วสั ดุงานช่างอุตสาหกรรม หนวยที่ 1 โลหะเหลก็ โดย ค รู ม น ต รี แ ก ว แ ส ง แ ผ น ก วิ ช า ช า ง เ ช่ื อ ม โ ล ห ะ วิ ท ย า ลั ย ก า ร อ า ชี พ ส ร ะ บุ รี
วิชา : วสั ดชุ า งอตุ สาหกรรม ใบเนื้อหา 1/74 หนวยการเรียนที่ 2 : โลหะ หนวยท่ี 2 โลหะ วัสดุประเภทโลหะ (Metals) คอื วัสดทุ ่ไี ดจากการถลงุ สินแรตาง ๆ อนั ไดแก เหลก็ ทองแดง อลมู ิเนยี ม นเิ กิล ดีบกุ สังกะสี ทองคาํ ตะกว่ั เปน ตน โลหะเมื่อถลงุ ไดจ ากสินแรใ นตอนแรกน้นั สว นใหญจะ เปนโลหะเนอ้ื คอนขา งบริสทุ ธ์ิ โลหะเหลา น้มี กั จะมเี นอ้ื ออ นไมแข็งแรงเพียงพอทีจ่ ะนาํ มาใชใ นงานอตุ สาห กรรมโดยตรง สวนมากจะนาํ ไปปรบั ปรงุ คุณสมบตั กิ อนการใชง าน คณุ สมบตั ิของวัสดุประเภทโลหะที่ตองการในงานอุตสาหกรรม 1. เปน ตัวนาํ ความรอ นไดด ี 2. เปนตวั นาํ ไฟฟาที่ดี 3. มคี วามคงทนถาวรตามสภาพ 4. ไมเส่ือมสลายหรอื เปลย่ี นแปลงสถานะภาพงา ย 5. เปน ของแขง็ ท่อี ุณหภูมปิ กติ ยกเวน โลหะปรอท 6. มีความแข็งและความเหนยี วสูง ยกเวน โลหะปรอท 7. ผวิ มันขาว 8. มกี ารขยายตวั ทอ่ี ุณหภูมิสูง ประเภทวัสดโุ ลหะ วสั ดโุ ลหะแบง ออกไดเปน 2 ประเภท คอื 1. วสั ดโุ ลหะประเภทเหลก็ (Ferrous Metals) หมายถงึ โลหะทมี่ ีพ้นื ฐานเปน เหลก็ ประกอบ อยู ไดแ ก เหลก็ เหนียว เหล็กหลอ เหลก็ กลา ฯลฯ เปนวสั ดุโลหะทีใ่ ชก นั มากท่สี ุดในวงการ อุตสาหกรรม เน่ืองจากเปน วัสดุทม่ี คี วามแข็งแรงสูง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลย่ี น แปลงรปู ทรงไดหลายวธิ ี เชน การหลอ การกลึง การอัดรีดขน้ึ รูป เปนตน 2. วัสดโุ ลหะประเภทไมใชเ หล็ก (Non-Ferrous Metals) หมายถึง โลหะท่ีไมม สี วนเก่ียวของ กับเหลก็ เลยในขณะที่เปน โลหะบริสุทธ์ิ ไดแก ดีบุก อลมู เิ นยี ม สงั กะสี ตะกว่ั ทองแดง ทอง คํา เงิน ทองคาํ ขาว แมกนีเซียม พลวง เปนตน วสั ดโุ ลหะประเภททไ่ี มใ ชเหล็กน้ี บางชนิด ราคาสูงกวาเหล็กมาก จึงตองกําหนดใชก บั งานทางอุตสาหกรรมบางประเภทที่เหมาะสมเทา นัน้ เชน ทองแดงใชกับงานไฟฟา ดบี กุ ใชก บั งานทต่ี องการทนตอ การกัดกรอนเปนสนมิ อลมู ิเนยี มใชก บั งานท่ตี องการนํ้าหนกั เบา เปน ตน
วชิ า : วสั ดชุ า งอุตสาหกรรม ใบเน้อื หา 2/74 หนวยการเรียนที่ 2 : โลหะ ความสาํ คญั ของเหล็ก แรโลหะเปน สง่ิ ทเ่ี กิดในธรรมชาตนิ ับลา นป แตม นษุ ยทเี่ พ่งิ รจู กั แยกโลหะจากแรเพื่อนาํ มาใช ประโยชนเมอ่ื ไมน านมาน้ีเอง เพราะจากการสาํ รวจของนกั โบราณคดี ไดพ บส่ิงของเคร่อื งใชภ ายในพีระมิดทํา ดวยทองคํา เงิน ทองแดง และบรอนซ มนุษยใ นสมยั น้ันยังไมรจู กั เหล็ก เพราะเตาถลงุ แรสมยั น้ันใชสาํ หรบั หลอมทองแดง และทองคาํ ซึง่ ไมรอนพอทจี่ ะใชหลอมเหล็กใหละลายได มนษุ ยเพ่งิ คนพบวิธกี ารหลอม ละลายเหล็กไดร าย 2,000 B.C.2 ปจจุบันมนุษยไดน าํ เอาเหลก็ มาใชประโยชนในกจิ การตาง ๆ อยางมากมาย และรูจกั วิธีการผลติ เหล็กชนดิ ตา ง ๆ เพอื่ ใหเหมาะสมแกก ารนาํ ไปใชง านเหลก็ ทีผ่ ลติ นัน้ ถลงุ จากสนิ แรท้ังส้ิน และนาํ ไปผา นกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) จนจาํ ไปผลติ เปน เครื่องมือ อปุ กรณแ ละสงิ่ อํานวย ความสะดวกอ่ืน ๆ ท่ีเกดิ ประโยชนต อ ไป เหล็กเปน วัสดอุ กี อยางท่ีสาํ คัญทีส่ ุดเพราะถอื วาเปนวัสดพุ น้ื ฐานของอตุ สาหกรรมท้ังหลาย เพราะเรานําเหล็กนํามาใชงานท้ังทางตรง เชน ยานพาหนะ หรอื เครื่องใชต าง ๆ ทสี่ รา งข้ึนจากเหลก็ และนาํ มา ใชง านทางออม เชน อาหาร สิ่งทอ หรอื สงิ่ พิมพ ซ่งึ ผลิตซง่ึ จากเครอี่ งจกั รที่สรา งข้ึนจากเหล็กแรเ หล็กทพี่ บใน ธรรมชาติเกดิ เปนสารประกอบของเหลก็ กับธาตอุ ื่นๆ ผสมปนกนั อยใู นดินและหินแรเ หล็กท่ีไดจากการทํา เหมืองแรนั้น จะตองนํามาผานกระบวนการในการถลุงเพอ่ื ทําใหบรสิ ทุ ธิ์ข้นึ เพ่อื นาํ ไปใชงานตอ ไป สนิ แรเ หลก็ ท่ีพบ แบงได 5 ชนดิ คอื 1. สินแรแ มกนิไตท (Magnetite) มีปริมาณเหล็ก 45-70% 2. สินแรเรดเฮมาไตท (Red Haematite) มีปรมิ าณเหลก็ 40-65% 3. สนิ แรบ ราวดเฮมาไตท (Brown Haematite) มปี ริมาณเหล็ก 40-60% 4. สินแรซ ิเดอรไ รต (Siderite) มีปริมาณเหลก็ 25-40% 5. สินแรไพไรต (Iron Pyrite) มีปรมิ าณเหล็ก 60-65% กรรมวธิ ีการผลิตเหล็กชนดิ ตาง ๆ กรรมวธิ กี ารผลติ เหล็กดบิ เหลก็ ดิบผลิตขึน้ จากเตาสูง (Blast Furnace) โดยการหลอมสินแรเหล็กกบั ถานโคก และหนิ ปูน ซง่ึ คุณภาพของเหล็กดบิ ทไี่ ดขน้ึ อยกู ับชนิดของสนิ แรท ่ีนาํ มาหลอม 1. การถลงุ แรเ หลก็ โดยใชเ ตาลมพนหรอื เตาสูง (Blast Furnace) เตาลมพนหรอื เตาสงู มี ลักษณะคลายปลองไฟสงู ประมาณ 30 เมตร กวางประมาณ 10 เมตร ภายนอกเตาเปนเหล็กแผน กรุภายในดวย อิฐทนไฟ มที อนํ้าเหล็กเย็นแทรกระหวางอฐิ กําแพงเตาเพื่อควบคุมอณุ หภูมิสว นตา ง ๆ ของเตา
วิชา : วสั ดุชา งอุตสาหกรรม ใบเนื้อหา 3/74 หนว ยการเรยี นที่ 2 : โลหะ วตั ถุดิบทีใ่ ชในการถลงุ เหล็กดบิ 1. สินแรเ หลก็ (Iron Ore) ใสเ ขา ไปเพื่อถลุงเอาเหล็กดิบ 2. ถา นโคก (Coke) ใสเขาไปเพือ่ เปน เชื้อเพลงิ และตัวทาํ ปฏิกริ ยิ า 3. หินปนู (Limestone) หรือแคลเซียมคารบอเนต ใสเขาไปเพ่ือดงึ เอกสารมลทนิ ออกจากสนิ แรเ หล็ก แยกตวั ออกเปน ตะกรนั (Slag) พจิ ารณาลกั ษณะเตาลมพนหรือเตาสงู ไดด ังรปู ที่ 2.1 รปู ท่ี 2.1 ลกั ษณะเตาลมพนหรอื เตาสงู ( Blast Furnace )
วิชา : วสั ดุชา งอุตสาหกรรม ใบเนอ้ื หา 4/74 หนวยการเรียนท่ี 2 : โลหะ วธิ ีการถลงุ เหล็กดิบ แรเ หลก็ หนิ ปนู และถานโคก จะถกู ปอ นทางดา นบนของเตาเรียงแยกกันมาเปน ช้นั ๆ ความรอนใน การถลงุ ไดม าจากการเผาไหมของถานโคก โดยมลี มรอนเปา มาจากดานลา งของเตาเพ่ือชว ยการเผาไหม หินปนู จะรวมตวั กับสารมลทินและสง่ิ สกปรกตาง ๆ เกดิ เปนฟองขต้ี ะกรัน (Slag) สวนเนือ้ เหลก็ จะหลอมละลายรวม ตวั กบั คารบอนในถานโคก แลวจมลงดานลา งของเตา โดยมขี ี้ตะกรันลอยอยูดา นบนโลหะหลอมละลาย เม่ือ โลหะหลอมตัวมีปรมิ าณมากถงึ จํานวนหนึง่ จะมีการเปด รูตรงทข่ี ีต้ ะกรนั ลอยอยเู พ่ือใหโหลท้ิงออกไป แลวจึง เปด รูดา นลา งใหน ํ้าเหล็กไหลออกมาเขา แบบพิมพท ่ีรองรบั ไวเมอ่ื น้าํ เหลก็ เย็นตวั ลงในแบบพมิ พจ ะไดแทง เหลก็ ทเ่ี รียกวา เหล็กดิบ แทงเหลก็ ดบิ ประกอบดว ยเน้อื เหลก็ ผสมกบั คารบ อนประมาณ 4.5% นอกจากน้ยี งั มีสารอ่นื ปะปนอยู ดวย เชน ซลิ คิ อน กาํ มะถัน ฟอสฟอรสั และแมงกานีส พจิ ารณากระบวนการผลติ เหลก็ ดิบจากสินแรดว ยเตาสงู ไดด งั รูปท่ี 2.2 รูปที่ 2.2 กระบวนการผลิตเหล็กดบิ จากสินแรดวยเตาสงู
วิชา : วสั ดุชางอุตสาหกรรม ใบเน้อื หา 5/74 หนว ยการเรยี นที่ 2 : โลหะ การถลงุ แรเ หลก็ แบบเหลก็ พรุน (Sponge Iron) วธิ กี ารผลติ เหล็กพรุนกระทําไดโ ดยบดแร เหลก็ ใหเ ปนกอ นเล็ก ๆ ผสมกบั สารลดออกซิเจนแลวเผาในเตาปด โดยใชค วามรอ นตํา่ กวาจดุ หลอมละลาย ของเหล็ก สารลดออกซเิ จนดังกลาวอาจใชถ านโคก กาซธรรมชาติ กา ซ คารบอนมอนอกไซด กาซไฮโดรเจน หรอื นํา้ มันเตาก็ได ผลผลิตทไ่ี ดจะแขง็ เปน กอนพรนุ คลา ยฟองน้าํ หรอื หนิ ลาวาภูเขาไฟ เมื่อนาํ ไปบดใหล ะเอยี ด อกี ครง้ั หน่ึงแลว ใชแมเ หล็กดดู จะทําใหไดเ หล็กพรนุ ที่มปี รมิ าณเหล็กสูง 80-90% และสามารถนาํ เหล็กพรุนไป ใชผ ลิตเหล็กกลาแทนเหล็กดิบท่ีไดถ ลุงจากเตาลมพนได พิจารณากระบวนการผลติ เหล็กดบิ จากสนิ แรแบบเหล็กพรุนไดดังรูปที่ 2.3
วิชา : วสั ดชุ า งอุตสาหกรรม ใบเนื้อหา 6/74 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ 1 บรรจแุ รเหลก็ 6 แยกดวยแมเ หลก็ 11 ถงั เกบ็ 16 ช่งั หาปรมิ าณ 2 บรรจฟุ ลกั ซ 7 บรรจุลงแบบ 12 บด 17 บรรจุเหลก็ พรนุ ท่ีสําเร็จ 3 อบใหแหง 8 เผาลดออกซิเจน 13 แยกดวยแมเ หล็ก 4 บด 9 เอาออกจากแบบ 14 ขัดและรอ นแยกขนาด 5 รอ นคดั แยกขนาด 10 บดหยาบ 15 อบ รปู ที่ 2.4 กระบวนการผลิตเหล็กดบิ จากสินแรแบบเหลก็ พรุน เตาในการผลติ เหลก็ กลามี 2 แบบ 1. ผนังเตาแบบกรด (Acid Lining) ผนังเตาแบบกรดน้ี จะใชว ัสดุพวกซลิ ิกา (SiO2) มาทาํ ผนงั เตา ขอ จํากดั ของการใชผ นังเตาแบบ กรด คือ ผนงั เตาจะไมท ําปฏกิ ริ ยิ าทางเคมีกบั ธาตุฟอสฟอรสั ดงั นน้ั การผลติ เหลก็ กลา โดยใชผนงั เตาแบบกรด จงึ ควรใชกบั เหล็กดบิ ทม่ี ีปริมาณธาตุฟอสฟอรสั ผสมอยใู นเน้ือเหล็กนอย 2. ผนงั เตาแบบตา ง (Basic Lining) ผนังเตาแบบดางน้ี จะใชว ัสดุพวกแมกนไี ซต (MgCo3) มาทาํ ผนงั เตา เพราะสามารถทําปฏิกิรยิ า ทางเคมกี ับซิลคิ อน แมงกานีส กาํ มะถันและฟอสฟอรัส ที่ผสมอยูในเนอ้ื เหลก็ ใหก ลายเปน สแลก การผลติ เหลก็ กลา สามารถแบง ได 2 ลักษณะ คือ 1. การลดปรมิ าณธาตคุ ารบอน (Reduce Carbon) การนาํ เหลก็ ดบิ ทถ่ี ลุงไดจากเตาสูงซึ่งมีสภาพ เปน ของเหลวมาลดปริมาณธาตคุ ารบอนท่มี ีผสมอยใู นเนื้อใหม ีปริมาณนอ ยทสี่ ดุ หรือใหหมดไป โดยการใช ผนังเตาใหเ หมาะสมและใชออกซิเจนทาํ ปฏกิ ริ ิยา ซ่งึ สามารถทําไดหลายวธิ ี เชน
