มีโครงสรา้ งการจดั เก็บรูปแบบใด รวมถึงการเขา้ ถึงขอ้ มูลตา่ ง ๆ ในฐานขอ้ มลู เพ่ือดงึ ดดู ขอ้ มูลทตี่ อ้ งการ

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.5 รปู แบบของฐานขอ้ มูล ขอ้ มูลในฐานขอ้ มูลจะถูกสรา้ งใหม้ ีโครงสรา้ งที่ง่ายต่อความ เขา้ ใจและการใชง้ านของผูใ้ ช้ ซงึ่ ฐานขอ้ มูลมีโครงสรา้ งของฐานขอ้ มูลแบ่ง ออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 2.5.1 ฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พนั ธ์ ประกอบดว้ ยกลุม่ ขิงเอนทติ ที ม่ี ีความสมั พนั ธก์ นั โดยขอ้ มูลของ แต่ละเอนทิตีจะถูกเก็บขอ้ มูลในรูปแบบของตาราง 2 มิติ ในแนวแถว และแนวคอลมั น์ โดยบรรทดั แรกของตาราง คอื แอททรบิ วิ ต์

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.5.2 ฐานขอ้ มูลแบบลาดบั ขน้ั เป็ นฐานขอ้ มูลที่นาเสนอขอ้ มูลและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งขอ้ มูล ในรูปแบบของ โครงสรา้ งตน้ ไม้ โครงสรา้ งของฐานขอ้ มลู แบบลาดบั ขนั้ จะมีโครงสรา้ งของขอ้ มูล เป็ นลกั ษณะความสมั พนั ธแ์ บบพ่อลูก คือ พ่อ 1 คน มีลูกไดห้ ลายคน แต่ลูกมีพ่อไดค้ นเดียว หรือแบบพ่อคนเดียวมีลูก 1 คน ซ่ึงจดั แยก ออกเป็ นลาดบั ชนั้ โดยระดบั ชน้ั ที่ 1 จะมีเพียงแฟ้ มขอ้ มูลเดียว คือ พ่อ ในระดบั ชน้ั ท่ี 2 และระดบั ชน้ั ท่ี 3 จะมีก่ีแฟ้ มขอ้ มูลก็ได้ โดยในโครงสรา้ ง ขอ้ มลู แบบลาดบั ขนั้ แตล่ ะกรอบจะมีตวั ช้ี หรอื หวั ลูกศรไดไ้ ม่เกิน 1 หวั

ระบบจดั การฐานขอ้ มูล รหสั วชิ า 3204-2004 2.5.3 ฐานขอ้ มูลแบบเครอื ข่าย โครงสรา้ งขอ้ มูลแต่ละแฟ้ มขอ้ มูลมีความสมั พนั ธค์ ลา้ ยร่างแห โดยมีลกั ษณะโครงสรา้ งคลา้ ยกบั โครงสรา้ งแบบลาดบั ขน้ั แตกต่างกนั ตรงทีโ่ ครงสรา้ งแบบเครือข่ายสามารถมีตน้ กาเนิดของขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ 1 เรคอร์ด การออกแบบลกั ษณะของฐานขอ้ มูลแบบเครือข่ายทาให้ สะดวกในการคน้ หามากกวา่ ลกั ษณะฐานขอ้ มูลแบบลาดบั ขนั้ เพราะไม่ ตอ้ งไปเริ่มคน้ หาตง้ั แตข่ อ้ มูลตน้ กาเนิดโดยทางเดียว ขอ้ มูลแตล่ ะกลุ่มจะ เชอ่ื มโยงกนั โดยตวั ช้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook