โครงการพสี่ อนน้องการใช้โปรแกรมประมวลผลคา (Microsoft Word 2007) กรณกี ารศึกษา : โรงเรียนวดั เกาะตะเคยี น (วาสน์วทิ ยานุกูล) ตาบลเกาะขวาง อาเภอเมอื ง จังหวดั จันทบุรี (We teach for you Microsoft Word 2007 Project )นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือนางสาวสุรีรัตน์ ศรีภูโครงการนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของวชิ าโครงการ รหสั วชิ า 3201-8501 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้ันสูง สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ สาขางานการพฒั นาเวบ็ เพจ วทิ ยาลยั เทคนิคจันทบุรี ปี การศึกษา 2559
หวั ขอ้ โครงการ โครงการพ่ีสอนนอ้ งการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา (Microsoft Word 2007)กรณีศึกษา : โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสนว์ ทิ ยานุกลู ) ตาบลเกาะขวางอาเภอเมือง จงั หวดั จนั ทบุรี (We teach for you Microsoft Word 2007 Project)โดย นางสาวพชั ริฎา น้าเหนือนางสาวสุรีรัตน์ ศรีภูครูท่ีปรึกษา นางจิรวรรณ มะลาไสยสาขาวชิ า คอมพิวเตอร์ธุรกิจสาขางาน การพฒั นาเวบ็ เพจปี การศึกษา 2559 บทคดั ย่อ โครงการพ่ีสอนนอ้ งการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา (Microsoft Word 2007) มีจุดมุ่งหมายเพ่อื เสริมทกั ษะการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาใหแ้ ก่ผเู้ รียนและให้ผเู้ รียนมีความรู้และเขา้ ใจในการใช้งานโปรแกรมที่ถูกตอ้ ง คณะผจู้ ดั ทาจึงเห็นความสาคญั ของการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาในการเรียนการสอนของนกั เรียนประถมวยั จึงจดั ทาการสอนนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสน์วิทยานุกูล)เพื่อท่ีจะได้นาความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์และเป็ นพ้นื ฐานในการเรียนระดบั ที่สูงข้ึนในอนาคต การสร้างสื่อการสอนในคร้ังน้ีไดท้ าการสอนเกี่ยวกบั เครื่องมือพ้ืนฐานของโปรแกรม การสร้างเอกสาร การจดั รูปแบบเอกสาร การทางานเก่ียวกบั ตาราง การสร้างแผนภูมิ การวาดรูปภาพและการทาอกั ษรศิลป์ และการทาแผน่ พบั โดยไดร้ วบรวมขอ้ มูลดงั กล่าวมาประยุกต์ในการจดั ทาส่ือการสอน เร่ืองโปรแกรมประมวลผลคา ผจู้ ดั ทาหวงั เป็ นอย่างยิ่งว่าผูเ้ รียนจะไดร้ ับความรู้และนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการเรียนและการทางานตา่ งๆได้
Diploma : we teach for you Microsoft Word 2007 Project Case :WatkohThaKianShoolBy (Wadwittayanuku), TambonKohKwag,Consultant Teacher AmphurMueng, ChanthaburiMajorYear : Miss.Patcharita Numnoer Miss.Sureerat Sripoo : Mrs.Jirawan Malasai : Meb Page Development : 2016 Abstract Word processing program is used to teach elementary school stvdents. According to theresearch carried ovt in Rivas Wittayanvkool School this word Processing Program can be used toTeach stvdents of the wigher Standard such as From class 3 to 6 Teaching WordProcessingProgramto the Students helps in creating bagis of learning at a highor lwei in the future.The crcation of teachirgwrateriah are Teaching about the programs such as: -To starfUsirg Microsoft word document format -cditirg doc -doc .firishirg -worlcing on table charting -printirgvt -the brochvre -the collection of date - the word processerThere are hope that the stvdents will sainknowledge& put it to use in class and their functiors .
ใบรับรองโครงการ โครงการพสี่ อนนอ้ งการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา(Microsoft Word 2007)กรณีศึกษา : โรงเรียนวดั เกาะขวาง (วาสน์วทิ ยานุกลู ) ตาบลเกาะขวาง อาเภอเมือง จงั หวดั จนั ทบุรีโดย นางสาวพชั ริฎา น้าเหนือ นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภูครูที่ปรึกษา นางจิรวรรณ มะลาไสยสาขาวชิ า คอมพวิ เตอร์ธุรกิจสาขางาน การพฒั นาเวบ็ เพจปี การศึกษา 2559 ไดอ้ นุมตั ิให้นบั โครงการน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของวิชาโครงการ รหัสวิชา3201-8501หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ สาขางานการพฒั นาเวบ็ เพจ หวั หนา้ แผนกวชิ าคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ( นางพรี ญาดุนขนุ ทด )คณะกรรมการสอบโครงการ กรรมการ ประธานกรรมการ (นางพรี ญา ดุนขุนทด) ( นางจิรวรรณ มะลาไสย )( นายวเิ ชียร ประเสริฐสกุล ) (นายจิระพงษ์ จนั ทร์ประเสริฐ)รองผอู้ านวยการฝ่ ายวชิ าการ ผอู้ านวยการวทิ ยาลยั เทคนิคจนั ทบุรี วนั ท่ี........../........../.......... วนั ที่........../.........../.............
โครงการ พส่ี อนนอ้ ง (เรื่องโปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2007)ผู้เสนอโครงการ นางสาวพชั ริฎา น้าเหนือ นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภูครูทป่ี รึกษา นางจิรวรรณ มะลาไสยหลกั การและเหตุผล ในปัจจุบนั คอมพิวเตอร์เขา้ มามีบทบาทสาคญั ในชีวิตคนเรามากมายถือวา่ เป็ นปัจจยั หลกัคอมพิวเตอร์มีบทบาทกับเราในแทบทุก ๆ ด้านอย่างเช่นอุปกรณ์อานวยความสะดวกในชีวิตประจาวนั ก็ได้หลักการทางานหรือซอฟต์แวร์ข้างในเป็ นรูปแบบสมองกลควบคุมในกระบวนการทางานแทบท้งั สิ้นไมว่ า่ จะเป็น ทีวี ตูเ้ ยน็ รถยนต์ ตูเ้ อทีเอม็ โทรศพั ทม์ ือถือ ฯลฯ ซ่ึงทาให้เราสะดวกสบายมากข้ึนการทางานต่าง ๆ ก็ไดค้ อมพิวเตอร์เขา้ มามีบทบาทในกรทางานแทบท้งั สิ้นไม่ว่าจะเป็ นการงานเอกสาร การคานวณ รวมถึงงานต่าง ๆ ในทุกสาขาอาชีพ เช่น การออกแบบ สถาปัตยกรรม วิศวกร ระบบอุสาหกรรมโรงงาน การแพทย์ โปนแกรมเมอร์ ฯลฯ ต่างก็ตอ้ งอาศยั คอมพิวเตอร์ในการทางานแทบท้งั สิ้น จะเห็นไดว้ า่ คอมพิวเตอร์มีความสาคญั กบั ทุกคนและสาขาอาชีพรวมท้งั การศึกษาท่ีมีการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์เพ่ิมมากข้ึนโรงเรียนต่าง ๆ ก็บรรจุหลกั สูตรคอมพิวเตอร์เป็ นหลกั สูตรพ้ืนฐานสาหรับทุกช้นั เรียนไปแลว้ ย่ิงสมยั น้ีเริ่มเรียนกนัต้งั แต่ช้ันประถมเพ่ือให้ทนั กบั ยุคไอทีในปัจจุบนั จึงมีความจาเป็ นอย่างย่ิงในการศึกษาเรียนรู้เก่ียวกับการใช้คอมพิวเตอร์ข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือที่จะได้นาความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะเก่ียวกบั โปรแกรมประมวลผลคาซ่ึงเป็ นท่ีนิยมแพร่หลายอยา่ งมากในสานกั งานรวมถึงงานต่าง ๆ ในทุกสาขาอาชีพ ดงั น้ันจึงจัดทาโครงการพ่ีสอนน้อง โครงการน้ีให้นักเรียนได้เรียนรู้การใช้โปรแกรมประมวลผลคาแก่นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6 โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสน์วิทยานุกูล)ต.เกาะขวาง อ.เมือง จ.จนั ทบุรี เพ่ือให้นกั เรียนได้มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การใช้โปรแกรมประมวลผลคาสมามรถนาไปใช้ประโยชน์ในการ ดารงชีวิตประจาวันและการเรี ยนประกอบอาชีพในอนาคต รวมท้งั เป็ นพ้ืนฐานในการศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในระดับท่ีสูงสุดต่อไป คุณสมบตั ิโดยทวั่ ไปของโปรแกรมประมวลผลคาคือ จะมีคุณสมบตั ิที่ช่วยให้สามารถใช้งานไดง้ ่ายกวา่ เครื่องพมิ พด์ ีดธรรมดา คุณสมบตั ิพ้ืนฐานต่าง ๆ ของโปรแกรมประมวลผลคารุ่นใหม่จะประกอบดว้ ยเคร่ืองมือช่วยในการพิมพ์ เคร่ืองมือช่วยในการแกไ้ ขขอ้ มูลการควบคุมการแสดงตวั อกั ษรและการจดั รูปแบบหนา้ เอกสารการพิมพข์ องโปรแกรมประมวลผลคาน้นั ช่วยใหผ้ ใู้ ชง้ าน
พมิ พข์ อ้ ความไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ืองดว้ ยคุณสมบตั ิท่ีเรียกวา่ การมว้ นคา (Word Wrap) ที่ช่วยแยกขอ้ ความข้ึนบรรทดั ใหม่เม่ือจบคาในแต่ละบรรทดั ที่กาหนดไว้ เม่ือพิมพข์ อ้ ความเสร็จเรียบร้อยก็สามารถบนั ทึกเกบ็ ไวใ้ นรูปแบบของแฟ้ มขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ท่ีมีช่ือแฟ้ มขอ้ มูลกากบั โดยไม่จาเป็ นตอ้ งพิมพ์ซ้าใหม่ท้งั หมดเครื่องมือช่วยในการแกไ้ ขขอ้ มูลของโปรแกรมวตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือสร้างทกั ษะและกระบวนการจดั การเรียนรู้นอกสถานที่ 2. เพือ่ นาความรู้ความสามารถในการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนัเป้ าหมาย นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6 โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสน์วิทยานุกลู ) ต.เกาะขวางอ.เมือง จ.จนั ทบุรี จานวน 69 คนเคร่ืองมือ 1. เครื่องคอมพวิ เตอร์ 2. เคร่ืองพิมพ์ 3. เอกสารประกอบการสอนวธิ ีการดาเนินงาน เริ่มเปิ ดการประชุมกลุ่มเพื่อปรึกษาการทาโครงการโดยมีการนาเสนอโครงการข้ึนและจะส่งเสนอโครงการต่อครูที่ปรึกษาเพื่อขออนุมตั ิโครงการ หลงั จากผา่ นการอนุมตั ิการปฏิบตั ิงานจึงคล่องตวั และสะดวกข้ึน เราสามารถติดต่อประสานงานเพ่ือการดาเนินการโครงการตามที่วางแผนไวแ้ ละนาเน้ือหาโครงการเพือ่ จดั ทาแผนการสอนเรื่องโปรแกรมประมวลผลคา ท้งั การจดั เตรียมส่ืออุปกรณ์และเครื่องมือท่ีใชใ้ นการสอน ดาเนินการจดั ทาโครงการประเมิลผลของโครงการ นาเสนอผลของการปฏิบตั ิโครงการใหค้ รูท่ีปรึกษาพิจารณา สรุปผลการดาเนินงานประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1. ไดค้ วามรู้และทกั ษะกระบวนการจดั การเรียนรู้นอกสถานที่ 2. ผเู้ รียนมีความรู้ความเขา้ ใจในการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา 3. ไดร้ ับประสบการณ์ในการทางานเป็นทีม
ระยะเวลาในการดาเนินงานกจิ กรรม ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน (สัปดาห์) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 181.เสนอหวั เร่ืองโครงการ2.กาหนดการทางาน,ศึกษาความเป็ นไปได้3.จดั ทาแผนการสอน4.ปรับเคา้ โครงProject,ทาหนงั สือขออนุญาต5.ทาการสอน6.ประเมินผลการสอน7.สรุปผลการสอน8.จดั ทารูปเล่มใหค้ รูที่ปรึกษาดูก่อนเขา้เลม่9.นาเสนอผลงานพร้อมโครงการที่สมบูรณ์ .……………………………. (นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู) ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ ………….………………… (นางจิรวรรณ มะลาไสย) ครูท่ีปรึกษาโครงการ
บนั ทึกขอ้ ความสว่ นราชการ.........ว..ทิ...ย..า..ล...ยั ..เ.ท...ค..น...ิค..จ...นั ...ท..บ...ุร..ี...........................................................................................ท.ี่ ............................................................................................วนั ท.่ี ...........6....ม...ิถ..ุน...า..ย..น.....2..5..5..9...............เร่ือง.........ข..อ...ค..ว..า..ม...อ..น...ุเ.ค...ร..า..ะ..ห...์จ..ดั ..ท...า..ห...น...งั ..ส..ื.อ.........................................................................................เรียน ผอู้ านวยการวทิ ยาลยั เทคนิคจนั ทบุรี ดว้ ยแผนกคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ วทิ ยาลยั เทคนิคจนั ทบุรีไดก้ าหนดใหน้ กั ศึกษาจดั ทาโครงการในรายวิชาโครงการ รหสั วิชา 3201-8501 ซ่ึงนกั ศึกษาแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจไดจ้ ดั ทาโครงการพ่ีสอนนอ้ ง และจดั ทาเอกสารประกอบการสอนใหก้ บั นกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3-6 โดยมีเน้ือหาเก่ียวกบั โปรแกรมประมวลผลคา (Microsoft Word 2007) และโปรแกรมนาเสนอขอ้ มูล(Microsoft Power Point 2007) โดยตอ้ งดาเนินการสอนนกั เรียนดว้ ยน้นั ในโครงการน้ีแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จดั ทาหนงั สือขออนุญาตจดั ทาโครงการพ่ีสอนน้อง โดยจะดาเนินการสอนนกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3-6 ของโรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสนว์ ทิ ยานุกลู ) โดยจะสอนทุกวนั ศุกร์ เริ่มต้งั แต่วนั ท่ี 27 มิถุนายน พ.ศ.2559 ถึง 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 08:30 - 11:00 น. ณ โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสน์วทิ ยานุกลู ) ตาบลเกาะขวาง อาเภอเมือง จงั หวดั จนั ทบุรี จึงเรียนมาเพือ่ ขอความอนุเคราะห์และขอขอบพระคุณอยา่ งสูงมาก ณ โอกาสน้ี (นางสาวพชั ริฎา น้าเหนือ) นกั ศึกษาหวั หนา้ โครงการ(นางจิรวรรณ มะลาไสย) (นางพรี ญา ดุนขุนทด) ครูที่ปรึกษาโครงการ หวั หนา้ แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ (นายวเิ ชียร ประเสริฐสกุล) รองผอู้ านวยการฝ่ ายวชิ าการ
กติ ตกิ รรมประกาศ การศึกษาดว้ ยตนเองฉบบั น้ี สาเร็จลงดว้ ยความกรุณาอยา่ งย่ิงจากครูจิรวรรณ มะลาไสย ครูDekiLhamoท่ีใหค้ วามกรุณาในการแปลบทคดั ยอ่ เป็นภาษาองั กฤษ ครูที่ปรึกษาและคณะครูอาจารย์ทุกท่านที่ไดใ้ หค้ าแนะนา ปรึกษา ตลอดจนตรวจขอ้ แกไ้ ขขอ้ บกพร่องต่างๆ ดว้ ยความเอาใจใส่เป็ นอยา่ งย่ิง จนการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองสาเร็จสมบูรณ์ได้ ผศู้ ึกษาคน้ ควา้ ขอขอบพระคุณเป็ นอยา่ งสูงไว้ ณ ที่น้ี ขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดาทาใหไ้ ดแ้ นวคิดในการศึกษาตลอดมา กราบขอบพระคุณคณาจารยผ์ ูป้ ระสาทวิชา ญาติพ่ีน้อง ที่คอยให้ความช่วยเหลือและคอยเป็ นกาลงั ใจ อนั เป็ นพลงัสาคญั ที่ทาใหเ้ กิดความมุง่ มน่ั ความพยายามที่จะทาการศึกษาคน้ ควา้ ฉบบั น้ีจนเสร็จสมบรู ณ์ คุณประโยชน์อนั พึงมาจากการศึกษาคน้ ควา้ ฉบบั น้ี ผูศ้ ึกษาขอน้อมบูชาและอุทิศให้กับพระคุณบิดามารดา และบุพการีและบูรพาจารยท์ ี่ได้ช้ีแนะและวางพ้ืนฐานการศึกษา จนได้รับความสาเร็จสมดงั ความมุ่งหมายทุกประการ คณะผจู้ ดั ทา
สารบัญ หน้า กเรื่อง ขบทคดั ยอ่ คกิตติกรรมประกาศ งสารบญั ตารางสารบญั ภาพ 1บทท่ีก1กบทนา 21.1กความเป็ นมาและความสาคญั 21.2กวตั ถุประสงค์ 3 1.3กขอบเขตของโครงการ 4 1.4กประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 8บทท่ีก2กเอกสารและทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ ง 8 2.1กความหมายและประเภทของส่ือการเรียนการสอน 10 2.2กความสาคญั ของสื่อการเรียนการสอน 10 2.3กเทคนิคการสอนคอมพิวเตอร์ 2.4กแนวทางการจดั การเรียนการสอน 13 2.5กงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง 15บทที่ก3กวธิ ีการดาเนินการ 15 3.1กวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวชิ า 17 3.2กกาหนดกลุ่มผเู้ รียนท่ีจะใหเ้ รียน 3.3กการสร้างแผนการสอนชุดการสอน 19 3.4กเก็บรวบรวมขอ้ มูลในการสอน 19บทท่ีก4กผลของการสอน 21 4.1กสื่อท่ีใชใ้ นการสอน 4.2กหวั ขอ้ การสอนโปรแกรมประมวลผลคา 26 4.3กการวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการสอนบทท่ีก5กสรุปผลและขอ้ เสนอแนะ 5.1กสรุปผล
สารบญั (ต่อ) 5.2กขอ้ เสนอแนะ 27บรรณานุกรม 29ภาคผนวก 30 ภาคผนวกกก 69ภาคผนวกกข 84ภาคผนวกกค 89ภาคผนวกกง 163ประวตั ิผจู้ ดั ทา
สารบญั ตาราง หน้า 21ตารางที่ 23 4-1กแสดงใหเ้ ห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3 24 4-2กแสดงใหเ้ ห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 25 4-3กแสดงใหเ้ ห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 90 4-4กแสดงใหเ้ ห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 6 91 ง-1กแสดงรายละเอียดของผตู้ อบแบบสอบถามจาแนกขอ้ มลู ตามเพศ 92 ง-2กแสดงร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถามจาแนกขอ้ มลู ตามสถานะ 92 ง-3กแสดงร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถามจาแนกขอ้ มูลตามระดบั ช้นั ง-4กแสดงค่าเฉลี่ยของความพงึ พอใจในการดาเนินโครงการ
สารบญั ภาพ หนา้ 13ภาพท่ี3-1กแสดงแผนผงั งานข้นั ตอนการศึกษาหลกั สูตรการใชเ้ พ่ือใหไ้ ดว้ ตั ถุประสงค์ 16เชิงพฤติกรรม 183-2กแสดงข้นั ตอนการสร้างเครื่องมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั 793-3กแสดงข้นั ตอนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 79ข-1กผลงานนกั เรียนหน่วยท่ีก1 80ข-2กผลงานนกั เรียนหน่วยที่ก2 80ข-3กผลงานนกั เรียนหน่วยที่ก3 81ข-4กผลงานนกั เรียนหน่วยที่ก4 81ข-5กผลงานนกั เรียนหน่วยที่ก5 82ข-6กผลงานนกั เรียนหน่วยท่ีก6 82ข-7กผลงานนกั เรียนหน่วยท่ีก7 83ข-8กผลงานนกั เรียนหน่วยท่ีก8 85ข-9กผลงานนกั เรียนหน่วยที่ก9 85ค-1กผจู้ ดั ทาโครงการและนกั เรียนเขา้ ร่วมโครงการ 86ค-2กผจู้ ดั ทาโครงการและนกั เรียนเขา้ ร่วมโครงการ 86ค-3กนกั เรียนเขา้ ร่วมโครงการ 87ค-4กผสู้ อนอธิบายการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา Word 2007 ใหผ้ เู้ รียนฟัง 87ค-5กบรรยากาศในการเรียน 88ค-6กบรรยากาศในการเรียน 88ค-7กนกั เรียนไดร้ ับรางวลัค-8กมอบส่ิงตอบแทนขอบคุณครูโรงเรียนวดั เกาะตะเคียน(วาสนว์ ทิ ยานุกลู ),นกั เรียนไดร้ ับรางวลั
บทที่ 1 บทนา ปัจจุบนั เครื่องคอมพิวเตอร์มีบทบาทสาคญั ในการดาเนินชีวติ ช่วยให้เราสามารถใชง้ านได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายในการใชง้ าน คอมพิวเตอร์มีความสาคญั ต่อทุกสาขาวิชาและการเรียนการสอนหลกั สูตรวชิ าคอมพิวเตอร์ตา่ งๆ ซ่ึงวชิ าท่ีบรรจุในหลกั สูตรการเรียนการสอนน้นั เป็ นวิชาพ้ืนฐานในทุกระดบั ช้นั ท่ีจะตอ้ งเรียนวชิ าคอมพิวเตอร์น้ีเป็ นส่วนสาคญั เพื่อใหน้ กั เรียนสามารถใชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ซ่ึงในสมยั ปัจจุบนั น้ี วิชาคอมพิวเตอร์พ้ืนฐานอยา่ งMicrosoft Word 2007 เป็นโปรแกรมที่มีความสาคญั อยา่ งมากในการทางาน เพื่อให้นกั เรียนนาวิชาน้ีไปเป็นความรู้และประยกุ ตก์ ารใชง้ านใหเ้ กิดประโยชน์1.1กความเป็ นมาและความสาคัญ ในยุคปัจจุบนั เครื่องคอมพิวเตอร์เป็ นเคร่ืองมืออิเล็กทรอนิกส์ท่ีมีบทบาทสาคญั ในการดารงชีวติ และการใชง้ าน ซ่ึงคอมพิวเตอร์มีบทบาทสาคญั กบั เราในการใชง้ านในชีวิตประจาวนั ท้งัดา้ นส่ิงอานวยความสะดวกและการประมวลผลขอ้ มูลอยา่ งมีประสิทธิภาพในแถบทุกๆดา้ นในการทางานน้นั ซอฟต์แวร์เป็ นโปรแกรมประมวลผลของคอมพิวเตอร์ท่ีสาคญั เป็ นหัวใจหลกั ในการทางานดา้ นคอมพวิ เตอร์ซ่ึงกระบวนการทางานของคอมพิวเตอร์น้นั เปรียบเสมือนสมองกลและการควบคุมการทางานแทบท้งั สิ้นเช่นกนั โทรศพั ทม์ ือถือ ทีวี วีดีโอ ฯลฯ ซ่ึงเป็ นเคร่ืองมือสาคญั ที่ทาให้เราสะดวกสบายยิ่งข้ึน และมีบทบาทสาคญั ในการทางานเช่น งานเอกสารงานคานวณ งานออกแบบสถาปัตยกรรม การแพทย์ และโปรแกรมเมอร์ตอ้ งอาศยั เครื่องคอมพิวเตอร์ในการทางานท้งั สิ้นและคอมพิวเตอร์เบ้ืองตน้ เป็ นหลกั สูตรในการเรียนการสอนของนกั เรียนในสมยั ปัจจุบนั น้ีเพื่อให้ทนั ยุคสมยั เทคโนโลยี จึงมีความจาเป็ นอยา่ งย่ิงในการเรียนการสอน จึงให้วิชาโปรแกรมประมวลผลคาอยา่ ง Microsoft Word 2007 เป็ นวิชาพ้ืนฐานในหลกั สูตรเพ่ือที่จะไดน้ าความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ ซ่ึงเป็ นโปรแกรมที่นิยมอย่างแพร่หลายอย่างมากในสานักงานดา้ นตา่ งๆ ในทุกสายอาชีพ ดงั น้นั น้นั จึงจดั ทาโครงการพ่ีสอนน้อง ซ่ึงโครงการน้ีเป็ นโครงการที่ให้นกั เรียนไดเ้ รียนรู้วิธีการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2007 ให้แก่นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสนว์ ทิ ยานุกลู ) เพื่อให้นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจ เก่ียวกบั การใชง้ านโปรแกรม Microsoft Word 2007 ใหแ้ ก่นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6 เพ่อื ใหส้ ามารถนาความรู้ที่ไดไ้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั และนาไปประกอบอาชีพในอนาคตได้
โปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2007 มีคุณสมบตั ิช่วยให้การทางานของโปรแกรมน้ันสามารถใช้งานง่ายกว่าเคร่ืองพิมพ์ธรรมดา และคุณสมบัติพ้ืนฐานต่างๆ ของโปรแกรมประมวลผลคารุ่นใหม่จะประกอบดว้ ยเครื่องมือที่ช่วยในการทางานในดา้ นการพิมพ์เครื่องมือที่จะช่วยในดา้ นการแก้ไขและแสดงตวั อกั ษร การจดั รูปแบบหน้าเอกสาร การตกแต่งเอกสารและการทาแผน่ พบั เคร่ืองมือท่ีช่วยในการพิมพข์ องโปรแกรมน้นั จะช่วยในการใชง้ านของผใู้ ชง้ านสามารถพมิ พข์ อ้ ความไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง เมื่อพิมพข์ อ้ ความเสร็จเรียบร้อยแลว้ สามารถบนั ทึกไวใ้ นรูปแบบของแฟ้ มขอ้ มูลของคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อแฟ้ มขอ้ มูลกากบั โดยไม่จาเป็ นตอ้ งพิมพซ์ ้าใหมท่ ้งั หมด และเคร่ืองมือในการแกไ้ ขขอ้ มลู ของโปรแกรม1.2กวตั ถุประสงค์ 1.2.1กเพ่อื สร้างทกั ษะและกระบวนการจดั การเรียนรู้นอกสถานที่ 1.2.2กเพ่ือนาความรู้คามสามารถในการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2007ไปเผยแพร่ในการเรียนการสอน1.3กขอบเขตของโครงการ ในการสอนในเรื่อง การใช่โปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2007 ทาการสอนสาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6 โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน จานวน 69 คนโดยองคป์ ระกอบของการเรียนการสอนมีดงั น้ี 1.3.1กออกแบบและสร้างการเรียนการสอนภาคทฤษฎีเร่ืองโปรแกรมประมวลผลคา โดยมีส่วนประกอบดงั น้ี 1.3.1.1กคูม่ ือสาหรับผสู้ อน 1)กแผนการสอน 2)กเน้ือหาประกอบการสอน 3)กใบงานทา้ ยบท 1.3.1.2กสื่อการเรียนการสอน 1)กตวั อยา่ งชิ้นผลงาน 2)กสื่อการนาเสนอดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2007 3)dผลงานท่ีทาในคอมพิวเตอร์ 1.3.2กในการสอนวชิ าโปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2007มีหวั ขอ้ ดงั น้ี 1.3.2.1กการฝึกสมั ผสั แป้ นพมิ พ์ 1.3.2.2กความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั Microsoft Word 2007
1.2.3.3กเครื่องมือพ้ืนฐานของโปรแกรม Microsoft Word 2007 1.2.3.4กการจดั การดา้ นการพมิ พเ์ อกสาร1.4กประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1.4.1กสามารถใชโ้ ปรแกรม Microsoft Word 2007 เบ้ืองตน้ ได้ 1.4.2กสามารถพมิ พแ์ ละปรับปรุงแกไ้ ขขอ้ ความได้ 1.4.3กสามารถจดั รูปแบบตวั อกั ษรและเอกสารได้ 14.4กสมามารถพฒั นาทกั ษะการใชง้ านโปรแกรมประมวลผลคาได้ 1.4.5กสามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดารงชีวติ ประจาวนั ได้
บทที่2 เอกสารและทฤษฎที ี่เกย่ี วข้อง ในการดาเนินการพ่ีสอนนอ้ ง ณ โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน(วาสน์วทิ ยานุกูล) ตอ้ งทาเอกสารที่เกี่ยวขอ้ งกบั การสอน เพอ่ ให้สามารถจดั ทาโครงการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเป็ นไปไดด้ ว้ ยดีโดยทาการเอกสารและทฤษฎีท่ีเก่ียวขอ้ งดงั หวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 2.1dความหมายและประเภทของสื่อการเรียนการสอน 2.2dความสาคญั ของสื่อการเรียนการสอน 2.3กเทคนิคการสอนคอมพวิ เตอร์ 2.4dแนวทางการจดั การเรียนการสอน 2.5dงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง2.1กความหมายและประเภทของส่ือการเรียนการสอน ตวั กลางหรือช่องทางถ่ายทอดองค์ความรู้ทกั ษะประสบการณ์จากจากแหล่งความรู้ไปสู่ผเู้ รียนและทาให้เกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพผเู้ รียนจะบรรลุจุดประสงค์การเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพน้นั ผสู้ อนจะตอ้ งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์น้นั ๆ และจะตอ้ งมีเทคนิคต่างๆเพอื่ นามาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ไปสู่ผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งเต็มศกั ยภาพ สื่อการสอนและทาให้เกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพโดยส่ือการเรียนก็นบั ไดว้ า่ เป็ นเครื่องมือท่ีช่วยให้ผเู้ รียนผสู้ อนไดแ้ สดงบทบาทและเกิดความเขา้ ใจในวชิ าที่เรียนท่ีสอนกนั ไดม้ ากข้ึน 2.1.1กส่ือการเรียนการสอนจาแนกตามประสบการณ์ 2.1.1.1กประสบการณ์ตรงและมีความมุ่งหมาย ประสบการณ์ข้นั น้ี เป็ นรากฐานสาคญั ของการศึกษาท้งั ปวง เป็ นประสบการณ์ท่ีผูเ้ รียนไดร้ ับมาจากความเป็ นจริงและดว้ ยตวั เองโดยตรง ผรู้ ับประสบการณ์น้ีจะไดเ้ ห็น ไดจ้ บั ไดท้ า ไดร้ ู้สึก และไดด้ มกล่ินจากของจริง ดงั น้นั สื่อการสอนที่ไห้ประสบการณ์การเรียนรู้ในข้นั น้ีก็คือของจริงหรือความเป็ นจริงในชีวิตของคนเรานนั่ เอง 2.1.1.2กประสบการณ์จาลอง เป็ นที่ยอมรับกนั ว่าศาสตร์ต่างๆ ในโลก มีมากเกินกวา่ ที่จะเรียนรู้ไดห้ มดสิ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวติ บางกรณีก็อยใู่ นอดีต หรือซับซอ้ นเร้นลบัหรือเป็ นอันตราย ไม่สะดวกต่อการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้มีการจาลองส่ิงต่าง ๆเหล่าน้นั มาเพือ่ การศึกษา ของจาลองบางอยา่ งอาจจะเรียนไดง้ ่ายกวา่ และสะดวกกวา่
2.1.1.3กประสบการณ์นาฏการ ประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนเราน้นั มีหลายส่ิงหลายอยา่ งท่ีเราไม่สามารถประสบไดด้ ว้ ยตนเอง เช่น เหตุการณ์ในอดีต เรื่องราวในวรรณคดี การเรียนในเร่ืองที่มีปัญหาเก่ียวกบั สถานท่ี หรือเร่ืองธรรมชาติที่เป็ นนามธรรมการแสดงละครจะช่วยใหเ้ ราได้เขา้ ไปใกลค้ วามเป็นจริงมากที่สุด เช่น ฉาก เคร่ืองแต่งตวั เครื่องมือ หุ่นต่าง ๆ เป็นตน้ 2.1.1.4dการสาธิต การสาธิตคือ การอธิบายถึงขอ้ เท็จจริงหรือแบ่งความคิดหรือกระบวนการต่าง ๆให้ผฟู้ ังแลเห็นไปดว้ ย เช่น ครูวทิ ยาศาสตร์เตรียมก๊าซออกซิเจนให้นกั เรียนดูก็เป็ นการสาธิต การสาธิตก็เหมือนกบั นาฏการ หรือการศึกษานอกสถานที่ เราถือเป็ นสื่อการสอนอยา่ งหน่ึง ซ่ึงในการสาธิตน้ี อาจรวมเอาสิ่งของที่ใชป้ ระกอบหลายอยา่ ง นบั ต้งั แต่ของจริงไปจนถึงตวั หนงั สือ หรือคาพดู เขา้ ไวด้ ว้ ย แต่เราไมเ่ พง่ เล็งถึงสิ่งเหล่าน้ี เราจะใหค้ วามสาคญั กบั กระบวนการท้งั หมดที่ผเู้ รียนจะตอ้ งเฝ้ าสงั เกตอยโู่ ดยตลอด 2.1.1.5dการศึกษานอกสถานท่ี การพานกั เรียนไปศึกษานอกสถานท่ี เป็ นการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตเพ่ือให้นักเรียนไดเ้ รียนจากแหล่งขอ้ มูล แหล่งความรู้ท่ีมีอยู่จริงภายนอกหอ้ งเรียน ดงั น้นั การศึกษานอกสถานท่ีจึงเป็นวธิ ีการหน่ึงท่ีเป็นสื่อกลางใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนจากของจริง 2.1.1.6กนิทรรศการ นิทรรศการมีความหมายที่กวา้ งขวาง เพราะหมายถึง การจดัแสดงสิ่งต่างๆ เพ่ือใหค้ วามรู้แก่ผชู้ ม ดงั น้นั นิทรรศการจึงเป็ นการรวมสื่อต่าง ๆ มากมายหลายชนิดการจัดนิทรรศการที่ให้ผู้เรียนมามีส่วนร่วมในการจัด จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสคิดสร้างสรรคม์ ีส่วนร่วม และไดร้ ับขอ้ มลู ยอ้ นกลบั ดว้ ยตวั ของเขาเอง 2.1.1.7กโทรทศั น์และภาพยนตร์ โทรทศั น์เป็ นส่ือการสอนท่ีมีบทบาทมากในปัจจุบนั เพราะได้เห็นท้งั ภาพและได้ยินเสียงในเวลาเดียวกนั และยงั สามารถแพร่และถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กาลงั เกิดข้ึนไดด้ ว้ ย นอกจากน้นั โทรทศั น์ยงั มีหลายรูปแบบ เช่น โทรทศั น์วงจรปิ ด ซ่ึงโรงเรียนสามารถนามาใชใ้ นการเรียนการสอนไดเ้ ป็นอยา่ งดี นอกจากน้ียงั มีโทรทศั น์วงจรปิ ด ที่เอ้ือประโยชน์ต่อการศึกษาอยา่ งกวา้ งขวาง ภาพยนตร์เป็ นส่ือท่ีจาลองเหตุการณ์มาให้ผชู้ มหรือผเู้ รียนไดด้ ูและไดฟ้ ังอยา่ งใกลเ้ คียงกบั ความจริง แต่ไม่สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กาลงั เกิดข้ึนได้ ถึงอย่างไรก็ตามภาพยนตร์ก็ยงั นับว่าเป็ นสื่อที่มีบทบาทมากในการเรียนการสอน เช่นเดียวกนั กับโทรทศั น์ 2.1.1.8กภาพน่ิง การบนั ทึกเสียง และวทิ ยุ ภาพน่ิง ไดแ้ ก่ ภาพถ่าย ภาพวาดซ่ึงมีท้งัภาพทึบแสงและโปร่งแสง ภาพทึบแสงคือรูปถ่าย ภาพวาด หรือภาพในส่ิงพิมพต์ ่าง ๆ ส่วนภาพน่ิงโปร่งใสหมายถึงสไลด์ ฟิ ล์มสตริป ภาพโปร่งใสท่ีใช้กบั เคร่ืองฉายวสั ดุโปร่งใส เป็ นตน้ ภาพนิ่งสามารถจาลองความเป็ นจริงมาให้เราศึกษาบนจอได้ การบนั ทึกเสียง ไดแ้ ก่ แผน่ เสียงและเคร่ือง
เล่นแผ่นเสียง เทปและเครื่องบนั ทึกเสียง และเคร่ืองขยายเสียงตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกบัเสียง ซ่ึงนอกจากจะสามารถนามาใชอ้ ยา่ งอิสระในการเรียนการสอนดว้ ยแลว้ ยงั ใชก้ บั รายการวิทยุและกิจกรรมการศึกษาอื่น ๆ ไดด้ ว้ ย ส่วนวิทยุน้นั ปัจจุบนั ที่ยอมรับกนั แลว้ วา่ ช่วยการศึกษาและการเรียนการสอนไดม้ าก ซ่ึงไม่จากดั อยแู่ ต่เพียงวิทยโุ รงเรียนเท่าน้นั แต่ยงั หมายรวมถึงวทิ ยทุ ว่ั ไปอีกดว้ ย 2.1.1.9dทศั นสัญลกั ษณ์ สื่อการสอนประเภททศั นสัญลกั ษณ์น้ี มีมากมายหลายชนิด เช่น แผนภูมิ แผนภาพ แผนท่ี แผนผงั ภาพโฆษณา การ์ตูน เป็ นต้น ส่ือเหล่าน้ีเป็ นส่ือท่ีมีลกั ษณะเป็นสัญลกั ษณ์สาหรับถ่ายทอดความหมายใหเ้ ขา้ ใจไดร้ วดเร็วข้ึน 2.1.1.10dวจนสัญลกั ษณ์ ส่ือข้นั น้ีเป็ นส่ือที่จดั วา่ เป็ นข้นั ท่ีเป็ นนามธรรมมากที่สุดซ่ึงได้แก่ ตวั หนังสือหรืออกั ษร สัญลกั ษณ์ทางคาพูดท่ีเป็ นเสียงพูด ความเป็ นรูปธรรมของส่ือประเภทน้ีจะไม่คงเหลืออยูเ่ ลย อยา่ งไรก็ดี ถึงแมส้ ื่อประเภทน้ีจะมีลกั ษณะท่ีเป็ นนามธรรมท่ีสุดก็ตาม เรากใ็ ชป้ ระโยชน์จากส่ือประเภทน้ีมาก เพราะตอ้ งใชใ้ นการสื่อความหมายอยตู่ ลอดเวลา 2.1.2dส่ือการเรียนการสอนจาแนกตามคุณสมบตั ิ Wilbure Young ไดจ้ ดั แบ่งไวด้ งั น้ี 2.1.2.1กทศั นวสั ดุ (Visual Materials) เช่น กระดานดา กระดานผา้ สาลี) แผนภูมิรูปภาพ ฟิ ลม์ สตริป สไลด์ ฯลฯ 2.1.2.2กโสตวสั ดุ (Audio Materisls ) เช่น เคร่ืองบนั ทึกเสียง (Tape Recorder)เคร่ืองรับวทิ ยุ หอ้ งปฏิบตั ิการทางภาษา ระบบขยายเสียง ฯลฯ 2.1.2.3กโสตทศั นวสั ดุ (Audio Visual Materials) เช่น ภาพยนตร์ โทรทศั น์ ฯลฯ 2.1.2.4กเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ (Equipments) เช่น เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เครื่องฉายฟิ ลม์ สตริป เคร่ืองฉายสไลด์ 2.1.2.5กกิจกรรมต่าง ๆ (Activities )เช่น นิทรรศการ การสาธิต ทศั นศึกษา ฯลฯ 2.1.3กส่ือการเรียนการสอนจาแนกตามรูปแบบ(Form)Louis Shores ไดแ้ บ่งประเภทสื่อการสอนตามแบบไว้ ดงั น้ี 2.1.3.1กสิ่งตีพิมพ์ (Printed Materials) เช่น เอกสารการสอน ฯลฯ 2.1.3.2กวสั ดุกกราฟิ ก เช่น แผนภูมิ ( Charts) แผนภาพ (Diagram) ฯลฯ 2.1.3.3กวสั ดุฉายและเครื่องฉาย (Projected Materials and Equipment) เช่นภาพยนตร์ สไลด์ ฯลฯ 2.1.3.4กวสั ดุถ่ายทอดเสียง (Transmission) เช่น วทิ ยุ เครื่องบนั ทึกเสียง 2.1.4กสื่อการเรียนการสอนตามลกั ษณะและการใช้ 2.1.4.1กเครื่องมือหรืออุปกรณ์ (Hardware)
2.1.4.2dวสั ดุ (Software) 2.1.4.3กเทคนิคหรือวธิ ีการ (Techinques or Methods) 2.1.5กคุณคา่ และประโยชนข์ องสื่อการเรียนการสอน 2.1.5.1กช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ 2.1.5.2dเรียนรู้ไดด้ ีข้ึนจากประสบการณ์ที่มีความหมายในรูปแบบตา่ งๆ 2.1.5.3dเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2.1.5.4dเรียนรู้ไดง้ ่ายและเขา้ ใจไดช้ ดั เจน 2.1.5.5dเรียนรู้ไดม้ ากข้ึน 2.1.5.6กเรียนรู้ไดใ้ นเวลาที่จากดั 2.1.6กช่วยใหส้ ามารถเอาชนะขอ้ จากดั ตา่ ง ๆ ในการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ 2.1.6.1กทาส่ิงนามธรรมใหเ้ ป็นรูปธรรมมากข้ึน 2.1.6.2กทาส่ิงซบั ซอ้ นใหง้ ่ายข้ึน 2.1.6.3กทาสิ่งเคล่ือนไหวชา้ ใหเ้ ร็วข้ึน 2.1.6.4กทาส่ิงเคล่ือนไหวเร็วใหช้ า้ ลง 2.1.6.5กทาส่ิงเล็กใหใ้ หญข่ ้ึน 2.1.6.6กทาส่ิงใหญใ่ หเ้ ล็กลง 2.1.6.7กนาสิ่งท่ีอยไู่ กลมาศึกษาได้ 2.1.6.8กนาส่ิงท่ีเกิดในอดีตมาศึกษาไดช้ ่วยกระตุน้ ความสนใจ 2.1.6.9กช่วยใหจ้ ดจาไดน้ าน เกิดความประทบั ใจและมน่ั ใจในการเรียน 2.1.6.10กช่วยใหผ้ เู้ รียนไดค้ ิดและแกป้ ัญหา 2.1.6.11กช่วยแกป้ ัญหาเร่ืองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล 2.1.7กคุณคา่ ของส่ือการเรียนการสอนการเรียนการสอน 2.1.7.1กสื่อการเรียนการสอนสามารถเอาชนะขอ้ จากดั เร่ืองความแตกต่างกนั ของประสบการณ์ด้งั เดิมของผเู้ รียน คือเม่ือใชส้ ่ือการเรียนการสอนแลว้ จะช่วยใหเ้ ด็กซ่ึงมีประสบการณ์เดิมต่างกนั เขา้ ใจไดใ้ กลเ้ คียงกนั 2.1.7.2กขจดั ปัญหาเกี่ยวกบั เร่ืองสถานที่ ประสบการณ์ตรงบางอยา่ งหรือการเรียนรู้ 2.1.7.3กทาใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ตรงจากสิ่งแวดลอ้ มและสงั คม 2.1.7.4กสื่อการเรียนการสอนทาใหเ้ ด็กมีความคิดรวบยอดเป็ นอยา่ งเดียวกนั 2.1.7.5กทาใหเ้ ด็กมีมโนภาพเริ่มแรกอยา่ งถูกตอ้ งและสมบูรณ์
2.1.7.6กทาให้เด็กมีความสนใจและตอ้ งการเรียนในเรื่องต่าง ๆ มากข้ึน เช่นการอ่าน ความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ ทศั นคติ การแกป้ ัญหา ฯลฯ 2.1.7.7กเป็นการสร้างแรงจงู ใจและเร้าความสนใจ 2.1.7.8กช่วยใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีประสบการณ์จากรูปธรรมสู่นามธรรม2.2กความสาคญั ของสื่อการเรียนการสอน 2.2.1กสื่อการสอน ช่วยสร้างรากฐานที่เป็ นรูปธรรมข้ึนในความคิดของผเู้ รียน การฟังเพียงอย่างเดียวน้นั ผเู้ รียนจะตอ้ งใชจ้ ินตนาการเขา้ ช่วยดว้ ย เพื่อให้สิ่งท่ีเป็ นนามธรรมเกิดเป็ นรูปธรรมข้ึนในความคิด แต่สาหรับสิ่งท่ียุ่งยากซับซ้อน ผูเ้ รียนย่อมไม่มีความสามารถจะทาได้ การใช้อุปกรณ์เขา้ ช่วยจะทาใหผ้ เู้ รียนมีความเขา้ ใจและสร้างรูปธรรมข้ึนในใจได้ 2.2.2กสื่อการสอน ช่วยเร้าความสนใจของผเู้ รียน เพราะผูเ้ รียนสามารถใชป้ ระสาทสัมผสัไดด้ ว้ ยตา หู และการเคล่ือนไหวจบั ตอ้ งไดแ้ ทนการฟังหรือดูเพยี งอยา่ งเดียว 2.2.3กเป็ นรากฐานในการพฒั นาการเรียนรู้และช่วยความทรงจาอย่างถาวรผูเ้ รียนจะสามารถนาประสบการณ์เดิมไปสมั พนั ธ์กบั ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ เมื่อมีพ้ืนฐานประสบการณ์เดิมท่ีดีอยแู่ ลว้ 2.2.4dช่วยให้ผเู้ รียนไดม้ ีพฒั นาการทางความคิด ซ่ึงต่อเน่ืองเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ทาให้เห็นความสมั พนั ธ์เกี่ยวขอ้ งกบั ส่ิงตา่ ง ๆ เช่น เวลา สถานท่ี วฏั จกั รของส่ิงมีชีวติ 2.2.5dช่วยเพิ่มทกั ษะในการอ่านและเสริมสร้างความเขา้ ใจในความหมายของคาใหม่ ๆ ให้มากข้ึน ผูเ้ รียนที่อ่านหนงั สือช้าก็จะสามารถอ่านไดท้ นั พวกที่อ่านเร็วได้ เพราะไดย้ นิ เสียงและได้เห็นภาพประกอบกนั 2.2.6กช่วยใหค้ ุณภาพการเรียนรู้ดีข้ึน เพราะมีความจริงจงั และมีความหมายชดั เจนตอ่ ผเู้ รียน 2.2.7กช่วยใหน้ กั เรียนรู้ไดใ้ นปริมาณมากข้ึนในเวลาที่กาหนดไวจ้ านวนหน่ึง 2.2.8กช่วยใหผ้ เู้ รียนสนใจและมีส่วนร่วมอยา่ งแขง็ ขนั ในกระบวนการเรียนการสอน 2.2.9กช่วยใหผ้ เู้ รียนจา ประทบั ความรู้สึก และทาอะไรเป็นเร็วข้ึนและดีข้ึน 2.2.10กช่วยส่งเสริมการคิดและการแกป้ ัญหาในขบวนการเรียนรู้ของนกั เรียน2.3กเทคนิคการสอนคอมพวิ เตอร์ วชิ าคอมพวิ เตอร์จดั ไดว้ า่ เป็นวชิ าการที่คอ่ นขา้ งใหม่ เม่ือเปรียบเทียบกบั วิชาอ่ืน ๆ ที่ปรากฏในหลกั สูตรการเรียนการสอนในแทบทุกระดบั ช้ันดงั น้นั วิชาคอมพิวเตอร์จึงเป็ นวิชาที่ยงั ขาดกระบวนวิธีในการสอนเป็ นการเฉพาะ ในขณะที่วิชาอ่ืน ๆ จะมีวิธีสอนเฉพาะของตนเอง เช่นวิธีการสอนวิชาคณิตศาสตร์วิธีการสอนวิชาภาษาไทย หรือวิธีการสอนวิชาสังคมศึกษา เป็ นตน้
ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีผู้พฒั นาทรัพยากรช่วยสอนวิชาคอมพิวเตอร์ออกมามากมายอาทิเช่นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เป็นตน้ การสอนวชิ าคอมพิวเตอร์น้นั สามารถแบง่ ออกไดเป็น 3 หมวดใหญๆ่ ดว้ ยกนั คือ 2.3.1กการสอนวิชาเชิงทฤษฎีคอมพิวเตอร์เช่น วิชาพ้ืนฐานคอมพิวเตอร์วิชาระบบฐานขอ้ มลู หรือวชิ าการวเิ คราะห์และออกแบบระบบ 2.3.2dการสอนวิชาการเขียนโปรแกรม เช่น การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาต่าง ๆ หรือการสร้างโปรแกรมดว้ ยเครื่องมือก่ึงสาเร็จรูป ( Middle Ware) ท้งั หลาย เช่น โปรแกรม Visual Basic ,Delphi หรือAuthorwareเป็นตน้ 2.3.3dการสอนวชิ าการใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป เช่น วชิ าการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา หรือวชิ าการใชโ้ ปรแกรมวาดและตบแต่งรูปภาพ เป็ นตน้ ในที่น้ีจะขอกล่าวถึงเทคนิควิธีสอนวิชาการใช้โปรแกรมประมวลผลคา ซ่ึงจดั อยใู่ นกลุ่มท่ี3 โดยจะเนน้ เฉพาะเทคนิคการนาเขา้ สู่บทเรียน จากการท่ีผูเ้ ขียนได้พิจารณาการสอนของตนเองและเพ่ือนครูด้วยกนั มกั พบว่า ครูจะมีวิธีนาเข้าสู่บทเรียน (การเริ่มตน้ ฝึกใชโ้ ปรแกรม)อย2ู่ รูปแบบดว้ ยกนั คือ 2.3.3.1กเร่ิมสอนโดยการแนะนาให้นักเรียนรู้จกั หนา้ ตาและเมนู รวมท้งั แนะนาเคร่ืองมือ (Toolbar) ตา่ ง ๆ บนโปรแกรมที่ปรากฏอยบู่ นหนา้ จอใหค้ รบถว้ นก่อนแลว้ จึงเร่ิมตน้ สอนข้ันต่อไป ซ่ึง ผู้เขียนขอเรี ยกวิธีสอนแบบน้ีว่า เทคนิคการนาเข้าสู่บทเรี ยนแบบแนะนา(Introduction method) 2.3.3.2dเร่ิมสอนโดยการใหผ้ เู้ รียนลองพิมพข์ อ้ ความส้ัน ๆ ซกั 1 ประโยค ซ่ึงส่วนใหญผ่ เู้ รียนมกั ชอบพมิ พช์ ่ือของตนเองก่อน แลว้ จึงสอนใหผ้ เู้ รียนลองใชค้ าส่ังในเมนูและเครื่องมือในแถบเคร่ืองมือมา บูรณาการ ปรับแต่งขอ้ ความท่ีตนเองพิมพล์ งไปให้สวยงามถูกใจ ผเู้ ขียนเรียกวิธีสอนแบบน้ีว่า เทคนิคการ นาเข้าสู่บทเรียนแบบสร้างผลผลิต (Production Method)มีผูใ้ ห้ขอ้ สังเกตวา่ วิธีท่ี 2 (Production Method) จะเป็ นวิธีท่ีกระตุน้ และเร่งเร้าความสนใจของผเู้ รียนได้ดีกวา่ วธิ ีท่ี 1 (Introduction Method) ท้งั น้ีเน่ืองจากวธิ ีการสอนแบบสร้างผลผลิตน้นั นกั เรียนจะ ได้เรียนรู้และฝึ กฝนในส่ิงท่ีมีความหมาย (Meaningful Learning) ซ่ึงหมายถึงการพิมพข์ อ้ ความท่ีอ่านออกมี ความหมาย และสามารถใชค้ าสัง่ ตบแตง่ ปรับปรุงขอ้ ความน้นั ไดต้ ามท่ีตอ้ งการเม่ือเร่ิมหดั ใช้โปรแกรม ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ทางการศึกษาหลาย ๆ เร่ืองท่ีกล่าวถึงวธิ ีสอนท่ีมีความหมาย จะไดผ้ ลสัมฤทธ์ิสูงกวา่ วธิ ีสอนท่ีไม่มีความหมาย และดว้ ยการถูกกระตุน้ อยา่ งมีความหมายเช่นน้ี จึงทาให้นักเรียนเกิดความสนใจท่ี จะเรียนรู้ต่อไปอีก ซ่ึงทาให้ช้ันเรียนวิชาการใช้โปรแกรมประมวลผลคามีชีวติ ชีวาข้ึนมาได้ ส่วนวิธีนาเขา้ สู่ บทเรียนแบบแนะนาน้นั ผเู้ ขียนพบวา่ มกั จะทาให้นักเรียนเบื่อหน่าย เนื่องจากต้องน่ังดูและฟังเฉย ๆ จนกว่า ครูจะแนะนาส่วนต่าง ๆ ของ
โปรแกรมไดห้ มด นอกจากจะเป็ นการเสียเวลาเปล่าแลว้ ยงั ทาให้ช้นั เรียนเกิด สภาวะเฉ่ือยชา และบน่ั ทอนความสนใจของนกั เรียนลงไปในที่สุด2.4กแนวทางการจัดการเรียนการสอน 2.4.1กการกาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมอุปกรณ์การเรียนการสอนในแต่ละพฤติกรรม ควรยืดหยุ่นตามเหตุการณ์สภาพแวดล้อม ความสนใจ ความตอ้ งการท่ีจาเป็ นและความสามารถของผเู้ รียนแตล่ ะคน 2.4.2กผสู้ อนควรจดั แผนการเรียนการสอนโดยผสมผสานการสอนแบบตวั ต่อตวั ไปกบั การสอนแบบกลุ่มย่อยและแบบกลุ่มขนาดใหญ่ เพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ตามศกั ยภาพและยงั คงมีปฏิสัมพนั ธ์ทางสงั คมอยา่ งเหมาะสม 2.4.3กผูส้ อนควรคานึงถึงวิธีการสอนเชิงพฤติกรรมซ่ึงจะช่วยเหลือให้ผูเ้ รียนได้เกิดการเรียนรู้อยา่ งค่อยเป็นคอ่ ยไปพร้อมท้งั เพ่ิมความมนั่ ใจในตวั เองข้ึน เช่น วธิ ีการให้แรงเสริม การสอนแบบกระตุน้ เตือน การเลียนแบบ การวิเคราะห์งาน การตะล่อมกล่อมเกลาพฤติกรรมนาทางไปสู่พฤติกรรมที่พงึ ประสงคเ์ ป็นตน้ 2.4.4กผสู้ อนควรจดั โอกาสให้ผเู้ รียนไดน้ าเอาทกั ษะท่ีเรียนรู้แลว้ ในช้นั เรียนไปฝึ กปฏิบตั ินอกห้องเรียนในสถานศึกษาหรือท่ีบา้ นของผูเ้ รียนให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตประจาวนั ซ่ึงมีผลส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนสามารถช่วยเหลือตนเอง และดารงชีวติ ได้ 2.4.5กผูส้ อนควรไดร้ ับการสนบั สนุนจากผูเ้ ช่ียวชาญท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การฟ้ื นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ การศึกษา สังคมและอาชีพ ให้เขม้ าเป็ นส่วนสาคญั ในการวางแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลเช่นเดียวกบั ผปู้ กครองของผเู้ รียน2.5กงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง ประพนั ธ์(2558) ไดท้ าการศึกษาการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนคาศพั ท์ในวิชาภาษาองั กฤษ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี1 ที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า ของโรงเรียนสารภีพิทยาคม อาเภอสารภี จงั หวดั เชียงใหม่จานวน 20คน ผลการวจิ บั พบวา่ นกั เรียนสามารถผา่ นเกณฑร์ อบรู้ตามวตั ถุประสงคโ์ ดยเฉล่ียร้อยละ 87.50 ยุวดี(2558)ไดท้ าการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนคาศพั ท์ภาษาองั กฤษเพ่ือเตรียมความพร้อมสาหรับนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี2 โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่จานวน 20 คนผลการวจิ ยั พบวา่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีประสิทธิภาพตามเกณฑร์ อบรู้ ตามวตั ถุประสงค์เฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ85ผเู้ รียนมีความคิดเห็นวา่ พอใจและชอบบทเรียนคอมพิวเตอร์ชุดน้ี
พรนิภา ศิลป์ ประคอง (2558)ไดท้ าการศึกษาผลของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบอุปกรณ์การเรียน ท่ีมีต่อความเขา้ ใจเร่ือง \"แรงเสียดทาน\" ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3ท่ีเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบอุปกรณ์การเรียน กลุ่มตัวอย่างเป็ นนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 ที่กาลงั ศึกษาอยใู่ นภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2541 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการบางใหญ่ จงั หวดั นนทบุรี จานวน 90 คน แบ่งเป็ นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ45 คน โดยวธิ ีสุ่มกลุ่มตวั อยา่ งอยา่ งง่าย กลุ่มทดลอง เป็ นนกั เรียนกลุ่มที่เรียน เรื่อง \"แรงเสียดทาน\"ดว้ ยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบอุปกรณ์การเรียน กลุ่มควบคุม เป็ นนกั เรียนกลุ่มท่ีเรียนเร่ือง \"แรงเสียดทาน\" ดว้ ยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนปกติ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนท้งั 2โปรแกรมน้ีมีเน้ือหาและกิจกรรมการเรียนเหมือนกนั ทุกประการยกเวน้ ในส่วนกิจกรรมท่ีใหผ้ เู้ รียนมีประสบการณ์การทดลองแตกตา่ งกนั โปรแกรมหน่ึงมีชุดอุปกรณ์เชิงวิทยาศาสตร์ที่นามาเชื่อมต่อกบั คอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมที่เรียกวา่ Control Lab ควบคุมการทางาน ซ่ึงเป็ นโปรแกรมที่ได้รับการออกแบบให้สามารถโต้ตอบกบั นักเรียนได้ทาให้นักเรียนได้ปฏิบตั ิการทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้สังเกตและสัมผสั ปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนจริงจากการทดลองทุกข้นั ตอน ส่วนอีกโปรแกรมหน่ึงเป็ นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนปกติ นักเรียนได้สังเกตกิจกรรมแบบต่างๆเช่นเดียวกบั กิจกรรมในบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบอุปกรณ์การเรียนและเรียนไดจ้ ากหนา้ จอภาพซ่ึงกิจกรรมที่ปรากฏบนจอภาพน้นั จาลองมาจากกิจกรรมประกอบอุปกรณ์การเรียนทุกกิจกรรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนน้ีมีประสิทธิภาพ 97.17/91.67 ส่วนแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดา้ นความเขา้ ใจมีค่าความเช่ือมน่ั 0.87 วเิ คราะห์ขอ้ มูลที่รวบรวมไดโ้ ดยวธิ ีทางสถิติ t-test ที่ระดบั 0.05 ผลการวิจยั สรุปไดว้ า่ นกั เรียนที่เรียนดว้ ยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบอุปกรณ์การเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนด้านความเขา้ ใจสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนปกติอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ สุขสันต์ จอ้ ยเจริญ (2558) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนที่มีลกั ษณะการควบคุมตนเองตา่ งกนั จากคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนที่ใหผ้ ลป้ อนกลบั ต่างกนั ความมุ่งหมายของการวจิ ยั น้ีเพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนของนกั เรียนท่ีมีลกั ษณะการควบคุมตนเองต่างกนัคือ นักเรียนท่ีมีความเชื่ออานาจภายในตน และนักเรียนท่ีมี ความเช่ืออานาจภายนอกตนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่มีการให้ผลป้ อนกลบั 2 แบบคือ การใช้ผลป้ อนกลบั แบบชะลอการให้ และการใหผ้ ลป้ อนกลบั แบบใหท้ นั ที ในการวจิ ยั คร้ังน้ีผวู้ จิ ยั ไดน้ า แบบทดสอบวดั ความเช่ืออานาจภายใน-ภายนอกตนไปทดสอบ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 จานวน 131 คน จากผลของคะแนนแบบทดสอบน้ี ไดส้ ุ่มนกั เรียนที่มีความเชื่ออานาจภายในตน 30 คน และที่มีความเช่ืออานาจภายนอกตน 30 คน ในแต่ละกลุ่ม แบ่งเป็ นกลุ่มยอ่ ยโดยการสุ่มเพ่ือเรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอน ที่มีการให้ผลป้ อนกลบั 2 แบบคือ แบบชะลอการให้และแบบให้ทนั ที แบบฝึ กของบทเรียน หลงั การทดลองไดใ้ ช้แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนทนั ที พบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนท่ีมี ความเช่ืออานาจภายในตนและนกั เรียนท่ีมีความเชื่ออานาจภายนอกตน ไมแ่ ตกตา่ งกนั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนที่เรียนจาก บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีการให้ผลป้ อนกลบั แบบชะลอ การใหแ้ ละแบบให้ทนั ทีไม่แตกต่างกนั ไม่มีปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งลกั ษณะการควบคุมตนเองและรูปแบบการใหผ้ ลป้ อนกลบั รื่ นจิต พัฒนยินดี (2558) ได้ทาการศึกษาประเภทของตัวช้ีนาความลึกในภาพบนจอคอมพิวเตอร์ท่ีมีผลต่อการรับรู้ของเด็กอนุบาล และเปรียบเทียบตวั ช้ีนาความลึกประเภทต่างๆในภาพบนจอคอมพวิ เตอร์ที่เด็กอนุบาลมีการรับรู้ความลึกในภาพไดด้ ีท่ีสุด โดยใชต้ วั ช้ีนาความลึก7 ประเภทคือ ตวั ช้ีนาความลึกแบบซอ้ นทบั ตวั ช้ีนาความลึกแบบขนาด ตวั ช้ีนาความลึกแบบพ้ืนผวิตวั ช้ีนาความลึกแบบแนวเส้น ตวั ช้ีนาความลึกแบบเลือนหาย ตวั ช้ีนาความลึกแบบแสงเงา ตวั ช้ีนาความลึกแบบมุมสูง กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวิจยั เป็ นเด็กในระดบั ช้นั อนุบาลที่มีอายุระหวา่ ง 5-6 ปีจานวน 120 คน เครื่องมือที่ใชค้ ือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใชว้ ดั การรับรู้ความลึกในภาพของเด็กอนุบาล วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชก้ ารวิเคราะห์หาค่าความแปรปรวนทางเดียวแบบวดั ซ้า (One-WayAnalysis of Variance, Repeated Measurement) และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉล่ียของคะแนนแต่ละคู่ (Multiple Comparison) โดยวธิ ีของ Tukeyผลการวจิ ยั สรุปไดว้ า่ 1. การรับรู้ตวั ช้ีนาความลึกในภาพบนจอคอมพิวเตอร์ของเด็กอนุบาลเม่ือใชต้ วั ช้ีนาความลึก 7 ประเภทคือ ตวั ช้ีนาความลึกแบบซอ้ นทบั (Interposition) ตวั ช้ีนาความลึกแบบขนาด (Size) ตวั ช้ีนาความลึกแบบพ้ืนผวิ(Texture gradient) ตวั ช้ีนาความลึกแบบแนวเส้น (Linear perspective) ตวั ช้ีนาความลึกแบบเลือนหาย (Atmospheric perspective) ตวั ช้ีนาความลึกแบบแสงเงา (Shading) และตวั ช้ีนาความลึกแบบมุมสูง (Height) มีผลแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 2.ตวั ช้ีนาความลึกแบบแนวเส้น (Linear perspective) มีผลต่อการรับรู้ความลึกในภาพบนจอคอมพิวเตอร์ของเด็กอนุบาล ได้ดีกวา่ ตวั ช้ีนาความลึกแบบอื่นๆ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 เรียงตามลาดบั การรับรู้ของเด็กอนุบาลจากมากไปน้อยดงั ต่อไปน้ี ตวั ช้ีนาความลึกแบบมุมสูง (Height) ตวั ช้ีนาความลึกแบบซอ้ นทบั (Interposition) ตวั ช้ีนาความลึกแบบเลือนหาย (Atmospheric perspective) ตวั ช้ีนาความลึกแบบขนาด (Size) ตวั ช้ีนาความลึกแบบพ้ืนผวิ (Texture gradient) และตวั ช้ีนาความลึกแบบแสงเงา(Shading)
บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการ การเรียนการสอนคร้ังน้ีจดั ทาข้ึนเพอ่ื สร้างประสิทธิภาพทางการศึกษาใหแ้ ก่ผสู้ อน เรื่องการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา โดยผสู้ อนมีวธิ ีการดาเนินงานดงั น้ี 3.1กวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวชิ า 3.2กกาหนดกลุ่มผเู้ รียนท่ีจะใหเ้ รียน 3.3กการสร้างแผนการสอนชุดการสอน 3.4กเก็บรวมรวบขอ้ มลู ในการสอน3.1กวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวชิ า ผสู้ อนไดท้ าการศึกษาขอ้ มูลเก่ียวกบั โปรแกรมประมวลคา (Microsoft Word 2007) โดยการศึกษาจากหนังสือเก่ียวกับโปรแกรมประมวลผลคาและเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับโปรแกรมMicrosoft Word เพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงหวั ขอ้ เรื่อง เน้ือหายอ่ ย และวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม โดยมีความสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องหลลกั สูตร การวเิ คราะห์หลกั สูตรรายละเอียดจะแสดงในภาพท่ี 3-1สามารถอธิบายรายละเอียดดงั น้ี เร่ิมตน้ วเิ คราะห์วชิ าการใชโ้ ปรแกรม Microsoft Word 2007 รวบรวมและประเมินความสาคญั ของหวั ขอ้ เรื่อง วเิ คราะห์เน้ือหาของหวั เรื่อง 1ภาพที่ 3-1 แสดงแผนผงั งานข้นั ตอนการศึกษาหลกั สูตรการใชเ้ พอ่ื ใหไ้ ดว้ ตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1ประเมินความสาคญั รายละเอียดเน้ือหาของหวั ขอ้ เรื่องกาหนดวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ไม่ผา่ น ผา่ น ปรับปรุง ท่ีปรึกษาพจิ ารณา ผา่ น ไมผ่ า่ น ปรับปรุง ผบู้ ริหารพิจารณา ไดว้ ตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมที่สอดคลอ้ งกบั การสอน จบการทางานภาพท่ี 3-1 แสดงแผนผงั งานข้นั ตอนการศึกษาหลกั สูตรการใชเ้ พอื่ ใหไ้ ดว้ ตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 3.1.1กศึกษารายละเอียด การใชโ้ ปรแกรมประมลผลคาจากการศึกษาพบวา่ คาอธิบายรายวชิ าที่เขียนไวใ้ นหนงั สือมีเพียงจุดประสงคร์ ายวชิ า ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกบั วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมและหวั ขอ้ ยอ่ ย 3.1.2กรวบรวมและประเมินความสาคัญของหัวเรื่อง ผู้สอนได้แบ่งหัวข้อเรื่องการใช้โปรแกรมประมวลผลคา จากออกเป็ น 9 หัวขอ้ เร่ือง โดยคานึกถึงความเกี่ยวเน่ืองเน้ือหา ประเภทของเน้ือหาที่เก่ียวกับการใช้โปรแกรมประมวลผลคาซ่ึงประกอบด้วยหัวข้อเร่ืองดังน้ีรู้จกั กับMicrosoft Word 2007 เริ่มสร้างเอกสาร การแกไ้ ขเอกสารการตกแต่งเอกสาร การสร้างตารางการตกแตง่ เอกสารดว้ ยรูปภาพการสร้างแผนภูมิการพิมพเ์ อกสารออกทางเครื่องพิมพก์ ารสร้างแผน่ พบัด้วย Microsoft Word 2007โดยศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ คือ คาอธิบายรายวิชา เอกสารอินเทอร์เน็ต และอาจารยท์ ี่ปรึกษา รวมถึงประสบการณ์ของผูส้ อน หลงั จากน้นั ผูส้ อนจึงทาการ
ประเมินความสาคญั ของหัวข้อแต่ละหัวข้อโดยมีเกณฑ์ในการพิจารณา คือ ในแต่ละหัวข้อมีประโยชน์ช่วยส่งเสริมความสามารถในการแกป้ ัญหาในการเรียน การทางานร่วมกนั ของนกั เรียนช่วยส่งเสริมทกั ษะการทางานใหถ้ ูกตอ้ งสมบูรณ์ และช่วยส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนมีเจตคติท่ีดี 3.1.3กวเิ คราะห์เน้ือหาสาคญั ของหวั เรื่อง หลงั จากประเมินความสาคญั ของหวั ขอ้ เรื่องแลว้ผูส้ อนได้วิเคราะห์เน้ือหาสาคญั ของหวั ขอ้ เร่ืองวา่ ประกอบดว้ ยเน้ือหาสาคญั ใดบา้ ง ซ่ึงผูส้ อนได้รายละเอียดเน้ือหาจากแหล่งข้อมูล คือ คาอธิบายรายวิชา เอกสาร อาจารย์ที่ปรึ กษาและประสบการณ์ของผสู้ อน 3.1.4กประเมินความสาคญั รายละเอียดเน้ือหาของหวั เรื่อง เมื่อไดร้ ายละเอียดเน้ือหาจากแหล่งขอ้ มูลต่างๆ แลว้ ผสู้ อนไดท้ าการประเมินความสาคญั รายละเอียดเน้ือหาของหวั ขอ้ เร่ือง โดยใชเ้ กณฑเ์ ดียวกบั การประเมินความสาคญั ของหวั เรื่อง 3.1.5กกาหนดวตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เม่ือไดร้ ายละเอียดของเน้ือหาการสอนท่ีมีการประเมินความสาคญั เรียบร้อยแลว้ ทาการเขียนวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม โดยผสู้ อนพิจารณาว่าตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรมหลงั จากผา่ นการเรียนการสอนในหวั ขอ้ เรื่องน้นั แลว้ ซ่ึงระดบั พฤติกรรมที่วดั ไดด้ งั น้ี คือ ระดบั ฟ้ื นคืนความรู้(R) ระดบั ประยุกตค์ วามรู้ (A) และระดบั ส่งถ่ายความรู้(T) โดยท้งั 9 หน่วยเรียน มีวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมท้งั หมดท่ีตอ้ งการ3.2กกาหนดกล่มุ ผู้เรียนทจ่ี ะให้เรียน กลุ่มผเู้ รียนท่ีเลือกไปสอนในคร้ังน้ี คือ นกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี3-6 โรงเรียนวดัเกาะตะเคียน(วาสนว์ ทิ ยานุกลู )3.3กการสร้างเคร่ืองมือในการสอน เคร่ืองมือที่ใช่ในการสอนเป็ นเอกสารประกอบการสอน ใบงาน และงานทา้ ยบท ซ่ึงผสู้ อนสร้างข้ึนโดยมีข้นั ตอนดงั ภาพที่ 3-2
เริ่มตน้ วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมใบเน้ือหา วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม แบบฝึกหดั และแบบทดสอบ สื่อการเรียนการสอน วตั ถทุปี่ประรึสกษงคาพเ์ ชิจงาพรฤณตาิกรรม ไม่ผา่ น ปรับปรุง ผา่ น ผบู้ ริหารพจิ ารณา ไมผ่ า่ น ผา่ น ปรับปรุง ไดน้ าชุดการสอนนาไปใชจ้ ริง สิ้นสุด ภาพที่ 3-2 แสดงข้นั ตอนการสร้างเครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั รายละเอียดแต่ละข้นั ตอน มีดงั ต่อไปน้ี 3.3.1กวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม หลงั จากการผา่ นการวเิ คราะห์หลกั สูตรการสอนรวบรวมหัวเรื่อง ประเมินความสาคญั ของหัวเร่ื อง วิเคราะห์เน้ือหาสาคญั ของหัวเรื่องแลว้ จะได้วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 3.3.2กสร้างเอกสารการสอนการใช้โปรแกรมประมวลผลคา ดงั มีรายละเอียดขอ้ มูลดงั น้ี
3.3.2.1กใบเน้ือหานาวตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรมมากาหนดเน้ือหาการสอนในการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา แบง่ เน้ือหาออกเป็น 9 หน่วยเรียน โดยมีรายละเอียดดงั น้ี หน่วยท่ีก1กรู้จกั กบั Microsoft Word 2007 หน่วยที่ก2กเริ่มสร้างเอกสาร หน่วยท่ีก3กการแกไ้ ขเอกสาร หน่วยที่ก4กการตกแตง่ เอกสาร หน่วยที่ก5กการสร้างตาราง หน่วยที่ก6กการตกแต่งเอกสารดว้ ยรูปภาพ หน่วยที่ก7กการสร้างแผนภมู ิ หน่วยที่ก8กการพิมพเ์ อกสารออกทางเครื่องพมิ พ์ หน่วยท่ีก9กการสร้างแผน่ พบั ดว้ ย Microsoft Word 2007 3.3.2.2กใบงาน และงานทา้ ยบท ผสู้ อนไดจ้ ดั ทาใบงานและทาตวั อยา่ งงานทา้ ยบทใหแ้ ก่ผเู้ รียนไดท้ า เพือ่ วดั ความเขา้ ใจแก่นกั เรียน 3.3.2.3กส่ือการเรียนการสอน การสร้างส่ือการเรียนการสอนควนพิจารณาจากวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมและใบเน้ือหาเป็ นหลกั เพ่ือให้ผเู้ รียนไดเ้ กิดการเรียนรู้มากท่ีสุด ซ่ึงการส่ือการเรียนการสอนประกอบดว้ ย ใบความรู้ประจาหน่วยการเรียนรู้ ตวั อย่าง และใบงานท่ีมอบให้ฝึ กทาปฏิบตั ิงานในโปรแกรมMicrosoft Word 2007 เนื่องจากผูเ้ รียนได้สัมผสั จากประสบการณ์จริงไดท้ ดลองปฏิบตั ิจริงและเพิม่ ความสะดวกในการสอนเพอ่ื ความเขา้ ใจง่าย3.4กการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผสู้ อนไดด้ าเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพอ่ื หาคาตอบตามจุดมุ่งหมายของการวิจยั คร้ังน้ีโดยการกาหนดเป็นข้นั ตอน ดงั ภาพที่ 3-3 ซึงมีรายละเอียดดงั น้ี 3.4.1กช้ีแจงวตั ถุประสงค์การสอนและวิธีการเรียนด้วยชุดการสอนให้กบั กลุ่มนกั เรียน 3.4.2กอธิบายงานทา้ ยบท ช้ีแจงวตั ถุประสงคใ์ หแ้ ก่นกั เรียนไดล้ งมือปฏิบตั ิเพื่อเก็บขอ้ มูลความรู้จากการเรียน 3.4.3กสอนดว้ ยเอกสารประกอบการสอนและทดสอบความกา้ วหนา้ ระหวา่ งเรียนเมื่อนกั เรียน เรียนจบแต่ละหน่วยเรียนให้ผเู้ รียนไดฝ้ ึ กทาแบบฝึ กปฏิบตั ิ เพื่อประเมินความกา้ วหนา้ทางการเรียน โดยทาการสอน สัปดาห์ละ 1 วนั วนั ละ 1 ชั่วโมง ใชใ้ นการสอนท้งั สิ้น 9 สัปดาห์ 3.4.4กใบงานหลงั เรียนและงานทา้ ยบทแบบฝึ กปฏิบตั ิ เมื่อนกั เรียนผ่านการเรียนการสอนครบทุกหน่วยการเรียนแลว้ ผสู้ อนจะทาการเก็บรวบรวมคะแนนของนกั เรียน
เร่ิมตน้ ช้ีแจงวตั ถุประสงคแ์ ก่กลุ่มนกั เรียน ตวั อยา่ งการทางาน อธิบายรายละเอียดของงาน ใบงานที่มอบปฏิบตั ิงานในโปรแกรม Microsoft Word 2007 สิ้นสุด ภาพที่ 3-3 แสดงข้นั ตอนการเก็บรวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มูลจากนักเรียนซ่ึงประกอบด้วย คะแนนการทาใบงานหลังเรียน แบบฝึ กปฏิบตั ิไดค้ รบผสู้ อนไดน้ าไปวเิ คราะห์ตามข้นั ตอนตอ่ ไป
บทท่ี 4 ผลของการสอน การสอนคร้ังน้ี ผูส้ อนสร้างและหาประสิทธิภาพการสอนภาคทฤษฎีการใช้โปรแกรมประมวลผลคาMicrosoft Office Word 2007 โดยมีผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู แสดงเป็นลาดบั ดงั น้ี 4.1 ส่ือทีใชใ้ นการสอน 4.2 หวั ขอ้ การสอนโปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Office Word 2007 4.3 การวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการสอน4.1 สื่อทใี่ ช้ในการสอน สื่อการเรียนหมายถึง ส่ิงต่าง ๆ ที่ใช้เป็ นเคร่ืองมือ หรือช่องทางสาหรับทาใหก้ ารสอนของครูไปถึงผเู้ รียน และทาใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ตามจุดประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายที่วางไวเ้ ป็ นอยา่ งดี เทคนิคต่าง ๆ ที่จะมาสนบั สนุนการเรียนการสอน เร้าความน่าสนใจผเู้ รียนรู้ให้เกิดการเรียนรู้ เกิดความเขา้ ใจดีข้ึน อยา่ งรวดเร็ว 4.1.1 สื่อท่ีใชใ้ นการสอน ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอร์ 4.1.2 วิธีการสอน คือการบรรยายอธิบายและสอนแบบยกตวั อย่างให้ผเู้ รียนดูผา่ นหนา้ จอโปรเจคเตอร์ เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนไดท้ าความเขา้ ใจในข้นั ตอนการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา4.2 หัวข้อการสอนการใช้โปรแกรมปะมวลผลคา 4.1.2 หน่วยที่ 1 รู้จกั กบั Microsoft Word 2007 4.2.1.1 การเริ่มตน้ ใชง้ านโปรแกรมMicrosoft Word 4.2.1.2 ส่วนประกอบของหนา้ จอโปรแกรม 4.2.1.3 การพมิ พข์ อ้ ความ,การตกแตง่ ขอ้ ความ 4.2.1.4 การบนั ทึกเอกสาร,การเกบ็ บนั ทึกเอกสารเป็นชื่อไฟลอ์ ่ืนหรือไดร์ฟอ่ืน 4.2.2 หน่วยที่ 2 เร่ิมสร้างเอกสาร 4.2.2.1 การสร้างงานเอกสารดว้ ย Microsoft Word 2007 4.2.2.2 การจดั หนา้ หนา้ กระดาษ 4.2.2.3 การกาหนดระยะขอบ 4.2.2.4 มุมมองของเอกสาร
4.2.3 หน่วยที่ 3 การแกไ้ ขเอกสาร4.2.3.1 การเลื่อนไปยงั ตาแหน่งท่ีจะแกไ้ ข4.2.3.2 การเลือกขอ้ ความ4.2.3.3 การลบขอ้ ความ4.2.3.4 การคน้ หาขอ้ ความ4.2.3.5 การยา้ ยและการคดั ลอกขอ้ ความ4.2.3.6 การใส่อกั ขระพิเศษ4.2.3.7 การใส่สญั ลกั ษณ์แสดงหวั ขอ้ ยอ่ ยและลาดบั เลข4.2.4 หน่วยที่ 4 การตกแต่งเอกสาร 4.2.4.1การจดั รูปแบบขอ้ ความเอง4.2.4.2 การจดั ลกั ษณะพิเศษใหก้ บั ขอ้ ความ4.2.4.3 การใส่อกั ษรศิลป์4.2.4.4 การกาหนดระยะห่างระหวา่ งบรรทดั4.2.4.5 การใส่สีของหนา้ เอกสาร4.2.4.6 การใส่ลายน้า4.2.4.7 การใส่เส้นขอบของหนา้4.2.5 หน่วยที่ 5 การสร้างตาราง 4.2.5.1 การสร้างตาราง4.2.5.2 การเลือกส่วนต่างๆ ของตาราง4.2.5.3 การเพม่ิ ลบเซลล์ แถว และคอลมั น์4.2.5.4 การปรับขนาดของตาราง4.2.5.5 การตกแต่งตาราง4.2.6 หน่วยที่ 6 การตกแต่งเอกสารดว้ ยรูปภาพ4.2.6.1 การใส่รูปภาพลงในเอกสาร4.2.6.2 การจดั วางขอ้ ความร่วมกบั รูปภาพ4.2.6.3 การจดั การรูปภาพ4.2.6.4 การวาดรูปข้ึนเอง4.2.6.5 การสร้างแผนผงั หรือไดอะแกรม ดว้ ย SmartArt4.2.7 หน่วยท่ี 7 การสร้างแผนภูมิ 4.2.7.1 การสร้างแผนภมู ิ
4.2.7.2 การสร้างแผนภูมิดว้ ยขอ้ มลู ของตนเอง4.2.7.3 เปล่ียนชนิดของแผนภูมิ4.2.8 หน่วยที่ 8 การพมิ พเ์ อกสารออกทางเคร่ืองพมิ พ์ 4.2.8.1 หน่วยที่ 8 การพิมพเ์ อกสารออกทางเคร่ืองพมิ พ์4.2.8.2 การแสดงตวั อยา่ งก่อนพมิ พ์4.2.8.3 การพมิ พเ์ อกสาร4.2.8.4 การพมิ พเ์ อกสารแบบด่วน4.2.9 หน่วยท่ี 9 การสร้างแผน่ พบั ดว้ ย Microsoft Word 2007 4.2.9.1 แนะนาข้นั ตอนการทาแผน่ พบั4.2.9.2 เปิ ดโปรแกรม Microsoft Word 20074.2.9.3 กาหนดหนา้ กระดาษใหเ้ ป็นแนวนอน4.2.9.4 การกาหนดคอลมั นอ์ อกเป็น 3 คอลมั น์4.2.9.5 การกาหนดเส้นขอบของคอลมั น์4.2.9.6 รูปแบบคอลมั นท์ ่ีจะใส่ขอ้ มูล4.3 การวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพเพอ่ื การสอน การวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการสอนทฤษฎีการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคามีนกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3-6 โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน ภาคเรียนท่ี 1 2559รวมจานวนท้งั สิ้น 69คน เป็ นค่าวิเคราะห์ท่ีได้จากการทาใบงานหลังเรียนและใบงานที่มอบให้ฝึ กทาปฏิบตั ิงานในโปรแกรม Microsoft Word 2007 จานวน 9ชุด โดยเปรียบเทียบเกณฑ์ 90/90 ไดผ้ ลลพั ธ์ดงั น้ีตารางที่ 4-1 แสดงผลคะแนนการทาใบงานช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3ใบงานช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3 คะแนน ร้อยละเลขท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 รวม 90 701 6 9 8 10 9 5 5 6 5 63 872 5 8 10 10 7 10 10 10 8 78 913 5 8 10 10 10 10 10 10 9 82 784 5 7 10 10 5 7 8 9 9 70 835 5 9 10 10 8 7 8 8 10 75
ใบงานช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3 คะแนนเลขท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 รวม 90 ร้อยละ6 5 9 10 10 8 7 8 9 9 75 84 887 5 8 10 10 7 10 10 10 9 79 82 908 5 9 10 10 7 8 9 8 8 74 83 869 6 7 10 10 10 10 10 10 8 81 80 8810 5 8 10 8 8 9 10 10 7 75 87 8811 5 8 8 10 9 8 10 10 9 77 87 8712 5 9 8 10 8 8 9 8 7 72 79 8413 5 6 10 10 10 10 10 10 8 79 79 8814 5 7 10 10 8 10 10 10 8 7815 5 8 10 10 8 10 10 10 8 7916 5 8 8 10 10 10 10 10 7 7817 5 8 6 10 10 10 10 10 9 7818 5 7 6 10 8 8 10 10 7 7119 5 9 7 10 10 8 10 10 7 7620 5 8 10 10 10 6 7 7 8 7121 6 10 10 8 10 8 10 10 7 79 จากตารางท่ี 4-1แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3 จานวน 21 คน พบวา่ นกั เรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดบั ดงั น้ี ระดบั ดีมาก คะแนน 80-100 ระดบั ดี คะแนน 70-79 ระดบั ปานกลางคะแนน 60-69 ระดบั พอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏวา่ การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ี ระดบั ดีมาก จานวน17 คน คิดเป็ นร้อยละ 81 คะแนนเฉลี่ย 86.05 ระดบั ดี จานวน 4 คน คิดเป็ นร้อยละ 19.04 คะแนนเฉล่ีย 76.5
ตารางที่ 4-2 แสดงผลคะแนนการทาใบงานช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4ใบงานช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 4 คะแนนเลขที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 รวม 90 ร้อยละ1 6 8 10 10 8 9 10 10 9 80 892 10 10 10 10 8 10 10 10 9 87 973 8 9 10 10 8 8 10 9 8 80 894 5 8 10 10 8 10 10 10 7 78 875 5 8 10 10 8 9 10 9 8 77 866 5 8 10 10 10 9 8 9 10 79 887 5 8 10 8 10 10 9 8 9 77 868 7 7 10 7 8 10 10 10 8 77 869 768888988 70 7810 6 7 9 8 8 8 9 9 7 71 7911 7 7 8 7 8 10 10 10 7 74 8212 6 8 9 9 8 9 10 10 8 77 8613 7 7 10 9 7 10 10 10 7 77 86 จากตารางท่ี 4-2 แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 จานวน 13 คน พบวา่ นกั เรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดับ ดังน้ี ระดับดีมาก คะแนน 80-100 ระดับดี คะแนน 70-79ระดบั ปานกลางคะแนน 60-69 ระดบั พอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏวา่ การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ี ระดบั ดีมากจานวน 11 คน คิดเป็ นร้อยละ 85 คะแนนเฉล่ีย 87.45 ระดบั ดี จานวน 2 คน คิดเป็ นร้อยละ 15.38คะแนนเฉลี่ย 78.5
ตารางท่ี 4-3 แสดงผลคะแนนการทาใบงานช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5ใบงานช้ันประถมศึกษาปี ที่ 5 คะแนนเลขที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 รวม 90 ร้อยละ1 5 8 5 6 5 7 10 10 7 63 702 5 8 10 10 6 7 9 8 10 73 813 5 7 10 10 10 10 9 10 10 81 904 7 9 10 10 10 10 8 8 7 79 885 6 7 8 10 10 10 9 10 10 80 896 5 6 10 10 10 10 9 10 10 80 897 7 8 10 10 8 10 10 10 9 82 918 10 10 8 10 10 10 8 9 10 85 949 8 7 10 10 8 10 9 10 10 82 9110 10 10 8 10 10 10 8 8 10 84 9311 5 7 8 10 8 10 9 10 10 77 8612 6 8 8 10 8 10 9 10 10 79 8813 8 9 10 8 8 10 9 8 9 79 8814 10 10 10 10 7 10 9 8 9 83 9215 7 8 9 10 8 10 7 6 6 71 7916 6 8 8 10 8 10 10 9 10 79 8817 8 8 10 8 10 10 7 7 10 78 87 จากตารางที่ 4-3 แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 จานวน 17 คน พบวา่ นกั เรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดับ ดังน้ี ระดับดีมาก คะแนน 80-100ระดับดี คะแนน 70-79ระดบั ปานกลางคะแนน 60-69 ระดบั พอใช้ คะแนน 50-59ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏวา่ การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ี ระดบั ดีมากจานวน 15 คน คิดเป็ นร้อยละ 88.23 คะแนนเฉลี่ย 89 ระดบั ดี จานวน 2 คน คิดเป็ นร้อยละ 11.76คะแนนเฉลี่ย 74.5
ตารางท่ี 4-4 แสดงผลคะแนนการทาใบงานช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 6ใบงานช้ันประถมศึกษาปี ที่ 5 คะแนนเลขที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 รวม 90 ร้อยละ1 5 8 6 10 8 9 10 9 10 75 832 7 9 10 10 7 8 10 9 10 80 893 8 7 10 10 8 10 10 9 10 82 914 6 8 10 9 6 6 7 10 10 72 805 5 7 10 8 8 9 10 10 10 77 866 7 9 10 9 8 10 6 8 6 73 817 7 9 10 10 7 8 10 10 10 81 908 10 10 10 8 7 9 8 9 9 80 899 8 9 9 10 8 10 7 9 10 80 8910 8 8 8 9 8 10 8 8 10 77 8611 10 10 10 10 8 10 10 10 10 88 9812 8 7 9 9 8 8 8 8 10 75 8313 10 8 8 8 7 9 8 9 9 76 8414 9 10 10 10 8 9 9 8 8 81 9015 10 10 10 10 10 8 10 10 10 88 9816 10 10 10 10 10 8 10 10 10 88 9817 7 10 10 10 8 9 9 8 8 79 8818 8 10 10 10 8 10 10 10 10 86 96 จากตารางที่ 4-4 แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 6 จานวน 18 คน พบวา่ นกั เรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดับ ดังน้ี ระดับดีมาก คะแนน 80-100 ระดับดี คะแนน 70-79ระดบั ปานกลางคะแนน 60-69 ระดบั พอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏวา่ การวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ี ระดบั ดีมากจานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 100 คะแนนเฉลี่ย 88.83
บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ5.1กสรุปผลการสอนคร้ังน้ีเป็นการสอนเพื่อการสร้างทกั ษะและกระบวนการเรียนรู้นอกสถานที่เพ่ือนาความรู้ในการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา (Microsoft Word 2007) ไปเผยแพร่ในการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้ที่มีในการใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาให้เกิดประโยชน์ในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี3-6 โดยต้งั สมมติฐานไวว้ ่าการสอนคร้ังน้ีจะสามารถถ่ายทอดความรู้ไปให้นักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพเทา่ กบั หรือมากกวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนด หลงั จากที่ทาการสอนแลว้ ผเู้ รียนจะมีผลการเรียนที่ดีกว่าเดิม โดยกลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชก้ ารสอนคร้ังน้ีเป็ นนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3-6 โรงเรียนวดัเกาะตะเคียน (วาสน์วิทยานุกูล) ในภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2559 จานวนนกั เรียน 69 คน โดยจดั ทาเน้ือหาประกอบการสอนโปรแกรมประมวลผลคา 9 หน่วย หลงั จากน้นั ผสู้ อนจะนาเน้ือหาท่ีจดั ทาไปให้อาจารยท์ ี่ปรึกษาตรวจสอบและประเมินคุณภาพของเน้ือหา เมื่อจดั ทาแผนการสอนเสร็จแลว้ ผสู้ อนไดน้ าเน้ือหาการสอนภาพทฤษฎีไปสอนกลบั กลุ่มตวั อยา่ ง ซ่ึงผสู้ อนทากรสอนดว้ ยตนเองและใหผ้ เู้ รียนทาใบงานซ่ึงเน้ือหาเกี่ยวขอ้ งกบั เน้ือหาที่เพงิ่ สอนไปเม่ือเรียนจบแต่ละหวั ขอ้ จะทาการเก็บคะแนนจากการทาใบงานจากน้นั นาคะแนนที่ไดจ้ ากการทาใบงานและงานท่ีมอบหมายใหฝ้ ึกปฏิบตั ิงานจากโปรแกรม Microsoft Word 2007 มาคานวณหาประสิทธิภาพของการสอนจากการสอนปรากฏวา่ การสอนใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา มีประสิทธิภาพดีมากสูงกวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนด ซ่ึงเป็นไปตามสมมติฐานสรุปได้ว่าการจดั ทาการสอน สามารถสอนกบั นักเรียนระดบั ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3-6โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสน์วิทยานุกูล) ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี โดยสามารถสรุปประสิทธิภาพของการสอนที่มีการวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพเพือ่ การสอน โดยมีรายละเอียดดงั น้ีแสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นัประถมศึกษาปี ที่ 3 จานวน 21 คน พบว่านักเรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดบั ดงั น้ี ระดบั ดีมาก คะแนน 80-100 ระดบั ดี คะแนน 70-79 ระดบั ปานกลางคะแนน60-69 ระดับพอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏว่าการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ีระดบั ดีมาก จานวน 17 คน คิดเป็ นร้อยละ 81 คะแนนเฉล่ีย 86.05 ระดบั ดี จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 19.04 คะแนนเฉลี่ย 76.5
แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นัประถมศึกษาปี ท่ี 4 จานวน 13 คน พบว่านักเรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดบั ดงั น้ี ระดบั ดีมาก คะแนน 80-100 ระดบั ดี คะแนน 70-79 ระดบั ปานกลางคะแนน60-69 ระดับพอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏว่าการวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ี ระดบั ดีมาก จานวน 11 คน คิดเป็ นร้อยละ 85 คะแนนเฉลี่ย 87.45 ระดบั ดี จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 15.38 คะแนนเฉลี่ย 78.5 แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นัประถมศึกษาปี ที่ 5 จานวน 17 คน พบว่านักเรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดบั ดงั น้ี ระดบั ดีมาก คะแนน 80-100 ระดบั ดี คะแนน 70-79 ระดบั ปานกลางคะแนน60-69 ระดับพอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏว่าการวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ี ระดบั ดีมาก จานวน 15 คน คิดเป็ นร้อยละ 88.23 คะแนนเฉล่ีย 89 ระดบั ดี จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 11.76 คะแนนเฉลี่ย 74.5 แสดงให้เห็นผลการทาใบงานของนกั เรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคานกั เรียนระดบั ช้นัประถมศึกษาปี ที่ 6 จานวน 18 คน พบว่านักเรียนทาคะแนนรวมเป็ นไปตามเกณฑ์โดยมีการประเมิน 5 ระดบั ดงั น้ี ระดบั ดีมาก คะแนน 80-100 ระดบั ดี คะแนน 70-79 ระดบั ปานกลางคะแนน60-69 ระดับพอใช้ คะแนน 50-59 ระดบั ปรับปรุง คะแนน 0-49 ผลการประเมินปรากฏว่าการวเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของการทาใบงานของนกั เรียนมีดงั น้ีระดบั ดีมาก จานวน 18 คน คิดเป็ นร้อยละ 100 คะแนนเฉล่ีย 88.835.2กข้อเสนอแนะ 5.2.1กขอ้ เสนอแนะจากการสอนคร้ังน้ี 5.2.1.1กประสิทธิภาพของการสอน ไม่ไดข้ ้ึนอยกู่ บั ส่ือการสอนเพียงอยา่ งเดียวแต่หากข้ึนอยกู่ บั ผสู้ อนและนกั เรียนดว้ ย โดยผสู้ อนจะตอ้ งศึกษาแผนการสอนให้เขา้ ใจและการใชส้ ื่อการสอนเป็นอยา่ งดี ส่วนนกั เรียนจะต้งั ใจเรียนและใฝ่ รู้ในการเรียน 5.2.1.2กในการสอนแต่ละคร้ัง ผูส้ อนจะตอ้ งเตรียมการสอนให้พร้อมท้งั ด้านเน้ือหา ส่ือการเรียนการสอนท้งั หมด ท้งั น้ีเพือ่ ใหก้ ารสอนเป็นไปตามแผนการสอนท่ีกาหนดไว้
5.2.2กขอ้ เสนอแนะเพอื่ การสอนคร้ังตอ่ ไป 5.2.2.1กควรมีการจดั ทาเน้ือหาประกอบการสอนโปรแกรมประมวลผลคา โดยนาเสนอดว้ ยระบบมลั ติมิเดียมีภาพเคลื่อนไหว และมีเสียงประกอบ 5.2.2.2กเนื่องจากโปรแกรมประมวลผลคามีเน้ือหาจานวนมาก ดงั น้นั เพ่ือให้การสอนโปรแกรมประมวลผลคามีความสมบรูณ์ครบถว้ นจึงสมควรท่ีจะมีภาคทฤษฎีมากกวา่ น้ี
บรรณานุกรมความหมายและประเภทของสื่อการเรียนการสอน(2551).ส่ือการเรียนการสอน.[ออนไลน์] แหล่งท่ีมา : http://oohlively1.blogspot.com/วนั ท่ีสืบคน้ 5 สิงหาคม 2559ความรู้เบ้ืองตน้ กบั ส่ือการเรียนการสอน(2555).ความสาคัญของส่ือการเรียนการสอน. [ออนไลน]์ แหล่งท่ีมา : https://www.gotoknow.org/posts/231418วนั ที่สืบคน้ 5 สิงหาคม 2559ประพันธ์ กาวิชัย.การผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่ วยสอนคาศัพท์ในวิชาภาษาอังกฤษ .กรุงเทพมหานคร : ฐานขอ้ มูลวทิ ยานิพนธ์ไทย.[ออนไลน์] แหล่งท่ีมา :http://www.tnrr.in.th/2558/?page=result_search&record_id=279758 วนั ท่ีสืบคน้ 5 สิงหาคม 2559ยุวดี ฉายแสง.การสร้ างบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่ วยสอนคาศัพท์ภาษาอังกฤษ.เชียงใหม่ :มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ศูนยบ์ ริหารงานวจิ ยั . แหล่งที่มา : http://www.tnrr.in.th/2558/?page=result_search&record_id=10091572 วนั ที่สืบคน้ 5 สิงหาคม 2559พรนิภา ศิลป์ ประคอง.ผลของบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่ วยสอนประกอบอุปกรณ์การเรียน.กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . แหล่งท่ีมา : http://www.tnrr.in.th/2558/?page=result_search&record_id=68326 วนั ท่ีสืบคน้ 5 สิงหาคม 2559สุขสันต์ จอ้ ยเจริญ. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน.กรุงเทพมหานคร :ฐานขอ้ มลู วทิ ยานิพนธ์ไทย แหล่งที่มา : http://www.tnrr.in.th/2558/?page=result_search&record_id=312394 วนั ท่ีสืบคน้ 5 สิงหาคม 2559รื่นจิต พฒั นยินดี.ประเภทของตัวชี้นาความลึกในภาพบนจอคอมพิวเตอร์ .กรุงเทพมหานคร :จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . แหล่งที่มา : http://www.tnrr.in.th/2558/?page=result_search&record_id=59963วนั ท่ีสืบคน้ 5 สิงหาคม 2559
แผนการดาเนินการ แผนการดาเนินการสอนโปรแกรมประมวลผลคา (Microsoft Word 2007) ระดับช้ันประถมศึกษาปี ที่ 3-6 โรงเรียนวดั เกาะตะเคียน (วาสน์วทิ ยานุกูล) ตาบาลเกาะขาวง อาเภอเมือง จังหวดั จันทบุรีวนั ท่ี เวลา การดาเนินการ ผรู้ ับผดิ ชอบ27 มิ.ย. 08.30-11.30 น. แนะนาข้อตกลงระหว่างการเรียน นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ2559 หน่วยท่ี 1 รู้จักกบั Microsoft Word 2007 นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู 1.1 การเร่ิมตน้ ใชง้ านโปรแกรมMicrosoft Word (หมายเหตุ ป.3-ป.4) 1.2 ส่วนประกอบของหนา้ จอโปรแกรม 1.3 การพิมพข์ อ้ ความ,การตกแตง่ ขอ้ ความ 1.4 การบนั ทึกเอกสาร,การเก็บบนั ทึกเอกสารเป็น ชื่อไฟลอ์ ื่นหรือไดร์ฟอื่น หน่วยที่ 2 เริ่มสร้างเอกสาร 1.1 การสร้างงานเอกสารดว้ ย Microsoft Word 2007 1.2 การจดั หนา้ หนา้ กระดาษ 1.3 การกาหนดระยะขอบ 1.4 มุมมองของเอกสาร ใบงาน4 ก.ค. 08.30-11.30 น. หน่วยที่ 1 รู้จักกบั Microsoft Word 2007 นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ2559 1.1 การเริ่มตน้ ใชง้ านโปรแกรมMicrosoft Word นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู 1.2 ส่วนประกอบของหนา้ จอโปรแกรม (หมายเหตุ ป.5-ป.6) 1.3 การพมิ พข์ อ้ ความ,การตกแตง่ ขอ้ ความ 1.4 การบนั ทึกเอกสาร,การเกบ็ บนั ทึกเอกสารเป็น ช่ือไฟลอ์ ื่นหรือไดร์ฟอ่ืน หน่วยที่ 2 เร่ิมสร้างเอกสาร 1.1 การสร้างงานเอกสารดว้ ย Microsoft Word 2007 1.2 การจดั หนา้ หนา้ กระดาษ 1.3 การกาหนดระยะขอบ
11 ก.ค. 08.30-11.30 น. 1.4 มุมมองของเอกสาร นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ2559 08.30-11.30 น. ใบงาน นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู18 ก.ค. หน่วยท่ี 3 การแก้ไขเอกสาร (หมายเหตุ ป.3-ป.4)2559 1.1 การเลื่อนไปยงั ตาแหน่งที่จะแกไ้ ข 1.2 การเลือกขอ้ ความ นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ 1.3 การลบขอ้ ความ นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู 1.4 การคน้ หาขอ้ ความ 1.5 การยา้ ยและการคดั ลอกขอ้ ความ (หมายเหตุ ป.5-ป.6) 1.6 การใส่อกั ขระพเิ ศษ 1.7 การใส่สัญลกั ษณ์แสดงหวั ขอ้ ยอ่ ยและลาดบั เลข หน่วยที่ 4 การตกแต่งเอกสาร 1.1 การจดั รูปแบบขอ้ ความเอง 1.2 การจดั ลกั ษณะพิเศษใหก้ บั ขอ้ ความ 1.3 การใส่อกั ษรศิลป์ 1.4 การกาหนดระยะห่างระหวา่ งบรรทดั 1.5 การใส่สีของหนา้ เอกสาร 1.6 การใส่ลายน้า 1.7 การใส่เส้นขอบของหนา้ ใบงาน หน่วยท่ี 3 การแก้ไขเอกสาร 1.1 การเลื่อนไปยงั ตาแหน่งท่ีจะแกไ้ ข 1.2 การเลือกขอ้ ความ 1.3 การลบขอ้ ความ 1.4 การคน้ หาขอ้ ความ 1.5 การยา้ ยและการคดั ลอกขอ้ ความ 1.6 การใส่อกั ขระพเิ ศษ 1.7 การใส่สัญลกั ษณ์แสดงหวั ขอ้ ยอ่ ยและลาดบั เลข หน่วยท่ี 4 การตกแต่งเอกสาร 1.1 การจดั รูปแบบขอ้ ความเอง 1.2 การจดั ลกั ษณะพเิ ศษใหก้ บั ขอ้ ความ
1.3 การใส่อกั ษรศิลป์ 1.4 การกาหนดระยะห่างระหวา่ งบรรทดั 1.5 การใส่สีของหนา้ เอกสาร 1.6 การใส่ลายน้า 1.7 การใส่เส้นขอบของหนา้ ใบงาน25 ก.ค. 08.30-11.30 น. หน่วยท่ี 5 การสร้างตาราง นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ2559 08.30-11.30 น. 1.1 การสร้างตาราง นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู1 ส.ค.2559 1.2 การเลือกส่วนตา่ งๆ ของตาราง (หมายเหตุ ป.3-ป.4) 1.3 การเพ่มิ ลบเซลล์ แถว และคอลมั น์ 1.4 การปรับขนาดของตาราง 1.5 การตกแตง่ ตาราง หน่วยที่ 6 การตกแต่งเอกสารด้วยรูปภาพ 1.1 การใส่รูปภาพลงในเอกสาร 1.2 การจดั วางขอ้ ความร่วมกบั รูปภาพ 1.3 การจดั การรูปภาพ 1.4 การวาดรูปข้ึนเอง 1.5 การสร้างแผนผงั หรือไดอะแกรม ดว้ ย SmartArt ใบงาน หน่วยท่ี 5 การสร้างตาราง นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ 1.1 การสร้างตาราง นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู 1.2 การเลือกส่วนตา่ งๆ ของตาราง (หมายเหตุ ป.5-ป.6) 1.3 การเพ่มิ ลบเซลล์ แถว และคอลมั น์ 1.4 การปรับขนาดของตาราง 1.5 การตกแตง่ ตาราง หน่วยที่ 6 การตกแต่งเอกสารด้วยรูปภาพ 1.1 การใส่รูปภาพลงในเอกสาร 1.2 การจดั วางขอ้ ความร่วมกบั รูปภาพ 1.3 การจดั การรูปภาพ 1.4 การวาดรูปข้ึนเอง
1.5 การสร้างแผนผงั หรือไดอะแกรม ดว้ ย SmartArt ใบงาน8 ส.ค. 08.30-11.30 น. หน่วยท่ี 7 การสร้างแผนภูมิ นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ 2559 08.30-11.30 น. 08.30-11.30 น. 1.1 การสร้างแผนภูมิ นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู15 ส.ค. 2559 1.2 การสร้างแผนภูมิดว้ ยขอ้ มลู ของตนเอง (หมายเหตุ ป.3-ป.4)22 ส.ค. 1.3 เปลี่ยนชนิดของแผนภมู ิ 2559 หน่วยที่ 8 การพมิ พ์เอกสารออกทางเคร่ืองพมิ พ์ 1.1 การแสดงตวั อยา่ งก่อนพิมพ์ 1.2 การพิมพเ์ อกสาร 1.3 การพมิ พเ์ อกสารแบบด่วน ใบงาน หน่วยที่ 7 การสร้างแผนภูมิ นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ 1.1 การสร้างแผนภมู ิ นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู 1.2 การสร้างแผนภมู ิดว้ ยขอ้ มลู ของตนเอง (หมายเหตุ ป.5-ป.6) 1.3 เปลี่ยนชนิดของแผนภูมิ หน่วยที่ 8 การพมิ พ์เอกสารออกทางเคร่ืองพมิ พ์ 1.1 การแสดงตวั อยา่ งก่อนพิมพ์ 1.2 การพิมพเ์ อกสาร 1.3 การพิมพเ์ อกสารแบบด่วน ใบงาน หน่วยที่ 9 การสร้างแผ่นพบั ด้วย Microsoft Word นางสาวพชั ริฎา นา้ เหนือ 2007 นางสาวสุรีรัตน์ ศรีภู 1.1 แนะนาข้นั ตอนการทาแผน่ พบั (หมายเหตุ ป.3-ป.4 ) 1.2 เปิ ดโปรแกรม Microsoft Word 2007 1.3 กาหนดหนา้ กระดาษใหเ้ ป็นแนวนอน 1.4 การกาหนดคอลมั นอ์ อกเป็น 3 คอลมั น์ 1.5 การกาหนดเส้นขอบของคอลมั น์ 1.6 รูปแบบคอลมั น์ท่ีจะใส่ขอ้ มลู ใบงาน
ตัวอย่างผลงานนักเรียนภาพท่ี ข-1 ผลงานนกั เรียนหน่วยที่ 1ภาพที่ ข-2 ผลงานนกั เรียนหน่วยท่ี 2
ภาพที่ ข-3 ผลงานนกั เรียนหน่วยที่ 3ภาพที่ ข-4 ผลงานนกั เรียนหน่วยท่ี 4
ภาพที่ ข-5 ผลงานนกั เรียนหน่วยที่ 5ภาพที่ ข-6 ผลงานนกั เรียนหน่วยที่ 6
ภาพที่ ข-7 ผลงานนกั เรียนหน่วยที่ 7ภาพที่ ข-8 ผลงานนกั เรียนหน่วยที่ 8
Search