วชิ า : วสั ดชุ า งอุตสาหกรรม ใบเน้อื หา 7/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ 1.1 การผลิตเหลก็ กลาแบบเบสเซเมอร (Bessemer Process) การผลิตเหล็กกลา แบบนี้ประดษิ ฐแ ละต้ังขนึ้ ได โดย Henry Bessemer ในป ค.ศ.1856 โครง สรา งของเตาจะต้ังอยบู นแกนซ่ึงสามารถเอยี งลงและตง้ั ข้ึนได ตัวเตาดา นนอกเปนเหลก็ ภายในบุดวยอิฐทนไฟ จะมีทอ ท่ใี ชเ ปา ลมอยทู ่ีกน เตา การผลติ เหล็กกลาทําไดโดยการนํานาํ้ เหลก็ ดบิ หลอมละลายทีไ่ ดจากการถลุง สนิ แรเ หลก็ ในเตาสงู เทลงไปในเตา ธาตุตา ง ๆ ท่ีมีอยใู นนํ้าเหล็กดบิ เชน คารบ อน ซิลิคอน แมงกานสี กาํ มะถนั ฟอสฟอรัส จะทําปฏิกิรยิ ากบั ผนงั เตา กลายเปนขต้ี ะกรนั (Slag) แตจะยงั ไมหมดจงึ ตองเปา ลมเขา ไป ในทางกนเตา กาซออกซิเจน (O) ท่มี อี ยูในอากาศจะเขา ไปทําปฏกิ ิรยิ ากับธาตุคารบอนกลายเปน กาซคารบอน มานอกไซด (CO) ในขณะทําปฏิกิริยานี้ จะสังเกตไดว า จะมเี ปลวไฟเกิดขน้ึ และพงุ ออกมาจากทางปากตา การ ทําปฏกิ ิรยิ านีใ้ ชเวลาประมาณจากทางปากตา การทําปฏิกริ ิยาน้ีใชเ วลาประมาณ10 - 15 นาที นํา้ เหลก็ ทอี่ ยภู าย ในเตาจะมีอณุ หภูมิประมาณ1,600 องศาเซลเซียส นา้ํ เหลก็ จะมีปรมิ าณคารบอนเหลืออยูนอยมาก หรอื ไมมีอยู เลย ถาเราตอ งการจะผลติ เหลก็ กลาชนิดไหนเราก็จะทําการเตมิ ธาตุหรอื โลหะตาง ๆ ผสมเขา ไปเพ่ือทาํ ใหเ หล็ก กลา นัน้ มคี ุณสมบัตเิ หมาะสมทีจ่ ะนาํ ไปใชง านตามความตองการตอ ไป ภาพที่ 2.5 การผลติ เหล็กกลาแบบเบสเซเมอร 1.2 การผลิตเหล็กกลาแบบโทมัส (Thomas Process) การผลิตเหลก็ กลา แบบโทมสั พัฒนาขึ้นจากนกั โลหะวิทยา ช่อื Thomas เม่ือประมาณ ค.ศ.1950 เตาจะต้ังอยบู นแกน ซ่งึ สามารถเอียงลงและตง้ั ข้ันได ตัวเตาทาํ จากเหล็กภายในบุดวยอฐิ ทนไฟ แมก นไี ซต (MgCO3) นาํ นา้ํ เหล็กดบิ หลอมเหลวทไี่ ดจากการถลุงสนิ แรเหลก็ ในเตาสูง เทลงในเตา ธาตตุ า ง ๆ ทม่ี ีใน
วิชา : วัสดชุ า งอตุ สาหกรรม ใบเนอื้ หา 8/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ เหล็กหลอมเหลว เชน คารบอน ซลิ คิ อน แมงกานสี ฟอสฟอรสั กํามะถัน บางสว นจะทําปฏกิ ิรยิ ากับผนังเตา กลายเปนข้ีตะกรัน (Slag) แตยงั ไมห มด เราจะเปาอากาศเขาไป เพ่อื ใหอ อกซเิ จนทาํ ปฏิกริ ยิ ากบั ธาตุ ตา งๆ ใน นาํ้ เหลก็ โดยเราจะเปา อากาศเขา ไปในทางดานบนของเตา ซ่ึงจะใชเวลาประมาณ 10-20 นาที เหล็กดิบท่นี ํามา ผลติ เหลก็ กลา แบบโทมัส โดยท่ัวมกั จะมีธาตุฟอสฟอรัส (P) มาก ภาพท่ี 2.6 การผลิตเหลก็ กลา แบบโทมัส 1.3 การผลิตเหล็กกลา แบบ แอล ดี (L D Process) การผลิตเหล็กกลาแบบ L D พฒั นาขน้ึ โดย Line และ Donauwitz แหง ประเทศออสเตรียโดยมี หลักการคลา ยกบั การทาํ เหลก็ กลา แบบเบสเซเมอร แตใชอ อกซิเจนบริสุทธ์เิ ปา เขา ไปทาํ ปฏกิ ริ ยิ ากบั ธาตตุ า ง ๆ ในนาํ้ เหลก็ แทนการใชอากาศธรรมดา เพราะวาในอากาศธรรมดามีกา ซไนโตรเจนอยดู วย ถา เราเปาอากาศ ธรรมดาเขา ไปเสยี เวลา และเสียคา ใชจ ายโดยเปลาประโยชน การนาํ เหล็กกลามาหลอมใหม (Return Product) การนําเศษเหล็ก ชิ้นงานเครื่องจกั รกลตา งๆ ทผ่ี ลิต ขนึ้ จากเหล็กกลาทช่ี าํ รดุ หรอื หมดสภาพการใชงานแลว นาํ กลับมาหลอมละลายใหม ซึ่งการผลติ เหลก็ กลาดวย วธิ ีการน้ีสามารถทําไดหลายวิธีการ เชน 1.4 การผลติ เหลก็ กลา แบบโอเพนฮารท (Openheart Process) การผลติ เหล็กแบบโอเพนฮารท หรอื เรยี กวาการผลิตเหล็กแบบเตากระทะพฒั นาขน้ึ โดย
วชิ า : วสั ดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 9/74 หนว ยการเรยี นที่ 2 : โลหะ ซเี มนต (Siemens) และมารต นิ (Martin) ประมาณ ค.ศ. 1860 เตาจะมลี กั ษณะเหมือนกระทะ เหนอื ขอบเตาจะมี ทอ แกส เชือ้ เพลิงและทอ อากาศรอนทัง้ 2 ขาง ขา ง ละ 2 ทอ เช้ือเพลงิ ที่ใหความรอนในการหลอมละลายคือ Producer Gas เมื่อเร่มิ บรรจวุ ัตถุดิบเขาตาแลว เตาจะทํางานทีละขาง Producer Gas เปนกาซที่ไดจากการกลั่น ทําลายถา นหนิ และอากาศรอนจะพน ออกไปรวมกันบริเวณเหนือวตั ถดุ บิ ในเตร ทําใหเกดิ การเผาไหมข้ึน ความรอนจะแพรไปในเตาเหนือวตั ถุดิบ ความรอนเหลา นี้จะผา นออกจากเตาไปทางอีกขา งหนงึ่ เขาไปในหอ ง เผาอากาศ ซง่ึ เปน อฐิ ที่เรยี งสลบั กันไว อิฐจะดูดเอาความรอ นนั้นไว การทาํ งานจะดาํ เนินไปเรอื่ ย ๆ หองเผา อากาศจะคอ ย ๆ มอี ุณหภูมิสงู ขึน้ ประมาณ 1,000 องศาเซลเซียส จากนั้นกจ็ ะสลบั ขา งกันเชนนเี้ รอื่ ย ๆ ไปใช เวลาประมาณ 4-6 ชัว่ โมง วตั ถุดบิ ทอี่ ยูภ ายในเตาจะหลอมละลายเหล็ก เม่ือหลอมละลายเจา หนา ท่จี ะตอ งนํามา วเิ คราะหจ นระดบั ของคารบอนในเนอ้ื เหล็กเทา กบั เหล็กกลาแตล ะชนิด ภาพที่ 2.7 การผลติ เหล็กกลา แบบโอเพนฮารท 1.5 การผลติ เหล็กกลาดว ยเตาไฟฟา (Electrical Furnace Process) การผลติ เหลก็ กลาแบบนจ้ี ะใชเศษเหลก็ กลาทีไ่ ดจ ากเครอ่ื งจักร เครอื่ งกลตาง ๆ ที่หมดสภาพ การใชง านแลวนาํ มาบรรจุในเตา จากนน้ั จะใหค วามรอ นแกเศษเหล็กกลาจากประกายไฟฟา (Electric Arc) ซึง่ กระโดดจากแทง คารบ อน (electrodes) ไปยังเศษเหล็กซ่ึงจะคอย ๆ มคี วามรอนเพิม่ ข้นึ เรอื่ ย ๆ จนหลอมละลาย เปน นา้ํ โลหะหินปูน (Limestone) จะรวมตวั กับสง่ิ ทีเ่ จือปนตาง ๆ ในนํา้ เหลก็ เปน ขีต้ ะกรัน ลอยอยู ขางบนนํา้ โลหะ เตาไฟฟาใหค วามรอ นไดรวดเรว็ ทําใหผ ลติ เหล็กกลา ไดเรว็ กวา การผลติ ดวยวิธีอ่นื ๆ และใหอณุ หภมู ิ สงู กวา เตาชนดิ อนื่ สามารถใชห ลอมเหล็กกลาผสมท่ีมจี ุดหลอมเหลวสูง ๆ เชน เหลก็ กลาผสมทังสเตน เหล็ก กลา ผสมโมลิบดนี ัม หรอื เหล็กเหนียวหลอ (Cast Steel) ไดด ี
วิชา : วสั ดุชางอุตสาหกรรม ใบเน้อื หา 10/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ ภาพที่ 2.8 การผลติ เหล็กกลาดวยเตาไฟฟา 1.6 การผลติ เหล็กกลา แบบสญุ ญากาศ (Vacuum Furnace) การผลิตเหล็กกลา ดว ยเตาสญุ ญากาศ มลี ักษณะการทํางานคลา ยกับการผลติ เหลก็ กลา ดวยเตา ไฟฟา เพียงแตเ ตาชนดิ นจ้ี ะปด เตามดิ ชิด และในขณะทาํ การหลอมเหลวโลหะจะปม อากาศที่อยใู นเตาออก ภาย ในเตาจะมลี กั ษณะเปน สุญญากาศ เหล็กจากขบวนการนจ้ี ะไมมโี อกาสสัมผสั กับออกซิเจน ไนโตรเจน ใน อากาศเลย ทําใหเ หล็กที่ไดมโี ครงสรางเม็ดเกรนละเอียดมาก การผลติ เหล็กกลาแบบน้เี หมาะสาํ หรับใชผลิต เหลก็ กลา ท่ีตอ งการคุณภาพสูง หรือผลติ โลหะบางชนดิ ท่ใี นขณะหลอมเหลวถา ทําปฏิกริ ยิ ากบั ออกซเิ จนใน อากาศ จะทําใหเ กดิ ความเสยี หายข้นึ ได เหลก็ กลาที่ผลิตไดจ ากกรรมวิธนี ้ีนาํ ไปสรา งชิน้ สวน อปุ กรณท ี่ตอ งรับ แรงอดั สงู ๆ หรือชิ้นงานทีต่ อ งใชเหลก็ ที่มคี วามพเิ ศษมาก ๆ เชน โครงสรางเคร่ืองยนตแ กส เทอรไ บน ภาพที่ 2.9 การผลิตเหล็กกลาดวยเตาไฟฟา
วิชา : วัสดุชา งอุตสาหกรรม ใบเนือ้ หา 11/74 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ 2. เหล็กกงึ่ สําเร็จรปู (Semifenish Steel Product) นํา้ เหล็กเม่อื ผา นวิธกี ารปรบั สภาพใหเ ปนเหล็กกลาแลว นํา้ เหลก็ กลา จะถกู นําไปเทลงในแบบหลอ (Mold) ใหเปน อินกอท ทง้ิ ไวร ะยะหนึ่งนํา้ โลหะจะจบั ตวั เปน รูปรา ง ยกแบบหลอ ออกจากแทงอนิ กอท จากนน้ั ลาํ เลียงแทงอินกอท ทงิ้ ไวร ะยะหนึง่ น้ําโลหะจะจบั ตัวเปน รูปรา ง ยกแบบหลอออกจากแทง อนิ กอท จากนนั้ ลําเลียงแทง อนิ กอทท่ยี ังรอนแดงไปเกบ็ ไวในเตาอบ (Soaking Pit) ที่อณุ หภมู ิประมาณ 1,000 – 1,200 องศา เซลเซียส ท้ิงไวท ่อี ณุ หภูมินี้ระยะหนง่ึ เพอื่ ใหแทง อินกอทมอี ณุ หภูมสิ ม่าํ เสมอกันทง้ั แทงจึงนาํ แทง อินกอทไปทําการรดี เพ่อื ลดขนาดใหเล็กลง เหล็กกลาท่ผี านวิธีการข้นึ รปู คร้ังแรกนี้เอง ซ่งึ เราเรียกวา “เหล็กกึ่งสาํ เร็จรูป”สาํ หรบั นําไปทําการผลติ ใหเ ปน เครอ่ื งมือเคร่ืองจกั ร อปุ กรณต า งๆ ตอ ไป เหล็กกงึ่ สําเรจ็ รปู แบง ออกได 3 ชนดิ 1. บลูม (Bloom) เปน เหลก็ ที่ผา นวิธกี ารรดี ใหม รี ูปรา งเปนแทง ตนั นาํ ไปใชใ นงานผลติ ชนิ้ สว น เครอ่ื งมอื อุปกรณต า ง ๆ 2. บลิ เลท (Billet) เปน เหลก็ ที่ผานวธิ ีการรีดใหมรี ปู รางเปนแทงตนั นาํ ไปใชในงานผลติ ชน้ิ สว น เครือ่ งมืออปุ กรณตาง ๆ 3. สแลบ (Slab) เปน เหล็กทผ่ี านวิธีการรดี ใหเปนแผน แบน นํามาใชง านทางวศิ วกรรมท่ัวไป
วิชา : วสั ดุชา งอุตสาหกรรม ใบเน้อื หา 12/74 หนวยการเรียนที่ 2 : โลหะ ภาพที่ 2.10 การผลิตเหลก็ กลา และเหลก็ กง่ึ สําเรจ็ รูป เหลก็ กลา หมายถงึ เหลก็ ที่มีคารบ อนผสมอยูใ นเนอื้ ไมเ กนิ 1.5% ซงึ่ จะมีผลทําใหค ณุ สมบตั ขิ องเหลก็ กลาน้ันแตกตางกนั นอกจากธาตคุ ารบ อนแลว ยงั อาจจะมีธาตุอื่นผสมอยูดว ย เชน ทังสเตน โครเมยี ม นิกเกิล โมลบิ ดีนัม วาเนเดียม เพือ่ ทาํ ใหเหลก็ กลา มีคุณสมบัตดิ ขี นึ้ เหมาะท่จี ะนาํ ไปใชงานในลกั ษณะตา งๆ ไดด ี และ เมือ่ เราผลติ เหลก็ กลา ไดแ ลว ก็จะนาํ เหลก็ กลา นน้ั มาผลติ เปนเหล็กกึ่งสําเรจ็ รูปเพอ่ื จะนํามาใชผ ลิตเปน เครอ่ี ง มอื อปุ กรณและเครื่องจกั รตอไป
วิชา : วสั ดุชางอตุ สาหกรรม ใบเนอ้ื หา 13/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ กรรมวธิ กี ารผลิตเหล็กหลอ เหล็กหลอผลิตจากการหลอมแทง เหล็กดบิ ผสมกบั เศษเหลก็ หลอและเหล็กกลา เกา ๆ โดยเผา รวมกับถา นโคก และหนิ ปนู (ในบางท่มี กี ารผสมโซดาแอชและฟลูออสปารเขาไปดว ย) ในเตาคิวโปลา เมื่อเผา จนเนอ้ื เหล็กหลอมละลายแลวกจ็ ะนาํ นํ้าเหล็กนี้ไปเทใสแ บบทรายหรือแบบโลหะเพอ่ื ใหไ ดช ้ินสว นเปน รปู รา ง ตางๆ ตามความตอ งการ เตาคิวโปลา (Cupola Furnace) มรี ูปรา งและลกั ษณะการทาํ งานคลา ยกบั เตาสงู แตม ขี นาดเลก็ กวา ประกอบดวยโครงสรางท่เี ปนเหลก็ เหนยี วรปู ทรงกระบอก ภายในเรยี งดว ยอิฐทนไฟ หรอื วัตถทุ นไฟอยู รอบ ๆ และมีทอ ลมเพอื่ ปอนลมเขาไปชวยในการลกุ ไหมใ หส มบรู ณ รวมทั้งมรี ใู หนาํ้ เหล็กและข้ีตะกรนั ไหล ออกดว ย ประมาณชว งกลางของเตาทดี่ า นขางจะมชี อ งท่ีเปด ไดเ พื่อใสวสั ดทุ ีต่ อ งการหลอม พิจารณาลักษณะของเตาควิ โปลา ไดดงั รปู ที่ 2.11 รปู ที่ 2.11 ลักษณะของเตาควิ โปลา
วชิ า : วสั ดชุ างอุตสาหกรรม ใบเน้อื หา 14/74 หนวยการเรียนที่ 2 : โลหะ โดยทว่ั ไปแลวขนาดของเตาคิวโปลา ทีใ่ ชก นั จะสูงประมาณ 12-24 เมตร ขนาดเสน ผา นศนู ยก ลางภาย ใน 0.4-2.5 เมตร และขนาดเสนผานศนู ยกลางภายนอก 0.6 – 3.0 เมตร วตั ถุดิบทใี่ ชใ นการผลติ เหล็กหลอ โดยการปอนเขา เตาคิวโปลา มดี ังน้ี 1. เหล็กดบิ (Pig Iron) 2. เศษเหลก็ เหนยี ว (Steel Scrap) 3. เศษเหลก็ หลอ (Cast Iron Scrap) 4. หินปนู (Limestone) 5. ถา นโคก (Coke) วิธกี ารหลอมเหลก็ หลอ ในการหลอมเหลก็ หลอกระทําไดโดยการนาํ เหลก็ ดิบเศษเหลก็ เหนยี ว ถาน โคกและฟลักซ (โดยทวั่ ไปใชหนิ ปูนทําหนา ท่ีเปน ฟลักซ)ใสล งไปในเตาสลับกันเปนชน้ั ๆ โดยทีส่ ว นลา งสุด ของเตาจะตองรองดวยถา นโคก เสยี กอ น ถา นโคก ทีร่ องกนเตาเรยี กวา Bed Coke ถา นโคกรองกน เตานีถ้ า มี ระดับสงู หรือตํ่าเกินไปจะมผี ลดังนี้ 1. ถา Bed Coke สูงเกินไป ระยะการหลอมละลายจะยึดออกไป 2. ถา Bed Coke มีระดบั ตาํ่ เกินไป จะทําใหเหลก็ หลอมละลายเร็วกวา ชว งเวลาท่กี าํ หนดและมี อุณหภูมิต่าํ ชน้ั หรือระดบั ของถา นโคก ซึง่ ค่ันอยูแ ตล ะชนั้ ของเหลก็ เพ่อื ชวยในการหลอมละลายเรียกวา ชารจ โคก (Charge Coke) ชารจโคกมรี ะดบั สูงอยรู ะหวาง 6-9 น้ิว เหล็กดิบ เศษเหล็กหลอ และเศษเหล็กเหนียวทใ่ี สลงในเตาแตละชน้ิ เปนสดั สวนกับถานโคกท่ีใส ลงไปแตละชนิดถวย โดยทั่ว ๆ ไปจะใชอ ตั ราสว น 5:1 ถงึ 8:1 เชน ถา ใส เหล็กดบิ 5 กิโลกรัม จะตอ งใสถ า นโค ก 1 กิโลกรัม ฟลกั ซ (Flux) เปนวัสดุท่ีมจี ดุ หลอมละลายตํ่า ใชท าํ ความสะอาดนา้ํ เหลก็ ทาํ หนาท่ีประสมกบั ถา นโคก และออกไซดข องเหล็กออกมาในรูปของสแลก (Slag) หรอื ขีต้ ะกรนั ฟลักซท ใ่ี ชในการหลอมเหลก็ หลอ ไดแ ก หนิ ปูน ฟลอู อไรต โซดาไฟ เมื่อทาํ การบรรจวุ ัตถดุ ิบเตม็ เตาแลวจงึ ใหค วามรอ น ถา นโคกสว นลา งุดจะเกดิ การเผาไหม ซงึ่ ในขณะ ท่มี ีการเผาไหมก็จะผา นลมรอ นเขา ไปในเตา เพอื่ ชว ยใหอุณหภูมภิ ายในเตาสูงขึน้ อยา งรวดเรว็ โดยที่อณุ หภมู ิ ในชวงนีจ้ ะอยรู ะหวา ง 1000-1300 องศาเซลเซยี ส สามารถท่จี ะหลอมละลายเหล็กดิบและเศษเหล็กได เม่ือเหลก็ ดิบในชน้ั แรกหลอมละลายจนหมดแลว ก็จะแทงรเู ทใหนํ้าเหล็กไหลออกเพื่อนาํ ไปเทลงใน แบบใหม รี ปู รา งตาง ๆ ตามตองการ
วิชา : วัสดุชา งอตุ สาหกรรม ใบเนอ้ื หา 15/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ กรรมวิธเี บสเซมเมอร (Bessemer Process) เตาเบสเซมเมอรเ ปน เตาที่มีลักษณะคลายถังขนาดใหญ ปากปลองเตาเอยี ง ตวั เตาตั้งอยบู นแกนสองแกนและหมุนไดรอบแกนในแนวราบ สําหรบั เอียงลงมารับการ บรรจุเหล็กดบิ และเทนาํ้ เหลก็ เมือ่ เสรจ็ จากการถลุงแลว ที่ไดเ ตาจะเปนหองพน ลมโดยลมจะตอมาจากแกน หมนุ ของเตา พิจารณาโครงสรา งและการทาํ งานของเตาเบสเซมเมอรไดดังรปู ที่ 2.12 รปู ที่ 2.12 โครงสรา งและการทาํ งานของเตาเบสเซมเมอร วตั ถดุ ิบที่ใชใ นการผลิตเหล็กกลา สาํ หรับเตาเบสเซมเมอรมดี ังนี้ 1. เหลก็ ดิบจากเตาสูง ในลักษณะทย่ี งั เปน นํ้าเหล็กกําลงั หลอมละลาย การเตมิ ในแตล ะครัง้ มปี ริมาณ 5-25 กรัม 2. อากาศ โดยใชป ม ลมเปา เขา ตา ความดันประมาณ 150-200 kPa (ปริมาณ 700-1000 ลกู บาศกเ มตร/ นาท)ี กรรมวิธีเปา ออกซิเจนโดยตรง (Direct Oxygen Process) เปนกรรมวธิ ีท่แี กไ ขจากกรรมวธิ ีเบสเซม เมอร เน่ืองจากอากาศที่พนเขา เตานอกจากจะมีออกซเิ จนแลวยังมไี นโตรเจน ปะปนเขา ไปดว ยซง่ึ ไนโตรเจนจะทําปฏิกริ ยิ ากบั เหลก็ ได เหล็กไนไตรด เมือ่ เหลก็ เย็นตัวสารประกอบไนไตรดจ ะอยู ภายในเกรนของเหลก็ ทําใหเหล็กมคี วามแขง็ เปราะ
วิชา : วัสดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 16/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ พิจารณาโครงสรางและการทาํ งานของเตาที่ใชกรรมวิธีเปาออกซเิ จนโดยตรงไดดังรปู ที่ 2.13 รปู ท่ี 2.13 โครงสรา งและการทาํ งานของเตาท่ีใชก รรมวิธเี ปาออกซิเจนโดยตรง
วชิ า : วัสดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเน้ือหา 17/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ ชนดิ ของเหลก็ โลหะประเภทเหลก็ สามารถแบงออกไดด งั นี้ 1. เหลก็ ออน (Wrought Iron) 2. เหลก็ ดบิ (Pig Iron) 3. เหลก็ หลอ (Cast Iron) 4. เหล็กกลา (Steel) 1. เหล็กออน (Wrought Iron) เหล็กออ นเปน เหลก็ ทีม่ ีความบริสทุ ธสิ์ งู ไมนยิ มนํามาใชง านเพราะออนเกนิ ไป แตเปนทีน่ ยิ มของ ชางดีเหลก็ เพราะดตีใหข ึน้ รปู ไดงาย เหล็กออ นน้มี คี วามบริสุทธ์ิ ถึง 99.9% ซง่ึ ทางโลหะวทิ ยาเรยี กเหล็กท่ี บริสทุ ธ์นิ ีว้ า “Ferrite” เหล็กออนถลงุ ไดจ ากเตาพุดเดิล้ (Puddle Furnace) ซึ่งเปน กรรมวธิ กี ารผลิตเหลก็ ออนท่ี เกา แกม ากทเี ดียว การผลติ เหล็กออน กรรมวธิ ีในการผลิตเหลก็ ออ นมีอยู 2 วิธี ดงั นี้ 1. กรรมวธิ พี ุดเด้ลิ (Puddling Process) กรรมวิธีการผลติ เหลก็ ออ นวิธีนี้ ถูกคิดคน ขึ้นประมาณป ค.ศ.1780 การผลิตเหลก็ ออ นวธิ ีน้ีจะ อาศยั เตาพดุ เดล้ิ (Puddle Furnace) ลกั ษณะดังรูป 6.3 โดยการใสเหลก็ ดบิ ลงไปที่บรเิ วณกนเตา ซ่งึ มลี ักษณะ คลายจานรองถว ย ความรอนที่ใชในการหลอมไดจ ากเปลวไฟทอ่ี ยเู หนือกนเตา ซึ่งมาจากหองเผาไหม คลา ยกบั ของเตากระทะ ขณะที่เหลก็ ดบิ กําลงั หลอมละลายอยู ออกไซดของเหล็กจะไปรวมตัวกบั แมงกานีส และซิลกิ อ น ในนาํ้ เหลก็ กลายเปนข้ีตะกรัน สวนคารบอนจะรวมตวั กับออกซิเจนกลายเปนกา ซคารบ อนมอนอกไซด (CO) และจะถกู เผาไหมไ ป นาํ้ เหลก็ จะเร่ิมตกตะกอนในชวงน้ี พนักงานคมุ เตาจะทาํ การกวนนาํ้ เหลก็ ทีต่ ก ตะกอนใหรวมตัวเปน กอ นกลม ดงั รปู 6.2 จากนน้ั จะนาํ ออกจากเตาเพือ่ กําจัดขต้ี ะกรนั ออก แลวนาํ ไปรดี ออก มาเปน แทงเหล็กออนทเ่ี รียกวา muck bar ซง่ึ จะตดั เปนทอนสั้น ๆ เพอื่ นําไปใชงานตอไป เนอ่ื งจากการผลติ เหล็กออนดวยกรรมวิธพี ดุ เดล้ิ นี้ ตองอาศยั แรงงานคนมาก ดงั นนั้ เหล็กออ น ที่ผลติ ออกมาถงึ มีราคาแพง ในปจจบุ นั ไมน ยิ มใชทาํ การผลิต
วิชา : วัสดชุ า งอตุ สาหกรรม ใบเนื้อหา 18/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ รปู ที2่ .14 พนกั งานคมุ เตาขณะทําการกวนนาํ้ เหลก็ ลักษณะของเตาพดุ เด้ลิ เตาพุดเด้ิลเปน ของประเทศอังกฤษ ลักษณะเตาเปน เตารูปยาว ขางบนมลี กั ษณะเปนอางกระทะทีข่ า ง ๆ กระทะมีกองไฟสําหรบั ใชความรอ นตามมากบั ลมรอนทีจ่ ะออกทางปลอง ดงั รปู ที่ 5.1 รปู ที่ 2.15 ภาพหนา ตดั เตาพดุ เด้ิล
วชิ า : วสั ดชุ างอุตสาหกรรม ใบเนื้อหา 19/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ รปู ที่ 2.16 ลักษณะของพดุ เดล้ิ วตั ถุดิบที่จะใสล งไปในเตา - เหลก็ ดบิ สีขาว - เศษเหล็ก (เหลก็ ออกไซด) - ลมรอน 2. กรรมวิธแี อสตัน (Aston Process) กรรมวธิ ีการผลิตเหล็กออ นวธิ นี ี้มชี ือ่ เรยี กอกี อยา งวา กรรมวธิ ีไบเออร (Byers Process) ถูกคดิ คนข้ึน มาในป ค.ศ. 1952 โดย เจมส แอสตนั ซ่งึ มคี วามเห็นวา การผลิตเหลก็ ออ นดว ยกรรมวธิ ีพดุ เดล้ิ ตอ งอาศัยแรง งานคนมาก และมคี วามยุง ยากในการผลิตมาก ดังนัน้ จงึ ไดทาํ การพฒั นาการผลิตเหล็กออ นขน้ึ ใหม ซึ่งไมตอ ง อาศยั เตาพดุ เดล้ิ กรรมวธิ นี ้ี จะใชน ้ําเหลก็ กลา จากเตาเบสเซมเมอร ซึง่ ยังไมไดทําการขจัดออกซิเจน เปน วตั ถุดบิ โดย การเทนํา้ เหล็กลงไปในนา้ํ (Laddle) ซง่ึ บรรจขุ ีต้ ะกรนั ไว น้าํ เหล็กและขี้ตะกรันจะทาํ ปฏิกริ ยิ ากนั อยางรุนแรง เนอื่ งจากนาํ้ เหลก็ มีอณุ หภมู ิสูงกวาอณุ หภูมิของขีต้ ะกรนั มาก ปฏกิ ิรยิ าที่เกิดข้นึ น้ที าํ ใหน ้ําเหล็กมอี ุณหภมู สิ ูง กวาอณุ หภูมิของขีต้ ะกรันมาก ปฏิกิริยาที่เกดิ ขน้ึ น้ีทาํ ใหน้ําเหล็กและข้ตี ะกรนั รวมตัวกัน ทาํ ใหก ลายเปนเหล็ก ออ น ตอ จากนัน้ จะนําไปทาํ การรีดเปนแทง เหลก็ ออน เหลก็ ออนท่ีไดจ ากกรรมวธิ แี อสตนั มคี ุณภาพดีกวาเหล็ก ออนทไี่ ดจ ากกรรมวิธีพุดเดิ้ล
วชิ า : วสั ดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 20/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ สว นผสมของเหล็กออ น ธาตทุ ่ผี สมอยูใ นเหลก็ ออนประกอบดวย คารบ อน, แมงกานีส, ฟอสฟอรัส. ซลั เฟอร, ซิลกิ อน และมขี ี้ ตะกรันผสมอยูดว ย สาํ หรับปริมาณสวนผสมของเหลก็ ออนแสดงในตารางท่ี 6.1 ตารางที่ 2.1 สว นผสมของเหล็กออน สว นผสม ปริมาณ (%) คารบ อน 0.02 แมงกานีส 0.03 ฟอสฟอรัส 0.12 ซัลเฟอร 0.02 ซิสิกอน 0.15 ขต้ี ะกรนั 3.0 คณุ สมบัติของเหล็กออน เหลก็ ออ นมีคุณสมบตั ิทางกลทตี่ ่ํากวาเหล็กกลา โดยมีคา ความแขง็ แรงทางแรงดึง ประมาณ 48,000 – 52,000 ปอนดต อ ตารางนิว้ มคี าความแขง็ 55 Rockwell scale B เหลก็ ออ นมคี ณุ สมบตั ิการยดื ตวั (Ductility) สูง ดังนน้ั จงึ สามารถนาํ มาขึน้ รปู ดว ยกรรมวิธีตขี ้ึนรปู (Forged) และนาํ มาเชื่อมไดดี คณุ สมบัติ 1. มีความบริสทุ ธิส์ งู 2. มคี ารบ อนไมเ กนิ 1% 3. มสี แลกอยูในเนือ้ เหล็ก 4. ดีข้ึนรูปไดงา ยมาก 5. ดเี ช่ือมปรานไดด ี 6. ทนตอ แรงกระแทกแบบกะทนั หนั ไดด ยี ิง่ ประโยชน 1. ใชทาํ โซ 2. ใชทําขอเกยี่ ว 3. ใชทําขอตอ รถไฟ
วิชา : วสั ดชุ างอุตสาหกรรม ใบเนอ้ื หา 21/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ 2. เหล็กดิบ (Pig Iron) เหล็กดิบเปน เหล็กท่ไี ดจากการนําสินแรเ หล็กมาทําการถลุง โดยการใหค วามรอ นแกส ินแร ภายใน เตาสงู (Blast Furnace) โดยการบรรจุวตั ถดุ ิบ คือสนิ แรเ หลก็ (Iron Ore) ถา นหิน (Coal) และหินปูน (Limestone) โดยใชรถลากวัตถดุ บิ (Skip Car) เปน ตวั ชว ยดงึ วตั ถุดิบขึน้ ไปสูปากเตาเพอ่ื บรรจวุ ตั ถดุ บิ เขาตา แลว จดุ ถา นหินทอ่ี ยภู ายในเตาใหล ุกตดิ ไฟ แลว จงึ เปาลมใหเ ขาไปในเตาเพื่อชวยในการเผาไหม ความรอ นภาย ในเตาสงู ประมาณ 1,600 – 1,900 องศาเซลเซียส จนกระทั่งความรอ นสามารถถลงุ สินแรเหลก็ ที่อยภู ายในเตา จนเปนโลหะเหลว ซง่ึ จะละลายไหลแทรกตัวอยรู ะหวางชอ งวา งของถานหนิ ที่อยบู ริเวณกน เตาโดยมีข้ตี ะกรัน (Slag) ลอยอยบู นสว นบนของโลหะทห่ี ลอมละลาย เจา หนาที่จะเจาะเตาถลุงเพอื่ ใหข ี้ตะกรนั ท่ลี อยอยบู นนาํ้ เหล็กใหไ หลออกกอ น จากนนั้ จึงจะเจาะใหน ้ําเหลก็ ไหลออกจากเตาเหลก็ ท่ไี ดจ ากการถลงุ แร เหล็กในเตาถลงุ น้ีเปน เหล็กทีย่ ังไมบรสิ ุทธ์ิมักเรียกวาเหลก็ ดิบ (Pig Iron) เราจะนาํ เหล็กดบิ ทถ่ี ลุงไดสวนหนง่ึ ไปหลอ เปนแทง โดยเครอื่ งจกั รอัตโนมัติ (Pig Molding Machine) เพอ่ื จะนําไปใชเ ปนวัตถุดบิ สาํ หรบั ทําเหลก็ กลาหรอื เหล็ก หลอ ในภายหลัง โดยนาํ เหลก็ ดิบที่ยังรอ นหลอมเหลวแลวจะนาํ ไปบรรจุลงในเบา (Ladle) แลว นาํ ไปผลติ เปน เหลก็ กลาตอ ไปในการถลงุ สินแรเหล็กน้จี ะทาํ งานตอเน่ืองตลอด 24 ชวั่ โมงติดตอ กัน ประมาณ 5-6 ป จึงจะ หยดุ ทําการซอ มแซมเตากันครัง้ หน่งึ ภาพที่ 2.17 การถลงุ สินแรเหล็กโดยใชเ ตาสูง
วิชา : วสั ดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเนอื้ หา 22/74 หนว ยการเรยี นที่ 2 : โลหะ เหล็กดบิ (Pig Iron) เหลก็ ดิบผลิตข้นึ จากเตาสงู (Blast Furnace) โดยการหลอ หลอมสินแรเ หลก็ กับ ถา นโคก และหินปนู ซงึ่ คุณภาพของเหลก็ ทไ่ี ดข น้ึ อยูกบั ชนิดของสนิ แรทนี่ ามาใชในการหลอม โ ดยปกตแิ ลว เหลก็ ดิบทผ่ี ลิตไดจะมีธาตตุ าง ๆ ประสมอยโู ดยประมาณดังนี้ คารบ อน (Carbon : C) 3-4% ซิลคิ อน (Silicon: Si) 1-3% แมงกานีส (Manganese : Mn) 1% ฟอสฟอรสั (Phosphorus : P) 0.1-1% กาํ มะถนั (Sulphur: S) 0.05-0.1% เหล็กดิบจะมคี วามแข็งและเปราะ ดังน้นั จงึ มีความแขง็ แรง ความเหนียว ไมม ากนกั และทนตอ แรง กระแทกไดน อย เหลก็ ดิบสว นมากจะถกู นาํ ไปหลอเปน เหล็กชนดิ ตา งๆ เชน เหล็กหลอ และเหลก็ กลา เปนตน ชนิดของเหลก็ ดิบ เหล็กดบิ ทผ่ี ลิตไดจ ากเตาสูงมอี ยูด ว ยกันหลายชนดิ และนํามาใชประโยชนตา งกัน สามารถพจิ ารณาไดดังน้ี 1. เหลก็ ดิบเบสกิ (Basic Pig Iron) นําไปใชการหลอ เหลก็ กลา และรีดขน้ึ รูป 2. เหล็กดิบเอซิด (Acid Pig Iron) นําไปใชในการหลอ เหลก็ กลา ผลิตเหล็กออนและรีดขึน้ รูป 3. เหลก็ ดิบฟอรจ ้งิ (Forging Pig Iron) นาํ ไปใชในการผลิตเหลก็ ออน เหลก็ ประสมและตีข้นึ รูป 4. เหลก็ ดิบโรงหลอ (Foundry Pig Iron) นาํ ไปใชในการหลอ เปน เหลก็ หลอ สเี ทา และเหล็กหลอ ประสม 5. เหลก็ ดบิ มลั ลิเอเบลิ หรอื เหล็กดิบเหนยี ว (Malleable Pig Iron) นาํ ไปใชใ นการหลอเปน เหลก็ หลอสี ขาว เหล็กหลอ เหนียว (เหล็กหลอมลั ลิเอเบิล) และเหลก็ หลอเหนียวประสม (เหล็กหลอ มลั ลิเอเบลิ ประสม) อทิ ธพิ ลของธาตทุ ีป่ ระสมอยใู นเหล็กดิบ ธาตุชนิดตาง ๆ ทีป่ ระสมอยใู นเหลก็ ดบิ จะทาํ ใหเ หล็กดบิ มี สมบตั ิดังน้ี 1. คารบ อน (Carbon : C) คารบ อนมีอิทธพิ ลตอ จุดหลอมเหลวของเหลก็ คอื จะทําใหจุดหลอมเหลวตํ่า ลงจงึ ทาํ ใหเ หล็กหลอมไดง ายขึน้ นอกจากนี้ยังทําใหเหล็กแขง็ ข้ึนสามารถชุบแข็งได ความเหนียวและอตั รา การขยายตัวลดลง สมบตั ิในการตขี นึ้ รปู และการเช่อื มประสานลดลง 2. ซิลคิ อน (Silicon: Si) ซลิ ิคอนในเนอ้ื เหลก็ จะรวมตวั กับคารบอน เกดิ เปนซิลคิ อนคารไ บด (SiC) ซึง่ มคี วามแข็งมาก ดงั นัน้ เหล็กทีม่ ซี ิลคิ อนประสมอยูมากเกนิ ไปจะมคี วามเปราะและแตกหักงาย สมบตั ิในการ เชือ่ มประสานและปาดผิวลดลง แตท าํ ใหม ีความคงทนตอ การกดั กรอ นไดดี 3. แมงกานีส (Manganese :Mn) แมงกานีสที่ประสมอยูในเหล็กดบิ จะทาํ ใหเ หลก็ มคี วามแข็งและทน ตอ การสึกเหรอไดดี และจุดหลอมเหลวเพ่มิ ขน้ึ อยดู วย
วิชา : วัสดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเนอ้ื หา 23/74 หนวยการเรียนท่ี 2 : โลหะ 4. ฟอสฟอรสั (Phosphorus : P) ฟอสฟอรสั ถามีมากในสนิ แรเ หลก็ จะทาํ ใหการถลงุ ยากขึน้ และถา มี มากในเน้อื เหล็กจะทําใหเปราะหกั งายท่อี ุณหภูมิเย็น แตถามนี อยจะชวยใหสามารถหลอไดบาง ๆ หลอมไหล ไดง ายสะดวกในการเทลงแบบ 5. กํามะถนั (Sulphur :S) กํามะถนั ถามีมากในเนือ้ เหล็กจะทาํ ใหเ หลก็ เปราะหัก งา ย ณ ทอี่ ณุ หภมู สิ ูง ๆ ทําใหก ารหลอมไหลยากไมส ะดวกที่จะเทลงแบบ ดงั นนั้ การนําไปใชง านทอี่ ณุ หภมู ิสูง ๆ จงึ ไมดี 3. เหล็กกลา (Steel) เหล็กกลา เปนโลหะทมี่ คี วามสําคัญอยา งหนงึ่ ในปจ จบุ ัน เหลก็ กลามีธาตคุ ารบ อน ผสมอยูประมาณ 0.1-1.5% โดยนํ้าหนัก ซ่งึ ปรมิ าณธาตุคารบอนที่ผสมอยูทาํ ใหเหล็กกลา มคี ุณสมบัตทิ ีแ่ ตกตา ง กนั เหลก็ กลาถกู นาํ มาใชในอตุ สาหกรรมตา ง ๆ อยา งมาก นอกจากปรมิ าณของธาตคุ ารบอนแลว ยงั มีการผสม ธาตุตาง ๆ ในเน้อื เหล็กกลา อีกดวย เชน โครเมยี ม นกิ เกลิ ทังสเตน วาเนเดยี ม โมลบิ ดีนมั เพือ่ เปนการปรับปรงุ คณุ สมบตั ิของเหล็กกลา ใหดขี ึน้ เหมาะสมกบั การนําไปใชใ นอุตสาหกรรมเฉพาะอยาง เชน ทนตอ อณุ หภูมิได สูง ทนตอ การเสียดสี ทนตอ การกดั กรอน มีความแขง็ แกรงสงู ขึน้ เหลก็ กลา แบงออกได 2 ประเภท คอื 3.1 เหลก็ กลาคารบอน (Carbon Steel) เหล็กกลา คารบอน เปน เหลก็ ทมี่ ีสวนผสมของธาตคุ ารบอนเปนหลัก อาจจะมธี าตอุ นื่ ผสมอยไู ดบ า ง เลก็ นอ ย เชน ซลิ คิ อน แมงกานสี กํามะถัน ฟอสฟอรัส เหลก็ กลา คารบ อนแบงออกไดหลายชนิดตามปริมาณ ของธาตุคารบอนท่ผี สมอยใู นเนือ้ เหล็ก จะทําใหมีคณุ สมบัติแตกตางกัน และนําไปใชง านในลักษณะตางกัน เหลก็ กลา คารบอนต่าํ (Low Carbon Steel) เหลก็ กลาคารบ อนตํ่า จดั ไดว า เปนเหลก็ กลา ทมี่ ี ปริมาณธาตุคารบ อนผสมอยูในเน้อื เหลก็ นอยทีส่ ดุ คอื มธี าตุคารบ อนผสมอยูประมาณ 0.10 – 0.30% โดยนา้ํ หนกั กาํ หนดตามมาตรฐานอเมรกิ ัน คือ AISI 1010 – 1030 กาํ หนดมาตรฐานเยอรมนั คอื St37 เนือ่ งจากมี ปรมิ าณธาตุคารบ อนผสมอยนู อย ทําใหมคี วามแขง็ แรงต่ําไมสามารถนาํ ไปทาํ การชบุ แขง็ ได เหมาะสําหรับนํา ไปใชงานทไ่ี มต อ งการความแขง็ แรงมากนัก เชนนาํ ไปรีดเปน แผน ทําถงั บรรจขุ องเหลว นาํ ไปทาํ เปน เหลก็ เสนใชในงานกอ สราง ภาพที่ 2.18 เหล็กกลาคารบ อนตาํ่ นํามาผลิตถงั บรรจุ
วชิ า : วัสดชุ า งอุตสาหกรรม ใบเนอื้ หา 24/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ เหลก็ กลาคารบอนปานกลาง (Medium Carbon Steel) เหล็กกลาคารบ อนปานกลาง เปน เหล็ก กลาทม่ี ปี ริมาณธาตุคารบ อนเพมิ่ ขนึ้ มากกวาเหล็กกลา คารบ อนต่ํา คอื มคี ารบ อนผสมอยูประมาณ 0.31-0.55% โดยนาํ้ หนัก กาํ หนดตามมาตรฐานอเมรกิ ัน คอื AISI 1031-1055 กําหนดตามมาตรฐานเยอรมนั คือ St 50 สามารถนาํ ไปปรับปรุงคณุ สมบตั ิดวยความรอน โดยการนําไปชุบแขง็ (Hardening) คอื นําช้ินงานไปเผาให รอ นเพื่อใหเ หล็กเปลยี่ นโครงสรางเปน ออสเทนไนต (Austenite) ซึ่งการจะใชอุณหภูมิสงู ขนาดไหนขนึ้ อยูก ับ ปรมิ าณธาตคุ ารบ อนที่ผสมอยู จากนน้ั ทาํ ใหเยน็ ตัวลงโดยเร็ว เหล็กจะเปลีย่ นโครงสรางเปนมาแทนไซต (Martensite) ซ่ึงเหลก็ จะมคี วามแข็งเพิม่ ขน้ึ เหลก็ กลา ชนดิ นี้นาํ ไปใชผ ลิตชน้ิ สวนของเครือ่ งจกั รกลทตี่ อ งการ ความแข็งแรง เชน เพลาสง กาํ ลงั เฟองในเครือ่ งจักรตาง ๆ เหลก็ กลา คารบอนสงู (High Carbon Steel) เหล็กกลา คารบอนสูง เปน เหล็กกลาทปี่ รมิ าณธาตุ คารบ อนผสมอยใู นเนื้อสงู สุด คอื มคี ารบอนผสมอยูประมาณ 0.56 – 1.5% โดยน้าํ หนกั กําหนดมาตรฐาน อเมริกัน คือ AISI 1056 – 1090 กําหนดมาตรฐานเยอรมนั คือ St170 เปน เหลก็ กลา ท่มี ีความแข็งแรงสูง นาํ ไป ผลติ เครอ่ื งมือคมตดั ตางๆ เชน มดี กลึง ดอกสวาง ดอกควานละเอียด ดอกทาํ เกลียว ใบเลอื่ ย ตะไบ ซึง่ เครื่องมอื คมตดั ตา ง ๆ เหลาน้ี จะนาํ ไปผา นกระบวนการขน้ึ รปู ตามขนาด และรปู รา ง แลว นําช้ินงานไปปรบั ปรุงคุณ สมบตั ิดว ยความรอ น โดยการนําไปชบุ แข็ง (Hardening) ซงึ่ จะทาํ ใหง านมคี วามแขง็ สูงมาก แตเ ม่อื ไดรับแรง กระแทกจะเปราะหกั ไดงา ย เหลก็ กลาผสม (Alloy Steel) เหล็กกลาผสม เปน เหลก็ กลา ที่ผสมธาตุหรอื โลหะตางๆ เชน นิกเกิล โครเมยี ม โมลิบดนี ัม วาเนเดยี ม ทงั สเตน ธาตทุ ป่ี ผสมเขา ไปนเี้ พอ่ื ปรับปรุงคณุ สมบัตติ า ง ๆ ของเหลก็ กลา เชน ความแขง็ แรง (Strength) ความทนตอการกัดกรอน (Corrosion) ทนตอการเสียดสี (Wearresisting) เหล็กกลาผสมแบง ออกได 2 ประเภท คอื 1. เหลก็ กลา ผสมตาํ่ (Low Alloy Steel) เปน เหลก็ กลา ท่ผี สมธาตหุ รือโลหะตา ง ๆ เขาไปอยู ในเนือ้ มีปริมาณไมเ กนิ 10% เหลก็ กลา ผสมตาํ่ มีหลายอยา ง เชน - เหลก็ กลาผสมสาํ หรบั งานชุบแขง็ (Construction Alloy Steels) เปนเหลก็ กลาที่เหมาะสม สาํ หรับนําไปผลิตชิ้นสวนเคร่อื งจกั รกล ที่ตองการความแข็งแรงโดยนําไปผา นขบวนการขน้ึ รูปดว ยเครื่องจักร กล ใหม ขี นาดและรูปรางตามความตอ งการ จากน้ันนาํ ชิน้ งานไปทาํ การชบุ แขง็ (Hardening) โดยการนาํ ชน้ิ งานไปเผาใหรอน ซึ่งจะใชความรอ นขนาดไหน ข้นึ อยกู บั ปริมาณของธาตคุ ารบอนทม่ี ีผสมอยูในเนือ้ เหลก็ น้นั จากนนั้ นําชิ้นงานไปชุบในสารชุบ เพื่อใหเยน็ ตัวลงโดยเร็ว จากนัน้ จะมีความแข็งเพมิ่ ขน้ึ งานทผี่ า นการชุบแขง็
วชิ า : วัสดุชางอตุ สาหกรรม ใบเนอ้ื หา 25/74 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ แลวจะมคี วามเครยี ดอยใู นเนื้อเหลก็ ถานํางานไปใชอาจแตกหักได จงึ ตอ งนํางานท่ีชบุ แขง็ แลวไปอบคลาย ความเครียด (Tempering) โดยนํางานไปใหค วามรอ น แลวปลอยใหเ ยน็ ตัวลงอยางชา ๆ ภายใน เตาอบ จึงจะนาํ ชิน้ งานไปทาํ การตกแตงผวิ สําเร็จโดยการเจยี ระไนช้นิ งานทีน่ ําไปชบุ แข็ง บางครั้งอาจจะเสีย หายเน่ืองจากงานบดิ เบย้ี ว โกง งอ เสยี รปู ราง หรอื อาจเกิดแตกรา ว จึงตอ งปฏิบัตงิ านดวยความระมัดระวัง - เหล็กกลา ผสมชนดิ ความแขง็ แรงสูง (High Strength Alloy Steel) เหล็กกลา ชนิดนี้ได รับการพฒั นาขึ้นเพอ่ื ใชแ ทนเหล็กกลา ผสมสําหรบั งานชุบแขง็ เพอื่ ลดคา ใชจา ยและเวลาในการปฏบิ ตั ิงานลง อยางมาก และยงั หลีกเลี่ยงความเสยี หายของชน้ิ งานจากการชุบแขง็ กลาวคือ เมอ่ื นําเหลก็ กลาชนดิ นไ้ี ปผา น กระบวนการขนึ้ รปู แลว ช้ินงานจะมคี วามแข็งแรงเพียงพอ สามารถนาํ ไปใชง านไดเ ลยโดยไมต องทาํ การชบุ แข็ง ภาพท่ี 2.19 การนําเหล็กกลาผสมตํา่ มาทําตวั ถังรถยนต - เหลก็ กลาผสมสูง (High Alloy Steel) เหล็กกลาผสมสงู เปน เหลก็ กลา ทผี่ สมธาตุ ตาง ๆ อยใู นเนื้อมากกวา 10% เพอื่ ใหม คี ุณสมบตั พิ เิ ศษเฉพาะตวั สาํ หรับใชงานเฉพาะอยา ง เชน ทนการเสยี ดสี ทนการกดั กรอน เปนตน 1) เหล็กกลาไรสนมิ (Stainless Steel) เหลก็ กลา ไรสนิม เปนเหลก็ กลา ทผ่ี สม โครเมียม และนกิ เกลิ ทาํ ใหมคี ณุ สมบตั ทิ นตอ การกัดกรอนไดด ี นาํ มาใชผ ลิตเครื่องใชต าง ๆ เชน ชอ นสอม บรรทัดเหล็ก ทอ ตา ง ๆ ในโรงงานเคมี โรงงานผลติ อาหารสําเรจ็ รปู โรงงานกล่นั นํา้ มัน โรงงานกระดาษ เคร่อื งมือวดั อปุ กรณเ ครอ่ื งครวั เปนตน 2) เหลก็ กลา ทนการสกึ เหรอ (Wear Resisting Alloy Steel) เหล็กกลา ทนการสึกเห รอ เปนเหล็กกลา ทผ่ี สมแมงกานสี ทาํ ใหมคี ณุ สมบัตทิ ่ที นตอ การสกึ เหรอ ทนตอ การกระแทกเหมาะสาํ หรับ ผลติ อุปกรณท ใ่ี ชงานสมบุกสมบัน เชน ฟน ยอยหนิ กระฟอ ตักแร อุปกรณประกอบ รางรถไฟ เปน ตน 3) เหลก็ กลา ทาํ เคร่อื งมอื (Tool Steel) เหลก็ กลา ทาํ เครื่องมอื เปนเหล็กกลาท่ีผสม ทงั สเตน โมลบิ ดีนัม โครเมยี ม วาเนเดียม แมงกานสี ซ่งึ เปน โลหะท่มี จี ดุ หลอมเหลวสูง
วิชา : วสั ดุชางอตุ สาหกรรม ใบเนอ้ื หา 26/74 หนวยการเรียนที่ 2 : โลหะ 4. เหลก็ หลอ (Cast Iron) เปนวสั ดุชางทีจ่ ัดอยูในพวกโลหะ เหล็กหลอ เปนวัสดุชา งทสี่ ําคญั เหลก็ หลอ มีเปอรเ ซน็ ตข องคารบ อนคอ นขางสูงจงึ ทําใหเ หลก็ หลอมคี วามแขง็ การขึ้นรปู ตองนาํ ไปหลอมแลว เทลง แบบผลิตภณั ฑทท่ี ําจากเหล็กหลอมอี ยูมากมาย เชน ทาํ ฐานเครื่องจักร ตัวเคร่อื งจกั ร รางเครอื่ งกลึง เส้ือสูบ เครื่องยนต พูลเลยส ายพาน ชิ้นสว นเครอ่ื งจกั รกล คณุ สมบตั ขิ องเหลก็ หลอ 1. ผลติ จากเหล็กดิบสเี ทา (มี Si สงู ) 2. มสี ารมลทินปนอยูม าก 3. รับแรงดงึ (Tensile) ไมดี 4. รับแรงอดั (Compressive) ไดด ี 5. จุดหลอมเหลวตาํ่ 6. แมเหล็กจะดดู ผงเศษเหลก็ ไดนอ ย 7. ไมเ ปน สปริงจะหักเปราะงาย 8. ผลติ จากเตาคโู พลา 9. มีเปอรเ ซน็ ตคารบอนสงู 2-4% 10. การรวมของคารบอนอยใู นรูปของกราไฟต 11. ขน้ึ รปู โดยการหลอมละลายแลวเทลงในแบบ 12. การใชงานมกั นาํ ไปทาํ พวกเหลก็ โครงสราง 13. ผวิ หยาบ เม็ดเกรนโตมองเหน็ ไดช ดั 14. ผงตะไบเหล็กจะทูมีสดี าํ 15. เมือ่ เผาใหรอ นจะเสียทรง เพราะจะยบุ ตวั รปู ท่ี 2.20 แทน ระดบั ทาํ ดวยเหลก็ หลอสเี ทา
วชิ า : วัสดุชา งอตุ สาหกรรม ใบเนอื้ หา 27/74 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ ชนิดของเหลก็ หลอ เหลก็ หลอสเี ทา (Gray Cast Iron) เหล็กหลอสเี ทา หรอื เหล็กหลอธรรมดา มีสญั ลกั ษณ GG เปน เหลก็ หลอ ทั่ว ๆ ไป ซึ่งเกิดจากการหลอมเหลก็ ดบิ สีเทา เศษเหลก็ เหนยี ว ถา นโคก หินปูน มธี าตตุ า ง ๆ ประสม อยู เชน คารบอน 2 – 4% ซิลคิ อน 1.8-2.5% แมงกานีส 0.5-0.8% กาํ มะถัน 0.3% เมอ่ื ทาํ การหลอมละลายเหลก็ ในเตาคิวโปลาใหเ ปน นํ้าโลหะหลอมเหลวแลว นาํ นํา้ โลหะเหลวไปเทลง ในแบบหลอ ในขณะที่นา้ํ โลหะ คอ ย ๆ เย็นตัวลงอยา งชา ๆ ธาตุคารบอนทีม่ อี ยใู นเน้อื เหล็กจะตกผลกึ เปน คารบอนอิสระแทรกตัวในเน้อื เหลก็ น้นั ซงึ่ ถา เราหกั เหลก็ หลอดูเนื้อภายในจะมีลักษณะเปนเม็ดโลหะ หยาบสีเทาดาํ เหลก็ หลอ สีเทามีคุณสมบตั ิรับแรงสน่ั สะเทอื น (Damp Vibration) รบั แรงกระแทก(Impact Strength) ทนตอความลา (Fatigue) และสามารถทาํ การตกแตง ดว ยเคร่อื งจักรกลไดด ี (Machine Ability)เหลก็ หลอ สเี ทาเหมาะทจ่ี ะนาํ ไปผลติ โครงสรางของเครื่องจักรกลตาง ๆ เชน เครือ่ งกลงึ เครือ่ งกดั เครอื่ งไส เคร่อื ง เจาะ แทนระดบั ปากกาชบั งานตะไบ ทัง่ ตเี หลก็ เส้ือสูบเครือ่ งยนต เฟอ งตา ง ๆ ภาพที่ 2.21 โครงสรางเหล็กหลอสีเทา
วิชา : วัสดชุ างอุตสาหกรรม ใบเนื้อหา 28/74 หนว ยการเรียนท่ี 2 : โลหะ คณุ สมบัติ 1. ราคาถูก 2. ออ นแปรรปู ไดง า ย 3. รับแรงดงึ ไดต ํา่ 4. เปราะแตกหกั งา ย 5. รบั แรงสะเทือนและแรงอัดไดดี 6. คารบอนอยใู นรูปของกราไฟต (อยูอยางอิสระ) ประโยชน 1. ทาํ แทนเครอื่ งกลงึ 2. ทาํ แทน เคร่ืองเจยี ระไน 3. ทําปากจับช้นิ งานตะไบ 4. ทาํ แทนระดบั 5. ทําเสือ้ สบู รถยนต 6. ทาํ เฟอง 7. ทําพูลเลย ภาพท่ี 2.22 เสื้อสูบเคร่ืองยนตห ลอขน้ึ จากเหลก็ หลอสีเทา เหล็กหลอ สีขาว (White Cast Iron) เหลก็ หลอ แขง็ หรือเหลก็ หลอ สขี าว มีสญั ลักษณ GH เหล็กหลอสีขาว เปนเหล็กทม่ี ีธาตคุ ารบอนผสมอยูในลักษณะท่ีเปนคารไ บด หรือซเี มนไตต (Fe3C) ซง่ึ มผี ลทําใหเ หล็กหลอสขี าวเปน เหล็กหลอ ท่มี ีความแขง็ (Hardness) สงู ดว ย การทําเหล็กหลอ สขี าว สามารถ ทําได 2 วธิ ี คือ 1. ควบคมุ สวนผสม คอื มีธาตุ คารบ อนผสมอยูประมาณ 2-3.5% และมี ซลิ คิ อนผสมอยูประมาณ 0.5%โดยนํ้าหนัก เมือ่ นําน้ําโลหะท่ีหลอมละลายไดไปเทลงใน แบบหลอ เมื่อปลอยใหเย็นตวั ลง ธาตุคารบ อน จะไมตกผลกึ ออกมาเปนอิสระในรูปกราไฟต 2. ควบคุมอัตราการเยน็ ตวั การ ทาํ เหล็กหลอ สขี าววิธนี ้ี เหล็กหลอจะมีสว น ผสมเหมอื นเหล็กหลอ สีเทา โดยการบงั คบั ภาพท่ี 2.23 โครงสรา งเหล็กหลอสขี าว
วชิ า : วสั ดุชางอุตสาหกรรม ใบเน้ือหา 29/74 หนว ยการเรียนท่ี 2 : โลหะ ใหน า้ํ โลหะท่ีเทลงในแบบเย็น (Chillers) ฝงลงในแบบหลอบริเวณผิวท่ีสมั ผัสกับนํา้ เหล็กการทําเหล็กหลอ วิธี น้ี เหมาะสําหรับงานหลอทม่ี รี ปู รา ง บาง ๆ เน่อื งจากเหล็กหลอ สขี าวมคี วามแขง็ สูงมาก จงึ เหมาะสาํ หรบั นาํ ไปใชงานท่ีตอ งทนตอการเสยี ดสี (Abrasive) เชน อปุ กรณโ รงโมห นิ ลกู รดี โลหะ อุปกรณในงานรถไฟ ภาพท่ี 2.24 ลูกรดี เหล็กทาํ จากเหลก็ หลอ สขี าว คณุ สมบตั ิ 1. แข็งมาก 2. เปราะแปรขนึ้ รูปไดย าก 3. เม็ดเกรนเปน สีขาว 4. คารบอนอยูในรูปของคารไบด 5. เปน เหล็กหลอท่เี ย็นตัวอยางรวดเรว็ 6. สกึ หรอยาก เพราะผิวแข็งมาก ประโยชน 1. ใชท าํ กานล้นิ 2. ใชทาํ แครสะพานเคร่ืองกลึง 3. ใชทาํ ชน้ิ สว นของเคร่ืองจักรกลการเกษตร 4. ใชทําอุปกรณใ นงานอุตสาหกรรม เหล็กหลอแขง็ หรอื เหลก็ สีขาวนีม้ ีผวิ แขง็ มาก ๆ ตอ งเจียระไนหรือปาดผวิ ออกดว ยคมมดี ที่ทําจาก โลหะแขง็ เทาน้นั จงึ จะปาดผิวออกได
วชิ า : วัสดุชา งอุตสาหกรรม ใบเนอื้ หา 30/74 หนวยการเรียนท่ี 2 : โลหะ เหลก็ หลอเหนยี ว (Malleable Cast Iron) เหล็กหลอ เหนยี ว หรอื เหลก็ หลอมัลลิเอเบิล (Malleable Cast Iron) มีสัญลกั ษณวา GT เหลก็ หลอชนดิ น้มี ีธาตตุ า ง ๆ ประสมอยู เชน คารบอน 1-2% ซลิ ิคอน 0.60-1.10% แมงกานสี ต่าํ กวา 0.30% กาํ มะถัน 0.60-0.15% เหล็กหลอเหนียว เกดิ จากการประดิษฐของขางหลอชาวอเมรกิ ัน ชื่อ Seth Boyden เมื่อป ค.ศ.1826 จากการคดิ คนของ Boyden จึงทาํ ใหก ารนําเหล็กหลอ เหนียวมาใชในงานอตุ สาหกรรมตา ง ๆ มากขึน้ เหลก็ หลอ เหนียว ผลติ ไดโดยการนําชิ้นงานที่ทําจากเหล็กหลอสีขาว มาทําการอบออน (Annealing) เพือ่ เปล่ยี นธาตคุ ารบ อนท่ีอยใู นรูปซเี มนตไตต (Fe3C) ในเหล็กหลอสขี าว ใหตกผลึกออกมาเปน คารบอน อิสระซ่งึ ทําใหความแขง็ ของเหล็กหลอสขี าวลดลง งานก็จะมีความเหนยี วเพ่มิ ขึ้นในการทําการอบออ น จะใช เวลานานขนาดไหนขึน้ อยู กบั รูปรางและขนาดความหนาของงานน้นั ๆ ภาพที่ 2.25 โครงสรา งเหล็กหลอเหนยี ว เหล็กหลอเหนยี วมี 2 ชนดิ คอื 1) เหลก็ หลอ เหนียวสดี าํ (Black Heart Malleable) ทําไดโดยนํางานที่เปนเหลก็ หลอ สขี าวมาทาํ การอบออนที่อุณหภูมิประมาณ 900 องศาเซลเซียส จากน้ันปลอ ยใหเ ยน็ ตวั ลงอยาง ชา ๆ ภายในเตาอบ เพ่ือทําใหคารบ อนทผี่ สมอยใู นเนื้อเหล็กตกผลึกมาเปนอิสระ ซง่ึ เม่อื เรานาํ ชน้ิ งานมาหกั ดเู นื้องานภายในจะ เปนสีดาํ ซึง่ จะมคี ุณสมบตั ใิ นการยดื ตวั และความเหนยี วดขี ้นึ
วชิ า : วสั ดุชา งอตุ สาหกรรม ใบเน้ือหา 31/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ 2) เหลก็ หลอเหนยี วสขี าว (White Heart Malleable) ทาํ ไดโดยนํางานท่ีเปน เหลก็ หลอ สีขาวมาทํากา รอบออนท่อี ุณหภูมปิ ระมาณ 1,020 องศาเซลเซียส จากนั้นปลอยใหเยน็ ตวั ลงอยา ง ชา ๆ ภายใน เตาอบ เมอื่ นําช้นิ งานมาหักดูเนอื้ ภายในจะเปนสีขาว จะมคี ุณสมบตั ิคลา ยเหล็กหลอ เหนยี วสีดํา แตจ ะมกี ารยืดตวั นอ ยกวา เหลก็ หลอ เหนียวนาํ มาใชทาํ ชนิ้ สว นของรถยนต เครอ่ื งจกั รทใ่ี ชใ นงาน เกษตร เครือ่ งจกั รทอผา อุปกรณใ นงานประปา คณุ สมบตั ิ 1. มเี ปอรเ ซ็นตคารบ อนตํา่ (1.8%) 2. ทนตอความเคนแรงดงึ 3. มสี วนยดึ ตัวเครียดไดมากขึ้น 4. สามารถตีขนึ้ รูปได 5. สามารถอาบสงั กะสไี ด 6. ชุบใหแ ข็งไดด วยความรอ น 7. บดั กรีไดท งั้ บดั กรีออนและบัดกรีแข็ง 8. สามารถเชือ่ มได ประโยชน 1. ใชทาํ ช้ินสวนตา ง ๆ ของรถยนต 2. ใชท าํ ช้นิ สว นของเครือ่ งจกั รในงานเกษตร 3. ช้นิ สวนเครือ่ งจักรโรงงานทอผา 4. หัวเผาแกส (Gas Burner) 5. หวั เผานาํ้ มนั 6. อปุ กรณง านประปาตา ง ๆ เชน ทําขอตอทอปมน้ํา 7. ช้นิ งานหลอ บาง ๆ ทีใ่ ชในสาํ นักงาน รปู ท่ี 2.26 คารบูเรเตอรทาํ จากเหลก็ หลอ เหล็กหลอ เหนยี วสดี าํ หรือ เหลก็ หลอมัลลเิ อเบิล้ แบลคฮารท (Malieable Black Heart) สญั ลกั ษณ GTS ผลติ ดวยกรรมวิธีอเมริกนั เหลก็ หลอชนดิ นที้ ําโดยนาํ เหลก็ ดิบสขี าวไปหมกทรายไวก นั
วชิ า : วสั ดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเน้ือหา 32/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ ไมใหออกซิเจนเขาไปได แลวใหความรอ น 950°C ในการอบทิง้ ไวหลาย ๆ วนั ทาํ ใหคารบอนลดลง เมด็ เกรน จะมสี ีดาํ คุณสมบตั แิ ละประโยชนใ นการใชง านเหมอื นกับเหลก็ หลอ เหนียวสขี าวหรือเหล็กหลอมลั ลิเอเบิ้ล ไวทฮารท เหลก็ หลอกราไฟตกอนกลม (Nodular Cast Iron) เหลก็ หลอ กราไฟตกอ นกลม เปนเหล็กหลอทส่ี มาคมชางหลออเมริกา (American Foundryman’s Society) คน พบเมอื่ ป ค.ศ. 1948 ตอมาเหล็กหลอ ชนดิ นีไ้ ดรับการพัฒนา และปรับปรุงโดย British Cast Iron Research Association (BCIRA) โดยการใชซ เี รียม (Cerium) ใสลงในเหลก็ หลอ ท่หี ลอมเหลว อยู ซเี รียมจะเปนตัวดึงกํามะถันออก แลว ตัวซเี รียมจะเหลืออยูในเหล็กประมาณ 0.02% ทาํ ใหก ราไฟตจบั ตวั เปนกอ นกลม สวนกรรมวธิ ีของบริษทั Internation Nickle Company (INCO) ใชแมกนเี ซยี ม (Magnesium) ใสล งในเหล็กหลอท่ีหลอมเหลวอยู ทําใหก ราไฟตจับตัวกันเปน กอนกลม เหลก็ หลอกราไฟต กอนกลม เปนเหลก็ หลอ ทร่ี วมคณุ สมบตั ิทดี่ ีของเหลก็ หลอสีเทา (จุดหลอมเหลวต่ํา ไหลตัวดี ตกแตง ดวย เครอื่ งจกั รกลไดดี ตา นทานตอการกระแทก) และเหล็กกลา (มคี วามแข็งแรง ความเหนยี ว ยืดตวั ไดด ี แข็งแรง สูง) เหล็กหลอ กราไฟตก อนกลม เหมาะท่จี ะนาํ ไปทําโครงสรา งเครื่องจกั รกลขนาดใหญ เครือ่ งจักรกลการ เกษตร เพลาขอเหวยี่ ง และเฟอ ง เปน ตน ภาพที่ 2.27 โครงสรา งเหล็กหลอกราไฟตกอ นกลม เหลก็ หลอพิเศษกราไฟตก อนกลม (Spherical Graphite Cast Iron) เหลก็ หลอ ชนดิ นีม้ ีธาตุแมกนเี ซียม และนิกเกลิ ประสมอยใู นเนอ้ื เหล็ก ทาํ ใหค ารบอนอยูในรปู ของกราไฟตจับตัวกันเปน กอ นกลม ๆ
วชิ า : วสั ดุชา งอุตสาหกรรม ใบเนือ้ หา 33/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ คณุ สมบัติ 1. ทนตอความเครยี ดไดด มี าก เพราะมีอตั ราการยดื ตัวประมาณ 1-5% 2. งอโคงไดโ ดยไมมีรอยแตกรอยปรใิ นเนอ้ื เหลก็ 3. ทนตอ การสึกหรอไดด ี 4. ทนตอ ความรอ นไดดี 5. สามารถนาํ ไปตขี ้ึนรูปได 6. สามารถรบั แรงกระแทกไดดี 7. สามารถชบุ ผวิ ใหแ ข็งไดดวยวิธีเผาดวย เปลวไฟหรอื เตาแรงเหนีย่ วนําไฟฟา 8. ความแข็งและความเปราะลดลงทาํ ใหก ลงึ กัด ไส เจาะไดงา ย ประโยชน 1. ใชทําชน้ิ สว นเครอื่ งยนต เชน เพลาขอ เหวย่ี ง 2. เครอ่ื งมือการเกษตร 3. ช้นิ สวนเรือเดินทะเล 4. โครงสรา งเคร่อื งจักรขนาดใหญ 5. ทอ สง น้าํ 6. ทอ สงแกส เหล็กหลอพิเศษชนดิ นถี้ า ตอ งการกลึง ใหก ลงึ ดวยมดี ที่ทําดวยโลหะแขง็ ความเร็วรอบตัดสูง เหลก็ หลอพิเศษมแี ฮนไนต (Spherical Mehandnite Cast Iron) เหลก็ หลอ ชนิดน้ผี ลิตโดยชาวอเมริกนั เปน เหลก็ หลอ ชนิดดี ราคาแพง คารบ อนจะอยูในรูปของกราไฟต แตอ ยอู ยางกระจดั กระจายคลายก่งิ ไผ ช้นิ งาน หลอ ท่ไี ดจะไมมคี วามเคน เหลอื อยูในเน้ือช้ินงานเลย ไมม ีความคดงอผดิ จากขนาด ไมม รี อยปริหรือรอยแตก ไมม รี อยเวาลกึ เขา ไปในเนือ้ คุณสมบตั ิ 1. ราคาแพง 2. เปนหลอชนิดดเี ยีย่ ม 3. มคี วามเคนแรงดันโคงสงู 4. มีความเคนแรงดึงสงู 5. มคี วามเคนแรงอัดสูง
วิชา : วัสดุชา งอุตสาหกรรม ใบเนื้อหา 34/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ รปู ที่ 2.28 เสอ้ื สบู เครอื่ งยนตทําดวยเหล็กหลอพเิ ศษมแี ฮนไนต ประโยชน 1. ใชท ําเสื้อสบู เครอ่ื งยนต 2. เสาคอลมั น 3. เครื่องมอื กล 4. รูนาํ สงลิ้นหรอื วาลวไกด รปู ที่ 2.29 เมด็ เกรนของเหล็กหลอ มีแฮนไนต เหล็กเหนียวหลอ มสี ญั ลกั ษณวา GS เหลก็ เหนยี วหลอชนิดนีจ้ ะผดิ กบั เหลก็ หลอในขณะท่ีนาํ เหล็ก เหนียวมาหลอมนั้น เหลก็ ดิบท่ใี ชจ ะตอ งมีธาตฟุ อสฟอรัสประสมอยมู าก เพือ่ สะดวกในการเทน้าํ เหล็กไดงา ย นอกจากนยี้ งั เตมิ เศษเหล็กเหนียวลงไปดว ยประมาณ 1 ใน 3 ของเหลก็ ดิบ ชิน้ งานทท่ี าํ จากเหล็กเหนียวหลอ เมื่อหลอเสรจ็ แลว ตองนําไปอบรอนเพื่อคลายความเคน แรงดงึ ภายในเนอื้ เหลก็ ออกดวยเตาที่ใชหลอมเหล็ก เหนยี วหลอเปน เตาไฟฟา
วิชา : วัสดุชางอตุ สาหกรรม ใบเนอ้ื หา 35/74 หนวยการเรียนที่ 2 : โลหะ คณุ สมบตั ิ 1. มีคารบ อน 0.25-0.6% 2. ชุบใหแ ขง็ ทง้ั แทง ได 3. ทนตอการสึกหรอ 4. มผี ิวแขง็ 5. มคี วามเคน แรงดึงและมีความแข็งแรงมาก ประโยชน ใชทําผานของรถไถนา หรือแผนเหลก็ ขดุ ดนิ ของรถไถนา เหลก็ หลอ ผสม (Alloy Cast Iron) เหลก็ หลอ ผสมเปนเหลก็ หลอ ทผ่ี สมโลหะ หรือธาตุ ตางๆเขา ไปในขณะหลอมละลาย โครเมยี ม ทงั สเตน โมลบิ ดนี ัม วาเนเดียม เพอ่ื ทาํ ใหค ณุ สมบัตบิ างอยางดขี ึน้ และเหมาะสมกับการนําไปใชงานเฉพาะอยางไดดี เชน ทนตอ การสกึ หรอ (Wear Resistance) ทนตอ การกดั กรอ น (Corrosion Resistance) ทนตอ ความรอน (Heat Resistance) เหล็กหลอ ผสมสามารถผลติ ใหม ีคุณสมบัติ เหมาะสมกบั อุตสาหกรรมตา ง ๆ ได อยางกวางขวางทุกประเภท ตารางท่ี 4 ลกั ษณะงานของเหลก็ หลอ ลําดับ ชนิดของเหลก็ หลอ ตวั อยางงาน 1 เหลก็ หลอ ขนึ้ รปู ทวั่ ไป เสาคอลมั น เตาเหล็ก ทอนาํ้ ท้งิ 2 เหลก็ หลอ ทาํ เครือ่ งจกั รกลชนดิ ทัว่ ๆ ไป เสาโคมไฟ รปู ปน ตาง ๆ เปน เหลก็ หลอ ทีต่ องการ ความสวยงาม 3 เหล็กหลอละเอยี ด งานสรางเครือ่ งจักร เคร่อื งมือกลทว่ั ไป 4 เหลก็ หลอ ทําเคร่ืองจกั รกลชนิดดี กระบอกสบู แหวนลูกสูบ ลูกสบู เคร่ืองจักรไฟฟา 5 เหล็กหลอทําเครอื่ งจกั รกลท่ตี อ งมี ฟนเฟอ ง ลกู สบู ไฮโดรลิก แผน ภายในนอลมลิ ล คุณสมบัตแิ มเหล็ก ลอรถไฟ ลกู กล้ิงตา ง ๆ ในเครือ่ งพิมพ เคร่ือง 6 เหล็กหลอ แขง็ (GH) นาํ กระดาษ ฯลฯ ปม นาํ้ กรด ภาชนะตม ผลติ สบู 7 เหลก็ หลอทท่ี นกรดและทนดาง เตาไฟ หลอดไฟ ภาชนะหลอมโลหะ 8 เหลก็ หลอ ทนไฟ ทงั่ ตีเหลก็ เหลก็ รัดปลอง เหลก็ หามลอรถไฟ 9 เหลก็ หลอพเิ ศษ
วิชา : วัสดชุ า งอุตสาหกรรม ใบเนอ้ื หา 36/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ ขอควรจําเม่อื ปฏิบัตงิ านเกยี่ วกบั เหล็กหลอ เหลก็ หลอ ผวิ นอกจะแขง็ มาก เวลาปาดผิวนอกจงึ ตอ งใชแ รงมากกวาปกติชา งจะตอ งรูจักระวงั สว นผวิ ภายในจะออ น ปาดออกไดง า ย คาํ ศพั ทป ระจําบท 1. GG แปลวา เหล็กหลอ สเี ทา 2. GH แปลวา เหล็กหลอแข็ง 3. GT แปลวา เหล็กหลอ เหนยี ว 4. GTW แปลวา เหล็กหลอเหนยี วสีขาว 5. GTS แปลวา เหล็กหลอเหนียวสดี าํ 6. GGG แปลวา เหล็กหลอ โนดลู าร 7. GS แปลวา เหลก็ เหนยี วหลอ มาตรฐานหลัก เหลก็ เม่ือถกู นาํ ไปใชง าน เพื่อใหเกิดความเขาใจท่ตี รงกันเก่ยี วกบั ชื่อ, คณุ ภาพ, คุณลกั ษณะ, สวนผสม ฯลฯ จงึ ไดมกี ารกําหนดมาตรฐานข้ึนมาใช ประเทศไทยไดนาํ มาตรฐานเหลก็ มาใชโ ดยทว่ั ๆ ไป มี 4 มาตร ฐาน คือ 1. มาตรฐานเหลก็ เยอรมัน (DIN) 2. มาตรฐานเหลก็ อเมรกิ า (SAE/AISI) 3. มาตรฐานเหล็กญ่ีปนุ (JIS) 4. มาตรฐานเหล็กไทย (มอก.) เหล็กทง้ั 4 มาตรฐานสามารถนํามาเปรยี บเทยี บเกรดหรอื คณุ ภาพกันได โดยบรษิ ัทผจู ําหนายเหลก็ จะ ทาํ คูมอื หรือเรียกวา “ใบทะเบยี นเกรด” เพอ่ื บอกรายละเอยี ดของตนเองเปรียบเทียบกบั มาตรฐานตา ง ๆ ไว แต ในทนี่ จ้ี ะขอกลาวถงึ รายละเอียดตามมาตรฐานโดยทวั่ ๆ ไปกอ น 1. มาตรฐานเหลก็ เยอรมัน (DIN: Deutsche Industrial Norms) การกาํ หนดมาตรฐานเหลก็ ของเยอรมนั แบงออกเปน 3 ประเภท คอื 1.1 เหลก็ ไมป ระสมหรอื เหลก็ กลาคารบอน (Unalloyed Steel) 1.2 เหล็กประสม (Alloy Steel) 1.3 เหลก็ หลอ (Cast Iron)
วชิ า : วสั ดชุ า งอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 37/74 หนวยการเรียนท่ี 2 : โลหะ 1.1 เหลก็ ไมป ระสมหรอื เหลก็ กลา คารบอน (Unalloyed Steel) กาํ หนดมาตรฐานได 2 รปู แบบคือ ก. กําหนดมาตรฐานดว ยคาความเคนแรงดึงสูงสุด (Maximum tensile strength) เพอ่ื สะดวกใน การนาํ ไปใชงานไดเ ลย ไมตองนําไปปรบั ปรุงคุณสมบัติกอนการใชงาน โดยมีหนวยคา ความเคนแรงดงึ เปน dan/mm2 หรือ M.M/มม2 ; * da = คณู ดว ย 10 ตัวอยา ง สญั ลักษณม าตรฐานเหล็กเยอรมัน DIN 1611 St 42 St หมายถงึ เหล็กกลาคารบอนใชงานไดเ ลย บางครัง้ เรียกวา เหล็กโครงสรา ง (Structural Steels) 42 หมายถึง ทนแรงดงึ สูงสุดได 42 da นิวตัน/มม2 42 U 10 = 420 นวิ ตนั /มม2 หรือ 42 mm/มม2 สัญลักษณเหลก็ ประเภทนีม้ รี ายละเอียดมากกวาน้ี นกั ศึกษาควรศกึ ษาในข้นั สงู ตอไป ข. กําหนดมาตรฐานดว ยสว นผสมและการผานกระบวนการทางความรอ น (Heat Treatment) โดยกาํ หนดปรมิ าณของธาตุคารบ อน (C) มาให ตวั อยา ง สัญลกั ษณ C 40 ธาตคุ ารบอน ปริมาณธาตุ C = 40/100 = 4% หมายถึง เหลก็ ท่ีตองผานกระบวนการทางความรอนกอ นนาํ ไปใชง านมีปรมิ าณธาตุคารบ อนเทา กบั 4% (ธาตคุ ารบ อนตอ งหารดวย 100 กอ นเสมอ) ในบางคร้ังเหลก็ ประเภท ก. และ ข. อาจเรียกแทนกนั ไดข ึ้นอยูกับ การนําไปใชงาน เชน เหลก็ S + 37 ถาเขียนแบบ ข. กค็ อื เหล็ก C20 นั่นเอง 1.2 เหล็กประสม (Alloy Steels) แยกเปน 2 ประเภท คือ ก. เหลก็ ประสมตาํ่ (Low Alloy Steels) คือ เหล็กท่ีมีสว นผสมของธาตอุ น่ื นอกจากเหล็กรวมกนั แลวไมเกนิ 5% มมี าตรฐาน เขียนไดด งั น้ี 16 Mn Cr 5 ปรมิ าณธาตแุ มงกานสี = 5/4 = 1.25% ธาตโุ ครเมียม(ไมแสดงตวั เลขแสดงวา มีเลก็ นอ ย) ธาตุแมงกานสี ธาตุ C = 16/100 = 1.6% การแปลสญั ลกั ษณของธาตุตางในเหล็กมาตรฐานน้ี ธาตุตา ง ๆ จะมตี ัวหารดังน้ี หารดว ย 4 : Co Cr Mn Ni Si W หารดวย 10 : Al Cu Mo Ti Vi Pb
วิชา : วสั ดุชางอตุ สาหกรรม ใบเน้อื หา 38/74 หนวยการเรียนท่ี 2 : โลหะ หารดว ย 100 : CNP S จากตัวอยาง ธาตตุ า ง ๆ คอื C = 1.6%, Mn = 1.25%, Cr = เล็กนอ ย ผลรวมธาตุอน่ื นอกจากเหลก็ = 1.6 + 1.25 = 2.85% ในบางการเขียนสญั ลกั ษณเ หล็กชนดิ นอี้ าจบอกกรรมวิธกี ารผลติ ไวดวย เชน E - 34 Cr Mo 4 ปรมิ าณธาตุโครเมยี ม = 4/4 =1% ธาตุโมลิบตินัม(มเี ล็กนอย) ธาตโุ ครเมยี ม ธาตคุ ารบอน 34/100 = 3.4% เหลก็ ผลติ จากเตา Electro-Steel สญั ลกั ษณก รรมวิธีการผลติ จากเตาชนิดตา ง ๆ M = Siemeno - Martin - Steel T = Thomas - Steel E = Electro - Steel U = Unkilled - Steel (Rimmed Steel) R = Killed - Steel RR = Double - Killed Steel ข. เหล็กประสมสงู (High Alloy Steels) คือ เหล็กประสมท่มี ธี าตุอื่นนอกจากเหลก็ รวมกนั แลว เกิน 5% ข้ึนไป สญั ลักษณจ ะมอี กั ษร “X” นาํ หนา ปริมาณธาตคุ ารบ อน (C) ตอ งหารดวย 100 สวนธาตุอื่นไม ตองหาร ตัวอยา งสัญลกั ษณ X 42 Cr Ni Ti 18 9 ปรมิ าณนกิ เกิล = 9% ปริมาณโครเมยี ม = 18% ธาตุไทเทเนยี ม(มีเลก็ นอย) ธาตนุ กิ เกิล ธาตุโครเมียม ปรมิ าณคารบอน42% ชนิดเหล็กประสมสงู
วิชา : วสั ดุชา งอตุ สาหกรรม ใบเน้ือหา 39/74 หนว ยการเรยี นที่ 2 : โลหะ 1.3 เหล็กหลอ (Cast Iron) การเขยี นสญั ลกั ษณข องเหลก็ หลอ จะเขียนนาํ ดวยสญั ลักษณแ ทนชนดิ ของเหลก็ หลอและตามดว ย ตวั เลขแทนคา Max. Tensile strength (GS-45) หรืออกี แบบหนึง่ คือ จะเขยี นนําดว ยชนดิ ของเหลก็ หลอ และ ตามดว ยจํานวนเปอรเ ซ็นตค ารบอนโดยเขยี น C กํากบั มาดวย (GS-025) หรอื เขียนตามดวยวสั ดปุ ระสม (GS-22 CrMo 54) สัญลักษณท ่ใี ชแทนเหล็กหลอ ชนดิ ตาง ๆ GS - Steel Casting GG - Grey cast iron GGG - Globular Grey cast iron GT - Malleable cast iron GTS - black malleable cast iron GTW - white malleable cast iron ตัวอยาง GS – 45 = เหลก็ เหนียวหลอ มี Max. Tensile strength 45daNmm2 GS – C25 = เหลก็ เหนียวหลอ มคี ารบอนผสมอยู 0.25% และลกั ษณะของเหล็กนจี้ ะ ตอ งผสมซิลิกอน 0.4% และแมงกานีส 0.05% คงทีเ่ สมอ GS – 22 CrMo 54 = เหลก็ เหนยี วหลอท่ีผสม ดวยคารบอน 0.22% ซิลกิ อน และ แมงกานีสคงท่ี 0.4% และ 0.65% ตามลําดับ และโครเมยี ม 5/4 = 1.25%, โมลบิ ตินมั 4/10 = 0.4% Alloyed steel casting E 25 Cr Mo 5 6 GS - 6/10 % โมลิบตินมั 5/4 % โครเมยี ม โมลบิ ตินัม โครเมยี ม 25/100 % คารบ อน Electric Furnace Casting Steel
วชิ า : วัสดุชางอุตสาหกรรม ใบเนือ้ หา 40/74 หนว ยการเรียนท่ี 2 : โลหะ ตัวอยางการใชงาน เหลก็ ไมผ สม (Unalloyed Steel) St. 37 : เหล็กโครงสรา งซึง่ มี Ultimate Strength 37daNmm2 โครงสรา งท่วั ไปเหมาะในการเช่ือม C 22 : Unalloyed steel มี 0.22% C ใชส าํ หรบั ทาํ ชน้ิ สวนเคร่ืองจกั รกล C 35 V 70: Unalloyed steel มี 0.35% C ผานการ Heat Treating ทาํ ใหม ี Ultimate strength 70daNmm2 ใหท ํา ชน้ิ สว นเครอื่ งกลการเกษตร เชน รถแทรกเตอร Ck 45 : Unalloyed steel 0.45% C และมีฟอสฟอรสั และกาํ มะถนั เลก็ นอย สว นมากใชทําพวก Machine tool steel เชน เพลา C 60 W3 : Unalloyed tool steel 0.6% C ใชทําเครอื่ งมือ เชน สกัด Punch เหลก็ ผสมตํา่ (Low alloyed steel) 15 Cr 3 : Low alloyed steel 0.15% C 3/4% Cr. ใชท าํ เฟอ ง ชบุ ผิวแขง็ ภายในเหนยี ว 13 Cr V 53: Low alloyed steel 0.13% C 5/4% Cr3/4% V ใชเ ฟอ งที่ทนความรอ น 13 Cr Mo 44: Low alloyed steel 0.13% C 4/4% Cr4/10% Mo ทนความรอ น 9 S 20 : Low alloyed steel 0.09% C 0, 2% S automatic steel 50 Cr V 4: Low alloyed steel 0.5% C 4/4% Cr มี V เลก็ นอย ใชท ําพวก Spring 25 Cr Mo 56: Low alloyed steel 0.25% C 5/4% Cr 6/10% Mo Heat resisting EB 13 Cr V 5: steel ทใี่ ชหลอมดว ยเตาไฟฟา ผนงั เตาพอกดว ยตาง มี Strength สูง GS-E 25 Cr Mo 56: Cast steel หลอมดวยเตาไฟฟา 0.25% C5/4% Cr6/10% Mo มี Ultimate Str. = 65daNmm2 Heat resistance High alloyed steel - High alloyed steel 0.1% C 18% Cr 8% Ni Stainless steel X 10 Cr Ni 188 - High alloyed steel 0.75% C 18% W 4% Cr High speed steel X 75 W Cr V 184 - High alloyed steel 0.1% C 18% Cr 10% Ni 1% Mo X 10 Cr Ni Mo Ti 18 101 ทนตอ การกดั กรอน
วชิ า : วสั ดชุ า งอตุ สาหกรรม ใบเนื้อหา 41/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ หมายเลขวัสดุ (Material No.) หมายเลขวัสดุเพอ่ื ความเปนระเบยี บของวสั ดทุ ุกชนิด และเพ่ือสําหรับคอมพวิ เตอร หมายเลขวัสดุ 7 ตาํ แหนง,ตําแหนง ที่ 1 แสดงถงึ วัสดหุ ลกั เลขตาํ แหนง 2 ถงึ 5 เลขแสดงชนิดเลขหอ ยทาย ตาํ แหนง 6 และ 7 หมายเลขสาํ หรบั วัสดุหลัก จากเลข 7 ตาํ แหนงแสดงใหทราบดงั นี้ : 0 เหลก็ ดบิ และธาตปุ ระสมไมบ ริสุทธิ์ 1 steel วสั ดตุ ําแหนง 1 2 โลหะหนกั เลขแสดงชนิด (ตาํ แหนง 2 ถงึ 5) 3 โลหะเบา เลขหอ ยทา ย (ตาํ แหนง 6 ถึง 7) 4 ถึง 8 อโลหะ ระบบวสั ดุหลัก 1 : Steel 9 ใชไดทกุ ชนิด 1 วัสดุหลกั 1: steel 1. เกรดและคณุ ภาพจัดอยใู นหมวดของโลหะประสมพิเศษ หมายเลขตําแหนง 4 และ 5 จะไมแ สดงถงึ สวนประสม หมายเลขชนิด, ตาํ แหนง 2และ3ชนิด หมายเลขชนดิ , ตําแหนง 4และ5ชนิด เบอรเลข 1. เลขหอยทา ย, ตาํ แหนง 6:การRefining Process 2. เลขหอ ยทาย, ตําแหนง7 : Heat treatment ความหมายของเลขชนดิ ตําแหนง 2 และ 3
วชิ า : วัสดุชางอุตสาหกรรม ใบเนอ้ื หา 42/74 หนว ยการเรยี นที่ 2 : โลหะ เลขชนดิ ชนดิ เลขชนิด ชนิด 00 เปล่ียนแปลงและเกรดโลหะหลกั 20…28 เหล็กเคร่ืองมอื 01…02 เหลก็ โครงสรา งทว่ั ๆ ไปไมป ระสม 32…33 เหล็ก High speed 03…07 เหล็กคุณภาพ ไมป ระสม 34 เหล็กทนตอการสกึ หรอ 08…09 เหล็กคณุ ภาพ ประสม 35 เหลก็ Bearing 90 36…39 เหล็กที่มีคณุ สมบตั พิ เิ ศษทางฟสกิ ส ชนิดพิเศษ, เปล่ยี นแปลงและเกรดโลหะ 40…45 เหลก็ ปลอดสนมิ 91…99 หลัก ชนดิ พิเศษอื่น ๆ เหลก็ พิเศษประสม 47…48 เหล็กทนความรอ นสูง 10 เหล็กท่มี คี ณุ สมบตั พิ เิ ศษในทางฟส ิกส 50…84 เหล็กโครงสรา ง 11…12 เหล็กโครงสราง 85 เหล็ก Nitride 15…18 เหลก็ เคร่อื งมือ 88 ประสมแข็ง เหล็กหลอ และเหล็กเหนียวหลอ GG – 26 : เหล็กหลอ มี Ultimate strength 26daNmm2 GGG – 42 : เหลก็ หลอ graphite กอ นกลม ใชห ลอ ขอ เหวยี่ ง เพลาหลัง เพลาลกู เบ้ยี ว GS – 38 : Cast steel ultimate St.38daNmm2 ใชท ําหางปลาเรอื GTW - 35 : ใชท ําของอทอ นาํ้ 2. มาตรฐานเหลก็ อเมริกัน มาตรฐานเหล็กอเมริกันแยกเปน 2 มาตรฐาน คอื
วชิ า : วัสดุชา งอตุ สาหกรรม ใบเนื้อหา 43/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ 2.1 มาตรฐาน AISI (The American Iron and Steel Institute) 2.2 มาตรฐาน SAE (The Society of Automotive Engineers) กาํ หนดมาตรฐานใชต ัวเลข 4 ตวั เปน ตวั กําหนด โดยตวั เลขตัวทห่ี นงึ่ บอกชนดิ ของเหล็กวา เปน เหล็กอะไร เลขตวั ท่สี องเปนตวั บอกปริมาณสวนผสมในเนื้อเหลก็ และสองตัวสดุ ทา ยบอกถึงปริมาณ คารบอน 10 XX = เหลก็ คารบอนธรรมดา 11 XX = เหล็กคารบ อนทเ่ี หมาะสมแกง านปาดผิว 13 XX = เหล็กแมงกานสี (Mn 1.75%) 2 XXX = เหล็กนกิ เกลิ 3 XXX = เหล็กโครเมยี มและนกิ เกลิ 40 XX = เหล็กโมลิบดนิ มั (Mo 0.2-0.25%) 41 XX = เหล็กโมลิบดนิ มั (Cr < 0.95%, Mo < 0.30%) 43 XX = เหล็กโมลบิ ดนิ ัม โครเมยี มและนิกเกลิ (Mo 0.25%, Cr < 0.80%, Ni 1.83%) 46 XX = เหล็กโมลิบดินัมและ < 1.83% นิกเกิล 48 XX = เหล็กโมลิบดนิ มั และ 3.50% นกิ เกลิ 5 XXX = เหลก็ โครเมยี ม 6 XXX = เหลก็ โครเมยี มและวาเนเดยี ม 7 XXX = เหลก็ โครเมยี มและวลุ แฟรม 9 XXX = เหล็กซิลกิ อนและแมงกานีส
ความหมายของเลขหอยทา ย 1. เลขหอ ยทา ย ตําแหนง 6 2. เลขหอ ยทา ย ตาํ แหนง 7 วชิ า : วัสดุชางอตุ สาหเกลรขรม เลข Refining processหนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ กรรมวใิธบี เ(นHอ้ื eหatาTreatm44e/n7t4) 0 ไมแนน อนหรอื ไมมคี วามหมาย 0 ไมม หี รอื เปลย่ี นแปลง 1 เหลก็ โทมัสหลอ ไมเงยี บ (Unkilled) 1 Normalizing 2 เหลก็ โทมสั หลอเงียบ (Killed) 2 Soft anncaling 3 การหลอมดวยวธิ อี ืน่ ๆ หลอ ไมเงียบ (Unkilled) 3 ใหความรอนเพ่ือจะปาดผิวได งา ย 4 การหลอมดวยวธิ อี ่ืน ๆ หลอ เงียบ (Killed) 4 ทําใหเ หนยี ว(tough Heat treatment) 5 เหลก็ Siemens-martin หลอ ไมเงยี บ 5 Heat Treatment 6 เหลก็ Siemens-martin หลอ เงยี บ 6 ทําใหแ ขง็ (Hard Heat treatment) 7 เหลก็ เตา oxygen หลอ ไมเงยี บ 7 ขึ้นรูปแบบเยน็ (Cold Forming) 8 เหล็กเตา oxygen หลอเงียบ 8 สปริงแข็งขึน้ รูปแบบเย็น 9 เหลก็ เตาไฟฟา 9 เปล่ียนแปลงพเิ ศษตามกําหนด ตัวอยาง หมายเลขวสั ดทุ ่ีสมบูรณส ําหรบั St 37-2 (DIN 17 100) เหล็กหลอ เงยี บ S-M Steel Normalizing:10112.61 ระบบวัสดุหลกั 2 (โลหะนอกกลมุ เหลก็ -โลหะหนกั ) และ 3 (โลหะเบา) หมายเลขชนิด 4. ตาํ แหนง แสดงถงึ สวนประสม เปน สัดสวนกบั โลหะหลัก, ชนิด และจาํ นวน ธาตุสะสม 1. หมายเลขหอ ยทาย (ตาํ แหนง 6) แสดงถึงการผานกรรมวิธี 2. เลขหอยทาย (ตําแหนง 7) หมายถงึ การผา นขัน้ การทาํ งาน ซง่ึ ใหไดตามกรรมวธิ ีซ่ึงเปนอยูกับความแตกตา งของวสั ดุ หมายเลขวัสดุ การแบง หมายเลขชนดิ ความหมายของ 1.เลขหอยทา ย ตําแหนง 6 โลหะหลัก เลข กรรมวิธี 2.0000...2.1799 ทองแดง 0 คงเดมิ 2.2000...2.2499 สังกะสี, แคทเมียม 1 ออน
วชิ า : วสั ดุชา งอตุ สาหกรรม ใบเนื้อหา 45/74 หนว ยการเรียนที่ 2 : โลหะ การเขยี นสัญลักษณต ามมาตรฐาน SAE ตวั อยาง SAE 2310 SAE 2 3 10 ปรมิ าณธาตคุ ารบ อน 10/100 = 0.1% ปรมิ าณนกิ เกลิ เหลก็ นิกเกิล ชื่อมาตรฐาน SAE การเขยี นสัญลกั ษณมาตรฐานเหลก็ อเมริกัน AISI จะมกี ารเขยี นเหมือนกบั SAE ตา งกนั ท่ี AISI จะมี สญั ลักษณ การใชเตาผลิตไวหนา ตวั เลข 4 ตวั ดงั ตัวอยาง ตัวอยา ง AISI E 43 20 ปริมาณธาตุคารบอน 20/100 = 2% กลมุ เหล็กผสมโมลบิ ดนิ มั , โครเนยี ม และนกิ เกลิ ชนิดเตาไฟฟา ชอ่ื มาตรฐาน สัญลักษณเ ตาผลติ เหลก็ A = เตา Bessemer ชนดิ ดาง B = เตา Bessemer ชนดิ กรด C = เตา Open Hearth ชนดิ ดา ง D = เตา Open Hearth ชนิดกรด E = เตาไฟฟา (Electric Furnace) มาตรฐาน AISI จะกาํ หนดมาตรฐานดังท่ีกลา วมาแลว สถาบนั AISI ยังกําหนดมาตรฐานเหลก็ ลา เครอื่ งมือตามลักษณะเทคนคิ การชุบแขง็ ซ่ึงปจ จุบันไดรบั การยอมรับจากผใู ชเ ปนจาํ นวนมาก โดยแบงเหล็ก เคร่อื งมือออกเปน 7 กลุม คือ
วชิ า : วัสดชุ างอุตสาหกรรม ใบเนอ้ื หา 46/74 หนว ยการเรียนท่ี 2 : โลหะ - เหล็กกลาชบุ แขง็ ดว ยน้าํ (Water Hardening) ใชสญั ลักษณ “W’ โดยแบงตามปริมาณคารบ อน ได 3 กลุม คือ กลุมแรกมีปรมิ าณคารบ อน 0.6-0.75% กลมุ น้จี ะใหความสาํ คญั ความเหนียวมากกวา ความแขง็ กลุมท่ีสองมปี รมิ าณคารบ อน 0.75-0.95% ใหค วามสาํ คัญความเหนียวและความแขง็ อยใู นเกณฑปานกลาง กลุมสามมปี รมิ าณ 0.95-1.4% กลุมนใี้ หความสําคัญกับความแขง็ สูง เหล็กเกรด “W” แบง ตามช้ันคุณภาพจะมี อยู 4 ชนั้ คณุ ภาพ คอื W1, W2, W4 และ W5 (รายละเอียดศึกษาจากคูมอื ) - เหลก็ กลา ทนแรงกระแทก (Shack – resisting) ใชสัญลักษณ “S” ใชส าํ หรบั งานท่มี ีการ กระแทกซ้าํ ๆ กนั มคี วามเหนียวเปนพเิ ศษมาตรฐานน้ี แบงชัน้ คณุ ภาพออกเปน 7 ชนั้ คือ S1-S7(รายละเอยี ด ศกึ ษาจากคมู ือ) - เหล็กกลาเครื่องมืองานเยน็ (Color Work Tool Steel) เปน หลกั ใชท าํ เคร่ืองมอื ตัด สําหรบั ใช งาน ณ อณุ หภมู ปิ กติ เชน กรรไกรตัดเหล็กงานแมพ มิ พตดั โลหะ เปน ตน สัญลกั ษณแ บง เปน 3 กลมุ คอื กลุม แรกใชสญั ลักษณ “O” มี 4 ชนั้ คุณภาพ O1, O2, O6, O7 เหล็กกลมุ มจี ะชุบแข็งดว ยนํา้ มนั (Oil hardening) กลุมท่ี สองใชสัญลกั ษณ “A” คอื ตอ งชุบแข็งดวยลม (Air hardening) แบงชนั้ คณุ ภาพเปน 8 ชั้นคุณภาพ คือ A2-A10 กลุม สามใชส ญั ลักษณ “D” เปน เหล็กทีม่ ีสว นผสมธาตคุ ารบอนและโครเมียมสงู ทําใหทนการศึกหรอไดเปน พิเศษ แบง ช้นั คุณภาพออกเปน 5 ชั้น คุณภาพตง้ั แต D2-D7 - เหลก็ กลา เครอื่ งมืองานรอน (Hot Working Tool Steel) ใชสาํ หรับงานทาํ เคร่อื งมอื ใชง าน ขณะรอน (Hot Working) ใชสัญลกั ษณ “H” แบง ชั้นคุณภาพเปน 3 กลุม คือ กลมุ แรก เปน ช้ันคณุ ภาพต้งั แต H10-H19 ชบุ แขง็ โดยนํ้ามันหรอื ลม ความแข็งหลงั ชบุ 40-50 HRC. กลุมสอง คอื ช้นั คณุ ภาพ H21- H26 ชุบดวย น้าํ หรือน้ํามนั ความแข็งหลงั ชุบเทากบั กลมุ แรกแตส ามารถรักษาคณุ สมบตั ิทางดา นความแข็ง ณ อณุ หภูมทิ ส่ี งู กวา กลุมสามชนั้ คุณภาพ H41-H43 มคี ุณสมบัตพิ ิเศษกวากลมุ แรก ตานทานการแตกราวไดด ีกวา และมีราคาถกู กวา การชุบตองใชเ ตาทค่ี วบคุมบรรยากาศ - เหลก็ กลาเครือ่ งมือความเร็วสูง (High Speed Tool Steels) เปน วสั ดสุ าํ หรับสรางเคร่อื งมอื ตดั เชน ดอกสวาน มีด กลงึ กดั ฯลฯ มาตรฐาน AISI จดั เหล็กกลมุ นี้ออกเปน 2 กลุมคอื กลุมแรก คือ กลุม ทังสเตนเปนหลกั (Tungsten Base) ใชส ญั ลักษณ “T” แบง ออกเปนชน้ั คุณภาพได 7 ชั้น ต้ังแต T1-T15(ราย ละเอียดศกึ ษาจากคมู ือ) - เหลก็ กลาเครือ่ งมอื แมพ มิ พพ ลาสตกิ (Plastic Mold Steed) เปน เหล็กมาตรฐานผลิตขึน้ มาใช สาํ หรบั ทําแมพ มิ พพ ลาสติก ใชสัญลักษณ “P” แบงออกตามการอบชบุ ได 3 กลุม คือ กลุมแรก เปนเหลก็ ทผี่ า น การชุบแข็งมากอน ชั้นคุณภาพ P20 และ P21สามารถนําไปใชงานไดเ ลย กลุมท่ีสองเปนเหล็กท่ใี ชสาํ หรบั การ ชุบแข็งพนื้ ผิว (Case Hardening Steel) ชั้นคณุ ภาพมตี ้ังแต P2-P5 กลุมสาม คือ กลุมท่ีใชสาํ หรบั งานท่มี ีแรงกด ดันมากและความแขง็ ที่ผวิ สงู การควบคมุ ขนาดภายหลงั การชบุ แข็งที่แนน อนสามารถชุบแข็งใหความแข็งท้งั
วชิ า : วัสดุชางอตุ สาหกรรม ใบเน้ือหา 47/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ ชิน้ ไมปรากฎมาตรฐานในกลุม P แตจะอยูในกลุม หลักกลาไรส นทิ มารเ ทนซิติก (AIAI 420)(ดูรายละเอยี ดจาก คูมอื ) - เหล็กกลาเครือ่ งมือพิเศษ (Special Purpose Tool Steel) เปนเหล็กกลาทผี่ ลติ ขน้ึ มามจี ดุ ประสงคการใชงานเฉพาะดาน สามารถแบง ได 2 กลมุ คือ กลุม สัญลักษณ “L” ประกอบดวยสว นผสมธาตุ คารบ อน 0.5-1.0% มีธาตหุ ลักคอื โครเมียม 0.75-1.5% มี 3 ชนั้ คุณภาพ คือ L2, L3, L6 (รายละเอียดดูจากคูมอื ) สวนกลมุ สญั ลกั ษณ “F” มี 2 ชน้ั คุณภาพ ธาตุผสมหลกั มเี พียงธาตุเดียวคอื ทังสเตน จึงใหคุณภาพทางดา น ความแข็งสูงกวาเหล็กเกรด W หลายเทา แบงชนั้ คณุ ภาพออกเปน 2 ชัน้ คอื F1 และ F2 (รายละเอยี ดดจู ากคมู ือ) 3. มาตรฐานญปี่ ุน (JIS : Japanese Industrial Standard) ระบบญป่ี นุ ตามมาตรฐาน JIS การกาํ หนดมาตรฐานแบงตามลักษณะของการใชงานออกเปนหมวด หมู ซ่งึ แตล ะประเภทหรือชนิดจะมสี ญั ลกั ษณเขยี นระบุไว ดังตัวอยา งเชน JIS G 4 4 0 1 - SK1 สญั ลักษณแทนประเภทของ เหลก็ ตวั แยกชนดิ ของเหลก็ ตามสว นสดั ตัวอยางประเภทของเหล็กในกลมุ น้ัน ๆ หมายถึงกลมุ ประเภทของเหลก็ หมายถงึ ประเภทของผลิตภัณฑอ ตุ สาหกรรม มาตรฐานของญี่ปนุ อักษรเปน ตวั บอกถึงวาเปน ผลิตภณั ฑอ ตุ สาหกรรมประเภทใด เชน A หมายถึง งานวศิ วกรรม กอสรา ง และสถาปตย G หมายถงึ โลหะประเภทเหล็กและโลหะ เปนตน ตวั เลขตวั แรกหมายถงึ กลุมประเภทของเหลก็ ซ่ึงไดแ ก 0 = หมายถงึ เรอื่ งท่ัว ๆ ไป 1 = วิธวี เิ คราะห 2 = วัตถดุ ิบเหลก็ ดิบ ธาตผุ สม 3 = เหล็กกลา คารบ อน 4 = เหลก็ กลาผสม 5 = เหล็กกลา หลอ และเหล็กหลอ 9 = เบด็ เตล็ดและคําแนะนํา
วชิ า : วัสดชุ า งอตุ สาหกรรม ใบเน้อื หา 48/74 หนวยการเรยี นท่ี 2 : โลหะ ตัวเลขทีส่ อง หมายถึงตัวบงหรอื แยกประเภทของเหล็กกลมุ นนั้ ๆ ไดแ ก 1 = เหลก็ กลา ผสมนิกเกิล-โครเมยี ม โครเมียม-โมลบิ ดินัม 2 = เหลก็ กลา ผสมอลมู เิ นยี ม-โครเมียม โครเมียม-โมลิบดนิ ัม 3 = เหลก็ ไรสนิม (เปน แทง ) 4 = เหล็กเคร่อื งมอื 8 = เหล็กทําสปรงิ 9 = เหลก็ กลาตา นทานการกกั รอนและความรอ น ตวั เลขสองตวั สุดทา ย จะเปน ตัวแยกชนดิ ของเหล็กตามสวนผสมของธาตุท่มี ีอยูในเหล็กนั้น ไดแ ก 01 = เหลก็ เคร่อื งมอื คารบ อน 02 = เหลก็ รอบสูง 03 = เหลก็ เคร่ืองมอื ผสม สัญลกั ษณ SK1 เปน สญั ลักษณใชเ ขียนแทนชนิดของเหล็ก ซ่ึงในทน่ี ี้ SK1 หมายถึงเหล็กเคร่ืองมือ คารบ อน ตัวอยา งมาตรฐาน JIS Jis G 4401 เหล็กเครอ่ื งมอื คารบอน (Carbon Tool Steel) สญั ลกั ษณ SK1-SK7 SK 1 1.30-1.50C, 0.50 Si, 0.50 Mn, 0.30 P, 0.030 S ใชท ําเครอ่ื งมอื ตัด ใบมีดโกน ตะไบคมมีด SK 2 1.10-1.30C, 0.35Si, 0.50Mn, 0.030P, 0.030S ใชท ําคัตเตอร ดอกสวาน SK 3 1.00-1.10C, 0.35Si, 0.50Mn, 0.030P, 0.030S ใชท าํ ดอกตดั เกลียว เล่ือยมอื เกจวัด Jis G 4403 เหลก็ กลาไฮสปด (High Speed Tool Steel) สญั ลกั ษณ SKH SKH 2 0.70-0.85C, 0.4Si, 0.4Mn, 0.03P, 0.03S, 3.8-415Cr, 17-19W, 0.8-1.2V ใชทําเครื่องมือตดั ทัว่ ๆ ไป สําหรับงานตัดทีต่ อ งใชค วามเรว็ รอบสงู SKH 3 0.7-0.85C, 0.4Si, 0.4Mn, 0.03P, 0.03S, 3.8-4.5Cr, 17-19W, 0.8-1.2V, 4.5-5.5Co ใชทาํ เคร่ืองมือตดั ตาง ๆ Jis G 4404 เหลก็ เคร่อื งมอื ประสม (Alloy Tool Steel) สญั ลักษณ SKS SKS 1 1.30-1.40C, 0.5-1.0Cr, 4.0-5.0W ใชทําเครอื่ งมือตดั และแมพมิ พ SKS 2 1.00-1.10C, 0.50-1.00Cr, 1.00-1.50W ใชทาํ ดอกทาํ เกลียวใน ดอกสวา น คตั เตอร แม พมิ พข้นึ รูป SKS 4 ใชทําสกดั แมพ มิ พต ัวผู (Punch) SKS 5 ใชทําเลอ่ื นวงเดอื น เล่ือยสายพาน SKS 7 ใชท าํ เลอ่ื ยมือ
วชิ า : วสั ดชุ างอตุ สาหกรรม ใบเนอื้ หา 49/74 หนวยการเรยี นที่ 2 : โลหะ Jis G 4801 เหลก็ ทาํ สปริง สัญลักษณ SUP 3 SUP 4 ใชทําสปรงิ แผนบาง Jis G 4804 ใชท ําสปริงขด Jis G 4805 Jis G 5101 เหลก็ คารบอนธรรมดา (Resulphurized Carton Steel) สัญลักษณ SUM SC 37 เหล็กกลาทําแบริ่ง คารบอน-โครเมยี ม สัญลักษณ SUJ SC 42 Jis G 4901 เหลก็ กลา หลอ (Carbon Steel Casting) สัญลักษณ SC Jis G 5121 Jis G 5122 ใชทาํ ชนิ้ สวนมอเตอรไ ฟฟา Jis G 5501 Jis G 5502 ใชทําโครงสรา งเครอ่ื งจกั รทั่ว ๆ ไป Jis G 5702 Jis G 5703 เหล็กกลาประสมทนตอการกดั กรอ น และความรอน สญั ลักษณ NCP Jis G 3103 Jis G 3302 เหล็กไรส นมิ หลอ สญั ลกั ษณ SCS Jis G 3112 Jis G 3350 เหลก็ กลา หลอตานทานความรอ น สญั ลกั ษณ SCH เหล็กหลอ สีเทา สัญลักษณ FC เหล็กหลอ แกรไฟตกอนกลม สัญลกั ษณ FCD เหล็กหลอ มลั ลเิ อเบ้ิล สดี าํ สัญลกั ษณ FCNB เหลก็ หลอมัลลเิ อเบลิ้ สขี าว สัญลกั ษณ FCMW เหล็กรีดสําหรบั โครงสรา งท่วั ไป สัญลักษณ SS แผนเหล็กชุบสงั กะสี สัญลกั ษณ SPG เหลก็ เสน งานกอ สราง สญั ลักษณ SDC เหล็กทอ ไลทเกจ สญั ลักษณ SSC 4. มาตรฐานเหลก็ ไทย (มอก.) สาํ หรับประเทศไทยเรามีมาตรฐานผลติ ภณั ฑอตุ สาหกรรมเรยี กกนั ยอ ๆ วา มอก. ซ่งึ สาํ หรับมาตร ฐานเหล็ก Standard for structural steel มแี ยกไวเ ปน หมวดหมูตามลกั ษณะการใชงาน สามารถใชงาน สามารถเปดหาดูไดจากคูมอื มาตรฐานผลติ ภัณฑอตุ สาหกรรม กระทรวงอตุ สาหกรรม ในเรื่องของเหลก็ ตาม เลขที่ มอก.
Search